ความคิดเห็นที่ 1
ผมได้ให้ทางออฟฟิศโทรไปที่โรงแรมบอกว่าให้บอกกับคนขับรถแท็กซี่ว่าถ้าหากมาหาลูกค้าให้เขานั่งรอก่อน แล้วเล่ารายละเอียดให้กับทางพนักงานของโรงแรมทราบเรื่องเมื่อคืน ซึ่งขณะที่ผมขับรถออกจากออฟฟิศ (ห่างจากโรงแรมเพียงห้ากิโลเมตร) ทางโรงแรมแจ้งมาว่าคนขับแท็กซี่ได้มาถึงแล้วตอนนี้กำลังนั่งคอยอยู่ที่ล็อบบี้ ผมกับพนักงานอีกคนจึงรีบไปที่โรงแรม
พอถึงผมได้เข้าไปคุยกับทางโรงแรมก่อนว่าให้ทาง รปภ คอยจับตาดูเขาไว้ด้วยว่าอย่าให้เกิดการหลบหนี จากนั้นผมจึงเดินเข้าไปคุยกับคนขับแท็กซี่ว่า
ผม : พี่เป็นคนขับรถที่จะมารับ...(ชื่อลูกค้า) ใช่หรือเปล่าครับ คนขับแท็กซี่ : ใช่ครับ ผม : รถพี่เป็นป้ายเขียวใช่หรือเปล่าครับ คนขับแท็กซี่ : ป้ายดำ (ตอบแบบหวนๆ) ผม : แล้วเมื่อคืนพี่เป็นคนมาส่งลูกค้าที่โรงแรมใช่หรือเปล่าครับ คนขับแท็กซี่ : ใช่ครับ ผม : อ้าว แล้วพี่อ้างว่าเป็นคนของบริษัทไปรับลูกค้าผมทำไมครับ คนขับแท็กซี่ : ผมไม่รู้เรื่อง มีคนในสนามบินส่งแขกคนนี้ให้ผมอีกที ผม : แล้วนามบัตรอันนี้กับใบเสร็จ 3,200 บาทของพี่ใช่หรือเปล่าครับ คนขับแท็กซี่ : นามบัตรนะขอผม แต่ใบเสร็จนะเขาออกกันตอนในสนามบิน ผมไม่รู้เรื่อง (แสดงว่าลูกค้าผมจ่ายเงินจำนวนนี้ในสนามบินก่อนมาขึ้นรถ) ผม : แล้วทำไมพี่คิดแพงจัง คนขับแท็กซี่ : ก็เห็นว่าวันนี้นัดจะให้พาไปปราจีนฯ ผม : ตอนนี้ลูกค้าผมเดินทางไปแล้ว ทางบริษัทส่งให้ผมมาเคลียร์เนี่ยว่าทำไมมีคนแอบอ้างว่าเป็นคนของบริษัทไปรับแล้วเก็บเงินเขา คนขับแท็กซี่ : ผมไม่รู้เรื่อง คุณลองคุยกับคนที่ส่งแขกนี้ให้ผมละกัน
จากนั้นผมให้ พนง อีกคนที่มากับผมคุยโทรศัพท์ไป แต่ตัวผมเดินออกมาแล้วโทรไปแจ้ง 191 แล้วเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ทางตำรวจฟัง ทาง 191 จึงบอกว่าจะส่งเจ้าหน้าที่มาที่โรงแรม
หลังจากนั้นผมได้เดินกลับมาคุยกับคนขับแท็กซี่บอกเค้าว่าไม่อยากให้เรื่องใหญ่โต ขอเงินคืนละกัน โดยผมยอมให้หักไป 900 บาท เนื่องจากที่นามบัตรได้ระบุเรทว่า Bangkok 900, Pataya .... แต่ทางคนขับแท็กซี่อ้างว่ามีเงินไม่ถึงและเขาได้รับเงินจริงแค่ 700 บาท (แสดงว่าโดนหักหัวคิวไป 200) ถ้าอยากได้ต้องเรียกคนที่ส่งแขกที่สนามบินมาคุย ผมเลยขอสายมาคุย โดยปลายสายเป็นเสียงผู้ชาย ผมได้ถามว่าพี่สะดวกมาที่โรงแรมหรือเปล่า เขาบอกว่าไม่สะดวก ผมเลยบอกว่าทำไมพี่ต้องอ้างว่าเป็นคนของบริษัท ผู้ชายที่สนามบินกลับบอกว่า มีไกด์อีกคนพาแขกคนนี้มาหาเขาเอง (เริ่มมีตัวละครเพิ่มเป็นสามคน) ผมเลยบอกว่างั้นให้มาพร้อมไกด์คนนั้นด้วยได้หรือเปล่า แต่เขากลับอ้างว่าไม่รู้จักชื่อ จากนั้นสายก็ตัดไปเพราะแบตหมดพอดี
โดยระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ตำรวจมา คนขับแท็กซี่ก็ได้โทรไปหาคนที่สนามบินอีกครั้ง และได้ยื่นให้ผมคุย ผมเลยบอกไปว่าขอเงินคืน 2,300 บาทโดยยอมให้หัก 900 แต่เขาบอกว่าไม่ได้เพราะวันนี้ตีรถเปล่าไปรับลูกค้าที่โรงแรมแล้ว ผมเลยสวนกลับไปว่าแล้วถ้าพี่ หรือไอ้ไกด์ผีนั้นไม่อ้างว่าเป็นคนของบริษัทแล้ววันนี้ก็ไม่ต้องมา เขาบอกว่าขอหักเป็นเงิน 1,400 ผมเลยบอกว่าไม่ได้ให้ได้เต็มที่ 900 ส่วนต่างที่เหลือพี่ไปเอากับไกด์คนที่พาแขกมาให้พี่ละกัน พอดีเป็นจังหวะที่ทางตำรวจเดินทางมาพอดี ผมจึงเดินเข้าไปหาแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แต่พี่ตำรวจกลับบอกว่าผมต้องไปแจ้งความที่สถานนีตำรวจ ผมเลยบอกไปว่าอยากได้เงินแค่บางส่วนคืนเท่านั้น ไม่อยากเอาเรื่อง รบกวนให้พี่ไปคุยกับคนขับแท็กซี่ให้หน่อย แต่คนขับแท็กซี่กำลังคุยกับคนที่สนามบินอยู่และเมื่อเห็นตำรวจเรียกจึงได้บอกว่า เขาต้องจ่ายคืนเท่าไร ผมบอกไปว่า 2,300 เขาจึงหยิบกระเป๋าออกมาพร้อมทั้งส่งเงินให้ผม ซึ่งผมสังเกตุเงินในกระเป๋าแล้วมีเยอะพอควร แล้วดันมาอ้างตอนแรกว่ามีเงินไม่พอ
จากคุณ :
Ekanat
- [
24 ก.ค. 51 22:16:33
]
|
|
|