ความคิดเห็นที่ 1 ง่าส์ ผมว่าด้วยความกลัวรถเจ้งอ่ะครับ เลยกลัวๆ กล้าๆ จังหวะที่ควรจะเร่งเสริมก็เกร็งไปหมด คือ ถ้าเหยียบคัน เร่งมิดแล้ว รถไม่ไปต่อ แสดงว่า รถหมดกำลัง ไม่ืรอด แต่ถ้า ก่อนขึ้นคลานมา ก็ต้องเข้าใจก่อนว่า การขึ้นเขา มันต้องมีแรงส่งพอสมควร แล้วจึงเหยียบเสริมครับ ไม่งั้นไม่ขึ้น เพราะยังไงๆ ก็เฉื่อยตอนปลาย แต่ต้อง ค่อยๆ ไต่ไปได้เรื่อยๆ มันก็สเต็ปแบบนี้ครับ ส่วนอีกประเด็น รถหนักเกิ๊นนนน เอิ๊กๆ เล่าบรรยากาศให้ฟัง ก็ได้นะครับ ไม่ได้ตำหนินะ ว่าคุณ ขับรถไม่คล่อง แค่สันนิษฐาน เพื่อเดาสถานการณ์ครับ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 51 00:20:32 จากคุณ : ThaiAviation - [ 20 ก.ค. 51 00:19:37 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตรงช่วงชันๆ นั้น.... ใช้เกียร์ D หรือ 1 ขึ้นครับ ปล. ผมไม่เคยไปดอยอ่างขางนะ.. แต่ถ้ารถไม่ได้อัดแบบ 6 คน และของเต็มคัน ถ้าทางราดยาง.. ที่ไหนก็ขึ้นไปได้นะ จากคุณ : the Sixth Floor - [ 20 ก.ค. 51 00:41:09 ]

ความคิดเห็นที่ 3 รถมิรา เครื่องยนต์แค่ 850CC. ยังขึ้นไหวเลยครับ ดอยอ่างขางนี่ ครั้งหลังสุดผมเอาอีซูซุ เกียร์อัตโนมัติขึ้นไป หลายปีมาแล้วนะครับ ปีแรกแรกที่อีซูซุใช้เกียร์อัตโนมัติ วิ่งฉิวครับ ตลอดทาง ขึ้น และลงเขา ผมใช้ D ตลอดทางด้วยซ้ำไป ไม่เคยต้องเปลี่ยนเกียร์เลย ไม่ว่าที่ไหน แต่ไม่แนะนำให้คนไม่ชำนาญจนฟังเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ และเกียร์ออกทำ ผมอยากเชื่อแบบความคิดเห็นที่ 1 ครับ คือกล้ากล้ากลัวกลัว กลัวรถพัง ก็เลยไม่กดคันเร่งขึ้นไป ต่อให้รถอยู่ในเกียร์ D เมื่อออกรถ เกียร์จะอยู่ที่ Low หรือ 1 ครับ แล้วค่อยค่อยเปลี่ยนไปตามความเร็ว และความลาดชันของทาง อันเป็นแฟคเตอร์ของการเปลี่ยนจังหวะเกียร์ หากคุณขับขึ้นไปเรื่อยเรื่อย ยิ่งชัน ก็ยิ่งต้องกดคันเร่งลึกให้จมเลยครับ รถจะขึ้นไปได้เสมอ ทุกคันที่มีจำหน่ายในประเทศไทยนี่แหละครับ แต่หากคุณทิ้งไว้ที่ D แล้ววิ่งมาจนถึงทางชัน ก็ปล่อยให้รถค่อยค่อยขึ้นไป จะหมดกำลัง และเรียกร้องการเปลี่ยนจังหวะเกียร์ ที่ตอนนั้น รอบเครื่องจะไม่สูง แต่รถเริ่มหมดกำลัง คุณต้องรีบเปลี่ยนเกียร์ทันที เพราะหาไม่ จะเกิดการทวีคูณของแรงบิด เป็นเหตุให้เกิดการฟรีตัวของทอร์คคอนเวิร์ตเตอร์ และน้ำมันเกียร์จะร้อนจัด ทำให้เกียร์เสียหายได้ในเวลารวดเร็วมาก ผมจึงไม่แนะนำให้ใครที่ไม่ชำนาญ เอารถขึ้นเขาสูงด้วย D เหมือนผม แต่เปลี่ยนเป็นเกียร์ 1 แล้วไปสอง เมื่อรอบสุดแล้ว ก็จะขึ้นไปได้เองแหละครับ แต่ต้องคอยจับตาดูเข็มความร้อนหน่อย อย่าให้เครื่องร้อนจัด เพราะร้อนจัด ก็จะทำให้น้ำมันเกียร์ที่เข้าไปแลกเปลี่ยนความร้อนในหม้อน้ำร้อนตาม เกียร์เสียหายได้เหมือนกันครับ เพราะคลัทช์จะหลุดออกมาจากแผ่น เมื่อน้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพ ที่ความร้อนเกิน 280 องศาฟาเรนไฮด์ และตอนขาลง ก็ควรจะลงด้วยเกียร์ D ให้รถไหลลงมา เกียร์มักจะอยู่ที่จังหวะ 3 จนความเร็วเพิ่มขึ้นไปถึง 7-80 ก็เหยียบเบรกให้รถลดความเร็วทันที เร็วและแรงในการเหยียบ จนความเร็วเหลือราว 3-40 ก็ปล่อยลงมาใหม่ สลับกันไปตลอดทางอย่างนี้ เบรกเสีย ไม่เป็นไร เพราะเบรกราคาถูกกว่าเกียร์ทั้งลูก อีกอย่างหนึ่ง เบรกเสียในป่าในดง ไม่เป็นไรครับ ขอให้รถวิ่งได้ คืออย่าให้เกียร์ไหม้และเสียเป็นดีที่สุดครับ ลองใหม่ครับ กดคันเร่งให้สุดเลยครับ รถจะไม่ไปเร็วนักหรอก เพราะเป็นทางชันมากอยู่แล้ว อย่ากลัวครับ ระวังความร้อนเท่านั้นเองครับ พอความร้อนขึ้น จอดเลยครับ เดี๋ยวก็ขึ้นไปได้อีก เมื่อเย็นพอแล้ว เกียร์ D หรือเกียร์ 1 หรือ L นั่นแหละครับ นานนานที มีกระทู้อย่างนี้มาก็ดีเหมือนกันนะ เพราะกำลังปวดหัวกับกระทู้ Tag พอดีเลย ฮ่า ฮ่า จากคุณ : xebec - [ 20 ก.ค. 51 00:53:54 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไชยปราการนี่ทั้งไกลกว่าและชันกว่ารึเปล่าครับ ผมเคยขับCRV ขึ้นทางไชยปราการ แต่กลับทางเชียงดาวมั้ง....(ทางง่ายและดีกว่าเยอะครับ) จากคุณ : poomrapee - [ 20 ก.ค. 51 01:04:32 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เคยเอาซีวิค FD กับ Jazz ขึ้นไปครับ มันส์มาก กำลังดีไม่มีตก ขึ้นทางเชียงดาวครับ จากคุณ : ความสุขเล็กๆ - [ 20 ก.ค. 51 08:41:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ฝากนิดนึงกับประสบการณ์ไปเที่ยวภูทับเบิกค่ะ มีรถ honda civic ตกเขาในช่วงตอนลงเขาค่ะ พลิกหลายตลบเลย พอดีดิฉันยืนดูบรรยากาศบน heaven hill มองออกไปไกลๆเห็นเป็นรถไถลออกนอกถนนมาตามไร่ผักกาด เลยรีบขับรถไปดู มี 2 คุณลุงกะคุณป้าขับมา แกบอกว่าเบรคไม่อยู่ หลุดโค้ง แต่ไม่เป็นอะไรมาก ยังไงๆก็ฝากให้เพื่อนๆระมัดระวังด้วย ทางขรุขระ ทั้ง jazz civic ที่บุกขึ้นเขามีเยอะเหมือนกันค่ะ จากคุณ : Angel Around Here - [ 20 ก.ค. 51 11:11:18 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมเคยใช้ทั้ง mitsu ท้ายเบนซ์ และ city ขึ้นเลยนะมิมีปัญหา  ต้องมาวิเคราะห์ต่อว่า จขกท. นั้นขนคนรวมสัมภาระหนักหนาแค่ไหน  และใช้เทคนิคขับรถที่ถูกต้องแล้วหรือเปล่าครับ   และก่อนไปได้ตรวจสภพารถดีพอไหม  ผมเคยเห็น city vios ขึ้นกันมาเยอะนะ จากคุณ : ok3 - [ 20 ก.ค. 51 12:45:45 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วยกับหลายความเห็นว่าต้องใช้เกียร์ต่ำ อย่าใช้เกียร์ D เคยขับรถเพื่อน เป็น vios พร้อมเพื่อน อีก 4 คน ก็ขึ้นได้ครับ แม้จะอืดหน่อย แต่ก็ ถึงนะ (ปกติจะใช้รถ 4wd แรงจะดีกว่า) แต่รอบนั้นขับให้เพื่อน ตอนแรกหวั่นๆ แต่ก็ไหวครับ จากคุณ : DekDoiTung - [ 20 ก.ค. 51 17:08:23 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เวลาขึ้น เขาข้อควรระวังก็ คือ ความร้อนครับ ถ้าความร้อนขึ้นก็ จบ เตีรยมลงดอยได้เลย ปลใเคยมาแล้ว ภูทับเบิกเนี่ยแหละ อิอิ จากคุณ : ikhong - [ 20 ก.ค. 51 20:01:39 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขับไม่ชำนาญอาจจะเป็นปัญหานะครับ ยิ่งเอาเกียร์ออโต้ขึ้นไปด้วยแล้วถ้าไม่เก่งจิงนี่ อาจจะไปติดอยู่กลางทางก็ได้นะครับ ตามที่คุณxebecแนะนำเลยครับไปตามนั้นขึ้นได้แน่ แต่ถ้าจะให้ชัวร์เกียร์กระปุกไปสบายเลยครับไม่ต้องห่วงเรื่องหมดแรง สบายๆเลยครับแต่ขาต้องแข็งแรงหน่อยนะ ไม่งั้นก็ไม่รอดเหมือนกัน จากคุณ : mao_narak - [ 20 ก.ค. 51 21:06:41 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ใช้เกียร์ L ขึ้นเขาก็ไปได้อยู่นะคะ เอา toyota ไปลุยมา สบายมากคะแล้วคันนี้ติดแก๊ซซะด้วยสิคะ (ปิดแอร์ขับตอนช่วงบนเขา กำลังเครื่องดีขึ้นมาเต็มๆคะ) แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 51 21:48:01 จากคุณ : giftnaka - [ 20 ก.ค. 51 21:45:47 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เคยไปเหมือนกันครับประมาณห้าปีที่แล้ว ขับ CIVIC ตาโต VTiE ปี 96 (Auto) ไปกันสองคน พร้อมกระเป๋าไม่หนักมาก ขึ้นทางไชยปราการ ตอนขับใช้เกียร์ D4-D3-D2 สลับไปตามทางและกำลังรถ (ไม่มี D1) พอไปถึงตรงที่ชันมากๆ ก่อนถึงดอยประมาณ สองกิโลได้ เห็นรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ นึกในใจเหมือนกัน จะไหวไหมนี่ พอเลยไปสักพักไม่ถึงสามสิบเมตร มองที่หน้าปัทม์รถตัวเอง อาจ๊ากกกก ความร้อนขึ้นคับพี่น้องและรถไม่มีกำลังเลย  ทำให้ต้องรับแวะจอดข้างทางพอแตะเบรคได้เท่านั้นแหละเครื่องดับทันที พักเครื่องอยู่ประมาณ สามชั่วโมง สตาร์ทรถได้ถามเพื่อนเอางันดีไปต่อหรือกลับ  พร้อมกับได้คำตอบว่า กลับตัว 180 องศา มุ่งหน้าลงดีกว่า ฮาๆๆ สรุปไปไม่ถึงครับ จากคุณ : nong101 - [ 20 ก.ค. 51 22:36:43 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อยากไป ๆ จะไปดูต้นบ๊วยของคุณต้นจาก The Letter มี Yaris น้อย แต่คงจอดไว้ข้างล่างดีกว่า ขึ้เกียจเก็บเศษเหล็กกลับบ้าน 555+ จากคุณ : Believe in Faith - [ 20 ก.ค. 51 22:56:03 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุณลุง xebec ครับ ลุงบอกว่ากลางป่า เบรกเสีย ไม่เป็นไร  ผมว่าเป็นนะ  ยิ่งลงเขา เบรกแตก ไม่ใช่แค่รถพังนะครับลุง เหอๆ เลยงงๆ สงสัยว่า ลงเขา ใช้ D อย่างเดียวมันจะดีหรอครับ  เห็นคู่มือรถส่วนใหญ่ก็มักจะให้ใช้ engine brake ของเกียร์ช่วยนี่ครับ  ใช้เกียร์ D กับ เบรกเท้าเท่านั้น แตะเบรกบ่อยๆ มันอาจจะร้อนจัดจนเบรกแตก รถมันจะไม่เร็วจนห้อลงเขาแบบแหกโค้งหรอครับ จากคุณ : David_kop - [ 20 ก.ค. 51 23:32:11 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่น่าจะขึ้นไม่ไหวนะครับ ผมเคยเอา Jazz i-dsi ขึ้นไป นั่ง 2 คนของเพียบ ทั้งขึ้นและลงทางที่สั้นกว่าชันกว่า ก็ไม่เห็นมีปัญหาเลยนะครับ ทั้งๆที่เป็นรถเช่าสภาพโทรมแล้วด้วยซ้ำ ผมใช้ L หรือ 2 นี่แหละจำไม่ได้ทั้งขึ้นและลง จากคุณ : dmesg - [ 21 ก.ค. 51 00:05:14 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ไปอีกรอบ ผมขับให้มั้ยครับ ? ย๊ากส์!!~โดนแควน จขกท. sky kick จากคุณ : MlCHAEL - [ 21 ก.ค. 51 02:40:52 ]

ความคิดเห็นที่ 17 จขกท.กลับมาถึงบ้านแล้วค่ะ เฮ้อ กลับมาก็เจอเรื่อง ... โดนขโมยเข้าบ้าน ... เซ็งสุดๆที่โดนขโมยเหรียญพระพิฆเนศวรปางมหาเทพแห่งศิลปะ(ที่ปัญญาสร้าง)3 เหรียญ เศร้าเลยค่ะ คุณ nong101 : อ่านจากที่คุณเล่า เราดีใจจังที่เราไม่ได้ฝืนขึ้นไป เพราะเราก็กลัวเกิดมันค้างอยู่ตรงกลาง จะขึ้นก็ไม่ได้ ลงก็ต้องถอย อะไรทำนองนั้นค่ะ คุณ ThaiAviation : เราเห็นด้วยเลยว่าใจเราไม่สู้ค่ะ d2เหยียบจนมิดแล้วแทบจะไม่มีแรง กลัวขึ้นไปแล้วหาทางลงไม่ได้ กลับรถถอยลงมาดีกว่า อิอิ ขึ้นเขาลงเขาธรรมดาเราพอสู้ แต่นี่ทั้งชันด้วยยาวด้วย คนนั่งลุ้นกันตัวโก่งว่ามันจะขึ้นไปถึงเปล่า พวกเราลงความเห็นว่า หัวใจพวกเราไม่แข็งแรงพอที่จะลุ้นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ คุณ  the Sixth Floor : civic ตาโต เกียร์ต่ำสุดคือ d2 ค่่ะ เราก็ขึ้นด้วย d2 คุณ  xebec : อ่านแล้วกลัวเลย เราคิดว่าเราไม่ฝืนดีกว่า เพราะท่าทางมีโอกาสเกิดปัญหาได้ คุณ  poomrapee +  : เราขึ้นด้านที่ชันๆหน่ะค่ะ คุณ  DekDoiTung + คุณ  giftnaka : ขึ้นทางด้านไหนคะ ... เราลืมคิดเรื่องนน.กับปิดแอร์ไปเลย เพิ่งนึกถึงตอนขึ้นดอยสุเทพ เห็นเค้าเปิดกระจกกัน เส้นทางทางเชียงดาวนี่ประมาณเส้นไหนคะ เหมือนขึ้นเชียงราย หรือไปพร้าวหรือเปล่า เราจะได้ประมาณถูก เพราะเราขับไปเชียงราย กับขับจากเชียงดาวไปพร้าว (เส้นเล็กๆ) ก็ไปรอดค่ะ แต่ลุ้นนิดหน่อย (อันนี้ขับแก๊ส) แต่อ่างขางนี่ทั้งชันทั้งยาว ใช้น้ำมันยังไม่อยากเสี่ยงเลยค่ะ (นน.คนรวมประมาณ 240 kg.+ ถังแก๊ส + ของนิดหน่อย... หนักไปมั้ยคะ) จากคุณ : catty ขี้สงสัย - [ 21 ก.ค. 51 03:52:58 ]

ความคิดเห็นที่ 18 จากกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6800790/E6800790.html ผมว่าผมเตือนแล้วเชียว ทั้ง คคห.8 และ คคห.12 เส้นทาง เชียงดาว-เมืองงาย-บ้านอรุโณทัย-อ่างขาง ก็ประมาณ เชียงใหม่-พร้าวครับ แต่วิวข้างทางสวยกว่าแยะ จากคุณ : กว้าง (จีร่า) - [ 21 ก.ค. 51 09:31:19 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ  กว้าง (จีร่า): ก็เพราะเห็นที่ช่วยเตือนไว้หล่ะคะ พอรู้สึกว่าไม่น่าจะไหว ก็ยอมถอยแต่โดยดี ไม่เสี่ยงดีกว่า (คือพอขับผ่านทางเลี้ยวเข้าไปก็เลยอยากลองคะ) ที่จริงถ้าไปทางเชียงดาวนี่สบายใช่มั้ยคะ (เราขับเชียงใหม่พร้าวไม่มีปัญหา ใช้gas ได้ ) ขอบคุณค่ะ จากคุณ : catty ขี้สงสัย - [ 21 ก.ค. 51 10:17:11 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขึ้นทางเชียงดาว ตรงแยกเมืองงาย ไปบ้านอรุโณทัย เส้นทางจะเลียบชายแดนครับ  เปลี่ยวนิดหน่อยแต่กลางวันแสกๆ คงไม่น่ามีปัญหาครับ  ส่วนทางก็แรกๆ สบายครับ  พอสักช่วงครึ่งหลังของระยะทางจะเริ่มชันแล้วครับ  แต่ชันน้อยกว่าทางไชยปราการแน่ๆ อ้อ ระหว่างทางมีจุดชมวิวด้วยนะครับ  และมีร้านขายพวกชา หมั่นโถว ลูกอาโวกาโดร  เผือกมันเผา ด้วยครับ  เอาไว้เป็นจุดพักรถก็ดีครับ จากคุณ : David_kop - [ 21 ก.ค. 51 10:43:58 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้าไม่มั่นใจให้ไปอีกทางครับ ทางบ้านบ้านอรุโณทัยก็ไปง่ายๆครับ สบายเลย แต่จะไปหนักหน่อยก็ตรงจุดสุดท้ายจุดเดียวจริงๆ ที่ต้องหักศอกขึ้นเขาสุดๆ นอกนั้นขับไปกินลมไปสบายๆครับ แต่ใช้เวลาเยอะกว่า ***** tex ***** จากคุณ : [[[tes]]] - [ 21 ก.ค. 51 16:59:44 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ได้คุยหลัง mic. กับลุง xebec มา เกี่ยวกับเรื่องการใช้เกียร์และเบรกในการขับรถขึ้นลงเขาและทางชัน  ก็เลยขอนำมาแบ่งปันความรู้ให้เพื่อนๆ นะครับ คำถาม : คุณลุง xebec ครับ ลุงบอกว่ากลางป่า เบรกเสีย ไม่เป็นไร ผมว่าเป็นนะ ยิ่งลงเขา เบรกแตก ไม่ใช่แค่รถพังนะครับลุง เหอๆ เลยงงๆ สงสัยว่า ลงเขา ใช้ D อย่างเดียวมันจะดีหรอครับ เห็นคู่มือรถส่วนใหญ่ก็มักจะให้ใช้ engine brake ของเกียร์ช่วยนี่ครับ ใช้เกียร์ D กับ เบรกเท้าเท่านั้น แตะเบรกบ่อยๆ มันอาจจะร้อนจัดจนเบรกแตก รถมันจะไม่เร็วจนห้อลงเขาแบบแหกโค้งหรอครับ แล้วถามต่ออีกนิดครับ ตอนขึ้นเขาชันๆ แบบนั้น เราควรจะใช้ เกียร์ D และเกียร์ S,L (ผมใช้ Honda Jazz VTEC ปี 2004 ครับ) เวลาใดครับ การสลับเปลี่ยนเกียร์ไปมาควรทำเมื่อไหร่ครับ ปกติถ้าชันไม่มากผมก็วิ่ง D ตลอด แต่ถ้ารู้สึกว่ารถอืดมาก ก็จะปรับลงมา S หรือ L ครับ แล้วพอใช้ L ไปสักพักผมจะเปลี่ยนกลับมาที่ D บ้างเพื่อไม่ให้เกียร์ร้อนจัด แบบนี้ถือว่าใช้เกียร์ขับรถขึ้นทางชันถูกวิธีมั้ยครับ คำตอบ : ก็แล้วเบรกมันเสียง่ายนักหรือครับ อย่างมากก็แค่ไหม้ เราจอดรถรอให้เย็นหน่อย ก็ใช้ได้อีกแล้ว หรือเบรกแตก ก็ยังใช้เบรกมือได้ และขั้นสุดท้าย ก็ยังใช้ Engine Break ได้อีกด้วย ขั้นสุดท้ายนะครับ แต่หากเครื่องยนต์ทำงาน เบรกดี แต่เกียร์เสีย ผมถามหน่อยว่า คุณจะกลับเข้าเมืองอย่างไร ตอบคำถามข้างบนให้ได้เสียก่อนครับ แล้วค่อยคุยกันต่อ --------- ส่วนเรื่องขึ้นเขา ผมถามย้อนกลับไปนิดหนึ่ง ว่าตอนคุณออกรถนั้น เกียร์อยู่ที่ D ใช่ไหม แล้วรถออกตัวด้วยเกียร์อะไร เกียร์ 1 หรือ L ใช้ไหม แล้วเราจะไปยุ่งอะไรกับมันทำไม ปล่อยให้มันทำงานของมันไปตามเรื่อง ไม่ดีกว่าหรือ จังหวะเกียร์เกียร์มันก็รู้ดีกว่าเราเสียอีกอยู่แล้ว ใช่ไหมครับ ก็เท่านี้แหละครับ แต่อย่าลืมว่า ผมบอกไว้ชัดเจน ว่าผมไม่แนะนำให้ใครที่ไม่รู้ไม่เชี่ยวชาญกับการฟังเสียงการทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์ ทำอย่างผมนะครับ ผมทำได้ ตอนนี้ เมียผมก็ทำเกือบได้ดีอยู่แล้วละครับ เรื่องพวกนี้ ต้องมาจากประสบการณ์ครับ เอาใหม่ เพิ่มเติมนะครับ ที่คุณสงสัยว่า เบรกแตกจะลงมาอย่างไร ก็แล้วการใช้เบรกเพื่อยั้งความเร็วของรถ ทำไมจะทำให้เบรกแตกละครับ เบรกแตกเกิดจากการบำรุงรักษามากถึงมากที่สุดนะครับ การใช้เบรกหนักหนัก จะทำให้เบรกไหม้ หรือเฟดเท่านั้นเอง ถึงเฟด ก็ยังหยุดรถได้ครับ แต่เอาเข้าจริง ที่ผมบอก ก็บอกไว้ชัดเจนอีกเหมือนกัน ว่าให้ใช้เบรกหนักหนัก เพื่อลดความเร็วของรถ เท่านั้น คุณลองหรือยังครับ หรืออ่านแต่คู่มือ ลองหรือยัง แบบรถวิ่งลงจากทางชัน แล้วเบรกหนักหนักเพื่อลดความเร็วลง จากนั้นปล่อยเบรก แล้วปล่อยรถลงมา ความเร็วจะค่อยค่อยขึ้น เรามีเวลาให้ผ้าเบรกเย็นลงตั้งหลายวินาที ก่อนจะเบรกซ้ำอีกที แล้วเบรกจะไหม้ได้อย่างไร ถ้าคุณใช้ผ้าเบรกของแท้ นี่แหละครับ ที่ผมบอกว่า ประสบการณ์ จะสอนคุณมากกว่าทฤษฏี เอ้า มันไปเลยแฮะ ผมยังไม่จบเลย ขอเพิ่มเติมก็แล้วกัน เขียนคุยกันเรื่องนี้ สนุกกว่าเรื่อง Tag เป็นไหนไหน จริงไหม เมื่อรถไม่ได้เบรกแตก แล้วจะไปห้อลงจากเขา จนพลิกคว่ำพลิกหงายได้อย่างไร จริงไหม ถ้ารู้สึกว่ารถเริ่มอืด ก็ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ แต่กดคันเร่งเพิ่มลงไปให้สุด เกียร์จะเปลี่ยนเอง แต่ต้องทำเร็ว และทันทีที่รู้สึก หาไม่ จะเกิดการฟรีของ Torque converter ครับ ตรงนี้อันตราย คุณทำถูกแล้ว ขาขึ้น แต่ขาลง ผมว่า คุณยังกังวลอยู่ ผมจะบอกให้ครับ ว่าคู่มือภาษาไทยนั้น เขาไม่ค่อยได้อัพเดทให้ทันกับคู่มือภาษาญี่ปุ่น หรืออังกฤษหรอกครับ ตั้งแต่ปี 1994 ผมเป็นคนต่อว่าเขาเอง ทุกรายนั้นแหละ ให้ปรับเวลาเช็ก และเปลี่ยนน้ำมันเครื่องจาก 5000 เป็น 10000 กิโลเมตร นี่แค่ตัวอย่างนะ คุณ David_kop ลองคิดดู ว่ามีอีกตั้งแยะ ที่เขาไม่ได้อัพเดท ขอบคุณที่ถามไปนะครับ ผมชอบ สนุกกว่าเรื่องบ้าบ้าในเวบตั้งแยะ ฮ่า ฮ่า จากคุณ : David_kop - [ 21 ก.ค. 51 21:20:13 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คำถาม : คุยเรื่องนี้หนุกกว่าเรื่องแถกๆ จริงๆ ด้วยครับ อิอิ ทางดอยอ่างขางตรงไชยปราการผมเคยขับแต่ขาลงอ่ะครับ ขาขึ้นขึ้นทางบ้านอรุโณทัยซึ่งชันน้อยกว่า (แต่ก็เอาเรื่องพอดูเหมือนกัน) ถามต่ออีกนิดว่า การขับรถลงเขาโดยใช้ engine brake ของเกียร์ช่วยร่วมกับการใช้เบรกธรรมดา ตกลงมันถูกหรือไม่ถูกวิธีอ่ะครับ แล้วการใช้ engine brake ของเกียร์มันมีผลเสียต่อเกียร์ด้วยหรือเปล่าครับ ปกติถ้าลงทางชันมากผมก็จะเปลี่ยนไปใช้ S หรือ L ค่อยๆ คลานลงอ่ะครับ กลัวเบรกจะเอาไม่อยู่ คำตอบ : เรื่อง Tag ผมก็ติดต่อใกล้ชิดกับตาใช่ฯของผมเสมอครับ ให้ความเห็น รับความเห็น และคิดเหมือนกัน ว่า แจ้งความก็ยังไม่แน่ว่า จะสำเร็จ เอาแค่ตำรวจจะรับแจ้งหรือไม่ ยังไม่แน่ใจกันเลยครับ เพราะความผิดยังไม่สำเร็จ --------- การขับรถลงเขา ใช้ได้ทั้งสองอย่างแหละครับ แต่อย่างแรก คือใช้เกียร์อัตโนมัติช่วยถ่วง สลับกับเบรกนั้น มีข้อเสีย ก็คือรถเคลื่อนที่ช้า ในขณะที่ตัวเครื่องยนต์ทำงานหนัก อัตราส่วนผสมค่อนข้างบางสำหรับสภาวะเครื่องยนต์ ก็จะทำให้ความร้อนขึ้นสูงได้ง่าย เมื่อความร้อนขึ้นสูง ใบพัดที่นำลมเข้าผ่านรังผึ้งหม้อน้ำ ทำงานได้ดีเพียงแค่ความเร็วรถไม่เกิน 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร็วกว่านั้น ลมปะทะจากด้านหน้าจะแรงกว่า ดีกว่า แต่การถ่วงด้วยเกียร์ ทำได้ไม่ดีเท่ากับการขับบนทางราบ ความร้อนก็เกิด และหากหม้อน้ำร้อน น้ำมันเกียร์ที่เข้าไปแลกเปลี่ยนความร้อนในรังผึ้ง ก็จะร้อนตาม อันตรายอยู่ตรงนี้มากถึงมากที่สุด เพราะน้ำมันเกียร์ ร้อนได้อย่างมาก ก็แค่ 280 องศาเอฟ เกินจากนั้นจะเสื่อมสภาพทันที และทำให้แผ่นคลัทช์ค่อยค่อยล่อนหลุด ------- อย่างที่สอง ปล่อยลงมา แล้วใช้เบรกเป็นครั้งคราว ไม่มีปัญหาใดเลย เพราะเบรกนั้นจะทำงานหนักแค่ตอนกดเบรก ซึ่งก็เป็นแบบธรรมดา พอความเร็วลดลง เราก็ปล่อยเบรก ให้ระบายความร้อนออกจากผ้าเบรกได้ เป็นเวลาเกือบนาที ผ้าเบรกและจานก็คลายความร้อนลงพอรับกับงานหนักอีกครั้งหนึ่ง โดยเกียร์ไม่ต้องทำอะไรมากเลย เกียร์ก็จะอยู่แถวเกียร์สาม ถ้าคุณกล้าพอ แตะคันเร่งไว้แผ่วแผ่ว ตอนปล่อยให้รถไหลลง อย่าปล่อยคันเร่งเลยทีเดียวจนหมด ก็จะทำงานปกติ ไม่ร้อน ไม่รับภาระหนัก เกียร์ก็ไม่เสีย เบรกก็ไม่เสีย แต่ถ้าคุณโยกคันเกียร์ไปที่ตำแหน่งอื่น ที่ต่ำกว่ามาก เช่น 1 หรือ 2 เกียร์จะทำงานหนัก เครื่องยนต์ทำงานหนัก สองอย่างหลักของรถทำงานหนัก ในขณะที่เบรก ราคาถูกมาก และควรจะทำงาน กลับไม่ต้องทำอะไรเลย ติดรถมาสบายสบาย แล้วเราจะมีเบรกไว้ทำไมครับ จริงไหม? จากคุณ : David_kop - [ 21 ก.ค. 51 21:23:25 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คำถาม : สรุปว่าใช้เกียร์ D ปกติ วิ่งลงเขา แล้วใช้เบรก ก็ไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ยครับ แล้วจังหวะในการเหยียบเบรกควรจะถี่แค่ไหนเบรกจึงจะไม่ร้อนจัดอ่ะครับ เหยียบเบรกแช่ให้วิ่งด้วยความเร็วคงที่ หรือว่า ปล่อยให้วิ่งไปก่อนพอความเร็วสูงขึ้นแล้วค่อยเหยียบเบรกอ่ะครับ ป.ล. ขอรบกวนถามเยอะหน่อยอ่ะครับเพราะปกติขับลงเขาชันมากๆ ก็จะใช้เกียร์ต่ำตลอดอ่ะครับ ไม่กล้าปล่อยให้เกียร์ D วิ่งอ่ะครับ แต่เห็นคุณลุงว่ามันจะทำให้เกียร์ไปก่อนเวลาอันควรก็เลยอยากทราบเทคนิคครับ ขอบคุณครับ [u]คำตอบ :[/] จังหวะในการเหยียบเบรก ก็คือเมื่อรถเร็วเกินไป เท่าที่เรารู้สึกในการไหลลงนะครับ ก็ควรจะอยู่แถวแถว 7-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหยียบเบรกทันที เร็วและแรง ให้รถลดความเร็วลงโดยเร็ว เหลือราว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือต่ำกว่านั้นก็ได้ แล้วปล่อยเบรก ให้ไหลลงต่อไป โดยแตะคันเร่งไว้นิดนิด เพื่อให้รอบสูงหน่อย และเกียร์คงอยู่เกียร์ 3 อย่าปล่อยคันเร่งเลย เพราะตอนปล่อยคันเร่ง เกียร์จะสู่รู้ ไปอยู่เกียร์ 4 เลยครับ เท่านี้เอง ก็จะเป็นการเว้นระยะการเบรก ได้ราว 40 วินาที หรือ 1 นาที หรือเกิน อันเป็นการปล่อยให้ผ้าเบรกกับจานเบรกลดความร้อนลงได้พอแล้ว ไม่มีโอกาสเฟด หรือไหม้ การไหม้ เกิดจากการราเบรกไว้ตลอดเวลาครับ อย่าทำครับ ---------------------------------------------------------------------------- ต้องขอขอบคุณลุง xebec มากๆ นะครับที่ให้ความรู้และความกระจ่างในเรื่องนี้ครับ จากคุณ : David_kop - [ 21 ก.ค. 51 21:28:03 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เข้ามาบอกอีกทีนะครับ หากจำไม่ผิด D2 ของรถรุ่นเจ้าของกระทู้ จะเป็นเกียร์ที่เอาไว้ออกตัว เวลาวิ่งบนผิวจราจรลื่นเท่านั้น ไม่ได้ให้กำลังในการออกตัวมากเหมือน L หรือ 1 ซึ่ง เกียร์ 1 หรือ L นั้น อยู่ใน D ครับ ต้องจอดรถแล้ว เข้า D จากนั้นก็กดคันเร่ง ก็จะลงไปที่เกียร์ 1 ขึ้นได้แน่นอนครับ เพราะอัตราทดเกียร์ D2 มีไม่ต่ำเท่าอัตราทดเกียร์ 1 อีกทั้งเข้า D2 รถก็จะไปได้เร็วเท่าเกียร์ 2 แต่ขาดแรงส่ง จึงขึ้นไม่ไหวครับ คราวต่อไป ขึ้นด้วย D เถิดครับ กดคันเร่งลึกลงไปเลย ขึ้นได้แน่นอนครับ จากคุณ : xebec - [ 26 ก.ค. 51 17:39:59 ]

ความคิดเห็นที่ 26 รู้แจ้งเห็นจริงก็คราวนี้แหละ ขอบคุณมากๆ ครับคุณ xebec ผมหลงเข้าใจผิดตั้งนาน คิดว่าเกียร์ D3 D2 เอาไว้สำหรับขึ้นเขา ลงเขา จากคุณ : nong101 - [ 29 ก.ค. 51 21:55:04 ]