ความคิดเห็นที่ 1 watanyoo (297)     14-08-2007, 04:12:55   [Edit message] -------------------------------------------------------------------------------- สวัสดีครับ วันนี้ผมอยากแนะนำ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ซึ่งว่าด้วยการ "ฉ้อโกงประชาชน" --------------------------------------------------------------------------------------------------- มาตรา 343 ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 341 ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความ อันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ต้องด้วยลักษณะดังกล่าวใน มาตรา 342 อนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท ------------------------------------------------------------------------------------------------------- อายุความของความผิดตามมาตรา 343 ความผิดอาญาจากมาตรานี้เป็นความผิดอัน ***ยอมความไม่ได้*** และด้วยเนื่องจากโทษจำคุกสูงสุดของมาตรา 343 คือ จำคุกไม่เกิน 7 ปี ดังนั้น ********* อายุความฟ้องร้องคือ 10 ปี ****** ครับ คำแนะนำในการจัดการด้านเอกสารเพื่อแจ้งความ ให้ print เอกสารดังกล่าวนี้ลงกระดาษ - หน้า web ที่มีการประกาศขาย ( เพื่อจะเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน ) - หลักฐานในการโอนเงิน, เลขที่บัญชีธนาคาร ( เพื่อจะได้เป็นหลักฐานว่าคนร้ายได้ไปซึ่งทรัพย์สิน ) - ข้อความใน email ที่คุณติดต่อคนคนร้าย, เบอร์โทรศัพท์ที่คนร้ายใช้ ( เพื่อเป็นหลักฐานประกอบสำนวน ถึง ) *************************** *************************** อันนี้สำคัญมากนะครับขอให้ แจ้งต่อตำรวจไปด้วยว่า "ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุด" *** อย่า *** แจ้งเพียงว่า แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน ถ้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเฉย ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะเพิกเฉย นะครับ เพราะเขาถือว่าถ้าคุณแจ้งแบบนี้แปลว่าคุณจะดำเนินการ ทางศาลด้วยตนเอง ( ตำรวจไม่เกี่ยว ) ____________________________________________________ ^ ^ ขออนุญาตด้วย เพื่อเป็นวิทยาทานครับ   จาก http://bbs.pramool.com/webboard/view.php3?katoo=Z05943 จากคุณ : JitZungkabuai - [ 6 ส.ค. 51 13:17:44 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ความคิดเห็นที่  11 : คดีฉ้อโกงประชาชนเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความไม่ได้ผู้เสียหายไม่จำต้องเเจ้งความ พงส.ก็มีอำนาจสอบสวนได้เเละพนักงานอัยการมีอำนาจฟ้องคดีได้ตามกฎหมาย ในส่วนของผู้เสียหายก็มีอำนาจขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการได้โดยขอถือคำฟ้องของพนักงานอัยการเป็นของตนเเละถือว่าอยู่ในฐานะโจทก์เช่นเดียวกันโดยไม่จำต้องเเจ้งความไว้ก่อน ข้อ1.เมื่อมีฐานะเป็นโจทก์เเล้วก็ไม่มีผลใดๆในส่วนอื่นสิทธิหน้าที่ ก็เป็นไปตามกฎหมายในฐานะโจทก์ ข้อ2.ฐานะของการเป็นผู้เสียหายมีอย่างไรก็คงมีอยู่อย่างนั้น เเละหากศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้ทรัพย์ที่เสียไปเนื่องจากการกระทำความผิดเเก่พ่อหรือเเม่เรา ก็ถือว่าอยู่ในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ยังคงมีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามกฎหมายในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ข้อ3. ต้องขอทราบก่อนว่าศาลชั้นต้นตัดสินว่าอย่างไรเดี๋ยวจะช่วยตอบให้ครับว่ากรณีต้องห้ามฎีกาจะเกิดขึ้นในกรณีใดบ้าง เพราะว่าคดีไม่ได้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเสมอไป จากคุณ : นิติกร - [12 ก.พ.51 10:32] _______________________________________________________ ^ ^ ขออนุญาตด้วย เพื่อเป็นวิทยาทานครับ   จาก http://www.thaijustice.com/webboard.asp?sub=0&id=646470 จากคุณ : JitZungkabuai - [ 6 ส.ค. 51 13:22:21 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มีอะไรหรือเปล่าครับ จากคุณ : มะพร้าวปั่น - [ 6 ส.ค. 51 13:51:16 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เข้ามาอ่าน ขอบคุณค่ะ จากคุณ : law of nature - [ 6 ส.ค. 51 15:30:08 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เข้ามาอ่าน... (2) อาศัยความเบาปัญญาของผู้ถูกหลอกลวงซึ่งเป็นเด็ก อืมม์...เบาปัญญา...และเป็นเด็ก... เอาหล่ะ..เราได้นิติกรที่ปรึกษาแระ... ขอบคุณคุณจิตซักกะบ๊วยมั่กๆ แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 51 16:39:51 จากคุณ : patj - [ 6 ส.ค. 51 16:39:06 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ^ ^ ^ เข้ามาถึงบางอ้อ กะปร้าข้างบน จากคุณ : ขออยู่ใกล้..แค่สายลม - [ 6 ส.ค. 51 16:42:56 ]

ความคิดเห็นที่ 7 งั้นขอถามท่านที่ปรึกษานิดนึงว่า.... หากจะให้เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนนั้น 1.ต้องมีผู้เข้ายื่นความจำนงค์เป็นโจทก์อย่างน้อยกี่คน 2.มีกำหนดหรือไม่ว่า"ความเสียหาย"ที่เกิดกับโจทก์แต่ละคนนั้นต้องมีมูลค่าเท่าใด ถามเพื่อให้รัดกุมยิ่งขึ้น เอิ่ม...อีกเรื่องค่ะ.... พอจะมีทนายเอื้ออาทรมั๊ยคะ... จากคุณ : patj - [ 6 ส.ค. 51 17:01:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 กฏหมายและข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงมีดังนี้ มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไป ซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 342 ถ้าในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ผู้กระทำ (1) แสดงตนเป็นคนอื่น หรือ (2) อาศัยความเบาปัญญาของผู้ถูกหลอกลวงซึ่งเป็นเด็ก หรืออาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกหลอก ลวง ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 343 ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 341 ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ต้องด้วยลักษณะดังกล่าวในมาตรา 342 อนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท ...... มาตรา 348 ความผิดในหมวดนี้ นอกจากความผิดตามมาตรา 343 เป็นความผิดอันยอมความได้ข้อหาฉ้อโกง จำนวนเงินไม่ใช่สาระสำคัญ (ตัวบท...โดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม) 500 - 1000 บาท ก็แจ้งความได้ถ้ายังอยู่ในอายุความ 3 เดือนนับแต่รู้ว่าถูก หลอกและรู้ตัวผู้กระทำความผิด ขอให้เข้าองค์ประกอบความผิด...มี 1. คนร้าย ( ตัวบทบอกว่า .. ผู้ใด ) 2. มีการหลอกลวง ( ตัวบทบอกว่า .. โดยทุจริต หลอกลวง ) ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือ ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง 3. ได้ไปซึ่งทรัพย์สิน จะเป็นเงินหรือสิ่งของ อะไรก็ได้ หรืออื่นๆ ตามตัวบท 4. มีผู้เสียหาย หรือผู้ถูกหลอก    นำหลักฐานการถูกหลอกเท่าที่มีได้แจ้งความที่ท้องที่ที่เกิดเหตุ เช่น เราดูอินเทอร์เน็ตที่บ้าน โอนเงิน เข้าธนาคารใกล้ที่บ้าน ก็ไปแจ้งความที่โณงพักใกล้ๆบ้าน นั้นแหละครับ ยิ่งถ้าผู้ใด (คนร้าย) ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความ จริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ( ประกาศโฆษณาชวนเชื่อ ) ยิ่งเป็นความผิดยอมความไม่ได้ หลังจากแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายเรียกผู้ต้องสงสัยดังกล่าวมาพบที่สถานีตำรวจ ถ้า ผู้ต้องสงสัยไม่มาพบเจ้าหน้าที่ ก็จะมีเหตุให้ต้องสงสัย ทำให้ขออนุมัติออกหมายจับได้ หมายจับจะมีอายุความ 5 ปี สำหรับติดตามตัวคนร้าย เมื่อใดผู้เสียหายพบตัวก็สามารถชี้และยืนยันให้จับกุมคนร้ายได้ทันที ข้อมูลเอื้อเฟื้อจาก Pramool.com http://www.thaisecondhand.com/faq/help5.php ^ ^ ขออนุญาตด้วยขอรับ เพื่อเป็นวิทยาทานครับ จากคุณ : JitZungkabuai - [ 6 ส.ค. 51 19:29:55 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หลักอาญาสมเด็จ5 สี -------------------------------------------------------------------------------- โดย มนต์ฤทัย นรคง วันที่ 26 ธันวาคม 2550 หลักอาญา 'สมเด็จ 5 สี' คุก 5 ปี ฉ้อโกงประชาชน .... ....(ผม จิตซังกาบ๊วยขออนุญาตละไว้นะขอรับเจ้าของบทความ) โทษฐานฉ้อโกงประชาชนนั้นหนักหนาเพียงใด? ตามหลักกฎหมายอาญาฐานความผิดฉ้อโกง มี 2 ระดับ ระดับแรก เรียกว่า ฉ้อโกงธรรมดา ระบุอยู่ในมาตรา 341 ผู้ใดทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่ 3 ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 341 คือ หลักการฉ้อโกงต่อ “บุคคล” ระดับที่ 2 เรียกว่า ฉ้อโกง “ประชา ชน” จะบัญญัติอยู่ในมาตรา 343 ความว่า ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 341 ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สรุปว่า ถ้าฉ้อโกงบุคคลธรรมดา มีโทษจำคุก 3 ปี แต่ถ้าฉ้อโกงประชาชน มีโทษจำคุก 5 ปี มาตรา 343 จึงเป็นมาตราที่กำหนดบทลงโทษหนักที่สุดของความผิดฐานฉ้อโกง อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องนี้มีกฎหมาย คุ้มครองผู้บริโภค กำหนดเป็นความผิดอีก 1 ฉบับ โดยมีอัตราโทษจำคุก 6 เดือน และปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท ผู้กระทำผิดคดีนี้ จึงอาจจะต้องตกเป็นผู้ต้องหาที่กระทำความผิดกรรมเดียว แต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท ซึ่งเวลาลงโทษ ศาลจะลงโทษตามกฎหมายที่มีโทษหนักสุด นอกจากเราต้องทำความเข้าใจหลักความรับผิดทางอาญาของคนทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน สิ่งที่ประชาชนควรรู้ โดยเฉพาะประชาชนที่เช่าบูชาพระไปแล้ว คือ กฎหมายมีทางเยียวยาความเสียหาย ซึ่งก่อนหน้านี้ นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ออกมาแนะแนวแล้วว่า กฎหมายแพ่งและพาณิชย์มีการกำหนดหลักโมฆียะของสัญญาเอาไว้ เพื่อบอกล้างการทำสัญญาเช่าบูชาพระ พูดง่ายๆ คือ เราบอกเลิกเช่าเพื่อขอเงินคืนได้ แต่ต้อง อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายที่ว่า เพราะเราสำคัญผิดในคุณสมบัติขององค์พระ อันเป็นสาระสำคัญที่ทำให้เราเช่าบูชา หรือเราถูกอวดอ้างสรรพคุณ ซึ่งทำให้เราหลงเชื่อเช่าบูชา คดีนี้ ดีเอสไอ บอกแล้วว่า เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ขณะเดียวกันปลัดกระทรวงยุติธรรมยืนยันแล้วว่า ประชาชนมีสิทธิเฉพาะบุคคลในฐานะผู้เช่าพระ ที่จะขอใช้สิทธิบอกล้างขอเงินค่าเช่าพระคืนจากผู้ให้เช่าพระ ซึ่งอาจบอกผ่านทางผู้รับจอง รับเช่า คือ ที่ทำการไปรษณีย์ และธนาคารที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ช่องทางที่ว่า ประชาชนจะไปใช้สิทธิทางศาล โดยเลือกฟ้องศาลแพ่ง เพื่อบอกเลิกสัญญา และเรียกคืนทรัพย์จากผู้จัดสร้าง ก็ถือว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่ง แต่ว่าช่องทางนี้ดีเอสไอไม่แนะนำ เนื่องจากยุ่งยาก และทุนทรัพย์ไม่สูงพอที่จะให้เราลงทุนเดินทางไปฟ้องศาลให้ตัดสิน คดีทุนทรัพย์ 999 บาท ควรรอให้กฎหมายใช้วิธีทางอาญาจัดการกับเรื่องนี้ ฉากสุดท้ายของพระสมเด็จเหนือหัว 5 สี จะจบลงอย่างไร วันนี้ “สิทธิกร บุญฉิม” หรือเสี่ยอู๊ด กลายเป็นผู้ต้องหา ตามหมายจับของดีเอสไอ ซึ่งขอให้การในชั้นศาลตามสูตร และตราบใดที่ศาลยังไม่พิพากษา ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่ายังเป็น ผู้บริสุทธิ์ คงจะเป็นอุทาหรณ์ให้เซียนพระรายอื่นว่า อย่าอุตริ อยู่กับพระก็น่าจะสันทัดใน เรื่องบาปบุญคุณโทษ ถ้ารู้แล้วยังทำผิดเสียเอง กรณีแบบนี้เมื่อไปถึงศาล ศาลท่านคงไม่เมตตา และนอกจากจะลงโทษหนักแล้ว ยังไม่มีเหตุให้บรรเทาโทษด้วย ----------------------------------------------------------------------------- http://www.posttoday.com/topstories.php?id=211195 ^ ^ ขออนุญาตด้วยขอรับ เพื่อเป็นวิทยาทานครับ จากคุณ : JitZungkabuai - [ 6 ส.ค. 51 19:50:24 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สภาทนายความ เลขที่ 7/89 อาคาร 10 ถนนราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ 0-2629-1430 (อัตโนมัติ) The Lawyerscouncil of Thailand 7/89 Mansion 10, Rajdamnoen Avenue, Pranakorn District, Bangkok 10200 THAILAND. Tel. (662) 629-1430 Fax. (662) 282-9907-8 http://www.lawyerscouncil.or.th จากคุณ : JitZungkabuai - [ 6 ส.ค. 51 20:20:38 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณค่ะ สำหรับความรู้ จากคุณ : bakaza - [ 7 ส.ค. 51 10:15:29 ]