PANTIP.COM : E7017385 จะลาไปพักร้อน..............ที่ มัลดีฟ สอบถามราคาเบื้องต้นหน่อยครับ [ท่องเที่ยวต่างประเทศ]

ความคิดเห็นที่ 10

คุณ จขกท คะ มัลดีฟส์เนี่ย มันเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศท่องเที่ยวที่เค้าว่ากันว่าค่าใช้จ่ายแพงที่สุดในโลกเลยค่ะ เพราะมันเป็นหมู่เกาะ แบบเกาะเล็กเกาะน้อยตั้งอยู่กระจัดกระจาย จำนวน 1192 เกาะ แต่ในจำนวนพันกว่าเกาะที่ว่าเนี่ย มันมีอยู่แค่ 2-300 เกาะเท่านั้นเองที่ "มีคนอยู่" และ "อยู่ได้"

ระยะห่าง จากบนสุดถึงใต้สุดของมัลดีฟส์ นับไปนับมาก็เท่ากับประเทศไทย จากแม่สายถึงเบตงเลยค่ะ แต่ความต่างของมัลดีฟส์กับประเทศไทยก็คือ เมืองไทยเรามีถนนตั้งกะแม่สาย ยันไปถึงเบตง แต่มัลดีฟส์น่ะ น้ำกับฟ้าเท่านั้นค่ะ ถนนเชื่อมเกาะหามีไม่ (ยกเว้นเจ้า Addu Atoll ที่มันเป็น 3 เกาะเชื่อมกัน)

ประชากรของมัลดีฟส์ ตามสถิติเป็นทางการ มีอยู่แค่ราวๆสองแสนคน แต่ของจริงๆ ตอนนี้ ก็ราวๆ 3แสนกว่าๆ รวมกันแล้วทั้งประเทศนะคะ

จากสภาพทางภูมิศาสตร์ของมัลดีฟส์ ทำให้ประเทศนี้ผลิตอะไรไม่ได้เลยนอกจากทูน่า ต้นมะพร้าวทั้งประเทศ ดิฉันว่า สมุยบ้านเราเกาะเดียวนี่มีมะพร้าวพอๆกับมะพร้าวมัลดีฟส์รวมกันทั้งประเทศเลยมั้งคะ

และจากเหตุผลข้างต้น ทำให้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ของสินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งสาธารณูปโภคพื้นฐานของมัลดีฟส์ นำเข้าทั้งวัตถุดิบและสินค้าทั้งนั้น

ในเมื่อนำเข้ามันซะทุกอย่างแบบนี้ ก็ทำให้มัลดีฟส์ ทุกอย่าง แพง

แต่ก็อย่างที่บอกแล้วว่า ทั้งประเทศรวมกันแล้ว นับหัวได้อยู่ราวๆสามแสน ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นอีกเหมือนกันก็คือ demand กับ supply ไม่ไปทางเดียวกัน เพราะผู้ค้าไม่รู้จะสต็อกสินค้าไปทำไมในเมื่อกำลังซื้อไม่มี

ดังนั้น(อีกเหมือนกัน) ผลกระทบที่มีต่อมาถึงนักท่องเที่ยวก็คือ คุณมีทางเลือก 2 ทาง คือ คุณจะเอาบริการจากโรงแรมแบบเหมือนประเทศทั้งหลายในโลกนี้ หรือ คุณจะเอาบริการแบบ local ถ้าคุณเอาแบบโรงแรมระดับมาตรฐาน คุณก็ต้องจ่ายแพง แต่ถ้าคุณจะเอาแบบ local คุณก็จะได้แบบ local เหมือนกัน คือ ตาดีได้ ตาร้ายเสีย

ถามว่าเป็นยังไง ก็เปรียบเทียบง่ายๆนะคะ ของกินของใช้ทุกอย่าง มาเป็นรอบๆใช่มั้ยคะ เพราะต้องนำเข้า ก็ เวลาของเข้า คุณไปตลาดตอนที่เรือเข้าพอดี คุณก็จะได้ของสด ได้เลือกของเยอะแยะ แต่ถ้าคุณไปตลาดตอนที่เรือสินค้ายังไม่เข้า คุณก็ต้องได้แต่ของที่ค้างสต็อกอยู่ เลือกได้เท่าที่มี อาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้ แต่คุณก็จะทำอะไรไม่ได้ เพราะของมันไม่มี (จะกินหรือไม่กิน 5555)

ดังนั้น การเลือกที่พัก การเลือกเกาะในมัลดีฟส์ มันจึงขึ้นอยู่กับจำนวนเงินในกระเป๋าของคุณ ถ้าคุณ expect มากคุณก็ต้องจ่ายมากกว่า แต่ก็ใช่ว่าจ่ายมากแล้ว จะได้ของสมบูรณ์แบบนะคะ คุณคงต้องยอมรับว่า ในจำนวนเงินที่เท่ากัน ถ้าคุณจ่ายในเมืองไทย ห้องคืนละหมื่น คุณคงได้บริการระดับพระราชา แต่ที่มัลดีฟส์ คุณก็จะได้แบบระดับธรรมดาดาษดื่นทั่วๆไป

ถามว่า ถ้างั้นงบ 5หมื่นต่อคนนี่ คุณจะได้ประมาณไหน อันนี้ก็ตอบได้ว่า คุณสามารถที่จะได้ระดับพอใช้ได้หรือดีทีเดียว พอได้อยู่ แต่คงอยู่ได้ไม่ถึงอาทิตย์ ซัก 2คืน 3วัน หรือ 3คืน 4วัน น่าจะได้ค่ะ แต่ไม่รวมตั๋วเครื่องบินนะคะ

แนะนำให้มาช่วงตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม ค่ะ เพราะนี่คือช่วงโลว์ของมัลดีฟส์ เป็นช่วงที่จะมีมรสุมเข้าบ่อย แต่ว่าไม่ได้ฝนมากมายเสียทุกวัน มาเป็นช่วงๆ แนะนำให้เช็คสภาพอากาศโดยการไปดูลักษณะอากาศทั้งฝั่งแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย

จากประสบการณ์ตัวเอง พอจะตอบได้ว่า ถ้าหากว่ามีพายุเข้าในแถบแปซิฟิก จะมีผลกระทบต่อมัลดีฟส์โดยอาจจะคลื่นสูง ลมแรง และอาจมีฝนอยู่ซักวันสองวัน ส่วนใหญ่ไม่นาน

แต่ถ้ามีพายุเข้าแถบทะเลจีน มหาสมุทรอินเดีย ด้านขวาของแผนที่โลก มัลดีฟส์จะพลอยอากาศไม่ค่อยดีในลักษณะของฝนตกทั้งวันทั้งคืน หรือครึ้มอยู่ตลอดเวลาอยู่ราวๆ 3-4 วันในช่วงพายุแต่ละครั้งค่ะ

ส่วนถ้าหากว่าเกิดพายุที่อินเดียใต้เลยนั้น มัลดีฟส์ก็จะ bad luck แบบฝนตกลมแรง คลื่นสูง ทะเลบ้าบอคอแตกไปเลยเป็นอาทิตย์ค่ะ

ที่เหลือ โอเคค่ะ

ที่ที่ดิฉันอยู่ ทุกอาทิตย์จะมี Sundowner Cocktail สำหรับแขก จัดกันตรงชายทะเล ตั้งแต่โรงแรมเปิดมา ไม่ว่าจะอากาศจะเลวร้ายแค่ไหน พอ 18.30 นาฬิกา พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่งมาเชียว จนพวกเราเอามาล้อกันว่าใครที่มามัลดีฟส์แล้วอดเห็นทะเลตอนเย็นนี่ เรียกว่าแย่เต็มที เพราะปกติไม่ว่าจะยังไง ถ้าไม่ใช่พายุตรงๆกับทะเลแถบนี้แล้ว คุณได้เห็นมัลดีฟส์แดดใสแน่ๆค่ะ ในแต่ละวัน

จากคุณ : น้องแมวดอย - [ 20 ก.ย. 51 22:24:54 ]