ความคิดเห็นที่ 1 จากรูปข้างบนนี้ ยืนยันไม่ใช่ตัวกระผมนะครับ ไม่ใช่ใครในหมู่คณะของเรา หรือคนรู้จัก ที่กล้าท้ามฤตยูอย่างนี้... คุณยาย ท่านเห็นแล้วรู้สึกกลัว จนทนไม่ได้ ต้องกลับทันทีครับ ใจกล้าจริงๆ หนุ่มคนนี้ ครับ  เป็นใคร หรือใครรู้จักเขาผู้นี้บ้าง ลองแสดงตัวมานะครับ.... จากรูปข้างล่างนี้  ตื่นเช้า..เอ๊ย..สาย ขึ้นมา 2 โมงเช้ากว่าๆ บรรยากาศก็เป็นอย่างที่เห็นครับ  แต่ กลุ่มของผม 5 ชีวิต นั้นได้บ้านพักครับ เลยไม่ได้สัมผัสบรรยากาศ นอนเต้นท์กัน จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 17:14:29 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตามมาเที่ยวภูกระดึงต่อค่ะ ยิ่งดูยิ่งอยากไป >v< จากคุณ : yuki_shimi - [ 2 ต.ค. 51 17:26:58 ]

ความคิดเห็นที่ 3 บ้านที่คณะของผมไปพักครับ  เรือนแถวเทียนน้ำ มี 5 ห้อง นอนได้หลายคน อยู่ ด้านหลังอุทยาน ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 17:30:42 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตามมาดูต่อค่ะ ^^ จากคุณ : LoveHeath - [ 2 ต.ค. 51 17:35:13 ]

ความคิดเห็นที่ 5 รอดู พร้อมคิดถึงที่นี่ด้วยคนนะคะ จากคุณ : ออเรลล่า - [ 2 ต.ค. 51 17:42:02 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นภูกระดึง เหมือนมีแรงดึงดูดเข้ามาดูทุกครั้ง นั่งรอครับนั่งรอ คิดถึงภูกระดึงครับ จากคุณ : ยุง บิน ชุม - [ 2 ต.ค. 51 17:45:42 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ซึ่งตำแหน่งของบ้านพักที่ไปพัก นั้นอยู่ทางด้านล่างของแผนผัง ซึ่ง อุทยานได้จัดทำไว้บนบอร์ด อันที่จริงแล้ว แผนผังนี้ ดูๆ ไปก็งงๆ เพราะไม่ได้วางตำแหน่ง สอดคล้องกับ ทิศที่แท้จริง  ซึ่ง ปกติ มักจะให้ ทิศเหนือเป็น ทิศด้านบนของแผนที่ใดๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 17:47:06 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ยกตัวอย่าง แผนที่เดินเท้าของ อุทยานฯ เอง ที่จัดแสดงไว้อีกบอร์ดหนึ่ง ยังได้ วางแผนที่ให้ ทิศเหนือ อยู่ด้านบน ตรงตามหลักสากล ดูแล้วไม่ งง ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 17:55:54 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตามต่อค่ะคุณมิราชช (vilaithong) จากคุณ : หมอกหนาว - [ 2 ต.ค. 51 18:06:40 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีครับ คุณ yuki_shimi, คุณ LoveHeath, คุณออเรลล่า, คุณ ยุง บิน ชุม และคุณหมอกหนาว ตามต่อกันไปนะครับ แต่ช่วงนี้เสียเวลามาแก้ไขแผนที่ ที่ทำการ ก่อนเลยนาน เพราะดูแล้ว งง ครับ รูปข้างล่างนี้เป็นแผนผังที่ได้แก้ไขแล้วครับ เอาชัวร์ๆ เข้าใจง่าย ว่าทางเข้าออกของที่ทำการนั้นมีอยู่หลักๆ ของ ที่ทำการที่นิยมใช้กันมี 4 ทาง  การมาถึงที่ทำการตอนแรก จะต้องเข้าทางด้านหน้า ซึ่งอยู่ด้านล่างของแผนผัง เพราะเราเดินมาจากหลังแปที่อยู่ทางทิศใต้ของที่ทำการฯ (ตามจุดประสีเหลือง) แล้ว เช็คอิน รับสัมภาระจากลูกหาบ แล้วเดินไปบ้านพัก  ออกมาเบิกผ้าห่ม ไปทานข้าว และ เข้าห้องน้ำ สีส้มๆ ใกล้ๆ กับ บ้านพัก ในตอนเช้า ผมไม่ได้ไป ผานกแอ่น (ด้านทิศตะวันออกของแผนที่ ที่มีทางออก สองเส้นทาง)  ตอนสาย ผมไปไหว้พระพุทธเมตตา (ทางทิศตะวันตก) แล้วเดินต่อไปยัง สระอโนดาต ซึ่งถ้าหากต้องการไปเที่ยวน้ำตก ก็สามารถเลี้ยวขวา ผ่านน้ำตกถ้ำใหญ่ น้ำตกเพ็ญพบ น้ำตกวังกวาง วนย้อนกลับเข้ามายัง อุทยานด้านทิศเหนือได้อีกเช่นกัน แต่ผมเลือกที่จะไป ผาหล่มสัก เลยไม่ไปทางนั้นครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 19:42:40 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เพื่อความเข้าใจในเรื่องเส้นทางการเดินทาง (ซึ่งต้องยอมรับว่า ถ้าไปคนเดียว จะงง.. เรียกว่า เดินตามป้าย เท่านั้น เมื่อดูแผนที่ ก็ยัง งง ไม่น้อย ว่าเราอยู่ที่ไหนกันตอนนี้)  กลุ่มของผมได้เดินทางตามเส้นสีเหลือง  ในขณะที่ เส้นสีเขียว นั้นเป็นเส้นทางที่ผมไม่ได้ไปครั้งนี้ แต่ไปคราวก่อนๆ คือ ไปเที่ยวน้ำตกต่างๆของ ภูกระดึง ผานกแอ่น และ สระแก้ว ครับ ตอนนี้ คงพอหายสับสนจาก ความยุ่งเหยิงของถนน โดยรอบอุทยานฯ นะครับ  (ต้องยอมรับว่า งง ทุกครั้งที่ไป แม้จะไปถึง 3 ครั้งแล้วก็ตาม) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 19:58:16 ]

ความคิดเห็นที่ 12 วัดดีครับ พี่มิราชช ตามมาลุ้นต่อครับ รีวิวพี่ ผมว่าถ้าใครยังไม่เคยขึ้นภูกระดึง อ่านแล้วต้องรีบไปแน่ๆเลยครับ จากคุณ : กัปตันแจ็ค - [ 2 ต.ค. 51 20:17:20 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ^ ยืนยันค่ะ เพราะเรานี่แหละยังไม่เคยไป ดูแล้วอยากไปมากกก แต่ยังขอแม่กับหาเหยื่อไม่ได้เลย 55+ จากคุณ : yuki_shimi - [ 2 ต.ค. 51 20:26:14 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สวัสดีคุณ กัปตันแจ๊ค คับ เข้าใจแซวผมนะครับ..ฮิฮิ ก่อนออกจากบ้าน จะพาไปดูห้องน้ำ สุขา ที่ทันสมัยมาก  คิดว่าเพิ่งสร้างไม่นาน ตอนผมไปคราวที่แล้วยังไม่มีเลย (ยังจำได้ถึง ห้องส้วมที่แคบมาก ต้องรอคิว ตรงใกล้ๆ กับ อาคารที่ทำการฯ)  ผมรู้สึกตะลึง ในความเปลี่ยนแปลงมาก ว่าห้องน้ำดีๆ อย่างนี้ มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร บนระดับความสูงกว่า 1,200 เมตร ที่ไม่มีทางรถยนต์เลย ในห้องน้ำจะมีห้องอาบน้ำแยก โถส้วมจะมีสองประเภท คือ นั่งยอง กับ นั่งราบ(ชักโครก แบบไม่มีถังด้านหลัง)  ทางอุทยานฯ คงเข้าใจว่า คนเดินขึ้นเขามา ขาปวดๆ จะมานั่งยองๆ ไม่ไหวจริงๆ ครับ  นับว่าเป็นการเอาใจ นักท่องเที่ยวมากครับ แค่ตัวอาคารก็ออกแบบเสียเลิศ จนทีแรกไม่คิดว่าเป็นห้องน้ำด้วยซ้ำไป ครับ สถาปัตยล้วนๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 20:28:30 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ่างล้างหน้าด้านนอกก็มีเพิ่มให้อีก (ข้างในอาคารสุขาก็มีอยู่แล้ว) คงทราบดีว่า เวลาเช้าๆ ทุกๆ คนก็อยากล้างหน้าล้างตากัน จะได้ไปเที่ยวเร็วๆ มามัวยืนรอเข้าคิวหน้าห้องน้ำ จะไม่ทันการ แต่เวลาล้างไป ลมกระโชกมาที หนาวสะท้านไปเลย  แต่ถ้าหากได้อาบน้ำเย็น.....ยะเยือก สักครั้ง ตอนเที่ยงคืนอย่างผม เชื่อหรือไม่ว่า ไม่รู้สึกหนาวเลย เวลามายืนแปรงฟันข้างนอกอาคารสุขานี่ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 20:32:38 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สำหรับท่านชาย ก็มีโถปัสสาวะให้อยู่ข้างนอก ไม่ส่งกลิ่นอบอวล ขณะอาบน้ำ นับเป็นการเอาใจสุดๆ ครับ  หวังว่า คงจะดูแลให้อยู่ในสภาพดีนะครับ เพราะภาพที่เห็นนี้คือ ต้นปี พ.ศ.2549 นะครับ  หรือไม่ก็สร้างสุขาเพิ่มแบบนี้อีก ผมชอบมาก.... แต่.. ถ้าหากมาช่วงเทศกาล เกรงว่าจะไม่สามารถมาใช้บริการได้ เพราะผู้คนมากหลาย ผมจึงแนะนำว่าให้หาเวลา ว่างๆ จากเทศกาล มาเที่ยว ภูกระดึง จะได้รับความสงบ เป็นของแถม กลับไปครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 20:37:11 ]

ความคิดเห็นที่ 17 หวัดดีคุณ yuki_shimi  อีกครั้งครับ ผมขอให้คำแนะนำว่า ให้หาเหยื่อ เอ๊ย..เพื่อน ก่อน แล้วขออนุญาตแม่นั้นเป็นเรื่องทีหลัง เพราะอะไรหรือ  ของพรรณนี้ก็ต้องปิดบังกันบ้าง ทำนองว่า ที่ทำงานจัดไปบ้าง ที่เรียนจัดไปบ้าง แบบนี้แหละ ผมถึงได้ไปในครั้งที่สองไงครับ (ไปกันแค่ 3 คน แต่บอกว่า ไปกันหลายคน มีหัวหน้าๆๆๆๆๆ ไปด้วย) ลองไปสักครั้งเถอะ จะติดใจ ไม่มีอะไรน่ากลัว อย่างที่คิดครับ ไม่งั้นคนแก่ๆ เขาจะไปกันได้หรือครับ  ผมยังไปเจอคนที่มีอายุถึง 75 ปี เดินขึ้นบนภูมาแล้วด้วย ครับ ตอนเช้าตื่นมาก็ต้องหาอาหารทานกันก่อน ครับ ที่ร้านเจ๊กิม ร้านแรกใกล้กับ บ้านพักของผมพอดีครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 20:43:10 ]

ความคิดเห็นที่ 18 บางท่านอาจจะงง ว่า ร้านเจ๊กิมอยู่ที่ผานกเค้าไม่ใช่หรือ?  จริงครับ เขามีสองร้าน ประสานงานกันอยู่ สามารถสั่งจองอาหารจากข้างล่างได้ด้วย  แหม ไม่ได้ค่าโฆษณาจากเขานะครับ  ที่จริงก็มีอีกหลายร้าน ตั้งเรียงรายกันเป็นรูปตัว ยู ดังแผนผังในรูป คห.ที่ 10 ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 20:46:45 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตรงหน้าร้าน จะเห็นเต็นท์เรียงรายกันเยอะ ครับ ทางอุทยานเขาจะกางรอไว้นักท่องเที่ยว พอไปติดต่อ ก็เข้าไปนอนได้เลย ยกเว้นว่า วันไหนมากันเยอะ เต้นท์ที่กางไว้ไม่พอ ก็ค่อยกางเพิ่มให้ ครับ นายแบบในรูปนั้นไม่ใช่ คนในกลุ่มของเรานะครับ บังเอิญเดินมาผูกเชือกรองเท้าพอดี เลยได้ลงเว็บแบบไม่ได้ตั้งใจครับ..ฮิฮิ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 20:52:09 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ก่อนออกเดินทาง ก็มาถ่ายภาพเก็บบรรยากาศกันก่อน  จะเห็นด้านหลังเป็นทิวสน และเต้นท์ที่กางอยู่ ตรงนั้น เคยเป็นที่ตั้งของบ้าน สนู๊ปปี้ แต่ในปัจจุบันได้รื้อทิ้งไปหมดแล้ว เพราะผุพัง ดูแลรักษายาก  ผมเคยไปพัก เมื่อคราวมาเที่ยว ภูกระดึง สองครั้งแรกเลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 21:03:55 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สำหรับบ้านสนู๊ปปี้นี้ หลายท่านอาจไม่รู้จัก เพราะได้ถูกรื้อทิ้งไปหมดแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 เนื่องจาก อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม บ้านสนู๊ปปี้นี้ แปลตรงๆ ก็คือ บ้านสุนัข จำง่ายๆ ว่า สุนัขพันธุ์สนู๊ปปี้ จะมีหูยาวสองข้าง ลักษณะบ้านก็คล้ายกัน คือ ประกอบด้วย หลังคาสองด้านประกบกันเป็นจั่ว มีทางเข้าด้านหน้า มีประตูล๊อต มีหน้าต่างด้านหลัง พร้อมเสร็จ พื้นจะยกสูงจากพื้นดินเล็กน้อย ให้ดูจากรูปข้างล่างนี้ก็ได้ บ้านสนู๊ปปี้นี้ เรียกอีกทีว่าเต้นท์กึ่งถาวร เพราะดูแล้วก็คล้ายๆ กับเต้นท์ แต่ไม่ต้องหุบ  เป็นมรดกตกทอดจาก บ้านพักภูกระดึงของเอกชน ในสมัยก่อน ที่เคยมีอยู่ตรงแถว หลังแป ซึ่งผมเคยไปพักครั้งแรก ปีพ.ศ. 2532 โน้น ตามความคิดของผม ชอบเจ้าบ้านสนู๊ปปี้นี้มาก เพราะเหมาะสมกับการไปเที่ยวจำนวนน้อยคน คือแค่ คนสองคน นอนได้ 1 หลัง  ตัวบ้านจะมีประตูล๊อคกันของหายได้ ไม่มีสัตว์มากวน (มีแต่มด เป็นบางหลัง)  ผมไม่เคยนอนเต็นท์ เพราะกลัวสัมภาระที่ไม่ได้นำติดตัวไปเดินเที่ยวหาย  แถมจองง่าย เพราะมีจำนวนมาก เทียบกับบ้านพักปกติ ที่มีน้อยมาก นับว่าโชคดี ที่การไปคราวนี้ของผม ได้บ้านพัก เพราะนอกช่วงเทศกาล เป็นปลายเดือน มกราคม คนไปน้อยแล้ว และผมเลือกเช็คอินวันทำงานด้วย ผมเลือกกลับลงมาวันหยุด ครับ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 51 21:17:45 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 21:16:00 ]

ความคิดเห็นที่ 22 หลังจากนั้นก็เข้าไปที่ อาคารนิทรรศการเพื่อดูข้อมูลการท่องเที่ยวของ อุทยานฯ ผมชอบโมเดลภูกระดึงนี่ เลยถ่ายรูปมาให้ดูว่า สัณฐานแบบ 3 มิติ ย่อส่วนของ ภูกระดึงนี้เป็นอย่างไรครับ พอมีเค้าลางเส้นทางขึ้นที่อุทยานวาดให้เห็น ผมเลยลากมาให้ดู  เอาไว้ไปคราวหน้าผมจะใช้ GPS มือถือ บันทึกเส้นทางขึ้นแบบ 3 มิติ  มาให้ดูกันเลย เราจะได้รู้ว่า ช่วงไหนทางชัน ช่วงไหนทางลาด และจะถึงแต่ละสถานีเมื่อใด ตอนนี้เก็บเงินไปก่อน เพราะตัว GPS มือถือ รุ่นที่บันทึกค่า มิติที่สามได้อย่างแม่นยำโดยใช้ บารอมิเตอร์ วัดค่าแรงดันอากาศร่วมด้วย นั้นแพง ในระดับราคาหลายหมื่นเชียวนะครับ  ต่างกับ GPS Pocket PC ที่ผมใช้นั้นไม่สะดวกในการเดินป่า เพราะกินไฟมาก ชั่วโมงเดียวก็หมด จะหาชาร์จที่ไหนได้ แถมโดนฝน ตกหล่น ก็พังง่ายอีกครับ เหมาะกับใช้ในรถยนต์ หรือ แผนที่ทั่วไป ที่ไม่ใช่ในป่าครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 21:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เอาล่ะ...ได้ฤกษ์เบิกดี ออกเดินทางกันเสียที  มัวบรรยายออกแนวสารคดีมากเกินไป เดี๋ยวผู้ติดตามจะเบื่อ..กันไปหมด แอ๊คชั่นหมู่ ที่หน้าเสาธง ที่ทำการก่อนนะครับ เช้านี้  อ้อ..ไม่เช้าแล้ว สังเกตุเงาก็ได้ว่า สายมากแล้ว สิบโมงกว่าแล้วนะครับ  นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เขาออกเดินทางกันไปไหนต่อไหนหมดแล้ว เหลือแต่กลุ่มของผม เดินสำรวจ รอบๆ บริเวณที่ทำการ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 21:37:04 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ เดี๋ยวจะลองนำไปปฏิบัติตามดู หุๆ จากคุณ : yuki_shimi - [ 2 ต.ค. 51 21:46:15 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ป้ายแรกที่เริ่มนำทางเราไปสู่ ผาหล่มสักคือป้ายนี้ครับ ตั้งอยู่หน้าที่ทำการ ตรงสามแยกพอดีครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 21:49:54 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมเลือก ป้ายบนสุด ไปผาหล่มสัก มีระยะทาง 9,200 เมตร หรือ 9.2 กิโลเมตร แอบไม่บอกพ่อตาและแม่ยายครับ กลัวท่านท้อ... เพราะท่านไม่เคยเดินไกลอย่างนี้มานานแล้วครับ  แต่ อย่างที่ผมบอกว่า อากาศผิดกับที่กรุงเทพฯมาก เดินทั้งวันก็ยังเดินได้ไม่เหนื่อย ยกเว้นว่า เมื่อวันขึ้นมา เท้าและขาคุณยังปกติดีอยู่หรือไม่  อย่างผม ถนอมขาและเท้ามาตลอดทาง เช้าวันนี้รู้สึกปกติ เหมือนอยู่ที่กรุงเทพฯ ครับ (จากประสบการณ์ ที่มาครั้งแรกนั้น เท้าผมห้อเลือดที่เล็บ แข้งขาปวด เมื่อยสุดๆ แทบไม่อยากลุกมาดู พระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่นเลย อย่างนี้ไง ถึงไม่ยอมเข้าป่าปิด  เลยทำให้ต้องค้นหาวิธีเดินขึ้นภูอย่างสบาย และเที่ยวอย่างสุข บนโน้นไงครับ) ตำแหน่งแผนที่ และ แนวการเดินของผม ที่ ที่ทำการดังจุดสีเหลืองครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 21:54:07 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เดินมาได้ไม่ทันพ้นเขตที่ทำการก็เจอป้ายสองแล้ว บอกให้ไปทางนี้  เราต้องไป องค์พระพุทธเมตตาก่อน  ส่วนระยะทาง นั้นผมลองบวกลบดูแล้ว ไม่น่าใช่ค่านี้ น่าจะสัก 300 เมตร (คำนวณเปรียบเทียบกับป้ายอื่นๆดู) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 22:03:51 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แล้วก็มาถึงสะพานประวัติศาสตร์ เอ๊ย.. สะพานไม้ ที่ต้องทุกคนต้องผ่าน ถ้าหากจะมาหน้าผาต่างๆ ด้วยเส้นทางด้านตะวันตก ครับ  ระยะทางระหว่างสะพานไม้กับที่ทำการอุทยานจะห่างประมาณ 200 เมตรครับ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 51 22:10:53 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 22:09:57 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอโทษ ป้อนข้อมูลในภาพผิด เลยต้องแก้ใหม่ ครับ ว่า เลยสะพานนี้ไปแล้ว ต้องเลี้ยวขวาครับ เลี้ยวซ้ายจะไป หน้าผาได้เท่านั้นครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 22:14:50 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ตำแหน่งสะพานไม้ ผมคาดว่าจะอยู่ตรงแยกนี้ ในแผนที่ ของที่ทำการ (ไม่ได้ระบุไว้)  เวลาเดินกลับ ถ้าหากเจอสะพานไม้แล้วก็ให้รู้สึกอุ่นใจ เพราะมักจะกลับมาตอนค่ำ มองไม่เห็นอุทยานถนัดนัก เห็นแต่แสงรำไรๆ เท่านั้น ส่วนใหญ่เวลานักท่องเที่ยวมาถึงอุทยานแล้วจะงง ว่า ที่พักไปทางไหน ร้านอาหารไปทางไหน เพราะตอนเริ่มเดินมักเริ่มเดินจาก ที่ทำการ พอมืดค่ำ ไม่มีแสงสว่างบอกทาง ก็เลยงง ไหนจะหิว ไหนจะเพลียอีก  (แถมกลัว อุทยานปิดไฟ ตอนสี่ทุ่มอีก เลย รน กันไปหมด) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 22:24:05 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมเห็น คห.21 นึกถึงตอนขึ้นภู ผมได้ไปนอนในบ้านหมาด้วย น่าเสียดายเด่วนี้ไม่มีแล้ว นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ  เคยไปแล้วก้ออยากไปอีก จากคุณ : himpanda4 - [ 2 ต.ค. 51 22:39:13 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ก่อนจะไปจากตรงนี้ ผมขอแสดงแผนที่ ฝั่งตะวันตก ให้ดูกันเลยว่า ถ้าเลือกไปทางหน้าผาต่างๆ จะเป็นอย่างไร คือ ไปตามเส้นสีเขียว ผ่าน ผาหมากดูก ผานาน้อย ผาเหยียบเมฆ ผาแดง และผาหล่มสัก ระยะทางก็ 9,000 เมตร หรือ 9 กิโลเมตรพอดี แต่ผมเลือก เดินด้านใน คือ ไปตามสีเหลือง ผ่าน องค์พระพุทธเมตตา สระอโนดาต ถ้ำสอเหนือ สถานีโทรคมนาคมของทหาร และผาหล่มสัก เพราะเส้นทางนี้จะเดินได้ตอนกลางวันเท่านั้น กลางคืนห้ามเดิน เพราะมีสัตว์ป่า เช่นสุนัขป่า หมาไน ช้าง เดินผ่าน อันตราย เป็นที่ต้องห้ามของอุทยานครับ คือห้ามผ่านหลัง 18:00 น. ครับ  ระยะทางโดยรวมถึง ผาหล่มสักคือ 8.9 กิโลเมตร ครับ ผมจะใช้เส้นทางสีเขียวเป็นขากลับครับ คือเลียบหน้าผา แต่จะมองไม่เห็นในตอนกลางคืน ไม่ต้องกลัวเดินตกหน้าผา เพราะมีถนน และระยะห่างพอสมควร แต่ถ้าหากขี่รถจักรยาน จะอันตรายเพราะรถวิ่งเร็ว  เพราะมีหน้าผาหนึ่ง (จำไม่ได้) ที่เส้นทางถนนจะเลียบติดเลย ตอนกลางคืนอาจแยกไม่ออกว่า ไหนหินหน้าผา ไหนถนน แล้วก็อาจตกหน้าผาไปอย่างไม่รู้ตัวได้ ปกติ บนอุทยานฯ เขาจะมีบริการรถจักรยานถีบให้เช่า เป็นรถเสือภูเขา แต่คนที่ปั่นบอกว่า ก้นเจ็บมาก เพราะเส้นทางไม่เรียบ แต่ไม่เมื่อยขา ทำเวลาไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ได้ครบภายในวันเดียว  ซึ่งก็มีข้อห้ามว่า ให้นำรถมาคืนก่อน 18:00 น. และห้ามนำรถไปขี่เลียบเส้นทางหน้าผา ด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 51 22:42:37 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 22:41:13 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สวัสดีคุณ  himpanda4  ครับ แสดงว่าคุณก็เป็นคนบุกเบิกภูกระดึง รุ่นเดียวกับผมนะซี ที่เคยมีประสบการณ์ไปนอนบ้านหมา...เอ๊ย.. บ้านสนู๊ปปี้ ครับ  ยิ่งจะยืนยันความเป็นรุ่นเดียวกัน ต้องเคยไปพักบ้านพักเอกชนภูกระดึง ถึงจะแน่นอน ...โอ๊ย..ยังจำได้ว่า เขาได้ทำเนินปักธงไว้ให้ นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปโพสท่าถ่ายรูปกัน ไว้ในโอกาสหน้า ผมจะเอารูปมาโพสให้ดูกันครับ อ้อ.. ขอนอกเรื่องอีกนิด ผมยังจำได้ว่า ตอนช่วงนั้น ปีพ.ศ. 2532 ที่ผมมาพักที่เอกชน นั้น ที่ทำการอุทยานยังเล็กกว่านี้มาก มีแค่เรือนแถวไม้ ด้านฝั่งตะวันตกเท่านั้น  พื้นที่กางเต้นท์ ก็ลานตรงกลาง ใกล้ที่จอดเฮลิคอปเตอร์ นั่นแหละ นอกนั้นจำไม่ได้ เพราะเดินตามผู้นำทางตลอด  ผมพอจำคร่าวๆ ได้ว่า ถนนที่เดินเข้าไปที่ทำการ นั้น มองเห็นลานกางเต้นท์ขวามือ ก็คือถนนที่ผมเพิ่งเดินมาจากป้ายแรกนั่นแหละครับ เปลี่ยนแปลงไปเยอะ (แต่ก่อนยังไม่มีอาคารที่ทำการปัจจุบันเลย  นึกถึงเรื่องเก่า คงจะแก่แล้วนะ...) ว่าแล้วก็ออกเดินทางจากสะพานไม้ ลูกผมยังเริงร่า เดินร้องเพลงอย่างอารมณ์ดี เดี๋ยวเถอะ ขาของเขาก็จะออกฤทธิ์ เล่นเอาลำบากกันไปถ้วนหน้าเลยครับ มัวแต่ รำพึงรำพัน ข้อมูลแน่นปึ๊ก วันนี้เลยมาได้แค่ออกจาก อุทยาน เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อในกระทู้นี้แหละ คอยชมนะครับ  ขอกลับบ้านก่อน ภรรเมีย จะดุเอาครับ..ฮิฮิ.. จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 2 ต.ค. 51 22:53:18 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ติดตามอยู่คะ อยากไปมากๆ เลย จากคุณ : หัวโต๊ะโต่ะ~ - [ 2 ต.ค. 51 23:07:37 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เห็นรูปที่ 29 แล้วก็คิดถึง สิบกว่าปีแล้วนะเนี้ย...แยกนี้ เดินไปเดินมาอยู่สองวัน จากคุณ : On my own wing - [ 3 ต.ค. 51 02:05:07 ]

ความคิดเห็นที่ 36 แวะมาให้giveในความพยายามของคุณลุงคุณป้า เจ้าตัวเล้กและเจ้าของกระทู้(ตามดูจากกระทู้ที่แล้ว)คะ จากคุณ : nupook (lalintipn) - [ 3 ต.ค. 51 10:22:34 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณ จขกท. มากๆ เลยค่ะ (รวมทั้งเพื่อนเราที่ส่งกระทู้มาให้อ่าน) กระตุ้นต่อมความคิดถึงภูกระดึงได้มากขึ้นจริงๆ นึกถึงภาพเก่าๆ ที่เดินไปเดินมาได้ไม่เบื่อเลย อากาศเย็นเสียจนเดินกลางแดดตอนเที่ยงได้สบายๆ สดชื่นมากๆ ค่ะ อ๋อ เราทันบ้านสนู๊ปปี้ด้วยนะคะ แต่ไม่ได้พักค่ะ พอดีตอนนั้นเอาเต้นท์ไปกางเอง แถมยังประทับใจกับน้องๆ ม.ขอนแก่นด้วยในตอนนั้น (เด็กขอนแก่นนี่น่ารักจริงๆ ฮิๆ) รอติดตามอ่านต่ออยู่นะคะ จากคุณ : ke@ - [ 3 ต.ค. 51 11:03:48 ]

ความคิดเห็นที่ 38 วันนี้รู้สึกป่วย เลยลาครึ่งวัน แต่ก็เป็นห่วงเพื่อนๆ ที่ติดตามว่า จะต้องรอค้าง อยู่ระหว่างทางจะไป ผาหล่มสัก ว่าจะมีอะไรน่าชม น่าลุ้นกันบ้าง  เพราะถ้าวันนี้ไม่มาทำงาน ก็ต้องเจอกันวันจันทร์หน้าโน้น ครับ สวัสดีคุณ หัวโต๊ะโต่ะ~ ยินดีครับ....... สวัสดีคุณ On my own wing ใช่ครับ นับเป็นสะพานไม้ และแยกที่ หลายต้องผ่าน เนื่องจาก การเดินไปเที่ยวชมหน้าผาด้านตะวันตก ทั้งหมดต้องผ่านมาจุดนี้ และ ถ้าหากเดินชมน้ำตก มาตั้งแต่ วังกวาง จะมาสิ้นสุดที่ น้ำตกธารสวรรค์ หรือแม้แต่จะมาไหว้ พระพุทธเมตตา ที่นับจุดสำคัญที่พลาดไม่ได้ ก็ต้องผ่านมาทางนี้ครับ สวัสดีคุณ nupook (lalintipn) ขอบคุณครับ ชีวิตต้องต่อสู้ ใช้ความพยายามถึงจะมีรสชาติ ถ้าหากได้มาง่ายๆ ก็น่าเบื่อ ไร้ความภูมิใจครับ สวัสดีคุณ ke@ ยินดีครับ  ใช่ครับอากาศบนโน้นสดชื่น และไม่เหนียวตัว แม้แดดจะแรง ถ้าหากเข้าร่มปุ๊บก็จะเย็นปั๊บ และถ้าหาก ตกเย็น จะกลายเป็นหนาวทันทีครับ  เลยต้องเอาเสื้อกันหนาวเดินไปเที่ยวด้วยในตอนกลางวัน ดูแล้วก็ตลก ดีเหมือนกันครับ ว่าแดดร้อนๆ อย่างนี้ จะหอบหิ้วเอาไปกันทำไม ขอยืนยันด้วยคนครับ ว่าเด็กขอนแก่น หมายถึง น้องๆ นักศึกษา ม.ขอนแก่น น่ารัก สวยในรูปแบบที่ผมชอบ เกือบจีบมาเป็นแฟนแล้วละครับ  แค่มาเที่ยวงานกีฬา มช.-มข. ไม่กี่วัน กลับไปเชียงใหม่ ผมก็ได้ติดต่อกันทางจดหมายอยู่นานเป็นปีเลยครับ.....ฮิฮิ มาต่อกันนะครับ ตอนนี้ ก็เดินออกมาได้นิดหน่อย ก็ถึง ลานพระศรีนครินทร์ อันมี องค์พระพุทธเมตตา ตั้งอยู่เด่นสง่า ให้เคารพกราบไหว้ ขอความเป็นสิริมมงคล ก่อนออกเดินทาง จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 13:52:57 ]

ความคิดเห็นที่ 39 กราบไหว้แล้ว ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกหน่อย  ผู้ใหญ่บางท่าน ที่มาบนนี้ ก็หวังว่าจะมาไหว้พระเท่านั้น ก็พอ เพราะท้อที่จะเดินไปไกลๆ  แต่สำหรับผม อิ๊บ ไม่บอก คุณตาคุณยาย ว่าจะต้องเดินกันอีกไกล  แม้จะอ่านจากป้ายว่า ผาหล่มสักยังต้องเดินอีกไกล เกือบ 9 กิโลเมตร จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 13:57:47 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ก่อนผ่านไป ก็ต้องตีระฆัง เหมือนลั่นฆ้องชัย ให้ประสบความสำเร็จ เดินทางราบรื่นไม่มีอุปสรรค หรืออุบัติเหตุใดๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 14:02:31 ]

ความคิดเห็นที่ 41 มองเส้นทางเบื้องหน้าต่อไป ที่จะต้องเดินไปด้วยเท้าล้วนๆ เอกลักษณ์ของป่าภูกระดึงก็คือ ต้นสนสามใบ ครับ จะไม่เหมือนกับต้นสนริมทะเล ที่เห็นกันชินตา ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 14:06:21 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ระหว่างทาง ได้เจอเจดีย์หิน เอ๊ย..กองหิน วางเรียงกันทั่วไป เหมือนแข่งขันกันวาง ว่าใครจะสูงกว่าใคร  เชื่อหรือไม่ว่า... เจดีย์สามองค์ ที่ ชายแดนสังขละบุรี นั้นเกิดจาก การกองหินเพื่อโชคลาง ก่อนเดินทางข้ามชายแดน ไทย-พม่าของ พ่อค้า บางกองผมยังลงไปเดินดูว่า อยู่ได้อย่างไร ไม่ล้ม ไม่มีฝน ไม่มีลม ไม่มีแผ่นดินไหวเนื่องจากการเดินของคน เลยหรือ  และไม่รู้ว่า กองสูงอย่างนี้มานานแค่ไหน ไม่แน่ นานๆ ไปน้ำฝน หรือน้ำค้างอาจละลาย ให้ หินก้อนบนเชื่อมกับก้อนล่างต่อๆมา ก็เป็นได้นะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 14:15:28 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ตอนนี้ ลูกผม เริ่มออกอาการเดินไม่ไหวแล้ววววว..  ยังไปไม่ถึงไหนเลย  อยู่ระหว่าง องค์พระพุทธเมตตา กับ สระอโนดาต ช่วงต้นๆ เอง  คาดว่าคง จะเป็นเพราะเดินแกมวิ่ง อย่างไม่ระมัดระวังเมื่อวานนี้ เลยกล้ามเนื้ออักเสบขึ้นมา เห็นไหม..หน้าเหยเก เลย  อีกตั้งเกือบ 9 กิโลเมตร แล้วเดินกลับอีก 9 กิโลเมตร สงสัยจะล้มเหลว! แต่น่าแปลกที่ คุณตากับคุณยาย ไม่เป็นอะไรเลย เดินได้ต่อเนื่อง ไม่ต้องมาหยุดพักบ่อยๆ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 14:21:17 ]

ความคิดเห็นที่ 44 นี่ไงครับ คุณตา ท่านยังสนุกกับการเอาขาตั้งกล้องมาส่องยังกับปืนลูกซอง อีก แถมใส่หมวกยังกับทหารอีก  ใครไม่รู้อาจคิดว่าเป็นทหารผ่านศึก ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 14:24:56 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เดินๆ ไป ดันไปเจอ เจ้าประติมากรรม ร่วมระหว่าง หินกับรากไม้  ไม่ทราบว่าตั้งอยู่ได้อย่างไร ถ้าใครไปโดนนิดเดียวก็ถล่มลงมาแล้ว เจ๋งจริงๆ  แสดงว่ามีเวลาเหลือ มาค่อยๆ นั่งใจเย็นเติมหินเติมไม้  ต่างกับกลุ่มของผม ต้องรีบทำเวลา ไม่รู้ว่าจะค่ำมืดเหมือนเมื่อวานหรือเปล่า  ตอนนี้ ก็เที่ยงวันแล้วครับ ยังไม่ถึง สระอโนดาต เลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 14:28:52 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เส้นทางยังอีกยาวไกล พวกเรายังอยู่ในป่าร่มครึ้ม  มองเห็นนักท่องเที่ยวหนุ่มสาวเดินแซงหน้าเราไปไกลลิบๆ โน่น พวกเราทำเวลาไม่ได้เลย เพราะลูกบ่นเจ็บขาตลอด จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 14:32:08 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ต้องนวดน่องลูก ด้วยยาหลอด เคาท์เตอร์เพน คงจะช่วยลดอาการปวดระบมได้บ้างนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 14:34:52 ]

ความคิดเห็นที่ 48 นี่ไงครับ มาดคุณตา พ่อแฟนของผม ท่านเหมือนทหารจริงๆ นะครับ แบบว่า กำลังดูต้นทาง เอ๊ย...ระแวดระวัง รอบๆ ด้าน จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 14:37:06 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ตอนนี้เราก็มาถึง ลานกินนรี แล้วนะครับ ผมต้องปรับภาพให้สว่างตรงป้าย ให้ชัดหน่อย เพราะจะได้แน่ใจว่าใช่ ครับ  เป็นลานหินกว้าง ที่จะต้องถึงก่อน สระอโนดาต ตามวรรณคดี ว่า นางกินรี ต้องมาถอดปีกถอดหางที่นี่ ก่อนลงไปเล่นน้ำ ที่สระอโนดาต ช่างเป็นความคิดที่สอดคล้องกันดีครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 14:42:51 ]

ความคิดเห็นที่ 50 โน่นไง เห็นแล้วครับ สระอโนดาต คุณตา ท่านเดินล่วงหน้าไปก่อนอย่างชิวๆ เลย  ที่เหลือยังเดินตามหลังผม อาจเป็นเพราะเจ้าลูก กำลังอยู่ในสภาพย่ำแย่เต็มทีครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 14:46:08 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ถึงแล้วคร๊าบ สระอโนดาต  คุณตา ท่านยืนอ่านป้ายอย่างจดจ่อ ว่า อีก 6 กิโลเมตร ถึงจะถึง ผาหล่มสัก  ท่านยังรู้สึกสบายเลยไม่ได้พูดอะไร แต่น้ำดูใส น่าเล่นจริงๆ แสดงว่าปีนั้น ฝนไม่แล้งมาก เลยพอยังมีน้ำให้ดูในช่วงปลายเดือนมกราคมได้   แต่จะว่าไปแล้ว ฝนหยุดตกไปตั้งหลายเดือน ทำไมยังมีน้ำอยู่ได้ มีคนเขาเคยบอกว่า มีตาน้ำอยู่แถวนั้น   ผมคิดว่า คงเป็นแหล่งน้ำให้กับสัตว์ต่างๆ ในยามค่ำคืน เพราะแถวนี้ เป็นดินปนทรายสลับหิน แถมบรรยากาศแห้งด้วย พวกเรายังต้องเตรียมน้ำไปเยอะๆ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 15:04:20 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ภาพนี้เป็นรูปรวมหมู่ ที่ฉากหลัง แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของสระอโนดาตแห่งนี้  ผมเคยมาครั้งแรก ทั้งๆ ที่เป็นปลายเดือนธันวาคม น้ำแห้งกว่านี้มาก จนดูเป็นเรื่องน่าขัน  ว่าตั้งชื่อเสียให้ดูยิ่งใหญ่ แต่พอมา กลับมีแต่หิน กับแอ่งน้ำเล็กๆ จนลงไปเดินได้ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 15:07:29 ]

ความคิดเห็นที่ 53 พักสักครู่ก็ออกเดินทางจาก สระอโนดาตมาได้ไม่นาน ลูกผมก็แผลงฤทธิ์ เจ็บขาอีกแล้ว จนต้องขี่คอกันเลย  ทีหลังคงต้องหารถเข็น ยกขึ้นมาด้วยกระมัง จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 15:12:17 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ผ่านเข้ามาถึงเขตป่าทึบอีกแล้วครับ คงจะใกล้ถึงน้ำตกถ้ำสอเหนือ กันแล้ว เจอลำธาร ต้องลงเดินกันเองแล้วครับ  ตอนนั้น ก็บ่ายสามโมงกว่าแล้ว เริ่มจะหิวกันแล้ว ขอให้ถึงน้ำตกก่อน จะได้นั่งกินกันได้ คงจะมีนักท่องเที่ยวชุดอื่นบ้าง  เพราะนานแล้ว ตั้งแต่ สระอโนดาตมา ไม่มีนักท่องเที่ยวผ่านมาทางนี้ เลย เขาคงเดินไปชมหน้าผา ตั้งแต่ ผานาน้อย จนถึง ผาหล่มสัก ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 15:18:59 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เอ๊า..โดดให้ดีนะครับ ตอนนี้กำลังข้ามลำธารแห้ง ที่มีแต่โคลนกับหิน ต้องช่วยตัวเอง.. จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 15:22:52 ]

ความคิดเห็นที่ 56 มาถึงสามแยก ให้ตัดสินใจแล้ว  ว่าจะลัดไปหน้าผา ที่ผาแดงเลย หรือ จะไป น้ำตกถ้ำสอเหนือก่อน  เนื่องจากในการมาครั้งแรกของผม ได้ลัดไปผาแดง ครั้งนี้เลยต้องการเดินผ่าน จุดที่ไม่เคยมา คือ น้ำตกถ้ำสอเหนือ กับ สถานีโทรคมนาคม ครับ  อีก 4 กิโลกว่าๆ ก็ถึงแล้ว ผาหล่มสัก ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 15:31:16 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ตำแหน่งของป้ายนี้จะวางในแผนที่ ดังรูปข้างล่างครับ   ระยะทางเท่าที่ค้นคว้ามาได้ ก็แสดงลงในแผนที่นี้แล้วครับ  นับว่าข้อมูลระยะทาง จะไม่ตรงกัน ระหว่างแต่ละแผนที่ที่ได้มา และป้ายที่แสดงก็ยังไม่ตรงกันก็มี แต่พอสรุปได้ว่า ต้องเหลืออีกระยะทาง 4.7 กม. ถึงจะถึง ผาหล่มสัก (ถ้าหากไปทาง ผาแดงก็จะมีระยะทางแค่ 4.3 กม. ต่างกันแค่ 400 เมตร กับประสบการณ์ใหม่ คุ้มค่ากว่ากันเยอะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 15:51:18 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ถึงแล้วครับ น้ำตกถ้ำสอเหนือ คุณตาคุณยาย เลยโพสท่ามาให้ดูเป็นหลักฐาน  เป็นน้ำตกที่หลายคนอาจไม่ได้ผ่านมาทางนี้ เพราะคิดว่าอ้อม ไม่น่าสนใจครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 16:54:03 ]

ความคิดเห็นที่ 59 และแล้วก็ถึงเวลาหม่ำข้าวเที่ยงเสียที บ่ายสี่โมงแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง หาที่เหมาะๆ ก็นั่งลงแกะข้าวถุงออกมาทานกันได้เลย  ไม่น่าจะเรียกว่าข้าวเที่ยงนะ.. ข้าวบ่ายดีไหม บ่ายแก่ๆ ด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 16:57:57 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ทานข้าวเสร็จแล้ว ผมจึงได้มองหา น้ำตก อยู่ไหนกันละหวา....  อ้อ..ต้องเดินลงไปข้างล่าง เราอยู่ข้างบนน้ำตก เลยมองไม่ออก  ลงไป ก็เห็นน้ำหยด ลงมาอย่างที่เห็นครับ แต่บรรยากาศดูชุ่มชื้น ร่มรื่นมาก แต่เนื่องจากผมลงไปคนเดียวเลยดูวังเวง ไปหน่อย ไม่ได้ถ่ายภาพมุมอื่นด้วย เพราะมืดไปหน่อย มีร่มไม้หนาแน่นไม่น้อยครับ ถ้าอยากจะดูน้ำไหลมากๆ ต้องมาเดือนนี้ (ตุลาคม) นะครับ น้ำจะไหลเป็นแผ่นลงมา ให้เราได้เข้าไปนั่งหลบ คล้ายๆ กับ ถ้ำน้ำเลยครับ น้ำตกถ้ำสอเหนือเป็นเพียงน้ำตกเดียวที่ ทริปนี้ เราได้ชม เพราะพรุ่งนี้ก็จะเดินทางกลับลงไปแล้วครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 17:04:15 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เส้นทางที่เดินออกมาจากน้ำตกถ้ำสอเหนือ จะเป็นทางราบเรียบ เดินง่าย  นานๆ ก็มีรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ขับผ่านมา ด้วยซ้ำไป จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 17:12:36 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เดินกันมาได้ประมาณหนึ่งกิโลเมตร ก็เห็นเสาวิทยุสูงๆ อยู่แต่ไกล  นี่แหละครับ สถานีวิทยุของทหาร ซึ่งในตอนกลางคืน เราจะมองเห็นแสงไฟบนยอดเสา ไปจนถึง ที่ทำการเลย ไม่น่าเชื่อกับระยะทางไกลถึง 7 กิโลเมตร คงเป็นเพราะพื้นที่บนโน้น ค่อนข้างจะราบเรียบ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 17:16:13 ]

ความคิดเห็นที่ 63 แงะ...หมดแล้วหรอ มาเก็บข้อมุลค่ะ....รีวิวสนุกมากเลย  แอบเสียวภาพแรกที่ผาหล่มสัก จากคุณ : นารีสราญ (น า รี ส ร า ญ) - [ 3 ต.ค. 51 18:44:36 ]

ความคิดเห็นที่ 64 สวัสดีคุณ นารีสราญ (น า รี ส ร า ญ)  ยังครับ พอดีมีธุระช่วงเย็น เลยทิ้งจอไปพักหนึ่ง ตอนนี้มาต่อแล้ว งานใหญ่ โพสกันที ต้องใช้เวลาหลายวันครับ ตอนนี้ก็เดินมาถึงทางแยก ที่เข้าไปยังสถานีวิทยุทหาร ครับ แค่ ครึ่งกิโลเมตรเอง แต่เนื่องจาก ไม่ได้มีธุระอะไรกับเขา ขอแค่เห็นทางเข้าก็พอใจแล้วครับ  มีคนบอกว่า บนเสามีติด แผงโทรศัพท์มือถือด้วย สัญญาณตรงนี้จะแรงมาก เต็มทุกขีดครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 19:57:21 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เดินผ่านทางเข้าสถานีวิทยุทหารมาได้เล็กน้อย หันกลับไปมอง เห็นใครเดินตามมาลิบๆ อ้าว....โลกมันกลมอย่างนี้เอง  คู่หนุ่มสาวชาวขอนแก่น เพื่อนใหม่ที่พบกันตอนขาขึ้น และช่วยพาคุณตาขึ้นมาได้เมื่อคืน ไงครับ  โอ...ฟลุ๊คจริงๆ ที่เขาเลือกที่จะมาดูพระอาทิตย์ตก ที่ผาหล่มสัก เหมือนกลุ่มของเรา  โดยในช่วงเช้า เขาไปเดินชมน้ำตก ทั้งหมดมาแล้ว ตั้งแต่วังกวาง ถึง ถ้ำใหญ่  เนื่องจากเขาเดินเร็ว จึงเดินมาทันเรา ที่ตรงนี้  เหลืออีกประมาณ 2 กิโลเมตรจะถึงผาหล่มสักแล้ว เวลาก็.... ห้าโมงเย็นแล้วครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 20:03:08 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ด้วยความมีน้ำใจของเขา จึงช่วยเอาลูกผมขี่หลังเดินไปได้ไกล แรงเขาดีมาก ส่วนแรงของผมนะหรือ...พาลูกขี่หลังเดินได้ไม่ถึง 10 ก้าว แขนก็หมดกำลัง ปล่อยลูกหล่นลง ล้มทั้งพ่อและลูกเลย     เราได้พยายามหลายวิธีที่จะพาลูกไปให้ได้ โดยหาไม้มาให้ลูกนั่ง แล้ว ผมกับแฟนช่วยกันยกไม้ แต่เดินลำบาก และเดินได้ไม่ไกล ก็ต้องหยุด เป็นอะไรที่ลำบากไม่น้อยครับ ถ้าเช่าจักรยานแล้วช่วยกันจูงมายังดีกว่าเยอะเลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 20:07:02 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ใกล้จะถึง ผาหล่มสักแล้ว ขอถ่ายภาพ วิวต้นไม้สวยๆ ที่ดูแล้วว่าต้องเป็นภูกระดึงแน่นอนครับ  ให้สังเกตุต้นไม้ต้นหนึ่งซีครับ ตายคาต้น แต่ยอดทำไมถึงโค้งเหมือน นกกะเรียนอย่างนั้นครับ แปลกดีครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 20:10:30 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ถึงแล้ว..คร๊าบ สิ่งที่รอมานาน ไฮไลท์ ของภูกระดึงคือ ผาหล่มสัก ยามตะวันตกดิน ครับ จากในรูปเป็นร้านค้าแถวนั้นนะครับ  พวกเรารีบเข้าไปสั่งขนม น้ำดื่มกันเป็นการใหญ่ เวลาตอนนั้นก็หกโมงเย็นกว่าแล้ว ต้องรีบทาน แล้วจะได้ไปถ่ายภาพ ที่ผาหล่มสักกัน ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 20:12:54 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ตรงด้านหลังร้านค้า จะมีห้องน้ำขนาดใหญ่ ไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวด้วยครับ ตลอดระยะทางที่เดินมาตั้งแต่เที่ยง ตรงหน้าที่ทำการอุทยาน พวกผู้หญิงไม่ได้เข้าห้องน้ำกันเลยครับ แต่ไม่ค่อยปวดเท่าใด เพราะส่วนใหญ่จะเหงื่อออกแทนครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 20:16:07 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ทานเสร็จแล้ว ก็มาที่ผาหล่มสัก เริ่มจากถ่ายรูปหมู่ หน้าป้ายไว้เป็นหลักฐาน สำคัญว่า มาถึงแล้ว นะครับ ผาหล่มสักแห่งภูกระดึง จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 20:19:01 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ไม่ลืมที่จะรอคิวไปถ่ายภาพตรงชง่อนหิน ผาหล่มสัก แบบรูปหมู่ สักรูปครับ เหมือนนั่งอยู่บนท้องฟ้าเลยใช่ไหมครับ  หินก็เหมือนหินบนดวงจันทร์ ดูมุมนี้ไม่รู้สึกเสียวอะไร เหมือน การดูมุมข้าง ครับ  แต่คนที่ไปนั่ง...เสียว...ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 20:22:23 ]

ความคิดเห็นที่ 72 นี่เป็นมุมยอดฮิต คือพระอาทิตย์ตกดินที่ มองเห็นผ่านกิ่งสนที่ยื่นออกไปครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 20:24:38 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เอากิ่งสนแบบเต็มๆ ที่มีฉากหลังเป็นต้นไม้ในป่า หน่อยจะได้รู้ว่าสูงแค่ไหนครับ จะเห็นว่าในระหว่างถ่ายภาพ ในภาพมักมีนักท่องเที่ยวติดมาด้วย ก็เพราะเป็นจุดที่ใครๆ ที่มาตรงนี้ก็ต้องถ่ายภาพที่นี่ ในไม่กี่มุมครับ แถมตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ก็ต้องรีบๆ กันหน่อย ช้าอด ไม่สามารถย้อนกลับมาถ่ายได้อีก จนวันพรุ่งนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 20:29:47 ]

ความคิดเห็นที่ 74 รูปนี้ แฟนผมครับ ผมพยายามหามุมกล้องที่ดูแล้วเสียวๆ หน่อย แต่ก็ไม่เสียวเท่าใดนัก เพราะมุมที่เสียว ต้องเป็นมุมกล้องที่เปิดกระทู้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 20:32:31 ]

ความคิดเห็นที่ 75 มุมนี้จะเป็นมุมที่ถ่ายออกมาแล้วเสียวที่สุด โดยมีเคล็ดลับคือ ต้องให้เห็นช่องว่างใต้หิน  ตอนผมไปคราวแรก ผมได้ไปนั่งตรงนี้ แต่เพื่อนผมดันถ่ายออกมา ไม่เห็นช่องว่างด้านล่าง เลยดูเหมือนหินเต็มๆ ไม่รู้สึกเสียวอะไรเลยครับ  เพียงแต่ภาพชัดพอควร แต่มีเวลาไม่มาก เพราะคิวรอถ่ายกันเพียบครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 20:38:19 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ถ้าลองสเก๊ตภาพ ตำแหน่งการถ่ายภาพออกมา จะเห็นว่า ต้องเดินอ้อมไปตั้งกล้องถ่ายภาพ อีกชะง่อนหนึ่ง  ถึงจะเห็นมุมมองเสียวๆ และเห็นพระอาทิตย์ตกดิน ด้วย   แต่สำหรับ ตำแหน่งพระอาทิตย์ตกดินนั้น ก็ขึ้นอยู่กับฤดูกาลครับ จึงควรนำกล้องไปตั้งรอไว้ก่อนล่วงหน้า  พอพระอาทิตย์จะตกดินนั้น มีเวลาไม่กี่นาทีครับ เป็นจุดไฮไลท์ อีกจุดหนึ่งของการถ่ายภาพครับ ระยะทางระหว่างจุดตั้งกล้อง กับจุดที่ไปนั่งถ่าย ห่างกันมาก และมี โขดหินกั้น  และผู้คนรอคิว ยืนมากมาย ยากที่จะใช้ขาตั้งกล้องถ่ายภาพครับ  ต้องขอให้นักท่องเที่ยวแถวนั้น ช่วยกดกล้องถ่ายภาพให้ ซึ่งจะสวยหรือไม่สวย ก็ต้องเสี่ยงดวงเอา ถ่ายแล้ว ออกมา ก็ต้องให้คนอื่นเขาถ่ายไป มาดูแล้วไม่พอใจจะกลับไปถ่ายก็ยากครับ ถ้าหากไปนอกช่วงเทศกาล มากๆ จะสะดวกในเรื่องถ่ายภาพมากครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 20:52:02 ]

ความคิดเห็นที่ 77 สำหรับผม ขอรูปเดี่ยว สักรูป เอาเสียวๆหน่อย แต่แฟนผมไม่ยอมครับ บอกว่าพอแล้ว อย่าเลื่อนออกไปอีก คงกลัวเป็นหม้ายนะครับ...ฮิฮิ.. คราวที่แล้วผมยังออกไปนั่งริมกว่านี้อีก นั่งตรงปุ่มที่ผมท้าวแขนเลยครับ แถมยังไปนั่งตรงนั้นกันหลายคน กลัวว่า หินจะหักหล่นลงไปเหมือนกัน.. มัวตาแล้วครับ หกโมงครึ่งกว่าไปแล้ว คงต้องกลับที่พักแล้วละนะ แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 51 20:57:25 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 20:55:34 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เดินออกมาจากหน้าผา ก็จะเห็นป้ายบอกเส้นทางว่าอีกระยะทางเท่าใดถึงจะถึงที่พัก ครับ  9.2 กิโลเมตร ทางเดียว ไม่มีทางเลือก ครับ มีระยะเวลาเดิน  3 - 4 ชั่วโมง ก่อนที่ไฟฟ้าอุทยานจะปิด แต่ที่สำคัญคือ ร้านอาหารก็จะปิดไปด้วย.... ปัญหาก็เกิดทันที สำหรับ คุณลูกชายผม ครับ....เดินไม่ไหว... ไม่อยากเดิน เพราะระบมมาทั้งวันแล้ว บรรยากาศก็มืดลงทุกขณะ พอดี เดชะบุญ มีเจ้าหน้าที่ อุทยานเขากำลังกลับอุทยาน เขามีมอเตอร์ไซด์ เลยขอให้เขาช่วยซ้อนลูกชายไปส่ง แต่ปัญหาก็คือ ไปส่งแล้วลูกอยู่คนเดียวไม่ได้อีก เพราะไม่รู้จักใคร ต้องรออีกเกือบ 3 ชั่วโมง ได้อย่างไรกันที่อุทยาน ผลคือ ช่วยเอาคุณตาไปด้วย พวกเราที่เหลือก็เดินกลับกัน บนถนนที่มืดค่ำ ใช้เทียนไข สลับไฟฉายส่องทางกัน เดินคุยกันไป ก็เพลินดีครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 21:07:28 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ขอยกแผนที่มากางดูอีกทีก่อนเดินทางกลับ จะเห็นว่าต้องผ่านหน้าผา มากมายถึง 5 หน้าผาด้วยกัน  ซึ่งถ้าหากมาตอนกลางวัน คงจะถ่ายภาพได้มากกว่านี้ แต่ ผมเองก็เคยเดินมาตอนกลางวัน เมื่อครั้งแรกแล้ว ซึ่งได้ถ่ายภาพ ครบทุกหน้าผา แต่ก็ดูคล้ายๆ กัน ต้องลงไปเดินดูแถวๆ ริมผาจึงจะหามุมกล้องสวยๆ ได้ครับ  จะมีร้านค้าบางหน้าผา และค่อนข้างจะปิดกันแล้วถ้าหากมืดค่ำ เพราะเขากลัวสัตว์มารบกวนเหมือนกันครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 21:22:15 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ถ้าหากมีใครถามว่า ทำไมไม่ใช้เส้นทางด้านใน อาจเป็นช่วง ผาแดงไป สระอโนดาตเล่า คำตอบก็คือ ตอนกลางคืนเป็นเขตห้ามเข้าครับ เพราะ จะมีสัตว์ออกหากิน เช่น สุนัขป่า หมาไน ช้าง อันจะเป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวครับ  สัตว์จะไม่ค่อยมาถึงแถวหน้าผา เพราะเป็นที่โล่ง พวกเขาก็กลัวตกหน้าผาเหมือนกัน และมนุษย์ก็เลือกที่เดินแถวริมผา เลยเป็นการแบ่งพื้นที่กันโดยอัตโนมัติ  แต่ทว่า ระหว่างเดินกลับนั้น ท่านอาจจะได้ยินเสียงสัตว์ร้องเรียกกัน อย่าตกใจ เพราะเราคนเมือง ไม่คุ้นเคยกับป่า พวกสัตว์เขาก็กลัวเราเหมือนกัน บางทีส่องไฟไปจะเห็น แสงสะท้อนจากตา สัตว์ ด้วย ความน่ากลัวนี้ เส้นทางที่ผ่าน สระแก้ว อันเป็นทางลัดจาก ผานาน้อยไปยัง ที่ทำการอุทยานฯ ก็ถือเป็นเส้นทางที่ไม่น่าเดินตอนค่ำเช่นกัน แม้จะใกล้อุทยาน เพราะเป็นทางแคบๆ ผมเคยเดินผ่าน ตอนมาภูกระดึงครั้งที่สอง ครับ (ในคราวนั้น ผมเดินเที่ยวชมน้ำตกจนถึง ถ้ำใหญ่ แล้วลัดออกมา สระแก้ว ก็ใกล้ค่ำแล้ว เร่งเดินมาชมพระอาทิตย์ตกดินที่ ผมหมากดูก จะมีกิ่งสนคล้ายๆ กับผาหล่มสัก แต่ทันมาแค่ ผานาน้อยแล้วก็รีบเดินกลับ ที่ทำการผ่าน ผาหมากดูกตอนมืด) ในรูปตอนนี้ มาที่ผาแดงแล้ว ถ่ายรูปป้ายไว้เป็นที่ระลึกครับ  (เนื่องจากมืดมาก ตอนเล็งกล้องเลยไม่เห็นเป้าหมายที่จะถ่าย กดแช๊ะไปถึงจะเห็นครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 21:34:10 ]

ความคิดเห็นที่ 81 มาเดินกลับเป็นเพื่อนค่ะ ขอบคุณคุณ มิราชช (vilaithong) อีกครั้งนะคะที่ทำรีวิวข้อมูลละเอียดมากๆ จะเก็บไว้เป็นข้อมูลตอนไปค่ะ (เอาไว้ใช้ขอแม่ไปด้วย^^) จากคุณ : yuki_shimi - [ 3 ต.ค. 51 21:35:41 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ตอนนี้ก็มาถึง  เห็นแสงไฟจากร้านค้ารำไร ทำให้คลายเหงาไปบ้าง เพราะเมื่อสักครู่ รถมอเตอร์ไซด์ เจ้าหน้าที่อุทยาน ขับกลับมาดูพวกเรา อีกที หลังจากไปส่งคุณตา และลูกชายผม แวะมารับคุณยาย ไปอีกรอบ  เจ้าหน้าที่เขาขับเก่งมาก ลูกผมบอก ว่า มีบางช่วงเป็นหน้าผา เส้นทางเกือบจะติดหน้าผา ไม่มีขอบ เส้นถนนใดๆ เขาเชี่ยวชาญดี และเส้นทางกระโดกกระเดกมาก ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 21:53:45 ]

ความคิดเห็นที่ 83 พวกเราแวะเข้าไปในร้าน แต่เอ...ตอนนี้ เหลือผมกับแฟนเท่านั้นแล้วนะ ที่ยังเดินอยู่ กับเพื่อนใหม่ 2 คนชาวขอนแก่น ที่เจอกันเมื่อวาน และนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นอีก 3 - 4 คนที่เดินมาด้วยกัน บรรยากาศมืดและเย็นมาก จนขณะที่โพสนี้ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้เลย ประทับใจมาก ครับ ไปเจอ คนในร้าน ซึ่งก็เป็นนักท่องเที่ยวอีกนั่นแหละ กำลังตั้งวง ผิงไฟ กินอาหาร คุยกันสนุกทีเดียวครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 21:58:24 ]

ความคิดเห็นที่ 84 หลายคนก็เมื่อยเลย นั่งพักกันสักครู่  บรรยากาศเป็นกันเอง ไม่รู้จักกันเลยนะครับ ความมืดวับๆ แวมๆ ของไฟในเตาที่ลุกอยู่ ทำให้เกิดบรรยากาศ สุนทรีย์ อย่างบอกไม่ถูก พวกเราคนกรุงเทพฯ นานๆ จะได้มาอยู่บรรยากาศแบบนี้  จะว่าเหมือนตอนไฟฟ้าดับก็ไม่ใช่  เพราะในกรุงเทพฯ ถ้าไฟฟ้าดับ จะร้อนอบอ้าว แต่ที่ภูกระดึง เย็น หนาว สดชื่น ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 22:02:19 ]

ความคิดเห็นที่ 85 นึกครึ้มขึ้นมา ก็ยกเอากล้องถ่ายภาพหันมาถ่ายหน้าตัวเองและแฟน สนุกดี ตาพร่าไปหมดเลย..ฮิฮิ..  แฟนผมบอกชอบมาก  คุณตา คุณยาย และลูกชาย ผมไม่ได้มาร่วมวงกับเขาด้วย... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 22:04:52 ]

ความคิดเห็นที่ 86 สวัสดีคุณ yuki_shimi  ครับ มาเดินกลับด้วยกัน แก้เหงาหน่อยเป็นไรไป  ถึงอย่างไร ตอนที่ผมโพสนี้ก็อยู่คนเดียวเหมือนกัน ที่ทำงานเขากลับบ้านกันไปหมดแล้วครับ เดินมาไม่นานก็ถึง ผานาน้อย ที่มีป้ายบอกทางแยกไป ที่ทำการอุทยาน (องค์พระพุทธเมตตา) ด้วยระยะทางที่ใกล้กว่า  ด้านขวามือ ที่ไปทาง ผาหมากดูกเล็กน้อย  ซึ่งเป็นทางอันตราย ไม่น่าเสี่ยงเข้าไปครับ มืดและแคบ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 22:11:33 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ตอนนี้มาถึงผาหมากดูกแล้วครับ ปกติจะมีร้านค้าอยู่ แต่ตอนนี้ปิดหมดแล้ว เลยถ่ายภาพแค่ป้ายบอกทางมาให้ดูกันครับ  ป้ายจะอยู่มุมด้านใน ดูแล้วอาจงง  คือ ด้านขวามือของป้ายจะชี้เข้าไปในทางแยก ที่มุ่งไปสู่ ที่ทำการอุทยาน ระยะทาง 2 กม.  และด้านซ้ายมือของป้ายจะชี้สองด้านตามแนวหน้าผา คือ กลับไปผาหล่มสัก กับ ไปหลังแป ด้วยระยะทาง 2.5 กม. ครับ จะสังเกตุเห็นอุปกรณ์ ส่องสว่าง ภูมิปัญญาพื้นบ้านครับ จะมีประโยชน์มาก ช่วยทุ่นถ่านไฟฉายเราได้ดี เนื่องจากเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างนาน ถ่านไฟฉายอาจหมดได้ ถ้าไม่ประหยัดครับ  อุปกรณ์ที่ว่านี้ ทำด้วยขวดน้ำ    พลาสติค เอามาเจาะก้นขวด เสียบเทียนไขเข้าไป แล้วเอาเชือกผูกคอขวด จุดไฟเดินไป ลมก็จะไม่พัดให้เทียนดับ แต่ต้องระวังเวลาเทียนหมด จะหดลงไปโดนก้นขวด และเปลวเทียนจะลนผิวขวดด้านบนจนเป็นรูได้ ต้องคอยปรับแท่งเทียนตลอดเวลาครับ  แต่มองๆไป ก็ทำให้ตาพร่าได้เช่นกันครับ ผมคิดว่า อุปกรณ์ที่เหมาะสมน่าจะเป็นพวก หลอดไฟ LED (หลอดเล็กๆ เรียงกัน) ที่ประหยัดไฟมาก เดินได้ทั้งคืนก็ไม่หมดครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 22:21:39 ]

ความคิดเห็นที่ 88 กลับถึง ที่ทำการก็ประมาณสามทุ่มกว่าๆ รีบไปทานอาหาร อาบน้ำ กลัวทางอุทยานจะปิดไฟตอนสี่ทุ่ม แต่เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเยอะ ทางอุทยานเลยปิดไฟเป็น 5 ทุ่ม และถึงจะปิดไฟ แต่ ยังมีหลอดไฟหรีๆ ตรงห้องน้ำ ให้ตลอดคืนครับ ถึงห้องแล้วเลยขอถ่ายภาพที่นอนภายในบ้านพักไว้ให้ดู และพอดีผมจะกลับบ้านแล้วด้วยเพราะดึกมากแล้ว  ไว้ต่อกระทู้หน้า ในสัปดาห์หน้า เล่าถึงเหตุการณ์วันเดินทางกลับ ซึ่งในตอนเช้าผมได้พบ เพื่อนเก่าของภูกระดึง ทายาทของ กวางคำหล้า ด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 3 ต.ค. 51 22:29:05 ]

ความคิดเห็นที่ 89 สวัสดีครับ พี่มิราชช ยังตามติดอยู่ครับ คุณตานี้เครื่องดีเซล ร้อนช้าวิ่ง ชิล ชิล เลย หุ หุ(ขาขึ้นเครื่องยังเย็นวิ่งไม่ออก) ส่วนเจ้าตัวเล็กนี้เครื่งเบนซิน เครื่องร้อนเร็ววิ่งกระฉูด ปลายแผ่ว อิ อิ(ขาขึ้นเหยียบแหลก) เจ๋ง สุดต้องคุณยายนี้ มาราธอน แบบสบายๆ เลยครับ ฮา ฮา ขาลงจะเป็นไงต่อ รอ...ด้วยใจระทึก!!!!!! ยกให้เป็น"มหากาพย์ภูกระดึง"เลยครับ รอ...ส่งขึ้นรถกลับ กทม.เลยครับพี่ จากคุณ : กัปตันแจ็ค - [ 4 ต.ค. 51 11:36:28 ]

ความคิดเห็นที่ 90 สุดยอดกระทู้ off road แห่งปีเลยคร้าบ จากคุณ : Mekha - [ 4 ต.ค. 51 12:32:16 A:114.128.26.205 X: TicketID:146698 ]

ความคิดเห็นที่ 91 เยี่ยมยอดมากๆ ค่ะ คุณตา คุณยาย เยี่ยมจริงๆ เลยค่ะ หวนให้นึกถึงช่วงวัยรุ่นที่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เลย ได้ไปนอนที่บ้านสนุ๊ปปี้ด้วยค่ะ แต่ถ้าให้ไปตอนนี้อีกรอบ สงสัยจะไม่ไหวแน่นอนค่ะ จากคุณ : นู๋จ๋ายเจ้าขา - [ 4 ต.ค. 51 15:52:16 ]

ความคิดเห็นที่ 92 สวัสดีครับคุณ กัปตันแจ็ค เข้าใจเปรียบเทียบได้ดีครับ มองเห็นภาพเลย ว่าใช่แน่แท้แบบไม่ต้องอธิบายเพิ่มครับ  ขอบคุณที่ยกย่องครับ เดี๋ยวรอ วันทำงานในสัปดาห์หน้าก่อนนะครับ  เพราะข้อมูลอยู่ที่ทำงานหมด และเน็ตที่ผมใช้ที่บ้านขณะนี้ ช้ามาก ขนาดเปิดกระทู้นี้ ภาพมาได้แค่ คห.49 เท่านั้น ก็ เป็นช่องกากบาทไปแล้ว (ต้องคลิ๊กขวา สั่ง Show Picture ทีละภาพ) สวัสดีคุณ Mekha - ขอบคุณมากครับ ที่เปรียบได้อย่างนั้น หมายถึงลุยเก่งใช่ไหมครับ สวัสดีคุณ นู๋จ๋ายเจ้าขา อยู่ที่ใจครับ อายุเป็นเพียงตัวเลข งานนี้ผมก็แสดงให้เห็นแล้วนะครับว่า ขึ้นได้สบาย นี่ถ้าไม่ติดว่าคุณตาเป็นโรคหัวใจ ละก็ ขาขึ้นก็ไม่มืดหรอกครับ เพราะถ้าหากค่อยๆขึ้น ค่อยๆก้าว ก้าวทีหยุดพัก 3 วินาที ค่อยเคลื่อนตัว คล้ายๆ กับรำไท้เก็ก ก้าวขา อย่างไงอย่างงั้นครับ  ขึ้นไปถึง ก็จะไม่รู้สึกเหนื่อย หรือเมื่อยใดๆ ส่วนเวลาที่ใช้ ก็ไม่เกิน 6 ชั่วโมงครับ ดีกว่า ขึ้นเร็วสัก 3 ชั่วโมงแล้วไปนั่งปวดขา ระบมเท้าบนโน้น อย่างนี้จะไปเดินชมผา ชมน้ำตกอย่างมีความสุขได้อย่างไรกันครับ ขอเชิญหาเวลาไปลองอีกสักครั้ง แล้วจะติดใจ กับวิธีการขึ้นอย่างนุ่มๆ ถึงสบาย ดุจดังมี เฮลิคอปเตอร์ไปส่งให้ถึงบนโน้นเลยครับ... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 ต.ค. 51 21:47:54 ]

ความคิดเห็นที่ 93 วันนี้จะลงภูแล้วละครับ ขอต่อกันที่ กระทู้นี้ครับ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E7069587/E7069587.html มาร่วมลุ้นกันต่อ เพราะลงไปถึงข้างล่าง ปรากฏว่า ค่ำมืด เหมือนเดิม...ไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ ที่เป็นการเดินลง แท้ๆ...ฮี่ฮี่ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 ต.ค. 51 19:11:59 ]

ความคิดเห็นที่ 94 สวัสดีครับ ตามมาอ่านอย่างต่อเนื่อง น่าสนุกจังเลยครับ ผมปีนี้กำลังจะเริ่มขึ้นเลข 3 แข้งขาชักเริ่มไม่เหมือนเมื่อ 4-5 ปี ที่แล้วซะแล้วสิ สงสัย ต้องรีบตัดสินขึ้นในเร็วๆ นี้ซะแล้วครับ จากคุณ : boyd_ja - [ วันออกพรรษา 17:22:35 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ^^ จากคุณ : เซ็งอูฐ - [ 13 ต.ค. 52 14:15:43 ]

ความคิดเห็นที่ 96 สนุกมากค่ะ จากคุณ : Sugarbean - [ 18 ต.ค. 52 11:59:56 ]