ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนอื่นจะบรีฟแผนการเดินทางให้ฟังนะคะ ทริปของนี่มี่คร่าวๆก็คือ วันแรก บินไปลงแฟรงเฟิร์ต จับรถไฟไปไฮเดลเบิร์ก ค้างคืนที่ไฮเดลเบิร์ก วันที่สอง ไปเที่ยวที่โคโลญจน์ ตกดึกเข้าพักที่เบอร์ลิน วันที่สาม เดินในเบอร์ลิน ค้างคืนที่เบอร์ลิน วันที่สี่ ไปเดรสเดน เย็นไปค้างคืนที่มิวนิค วันที่ห้า นั่งรถทัวร์จากมิวนิคไปเที่ยวปราสาท Neuschwanstein กับ Linderhof วันที่หก เดินเที่ยวในมิวนิค ก่อนที่จะนั่งรถไฟเข้า ซัลส์เบิร์ก  ฟังคอนเสิร์ตที่ Mirabel Palace แล้วค้างคืน วันที่เจ็ด เช้าเดินเล่นในเมือง ตกบ่ายออกจากซัลส์เบิร์กไปเวียนนา วันที่แปด เดินเล่นในเวียนนา วันที่เก้า ซื้อทัวร์ไปล่องเรือในแม่น้ำดานูบ เข้าชม Melk Abbey วันที่สิบ บินเข้าแฟรงเฟิร์ตแต่เช้า เดินในเมืองก่อนจะบินกลับบอสตัน ฟังดูเป็นทริปในฝันใช้ได้เลยใช่มั้ยคะ พร้อมแล้วไปเที่ยวด้วยกันเลยดีกว่าค่ะ รูปแผนที่เมืองต่างๆตามลำดับที่ไปเที่ยว จากคุณ : Mnemosyne - [ 21 ก.ค. 51 01:50:23 ]

ความคิดเห็นที่ 2 วันแรก ปราสาทไฮเดลเบิร์ก  ถังเก็บบ่มไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก บินออกจากบอสตันวันอังคารที่ ๘  ก.ค. ตอนสามทุ่ม ตอนแรกกะว่าจะงีบในเครื่องแปดชั่วโมง ไปถึงเป็นสิบโมงเช้าของที่โน่นจะได้มีแรงตื่นมาวิ่งเล่น ปรากฎว่าผู้ชาย คนข้างๆพลิกตัวตลอดคืน นั่งกินที่แถมยังมีเอนๆมาอย่างกะจะซบอีก เราต้องคอยหลบตัวลีบ สรุปว่า... ไม่ได้นอนเลยเจ้าค่ะ มาถึงแฟรงเฟิร์ต เราก็ตาโหลเป็นแพนด้า แต่ไม่เป็นไร ใจยังเต็มร้อย แกล้งลืมความง่วงแล้วทำตัวแอคทีฟเต็มที่ ตามแผนคือเราจะตรงไปไฮเดลเบิร์กเลย เราอีเมลจองรถชัทเทิลของลุฟทานซาไว้แล้ว แต่มาถึงก่อนรถมา เราเลยเดินไปซื้อ German Rail pass มาเตรียมไว้ ตั๋วแบบหลายวันมีขายตั้งแต่สี่วันขึ้นไป จะใช้วันไหนก็ได้จนครบจำนวนภายในหนึ่งเดือน จากเจ็ดโมงเช้าถึงเจ็ดโมงเย็น (แปลว่าพวกนั่งข้ามคืนบางสายอาจถูกคิดเป็นสองวัน) แถมถ้าซื้อตั๋วทวินใช้สองคนจะถูกกว่าตั๋วคนเดียวอีกหน่อยนึงด้วย เราก็ว่า เอาอันนี้แหละ ตอนซื้อไปถามๆคนขายเค้าว่านั่งไปออสเตรียได้มั้ย ปรากฏเค้าบอกว่าตั๋วนี้เป็นตั๋วเยอรมัน ถ้าเอาสามประเทศราคาจะเพิ่มอีกเท่าตัว โชคดีที่อ่านเวปมาว่านั่งไปซัลส์เบิร์กได้ชัวร์ๆเลยถามย้ำ เค้าเลยบอกว่าไปได้ แต่ไปเวียนนาไม่ได้ เราก็แหงะ ตอนแรกนับรวมไว้ถึงจะใช้ครบสี่วัน อย่างนี้ก็ไม่คุ้มสิ ถ้าซื้อสี่วันแต่ใช้ได้แค่สาม แต่ว่าซื้อตั๋ววันอย่างนี้น่าจะถูกว่าซื้อเป็นเที่ยว แล้วที่สำคัญก็สะดวกกว่ามานั่งจองที่ละอันเยอะ ในที่สุดเราก็เลยตัดสินใจซื้อแบบสี่วัน แล้วเปลี่ยนเป็นนั่งรถไฟแทนชัทเทิลไปไฮเดลเบิร์กแทน เผื่อจะคุ้มขึ้นนิดนึง เพราะจริงๆแฟรงเฟิร์ตไปไฮเดลเบิร์กถูก แค่ยี่สิบยูโรเอง แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ล่ะเนอะ ตัดสินใจได้แล้ววิ่งไปดูรอบปรากฎว่ามีรอบออกแบบอีกสองนาที เราก็วิ่งกันตับแลบ ในที่สุดก็ไม่ทันอยู่ดีเจ้าค่ะ ต้องรออีกชั่วโมง เราแอบแง้วๆนิดหน่อยกลัวไปเดินปราสาทไม่ครบ แต่ก็ดี ได้มีเวลานั่งกินขนมปังพิซซ่าจิบน้ำไปพลางๆ ไปถึงไฮเดลเบิร์กเราก็ไปซื้อไฮเดลเบิร์กการ์ด อ่านๆมาเห็นว่าขึ้นรถลงเรือได้ฟรีทุกชนิดแล้วก็มีส่วนลดเข้าชมปราสาท แต่ปรากฎว่าขั้นต่ำดันเป็นแบบบัตรสองวัน เราอยู่บ่ายเดียวถ้วนๆเองแต่ก็เอาน่ะ มาถึงนี่แล้ว จะได้ไปไหนมาไหนง่ายๆ ซื้อแล้วก็รีบเอากระเป๋าไปเก็บโรงแรม ล้างหน้าล้างตา แล้ววิ่งออกมาชมปราสาททันทีทันใด รูปถนนข้างๆโรงแรมค่ะ น่ารักๆ จากคุณ : Mnemosyne - [ 21 ก.ค. 51 01:51:19 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไฮเดลเบิร์กเป็นเมืองเล็กๆน่ารัก มีแม่น้ำเนคก้าร์ตัดผ่านกลางเมือง ถือกันว่าไฮเดลเบิร์กเป็นเมืองต้นตำรับของศิลปะยุคโรแมนติก และศูนย์กลางทางการศึกษาของเยอรมนี อีกทั้งยังเป็นเมืองพระราชสมภพของพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลอีกด้วย สถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังของเมืองก็คงหนีไม่พ้นปราสาทไฮเดลเบิร์กที่ตั้งของถังเก็บบ่มไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี่ล่ะค่ะ รูปปราสาทจากระยะไกล จากคุณ : Mnemosyne - [ 21 ก.ค. 51 01:52:01 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จะขึ้นปราสาทได้เราก็ต้องไป "เบิกบาน" (Bergbahn) เพื่อไปขึ้นรถราง ( Funnicular Railway ) ขึ้นไปบนเขาเสียก่อน งานนี้ ใช้ไฮเดลเบิร์กการ์ดขึ้นได้ฟรีๆ แอบมีเรื่องน่าอายคือตอนต่อแถวมีกรุ๊ปคนเอเชียกรุ๊ปใหญ่คล้ายๆทัวร์มาลง ตอนแรกเห็นแม่ลูกญี่ปุ่นคู่นึง (ฟังออกนิดหน่อย) แล้วที่เหลือก็ช้งๆเช้งๆจับคำภาษาจีนได้สองสามคำ นึกว่าเป็นจีน ญี่ปุ่นกัน พอเค้ากรูกันมาต่อแถวเราก็เลยถามเจว่า นี่ๆพี่อ้วนที่อยู่ข้างๆเค้ามาก่อนหรือมาหลังเราน่ะ จะมาแทรกป่าว เจบอกว่าเรามาก่อนนะ ที่ถามเพราะเค้าอัดเข้ามาเป็นแพเลย วัยรุ่นใจร้อนเราก็กลัวถูกแซงอ่ะ พอถึงตาใกล้ๆเราเค้าก็บุ้ยใบ้ให้เราซื้อก่อน เราก็แทงกิ้วไปตามระเบียบแล้ววิ่งขึ้นไป ปรากฎว่าพลาดรถคันก่อน เลยต้องมาขึ้นรถรางคันเดียวกับกลุ่มนั้นพอดี พอรถเริ่มขยับป้าๆก็เริ่มกริ้วกร้าว "เอ้ายืนๆ โพสท์ท่าเซ็กซี่ๆ อาซิ้มมานี่เร็วมาถ่ายกัน" ง่ะ หน้าแตกครับหน้าแตก ร้าวเป็นเสี่ยงๆเลย คือไม่แน่ใจว่าเค้าเป็นคนไทยอีสานหรือคนลาวน่ะค่ะ เพราะสำเนียงแปลกมาก เราก็มีเพื่อนมาจากภาคอีสานก็ไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้ แล้วก็มีคำที่ไม่รู้จักเยอะด้วย แต่ไอ้ประโยคที่พอจับมาได้ (ไอ้ให้ทำท่าเซ็กซี่นี่ล่ะ) ฟังออกเต็มสองหูเล้ย อ้ายอาย ไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ไหน ดีนะ เรียกเค้าแต่พี่อ้วน ถ้านินทามากกว่านี้คงกระโดดออกจากเบิกบานไปปีนเขาเองแล้น งื้อ ขึ้นไปถึงปราสาทก็รีบเดินก้มหน้างุดๆออกจากรถราง โอ้ว ปราสาทสวยใสไฮโซวมากกกกก วิวข้างบนนี่พริ้งๆ เราก็วิ่งไปจะถ่ายรูปปรากฎว่าเจอสกัดดาวรุ่ง จะอะไรซะอีก แผงขายไอติมสิเจ้าคะ โมเว่นพิกยี่ห้อโปรดซะด้วย (มีเฉพาะแถบยุโรป เราได้กินครั้งแรกที่นอร์เวย์แล้วติดอกติดใจ) ปราส่งปราสาทไม่มองมันแล้วค่ะ พุ่งแน่บไปที่ร้านไอติมเลย และแล้วก็ได้โมเว่นพิกมาโซ้ยสมใจอยาก (ดังรูป) จากคุณ : Mnemosyne - [ 21 ก.ค. 51 01:53:20 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จากนั้นก็วิ่งไปซื้อทัวร์ชมปราสาท ทัวร์ถัดไปต้องรออีกเกือบชั่วโมง เราเลยไปเดินถ่ายรูปรอบๆปราสาทกันก่อน จากปราสาทเห็นวิวของเมืองไฮเดลเบิร์กงดงาม เห็นสะพานข้ามแม่น้ำเก่าแก่ Alte Brucke ชัดแจ๋ว สะพานนี้เป็นสะพานที่เห็นกันบ่อยๆในโปสการ์ด เสียดายที่ตอนนี้เค้าบูรณะอยุ่ เลยมีนั่งร้านทำให้สวยน้อยลงหน่อย หน้าสะพานมีเจ้าลิงจ๋อ (Bruckenaffe) ยืนยิ้มแป้นอยู่ รูปสะพานถ่ายจากปราสาทค่า แปะลิงไว้ทางซ้ายให้ดูกันชัดๆ จากคุณ : Mnemosyne - [ 21 ก.ค. 51 01:54:04 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เหะๆ ลืมรูป จากคุณ : Mnemosyne - [ 21 ก.ค. 51 01:54:32 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ทีนี้ถ่ายรูปไปก็มีแต่เสียง หนึ่ง ส่อง ซั่ม กันให้แซด คราวนี้ทัวร์ไทยของจริงค่ะ ภาษากลางชัดแจ๋ว คนไทยเป็นเบือ เล็งๆแล้วอาจจะเป็นสองทัวร์ลงชนกัน เดินไปเดินมามีแต่คนไทยจนนึกว่าคนไทยยึดปราสาทแล้วเนี่ยะ รูปปราสาทค่ะ ใช้วรยุทธ์หลายกระบวนท่าในการถ่ายให้ไม่ติดคน จากคุณ : Mnemosyne - [ 21 ก.ค. 51 01:55:11 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ในที่สุดก็ถึงเวลาเข้าชม ไกด์เป็นเด็กมหาลัยที่เรียนด้านศิลปะแล้วมาทำหน้าที่ไกด์เป็นงานอดิเรก ทัวร์ก็เลยอัดแน่นไปด้วยความรู้ด้านประวัติสาสตร์และศิลปะของยุคต่างๆ เธอเล่าว่าหลายๆปราสาทจะเป็นที่รู้จักเพราะสร้างได้อย่างสวยงามน่าทึ่งแต่ปราสาทไฮเดลเบิร์กกลับดังเพราะถูกทำลาย ถือกันว่า เป็นซากปราสาทที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลกทีเดียว ปราสาทไฮเดลเบิร์กนี้มีอายุ 900 ปี ได้มีการพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สมัยโกธิกในศตวรรษที่ 14 จนถึงสไตล์บารอก ด้วยผู้ครองเมืองแต่ละคนที่ขึ้นมามีอำนาจปกครองในตำแหน่ง Palatinate และได้มาอยู่อาศัยก็ต่างพยายามสร้างปราสาทย่อยๆเพิ่มเติมตามศิลปะที่ใหม่ล่าสุดในยุคนั้นๆเพื่ออวดอำนาจจารึกไว้ ปราสาทไฮเดลเบิร์กถูกทำลายตอนที่ฝรั่งเศลยึดเมืองได้ แล้วกษัตริย์ฝรั่งเศสในสมัยนั้นให้นำดินปืนมาจุดระเบิดเสีย แม้กระทั่งป้อมที่หนาที่สุดนั้นก็ยังถูกทำลายเสียจนร้าวไปครึ่ง รูปโมเดลปราสาทที่คิดว่าน่าจะเคยเป็นเมื่อยังสภาพดีกับตอนที่ถูกทำลายแล้ว จากคุณ : Mnemosyne - [ 21 ก.ค. 51 01:55:40 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หลังจากนั้นปราสาทก็ถูกทิ้งร้าง จนเมื่อมีคนมาพบอีกครั้งปราสาทก็ถูกเถาวัลย์เลื้อยปกคลุมเต็มไปหมด ภาพของซากปราสาทปกคลุมด้วยเถาวัลย์นั้น ได้เป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินและนักเขียนมากมาย ดั่งจะเห็นได้จากภาพวาดและโคลงกลอนที่ใช้ปราสาทไฮเดลเบิร์กเป็นหัวข้อ จากนั้นไกด์ก็นำชมห้องต่างๆในปราสาท ไกด์เธอน่ารักดีมีอารมณ์ขัน บางทีนึกภาษาอังกฤษไม่ออกก็ทำเสียงจิ๊กจั๊ก ทำท่าทำทาง ได้อารมณ์ไปอีกแบบ อย่างเวลาเล่าถึงสาวๆในราชสำนักว่าวันๆมีหน้าที่ต้องแต่งตัว ทำสวย เพื่อเป็นหน้าเป็นตา เธอก็ออกอาการสวยเริ่ดเชิดหยิ่งให้ได้ขำกัน ที่โล่งๆบนปราสาทนั้นก็ถูกสาวๆไฮโซเหล่านี้ดัดแปลงมาเป็นสนามเทนนิส ออกกำลังกายกันให้หุ่นงาม สาวไฮโซที่สุดในเรื่องก็คงจะเป็นใครไม่ได้นอกเสียจากเจ้าหญิงอลิซาเบธ สจ๊วต เจ้าหญิงแห่งสก็อตแลนด์ ซึ่งถือว่าเป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดในยุคสมัยของเธอ จนได้ฉายาว่า Queen of hearts มีชายหนุ่มหมายปองเธอมากมาย ในที่สุดพ่อของเธอก็ยกเธอให้กับกษัตริย์เฟเดอริกที่ห้า Palatinate ของไฮเดลเบิร์ก ด้วยเหตุผลทางการเมือง เธอจึงได้แต่งงานขึ้นเป็นควีนอลิซาเบธแห่งโบฮีเมีย ตั้งแต่ตอนที่เธออายุเพียงแค่สิบหกปี เธอยังคงเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ เฟดเดอริกพยายามจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ความรักของเธอ เพราะฉะนั้นจึงคอยเอาอกเอาใจ เธอขออะไรก็จะได้หมด     เธอสั่งการให้ต่อเติมปราสาท มีสวนสวยๆให้เธอ ที่เด็ดมากคือ เธออยากได้ห้องบอลรูมไว้จัดงานเลี้ยงเต้นรำ ท่าน...ก็เลยจัดให้โดยดัดแปลงหอคอยบนป้อมที่ใหญ่และสูงที่สุดในปราสาทมาเป็นบอลรูม และที่น่าสงสารก็คือ โรงครัวของปราสาทนั้นอยู่มุมตรงข้ามสุดอีกด้านของปราสาท ทีนี้ก็เลยต้องเดือดร้อนถึงข้าราชบริพาร ต้องเดินอ้อมปราสาททั้งหลังและปีนป่ายป้อมเพื่อนำพระกระยาหารขึ้นไปให้พระนางเสวยบนยอดหอคอย นอกจากนี้เธอก็ยังเลี้ยงลิงอีกเป็นฝูง ในสมัยนั้น ลิงเป็นสัตว์หายากในแถบยุโรป เฉพาะเจ้าขุนมูลนายที่ใหญ่โตจริงๆเท่านั้นถึงจะมีปัญญาหาลิงมาเลี้ยง แต่พระนางอลิซาเบธเธอไม่ได้มีแค่ตัวเดียว แต่มีหลายตัวอีกต่างหาก เรื่องราวการเอาเอกเอาใจของพระเจ้าเฟเดอริคก็ยังไม่สิ้นสุดเพียงเท่านั้น ที่พระนางอลิซาเบธสั่งสร้างสวน พระเจ้าเฟเดอริคก็ต้องการเซอร์ไพรส์เธอจึงสั่งสร้างประตูสวนสวยงามขึ้น แต่ด้วยที่เป็นการเซอร์ไพรส์ ประตูที่ว่านั้นจึงต้องสร้างเสร็จภายในคืนเดียว ด้วยความรีบร้อน ศิลปินผู้สร้างจึงสร้างประตูกลับด้านโดยหันหน้าเข้าแทนที่จะเป็นหันหน้าออก (ซะงั้น) ขอบประตูมีลวดลายดอกไม้และเถาวัลย์พันเกี่ยวกันอย่างวิจิตรพิสดาร ศิลปินนั้นแอบสลักรูปลิงน้อยสัตว์เลี้ยงโปรดของพระนางไว้ตามพุ่มดอกไม้ แต่ต้องหาดีๆถึงจะมองเห็น ว่ากันว่า ทุกๆเช้า พระเจ้าเฟเดอริคจะพาพระนางอลิซาเบธมาเดินเล่นที่สวนและพระนางจะต้องมามองหาลิงที่ประตูนี้ หากพระนางอลิซาเบธหาเจอกี่ตัว พระนางจะต้องมอบจุมพิตให้พระเจ้าเฟเดอริคเท่านั้นครั้ง (ฟังดูโรแมนติกน่ารักดีจัง แต่อย่างนี้จะแกล้งหาไม่เจอก็คงได้นะนี่) รูปของพระนางอลิซาเบธค่ะ ให้ดูกันเอาเองว่าสวยเลือกได้อย่างที่กล่าวขวัญกันจริงหรือไม่ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 51 01:57:20 จากคุณ : Mnemosyne - [ 21 ก.ค. 51 01:56:14 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 51 01:57:46 จากคุณ : Mnemosyne - [ 21 ก.ค. 51 01:56:48 ]

ความคิดเห็นที่ 11 จบจากการฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับความเอาแต่ใจของสาวที่เรียกว่าสวยในสมัยก่อนเราก็ไปดูถังเก็บบ่มไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถังนี้มีไว้เก็บรวบรวมไวน์จากที่ต่างๆทั่วทั้งแคว้น กล่าวคือแต่ละที่จะต้องส่งไวน์มาให้ Palatinate คล้ายๆกัยเป็นบรรณาการ ไวน์ทั้งหมดจะถูกนำมาเทรวมกันในถังนี้ซึ่งจุ กว่า 220,000 ลิตร เรียกว่ามาปราสาทไฮเดลเบิร์กแล้วนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะขาดไวน์ดื่ม (แต่รสชาติจะเป็นอย่างไรนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง) รูปถังไวน์อันเลื่องชื่อ หลายๆคนเดินทางมาที่เมืองไฮเดลเบิร์กเพื่อที่จะได้มายลโฉมเจ้าถังไวน์ถังนี้นะเนี่ย จากคุณ : Mnemosyne - [ 21 ก.ค. 51 01:58:25 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จากนั้นเราก็ไปดู German Pharmacy Museum ที่อยู่ในปราสาท จริงๆไม่ได้พิสวาทอะไรมากมายแต่เห็นในไฮเดลเบิร์กการ์ดเขียนว่าเอาไปเข้าฟรีได้ เราก็เลยต้องไปเดี๋ยวไม่คุ้ม ปรากฏว่ามันเข้าฟรีอยู่แล้วค่ะ แป่ววววว ด้านหน้าของอาคารพิพิธภัณฑ์ด้านเวชภัณฑ์เยอรมันเป็นการสร้างด้วยศิลปะผสมผสานระหว่างอิตาเลียน เรอเนซองส์, ดัชต์ และเยอรมัน ประดับด้วยรูปปั้นของเหล่านักบุญชาวเยอรมัน และเทพเจ้าชาวโรมัน ในรูปจะเห็นหน้าตาเหมือนร้านยาสมุนไพรโบราณน่ะค่ะ จากคุณ : Mnemosyne - [ 21 ก.ค. 51 01:58:51 ]

ความคิดเห็นที่ 13 จบจากปราสาทก็ไปที่โบสถ์ Heiliggeistkirche หรือ The Church of the Holy Spirit โบสท์นี้เป็นโบสท์ที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง เป็นสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ตอนปลาย ถ่ายรูปข้างในโบสถ์มาให้ชมด้วยค่ะ จากคุณ : Mnemosyne - [ 21 ก.ค. 51 01:59:30 ]

ความคิดเห็นที่ 14 จากนั้นก็ไปล่องเรือในแม่น้ำเนคก้าร์ชมทิวทัศน์สองข้างทาง บนเรือมีบรรยายหลายภาษาฟังกันจนมึน ครึ่งหนึ่งของทัวร์เป็นการโฆษณาเรือว่าเป็นเรือที่ทันสมัยมาก (ซึ่งก็จริง) เพราะเป็นเรือพลังงานแสงอาทิตย์ล้วนๆ เราก็เอาบัตรไฮเดลเบิร์กการ์ดไปยื่นอีก (ตามเคย) ปรากฏว่าถ้ายื่นบัตรนักเรียนจะลดราคาถูกกว่าที่ไฮเดลเบิร์กการ์ดลดได้เสียอีก เสียรู้อีกแล้วงื้อออออออออ รูปทิวทัศน์ริมแม่น้ำเนคก้าร์ จากคุณ : Mnemosyne - [ 21 ก.ค. 51 01:59:54 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จากนั้นก็มาเดินชมเมืองกันเล็กน้อย ไปเดินบน Alte Brucke ถ่ายรูปกัน แล้วก็เดินไปที่จตุรัสกลางเมือง ได้ไปเดินผ่าน Haus zum Ritter ซึ่งเป็นบ้านของคหบดีในศตวรรษที่สิบหก ปัจจุบันแปลงสภาพเป็นโรงแรมกับร้านอาหารไปเรียบร้อยแล้ว จากคุณ : Mnemosyne - [ 21 ก.ค. 51 02:00:34 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ชมเมืองกันเสร็จฝนตกปรอยๆ เราก็รีบหาร้านอาหารหลบฝน (เอ๊ะ เกี่ยวกันยังไง) เราเปิดโลนลี่หาร้านอร่อยมาล่วงหน้า เลยมุ่งหน้าไปที่ร้าน Vetter im Schoneck คนแน่นร้านเหมือนกันท่าทางจะอร่อยจริง เราสั่ง Schweinshaxe คือข้อหมูอบหนังกรอบ มาพร้อมกับ Sauerkraut (กะหล่ำปลีดอง) และ potato dumpling กินกับ เบียร์ Heidelberg อีกจานเป็น schnitzel คือ เนื้อลูกวัวชุบแป้งขนมปังทอด อร่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เอารูปมายั่วน้ำลายค่า จากคุณ : Mnemosyne - [ 21 ก.ค. 51 02:01:17 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อิมหนำสำราญก็กลับโรงแรมนอนตีพุง คราวนี้คุณเจ้าของโรงแรมมาต้อนรับด้วยตัวเอง เธอคุยให้ฟังว่าจริงๆตึกหลังนี้เป็นตึกโบราณ เธอซื้อมาแล้วตกแต่งใหม่เองทั้งหมด แต่ละห้องจะมีเอกลักษณ์ของตัวเองและมีวิวจากหน้าต่างเห็นสถานที่สำคัญของเมืองหนึ่งอย่างโดยไม่ซ้ำกัน แต่มีห้องหนึ่งที่เธอคงสภาพเดิมไว้ทั้งตัวพื้นไม้และเพดานแล้วปรับปรุงเล็กน้อยให้เป็นห้องสวีท ด้วยความใจดีเธอเลยไปไขห้องให้ชมเป็นขวัญตา เราเลยแอบเก็บรูปมาด้วยประการฉะนี้ รูปห้องสวีทสวยหรู จากคุณ : Mnemosyne - [ 21 ก.ค. 51 02:01:54 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ห้องนอนเราสบ๊ายสบาย คืนนี้คงนอนกันอิ่ม แล้วมาต่อพรุ่งนี้เที่ยวโคโลญจน์กันนะคะ จากคุณ : Mnemosyne - [ 21 ก.ค. 51 02:02:20 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ชอบคร้าบบบ รอติดตามอยู่นะครับ จากคุณ : burmesewhale - [ 21 ก.ค. 51 03:15:36 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อยากไป...Frankfurt กะ Heidelberg !!!!! >_<" จะเข้ามาเขียนว่าอยากไปมันทุกกระทู้เลยอะ อิอิ จากคุณ : pfau (pfau) - [ 21 ก.ค. 51 03:17:03 ]

ความคิดเห็นที่ 21 น่าไป น่าไปจังงง จากคุณ : พะจัน (pajan) - [ 21 ก.ค. 51 09:11:11 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่เคยไป Heidelberg เลยยยยยย ทั้ง ๆ ที่เยอรมันอย่างน้อยปีละครั้ง ขอบคุณนะคะ ที่มารีวิวให้ดู จากคุณ : Travel Animal - [ 21 ก.ค. 51 09:41:36 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ลืมเล่าไปอย่างหนึ่งค่ะ เอามาแปะต่อให้ดูเล่น คือเห็นไฮเดลเบิร์กเป็นเมืองเล็กๆอย่างนี้นี่นะคะ ไฮเดลเบิร์กแอบมีถนนคนเดินสายที่ยาวที่สุดในยุโรปด้วยล่ะค่ะ ชื่อว่า Haupt Strasse เราได้ไปซื้อไอติมเจลาโต้ทานบนถนนเส้นนี้กันมาแล้ว รถชาติแปลกใหม่อร่อยถูกใจม๊ากมาก (และแล้วก็มาโฆษณาไอติมซะงั้น) แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 51 11:10:36 จากคุณ : Mnemosyne - [ 21 ก.ค. 51 11:09:56 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอตามไปเที่ยวด้วยคนนะคะ จากคุณ : Let's go to the beach - [ 21 ก.ค. 51 12:41:28 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ไปด้วยค่ะ จากคุณ : vic_mom (vic_mom) - [ 21 ก.ค. 51 14:23:39 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อ้าวทริปเม็กไม่ลงต่อเหรอค่ะ กำลังติดตามอ่านอย่างสนุกเลย งั้นขอเกาะใต้ท้องเครื่องไปด้วยคนก็แล้วกันค่ะ จากคุณ : dream chaser - [ 22 ก.ค. 51 17:12:16 A:58.10.143.173 X: TicketID:182226 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ทริปเม็กต้องหยุดไว้ก่อนค่ะ เคลียร์ทริปนรี้เสร็จแล้วจะประมาณกำลังอีกที ขอโทดด้วยค้าบ จากคุณ : Mnemosyne - [ 24 ก.ค. 51 10:21:44 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เพิ่งได้เข้ามาอ่าน เพราะจะหาข้อมูลไป Heidelberg คุณรีวิวเรื่องราวได้ดีมาก ขอขอบคุณสำหรับข้อมูล ค่ะ แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 51 13:40:05 จากคุณ : Invisible Angel - [ 31 ส.ค. 51 13:38:18 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ไฮเดนเบิร์กสวยมากๆค่ะ ทุกวันนี้ยังคงเป็นเหมืองที่หลงรักอยู่ จากคุณ : snowflake babe* - [ 17 ต.ค. 52 11:29:22 ]