ความคิดเห็นที่ 1 ภายในนั้นงดงามมาก ตัวแท่นบูชาแกะสลักเป็นเรื่องราวต่างๆ บ้างก็เป็นเรื่องของพระแม่มารีและพระเยซู บ้างก็แสดงเรื่องราวของเซนต์สตีเฟ่นซึ่งเป็นเซนต์ที่โบสถ์นี้ถูกอุทิศให้ (ภาษาอังกฤษเรียกวิหารนี้ว่า St. Stephen's Cathedral) ส่วนต่างๆภายในที่เห็นสลักเสลาเป็นลวดลายละเอียดถี่ยิบนั้นล้วนเป็นศิลปะสไตล์กอธิคทั้งสิ้น จากคุณ : Mnemosyne - [ 29 ก.ค. 51 10:37:29 ]

ความคิดเห็นที่ 2 วิหารนี้ประกอบด้วยหลายอาคารและหลายหอคอยด้วยกันฃหอคอยทิศเหนือนั้นเป็นที่ตั้งของ Pummerin Bell ซึ่งนับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเวียนนา เราสามารถขึ้นลิฟท์ไปชมระฆังอันนี้ได้ โชคดีมากที่เราตัดสินใจเข้าโบสถ์นี้ก่อน จริงๆตั้งใจไว้ว่าจะกลับมากเก็บเป็นอย่างสุดท้ายของวันเพราะเปิดถึงดึก แต่พอเดิผ่านก็อดใจไม่ได้จึงรีบเข้ามาชม ปรากฏว่าตัวโบสถ์นั้นเปิดถึงดึก และบางครั้งก็มีการแสดงคอนเสิร์ต ส่วนใหญ่จะเป็น Mozart Requiems แต่ตัวหอคอยนั้นปิดตั้งแต่ห้าโมงเย็น เรามากันเร็วเลยทันได้ขึ้นหอคอยพอดี ข้างบนนั้นทิวทัศน์งดงามมาก สามารถเห็นกรุงเวียนนาได้โดยรอบ ขณะที่เรามัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับทิวทัศน์อยู่นั้น คนมาด้วยก็ขาสั่นอยู่ข้างๆ กว่าเราจะเลิกตื่นเต้นหยุดถ่ายรูปหันมาสนใจ เจ้าตัวก็หน้าขาวจนเขียว ยืนเกาะกำแพงเป็นตุ๊กแกอยู่ โถ... กลัวความสูงก็ไม่บอก รูปวิวจากยอดสเตฟานดอม ถ่ายระฆังมาได้แค่นี้เพราะมันอยู่ในกระจก หลบมุมไม่ให้สะท้อนยากแสนยาก รูปจะไม่เต็มอย่างที่เห็นล่ะค่ะ จากคุณ : Mnemosyne - [ 29 ก.ค. 51 10:38:03 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จบจากสเตฟานดอมเราก็เข้าสู่แผนเก่าโดยการนั่งรถไฟใต้ดินไปโผล่แถวๆ Karlsplatz เพื่อจะไปเข้าชมพระราชวัง Belvedere เนื่องจากขึ้นที่สถานี Karlsplatz เราเลยได้ไปชม Karlskirche ซึ่งเป็นทางผ่านพอดิบพอดี โบสถ์นี้ถูกสร้างขึ้นด้วยเหตุว่า ในปี 1713 นั้นเกิดโรคระบาดร้ายแรงขึ้นในเวียนนา จักรพรรดิคารล์จึงบนบานว่าหากเซนต์ชาร์ลซึ่งเป็นนักบุญที่ทรงนับถือช่วยปัดเป่าโรคระบาดไปได้ พระองค์จะสร้างโบสถ์ถวาย ซึ่งก็แน่นอนว่าเป็นที่มาของโบสถ์แห่งนี้ โดมของโบสถ์นี้นั้นเลียนแบบมาจากสมัยกรีกโรมัน ด้านหน้ามีเสาสูงสองเสาที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจาก Trajan's Column ที่กรุงโรม ด้านนอกของโบสถ์ แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 51 10:58:33 จากคุณ : Mnemosyne - [ 29 ก.ค. 51 10:38:22 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตัวแท่นบูชานั้นแน่นอนว่าต้องเป็นรูปปั้นของเซนต์ชาร์ล ในฉากนี้เป็นเรื่องราวตอนที่เซนต์ชาร์ลกำลังขึ้นสู่สรวงสวรรค์โดยล่องลอยอยู่บนปุยเมฆและมีเทพตัวน้อยๆอยู่เคียงข้าง จากคุณ : Mnemosyne - [ 29 ก.ค. 51 10:38:38 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตอนเราไปภายในนั้นกำลังบูรณะซ่อมแซมอยู่ มีการต่อเติมนั่งร้านขึ้นไปทาสีที่รูปวาดตามผนังและเพดาน ทางโบสถ์ได้อนุญาตให้ใช้ลิฟทืและบันไดชั่วคราวนี้ปีนขึ้นไปดูวิวบนยอดได้ ด้วยความถึกของเรา เราก็ไม่รอช้าปีนขึ้นไปทันทีโดยคราวนี้ทิ้งคนกลับความสูงไว้ข้างล่าง ความสูงทั้งหมดเจ็ดสิบเมตร ขึ้นลิฟท์ไปเสร็จเราก้ได้ปีนบันไดต่ออีกสองร้อยเจ็ดสิบขั้น ขึ้นไปถึงปรากฏว่าเขามีตะแกรงกั้นกันตก ถ่ายรูปก็ไม่ได้ ไม่รู้จะปีนขึ้นมาหาพระแสงอะไร จริงๆน่าจะคิดได้ว่าขึ้นสเตฟานดอมที่สูงที่สุดมาแล้ว ต่อให้ขึ้นอันนี้วิวก็คงไม่สวยกว่า จะได้ไม่ต้องตะกายขึ้นมาให้เมื่อยตุ้ม แต่นึกได้ตอนอยู่ข้างบนแล้วก็คงสายไป ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจแล้วตะกายกลับลงมา รูปลิฟท์และบันไดชั่วคราว จากคุณ : Mnemosyne - [ 29 ก.ค. 51 10:39:07 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จากนั้นก็ต่อไปที่พระราชวัง Belvedere กันซักที พระราชวัง Belvedere นี้เป็นสถานที่พำนักของเจ้าชาย Eugene ซึ่งเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าชาย Eugene เคยนำทัพไปปราบพวกเติร์กจนได้รับชัยชนะมาในปี 1683 รูป บนซ้าย Lower Belvedere บนขวาคือน้ำพุหน้า Lower Belvedere ล่างคือ Upper Belvedere ระหว่าง Upper Belvedere และ Lower Belvedere มีสวนยากสุดลูกหูลูกตาคั่นกลาง จากคุณ : Mnemosyne - [ 29 ก.ค. 51 10:39:23 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เราไปกันที่ Lower Belvedere กันก่อนเพราะอ่านในหนังสือมาว่าเป็นนิทรรศการศิลปะยุคบาโรค ในอาคารนี้ก็ยังมี Hall of Mirrors ที่โด่งดังอีกด้วย ภายใน Hall of Mirrors จะมีรูปปั้นของเจ้าชาย Eugene จากคุณ : Mnemosyne - [ 29 ก.ค. 51 10:39:40 ]

ความคิดเห็นที่ 8 จากนั้นไปชมห้องฝั่งนิทรรศการ ค่อนข้างตกใจเพราะมีแต่รูปยึกยือ แปลกประหลาดเหมือนเอเลี่ยน มีรูปทรงเรขาคณิต และรูปนู้ดอีกมากมาย เราก็เดินไปเรื่อยๆหวังว่าจะเจออะไรที่เป็นบาโรคมั่งก็ไม่เจอสักที มีห้องหนึ่งที่เป็นรูปปั้นแนวกรีกโรมันให้พอพักใจได้บ้าง จนในที่สุดเราก็เข้าไปถามเจ้าหน้าที่ปรากฏว่าเขาจัดนิทรรศการภาพเขียนแบบสมัยใหม่กันอยู่ ถึงว่าประหลาดเชียว คุณเจ้าหน้าที่ใจดีบอกให้ว่าผลงานยุคบาโรคได้ถูกย้ายไปยัง Upper Belvedere แล้ว อีกชั่วโมงจะปิดแล้ว น่าจะวิ่งไปทัน เราจึงขอบคุณเค้าเป็นการใหญ่ ไปเอากระเป๋าเป้ที่ฝากไว้แล้ววิ่งแน่บไปทันที แอบเจ็บใจเล็กน้อยว่ามาเสียเวลากับตัวยึกยือเป็นนานสองนาน เสียค่าเข้าหกเหรียญ ออดิโอไกด์สามเหรียญ เก็บกระเป๋าหนึ่งเหรียญ อายวิทเนสน้าาาา ไม่น่าทำกันได้ หัดอัพเดทมั่งสิเพ่ งื้อๆ (จริงๆหนังสือเขียนว่า reprint with revision 2008 แต่เจ้าหน้าที่เค้าบอกว่าย้ายไปสองปีแล้วง่ะ เหอๆ) อย่างไรก็ตาม เราก็มาถึง Upper Belvedere ได้โดยสวัสดิภาพ ถึงเวลาจะเหลือน้อยแต่ก็ยังเก็บรูปสวนที่ขั้นระหว่างพระราชวังสองฝั่งมาได้หลายรูป และที่ดีกว่านั้นคือ เค้ายอมให้เราเปลี่ยนตั๋วได้ ตอนแรกนั้นเราซื้อบัตรเดี่ยวเข้า Lower Belvedere ไปหกเหรียญถ้าซื้อคอมโบมันแปดแต่เราไม่ได้ซื้อ ตอนนี้ถ้ามาซื้อเดี่ยวจะอีกหก เง้อ แต่ถามๆเค้าปรากฏว่าเอาตั๋วเก่าให้เค้าแล้วเปลี่ยนแบบได้ สรุปคือเราจ่ายเพิ่มแค่สองเหรียญ ดีนะนี่ที่ถาม แอบภูมิจาย Upper Belvedere น่าประทับใจมากๆ เป็นแหล่งรวมผลงานภาพวาดที่โด่งดังระดับโลกมากมาย หนึ่งในไฮไลท์คือรูป The Kiss และ Judith and the Head of Holofernes ของ Gustav Klimt The Kiss เป็นรูปของชายหญิงคู่หนึ่งกำลังจุมพิตกัน ฝ่ายชายถูกแทนด้วยรูปเรขาคณิตคือสี่เหลี่ยมดังจะเห็นได้จากเสื้อคลุม ส่วนฝ่ายหญิงนั้นเป็นรูปวงกลม ด้วยความรัก ทั้งสองหลอมรวมเป็นหนึ่งโดยมีผ้าสีทองโอบคลุมทั้งคู่ไว้ ภาพนี้มีพื้นหลังที่เรียบง่ายเพื่อดึงจุดสนใจไปยังคาแรกเตอร์หลักทั้งสอง ส่วน Judith and the Head of Holofernes เป็นการถ่ายทอดตำนานของจูดิธ หญิงสาวนางโลมผู้กล้าหาญ เธอเสี่ยงเข้าไปมอมเหล้าแม่ทัพฝ่ายศัตรูผู้บุกรุกจนมึนเมาและตัดหัวมาได้ ในรูปสะท้อนถึงสเน่ห์ความเย้ายวนของเธอ ทั้งดวงตาที่หรี่ปรือ ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย รวมถึงอาภรณ์วับแวม และจะเห็นว่าในมือเธอนั้นถือศีรษะของชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งอยู่ซึ่งก็คือท่านแม่ทัพนั่นเอง จากคุณ : Mnemosyne - [ 29 ก.ค. 51 10:40:13 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ใน Upper Belvedere ยังมีผลงานชิ้นเอกอีกมากมาย นำมาเล่ากันไม่หวัดไม่ไหว มีแต่ผลงานของศิลปินดังๆขนาดที่เด็กนอกวงการอย่างเรายังคุ้นชื่อ เราอยู่กันจนครบชั่วโมงถึงเค้าปิดเลย ด้วยความสามารถ เรายังแอบเดินได้จนครบทุกห้องอีกต่างหาก นี่ถ้าไม่ไปเสียเวลาดูฝั่งโน้นน้า เราคงละเลียดที่นี่ได้อีกนาน อิ่มอกอิ่มใจแล้วก็กลับโรงแรมไปชาร์ทกันหน่อย วันนี้แดดร้อนโฮก เดินไม่นานก็เหนื่อย ตกดึกก็ออกไปลัดเลาะหาร้าน  Figmuller ซึ่งเป็นร้านขึ้นชื่อของเวียนนา (ตามหนังสือว่า) หลงทางกันเล็กน้อยก็มาถึง ร้านเป็นร้านเล็กๆบรรยากาศดูดี ตอนเราไปบ๋อยอุตส่าห์เอาฝ้ายจองออกแล้วให้เรานั่ง โห เห็นเราเป็นแขกวีไอพีป่าวเนี่ย คิดอีกที่น่าจะเป็นพวกจองไว้แล้วไม่มามากกว่า เราก็โชคดีไป หย่อนก้นได้ก็รีบมาบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะปิดครัวนะจะสั่งรีบสั่ง แล้วก็ยืนกดดันอยู่ตรงนั้น เราก็เลยรีบจิ้ม Wiener schnitzel เนื้อลูกวัวชุบเกล็ดขนมปังทอดอันโด่งดังของเวียนนา ถึงจะไปกินมาแล้วที่เยอรมัน แต่มาเวียนนาก็ต้องมากินต้นตำรับสิเนอะ หนังสือว่าไว้ว่าของร้านนี้พิเศษมาก เป็นเมนูขึ้นชื่อเลย ส่วนอีกจานคิดไม่ทันเลยจิ้มตับลูกวัว (Glazed calf liver) มากับ onion ring แล้วสั่ง สลัดมันฝรั่งมากินเคียง อาหารร้านนี้ไม่ทำให้เราผิดหวัง คุ้มค่ากับการมาเจอบ๋อยดุมากๆ Wiener schnitzel ทอดมาเหลืองอร่าม ชิ้นนี่อย่างยักษ์ ส่วนตับก็กรอบนอกนุ่มใน อร่อยอย่างกับ foi gras เข้ากับ สลัดมันฝรั่ง ได้อีกต่างหาก ตอนเรากินอยู่มีนักท่องเที่ยวอเมริกันกลุ่มนึงเดินเข้ามา แต่บ๋อยโหดเดินไปเจรจาว่าดึกเกิน ไม่รับลูกค้าแล้ว กลุ่มนั้นเลยคอตกทำหน้าผิดหวังสุดชีวิตเดินกลับไป แหม เราโชคดีมาทันเป็นคนสุดท้ายเลยนะนี่ เห็นแล้วอาหารอร่อยขึ้นเป็นกอง กลับบ้านมาอ่านเวปแล้วยิ่งซึ้ง เค้าบอกว่าปกติร้านนี้จะรอคิวยาวมากกกกก ยิ่งไม่จองเนี่ย ยากส์ เราก็เดินไม่รู้อิโหน่อิเหน่กันมาแล้วได้กิน ดีนะที่เหนื่อยกลับไปนอนแล้วมาดึกแบบพอดีๆ จากคุณ : Mnemosyne - [ 29 ก.ค. 51 10:40:32 ]

ความคิดเห็นที่ 10 กินเสร็จไม่กล้าสั่งของหวาน กลัวบ๋อยตบ เลยเดินกลับไป Stephanplatz เดินผ่านร้านเค้ก Demel ที่ว่าดังซึ่งแน่นอนว่าปิดไปแล้ว เราเลยไปยืนแทะไอติมหน้าสเตฟานดอมกนอย่างชื่นใจ จบวันใสๆด้วยรสหวานๆ รูปแถว Stephanplatz แถมรูปไอติมที่มี สเตฟานดอมเป็นแบคกราวน์ จากคุณ : Mnemosyne - [ 29 ก.ค. 51 10:40:48 ]

ความคิดเห็นที่ 11 วันที่เก้า Danube Valley Tour วันนี้ตื่นแต่เช้ามาโทรคอนเฟิร์มทัวร์ เค้านัดกันที่โอเปร่าเฮาส์ เพื่อที่จะนั่งรถทัวร์ไปล่องเรือแม่น้ำดานูบ เรานี่ตื่นเต้นมากๆ ไปถึงกันก่อนเวลาเพื่อที่จะได้ไปซื้อเค้ก Sacher Torte ที่ Sacher hotel เค้าว่า Sacher Torte เป็นเค้กต้นตำรับดั้งเดิมที่อยู่คู่เวียนนา ใครมาแล้วไม่ได้กินแปลว่ามาไม่ถึง ด้วยเวลาที่ค่อนข้างกระชั้นเราเลยไม่ได้ไปนั่งชูคอกินหรูอยู่ที่โรงแรม แต่สั่งใส่กล่องมากกินบนรถทัวร์แทน อร่อยขึ้นสวรรค์มากๆ ตัวเค้กช็อกโกแลตนุ่ม ละลายในปาก มีกลิ่นเปรี้ยวๆของผลไม้นิดๆ ชุ่มลิ้น อีกชิ้นที่จิ้มมั่วๆมาก็อร่อยไม่แพ้กัน จากคุณ : Mnemosyne - [ 29 ก.ค. 51 10:41:19 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ทัวร์วันนี้แบ่งเป็นช่วงนั่งรถกับนั่งเรือ หลังจากไปเปลี่ยนรถทัวร์ที่นำลูกทัวร์จากจุดนัดพบต่างๆมารวมกันแล้ว เราก็นั่งยาวไปถึง Split เพื่อไปลงเรือ วันนี้ฝนตกปรอยๆ ถือว่าโชคดีที่เลือกมานั่งรถนั่งเรือเล่น ไม่ค่อยเปียก ถ้าเดินในเมืองคงเซ็งอยู่เหมือนกัน ตรงท่าขึ้นเรือนี้ มีร้าน  Strand Cafe ซึ่งคุณปิ่นโตเถาเล็กพาไปกินตอนทำทริปออสเตรีย เสียดายว่าเราได้แค่วิ่งผ่าน ไม่ได้เข้าไปกินซี่โครงหมูอบที่แนะนำ (รูปซ้ายล่าง) เรือที่นั่งนั้นก็แสนสะดวกสบาย ตกแต่งบรรยากาศดี ที่สำคัญคือเป็นร้านอาหาร ทำให้เราสั่งโน่นนี่มาบำรุงพุงกันได้ ที่เลือกมาก็มี Mohr im Hemd (Hazel nut and chocolate pudding) คล้ายๆพวกเค้กช็อกโกแลตร้อนที่ข้างในอุ่นๆแล้วละลาย อีกอย่างคือ  Knodel หรือ dumpling ที่เราเลือกรสแอพลิคอทมาชิม ระหว่างทางก็มีบรรยายสี่ภาษาเมื่อผ่านสถานที่สำคัญอันรวมถึง เมือง Durnstein ซึ่งปราสาทบนยอดเขาที่เห็นสลัวๆในภาพนั้น เป็นปราสาทที่ Richard the Lionheart ถูก Duke Leopold Vจับเป็นตัวประกัน เมือง Willendorf ซึ่งเป็นที่ๆขุดค้นพบวัตถุโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่เรียกกันว่า Venus of Willendorf เชื่อกันว่าเป็นวัตถุบูชาที่จะนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ (แปะไว้ให้ดูซ้ายบนค่ะ) บ้านเมืองสองข้างทางน่ารักดีค่ะ เป็นเมืองเล็กๆ มีโบสถ์หน้าตาต่างๆกันทุกเมือง เราก็เอนจอยวิว พร้อมๆกับเอนจอยอีทติ้งไป แหม ขนมเวียนนานี่อร่อยอย่าบอกใคร ฝนตกปรอยๆได้บรรยากาศโรแมนติกโดยที่เราไม่ต้องเปียกฝน แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 51 10:59:23 จากคุณ : Mnemosyne - [ 29 ก.ค. 51 10:41:40 ]

ความคิดเห็นที่ 13 จนในที่สุดเราก็มาขึ้นฝั่งกันทีเมือง Melk ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Melk Abbey ที่เลื่องชื่อ ด้วยได้เวลาอันพอเหมาะ คุณไกด์ก็จัดแจงส่งลูกทัวร์เข้าร้านอาหารกันไป คนเสิร์ฟร้านนี้แต่งชุดพื้นเมืองด้วย น่าร้ากๆ (เฮ้ย อย่าเพิ่งกินคนเสริฟแทนข้าว) สั่ง หมูราดซอสเห็ดกับสตูว์เนื้อมาทาน ขำมากๆ เพราะคนข้างๆสั่งแบบเดียวกัน แล้วมันเค้ามาสองก้อน แต่จานเรามาก้อนเดียว พอเอามาวางเสร็จ คนเสิร์ฟเห็น รีบวิ่งกลับเข้าไปเอามันมาแถมให้อีกหนึ่งก้อนด้วย ฮา จริงๆ คนข้างก็หันมาหัวเราะไปด้วย จากคุณ : Mnemosyne - [ 29 ก.ค. 51 10:42:00 ]

ความคิดเห็นที่ 14 กินเสร็จก็เดินเข้าไปชม Melk Abbey ที่เขาว่าสวยจนเราต้องดั้นด้นนั่งเรือมาดู ส่วนแรกที่ได้เข้าชมเป็นพิพิธภัณฑ์ มีประวัติต่างๆมากมาย ไกด์เล่ามาเป็นยวง เมืองนี้ปัจจุบันรายได้หลักแทบจะมาจากการท่องเที่ยวล้วนๆ การนำทัวร์ การจัดแสดงของ พิพิธภัณฑ์ จึงทำกันอย่างดีเยี่ยมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ซ้ายบนคือรูปของ Melk Abbey ที่ถ่ายจากบนเรือ ขวาบนคือห้องในอาคารซึ่งเพดานไม่ได้โค้งแต่ศิลปินใช้ Optical illusion วาดจนหลอกตาดูเหมือนเพดานนั้นโค้ง อย่างเสาของรูปอาคารในรูปวาดบนเพดานนั้น มองมุมจากมุมไกลจะดูเหมือนตั้งตรง แต่พอเข้าไปใกล้ๆจะเห็นว่าวาดไว้เอียงกะเท่เร่เลย มองจากฝั่งตรงข้ามดูอย่างไรก็ตั้งตรง น่าทึ่งมากๆ ซ้ายล่างและขวาล่างคือด้านนอก ที่เห็นทางเดินยาวๆนั้นเป็นแกเลอรี่ มีรูปพระราชวงศ์เรียงอยู่ ส่วนที่เห็นโค้งๆเป็นก้นหอยคือบันไดวนที่วาดรูปสีสดไว้ รูปนี้ถ่ายจากกระจกที่ตั้งไว้ที่ชั้นล่างสุดแล้วสะท้อนย้อนกลับขึ้นไป จากคุณ : Mnemosyne - [ 29 ก.ค. 51 10:42:21 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ในที่สุดเราก็มาถึงตัววิหารและได้ชมความอลังการที่คนต้องแห่กันมาดูจากทั่วสารทิศ  เค้าว่ากันว่าเป็นหนึ่งในวิหารที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก Melk Abbey สร้างขึ้นเมื่อ 1089 เพื่อเป็นที่พำนักของพระในลัทธิ Benedictine เป็นศิลปะสไตล์บาโรค ที่นี่เป็นที่เก็บสะสมต้นฉบับหนังสือเก่าแก่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากมาย ที่ว่าเก่านี่คือ เก่าแบบมาจากสมัยยุคกลางเลยทีเดียวเชียว ภายในMelk Abbey สวยมากๆ เราถึงกับตกตะลึง มันทองระยิบระยับวับวาวมาก เดินเข้าไปถึงจะรู้สึก overwhelming มาก บรรยายไม่ถูกเลย มันยิ่งใหญ่ตระการตา เรารู้สึกเหมือนตัวหดลงเหลือเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ ที่โบสถ์นี้เป็นจุดหมายของนักแสวงบุญก็ด้วยมีอัฐิของนักบุญองค์ต่างๆบรรจุไว้อีกด้วย จากคุณ : Mnemosyne - [ 29 ก.ค. 51 10:42:39 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตื่นตาตื่นใจกับ Melk Abbey เสร็จก็ตากฝนกลับมานอนหมดแรงบนรถทัวร์จนกลับถึงเวียนนา เราเดินไปดูที่เค้ามี เบียร์การ์เด้นกัน บรรยากาศดูดี อาหารน่ากินเสียแต่มีคนสูบบุหรี่เยอะมากเพราะเป็นกลางแจ้ง เราทนไม่ไหวเลยขอลี้ภัยกลับโรงแรมไปนอนอืดอีกระลอกหนึ่ง ตกเย็นหิวอีกรอบก็ออกมาหาร้านอร่อยกัน วันนี้ไปกินที่ร้าน Julius Meinl Graben ที่อยู่ไม่ไกลจาก Stephanplatz ย่านกลางเมืองนัก ร้านนี้เค้าแนะนำให้จองก่อนเหมือนกัน แต่เราก็ลองๆเสี่ยงเข้าไปดู เป็นร้านหรูแต่เราไม่กลัวเพราะกลับไปเปลี่ยนชุดสวยพร้อมหยิบเครดิตการ์ดมาเรียบร้อยแล้ว โต๊ะที่นั่งได้วิวดีมองเห็นถนนด้านนอก เห็นแสงสลัวๆยามพระอาทิตย์อัสดง โต๊ะที่ติดหน้าต่างจริงๆมีสาวน้อยสองคนคุยจุ๊กจิ๊กกันอยู่ แหมกำลังคิดว่าบรรยากาศใต้แสงเทียน นั่งติดหน้าต่างโรเแมนติกจะตาย ไม่ทันขาดคำสาวสองคนเค้าก็จุ๊บกัน เอิ่ม เราคิดดังไปรึเปล่า สรุปว่าเค้าเป็น ... กัน หรือจุ๊บกันด้วยความรักฉันท์เพื่อนก็เรื่องของเค้า เหอๆ เราละความสนใจจากสองสาวมาเพ่งเมนูกันมั่ง ถึงราคาจะน่ากลัวใช่ย่อยแต่เราก็ปิดตา เอานิ้วจิ้มเมนูกันไป จานแรกที่มาคือ  Amuse-bouche อาหารฝรั่งเศสนั้น จะต้องมีจานแรกที่กระตุ้นต่อมรับรสชาติเพื่อเตรียมพร้อมกับอาหารที่กำลังจะมา รวมทั้งเป็นการบอกใบ้ถึงฝีมือเชฟ จานนี้คือจานเล็กๆในรูปที่เห็นมีเม็ดแดงๆ เหลืองๆเขียวๆ มันคือปลาเทราท์รมควัน ชิ้นเล็กเท่าปลายนิ้วก้อย กับราสเบอรรี่และของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่เราไม่รู้จัก แต่พอตักเข้าปากแล้ว อยากจะน้ำตาไหลพราก หมุนตัวสามตลบ ทำตาปิ๊งปั๊ง เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น โอ้ว รสชาติมันช่าง นุ่มละมุน อีกทั้งสัมผัสของส่วนผสมทุกอย่าง โอ้ว กลมกลืนกันไม่มีที่ติ แต่เนื่องจากคุณพี่สาวเสิร์ฟยืนมองอยู่ เราเลยทำได้แค่ในใจ ระงับอาการไว้มิให้คนในร้านแตกตื่น อีกสองจานที่สั่งก็มี Sear Veal Chop คือเนื้อลูกวัวภาพบน ทำกึ่งดิบเล็กน้อย มากับ Polenta คือไอ้เขียวๆนั่น รสชาติคล้ายๆโจ๊กหอมๆ นุ่มชุ่มลิ้นอีกเช่นกัน ส่วนรูปล่างเป็นสเต็กทาร์ทาร์ มากับกุ้งหนึ่งตัวถ้วน อร่อยอย่าบอกใคร นั่งปั้นหน้าผู้ดีละเลียดกันเสร็จก็ได้เวลาของของหวาน เราสั่งเชอร์เบตสี่สี มีไอติมเสาวรสมากับกีวี่ ไอติมราสเบอรรี่มากับสับปะรด ไอติมแบล็คเคอรเรนท์มากับแก้วมังกร และ ไอติมมะนาวมากับสตอเบอรรี่ จับคู่สร้างสรรค์ดีแท้ อีกอันสั่งไอ้โมลเท่นช็อกโกแลตแบบเมื่อกลางวันมากินอีกรอบ กำลังจะชมว่าร้านนี้ดีบริการประทับใจเค้าก็ด๊าน เอาขนมเราไปวางโต๊ะตรงข้าม เค้าก็ตักกินไปแล้นด้วย อ๊ายยย ของดีช้าน กว่าคุณบ๋อยจะรู้ตัวไปขอคืน ก็แหว่งไปครึ่ง สรุปว่าเค้าวิ่งกลับไปทำให้เราใหม่อีกเป็นนานสองนาน กรรม (ยังดีกว่ายกจากโต๊ะนู้นมาวางให้เราละเนอะ) กินอิ่มอร่อยก็ได้เวลาแห่งความจริงเมื่อบิลออกมาเกือบร้อยยูโร เหอๆๆ ทำปายด้ายยยย จากคุณ : Mnemosyne - [ 29 ก.ค. 51 10:43:02 ]

ความคิดเห็นที่ 17 และแล้วค่ำคืนสุดท้ายในเวียนนาก็จบลงอย่างน่าประทับใจ พบกันคราวหน้า จะพาไปเดินแฟรงเฟิร์ตเป็นเมืองสุดท้ายก่อนบินกลับนะคะ กระทู้ก่อนๆค่ะ Heidelberg http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6816241/E6816241.html Cologne http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6817172/E6817172.html Berlin http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6817211/E6817211.html Dresden http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6823037/E6823037.html Neuschwanstein and Linderhof + Munich http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6823478/E6823478.html Vienna http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6838867/E6838867.html จากคุณ : Mnemosyne - [ 29 ก.ค. 51 10:43:17 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มาแสดงตัวค่า ประทับบัตรผ่านด้วย จากคุณ : pajan - [ 29 ก.ค. 51 18:03:02 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณค่าาาาา จากคุณ : Mnemosyne - [ 29 ก.ค. 51 20:34:16 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ชอบดูสถาปัตยกรรมและงานศิลปะค่ะ  เพลินดีจัง อาหารก็น่าทาน  ไว้ถ้ามีโอกาสได้ไปร้านดังจะได้รีบไป  กลัวเจอบ๋อยโหดค่ะ จากคุณ : Red-Rose-14Feb - [ 29 ก.ค. 51 23:33:39 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แหะๆ พี่เค้าตัวใหญ่ๆอ่ะค่ะ มายืนหนวดกระดิกกดดันตอนเลือกแบบว่าเอาอะไรก็เอามาเถอะ แทบจะสั่งให้เราอยู่แล้ว แต่แหม ของอน่อยยังไงก็คุ้ม เห็นด้วยมั้ยคะ จากคุณ : Mnemosyne - [ 30 ก.ค. 51 08:22:14 ]

ความคิดเห็นที่ 22 รีวิวได้สนุกจังค่ะ อาหารหน้าตาดีมาก ๆ จากคุณ : Trip Tracking - [ 30 ก.ค. 51 14:59:16 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณมากนะคะ แหม ชื่นใจ จากคุณ : Mnemosyne - [ 2 ส.ค. 51 12:05:31 ]