 |
หอมกลิ่นวิสกี้ภาค 2 ตอนที่ 1
อยู่ๆกระทู้ที่เคยโพสไว้มันหายไป เลยเอามาโพสใหม่ค่ะ
Trip นี้ไประหว่างวันที่ 20 มีนาคม 2551 ถึง 11 เมษายน 2551 ก็ระหว่างช่วงปิดเทอมของไอ้หลานตัวยุ่งน่ะแหละ ด้วยความที่เด็กบ้านนอกกลัวเรื่องรถติดในกรุงเทพเป็นที่สุด วันที่ 20 มีนาคม ก็เลยออกจากบ้านน้องสาว ตั้งแต่ บ่ายสามโมงกว่าๆ แต่ Flight เราน่ะ โน่น 20.25 น. ค่ะ ก็เลยมาถึงสนามบินตั้งกะไก่โห่อีกแล้วล่ะ 16.30 น. ต้องรอกันประมาณ 4 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็เลยหาอะไรมารองท้องกันซะหน่อย เลยพาเจ้าตัวยุ่ง ( Mick ) ไปหาของกินกันที่ Family Mart ก็ได้น้ำผลไม้มา 1 กล่อง Coke ของน้อง Mick 1 ขวด น้ำส้มของตาเอียน Sandwiches แบบรวมมิตรอีก 2 ชุด ชุดละ 28 บาท รวม ๆแล้วก็ร้อยกว่าบาท เอามานั่งกินกันบริเวณแถว Check in W Mick กินมากกว่าใครๆ ซักพักก็ออกฤทธิ์ ตาเอียนเดินออกไป Smoking ด้านนอก อยู่ น้อง Mick ก็ ถาม " ป้าๆ ที่นี่เค้ามีห้องน้ำรึเปล่าครับ " "มีซี ทำไม น้อง Mick ปวดฉี่เหรอ " หนักกว่านั้นอีกค่ะ " ปวดอึครับ " Ahhhhhh "รอได้มั้ย เดี๋ยวให้ลุงเอียนเข้ามาเฝ้ากระเป๋าก่อน" รอได้ประมาณ 2-3 นาที "โอ๊ย ทำไมลุงเอียนยังไม่มาซักที จะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะ " ( เอามือกุมก้นไปด้วย ) ทำให้เราต้องวิ่งไปที่ประตู เรียกตาเอียนด้วยสีหน้าซีเรียสสุด ๆ ( ก้อกลัวเจ้าตัวยุ่งจะอึใส่ผ้าน่ะซี ) Come on !! What 's up ? He want to shit . เราก็พาเจ้าตัวยุ่งวิ่งลงบันไดเลื่อนไปชั้นล่าง พาไปเข้าห้องน้ำหญิงเพราะห้องน้ำชายเราเองคงไม่สามารถเข้าไปยืนลอยหน้าลอยตาเฝ้าพ่อเจ้าประคุณอยู่ได้หรอก ถอดกางเกงแทบไม่ทัน คงจะ Touching Clothes แล้วล่ะ 555 เรียบร้อยแล้วก็พาเดินกลับมาที่ตาเอียนนั่งรออยู่ นั่งรอ จนน้อง Mick น่ะ เบื่อสุด ๆ แล้วล่ะ แล้วป้ายก็ขึ้นให้ Checkin ได้ ก็ไปเข้าแถว Checkin แล้วก็ผ่านไปตรวจ Passport ซึ่งจะแยกแถว Thai กับ Foreigner ตาเอียนเลยต้องแยกไปต่ออีกแถวนึง เรากับน้อง Mick ก็ต่อด้วยกัน ผ่านจากตรวจ Passport ก็เป็น Duty Free Shops ตาเอียนเริ่มต้องการ Cafeine เลยไปเดินหาร้าน น้อง Mick ได้ Vitamilk แก้วละ 60 บาท ส่วนตาเอียนก็ได้ Coffe แก้วละ 60 บาทเช่นกัน แพงนะนี่กาแฟแบบ 3 in 1 ธรรมด๊า ธรรมดา งกก็งี้แหละ อาไรก็แพงไปหมด ออกจากร้านกาแฟน้อง Mick ยังไปได้ พัดลมมือถือที่มีลูกอมอยู่ด้านล่าง ของ Hello Kitty ราคาตั้ง 280 บาท MY God !!!!!น่าจะ 20 บาทมากกว่านะจึงจะสมราคา ออกจาก Duty Free ก็มาผ่านเครื่อง Scan พวกของเหลวของเราก็มีแค่ ยาน้อง Mick 2 ขวด Lip มัน 1 กระปุกเล็ก ลิป 1 แท่ง แล้ว Nivea Cream อีก 1 ประปุกเล็ก เจ้าหน้าที่เค้าก็เอาใส่ถุงพลาสติกที่เค้ามีให้แล้วก็เอาใส่ตะกร้า ไปผ่านเครื่อง จากนั้นก็มารอ Boarding นั่งรอประมาณ 30 นาที ก็เรียก ขึ้นเครื่อง อย่างที่รู้กัน เครื่อง Emirates ระบบ Entertain ดีมากทีเดียว มีจอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง เราก็เลยเริ่มต้นด้วย Forward camera จะเป็นภาพที่ถ่ายไปด้านหน้าของตัวเครื่อง ให้เห็นเหมือนกับเราเป็น Pilot ตอนนี้ (ขณะที่กำลังเขียนบันทึกบนเครื่อง ) กะลังจะ Take off แล้วนะ พอเครื่องไต่ได้ระดับเพดานบินที่ต้องการ ก็เริ่มเสิร์ฟอาหาร ของเด็กมาก่อนเลย อย่างนึงที่ Emirates airline ดีมากๆ คือ เค้าจะ Take care and look after child passenger ดีมากๆๆๆ เลยล่ะ ของน้อง Mick เริ่มจากแจกกระเป๋าใส่ของเล่น ข้างในเป็นตุ๊กตาหมี และอุปกรณ์แต่งตัว hat,boots,gloves ให้เด็กเล่นไปเรื่อยๆ จะได้ไม่เบื่อ นอกจากนั้นในกระเป๋าก็จะมี หนังสือเล่มเล็ก ๆ ของเด็ก แล้วก็ Mask ปิดตา อีก 1 อัน จากนั้นก็เริ่มเสิร์ฟอาหาร ของเด็กมาก่อนของผู้ใหญ่ โดยจะมี My snack box เพิ่มมาด้วยในถาดอาหารของเด็ก ในนั้นก็จะมีพวก Biscuits ,Chocolates ,Candy พร้อมแปรงสีฟันกับยาสีฟัน อันเล็กๆ ส่วน main course ก็จะเป็น Pasta น้อง Mick กินเกือบหมดเลยล่ะ บอกว่าอร่อยมากด้วย หลังจากนั้นก็จะเสิร์ฟอาหารของผู้ใหญ่ กินกันเสร็จก็จะเสิร์ฟเครื่องดื่มตลอดเวลา จากนั้นก็ตัวใครตัวมัน หลังจากกินอิ่มหนำสำราญ น้อง Mick ก็ เล่นเกมส์ซักพักก็หลับไป เครื่องบินมาได้ประมาณ 4 ชั่วโมง ( เวลาบินจาก กรุงเทพถึง ดูไบ ประมาณ 6 ชั่วโมง ) เราก็เริ่มรู้สึกว่า Mick กระสับกระส่าย หลับไปก็ครางไป เราก็คิดว่าอาจไม่ชินกับการขึ้นเครื่องบินครั้งแรก ก็เลยเอามาอุ้มไว้ เกาหลังให้ซักพักก็หลับไปอีก อีก 20 นาทีต่อมาก็กระสับกระส่ายอีก ครวนี้ได้เรื่องเลยค่ะ !!!! อะไรเหรอ ? ก็อ้วกออกมาไม่บอกไม่กล่าวกันเลย ออกมารดบนตักเราเลย แถมบนผ้าห่มอีก กลิ่นงี้หึ่งเลย ก็ไอ้กลิ่น Pasta บูด ๆ น่ะแหละ ตาเอียนส่งถุงพลาสติกให้ ( ไม่ใช่ Sicky Bag ) เพราะตอนนั้นน่ะคว้าอะไรได้ก็หยิบๆมาก่อน ส่วน Sicky bag น่ะจะอยู่ในที่ใส่ของด้านหน้านั่นล่ะ ตาเอียนส่งถุงให้เราก็เอามารอง สักพักก็เริ่มรู้สึก ว่ามีอะไรไหลลงไปที่ขาอีก เลยยกถุงขึ้นมาดู
กรี๊ดดดดด!!!!!!!! อะไรล่ะ ก็ถุงมันก้นรั่วนะซี เราก็โมโห มากกก เพราะกางเกงชั้นน่ะมันเต็มไปด้วยอ้วก ขากางเกงไอ้หมู Mick ก็เหมือนกัน วุ่นวายกันสักพัก Airhostess ที่ดูแลบริเวณนั้นก็เข้ามาช่วย เราเอาผ้าห่มเช็ดเธอก็เอาไปเก็บให้แล้วก็บอกให้เราไปล้างในห้องน้ำ ส่วนเธอก็ช่วยทำความสะอาด บรเวณที่นั่ง เช็ดกางเกงให้น้อง Mick เราเข้าไปล้างในห้องน้ำ กางเกงก็ไม่มีเปลี่ยนเพราะ Load ไปหมดแล้ว ล้างออกแต่กลิ่นน่ะกำจัดอย่างไร ก็ไม่หมด สุดทนจริง ๆขอบอก สงสารก็แต่สาวอังกฤษที่นั่งใกล้ๆนั่นแหละ ( ได้ที่นั่งตรงกลางที่มี4 ที่ เราก็เลยนั่งติดกับเธอ ) แต่เธอก็ดีใจหาย ไม่พูดอะไร ไม่บ่น เราขอโทษ เธอก็บอกไม่เป็นไร มันช่วยไม่ได้นี่นา เธอจะไปต่อเครื่องจาก Dubai ไป London Gatwick ส่วนเราจะต่อเครื่องไปลง Heathrow หลังจากอ้วกจนหมดไส้หมดพุง Mick ก็หลับต่ออย่างสบาย ไม่มีกระสับกระส่ายให้เห็นอีกแล้ว จนกระทั่งเครื่อง Landing ที่ Dubai Airport ประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ เวลาท้องถิ่น ก็เดินตามป้าย Connecting Flights ไปผ่านเครื่อง X-Ray อีกครั้ง ก่อนจะเข้าไปสู่อาคารผู้โดยสาร แรกเริ่มเดิมที กะจะแวะ Shopping ที่ duty free ที่นี่แหละ เพราะใครก็พูดกันว่า ใหญ่และราคาถูก โดย Duty Free จะต้องลงบันไดเลื่อนไปชั้นล่าง แต่เราไม่มีอารมณ์จะ ชอปแล้วล่ะ อย่างเดียวที่ต้องการคือห้องน้ำกว้างๆ เข้าไปล้างอ้วกให้สะอาดอีกครั้ง เพราะกางเกงอบกลิ่นอ้วกตัวนี้จะต้องต่อไป ลอนดอน อีก
เครื่องไป London Gate 13 ออกประมาณ 03.10 เลยไปหาที่นั่งรอใกล้ๆ ตาเอียนอยากได้กาแฟซักแก้ว แต่เราไม่ได้ซื้อให้เพราะขี้เกียจแลกเงิน จะรูดการ์ดค่ากาแฟแก้วเดียวก็กลัวเค้าจะเอาแก้วกาแฟเขวี้ยงเอา ก็เลยกินขนม จาก My Snack Box ของน้อง Mick ที่เอามาจากบนเครื่องนั่นล่ะ
นั่งรอไปเรื่อยๆ เราก็เดินไปห้องน้ำบ้าง พาน้อง Mick ไปแปรงฟันบ้าง ดูหน้าจอว่า Gate open รึยังบ้าง ส่วนตาเอียน Mick หลับคาเก้าอี้ไปแล้วทั้งคู่
ประมาณ 02.00 น. Gate ก็เปิด เราปลุกทั้ง 2 คน แล้วก็เอา Boarding pass ที่ได้มาตั้งแต่ Check in ที่ สุวรรณภูมิ ไปแสดง เพื่อเข้าไปนั่งรอด้านใน คนเยอะทีเดียวเที่ยวบินนี้ เด็กก็เยอะ Mick หลับอีกแล้วต้องปลุกตอนเค้าเรียกขึ้นเครื่อง เที่ยวบินนี้ๆด้ที่นั่ง 3 ที่ติดหน้าต่าง ให้น้อง Mick นั่งริมหน้าต่าง รอจนกระทั่งเครื่องเริ่ม Taxi กัปตันประกาศว่าจะใช้ Fast Take off โดยเครื่องจะขึ้นเร็วมาก ใช้เวลา Taxi ไม่นาน ไต่ระดับอย่างรวดเร็วจนหูอื้อไปเลย แล้ว Air ก็เริ่มแจกของว่าง ของเด็กก่อน เจ้าตัวน่ะขึ้นเครื่องปั๊บก็หลับต่อปุ๊บเลย ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 6 นาที จะถึง ลอนดอน ตามโปรแกรม น้อง Mick หลับยาวตลอดทาง เรากับตาเอียนหลับ ๆ ตื่น ๆ
ประมาณตี 5 กว่า ๆ ก็เริ่มเสริฟอาหารเช้า กินได้ไม่เท่าไหร่หรอกแต่ฝืน ๆกินไป บ้างเพราะตาเอียนบอกว่า ใน ลอนดอนอาหารแพงนะ ตามประสาคนงก ก็เลยต้องรองท้องไปบ้าง น้องmick ไม่ยอมกินอะไร เราก็เลยเอาขนม น้ำผลไม้ที่พอเก็บได้ใส่ถุง ใส่เป้ไปไว้เผื่อจะหิวภายหลัง
เครื่องมาถึง London ประมาณ 7 โมง แต่ นักบินก็ประกาศว่าเรายังลงไม่ได้ต้องรออีกประมาณ 10 นาที เครื่องเลยต้องบินวนเหนือ London City อีก 2 -3 รอบ
จากคุณ :
mearnss
- [
9 ก.ย. 51 14:44:13
]
|
|
|
|
|
|