ความคิดเห็นที่ 1 ซึ่งในขณะนี้ก็มีบรรดาเพื่อนๆชาวพันทิปของเราพร้อมทั้งประชาชนทั่วๆไปและกลุ่มอนุรักษ์ต่างๆก็กำลังยื่นเรื่องเพื่อขอคัดค้าน จากการนำเสนอแนวความคิดที่ว่าการจะเปิดอุทยานฯ ต่อกรมอุทยานและนักการเมืองระดับสูงประจำกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมให้ยับยั่งการกระทำดังกล่าวต่อไปนั้น จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:05:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แต่วันนี้ขอย้อยรอยถอยหลังไปยังอีกหน่วยงานหนึ่ง  ที่ในอดีตเมื่อปี 2546 ได้พยายามจัดตั้งองค์กรหนึ่งขึ้นมา เพื่อจะพัฒนาเรื่องการท่องเที่ยวของไทยให้ก้าวไกลไปสู่โลกบริโภคนิยม  นั่นก็คือองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:07:26 ]

ความคิดเห็นที่ 3 และในวันนี้ขอนำเสนอเรื่องราวบางแง่มุมขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(อพท.)   ที่เรื่องราวดังกล่าวดันไปสอดคล้องกับแผนพัฒนาของกรมอุทยานที่จะเปิด10อุทยานให้เอกชนเข้ามาบริหาร .............นี่มันเป็นผลประโยชน์การท่องเที่ยวเพื่อใคร ? จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:09:26 ]

ความคิดเห็นที่ 4 นับแต่ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ได้ถูกจัดตั้งขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกา (องค์การมหาชน) เมื่อปี พ.ศ.2546 การเดินหน้าจัดระบบการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวได้รุกคืบไปอย่างรวดเร็วภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มยุทธศาสตร์เชิงพื้นที่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ (พ.ศ.2548 – 2551) จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:11:28 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เป้าหมายของการก่อตั้ง อพท. เพื่อหากำไรจากการขายการท่องเที่ยวโดยการขายต้นทุนของสังคม อันได้แก่ ทรัพยากรธรรมชาติ และศิลปวัฒนธรรม ของชุมชนท้องถิ่น การจัดการท่องเที่ยวที่จะสร้างรายได้ต้องหาจุดขายจากพื้นที่เป้าหมาย เช่น ที่เกาะลันตานักท่องเที่ยวชอบผ้าบาติก และที่กระบี่สามารถขายวิถีชีวิตเรื่องการประมง ซึ่งเป็นแรงดึงดูดทางวัฒนธรรม เพื่อแข่งขันการขายการท่องเที่ยวกับบาหลี การบริหารจัดการท่องเที่ยวต้องทำแบบครบวงจร ด้วยการปรับปรุงพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยว มีการคมนาคมขนส่งสะดวก มีสถานที่การท่องเที่ยวที่หลากหลายสร้างแรงจูงใจให้มีการลงทุนการท่องเที่ยวโดยกลุ่มธุรกิจจากต่างชาติ และนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาให้มากที่สุดเท่ากับนักท่องเที่ยวคนไทย จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:13:53 ]

ความคิดเห็นที่ 6 พื้นที่เกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยง จังหวัดตราด ได้ถูกประกาศเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวแห่งแรกของประเทศ นักลงทุนจากจังหวัดภูเก็ต ที่หนีภัยจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ได้เข้ามาลงทุนที่หมู่เกาะช้างอย่างต่อเนื่อง กลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์ เช่น กลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา ทุ่มงบประมาณสร้างโรงแรมขนาด 5 ดาวบนเกาะช้าง ปัจจุบันราคาที่ดินบนเกาะมีราคาขายเริ่มต้นที่ 5 – 10 ล้านบาทต่อไร่ และกลุ่มซันซิตี้ จากประเทศแอฟริกา ผู้นำธุรกิจเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ได้ลงทุนถึง 50,000 ล้านบาท บนเกาะกระดาด กิ่งอำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:16:20 ]

ความคิดเห็นที่ 7 พื้นที่การท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ตเป็นกรณีตัวอย่างชัดเจนของภาพฝันที่จำลองการท่องเที่ยวในต่างประเทศ ที่เอื้อผลประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวและการบริการ การปรับปรุงภูมิทัศน์ของพื้นที่ท่องเที่ยวถูกวางแผนไว้อย่างเป็นระบบ ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้ออำนวยต่อการท่องเที่ยวระดับไฮคลาสมากกว่าคนไทย เราจะเห็นได้จากชายทะเลที่เกาะภูเก็ต มีเพียงหนึ่งถึงสองแห่งซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่คนไทยซึ่งมีเงินไม่มากนักจะสามารถเที่ยวได้ นอกนั้นเป็นพื้นที่ของเอกชนที่ครอบครองที่ดินชายทะเลอย่างถูกกฎหมาย ทั้งๆที่ตามกฎหมายแล้วเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:18:06 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ด้วยเหตุนี้ประชาชนที่ภูหลวง ภูกระดึง เกาะเสม็ด เกาะช้าง และเกาะพีพีจึงคัดค้านการประกาศพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างแข็งขัน เพราะเล็งเห็นแล้วว่าผู้ประกอบการขนาดย่อยรวมทั้งนักท่องเที่ยวที่มีรายได้ไม่มากนัก ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายของ อพท.อย่างเท่าเทียม ประเด็นสำคัญคือกระบวนการจัดทำแผนแม่บทของ อพท. ถึงแม้จะมีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น แต่ข้อเสนอของคนในพื้นที่ไม่ได้ส่งผลต่อการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:19:35 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เพราะฉะนั้นเป้าหมายของการแก้ไขปัญหาความยากจนด้วยการให้เศษเสี้ยวของเงินแก่คนยากจนนั้นเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อแบบสงเคราะห์ ที่เลวร้ายไปกว่านั้นการท่องเที่ยวที่โฆษณาไว้สวยหรูว่าจะยั่งยืน เป็นเพียงมายาภาพที่กลับไปทำลายทรัพยากรธรรมชาติให้เสื่อมโทรมมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่พื้นที่ป่าเขาและพื้นที่ชายทะเล ซึ่ง อพท.ร่วมกับกรมอุทยานมีแผนแม่บทที่จะขายต้นทุนของสังคมให้เป็นสินค้าแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:21:24 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ.2542 ต้องการจัดตั้งองค์การมหาชนที่เป็นการบริการสาธารณะ ให้มีการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและบุคลากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีระบบการบริหารงานแตกต่างไปจากส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ และต้องไม่เป็นกิจการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร (มาตรา 5) จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:23:01 ]

ความคิดเห็นที่ 11 และเมื่อมาพิจารณาการออกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. (องค์การมหาชน) พ.ศ.2546 โดยเจตนารมณ์ของกฎหมายไม่ได้ขัดต่อหลักการของกฎหมายองค์การมหาชน และที่สำคัญตามมาตรา 3 ได้นิยามความหมายที่แสดงชัดถึงเจตนารมณ์ของพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนไว้ว่า “การจัดการรูปแบบการท่องเที่ยวเพื่อตอบสนองความจำเป็นทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสุนทรียภาพ โดยคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรที่มีคุณค่าอย่างสมเหตุสมผล และสามารถรักษาเอกลักษณ์ของธรรมชาติ วัฒนธรรมเพื่อการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน” จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:25:12 ]

ความคิดเห็นที่ 12 วัตถุประสงค์ของ อพท. ได้บัญญัติไว้ชัดเจนในมาตรา 7 (5) (6) และ (7) ที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในการอนุรักษ์ และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และบำรุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น ตลอดจนให้เกิดการจ้างงานและยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของท้องถิ่นให้ดีขึ้น จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:27:07 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แต่ปรากฏว่าในทางปฏิบัติกลายเป็นคนละเรื่องกับกฎหมาย ประชาชนเชียงใหม่ และประชาชนที่เกาะเสม็ด ภูหลวง เกาะช้าง และเกาะพีพี ได้แสดงความเห็นคัดค้านนโยบายและแผนยุทธศาสตร์พัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมาโดยตลอด ซึ่งเป็นการวางผังเมืองที่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยว จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:41:26 ]

ความคิดเห็นที่ 14 โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการบริหารของ อพท. ได้วางแผนจะย้ายผู้ประกอบการรายย่อยบนเกาะพีพีซึ่งแต่เดิมได้ทำกิจการใกล้กับชายฝั่งทะเลไปอยู่บนเขา และไปขับไล่ประชาชนในพื้นที่ซึ่งครอบครองที่ดินบนเขามาก่อนการประกาศอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ ในขณะที่กลุ่มทุนขนาดใหญ่ประกอบกิจการท่องเที่ยวติดชายฝั่งทะเลได้ ความไม่เท่าเทียมนี้เองเกิดขึ้นในพื้นที่ท่องเที่ยวของ อพท. ที่เป็นเกาะแทบทั้งสิ้น จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:43:10 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เพราะฉะนั้นการท่องเที่ยวที่จะทำให้คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของคนท้องถิ่นดีขึ้นจึงเป็นความฝันลมๆ แล้งๆ เพราะทุกวันนี้คนยากจนเป็นได้แต่เพียงแรงงานรับจ้าง และขายของเล็กๆน้อยๆที่ทำมาหากินแบบวันต่อวัน อีกทั้งยังถูกขับไล่จากที่ดินเดิมอันเนื่องมาจากการวางผังเมืองและปรับภูมิทัศน์การท่องเที่ยวใหม่ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:44:31 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผลประโยชน์ที่เห็นอยู่เบื้องหน้าของการประกาศพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว ก็มาจากการร่วมทุนของอพท. และกลุ่มทุนในการประกอบกิจการท่องเที่ยวและการบริการ รวมทั้งการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าบำรุง ค่าตอบแทน และค่าบริการในการดำเนินกิจการ ซึ่งกฎหมายของ อพท.มาตรา 8 (4) และ (6) ได้เปิดช่องทางให้ อพท.ทำได้ ลักษณะเช่นนี้ชี้ชัดว่าเป็นการแสวงหากำไรที่แฝงเร้นไว้เพื่อสร้างความชอบธรรมทางกฎหมาย เนื่องจากอาจมีการตีความได้ว่าเป็นการหารายได้ประเภทหนึ่งที่กฎหมาย อพท.เปิดช่องให้ทำได้ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:45:42 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ในความเป็นจริงนั้น อพท.ได้ผลประโยชน์มหาศาลจากต้นทุนของทรัพยากรธรรมชาติ และภูมิปัญญาและวัฒนธรรมของท้องถิ่น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามา และอพท.ก็ได้อาศัยต้นทุนดังกล่าวด้วยการได้ประโยชน์จากการเข้าถือหุ้นในโรงแรมและที่ดินที่เอกชนเป็นผู้ลงทุน และมีอำนาจตามกฎหมายในการอนุมัติใบอนุญาตของผู้ประกอบการ โดย อพท.ไม่ต้องลงทุนลงแรงแต่อย่างใด นอกจากการบริหารจัดการ เช่น กรณี เกาะพีพี และเกาะช้าง เป็นต้น จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:47:54 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอสรุปเรื่องการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และการกระจายรายได้ให้กับคนท้องถิ่น จึงเป็นความฝันที่เป็นไปไม่ได้เลยในคราบของ อพท. แต่จะกลายเป็นการแปลงทรัพยากรธรรมชาติให้ตกอยู่ในมือของกลุ่มทุนเข้ามาแทนเสียมากกว่าครับ............ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:49:06 ]

ความคิดเห็นที่ 19 และขอปิดท้ายกระทู้นี้กับเรื่องสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ   จากการที่วุฒิสภามีมติไม่ให้มีการจัดตั้งป่าชุมชนในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในร่างกฎหมายป่าชุมชนนั้น ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ทรัพยากรที่มีอยู่ในประเทศนั้นเป็นของใครกันแน่ ป่าไม้เป็นของรัฐหรือเป็นของชาวบ้าน ปลาในแม่น้ำเป็นของใคร แร่ธาตุใต้ดินเป็นของใคร ทำไมชาวบ้านที่รวมตัวกันเป็นชุมชนถึงไม่มีสิทธิจัดการป่าที่อยู่ในเขตของชุมชน หากพื้นที่นั้นได้ถูกรัฐตีเส้นกำหนดว่าเป็นพื้นที่อนุรักษ์ ในทางทฤษฎี เราอาจแบ่งทรัพย์สินออกได้เป็น 4 ประเภท คือ - ทรัพย์สินร่วม (Common property) - ทรัพย์สินของรัฐ (State property) - ทรัพย์สินของเอกชน (Private property) - ทรัพย์สินสาธารณะ (Open-access property) จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:53:10 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ทรัพย์สินร่วม คือทรัพย์สินซึ่งกลุ่มคนในสังคมเป็นเจ้าของร่วมกัน คนทุกคนที่เป็นสมาชิกของกลุ่มต่างรู้สึกร่วมกันว่าสิ่งนั้นเป็นของตน ทุกคนมีส่วนได้เสียและมีความเกี่ยวข้องร่วมกัน การใช้และการดูแลรักษาทรัพย์สินแบบนี้มักจะถูกกำหนดด้วยกฎเกณฑ์ของชุมชนหรือโดยจารีตของกลุ่ม เช่น ชุมชนที่ดูแลป่าจะมีกฎเกณฑ์ที่กำหนดร่วมกัน ว่าการใช้การหาของป่านั้นจะทำอย่างไร วิธีใดทำได้ วิธีใดห้ามทำ เช่นอาจกำหนดว่าการหาของป่าโดยทำลายป่าหรือทรัพยากรในป่าจะทำไม่ได้ หากใครไม่ปฏิบัติตาม ก็จะถือว่าละเมิดจารีตประเพณีของชุมชน และถูกแซงค์ชั่นโดยสมาชิกของชุมชน เป็นต้น จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:55:26 ]

ความคิดเห็นที่ 21 กฎหมายจารีตประเพณีเกี่ยวกับทรัพย์สินร่วมนั้นเกิดขึ้นมาช้านานแล้ว เกิดขึ้นมาก่อนที่จะมีกฎหมายของรัฐเสียอีก กฎหมายรัฐชาตินั้นเพิ่งจะมีขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ อย่างมากก็ไม่เกิน 300 ปี ก่อนหน้านั้น มนุษย์ได้รวมตัวอยู่ด้วยกันเป็นชุมชนเป็นเวลานับพันนับหมื่นปี ชุมชนได้สร้างความสัมพันธ์กับทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมมานานหลายชั่วอายุคน โดยใช้จารีตประเพณีเป็นกฎเกณฑ์กำกับความสัมพันธ์ดังกล่าว แต่กฎหมายจารีตประเพณีของชุมชนก็ถูกเปลี่ยนไปในเวลาต่อมา โดยถูกแทนที่โดยกฎหมายของรัฐ ทรัพยากรที่เคยเป็นทรัพย์สินร่วมได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นของทรัพย์สินของรัฐและของเอกชน เช่น ป่าไม้ได้ถูกประกาศให้เป็นป่าสงวน เป็นอุทยานแห่งชาติ กลายเป็นสมบัติของรัฐที่ห้ามบุคคลใดเข้าไปใช้หรือหาประโยชน์ และทรัพยากรบางส่วนก็ถูกเปลี่ยนเป็นของเอกชน เช่น ในระบบศักดินา ข้าราชการและขุนนางก็ได้รับเอกสิทธิ์ให้เป็นเจ้าของที่ดินตามศักดิ์และฐานันดรของตน เป็นต้น แต่ก็มีทรัพยากรบางอย่างที่ยังคงถูกกันเป็นทรัพย์สินสำหรับการใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็คือทรัพย์สินสาธารณะต่างๆ เช่น แม่น้ำลำคลอง ทรัพยากรในทะเล ทรัพยากรในอวกาศ ฯลฯ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 03:58:58 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ป่าไม้ พืช สัตว์ป่า และแร่ธาตุต่างๆ นั้น ในอดีตถูกจัดการโดยกฎเกณฑ์ที่ที่เรียกว่า “กฎหมายจารีตประเพณีของชุมชน” ซึ่งต่อมาเมื่อรัฐมีอำนาจมากขึ้น รัฐก็ถือว่าทรัพยากรดังกล่าวเป็นของรัฐ รัฐได้ยึดเอาทรัพยากรเหล่านี้เป็นของรัฐโดยอ้างหลักการ “อำนาจอธิปไตย” (Sovereignty) แต่ปัญหาคือ เมื่อรัฐยึดทรัพยากรไปแล้ว รัฐกลับใช้ไม่เป็น ดูแลไม่เป็น เมื่อกินรวบเป็นของตัวเองแล้ว กลับไม่รู้ว่าจะใช้ประโยชน์อย่างไร จะรักษาไว้อย่างไร ซึ่งความไม่ประสีประสาของรัฐได้เปิดช่องให้คนที่ฉลาดกว่า มีอำนาจมากกว่า เข้ามาเอาเปรียบตักตวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 04:00:06 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ระบบสัมปทานก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์และทำลายทรัพยากรอย่างกว้างขวาง เกิดการสูญหายของทรัพยากรและการลดลงของความหลากหลายทางชีวภาพ เกิดปัญหามลภาวะ เกิดการตัดไม้ทำลายป่า นำไปสู่ปัญหาโลกร้อนและสภาวะปฏิกิริยาเรือนกระจก มีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมโลก เนื่องจากปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาร่วมกันของโลก สังคมโลกได้เริ่มตระหนักถึงวิกฤติสิ่งแวดล้อมและโทษภัยของการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอย่างไม่ยั่งยืน และมองว่าวิธีการจัดการทรัพยากรแบบรวมศูนย์โดยผ่านอำนาจรัฐนั้น เป็นวิธีการที่ล้มเหลว และเป็นต้นเหตุของวิกฤติการณ์ต่างๆ ดังนั้น ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จึงได้มีความพยายามที่จะสร้างกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศแนวใหม่ขึ้น โดยให้ความสำคัญต่อบทบาทของชุมชนท้องถิ่นในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 04:02:44 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตัวอย่างเช่น มีการแปลความ Article 55 ในกฎบัตรสหประชาชาติ ที่ว่าด้วยสิทธิในการกำหนดใจตนเอง (Right of self-determination) ว่าหมายถึงสิทธิของประชาชนที่รวมกลุ่มกันเป็นชุมชน ที่จะบริหารจัดการทรัพยากรสิ่งแวดล้อมและกำหนดแนวเศรษฐกิจของตนเอง หรือในรายงาน Brundtland ฉบับปี ค.ศ. 1987 ที่เสนอต่อองค์การสหประชาชาติ ก็ได้เสนอแนวทางแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมภายใต้แนวคิดเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน จุดปรับเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดของกฎหมายระหว่างประเทศ เกิดขึ้นในการประชุมว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาของ UNCED ในปี ค.ศ. 1992 ที่กรุงริโอ เดอจาเนโร โดยได้มีการกำหนดเป็นหลักการสากลว่า การจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจะต้องไม่ใช้ระบบการรวมศูนย์ของรัฐ หากแต่จะต้องส่งเสริมบทบาทและการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 04:04:56 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ในขณะที่สิทธิชุมชนได้รับการยอมรับมากขึ้นในระดับระหว่างประเทศ แต่กฎหมายภายในของไทยในเรื่องนี้ยังคงไม่ก้าวหน้าเท่าใดนัก ทั้งที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้รับรองสิทธิของชุมชนไว้ในหลายมาตรา กฎหมายไทยที่มีอยู่ก็ยังคงใช้วิธีการจัดการทรัพยากรแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ. ป่าไม้ฯ พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฯ พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติฯ  พ.ร.บ. ส่งเสริมและจัดการสิ่งแวดล้อมฯ ฯลฯ กฎหมายทั้งหมดนี้ล้วนแต่ใช้ระบบรวมศูนย์โดยผ่านกลไกของรัฐทั้งสิ้น จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 04:06:10 ]

ความคิดเห็นที่ 26 สิทธิชุมชนไม่ได้เกิดจากอำนาจรัฐ แต่เกิดจากจารีตประเพณีและปรากฏการณ์ในสังคม ซึ่งรัฐมีหน้าที่ที่จะต้องออกกฎหมายมารับรอง โดยรัฐจะต้องรับรองภูมิปัญญาท้องถิ่น รับรองสิทธิของชุมชนในการบริหารจัดการและการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนจากทรัพยากร   รับรองสิทธิจะรักษาไว้ซึ่งวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชน ฯลฯ การรับรองสิทธิชุมชนเช่นนี้มิได้ขัดแย้งกับอำนาจอธิปไตยของรัฐ  รัฐยังคงมีสิทธิเหนือทรัพยากรที่มีอยู่ในเขตแดนของรัฐ ยกเว้นทรัพยากรที่ชุมชนได้ใช้ประโยชน์มาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง  รัฐจะต้องให้ความเคารพและปล่อยให้ชุมชนได้อยู่ใช้ และดำเนินวิถีชีวิตของเขาต่อไป ความยากลำบากของเรื่องนี้จึงอยู่ที่การพิสูจน์ถึงความสัมพันธ์ที่ยาวนานและต่อเนื่องของชุมชนและทรัพยากร จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 04:08:22 ]

ความคิดเห็นที่ 27 หากจะลองยกตัวอย่างสิ่งที่ชุมชนไม่อาจอ้างสิทธิได้ก็เช่น แม่น้ำลำคลอง ซึ่งเป็นสิ่งที่มีผลประโยชน์ร่วมกันของคนส่วนใหญ่เกี่ยวข้อง ชุมชนใดชุมชนหนึ่งจึงไม่ควรมีสิทธิอ้างแม่น้ำลำคลองเป็นของตนเอง เช่นเดียวกับที่มีคนบอกว่าป่าต้นน้ำหรือป่าอนุรักษ์เป็นของคนส่วนใหญ่ ที่ต้องปลอดจากสิทธิของบุคคลหรือชุมชนใดๆ อย่างไรก็ตาม ผมเห็นว่าสิทธิชุมชนเหนือพื้นที่ป่าต้นน้ำหรือป่าอนุรักษ์นี้อาจมีได้เพียงกรณีเดียว คือกรณีที่ป่าต้นน้ำหรือป่าอนุรักษ์นั้นเป็นสิ่งที่ชุมชนได้ดูแลและรักษามาอย่างยาวนานจนกลายเป็นจารีตประเพณี ซึ่งหากพิสูจน์ได้เช่นนี้ รัฐก็มีหน้าที่ทางศีลธรรมที่จะต้องรับรองสิทธิของชุมชน ไม่ใช่ไปอ้างอำนาจรัฐและยกเอาชุมชนออกจากป่าที่ชุมชนอยู่ โดยตัดการสืบทอดทางวัฒนธรรมที่มีอย่างยาวนานออกไป จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 04:11:08 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โดยสรุป สิทธิชุมชนเหนือทรัพยากรธรรมชาติเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานตั้งแต่มนุษย์รวมตัวกันเป็นชุมชน รัฐได้ใช้อำนาจอธิปไตยริบเอาสิ่งดังกล่าวเป็นของรัฐ และได้แปรรูปทรัพยากรไปเป็นของเอกชน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างสำคัญต่อจำนวนทรัพยากรและวิถีชีวิตของผู้คน การรับรองสิทธิชุมชนจึงมีความสำคัญไม่แต่เพียงการคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชนเท่านั้น หากแต่ยังมีนัยสำคัญต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรที่มีค่าให้คงอยู่ และต่อการฟื้นคืนชีวิตให้กับสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศน์อีกด้วย จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 04:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 29 สำหรับวันนี้ที่ผมได้นำเสนอมาทั้งหมดตั้งแต่เรื่องราวขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.)และสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาตินั้น ก็เพียงเพื่อบอกกล่าวถึงเรื่องราวในบางแง่มุมที่น่าติดตามและทบทวนหลายๆโครงการของรัฐ และขอบอกว่า..... ผืนป่าเป็นของคนท้องถิ่น เป็นทุนของชาวบ้าน ไม่ต้องมาแปลง แต่เปิดโอกาสให้ชาวบ้านเข้าถึงทรัพยากรได้ตามสมควร ไม่ว่าจะเป็น กฎหมาย วิถีชีวิต และวัฒนธรรม และหากรัฐบาลจะแปลงให้เป็นทุน ก็ต้องทำด้วยความละเอียดรอบคอบ เพราะเงินที่นำมาใช้ล้วนเป็นภาษีของประชาชน.......... แต่สิ่งที่น่าจับตามองต่อไปว่า แท้จริงแล้ว รัฐบาลต้องการเก็บรักษาพื้นที่ป่าอนุรักษ์ไว้เพื่อผลประโยชน์ของใคร ? และวันนี้ 28 ส.ค. 51 มูลนิธิสืบนาคะเสถียรออกแถลงการณ์คัดค้านนโยบายเปิดสัมปทานให้เช่าพื้นที่ป่า ยืนยันให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำรงจุดยืนในการรักษาพื้นที่ป่ามิใช่แปลงป่าเป็นทุน แถลงการณ์........มูลนิธิสืบนาคะเสถียรคัดค้านนโยบายเปิดสัมปทานให้เช่าพื้นที่ป่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีนโยบายเปิดสัมปทานให้เอกชนเข้ามาดำเนินการโรงแรมและที่พักในเขตพื้นที่บริการ 10 แห่ง เป็นเวลา 30 ปี รวมทั้งการให้บริการท่องเที่ยว โดยอ้างว่าเพื่อจะนำรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ป่าอนุรักษ์มาช่วยเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งดีกว่าปล่อยให้เสื่อมโทรมและถูกบุกรุกจากนั้น มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ในฐานะองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเห็นว่า การเปิดพื้นที่ป่าอนุรักษ์ให้เอกชนเช่า จะทำให้เกิดผลกระทบต่างๆ ดังนี้ :- 1. การเปิดพื้นที่ป่าอนุรักษ์ให้เอกชนเช่า เป็นการทำลายแหล่งธรรมชาติอย่างถาวร เนื่องจากการลงทุนเป็นการลงทุนในระยะยาว และส่งผลเสียต่อระบบนิเวศของพื้นที่โดยตรง 2. อุทยานแห่งชาติทั่วประเทศไทย เป็นพื้นที่สาธารณะ ควรต้องมีความเป็นธรรมในการเข้าถึงทรัพยากรอย่างเหมาะสมตามหลักวิชาการ ทั้งนี้ควรมีการกันพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งอยู่นอกเขตพื้นที่อนุรักษ์ สำหรับการลงทุนของภาคธุรกิจอย่างเหมาะสม 3. การกระทำดังกล่าว เป็นการเปิดช่องทางการเข้ามาหาประโยชน์ของภาคธุรกิจ จนเกินขีดความสามารถในการรองรับของพื้นที่ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้มีการใช้อิทธิพลทางการเมือง กลุ่มทุนท้องถิ่น เข้ามาใช้ประโยชน์จากตัวราชการ ให้เปิดการบริการเพื่อใช้ประโยชน์ในพื้นที่อนุรักษ์กระจายไปทั่ว ทำให้คุณค่าของระบบนิเวศโดยรวมถูกทำลายลงในที่สุด ดังนั้นด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น มูลนิธิสืบนาคะเสถียรจึงขอแสดงความไม่เห็นด้วยและคัดค้านนโยบาย การเปิดพื้นที่ป่าอนุรักษ์ให้เอกชนเช่า และยืนยันให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำรงจุดยืนในการรักษาพื้นที่ป่ามิใช่แปลงป่าเป็นทุน มูลนิธิสืบนาคะเสถียร จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 04:25:35 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอขอบคุณเพื่อนๆที่แวะมาแสดงความคิดเห็นเมื่อถูกอารยะข่มขืนธรรมชาติทุกๆท่าน   และขอขอบคุณภาพประกอบจาก หมอล๊อต สัตวหนุ่มที่ยึดมั่นต่อสิ่งที่กระทำในวันนี้และน้องซาไก(ช่างภาพหนุ่มจากเมืองตรัง)   ขอบคุณเพื่อนผู้ต่อสู้กับอารยะข่มขืนธรรมชาติเช่นคุณศยามล  ไกยูรวงศ์ จากโครงการเสริมสร้างจิตสำนึกนิเวศวิทยา ผู้ที่บันทึกบทความเรียงร้อยอักษรสารร่วมกันอย่างสูงครับ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 ส.ค. 51 04:30:05 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ สำหรับข้อมูล อ่าน+ดูรูป  รู้สึกสลดใจ จากคุณ : ผักกะเฉดใส่ไข่ - [ 29 ส.ค. 51 05:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ทั้งภาพ และข้อความทำเอาปวดใจเลยค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้สำหรับผู้ดำเนินการทุกๆท่านนะคะ จากคุณ : Picike - [ 29 ส.ค. 51 05:26:33 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ข้อมูลอัดแน่น 30 ความเห็นเต็ม ๆ รับรู้แล้วหดหู่ใจจังครับ ยิ่งเห็นภาพลูกช้างในความเห็นที่ 8 และ 21 แล้วผมจำได้เป็น " พลายสามพราน " ครอบครัวของผมไปเยือน ร.พ.ช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ลำปาง ยืนดูมันอยู่นาน...... หลังจากนั้นอีก 9 วันมันก็ล้ม จากคุณ : Heron - [ 29 ส.ค. 51 06:53:17 ]

ความคิดเห็นที่ 34 สลด หดหู่ใจกับความเห็นแก่ตัวของบุคคลบางกลุ่ม ขอยืนไว้อาลัยให้กับธรรมชาติอันสวยงามที่ต้องถูกทำลาย ขอบคุณจขกท.สำหรับข้อมูลดีๆค่ะ จากคุณ : เที่ยวท่องพันลี้ (devil_mars) - [ 29 ส.ค. 51 08:18:05 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อ่านแล้วปวดใจมากมายค่ะอาก๋ง ... ของของเรา กลายเป็นต้นทุนที่เค้าไม่ต้องจ่ายไปแล้ว จากคุณ : ลาเต้แก้วหญ่ายๆ - [ 29 ส.ค. 51 08:27:00 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ธรรมชาติ มันสามารถรักษาตัวมันเองได้ ธรรมชาติ ไม่ต้องการ การพึ่งพาจากนายทุน เพื่อเข้าไปดูแลรักษา ธรรมชาติ แค่รักษา และดูแล เอาใจใส่ ให้ดำรงค์ คงสภาพเดิมเท่านั้นพอ ธรรมชาติ ที่เรามอบหมาย ด้วยภาษีจากเราประชาชนคนไทย เพื่อให้หน่วยงานของรัฐดูแล ไม่ใช่ รุกล้ำ 1 โหวต แด่กระทู้นี้ ของ สหายสาริกา T___T นองหน้า ด้วยน้ำตา แห่งการถูก ข่มขืน จากคุณ : จังเกิ้ล - [ 29 ส.ค. 51 08:27:25 ]

ความคิดเห็นที่ 37 สงสารช้างจังค่ะ... จากคุณ : นังนู๋ฟ้า - [ 29 ส.ค. 51 08:31:11 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อารยะข่มขืนธรรมชาติ เห็นภาพเลยครับน้าสหายสาริกา จากคุณ : แก่ กรุงเก่า - [ 29 ส.ค. 51 08:38:24 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณพี่หมูสาริกาเรื่องราวดีๆที่นำมาปลุกจิตสำนึกกับขบวนการ..อารยะข่มขืน(ธรรมชาติ)..  และขอให้ทีมงานและสมาชิกท่ไปร่วสร้างโป่งเทียม ในวันพรุ่งนี้ได้ดำเนินการได้สำเร็จตามความมุ่งหมาย และขอให้เดินทางปลอดภัยครับ!!!/ จากคุณ : Red Fox - [ 29 ส.ค. 51 08:41:07 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ปวดใจจริง ๆ ไม่รู้จะพูดอะไรยังไงค่ะอาก๋ง เด๋วไปต่อที่หลังมือนะคะ จากคุณ : Kaper - [ 29 ส.ค. 51 08:41:27 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อารยะข่มขืนธรรมชาติ : กฏหมู่ที่อยู่เหนือสิ่งแวดล้อม เพื่อการท่องเที่ยว "    " จากคุณ : Draught Beer - [ 29 ส.ค. 51 08:52:51 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ถ้าเอกชนเข้ามาบริหาร แล้วภาพหลายๆภาพที่เห็นธรรมชาติโดนข่มเหง ใครจะรับผิดชอบ จากคุณ : 3KKK - [ 29 ส.ค. 51 08:57:58 ]

ความคิดเห็นที่ 43 T T จากคุณ : pengga - [ 29 ส.ค. 51 09:05:31 ]

ความคิดเห็นที่ 44 สลดใจมากมาย ไมรู้จะบรรยายอะไรถูก ได้แต่หวังว่าการร่วมแรงร่วมใจในการคัดค้านของพวกเราครั้งนี้ จะสามารถช่วยเหลือทรัพยากรของชาติให้คงอยู่ต่อไปค่ะ จากคุณ : สันกาลาคีรี - [ 29 ส.ค. 51 09:25:40 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เรื่องมันเศร้า จากคุณ : Jook^Ka^Jick - [ 29 ส.ค. 51 09:33:21 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอโหวตหน่อยเหอะ 1 เสียงเล็กๆในห้อง BP จากคุณ : OxfordGuy - [ 29 ส.ค. 51 09:34:07 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ประท้วงหยุดงานกันเลยดีไหมค่ะ เอาแบบ การรถไฟ เผื่อเค้าจะหันมามองเรากันบ้าง ! ! ! ! ! จากคุณ : egibung - [ 29 ส.ค. 51 09:35:51 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ช่วยกันหน่อยนะครับ พวกเรา จากคุณ : shintaro - [ 29 ส.ค. 51 09:36:30 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เฮ้อ............ จากคุณ : หมูอ้วนจอมพลัง - [ 29 ส.ค. 51 09:37:41 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เศร้าจัง น่าสงสารช้างมากๆ เลย จากคุณ : หมอกหนาว - [ 29 ส.ค. 51 09:37:59 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ..แง แง ร้องไห้เลยอ่ะ  ขอไว้อาลัยให้สัตว์ป่าที่ถูกทำร้ายทุกตัว ...คุณสหายสาริกา มาทีไร กินใจทุกทีเลย     ทำไม่เราไม่คิดที่จะปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติ แทนที่คิดจะปรับเปลี่ยนธรรมชาติมาให้เข้ากับเรา  มนุษย์อย่างเราสามารถอยู่ได้เองโดยไม่พึ่งพาธรรมชาติเหรอ หรือก็เปล่า แต่ไหงบางคนกลับคิดทำร้ายธรรมชาติที่เราต้องพึ่งพา เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง  น่าเศร้าใจค่ะที่มีคนที่คิดแบบนี้ ถึงมันจะมีจำนวนไม่มาก แต่พวกมันล้วนแล้วแต่ทรงอิทธิพล ปล.เห็นหมอล๊อตรูปหล่อด้วย จากคุณ : ก๋อยศรี - [ 29 ส.ค. 51 09:42:03 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณสำหรับข้อมูล และเรื่องราวดีๆ ที่ยังมีอีกหลายคน ยังไม่ได้รับรู้ หรือทราบเรื่องราว  ยืนยันว่าจะขอเป็นกระบอกเสียงบอกต่อ ให้คนอื่นๆ ได้รับทราบค่ะ สงสารช้างจับใจ.... รักธรรมชาติอ่ะ จากคุณ : tikhot - [ 29 ส.ค. 51 10:07:23 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ยังอ่านไม่จบ ขอกดโหวตก่อนเลยคะ จากคุณ : Daijobudai - [ 29 ส.ค. 51 10:19:45 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ร่วมด้วย...ช่วยกัน..คัดค้านค่ะ จากคุณ : Pa_Jaab - [ 29 ส.ค. 51 10:25:18 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เรียนท่าน จขกท รูป 3-4 รูปด้านบนสุดนั้น ผม ในฐานะคนที่รักเขาใหญ่ ได้อาศัยเขาใหญ่ไปนอนเล่นพักผ่อนอยู่บ่อย (บ่อยมาก) เมื่อได้มาเห็นรูปที่นำเสนอแล้ว ผมก็หดหู่ใจครับ เพราะ กฏของเขาใหญ่คือ "ห้ามให้อาหารสัตว์" แต่รูปที่นำเสนอนั้น กลับกลายเป็นการให้ภาพความสวยงามในการให้อาหารสัตว์ ช่วยกันเถอะครับ โปรดช่วยกันรณรงค์เพื่อ "งด" การให้อาหารสัตว์โดยจริงจัง สอนลูกหลาน สอนเด็กให้เห็นถึงอันตรายที่จะเกิดแก่ห่วงโซ่อาหารจากการที่เราให้อาหารสัตว์เพื่อความสวยความเล็กๆน้อยๆ ปล่อยให้สัตว์พวกนี้อยู่กับธรรม จากคุณ : มเหยงค์ - [ 29 ส.ค. 51 10:25:49 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เฮ้อ ............................ มนุษย์หนอ ทำไมไม่รู้จักเพียงพอซะที จากคุณ : Blendy_an - [ 29 ส.ค. 51 10:27:30 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ขอสักรูป อย่าเอาของหนูไปนำร่อง นะคะ หนูจะเก็บธรรมชาติแบบดิบๆ ไว้ให้ชาว bp จากคุณ : บังแอ - [ 29 ส.ค. 51 10:31:05 ]

ความคิดเห็นที่ 58 พวกหนูขอดูแลกันเองค่ะ จากคุณ : บังแอ - [ 29 ส.ค. 51 10:33:20 ]

ความคิดเห็นที่ 59 อ่านแล้วเศร้าใจและสลดใจ และเจ็บใจ กับความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ของคนบางกลุ่มขอบคุณสำหรับข้อมูล โหวตให้ค่ะ จากคุณ : ขนมไทยห่อใบตอง - [ 29 ส.ค. 51 10:39:39 ]

ความคิดเห็นที่ 60 อ่านแล้ว..หดหู่ ดูรูปแล้ว สงสารช้างจัง ทำไม คนบางพวก ถึงได้เห็นแก่ตัวมากมายนัก โหวตให้คะ จากคุณ : การเดินทางของความรัก - [ 29 ส.ค. 51 10:46:21 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เคยไปเกาะช้างเมื่อหลายปีก่อน สมัยหาดทรายขาว ยังไม่มีโรงแรมมากมายเหมือนสมัยนี้ ที่พักของชาวบ้านเป็นบ้านไม้เล็ก ๆ ราคา 300 บาท/คืน แต่ไม่พัก 5555 กางเต้นท์มันส์กว่า ไปครั้งหลังจำแทบไม่ได้ว่าจุดที่เคยกางเต้นท์มันอยู่ตรงไหน เพราะโรงแรมที่พักเพียบไปหมด เลยไม่คิดอยากไปอีกเลย ถ้าเกิดให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการแบบนี้อีก อีกหน่อยคงไม่ต้องไปเที่ยวไหนกันหล่ะ จากคุณ : หนุ่มไม่น้อย - [ 29 ส.ค. 51 10:50:26 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เศร้าค่ะ... นึกถึงรุ่นหลาน เหลน โหลน ของเรา แล้วจะเหลืออะไรไว้...ให้ชื่นชม จากคุณ : พะยูนอ้วน - [ 29 ส.ค. 51 10:56:48 ]

ความคิดเห็นที่ 63 โหวตตตตตตตตตตตต พยายามอ่านเท่าที่สมองปลาทองจะพึงรับได้... แต่สรุปได้คำเพราะคำว่า"ผลประโยชน์" แท้ ๆ สงสัยจังว่า เงินทองตายไปแล้วจะเอาไปได้มั๊ยเนี่ย ปลงค่ะปลง.. จากคุณ : เต่าตัวลาย - [ 29 ส.ค. 51 11:06:38 ]

ความคิดเห็นที่ 64 อ่านแล้วน้ำตาแทบร่วง เห็นแต่ประโยชน์ เห็นแต่เงินเป็นที่ตั้ง ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ แม้แต่เสื้อผ้าสักชิ้น ไม่รู้ว่าเลือดในกายเป็นสีอะไร คำว่ารักชาติ รักประเทศคำว่าคนไทยหายไปไหนกับกลุ่มพวก หวังแต่ผลประโยชน์เหล่านี้ คนพวกนี้ไม่เคยมีจิตสำนึก พูดได้อยู่สองคำ คือผลประโยชน์กับเงิน เราก็เป็นเพียงคนคนนึงที่อาศัยธรรมชาติอยู่ทุกวัน ไปเที่ยวไหนสัญญากับตัวเองไว้ ทิ้งไว้แค่ลอยเท้าเก็บกับมาแค่รูปภาพและความทรงจำ ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ก็ไม่คิดจะทำลายธรรมชาติเพราะธรรมชาติจะคงอยู่ ตลอดไปจนชั่วลูกชั่วหลาน จากคุณ : สะมะหยอย - [ 29 ส.ค. 51 11:36:46 ]

ความคิดเห็นที่ 65 อ่านแล้วเศร้า อีกหน่อย  เราจะเหลืออะไรให้ดู จากคุณ : `SEPULTURA_`FROM_`HELL - [ 29 ส.ค. 51 11:39:04 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เขามาอีกรอบ  เพื่อโหวตให้กัน " อารยะข่มขืนธรรมชาติ : กฏหมู่ที่อยู่เหนือสิ่งแวดล้อม เพื่อการท่องเที่ยว " จากคุณ : Draught Beer - [ 29 ส.ค. 51 11:40:07 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เข้าใจและเอาใจช่วยนะครับ แต่อยากให้มีมุมมองในมุมของรัฐด้วยจะได้ทราบข้อมูลหลายๆด้านว่าเขามีความจำเป็นอะไรต้องทำอย่างนั้น มันต้องมีที่มาที่ไปครับ เดี๋ยวจะทำให้เข้าใจผิดกัน แล้วเมืองนอกที่เจริญกว่าเราอย่างในยุโรป ญี่ปุ่น อเมริกา เขาบริหารจัดการอย่างไรครับใครพอจะมีข้อมูลมาแชร์บ้าง จากคุณ : yahee - [ 29 ส.ค. 51 11:45:48 ]

ความคิดเห็นที่ 68 พิมพ์ไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรยังไงดี ถ้าเราไม่ต่อสู้ ไม่ร่วมมือร่วมใจกันปกป้องธรรมชาติของเรา เราก้อจะไม่เหลืออะไรอีกเลย ....ถ้าสมบัติของชาติยังไม่ช่วยกันรักษา แล้วเราจะร้องเพลงชาติไทย ให้ใครฟัง.....เฮ้อออออ....เศร้าใจ... จากคุณ : ฉินเมิ่งเหยา - [ 29 ส.ค. 51 12:58:26 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ..ฉินมาร้องให้เจ๊ฟังก็ล่าย เจ๊อยากฟัง ...อยากให้ม๊อบที่ประท้วงกันตอนนี้เปลี่ยนหัวเรื่องมาประท้วงเรื่องนี้จัง จากคุณ : ก๋อยศรี - [ 29 ส.ค. 51 13:05:13 ]

ความคิดเห็นที่ 70 . . .โหวตให้ก่อน . . .เดี๋ยวกลับมาอ่านต่อครับ. . . จากคุณ : B.B.P. (boybangplee) - [ 29 ส.ค. 51 13:16:51 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับพี่หมู เห็นภาพแล้วก็สงสารธรรมชาติ อีกหนึ่งโหวตครับ จากคุณ : ชานไม้ชายเขา - [ 29 ส.ค. 51 13:48:52 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เราจะทำอะไรได้บ้างไหมค่ะ ไม่ไหวแล้วสงสารช้างมากๆ จะร้องไห้แล้วเนี่ย จากคุณ : หอมหัวเล็ก - [ 29 ส.ค. 51 14:00:30 ]

ความคิดเห็นที่ 73 โหวต จากคุณ : DreamDestination - [ 29 ส.ค. 51 14:12:53 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณทุกท่านที่ต่อสู้เพื่อธรรมชาติ จากคุณ : พฤกษชาติ - [ 29 ส.ค. 51 14:51:58 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เห็นแล้วเศร้าสลด... นายทุนให้ใจด้วยหรือเปล่า? จากคุณ : a_o_por - [ 29 ส.ค. 51 16:09:03 ]

ความคิดเห็นที่ 76 T_T อ่านแล้วน้ำตาจะไหลอ่ะครับ (ไหลแล้ว) เจ็บปวดใจกับความไม่พอของคนบางคน สงสารคนไทยที่มีรัฐบาลโง่มาตลอด สลดใจกับสิ่งที่ต้องสูญเสียไปอย่างไร้สาระแล้วเรียกคืนกลับมาไม่ได้ จากคุณ : เหมียวออก้า (orcahappy) - [ 29 ส.ค. 51 16:28:11 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เห็นภาพแล้วสงสารช้างจัง คนเรานะ ทำไมไม่รู้จักคำว่าพอสักที จากคุณ : Firesky - [ 29 ส.ค. 51 16:47:42 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณครับ...................ยิ่งอ่านยิ่งเศร้า........ จากคุณ : ถนนสายนี้เปรี้ยว - [ 29 ส.ค. 51 18:13:42 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ขอโหวตให้อีกเสียง 1 ค่ะ จากคุณ : แพรวา (cthitirat) - [ 29 ส.ค. 51 20:35:31 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ข้อมูลจากก๋ง ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยค่ะ ว่าแล้วก็... กดโหวตหนึ่งจึ้ก จากคุณ : prettyguide - [ 29 ส.ค. 51 20:43:27 ]

ความคิดเห็นที่ 81 โหวตค่ะ ........... อ่านแล้วจิตตก   - -" จากคุณ : coccinelle - [ 29 ส.ค. 51 22:16:14 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ช่วยกันครับ อ่านไป ดูภาพไป เศร้าใจพิลึก จากคุณ : มนุษย์สัญจร - [ 29 ส.ค. 51 22:37:51 ]

ความคิดเห็นที่ 83 น้ำท่วมไปหน่อยนะ จากคุณ : ronnapob_w - [ 29 ส.ค. 51 22:45:58 ]

ความคิดเห็นที่ 84 แบบนี้ด้วยรึป่าว ที่เค้าว่า"ขาย(ธรรม)ชาติ".....หึ ๆ ๆ หากมีการลักลอบประชุม และตกลงกันในที่ลับเมื่อไหร่ คงต้องช่วยกันไปอารยขัดขืน ด้วยการไปเที่ยวให้เนืองแน่น เสมือนการปิดอุทยานกันบ้างล่ะ.....หวังว่า จนท.ระดับล่างตามอุทยานต่าง ๆ จะไม่ตกเป็นเครื่องมือที่ต้องทำตามนายอย่างตำหนวด เพราะ พวกเราจะจ่ายค่าที่พัก และค่าธรรมเนียมอัตราเดิมให้ทุกท่านโดยตรง แทนเงินเดือนตกเบิกของพวกท่านทุกคน 55555 จากคุณ : นกกะเต็น - [ 29 ส.ค. 51 22:47:10 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ยอดเยี่ยมครับ ... คุณสหายสาริกา จากคุณ : Dragon - [ 30 ส.ค. 51 00:10:27 ]

ความคิดเห็นที่ 86 วัฏจักรอันเลวร้าย ไม่เคยเปลี่ยน คนมีอยู่แล้ว ไม่เคยรู้สึกพอ คนไม่มี ขาดแคลนขึ้นทุกวัน เพราะทรัพยากร มีจำกัด คนเข้าถึงได้ ก็คือคนที่มีโอกาสกว่า ส่วนคนที่ควรดูแล คนด้อยโอกาส เพื่อให้การใช้ทรัพยากร เป็นไปอย่างทั่วถึง ยุติธรรม ก็ไม่รู้หน้าที่ตัวเอง จากคุณ : พจี - [ 30 ส.ค. 51 00:35:46 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เศร้าใจค่ะ โหวต จากคุณ : สาวหน้าใส - [ 30 ส.ค. 51 00:48:08 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ยอมรับว่าอ่านไม่จบครับ   ทนดูไป 4-5 รูป ก็ขอผ่านเลย   แพ้ทางเรื่องช้งครับผม  ขอโหวต จากคุณ : ท.ทหารหัวแตก - [ 30 ส.ค. 51 00:49:14 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ตามมาโหวตด้วยคนค่ะ จากคุณ : จ๋าอาโนเนะ (เวสารัช) - [ 30 ส.ค. 51 01:40:54 ]

ความคิดเห็นที่ 90 อ่านได้เพียงครึ่งเดียว ไม่อยากอ่านต่อ อ่านแล้วปวดใจ จากคุณ : กิ่งก้ามปู - [ 30 ส.ค. 51 03:09:55 ]

ความคิดเห็นที่ 91  เศร้าจริงๆเลย จากคุณ : marzo - [ 30 ส.ค. 51 04:23:27 ]

ความคิดเห็นที่ 92 เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ จากคุณ : Mr.OB1 - [ 30 ส.ค. 51 07:22:01 ]

ความคิดเห็นที่ 93 อ่านแล้วพูดไม่ออกครับ มันจุกอก จากคุณ : รักจังเมืองไทย - [ 30 ส.ค. 51 11:17:14 ]

ความคิดเห็นที่ 94 โหวตครับ จากคุณ : jk (016) - [ 30 ส.ค. 51 11:17:23 ]

ความคิดเห็นที่ 95 พูดไม่ออกคะ ขอโหวตด้วยคน จากคุณ : rputtinan - [ 30 ส.ค. 51 12:59:30 ]

ความคิดเห็นที่ 96 โหวตครับ อ่านไปน้ำตาเล็ด ด้วยความไกลตัว ใช้ชีวิตกับสิ่งที่เป็นอยู่มากไปจนลืมไปว่ายังมีอะไรรอบตัวเราที่เลยผ่านเราไปโดยไม่เหลียวมองอีกมากมาย จากคุณ : สสารนิยม - [ 30 ส.ค. 51 14:06:40 ]

ความคิดเห็นที่ 97 T T สลดใจสุดๆ จากคุณ : KaLaMunGG_G - [ 30 ส.ค. 51 14:10:08 ]

ความคิดเห็นที่ 98 อ่านพร้อมดูรูปแล้วน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว สายตาของช้าง เหมือนจะถามว่าพวกเค้าทำอะไรผิด ถึงได้มาทำลายบ้านของเค้าไปอย่างนี้.. เกลียดตัวเองที่เกิดเป็นคน ที่ได้แต่มองดูทุกอย่างพังไปต่อหน้าต่อตา ทำไมการมีชีวิตอยู่ของคน ต้องไปเบียดเบียนสิ่งมีชีวิตอื่นมากมายขนาดนี้นะ พร้อมแล้วค่ะ ที่จะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นกว่าเดิม ขออนุญาตเอาไปใส่ไว้ใน blog นะคะ และจะส่งไปให้เพื่อน ๆ คนอื่นได้รับรู้ค่ะ จากคุณ : fantastic GiRL - [ 30 ส.ค. 51 15:16:48 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ความรู้สึกมันเต็มหัวใจอ่ะคะ พูดไม่ถูก โหวตค่ะ จากคุณ : แสงตะวันดวงเดิม - [ 30 ส.ค. 51 16:36:59 ]

ความคิดเห็นที่ 100 เห็นหลายๆ ภาพแล้ว หัวใจมันตื้อๆ ชอบกล... เราทำงานกับชาวบ้านในจังหวัดภูเก็ต... และมีบางส่วนที่เน้นเรื่องการท่องเที่ยวที่ทำโดยชาวบ้านโดยชุมชน... บางครั้งก็ไม่เข้าใจว่า โครงการโดยภาครัฐที่ส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวให้แหล่งทุนขนาดใหญ่เข้ามาเค้ามองกันที่ตรงไหน... และเราก็เคยได้คำตอบว่า ก็เค้าจะได้จ้างแรงงานชาวบ้านไง... สรุปแล้ว ชาวบ้านขายที่...ให้นายทุน สูญเสียอาชีพส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นเกษตร หรือประมง...ให้นายทุน แล้วก็ไปเป็นลูกจ้าง....ให้นายทุน นี่คือความยั่งยืนที่ทางภาครัฐมองหรืออย่างไร... ไม่เข้าใจ อุทยานเป็นพื้นที่ ที่เป็นของประชาชนทุกคน... คุณไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าไปใช้ประโยชน์ ทำมาหากิน แต่คุณกลับอนุญาตให้นายทุนเข้าไปทำผลประโยชน์ได้... ความต่างกันในความเป็นประชาชน ความเป็นคน ระหว่าง ชาวบ้าน...กับนายทุน คืออะไร พื้นที่ชายหาด ไม่มีใครสามารถครอบครองได้... แต่ในความเป็นจริง เมื่อธุรกิจเข้าครอบครองที่ กลับกลายเป็นหาดส่วนตัว ชาวบ้านจะขึ้นไปจอดเรือก็ไม่ได้ หาปลาหน้าหาดก็ไม่ได้... สรุปแล้ว คุณไม่ได้ครอบครองแค่พื้นที่บนฝั่ง แต่คุณครอบครองพื้นที่ชายหาด และในทะเลหน้ารีสอร์ทของพวกคุณด้วย ที่ผ่านมา ปัญหานี้ไม่เคยได้รับการแก้ไข ยิ่งนานวัน ยิ่งบานปลาย ... พื้นที่ชาวบ้านทำมาหากินลดน้อยลงเรื่อยๆ ในขณะที่ท่าเทียบเรือ ที่จอดเรือยอร์ช กับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หรือในที่สุดแล้ว...ประมงพื้นบ้าน ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของตำนาน ที่จะอยู่ในพิพิธภัณฑ์ของภูเก็ต... บอกชาวบ้านว่า เราต้านบางกระแสไม่ได้ แต่เราไม่ต้องไหลไปกับมัน เรามีวิธีในการที่จะมีที่ยืนอยู่ของเรา... กระทบบ้าง ซวนเซบ้าง บางครั้งก็ต้องหลบคลื่นลมแรงๆ เพื่อออกมาเผชิญวันใหม่ที่อากาศแจ่มใส อย่าสู้แบบเจ็บตัว... แต่ต้องสู้แบบเค้าได้ เราได้... แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า กับกระแสที่ถาโถมอย่างหนักหน่วง... ทั้งเรา และชาวบ้าน จะต้านทานกันได้สักขนาดไหน... รูปข้างล่างเป็นรูปจากทริปชาวบ้านที่เกาะโหลนพาไปดูเค้าหาปลาค่ะ... อยากให้ชาวบ้านมีความสุขแบบที่เค้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ชาวบ้านคนนี้เค้าบอกว่าทุกวันนี้เค้ามีความสุข เช้าก็ออกไปหาปลา ได้มาพอกิน เหลือก็ขายใกล้ๆ ไม่ต้องไปไกล ผักก็ปลูกเอาบ้าง ซื้อเอาบ้าง รอบบ้านมีที่เหลือทำอะไรได้เยอะแยะ ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย ดิ้นรน... เห็นแล้วอิจฉาเล็กๆ อยากมีบ้าน มีชีวิตเรียบง่าย มีความสุขแบบนี้บ้าง... จากคุณ : aimina - [ 30 ส.ค. 51 19:57:18 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 30 ส.ค. 51 23:44:08 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ดูแล้วหดหู่ เศร้าจัง อยากทำอะไรให้ได้มากกว่านี้เนอะ.... จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน - [ 31 ส.ค. 51 03:44:22 ]

ความคิดเห็นที่ 103 สนับสนุน ให้พวกเราชาว BP ที่รัก ในธรรมชาติ ต่อสู้กับ กลุ่มนายทุน ที่จะมายึดเอา สมบัติของชาติ และ คนไทยทุกคน เอาไปทำประโยชน์ ส่วนตัว โดยอาศัย กฏต่างๆ ที่พวกมันเขียนกันขึ้นมาเอง แล้วเอามาบังคับพวกเรา พวกเราชาว BP ต้องสู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กับพวกมัน อย่ายอมมัน จากคุณ : Tong (Tong_k) - [ 31 ส.ค. 51 09:33:48 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ...... จากคุณ : Tong (Tong_k) - [ 31 ส.ค. 51 09:36:30 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ไหนบอกว่า ธรรมชาติ เป็นของคนไทยทุกคน แล้ว รัฐมนตรี เป็นใคร ถึงตัดสินใจแทนคนไทยทุกคน เอาพื้นที่ไปให้เอกชนเช่าระยะยาา ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ที่จะให้เอกชนเข้ามาจัดการให้บริการ เพราะ แน่นอน เมื่อเขาลงทุน ทั้งการบริหารจัดการ และจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ จนถึงรัฐมนตรี เขาจะต้องเอาคืน ต้องเอาจากประชาชน และเอามาจากธรรมชาติ ท้ายที่สุดอุทยานแห่งชาติ อาจกลายเป็นบ้านจัดสรร จากคุณ : คนอ่าน (mintdec65) - [ 31 ส.ค. 51 11:44:15 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ขอบคุณมากค่ะ สำหรับข้อความดีๆ จะนำไปเผยแพร่ต่อไปนะคะ จากคุณ : ป้าชื่อเห็ดโคน - [ 31 ส.ค. 51 12:20:37 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ยอดเยี่ยมมากครับ จากคุณ : Southernroof - [ 31 ส.ค. 51 15:22:14 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ช่วยกันอีกแรงค่ะ จากคุณ : หนูวรรณ - [ 31 ส.ค. 51 15:50:58 ]

ความคิดเห็นที่ 109 สงสารสัตว์ป่าเมืองไทย โหวตค่ะ จากคุณ : kpข้าวปั้น - [ 31 ส.ค. 51 16:24:41 ]

ความคิดเห็นที่ 110 โหวตค่ะ เห็นแล้ว หดหู่ใจ จากคุณ : ลิงน้อยแสนซน - [ 1 ก.ย. 51 08:09:15 ]

ความคิดเห็นที่ 111 เห็นด้วยกับชาว BP และร่วมคัดค้านโครงการนี้อย่างถึงที่สุดค่ะ จากคุณ : นายประภาคาร - [ 1 ก.ย. 51 08:37:07 ]

ความคิดเห็นที่ 112 เศร้าใจ จากคุณ : zangkasi - [ 1 ก.ย. 51 09:29:55 ]

ความคิดเห็นที่ 113 โหวตค่ะ จากคุณ : นานเท่าไหร่ก็จะรอ - [ 1 ก.ย. 51 09:44:33 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ขอบคุณ คุณสหายสาริกา สำหรับข้อมูลค่ะ ดูรูปแล้วน้ำตาซึม สงสารช้าง สงสารธรรมชาติ เศร้าจัง จากคุณ : HeLL_Is_HeRe - [ 1 ก.ย. 51 12:18:16 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ขอบคุณน้าหมูสำหรับบทความคุณภาพทุกๆชิ้นที่นำมาแบ่งปันนะคะ..เป็นกำลังใจให้น้าสู้ต่อไปจ้า..แฟนคลับตามมาเชียร์..อิอิ จากคุณ : YingeXtreme (YingeXtreme) - [ 1 ก.ย. 51 13:08:31 ]

ความคิดเห็นที่ 116 โหวตให้ครับ จากคุณ : หนูเหนื่อย - [ 1 ก.ย. 51 13:18:10 ]

ความคิดเห็นที่ 117 สนับสนุน รัฐถะกันไปสิครับ จ้องหาประโยชน์กัน จนเกินงามกันทั้งนั้น อยากได้ความสงบหรือ อยากได้การท่องเที่ยวหรอ แล้วเป็นอย่างไร 10 อุทยานเข้าไปแล้ว  แล้วไม่รู้จะมีอะไรอีกเท่าไหร่ จากคุณ : โกอ้วน - [ 1 ก.ย. 51 13:20:24 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ในฐานะที่เป็นคนที่เกิดและโตอยู่ในจังหวัดหนึ่งที่กำลังเป็นประเด็น (ภูกระดึง - ภูหลวง) คัดค้านสุดใจค่ะ ต่อไปเราอาจจะไม่ได้เห็นฝูงช้างป่าบนภูหลวงอีกแล้วก็เป็นได้ จากคุณ : หมวยแก้มป่อง - [ 1 ก.ย. 51 13:42:07 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ..อ่านแล้วมีบางอย่างมันจุกที่คอ...... ..............T T...... จากคุณ : ช่อเอี้อง - [ 1 ก.ย. 51 14:27:11 ]

ความคิดเห็นที่ 120 โหวตให้อีก 1 เสียงครับ จากคุณ : อาเดบายอ - [ 1 ก.ย. 51 15:15:27 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ให้ vote ให้ ค่ะ จากคุณ : skyrocket - [ 1 ก.ย. 51 15:40:06 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ไม่ได้ตามข่าวต่อค่ะ หลังจากมูลนิธิสืบนาคะเสถียรยืนหนังสือคัดค้านแล้ว ผลเป็นยังไงบ้างคะ จากคุณ : osaru no monkichi - [ 1 ก.ย. 51 18:02:32 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ผมเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมนะพี่ แต่สำหรับคนกลุ่มนี้แล้ว ไม่รู้จาไปโดนกรรมที่เค้าทำไว้ตอนไหน T_T อยากให้ทันตาเห็นจริง ๆ ^^ --------------------------------------- ขอโหวตนะครับ จากคุณ : อนุรักษ์แสงฯ (PleaseLoveMe) - [ 1 ก.ย. 51 18:16:27 ]

ความคิดเห็นที่ 124 จารวยกันไปถึงไหนคับพี่น้องงงงงงงงงงงงงงง T_T จากคุณ : อนุรักษ์แสงฯ (PleaseLoveMe) - [ 1 ก.ย. 51 18:27:55 ]

ความคิดเห็นที่ 125 น่าเศร้านะคะ......  สมบัติของประเทศไทย คนพยามยามรักษา........ก็พยายามไป     คนพยายามกอบโกย......ก็พยายามไป     คนพยามยามรักษา........ก็แทบจะไม่มีอำนาจอะไร     คนพยายามกอบโกย......ก็แทบจะมีอำนาจล้นฟ้า       ก็ขอเป็นกำลังใจให้พยายามกันต่อไป  ....ในสิ่งที่ดีมีคุณแก่ลูกหลานวันข้างหน้าค่ะ แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 51 20:57:53 จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 1 ก.ย. 51 18:57:24 ]

ความคิดเห็นที่ 126 พูดอะไรไม่ออกครับ... จากคุณ : อิสสระ - [ 2 ก.ย. 51 14:49:27 ]

ความคิดเห็นที่ 127 สักครู่ได้โทรคุยกับแม่ซากานะ เรื่องหนึ่งที่ทำได้เลย คือรวบรวมเอกสารสำเนาบัตรประชาชนครับ สำหรับชาว BP ที่ต้องการแสดงสิทธิในการคัดค้าน รบกวนถ่ายสำเนาบัตรประชาชน เซ็นต์ชื่อกำกับ และเขียน "เพื่อใช้ในการลงนามคัดค้านแผนการนำเอกชนเข้าบริหารพื้นที่อุทยานแห่งชาติ" พาดทับภาพหน้าหลังของบัตรประชาชน สามารถเอาสำเนาที่เซ็นต์กำกับแล้ว มาให้ที่งานไทยเที่ยวไทย ศูนย์สิริกิตได้ครับ ในวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 6-7 กันยายนนี้ ที่บูธซาบีน่าทัวร์ G688 ซึ่งได้แบ่งพื้นที่บูธครึ่งหนึ่งให้ชมรมคนรักเกาะสุรินทร์ใช้ทำการเผยแพร่กิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์มาโดยตลอดโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แล้วจะรวบรวมรายชื่อยื่นพร้อมหนังสือคัดค้านของเรา ชาว BP ครับ จากคุณ : A-bad (zoopod) - [ 2 ก.ย. 51 20:11:19 ]

ความคิดเห็นที่ 128 เศร้าใจครับ จากคุณ : สุดขอบฟ้าทิศประจิม - [ 2 ก.ย. 51 21:20:47 ]

ความคิดเห็นที่ 129 เห็นด้วยกับ จขกท อย่างยิ่ง... ทรัพยากรธรรมชาติของไทยเราเอง ถูกต่างชาติ และคนในชาติตักตวง ผลประโยชน์กันมาชั่วนาตาปี ขอเพียงสบช่องและโอกาส ... เหมือนชายทะเลท่าไทร อ.โคกกลอย จ.พังงา พื้นที่ริมทะเล ที่มีต้นสนอายุเก่าแก่ หลายสิบปี ทอดตัวยาวสุดลูกหูลูกตา ในอนาคตคงเหลือเพียงภาพถ่าย เพราะขณะนี้ตกอยู่ในมือกลุ่มทุนเป็นที่เรียบร้อยอย่างน่าเสียดาย... ได้แต่ถอดถอนใจ... จากคุณ : โปติ่น - [ 2 ก.ย. 51 21:57:26 ]

ความคิดเห็นที่ 130 อ่านแล้วเศร้าใจจังค่ะ...ช่วยโหวตนะคะ... จากคุณ : แชบ๊วย - [ 3 ก.ย. 51 01:08:51 ]

ความคิดเห็นที่ 131 อ่านแล้วปวดใจจริงๆ น้ำใจจะไหลเอา ธรรมชาติที่เรารัก หวังว่าคงไม่ถูกคนไม่กี่คนเอาไปขาย จากคุณ : เจ้าแม้น - [ 3 ก.ย. 51 15:16:23 ]

ความคิดเห็นที่ 132 ที่ปลายทางฝันคงมีส่ิงที่พวกเราต้องการรออยู่ แต่วันนี้เอาฝันมาวางแล้วเอาความจริงออกมาดู ก็พบกว่าพวกคนไม่กี่คนที่กินบ้านเมือง... จากคุณ : JUNGLE MAN - [ 3 ก.ย. 51 23:19:50 ]

ความคิดเห็นที่ 133 เอิ๊กกกกก....ไม่รู้จะพูดอะไรเลย.. กับคนที่ไม่รู้จักคำว่า "พอ" จากคุณ : uhoo_dolphin - [ 4 ก.ย. 51 01:02:28 ]

ความคิดเห็นที่ 134 เฮ้อออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ จากคุณ : doraeaum - [ 4 ก.ย. 51 01:39:08 ]

ความคิดเห็นที่ 135 ........... จากคุณ : doraeaum - [ 4 ก.ย. 51 01:43:04 ]

ความคิดเห็นที่ 136 หน่วยพิทักษ์ป่า เขาแหลมค่ะ จากคุณ : doraeaum - [ 4 ก.ย. 51 01:46:42 ]

ความคิดเห็นที่ 137 เศร้าใจจริงๆครับ จากคุณ : old_leo (old_leo) - [ 4 ก.ย. 51 11:21:58 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ส่งเอกสารทางไปรษณีย์ได้ไหม เพราะอยู่ต่างจว ยังไงช่วยลงบอกอีกทีน๊ะ จะติดตามเรื่อย ๆ จ๊ะ จากคุณ : 237_m - [ 4 ก.ย. 51 11:50:43 ]

ความคิดเห็นที่ 139 เศร้าค่ะ อยากช่วยมีอะไรพอช่วยได้รบกวนส่งข่าวสารด้วยนะคะ โหวดค่ะ จากคุณ : eoung (eoung) - [ 4 ก.ย. 51 16:36:55 ]

ความคิดเห็นที่ 140 โหวตด้วยคน จากคุณ : สื่อคี่เถียง - [ 4 ก.ย. 51 16:41:15 ]

ความคิดเห็นที่ 141 ทำไมจะต้องกอบโกยจาก ประเทศชาติมากมายขนาดนี้ด้วยนะ มีเงินมากมายแล้วมีความสุขกันหรอพวกโกงชาติ โมโหมากๆ จากคุณ : <<[BubBib]>> - [ 4 ก.ย. 51 17:08:05 ]

ความคิดเห็นที่ 142 อ่า อย่าหาว่าอะไรเลยนะครับ สงสัยจริงๆ น้อง สหายสาริกา เขียนเองจริงๆ นะครับ แล้วอายุ 13 เองด้วย (ขอโทษด้วยถ้าพี่น้อง BP ทราบกันดีอยู่แล้ว ผมผ่านไปๆมาๆ) สุดยอดเลยครับ อย่าท้อแท้ เป็นกำลังใจให้ เป็นความหวังของพี่ๆ ต่อไปนะครับ จากคุณ : g9h - [ 4 ก.ย. 51 18:01:07 ]

ความคิดเห็นที่ 143 ถ้ามีเวลาจะสำเนาบัตรประชาชนไปให้ที่งานท่องเที่ยวนะคะ แต่ถ้าไม่มีเวลาจริงๆ อาจจะต้องรบกวนขอที่อยู่หลังไมค์ค่ะ อีก ๒ แรงร่วมกันต้าน .. เพื่ออุทยานของพวกเรา จากคุณ : นาย ColT.45 & นังนู๋ (ยูโด) - [ 4 ก.ย. 51 20:45:54 ]

ความคิดเห็นที่ 144 อ่า อย่าหาว่าอะไรเลยนะครับ สงสัยจริงๆ น้อง สหายสาริกา เขียนเองจริงๆ นะครับ แล้วอายุ 13 เองด้วย (ขอโทษด้วยถ้าพี่น้อง BP ทราบกันดีอยู่แล้ว ผมผ่านไปๆมาๆ) สุดยอดเลยครับ อย่าท้อแท้ เป็นกำลังใจให้ เป็นความหวังของพี่ๆ ต่อไปนะครับ จากคุณ : g9h - [ 4 ก.ย. 51 22:31:28 ]

ความคิดเห็นที่ 145 นี่คือบาดแผลอันปวดร้าวของเหล่าสรรพสัตว์ที่เขาใหญ่ในวันนี้ครับ  ขอบคุณพ้องเพื่อนทุกๆท่าน ขอบมากมายครับ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6966098/E6966098.html จากคุณ : สหายสาริกา - [ 5 ก.ย. 51 11:04:08 ]

ความคิดเห็นที่ 146 ก็คนที่ได้รับผลประโยชน์มากกับเรื่องนี้ นี่ไงละ ประชาธิปไตย ถ้าจะเอาเข้ามติ ครม เชื่อใหมว่าผ่าน ก็คนในรัฐบาลเสียงมากว่าอยู่แล้วอยากทำไงก็ได้ เราต้องเคารพ ระบบสภาไหมเนี้ยะ หรือวางตัวเป็นกลาง ไม่เป็นไร ทำไปเลยคะทำเลย เชื่อว่าคงมีหลายคนคงสนับสนุนท่าน เรื่องนี้ความเสียหายมองเห็นไกล้ตัวเลยมีคนคัดค้าน ก็เอาเงินที่ได้กระจายออกมาซิคนคัดคานก็เงียบเองแหละ ดูขนาดเอาไฟฟ้า เข้าตลาดให้ต่างชาติบริหาร ก็ยังมีคนเห็นด้วยเลย คนไทยซื้อง่ายจะตายเพียงซื้อในรูปแบบใหนเท่านั้นแหละ จากคุณ : Salib - [ 5 ก.ย. 51 16:38:53 ]

ความคิดเห็นที่ 147 ขอต่อต้านความคิดโง่ๆ ของนักการเมืองทุเรศๆครับ จากคุณ : Covent Garden - [ 5 ก.ย. 51 17:33:04 ]

ความคิดเห็นที่ 148 ขอประนามพวกที่ชอบเอารัดเอาเปรียบและชอบกอบโกย  ตักตวงผลประโยชน์จากธรรมชาติ อย่างหน้าด้านๆ พวกคุณจะเอาเงินไปทำอะไรนักหนาอยากรู้จริงๆ จากคุณ : Madamtina - [ 5 ก.ย. 51 19:37:33 ]

ความคิดเห็นที่ 149 ปวดใจจนลามไปถึงตับแล้วล่ะค่ะ ช่วยคัดค้านอีกหนึ่งเสียงค่ะ เลวจริง ๆ ไอ้พวกนี้ ชั้นขอสาปแช่งมันนนนนน จากคุณ : เจ้าหญิงใบกระเพรา - [ 5 ก.ย. 51 20:09:29 ]

ความคิดเห็นที่ 150 ผู้ใหญ่ไม่มีหัวคิด เเละเห็นเเก่ตัวมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โตมาหนูจะไม่เป็นผู้ใหญ่เเบบนี้ จากคุณ : น้องเมย์ลูก Madamtina (Madamtina) - [ 5 ก.ย. 51 20:19:31 ]

ความคิดเห็นที่ 151 หยุด ทำลายเสียเถิด Vote ! จากคุณ : Chatelaine - [ 6 ก.ย. 51 00:45:13 ]

ความคิดเห็นที่ 152 อนงค์วรรณ เทพสุิ้ทิน กล่าวว่า "มีของสวยๆงามๆ ต้องแบ่งให้คนอื่นดูด้วย อย่าเก็บไว้ดูคนเดียว".... ช่างน่าชิงชังรังเกียจอะไรเช่นนี้ จากคุณ : sk-sint - [ 6 ก.ย. 51 10:10:52 ]

ความคิดเห็นที่ 153 อนงค์วรรณ เทพสุทิน จะจำชื่อนี้ไว้ ทำไมสื่อไม่เห็นประโคมข่าวนี้กันเลย มีแต่ข่าว พธม ทะเลาะกับหมักอยู่ได้ อยากให้ข่าวนี้ดังๆ คนจะได้รู้เรื่องกันมากกว่านี้ ทุกวันนี้มีกี่คนเองที่รู้เรื่อง  เศร้าใจ ถ้าพวกมันทำสำเร็จ หนูคนนึง ที่จะหยุดการและไม่ไปเที่ยวใน 10 อุทยานนั้นเลย จากคุณ : ยัยนู๋แก้มป่อง - [ 6 ก.ย. 51 13:29:14 ]

ความคิดเห็นที่ 154 "ถ้ำหลายๆแห่ง ที่จะตัดออกมาให้สัมปทาน ยังเป็นถ้ำที่ยังสดและเจริญเติบโต ตามนิเวศน์ของถ้ำอยู่เลย .... ถ้าปล่อยให้มีนัำกท่องเที่ยวเข้าไปมากๆ คาร์บอนไดอ็อกไซด์จากลมหายใจมนุษย์ จะทำลายล้างวงจรนี้จน ดับสิ้นไปหมด" เพื่อนผมบอกไว้ ... เศร้าไหมครับ กับ "นักการเมืองที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง" จากคุณ : sk-sint - [ 6 ก.ย. 51 14:21:06 ]

ความคิดเห็นที่ 155 อ่านแล้วหดหู่ จากคุณ : ก็แค่ผู้ชายโง่ๆที่ชื่อ........ (อ้ายคนเมือง) - [ 6 ก.ย. 51 14:29:52 ]

ความคิดเห็นที่ 156 สลดใจกับเมืองไทยที่มีนักการเมือง ที่ปากก็บอกว่าทำเพื่อประเทศชาติ แต่จริง ๆ แล้ว ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น โดยผลประโยชน์ไปอยู่กับพวกพ้องของตนเอง ถ้าเอาเข้า ครม. ยังงัยก็ผ่าน เพราะคำพูดที่ใช้ประจำคือ  เรามาจากการเลือกตั้งโดยระบอบประชาธิปไตย  ยังไง ๆ มตินี้ก็ผ่านชัวร์ เพราะรัฐบาลมีเสียงข้างมากอยู่แล้ว คิด ๆ แล้วหดหู่นะ เหมือนกับประเทศชาติอยู่ในมือของคนไม่กี่คน ที่มันจะปู้ยี่ปู้ยำประเทศชาติยังไง ก็ได้ (เศร้า) จากคุณ : กะหลาป๋า - [ 6 ก.ย. 51 19:40:13 ]

ความคิดเห็นที่ 157 คัดค้านเรื่องแบบนี้สุดตัวเลยครับ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ทำไมเราจะปล่อยพื้นที่เหล่านั้นไว้ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ของมันบ้างไม่ได้ ทำไมต้องรุก รุก รุก เพื่อ เงิน เงิน เงิน เราอยู่ของเราไม่ได้เหรอ เวลาต้องการเสพบรรยากาศ ธรรมชาติเราก็ไปเยือนเขาอย่างมีจิตสำนึก และปล่อยไว้ อย่างนั้นเพื่อให้ลูกหลานเราได้รู้ ได้เห็น ได้สัมผัสเหมือนที่เรา ได้เคย ไม่อยากใหเหลือแต่ภาพในอดีต ทำไมคนเราทำลาย โลกใบนี้ในทุกๆ มิติเลยนะ จากคุณ : DekDoiTung - [ 7 ก.ย. 51 23:15:00 ]

ความคิดเห็นที่ 158 อ่านไม่จบน้ำตาท่วมจอ ขนาดไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนนะเนี่ย จากคุณ : ทรายสวย - [ 8 ก.ย. 51 20:30:04 ]

ความคิดเห็นที่ 159 หดหู่..และห่อเหี่ยว...หมดเรี่ยวแรง จากคุณ : Gemrin - [ 12 ก.ย. 51 15:32:47 ]

ความคิดเห็นที่ 160 ....ไม่รู้จะเขียนอะไร.... .....ธรรมชาติสำหรับคนไทยรุ่นต่อๆไปมันจะเป็นยังไง.... ....หรือ....คนรุ่นต่อไป....จะเที่ยวกันแต่ใจหน้าจอ....... จากคุณ : LiTtLe miLAnEllO - [ 12 ก.ย. 51 17:57:10 ]

ความคิดเห็นที่ 161 เบื่อ เกลียด ชิงชัง ระบบทุนนิยม ทำให้คนนิยมทุนทรัพย์ โดยมองข้ามความสุข เมื่อไหร่ ทุกคนจะเห็นสัจธรรมชีวิตบ้าง....... จากคุณ : Sugarbean - [ 12 ก.ย. 51 19:04:07 ]