ความคิดเห็นที่ 1 เพื่อเป็นการเตรียมตัวทริปนี้ จขกท.ได้อ่าน Fallingwater Rising โดย Franklin Toker อาจารย์ U. of Pittsburgh เล่มนี้มาค่ะ น้ำอาจเยอะไปนิด แต่อ่านแล้ว นอกจากจะได้ทราบประวัติความเป็นมา และกระบวนการการออกแบบและการสร้าง Fallingwater แล้ว ยังจะได้รู้ประวัติคร่าวๆของ Frank Lloyd Wright และ Edgar J. Kaufmann ผู้ออกตังค์สร้างมันอีกด้วย จขกท. จึงขอคัดมาเล่าให้ฟังอย่างย่อถึงย่อที่สุดนะขอรับ จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 06:41:50 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ก่อนอื่นขอเริ่มที่ประวัติ Frank Lloyd Wright อย่างคร่าวๆกันก่อนเน้อ ในช่วงปี 1890-1910 นั้น ลุง Wright เป็นสถาปนิกหน้าใหม่ไฟแรงที่โด่งดังมาก แกเป็นต้นตำรับ Open Floor Plan และบ้านแบบ Prairie Style ซึ่งเน้น Horizontal line, หลังคาที่แบน และมีชายคายื่นออกมา ในช่วงนั้น Wright มีผลงานออกมาเหยียบ 140 หลังได้ โดยส่วนมากจะเป็นอาคารที่พักอาศัย ปล. อิฉันเคยไปเขียนถึง Robie House ของลุงไรท์ไว้ที่นี่ค่ะ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6937901/E6937901.html จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 06:43:43 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แต่บทแกจะลุกขึ้นมาสร้างอาคารสำนักงานอย่าง Larkin Building (ในภาพ – ตอนนี้โดนทุบทิ้งไปแล้ว) แกก็ทำได้โมเดิร์นจ๋าซะ เลยมีคนนำพอร์ตโฟลิโอของแก ซึ่งรวมผลงานเด่นๆอย่างเช่น Larkin Building, Trinity Church (ชิคาโก) และ Robie House (ชิคาโกเช่นกัน) ไปพิมพ์ขายที่ยุโรป ซึ่งมันก็สร้างความฮือฮาให้กับบรรดาสถาปนิกในยุโรปอย่างมาก เพราะ Larkin Building สร้างเสร็จในยุคสถาปัตยกรรมแบบอาร์ตนูโวกำลังครองยุโรปอยู่พอดี หลายคนจึงยกให้ Frank Lloyd Wright เป็นหนึ่งในบิดาของ Modern Architecture เลยทีเดียว จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 06:45:23 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แต่พอเข้าปี 1920s กราฟชีวิตของ Wright ก็เริ่มดิ่งลงเหว โดยเฉพาะช่วงปี 1929-1934 ที่แกไม่มีงานออกมาเลยแม้แต่อันเดียว! สาเหตุแห่งความตกต่ำของแกนั้นมีหลายประการ ดอกแรกคือ แกทิ้งลูกเมีย แล้วพาเมียของลูกค้าหนีไปยุโรป เล่นเอาชื่อเสียงแกป่นปี้ไม่มีชิ้นดี (แถวบ้าน จขกท. เรียก กรรมตามทัน ) และเหมือนแกหลงเมียใหม่จนเสียโฟกัสกับงาน โดยดูได้จากบ้านสไตล์มายัน ที่แกไปออกแบบไว้หลายหลังที่แอลเอ เล่นเอาแฟนๆของ Wright ดูแล้วก็ได้แต่ What the hell? นอกจากนี้ ตลาดหุ้นของอเมริกาก็มาวอดวายเอาในปี 1929 และประเทศก็เข้าสู่ยุค Depression ยังไม่พอ ในช่วงนั้น รสนิยมของชาวมะกัน ก็เปลี่ยนจาก สไตล์กึ่งโมเดิร์น มาเป็น Conservative สุดโต่ง ไม่เชื่อดูได้จาก Supreme Court อันนี้ได้เลยค่ะ ยังกะยกวิหารเทพเจ้ากรีกมาตั้งกลางวอชิงตันดีซี บอกแล้วจะอึ้งไหมว่ามันสร้างเสร็จในปี 1937 ปีเดียวกับ Fallingwater! จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 06:47:04 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ในขณะที่อเมริกาย้อนกลับไปฮิตอาคารยุคเก่าๆ ที่ยุโรปกลับก้าวไปทางโมเดิร์นแบบสุดโต่ง โดยเน้น Industrialism, Minimalism และออกแบบโดยไม่อิงกับสิ่งที่มีมาในอดีต ทำให้หน้าตาตึกออกมาโล่งโจ้งเหมือนกันหมด เลยมีคนตั้งชื่อสไตล์แบบนั้นว่าเป็น International Style และเมื่อประกอบกับฮิตเล่อร์ไม่ปลื้มสถาปัตยกรรมยุคใหม่อย่างแรง บรรดาสถาปนิกหัวโมเดิร์นของยุโรป เลยอพยพมาอยู่อเมริกากันหมด ความซวยจึงบังเกิดกับ Wright ซึ่งมีสไตล์ครึ่งๆกลางๆ จะเก่าก็ไม่เก่า จะให้โมเดิร์นสุดเดชอย่าง Seagram Building ของ Mies Van de Rohe (ในภาพ) แกก็ทำไม่ลงอีก เพราะแกว่าตึกแบบนี้ช่างแห้งแล้ง ไร้จิตวิญญาณ ไม่ถูกจริตแก หรือคลื่นลูกเก่าอย่าง Frank Lloyd Wright จะโดนคลื่นลูกใหม่อย่าง Mies Van de Rohe หรือ Walter Gropius ซัดหายเข้าฝั่งจนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเสียแล้ว แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 06:48:55 จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 06:48:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มาดูประวัติของ Edgar J. Kaufmann เศรษฐีเชื้อสายยิวจาก Pittsburgh ผู้ออกตังค์สร้าง Fallingwater กันบ้าง E.J. Kaufmann เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้า Kaufmann's ซึ่งเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดในเมือง Pittsburgh ในยุคโน้น แกไปซื้อที่ตรง Bear Run (โลเคชั่นของ Fallingwater) ไว้ ตอนแรกกะทำเป็นรีสอร์ท แต่เศรษฐกิจดันล่มเสียก่อน เลยเปลี่ยนแผนมาเป็นสร้างบ้านพักตากอากาศแทน แต่ก่อนเชื่อกันว่า สาเหตุที่ E.J. Kaufmann ไปจ้าง Wright ซึ่งตอนนั้นกำลังตกต่ำสุดขีดให้มาออกแบบ Fallingwater ก็เพราะ Edgar Kaufmann Jr. ลูกชายของแกนั้น ไปสมัครเป็นลูกศิษย์ของ Wright เลยเป็นผู้ชักพาให้คุณพ่อกับคุณครูได้รู้จักกัน แต่คนเขียนหนังสือก็ไปค้นคว้ามาแล้วว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง E.J. ผู้พ่อต่างหาก ที่เป็นคนส่ง Jr ผู้ลูกให้ไปเรียนกับ Wright และก่อนหน้าที่จะวาดฝันโครงการ Fallingwater นั้น E.J. ก็ได้ติดต่อ Wright ให้มาออกแบบออฟฟิซของตนอยู่ก่อนแล้ว แถมจะให้สร้าง Planetarium ควบที่จอดรถไว้ใกล้ๆห้าง (แต่ตอนหลังโครงการนี้ก็พับไป) ที่แกเลือก Wright ก็น่าจะมาจาก สองคนนี้มี mutual friends มากมาย ประกอบกับ E.J. อาจไปเห็น Planetarium แบบเดียวกันเป๊ะที่ออกแบบโดย Wright มาก่อน จากซ้ายไปขวา: E.J. Kaufmann, Edgar Kaufmann Jr & Liliane Kaufmann จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 06:50:23 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แต่พอโครงการ Planetarium ล่ม E.J. ก็เลยให้ Frank Lloyd Wright มาออกแบบบ้านพักตรงน้ำตกที่ Bear Run แทน โดยปกติ ถ้ามีคนบอกให้ออกแบบบ้านพักตรงน้ำตก ตาม common sense สถาปนิกก็ควรจะเลือกทำเลที่เห็นน้ำตกชัดๆใช่ไหมฮะ แต่ลุง Wright แกเกิดไอเดียบรรเจิดให้บ้านไปอยู่บนน้ำตกแทน ยังไม่สะใจ แกยังจะให้สร้างบ้านโดยใช้ระบบ Cantilever คือมีส่วนที่รับน้ำหนักบ้านอยู่แค่ข้างเดียว จะได้ไม่มีเสารับน้ำหนักยื่นออกมาให้เกะกะลูกกะตา ที่บ้าพอกันก็คือ E.J. Kaufmann ที่เอออ่อห่อหมกไปกับเขาอย่างไม่กลัวบ้านถล่ม แถมไม่มีการงอแงขอเปลี่ยนแบบบ้านแม้แต่หนเดียว แม้ว่าจะมีประสบปัญหาในการก่อสร้างมากมาย แต่ท้ายที่สุด Fallingwater ก็ได้นั่งแป้นแล้นโดดเด่นเป็นสง่าบนน้ำตก และก็สร้างความฮือฮาให้แก่คนในวงการ'ถาปัดและชาวบ้านร้านตลาดทันทีที่สร้างเสร็จ (ส่วนเรื่องโครงสร้างนั้น เขาเพิ่งมีการบูรณะ Fallingwater กันเมื่อเร็วๆนี้เองค่ะ เพราะถ้าทิ้งไว้บ้านจะถล่มลงมา ซึ่งความผิดก็กระจายๆกันไป ทั้งลุง Wright, ผู้รับเหมาที่ทำไม่ได้ตามมาตรฐาน และวิศวกรที่ E.J. จ้างมาตรวจแบบ แล้วสั่งให้เพิ่มเหล็กเส้นเข้าไปในโครงสร้าง จนบ้านมีน้ำหนักเกินกว่าที่ออกแบบไว้) แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 08:27:05 จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 06:51:28 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เล่านิทานจบแล้ว ได้เวลาท้าพิสูจน์ของจริงแล้วฮ่ะ เราออกจาก Pittsburgh ตอนเกือบ 2 ทุ่ม และมาถึง Stone House Inn ที่ซุกหัวนอนของเราในคืนนี้ ตอนประมาณ 4 ทุ่ม ทางขับไปก็โอเคนะคะ อาจมีขึ้นเขาลงห้วยจนหูอื้อไปบ้าง แต่ก็ไม่มีโค้งอันตรายให้หวาดเสียวเล่นแต่อย่างใด ที่เลือก Bed & Breakfast เจ้านี้ เพราะอันที่ถูกกว่านี้เต็มแล้ว เอ้ย เพราะราคาไม่โหดร้าย ($97/ห้อง) และอยู่ห่างจาก Fallingwater ไปแค่ 20 นาทีนิดหน่อยเท่านั้น จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 06:52:12 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ท่าทางเก่าพอดู อายุบ้านคงเหยียบ 100 ปีได้ จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 06:52:38 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อันนี้ห้องนอน ซึ่งเราได้ห้อง Marshall ค่ะ (ที่นี่ใช้ระบบชื่อห้อง ไม่มีเบอร์) ก็นอนได้สบายดีนะคะ คงเพราะเราได้ห้องชั้นสามซึ่งเป็นชั้นบนสุดด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าชั้นสองจะว่าไง เพราะพวกเราเดินที พื้นมันก็ดังอี๊ดที เหอ เหอ จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 06:53:28 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ห้อง Marshall นี่จริงๆต้องแชร์ห้องน้ำกับอีกห้องที่อยู่ตรงข้าม แต่เผอิญอีกห้องไม่มีคนมาพัก ห้องน้ำเลยเป็นของเรา อิอิ จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 06:53:51 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เราเบิ่งตาตื่นกันตั้งกะ 6 โมงเช้าหน่อยๆ และออกจากที่พักตอน 7 โมงนิดๆ เพราะเราจองทัวร์ได้รอบเช้าสุด 8 โมงครึ่ง เลยอดกินข้าวเช้าของที่ B&B เลย ขับๆไป ตอนแรกก็อากาศสดใส แดดจ้าดีอยู่ แต่พอเข้าใกล้ Fallingwater แล้ว ทำไมจู่ๆหมอกลงขนาดนี้เนี่ย จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 06:54:17 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถึงแล้วจ้าพี่น้อง จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 06:55:18 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ปรากฎไปถึงก่อนแปดโมงนิดหน่อย แต่เขายังไม่ให้เข้าค่ะ ต้องจอดรถรอเกทเปิด เราเลยถือโอกาสเดินโต๋เต๋กันพอขำๆและนั่งหม่ำข้าวเช้ากันในรถไปด้วยซะเลย ระหว่างที่กำลังหม่ำไปเมาท์ไปอยู่นั้นเอง เพื่อนอิฉันซึ่งรับหน้าที่สารถี ก็เหลือบไปเห็นกระจกข้าง ว่ามีรถฮอนด้าซีวิคคันนึงมาต่อแถว แล้วมีสาวนางหนึ่งลงจากซีวิคคันนั้น และกำลังเดินผ่านรถเราไปยังป้อมยาม เพื่อนอิฉันก็พูดออกมาว่า “ท่าทางจะเป็นคนไทยว่ะแก หน้าตาท่าทางเหมือนคนไทยจริงๆ สวยด้วยว่ะ ก้นงี้เล็กเชียว” อิฉันหันไปมองเพื่อนตาปริบๆ ก่อนชี้นิ้วว่า “แก...เมื่อกี้แกไม่ได้ไขกระจกรถขึ้นอ่ะ...” (แต่สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าเป็นสาวชาติไหนกันแน่ เพราะเธอมากับแฟนฝรั่ง และพูดภาษาอังกฤษไม่มีติดสำเนียงกระเหรี่ยงเลย แต่ตอนเธอเดินกลับมาจากป้อมยาม อิฉันเห็นเธอส่งสายตาเหล่มายังรถเรา ไม่ทราบว่าเพราะฟังภาษาไทยเมื่อตะกี้รู้เรื่อง หรือเพราะสงสัยว่าทำไมอีบ้า 3 ตัวนี่ ถึงได้หัวเราะกันจะเป็นจะตายขนาดนี้กันแน่ กร๊ากกกกกก) จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 06:56:07 ]

ความคิดเห็นที่ 15 พอ 8 โมง 15 เขาก็เปิดให้เราเข้าไปได้ ทัวร์ชม Fallingwater นี้มีหลายออปชั่นมากค่ะ อย่างเช่น 1. ทัวร์ปกติ ราคา $15 ใช้เวลา 1 ชั่วโมง, ห้ามถ่ายรูปข้างใน และได้ดูเฉพาะห้องหลักๆ 2. ทัวร์เจาะลึก ราคา $55 ใช้เวลา 2 ชั่วโมง, สามารถถ่ายภาพในบ้านได้ และจะได้ดูกันทะลุปรุโปร่งทุกห้อง 3. ทัวร์พระอาทิตย์ตกดิน ราคา $100 ถ่ายภาพในบ้านได้ และแถมออเดิร์ฟข้าวเย็น -_- เราเลือกทัวร์เจาะลึกค่ะ เพราะคิดว่าอุตส่าห์นั่งรถก้นแฉะตั้ง 6 ชั่วโมงมาทั้งที ก็ขอดูให้มันคุ้มๆหน่อย อีกหนึ่งข้อดีของทัวร์เจาะลึกคือ เราได้ประเดิมบ้านก่อนเป็นกรุ๊ปแรกๆ (ช่วงเช้ามี 2 รอบคือ 8:30am กับ 8:45am) หรือไม่ก็ปิดท้ายรายการไปเลยตอน 4:30pm จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 06:56:45 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อันนี้เป็น Ticket desk, cafe และ Museum Store ค่ะ ถ้าใครอยากมา ต้องจองตั๋วล่วงหน้าก่อนนะฮะ เสียค่าจองออนไลน์คนละ $2 ก็ให้ๆเขาไปเถอะ เพราะขนาดเรามาถึงตอนไก่โห่ เขาก็ปักป้ายหน้าป้อมยามเลยว่า วันนี้ทัวร์ขายหมดเกลี้ยงแล้ว และถ้าอยากถ่ายรูปภายนอกบ้านเฉยๆ ก็ต้องจ่ายค่าเข้า $6 อยู่ดี จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 06:57:13 ]

ความคิดเห็นที่ 17 จากตรงที่รูปข้างบน เราสามสาวและชาวคณะทัวร์อีก 7 ชีวิต ก็เดินตามป้าไกด์ต้อยๆไปยัง Fallingwater จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 06:57:40 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ใช้เวลาเดินไม่ถึง 5 นาทีก็ได้เห็นบ้านแย้ววววววว จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 06:59:33 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อืม...นี่เราเลือกมาผิดฤดูหรือเปล่าหว่า น้ำแห้งเชียว T_T จะเห็นได้ว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้สร้างคร่อมน้ำตกนะคะ แต่ใช้ระบบคานงัด (Cantilever) คือมีส่วนรับน้ำหนักบ้านอยู่แค่ข้างเดียว ระเบียงของบ้านเลยเหมือนลอยออกมาจากริมฝั่งแม่น้ำ จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:00:06 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ป้าไกด์ว่า นักท่องเที่ยวหลายคนทึ่งเมื่อได้รู้ว่า บ้านหลังนี้มีอายุตั้ง 70 ปีแล้ว เพราะหน้าตาล้ำยุค เหมือนบ้านในยุค 50s – 60s มาก จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:00:33 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ทัวร์บ้านน้ำตกของเราประเดิมกันที่ห้องครัว ซึ่งมีอุปกรณ์เครื่องใช้ไฮเทค ที่ชาวบ้านสมัยโน้นเขาไม่มีกัน อย่างเครื่องล้างจาน เป็นต้น โต๊ะกินข้าวนี่ คงมีไว้ให้เด็กรับใช้ในบ้านนั่งกินข้าวกินกาแฟ พร้อมชมวิวไปพลางๆ จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:01:05 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ถัดมาเป็นห้องพักสำหรับเด็กรับใช้ เป็นห้องเล็กๆแต่ว่าเก๋มาก เพราะมีเบาะนั่งที่มองออกไปเห็นวิวเขียวขจี แถม corner ยังเป็นกระจกอีกตะหาก ไม่มีเสาไม้เสาเหล็กมาบดบังทัศนียภาพให้เกะกะลูกกะตา อิฉันก็เลยลองนั่งเล่นดู ชมวิวไปจินตนาการไปว่าตัวเองเป็นซินเดอเรลล่า รอเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยเก็บจอห์น แม็คเคน กับนัง ซาร่าห์ ป้าหลิน ไปที! ป.ล. ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปทั้งห้องมานะฮะ เพราะป้าไกด์ดุมาก พอแกพูดจบ แกก็จัดการต้อนพวกอิฉันออกจากห้องภายในเวลาอันรวดเร็ว -_- จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:01:59 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จากห้องครัวเราก็ออกมาตรงประตูทางเข้าบ้านค่ะ ป้าไกด์ก็เล่าว่า ทางเดินเข้าบ้านจะแคบๆหน่อย แต่นั่นก็เป็นความตั้งใจของลุงไรท์ เพราะแกใช้คอนเซ็ปต์ Compress-Release คือ ถ้าเราเดินมาจากทางแคบๆ พอมาเจอแสงสว่างปลายทางอุโมง มันจะทำให้เราจะได้รู้สึกว่าห้องดูสว่างและใหญ่กว่าความเป็นจริง แบบที่เราเจอห้องรับแขกนี่ไงล่ะฮะ กรี๊ดดดดดดดด จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:02:29 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตัวบ้านว่าเก๋ไก๋ได้โล่ห์ ภายในบ้านก็ชวนกรี๊ดไม่แพ้กัน สังเกตที่พื้นนะฮะ ว่าเป็นหินซึ่งเขาตั้งใจลงแว็กซ์เสียจนเงาวิบ เพราะจะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นหินที่มีน้ำในลำธารไหลผ่าน จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:02:55 ]

ความคิดเห็นที่ 25 นอกจากจะใช้หินปูพื้นแล้ว ผนังยังเป็นหินที่จัดเรียงได้อย่างกิ๊บเก๋เท่ระเบิดมากๆ น้องปอสองชอบ Shelf ลอยพวกนี้มาก วางของประดับกันได้เต็มที่ ช่างคิดเจงๆ จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:03:36 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อันนี้เป็นโต๊ะกินข้าว ซึ่งหลบมุมอยู่ในห้องนั่งเล่น เพราะยี่ห้อลุงไรท์ ต้องเป็น Open Floor Plan ไม่มีผนังกั้นห้องเจ้าค่ะ โต๊ะทานข้าวนี่ ป้าไกด์ว่า ปกติใช้สำหรับ 4 คน แต่สามารถดึงขยายได้ถึง 20 ที่นั่งทีเดียว ป้าไกด์ยังเล่าอีกว่า บ้านนี้แทบไม่ใช้เก้าอี้ที่ Frank Lloyd Wright ออกแบบเลย เพราะคุณ E.J. Kaufmann แกสะสมเก้าอี้อยู่ก่อนแล้ว แกเลยอยากจะเอาเก้าอี้ที่มีอยู่ในสต็อกออกมาโชว์แขก จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:04:07 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อันนี้อย่างฮา เป็นหม้อต้มสุกี้ เอ้ย ต้มไซเดอร์ กรุณาสังเกตผนังที่เจาะเป็นรูโหว่เพื่อเป็นที่พักหม้อ จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:04:29 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โต๊ะเก้าอี้สวยโฮก อยากขโมยกลับบ้านเจงๆ >_< ลุงไรท์แกไม่ชอบเวลาออกแบบบ้านมาสวยๆ แล้วเจอลูกค้าเปลี่ยนโน่นย้ายนี่ เฟอร์นิเจอร์บ้านนี้เลยเป็นแบบ Built-in (ยึดอยู่กับพื้น) ซึ่งแกพูดกขำๆว่าทำไว้เพื่อ Client proof หรือเป็นระบบป้องกันความบ้องตื้นของลูกค้าน่ะเอง จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:04:57 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ที่คิขุกาโม่สุดเดช ก็ไม่พ้นแสงไฟเรืองๆที่ส่องอยู่ด้านหลังโซฟา ป้าไกด์บอกลุงไรท์กะทำให้เหมือนเป็นแสงพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:05:29 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ความเปรี้ยวของห้องนั่งเล่นยังไม่จบแค่นั้นฮ่ะ ดูนี่ซะก่อน มีบันไดให้เดินไปตกปลากันสบายๆ คิดได้ไงเนี่ย จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:06:13 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขนาดทางเดินขึ้นเหล่าเต้งก็ยังเท่ จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:06:37 ]

ความคิดเห็นที่ 32 โฉมหน้าของป้าไกด์มหาภัย ซึ่งกำลังอธิบายส่วนต่างๆของห้องนอนแขกอยู่ค่ะ ป้าบอกให้สังเกตตู้ เพราะอุตส่าห์ทำเป็นลายแนวขวางให้เข้ากับกำแพง! จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:07:22 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ส่วนนี่เป็นโต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอนของ Liliane Kaufmann ภรรยาของคุณ E.J. อาจสงสัยว่า ทำไมผัวเมียแยกห้องกัน แต่หนังสือบอกว่า สมัยโน้น เศรษฐีหลายบ้านก็สร้างห้องนอนส่วนตัวเหมือนกัน แต่ที่ฮาคือ ห้องของ Liliane ดันใหญ่กว่าของคุณสามีที่เป็นคนออกตังค์ซะอีก กร๊ากกก (แต่คู่นี้ อิฉันว่าอาจแยกห้องกันเพราะไม่กินเส้นจริงๆ เพราะคุณ E.J. ชอบไปมีกิ๊ก ประกอบกับจริงๆสองคนนี้เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกันค่ะ E.J. แต่งงานกับ Liliane เพื่อจะได้ให้สองครอบครัวรวมกันเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ห้างสรรพสินค้า Kaufmann’s) จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:08:10 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขนาดชั้นวางหนังสือก็ยังไม่หลุดคอนเซ็ปต์ จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:08:34 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เปลี่ยนบรรยากาศมาสูดอากาศบนระเบียงหน้าห้องนอนคุณ Liliane กันบ้าง จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:08:57 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ป้าไกด์ยังชี้ให้ดูว่า ชายคาที่ยื่นออกมาจะมนๆ เพราะจะได้ไม่ต้องมีรางน้ำมาให้เกะกะลูกกะตา แถมยังมายั่วน้ำลายพวกเราอีกว่า เวลาฝนตก ตัวบ้านก็จะกลายสภาพเป็นน้ำตกเทียม กรี๊ดดดดดด >_< จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:09:25 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ไอเดียบรรเจิดของลุงไรท์ยังไม่หมดแค่นั้นฮ่ะ บนชายคาจะมีหินโรยไว้ เพราะแกบอกว่าอยากให้มันต่อเนื่องกันกับทางเดินโรยหินในป่า!! จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:09:57 ]

ความคิดเห็นที่ 38 มาดูห้องนอนของคุณ E.J. กันบ้าง ป้าไกด์เล่าว่า ไปอ่านหนังสือนำเที่ยวเล่มนึงแล้วโคตรเคือง เพราะคนเขียนนั่งเทียนว่า “เวลาเราอยู่ใน Fallingwater House เราจะไม่ได้ยินเสียงน้ำตก” จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:10:23 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ...ไม่ได้ยินใช่มั๊ยแก นี่แน่ะ!! เสียงน้ำตกชัดยังทีนี้ กรุณาสังเกตโต๊ะนะฮะ เขาทำเป็นโค้งๆเข้ากับประตูเป๊ะ มันคิดกันด้ายยย จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:11:03 ]

ความคิดเห็นที่ 40 บ้านใช้ระบบคานงัดยังไม่พอ โต๊ะก็ยังมามุขเดียวกัน จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:11:27 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ส่วน Butterfly chair อันนี้เป็นต้นตำรับ ซึ่ง Kaufmann Jr ไปสอยมาตั้งกะตอนทำงานที่ Museum of Modern Art (MOMA) ไม่ได้ถอยมาจาก Ikea (ซึ่งไปก็อปเขามาอีกที) นะเอ้อ จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:11:54 ]

ความคิดเห็นที่ 42 จากห้องนอน Kaufmann ผู้พ่อ เราก็ออกไปยังระเบียงข้างนอกเพื่อไต่กระไดอันน่าเอ็นดูนี้ ขึ้นไปยังห้องนอนของ Jr จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:12:17 ]

ความคิดเห็นที่ 43 วิวบนระเบียงฮ่ะ จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:12:50 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ตอนแรกชั้นสามนี้ ไรท์กะทำเป็นทางเชื่อมของอาคารอีกหลังที่ใช้เป็นห้องรับรองแขก แต่ตอนหลัง Kaufmann เปลี่ยนใจให้สร้างทางเดินตรงชั้นสองแทน Jr เลยถือโอกาสยึดครองชั้นสามทั้งหมด จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:13:14 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ผลคือห้องนอนของ Jr นั้น โดนแดดยามเช้าเต็มๆ แต่แกบอกไม่เป็นไร แถมยังได้นอนภายใต้แสงดาวเป็นของสมนาคุณ น่าอิจฉาาาาาาาาา >_< ท่าทาง Jr จะเป็นหนอนหนังสือ ดูเครื่องทุ่นแรงในการอ่านหนังสือของพี่ท่านซะก่อน! นอกจากจะเคยทำงาน MOMA แล้ว ภายหลัง Jr ยังได้ไปเป็นอาจารย์วิชาออกแบบที่มหาวิทยาลัย Columbia ที่นิวยอร์คอีกด้วย (เพื่อนอิฉันว่า ถ้าแกสอนเรื่อง Frank Lloyd Wright คงฮา ระหว่างที่ปิ้งแผ่นใส Fallingwater แกก็คงทำหน้าตาย หยักไหล่ใส่เด็กๆว่า "เออ..นี่บ้าน'จารย์เอง" กร๊ากกกกก) ส่วนโคมไฟทรง Toblerone ที่ตั้งบนโต๊ะนั้นเนี่ย มี replica ขายที่ musuem store นะฮะ สนนราคาก็แค่ เบาะๆ $495 เท่านั้นเอ๊ง! แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 23:05:09 จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:13:53 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ออกมาดูระเบียงชั้นสามกันบ้าง จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:14:19 ]

ความคิดเห็นที่ 47 อันนี้นอกจากข้างบนจะใช้ปลูกพืชผักสวนครัวแล้ว กระจกด้านล่างยังใช้เป็นที่ให้ความสว่างห้องน้ำชั้นสองอีกด้วย!! จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:14:47 ]

ความคิดเห็นที่ 48 จากชั้นสาม เราก็เดินลงไปชั้นสองเพื่อไปดูเรือนรับรองแขกต่อไป จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:15:15 ]

ความคิดเห็นที่ 49 แต่นแต๊น นี่ไงฮะ เรือนรับรองแขกที่อยู่ข้างหลัง Fallingwater จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:15:40 ]

ความคิดเห็นที่ 50 หลังคาทางเดินอย่างโดน >_< จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:16:10 ]

ความคิดเห็นที่ 51 มีสระว่ายน้ำด้วยนะเอ้อ จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:16:34 ]

ความคิดเห็นที่ 52 คงสุขีพิลึกถ้าได้แช่น้ำไป ชมนกชมไม้ไป (ขอแค่นกพอ ตัวอย่างอื่นอย่าโผล่มานะเฟร้ย ) จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:17:02 ]

ความคิดเห็นที่ 53 มาดูห้องนั่งเล่นของเรือนรับรองแขกกันมั่ง ก็ยังไม่ทิ้งสไตล์การตกแต่งของบ้าน Fallingwater ป้าไกด์เตือนเพื่อนคณะทัวร์คนหนึ่ง ซึ่งจะเดินไปถ่ายรูปข้างหลังโซฟา ว่าให้ระวังโคมไฟดอกไม้ทิฟฟานี่อันนั้นหน่อย เพราะเหลืออยู่แค่อันเดียว แถมมีราคาค่างวดเป็น 3 เท่าของภาพปิกัสโซ่ที่แขวนอยู่หน้าห้องน้ำ!! (พูดง่ายๆคือ ทำพังขึ้นมา พวกเอ็งจะไม่มีปัญญาใช้ว่างั้นเถอะ ) จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:17:28 ]

ความคิดเห็นที่ 54 มีปิกัสโซ่แขวนอยู่หน้าห้องน้ำก็ว่าเปรี้ยวแล้ว บ้านนี้ยังมีภาพ Japanese Woodblock Prints สวยๆอยู่ตั้ง 6 ภาพ อย่าง Pontoon Bridge at Sano ของ Hokusai ภาพนี้เป็นต้น อิฉันอุตส่าห์กระเสือกกระสนไปมิวเซียมศิลปะเอเชียที่ DC เขายังไม่เอาออกมาให้ดูเลย แต่ที่นี่ พี่เล่นแขวนกันชิลๆ เห็นแล้วอิจฉาคนรวย >_< แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 08:15:23 จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:17:51 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เอ่อ...เนี่ยแหล่ะค่ะ เก้าอี้ของลุงไรท์ตัวเดียวใน Fallingwater มาหลบอยู่ตรงห้องนอนแขกนี่เอง! จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:18:14 ]

ความคิดเห็นที่ 56 และทัวร์ของเราก็จบลงที่บ้านพักแขก ถึงเวลาถ่ายรูปมุมยอดฮิตของ Fallingwater กันบ้าง สวยจริงๆ ยิ่งตอนใบไม้เปลี่ยนสี น้ำตกไหลฟู่ฟู่ คงสวยแทบขาดใจ >_< อย่างที่ได้เล่าไปแล้วว่า ตอนบ้านนี้สร้างเสร็จ ก็เป็นที่ฮือฮาของทั้งคนในแวดวงศิลปะ และประชาชนตาดำๆ หนังสือเลยพยายามวิเคราะห์ว่าทำไม Fallingwater ถึงได้โดนใจมหาชนขนาดนั้น หนึ่งในหลายคำอธิบายก็ได้แก่ ตอนที่มันสร้างเสร็จ เศรษฐกิจอเมริกากำลังตกต่ำดำดิ่ง คนอเมริกันที่เคยหลงแสงสีเสียง ก็หันกลับมานิยมวิถีชีวิตที่เรียบง่าย และใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งก็เข้าทาง Fallingwater ซึ่งผสมผสานความโมเดิร์นให้เข้ากับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน อีกทั้งแม้มันจะเป็นบ้านคนรวย แต่มันก็ดูเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่ได้อลังการดาวล้านดวงแบบคฤหาสน์อัครมหาเศรษฐีทั้งหลาย นอกจากนี้ Fallingwater ยังเป็นเหมือนตัวแทนของความหวัง ว่าคนที่เคยตกต่ำอย่าง Frank Lloyd Wright ยังสามารถกลับมาเชิดหน้าชูตาได้อีกหน เช่นเดียวกับเศรษฐกิจอเมริกาหลังยุค Depression ที่จะกลับมาเข้มแข็งยิ่งกว่าเดิม (ปล. แต่ Bear Sterns กับ Lehman Brothers นี่ไปแล้วไปลับคงไม่กลับมาแล้วมั๊ง -- นอกเรื่องอีกแล้วตู ) จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:19:02 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อีกทั้งตอนนั้นสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์นโดนสถาปนิกจากยุโรปครองตลาดอยู่ Fallingwater เลยเหมือนเป็นการปลุกกระแสชาตินิยมไปด้วยในตัว บวกกับรสนิยมคนมะกันในตอนนั้น เริ่มยอมรับสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์นมากขึ้น ทำให้บ้านหลังนี้กลายเป็น Pop Icon ของยุคนั้นเลยทีเดียว จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:19:29 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ออกจาก Fallingwater แล้ว เราก็ได้ฤกษ์คลานกลับบ้านกันเสียที วิวระหว่างทางที่ขับกลับก็สวยทีเดียวเชียว มีทั้งแม่น้ำภูเขาให้ดูกันเพลินไปเลย (แต่ขออภัยถ่ายมาได้แค่นี้ เพราะมัวแต่ดูวิว -_-) จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:20:36 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ตอนขับเข้ารัฐ Maryland ชักเริ่มหิว น้องปอสองเลยลองกด GPS หาร้านอาหาร แถวไฮเวย์ก็มักจะมีแต่ฟาสต์ฟู้ดอย่าง McDonald’s แต่เด็กดื้ออย่างพวกเรา หิวแล้วยังจะหยิ่ง ขอวัดดวงกินร้านท้องถิ่นดีกว่ากินอาหารแหลกหล่วน! GPS บอกทางมายังร้านนึง แต่พอเราเห็นป้ายร้านอาหารที่ Casselman Inn ซึ่งเป็น Bed & Breakfast หน้าตาน่าเอ็นดู เราก็หักหลังน้อง GPS แล้วเลี้ยวเข้าที่จอดทันที จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:21:05 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เข้ามาแล้วถึงได้รู้ว่า Casselman Inn เป็นโรงแรมเก่าแก่ สร้างตั้งกะปี 1824 นู่นแหน่ะ ข้างในภัตตาคารก็ดูน่ารักดี ขนมปังอาหย่อย จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:21:34 ]

ความคิดเห็นที่ 61 Onion Rings ชิ้นใหญ่ยักษ์ งานนี้สมใจอิฉันซึ่งอยู่ในอารมณ์อยากกินเบอร์เกอร์พอดี แถมออกมาราคาพอๆกับ McDonald’s อีกด้วย จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:22:08 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เพื่อนอิฉันสั่งไก่ทอดฮ่ะ เธอบอกว่าของเจ้านี้อร่อย เพราะไม่เค็มและทอดได้กรอบกำลังดี จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:22:35 ]

ความคิดเห็นที่ 63 น้องปอสองสั่ง ซึ่งเป็นแฮม ไอ้เราก็นึกว่าจะเป็นแฮมชิ้นเบ้งๆมา ดันเป็นแซนวิชซะนี่ -_- แต่ชีสทอดที่มาพร้อมกัน อร่อยใช้ได้เลยนะกั๊บผม ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามนะฮะ ขออภัยถ้า จขกท. โม้กระจายไปสักหน่อย แล้วพบกันใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีเด้อ จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 07:23:13 ]

ความคิดเห็นที่ 64 โอย โอย....ถูกใจมากมายค่ะ เคยดูแต่ 'จารย์ปิ้งแผ่นใส (แต่ไม่ได้บอกว่า บ้าน 'จารย์เอง อิอิ) ได้ดูแต่รูปข้างนอก ไม่มีข้างในมาให้ยลโฉมละเอียดละออ ขนาดนี้ ลุงแฟรงค์แกซู๊ดยอดจริงๆนะคะ แอบขำที่ มีเก้าอี้ของแกแค่ตัวเดียว (ไม่วายมีดีเทลให้รู้ว่าของลุงเอง) ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยๆปนความรู้ค่ะ แล้วคุณ ha-meow ก็เป็นไกด์ให้ชาวบลูได้ฮาจริงๆ ชอบๆ อยากให้ give แต่ เป็นสมาชิกแบบไม่ใช่หน้ากลมเลยให้ไปได้ ขอให้ตรงนี้นะคะ^_^ จากคุณ : milesmile - [ 22 ก.ย. 51 08:19:29 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เล่าสนุกมากค่ะ  ได้สาระด้วย  โดนใจจริงๆ จากคุณ : Stay alivE - [ 22 ก.ย. 51 08:45:53 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ยอดมากเลย อ่านแล้วได้ความรู้ด้วย ภาพสวยด้วย จากคุณ : ฮอนด้าสตรีม - [ 22 ก.ย. 51 09:11:53 ]

ความคิดเห็นที่ 67 บ้านอลังการมากมายค่ะ จขกท บรรยายได้ละเอียดมากๆ สนุกจังเลยค่า จากคุณ : teishiran - [ 22 ก.ย. 51 11:08:24 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เคยอ่าน Fallingwater House มาแล้ว แต่กระทู้นี้ อ่านแล้วเหมือนตามไปเดินด้วยเลยค่ะ แถมอิ่มอร่อยตอนจบอีก ฝากgive ขอบคุณเรื่องดีๆแบบนี้ จากคุณ : สามลิง - [ 22 ก.ย. 51 11:38:13 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ตามมาดูอีกครับ ชอบตั้งแต่พาเที่ยว Chicago แล้วครับ เขียนสนุกแล้วได้ความรู้ด้วย อายเจ้าของกระทู้จัง ตอนเรียนที่ Chicago อยู่กับครอบครัวฝรั่งที่ Oak Park เกือบ 6 เดือน เดินผ่านบ้าน คุณไรท์ ที่เปิดเป็น museum เกือบทุกวัน แต่ไม่เคยคิดอยากเข้าไปดู พออายุมากขึ้นเพิ่งรู้ว่าตัวเองก็ชอบงานพวกนี้เหมือนกัน สงสัยต้องกลับไปอีกรอบ จากคุณ : lakeshore (lakeshore) - [ 22 ก.ย. 51 11:46:49 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ขอบคุณเพื่อนๆที่แวะมาทักทายนะครับผม แหม ดีใจจังค่ะ นึกว่าพล่ามซะขนาดนี้ จะไม่มีคนอ่านซะแล้ว ขอบคุณนะก๊า #64 กรี๊ดดดด เจอเด็กถาปัดตัวจริงแล้วมั๊ยล่ะตู ถ้า จขกท. มั่วนิ่มปล่อยไก่อะไรออกไปก็ช่วยชี้แนะด้วยนะค๊า เห็นด้วยค่ะว่าลุงสุดยอดจริงๆ แกคิดได้ละเอียดกุ๊กกิ๊กน่ารักมากมาย ประทับใจมากๆเลยค่ะ เห็นทีต้องขอสมัครเป็นสาวกลุงซะแร้น จขทก. ขอรับ give จากคุณ milesmile ด้วยความหน้าบานเป็นล้นพ้นเจ้าค่ะ อิอิ ขอบคุณหลายค่า #65 ขอบคุณที่ติดตามผลงานการโม้ของ จขกท. นะฮับคุณ Stay alivE #66 ถ้าป้าไกด์ไม่โหด จขกท.จะมีเวลาถ่ายรูปให้สวยกว่านี้อีกค่ะคุณฮอนด้าสตรีม #67 พวกเราสามสาวชอบบ้านหลังนี้มากๆเลยค่ะ คือข้างนอกว่าสวย ข้างในยิ่งเท่ ยิ่งแนว กั่กๆ ถ้าคุณ teishiran มีโอกาส ก็น่าลองมาเที่ยวดูนะคะ คุ้มค่าฮาสะใจสุดๆ ขอบอก #68 ขอบคุณค่า การท่องเที่ยวยินดีรับใช้ค่าคุณสามลิง อิอิ #69 หวัดดีค่าคุณ lakeshore โอ้ว้าว Oak Park อยากไปๆ ไม่เคยไปเหมือนกัน แบบนี้ต้องหาเรื่องเที่ยว (อีกแระ) เรื่องพรรค์นี้ว่ากันบ่ได้หรอกฮ่ะ เพราะบางทีเราก็ไม่ได้สังเกต หรือไม่รู้ว่ามันมีดีตรงไหน เพราะถ้าไม่ได้ร่ำเรียนทางนี้มา โรงเรียนที่เมืองไทยมีสอนซะที่ไหนล่ะคะ อิฉันโชคดีค่ะ มีเพื่อนเรียนถาปัดหลายคน เลยดูดวิชาจากเพื่อนมาได้นิดโหน่ย ขนาดตอนไปชิคาโกหนแรก เพื่อนถาปัดสุดเลิฟกรี๊ดกร๊าดกับตึก Lake Shore Dr  อิฉันยังเกาหัวแกรกอยู่เลยฮ่ะ ว่ามันมีดีตรงไหนหว่า กร๊ากกกก แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 12:09:18 จากคุณ : ha-meow - [ 22 ก.ย. 51 11:59:57 ]

ความคิดเห็นที่ 71 บ้านน้ำตกเนี่ย มันคลาสสิคจริงๆเลยให้ตายดิ มุมมหาชนนี่ยังไงก็สวยเนอะ ถ่ายมาได้เหมือนหนังสือเด๊ะๆ เราว่างานเฮียแกก็เจ๋งดีนะ สมควรจะดังอะ คือแบบเราว่าแกไม่ได้สักแต่ออกแบบอะไรไปแค่เด่นแต่เปลือกนอก แต่แฝงไปด้วยความคิดล้ำลึก ในส่วนของดีเทลด้วยอะ ข้างในบ้านนี่ก็สวยจริงๆ คุ้มค่าเมื่อยตูด ๖ ชม. มาก จขกท.มีโปรแกรมไปเที่ยวไหนอีกเปล่า มาแย้มๆ ให้ฟังบ้างจิ หุหุ จากคุณ : bangkok dream - [ 22 ก.ย. 51 14:00:58 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ฮือๆ เสียดายอ่า ตอนไปดันอยู่แต่ใน Philly บวกความไม่สะดวกหลายๆอย่างทำให้ไม่ได้ไปดูของจริง แต่ดูรีวิวคุณ ha-meow ก็เกือบเหมือนได้ไปจริงแล้วหล่ะ (ไปจริงอาจจะรู้น้อยกว่านี้อีกเพราะฟังไม่ออก 55+) ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^ ปล.ชีสยืดน่ากิ๊นนน จากคุณ : yuki_shimi - [ 22 ก.ย. 51 21:00:14 ]

ความคิดเห็นที่ 73 อยากไปซักครั้งจังเลยค่ะ>__<~~~ อิจฉาๆๆ จากคุณ : เบนจัง - [ 22 ก.ย. 51 21:24:35 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เป็นบ้านที่อยากไปเห็นด้วยตาตัวเองมากๆเลยค่ะ เห็นแต่ในmagazineแล้วก็พวกหนังสือ แต่ไม่เป็นไร อ่านจากที่คุณ ha-meow เล่าให้ฟังก็เหมือนไปเองและ อิๆ รูปอาหารน่าทานมากกกค่ะ เห็นแล้วหิวเลยนะเนี่ย ขอบคุณนะคะที่พาไปเที่ยวอีกแล้ว สนุกดีค่ะ จากคุณ : แพนเค้กอุ่นๆ - [ 22 ก.ย. 51 21:47:13 ]

ความคิดเห็นที่ 75 แง้วววว~ สวยโฮกมากค้าบบบบบบบ~ >_<~ (บ้านโคตรแนวเลยอ่ะ สร้างได้งัยฟร่ะ สุดๆจริง) Supreme Court นั่น เคยเห็นในซีรี่ส์ที่ดูค่ะ อิชั้นเลยสงสัยอย่างแรงว่ามันมาอยู่ที่ดีซีได้งัย -_- ทีแรกนึกว่าดีซีเป็นพวกเมืองเก่าซะอีกนะ (ไม่รู้ตอนนั้นคิดได้งัย) แต่ก็เพิ่งรู้นี่แหล่ะฮ่ะว่าเป็นศิลปะย้อนยุคของคนเมกัน -"- แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็น (นี่หว่า) โอ้ว 8 โมงเช้า หมอกยังลงได้อีก พาลนึกถึงบ้านเกิด เหอๆ แต่อย่างชอบอ่ะ 'ตึกแบบนี้ช่างแห้งแล้ง ไร้จิตวิญญาณ' กร๊ากกกกก~ ใจมากฮ่ะ จิงด้วยอ่ะ บ้าพลังพอกันทั้งคนออกแบบและคนออกตังค์ -"- แต่ว่าถ้าไม่ได้ท่านทั้งสองก็ไม่มีอะไรแนวๆยังงี้มาให้เรายลกันหล่ะน้อ~ นั่งดูไปแต่ล่ะอย่างในบ้าน ช่างคิดด้ายยย~ แนวกว่านี้มีอีกมั้ยยย ชอบอีกแล้วอ่า >_<~ เริ่มโฮกตั้งกะพาเข้าบ้าน(?)แล้วฮ่ะ ห้องรับแขกเอย ห้องทานข้าวเอย แถมที่พักหม้อนั่นอีก กร๊ากกกก~ ทางลงไปตกปลา แถมตู้ที่ทำให้เข้ากะลายผนัง ก๊าซซซ นั่งๆดูไปยิ่งมีความคิดแบบ คิดได้งัยว่ะๆ ลอยมาเต็มอ่ะ -"- อยากเห็นตอนฝนตกเหมือนกันเนอะ อิอิ แต่แบบว่า บันไดน่าร้ากกกกกกกกก >_<~ ดูทีแรก ไหงไม่เข้ากะตัวบ้านเลยฟร่ะ แต่ดูไปดูมา เอ่อะ เริ่มเนียนไปเอง *-* โคมไฟดอกไม้ทิฟฟานี่อันนั้นน่ารักเจงๆ กี๊ซซซ ขอบคุณที่พาไปเที่ยวอีกแล้วค้าบบบ~ ได้ความรู้ด้วยอ่ะ ขอบคุณเน้อ ปล. ถ่ายรูปสวยมากๆเลยค่ะ จริงๆ ปล2. ขนมปังใหญ่มากอ่ะ -_- แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 22:27:01 จากคุณ : yokoyuki - [ 22 ก.ย. 51 22:25:30 ]

ความคิดเห็นที่ 76 พออ่านมาถึง # 6   อิชั้นเริ่มไทยดราม่า ว่ากะเดี๋ยวอีตาไรท์ จะฉกเมียเค้าไปอีกมั้ย # 45 กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด~ อยากได้ มากมาย มหาศาล ได้ไอเดียอ่า กำลังจะสั่งทำเตียงใหม่พอดี จะออกแบบให้มันติดกะหัวเตียง แล้วโยกมาได้แบบโคมไฟ รับ นน. ได้ซักโลกว่าๆ คงพอ  มีไฟเล็กส่องอีกต่างหาก...  เริ่ดดดดด~ # 55 มันเป็นเฟอร์นิเจอร์สไตล์ชิโนโปรตุกีสเหรอคะ มีโถลายครามด้วยอ่า !!! สุดท้าย ไหนปิคาสโซ่หน้าส้วมคะ มันเข้ากะผนังหินมั้ยอ่ะ ??? จากคุณ : ป้าหนอน - [ 22 ก.ย. 51 22:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ขอบคุณสำหรับกระทู้ถูกใจ คนฝันอยากมีบ้าน..ตอนนี้ได้แต่ดูกะกางเตนท์ไปก่อน แต่คนขี้อิจฉาเค้าบอกว่าบ้านหลังนี้มันผิดหลักฮวงจุ้ยมั่กๆ จริงอ่ะป่าวอ่ะคุณ ha-meow จากคุณ : RoBoT SoNNiE (Amaroid) - [ 22 ก.ย. 51 22:37:22 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เพิ่งมาอ่าน กระทู้ถูกใจ เดี๋ยวจะตามไปอ่านสองตอนที่เหลือนะคะ ฮา แล้วยังได้ความรู้อีกค่ะ ที่จะเสียอย่างเดียวคือ ทำเราฝันเฟื่อง อยากได้บ้านแบบนี้ ฮ่าๆ จากคุณ : oriole - [ 23 ก.ย. 51 05:18:16 ]

ความคิดเห็นที่ 79 เห็นเพื่อนๆถูกอกถูกใจกับ Falling Water แล้วก็ีดีใจไปกับ ha-meow ด้วยที่อุตสาห์ทำการบ้าน อิฉันในฐานะแม่ยกส่วนตัวและลูกทัวร์ผู้ซื่อสัตย์เลยขอแถมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอีกนิดนะเจ้าคะ คือว่าคุณ Kauffman คนออกตังค์เนี่ย แกตั้งงบไว้ให้ลุง Wright ถลุงที่ $30,000 (ในสมัยนั้นซึ่งราคาบ้านในอเมริกาเฉลี่ยอยู่ที่ $5,000) แต่ลุงแกคงเมามันมากสร้างไปสร้างมาค่าบ้านบานทะโร่ไป $150,000 !!!!!!! อก E แป้นอย่างอิฉันจะแตก แต่คุณ Kauffman แกรวยจริงเลยควักจ่ายไปอย่างไม่อิดออด เกิดเฺป๊นสมัยนี้พวกมาดดีแต่เครดิตเน่าเนี่ยงาน Masterpiece เช่นนี้อาจไม่ได้เสร็จสมบูรณ์ให้พวกเราได้ชื่นชมเป็นแน่แท้ จากคุณ : Mono Loco (Mono Loco) - [ 23 ก.ย. 51 06:11:50 ]

ความคิดเห็นที่ 80 #71 พวกเราดูแล้วก็ได้แต่ทึ่งในพลังความคิดสร้างสรรค์ของลุงไรท์จริงๆค่ะ แต่ละดอก โต๊ะงี้ หน้าต่างงี้ บันไดเหลืองๆงี้ ได้ใจมากๆ ไม่รู้ต้องคิดกันกี่นานกว่าจะได้บ้านทั้งหลังเนี่ย >_< ส่วนเรื่องโปรแกรมเที่ยว ตอนนี้ก็ชุกอยู่ฮ่ะ เพราะ Mono Loco เพื่อนอิฉันเนี่ย เพิ่งได้ย้ายบริษัทมาอยู่เมืองเดียวกัน เพื่อนกินเพื่อนเที่ยวมาแล้ว ทีนี้ได้หมดตูดแน่ๆ โปรแกรมหน้าจะพาไปเที่ยว Baltimore ฮ่ะ ต้นปีหน้าก็ว่าจะไป Philadelphia พอเมษา ทีนี้ก็จะเป็นโปรแกรมใหญ่ประจำปีฮ่ะ คือ อิฉันจะบุกสเปนเจ้าค่า! (ขอให้ได้ไปจริงเถอะเจ้าประคู้ณ -/|\-) #72 Philly จขกท.ยังไม่เคยไปเลยง่ะ งี้ดงี้ด ส่วน Fallingwater ยังไม่หนีไปไหน อิฉันก็ขออวยพรให้คุณ yuki_shimi ได้ไปยลบ้านน้ำตกเร็วๆนะฮะ #73 มาสิคะมา แถวนั้นมีบ้าน Frank Lloyd Wright อีกบ้านที่ชื่อ Kentuck Knob ด้วย เรายังไม่ได้แวะเลย ถ้าได้มาอย่าลืมเที่ยวเผื่อนะเคอะ :D #74 บ้านสวยๆแบบ Fallingwater นี้ ถ้าได้ฝีมือการถ่ายภาพระดับเทพของคุณแพนเค้กอุ่นๆคงจะเยี่ยมไปเลยล่ะค่ะ ถ้าไปเที่ยวไหนก็อย่าลืมถ่ายภาพสวยๆกลับมาฝากอีกนะฮะ #75 'ตึกแบบนี้ช่างแห้งแล้ง ไร้จิตวิญญาณ' กร๊ากกกกก~ ใจมากฮ่ะ >> จะใจมากกว่านี้ฮ่ะ ถ้าลองจิ้นว่าลุงไรท์แกพูดใส่อารมณ์แบบ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ กร๊ากกกกก (คิดได้ไงเนี่ยตู -_-) แม่นแล้วค่ะคุณ yokoyuki สถาปนิกเก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องได้ลูกค้าใจถึงแบบพี่ E.J. เนี่ยแหล่ะค่ะ มันถึงจะรุ่ง บ้านแนวๆแบบ Fallingwater นี้หายากหน่อยค่ะ โดยมากจะเป็นประเภทอลังการดาวล้านดวง ซึ่งอิฉันเดินแล้วจะเซ็งๆ (ว่าทำไมไม่หมดซะที -_-) หรือไม่ก็ไม่สวยแบบนี้ แต่ว่ามีรายละเอียดแปลกๆ ถ้าอิฉันไปเจออะไรเด็ดๆแล้วจะนำเสนอท่านผู้ชมแน่นอนฮ่ะ ไม่ต้องห่วง ปล.อิฉันขอน้อมรับคำชม และจะฝากบอกน้องปอสองให้ด้วยค่ะคุณ yokoyuki #76 แค่เมียพี่ E.J. น่ะไม่เท่าไหร่หรอกฮ่ะ ในหนังสือเขาลง จม. ที่ลุงไรท์กับ E.J. เขียนโต้ตอบกัน วายมากๆขอบอก -_- เอาดิฮะป้าหนอน ทำเสร็จแล้วมาบอกเล่าเก้าสิบกันมั่งเน้อ ถ้าเป็นอิฉันมีเครื่องทุ่นแรงแบบนี้ อาจได้หลับตั้งแต่ย่อหน้าแรก กั่กๆ ปิกัสโซ่รูปนั้น บ่ได้ถ่ายมาฮ่ะ เพราะขี้เกียจไปแย่งเพื่อนร่วมทัวร์ถ่าย อิฉันเลยไปกดรูปภาพพิมพ์ญี่ปุ่นซะแทน #77 เอ่อ...คือ เรื่องฮวยจุ้ยเนี่ย จขกท.ก็แบะๆเจ้าค่ะ เห็นทีต้องให้ผู้รู้มาช่วยซะแล้ว -_- #78 นั่นสิคะคุณ oriole ถ้ามีบ้านสวยๆแบบนี้ วันๆอิฉันคงนั่งเอกเขนกชมนกชมไม้ ไว้รออิฉันมีบุญได้เกิดเป็นลูกเศรษฐีพันล้านก่อนนะเคอะ #79 ตบมือต้อนรับเพื่อนมอของอิฉันหน่อยฮ่ะพี่น้อง หลังจากไปถอยคอมมาใหม่ พิมพ์ภาษาไทยได้แล้ว ในที่สุดชีก็ออกจากที่กบดานซะที แท็งค์กิ้วหลายที่มาเพิ่มเติมข้อมูลจ้า เพราะ จขกท. ก็เบลอๆ จำได้มั่งไม่ได้มั่ง (แก่แล้วก็เงี้ย >_<) จากคุณ : ha-meow - [ 23 ก.ย. 51 10:38:01 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ครือว่า... ตามหลักฮวงจุ้ย มันก็ต้องห้ามหลายอย่างอยู่ เช่นระบบคานงัด # 19 มันไม่สมดุล คนที่นอนอยู่ห้องฝั่งไม่มีคาน (ยื่นไป) ก็เจริญๆๆ พวกนอนอยู่อีกฝั่ง ก็จะจมอยู่กับที่ (ห้องนอนเมียอยู่ตรงนั้นป่าว) ส่วนใหญ่ ห้องแนวนี้ จะเป็นห้องเก็บของ ห้องพระ ไม่ใช่ห้องนอน ตัวรูปลักษณ์ของบ้าน มีเหลี่ยมมุม ทิ่มแทงโดยรอบ แปลว่าเป็นไม่เป็นมิตร กับบุคคลรอบข้าง ออกแนวสะกดข่ม ชั้นเริ่ดกว่าว่างั้น # 20-22-37-42-43 -49-50-56   # 23  การทำทางเล็กๆ เดินเข้า ชี่ (พลัง) ก็จะไหลแรงงงงงงงงง~ มาปะทะ จุดที่นั่งคนนั่งตรงนั้น ก็ต้องเป็นเจ้าบ้าน หรือกิจกรรมตรงนั้น จะเป็นจุดที่รับผลกระทบเป็นอันดับแรก อันนี้คาดว่า คุณพี่ไรท์คงจะเรียนฮวงจุ้ยมามั่ง จุดใช้สอย จึงกระจายกัน รับพลังออกไป... นอกจากนั้น คุณพี่ยังมีรูไหลออก ของชี่เยอะเชียว (อันนี้กึ่งดี กึ่งเสีย) และมีรูปปั้นมาต้าน หรือชะลอพลังท้องฟ้าอีก ซึ่งไม่จำเป็นเลย เพราะน้ำล้อม ก็จะเย็นโคตรๆ บรรเทาความแรง จะต้านพลังอื่นทำไม แถมพื้นมีหลายสเต็ปอ่ะ ออกแนวชีวิต จะมีขั้นตอนมากกกกก~ สุดท้าย... #  53  ห้องนั่งเล่น เปิดเข้ามาเจอจุดนั่งของเจ้าของบ้าน  แปลว่าคนที่นั่ง ตรงนั้นอ่ะ จะรับภาระภายในห้อง (เช่นใครทำโคมทิฟฟานีแตก มันผู้นั้นมักจะไม่มีปัญญา ชดใช้ กร๊ากกกก~) นี่ตามเบสิคอ่ะ  ถ้าดู + ทิศ + ตอนฝนตกละ มันส์กว่านี้   จากคุณ : ป้าหนอน - [ 23 ก.ย. 51 19:42:47 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ค่อยๆ ย่องเข้ามาอย่างเงียบๆ เชียบๆ เพราะว่าคนอื่นเค้าไปกันหมดแล้ว อิชั้นเพิ่งจะได้มาอ่าน ...เอิ๊กกกกกกก ขอบบอกว่าตอนนี้ถูกใจมากมาย เพราะอิชั้นสงสัยมานานแล้วว่าบ้านหลังนี้มันมีดียังไงนะ ถึงได้ดังระเบิดระเบ้อ ที่สงสัย เพราะว่าที่ผ่านมาเห็นแค่รูปถ่ายนอกบ้านอย่างที่เป้นหน้าปกหนังสือนั่นละ พอมาดูกระทู้นี้ถึงได้บรรลุสัจธรรมว่าเพราะความล้ำลึกของลุงแกนี่เอง ... ซูฮก ๆๆ แล้วยังมาถูกใจภาพพิมพ์ญี่ปุ่นด้วย มันดูสวยสงบดียังไงไม่รู้ ขอบคุณด้วย 1 give นะค๊า ^ ^ จากคุณ : ณ วันหนึ่งเราจะมาพบกัน - [ 23 ก.ย. 51 20:30:31 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ป้าหนอนค้าบบบบ~ สุดยอดมากอ่ะ O_O จากคุณ : yokoyuki - [ 23 ก.ย. 51 21:37:06 ]

ความคิดเห็นที่ 84 โอ้ ป้าหนอนช่างรอบรู้ทุกอย่างเจงๆ ข้าน้อยนับถือ (-/|\-) #82 ภาพพิมพ์ญี่ปุ่นใน #70 & #80 เป็นของ Hiroshige ค่ะ จขกท.ไปตบมาจากเว็บของ Brooklyn Museum ที่นิวยอร์ค ซึ่งมันเขียนเลยว่าเขามีประมาณ 100 ภาพ แต่เนื่องจากมันเป็นภาพพิมพ์ สีมันซีดถ้าโดนไฟส่องมากๆ เลยจะเอาออกมาโชว์ก็ต่อเมื่อมันมีอารมณ์จัดนิทรรศการเท่านั้น ซ้วยสวยเนอะ สงสัยได้ไปถอยหนังสือรวมเล่ม Hiroshige มาซะแย้ว จากคุณ : ha-meow - [ 24 ก.ย. 51 19:07:43 ]

ความคิดเห็นที่ 85 แวะมาเจิมจ้า จากคุณ : ปอ.2 - [ 26 ก.ย. 51 08:26:07 ]

ความคิดเห็นที่ 86 เจ๋งมากคับ ชอบๆๆๆ อยู่พิตสเบิกมาปีกว่ายังไม่ได้ไปเที่ยว falling เลยซักครั้ง - -" ขอบคุณนะคับ ภาพสวยมากด้วย จากคุณ : บรึ๋ยศักดิ์ - [ 28 ก.ย. 51 18:41:29 ]

ความคิดเห็นที่ 87 สวยสุดยอด เป็นบ้านที่ชาตินี้ต้องไปดูด้วยตาให้ได้ จากคุณ : หมาร่า V2 - [ 16 พ.ย. 51 12:17:10 ]