ความคิดเห็นที่ 1 ว้ากกก...ลืมรูป หุหุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:05:02 ]

ความคิดเห็นที่ 2 นอกจากใบ Arrival report ที่เราได้รับมาตั้งแต่ตอนขอวีซ่าที่สถานทูตแล้ว การเข้าพม่าก็ยังต้องมีเอกสาร Immigration และ Customs ซึ่งแจกบนเครื่องบินก่อนถึงย่างกุ้งอีก กรอกกันให้เรียบร้อยนะครับ จะได้ไม่มีปัญหา... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:05:43 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ระหว่างเจ้าหางแดงลดระดับ ก็เห็นดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเอยาวดี (อิระวดี) ดูเขียวขจีด้วยทุ่งนากว้างไกล คาดว่าความเสียหายของพายุไต้ฝุ่นเมื่อหลายเดือนก่อน คงได้รับการเยียวยาไปพอสมควรจนกลับมาอุดมสมบูรณ์แล้วล่ะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:06:15 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เจ้าหางแดงแตะพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติมิงกาลาโดง นครย่างกุ้งตรงเวลาเป๊ะเลยครับ แจ่มเลยล่ะครับพี่น้อง จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:06:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มาสวัสดีด้วยครับ....... จากคุณ : ถนนสายนี้เปรี้ยว - [ 17 ต.ค. 51 20:06:51 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อาคารผู้โดยสารใหญ่โตโอ่โถงและใหม่เอี่ยมดีจริงๆ คิวตรง Immigration ไม่นานหรอกครับ ผ่านมารับกระเป๋าพร้อมทั้งสำแดงทรัพย์สินเล็กน้อย (กล้องถ่ายรูป) เจ้าหน้าที่เห็นแล้วก็ยิ้มๆแล้วปล่อยผ่านช่องสีแดงโดยว่องไว ออกมาก็เจอเคาน์เตอร์แท็กซี่ครับ คิดราคาตามมาตรฐาน 7 USD สำหรับการเข้าไปส่งที่ในเมือง ความจริงจะไปเดินต่อราคาพวกรถข้างนอกก็ได้ แต่เพื่อความสะดวกของท่านสปอนเซอร์ เลยตกลงใจไปกับเจ้านี้นี่แหละครับ อ้อ...เคาน์เตอร์แท๊กซี่สนามบินเขามีแจกแผนที่ด้วยครับ ทั้งของเมืองย่างกุ้ง พุกาม มัณฑเลย์ หยิบมาได้เลยครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:08:14 ]

ความคิดเห็นที่ 7 รถมาส่งที่โรงแรมที่พักเจ้าประจำของผมและบิดา “Parkroyal Hotel” โรงแรมใหญ่แสนสบายใจกลางเมืองย่างกุ้งครับ จองทางเน็ตก็ราคา 2,000 บาท (ราคาขึ้นจากปีที่แล้วมา 2-300 บาทครับ) ที่นี่ดีตรงที่เช็คอินเข้าห้องพักได้ตั้งแต่เช้าครับ ก็เลยได้พักผ่อนล้างหน้าล้างตาและงีบหลับกันพักใหญ่ทั้งบิดาและผมเอง ด้วยต้องตื่นแต่เช้ามืดมาสุวรรณภูมิเพื่อขึ้นแอร์เอเชียบินมาพม่านี่แหละ การได้งีบหลับสบายๆที่โรงแรมก็ช่วยให้สดชื่นขึ้นเยอะครับ ป.ล. สวัสดีครับคุณถนนสายนี้เปรี้ยว... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:09:19 ]

ความคิดเห็นที่ 8 โห...จารย์หนุ่ม เที่ยวเก่งมากกกก อยากไปย่างกุ้งนานแล้ว ไม่เคยได้ไปซักทีเลยจ้ะ รอ จารย์หนุ่ม จัดทัวร์ อ่ะ จากคุณ : cultureclub - [ 17 ต.ค. 51 20:09:44 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สิบโมงครึ่งแล้ว ผมกับบิดาก็ออกทัวร์กันล่ะครับ วันนี้ผมกะว่าจะไปเที่ยวทางเมืองตันเลียน (Thanlyin) หรือที่คนไทยชอบเรียกว่า “เมืองสิเรียม” ครับ ไหว้พระเจดีย์ 2 แห่ง แล้วกลับเข้ามาในย่างกุ้ง แวะชมพระเจดีย์โบ๊ตะเถ่าน์ (Botataung Paya) และไหว้พระนอนหน้าหวานเชาน์ทัตจี (Chaukhtatgyi ) ก่อนไปจบที่พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากองในตอนเย็นครับ... ผมเดินมาดูแท็กซี่ตรงหน้าโรงแรมทัมมะดา (Thammada) ไม่รู้รถหายไปไหนหมด มีแต่รถเก่าๆคันนึง พี่คนขับเห็นผมเดินมาก็รีบเชื้อเชิญใหญ่ แต่พอรู้ว่าผมเป็นคนต่างชาติพี่แกก็เริ่มลนลานเดินหาคนมาช่วยแปลภาษาให้ควั่ก เพราะพี่แกพูดอังกฤษได้น้อยมากถึงต้องตามเจ้าหน้าที่โรงแรมทัมมะดาออกมาช่วยพูด สรุปตามโปรแกรมของผมนี้ได้ในราคา 35 USD ครับ ความจริงจะต่อให้ถูกกว่านี้ก็คงได้ แต่เพื่อความสะดวกของบิดาผู้เป็นสปอนเซอร์ ไม่ต้องเยิ่นเย้อให้มากความ เราก็ตกลงไปกันเลยครับ หุหุ ข้อดีของการได้คนขับรถที่ไม่พูดภาษาอังกฤษ ก็คือเขาจะไม่คุยตื้ออะไรกับเรามากครับ ค่อนข้างตามใจเราซะด้วยซ้ำ ผมเองพอจะพูดชื่อสถานที่ต่างๆเป็นสำเนียงพม่าได้บ้าง งานนี้ก็น่าจะราบรื่นนะครับ...อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:10:29 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เรามุ่งหน้าออกจากเมืองย่างกุ้งมาพักใหญ่ ข้ามแม่น้ำเอยาวดีตรงมาทางทิศใต้ ซักราวๆชั่วโมงนึงก็มาถึงท่าเรือข้ามฟากไป “เยเลพญา” (Yele Paya) หรือพระเจดีย์กลางน้ำ ที่เที่ยวยอดฮิตของทุกทัวร์ที่มาย่างกุ้ง – สิเรียมครับ... พระเจดีย์เยเลพญามีตำนานเก่าแก่หลายร้อยปีว่า กษัตริย์ผู้สร้างพระเจดีย์นี้อธิษฐานว่า ขอให้แม่น้ำเอยาวดีอย่าได้ท่วมพื้นที่วัดเป็นอันขาด วัดนี้ก็เลยลอยเด่นกลางน้ำผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านพายุมาได้ทุกครั้งอ่ะครับ ป.ล. สวัสดีครับพี่นา เดี๋ยวมีตติ้งเจอกันครับ หุหุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:11:38 ]

ความคิดเห็นที่ 11 และเนื่องจากตัววัดเป็นเกาะอยู่กลางน้ำ เลยต้องนั่งเรือข้ามฟากหน้าตาโบราณๆแบบนี้ไปครับ จะว่าไปก็นึกถึงฉากอพยพเทครัวข้ามแม่น้ำสะโตงในหนัง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” เลยนะครับ มีเรือท้ายโด่งๆหน้าตาแบบนี้เป๊ะเลย หุหุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:12:21 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แต่ช้าก่อนครับ สำหรับชาวต่างชาติอย่างเราๆเนี่ย เขามีป้ายระบุว่าห้ามนั่งเรือไม้ท้ายโด่งอย่างชาวบ้านข้ามไปนะครับ ชาวต่างชาตินี่ต้องเสียค่าเรือข้ามฟากคนละ 2,000 จ๊าดครับ เสียตังค์ปุ๊บก็จะมี “เรือบรรดาศักดิ์” ลำใหญ่ดาดหลังคาเรียบร้อย มีเก้าอี้ให้นั่งบายๆ ไม่ต้องตากแดดหัวแดงอย่างชาวบ้านเขา...จ่ายแพงกว่าชาวบ้านก็ต้องเดินทางอย่างไฮโซกว่าสิครับ อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:12:56 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มาถึงที่วัดกลางน้ำก็ต้องจ่ายค่าเข้าชมอีกคนละ 1 USD ครับ วัดนี้ที่เด่นสุดก็คือ “พระเจดีย์ทรงปราสาท” สีทองอร่ามองค์นี้ล่ะครับ แขกไปใครมาต้องมาสักการะที่นี่ก่อนเสมอ พระเจดีย์ทรงปราสาทเยเลพญาองค์นี้เป็น “เจดีย์ลูกผสม” นะครับ ก็คือลักษณะครึ่งล่างจะเป็นแบบพุกามโบราณ (Bagan Style) ส่วนครึ่งบนจะศิลปะพม่าแบบยะตะนะโบง (Yadanabon Style) ร่วมสมัยกับยุครัตนโกสินทร์ของไทยอ่ะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:13:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อันนี้ครึ่งล่างครับ ทำเป็นซุ้มประตูทรง “ฝักเพกา” แหลมๆแบบนี้แหละครับ เหมือนเจดีย์เก่าๆที่เมืองพุกามเลยครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:14:23 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ส่วนนี่ก็ครึ่งบนครับ ทำเป็นเจดีย์เล็กๆหลายยอด ซุ้มพระก็เป็นลายดอกไม้เกลียวๆพันๆกันยุ่งแบบนั้นล่ะครับ เป็นแบบศิลปะพม่าสมัยหลัง...วันนี้ฟ้าใสแดดดีจริงๆนะครับเนี่ย จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:15:36 ]

ความคิดเห็นที่ 16 วัดเยเลพญานี้เป็นที่ฮิตของชาวพม่าเองและชาวต่างชาติ มาเที่ยวกันคึกคักตลอดอ่ะครับ ใครได้มาเป็นต้องมาชักรูปหมู่เป็นที่ระลึกนะครับ...นี่ก็เป็น “Behind the scene” อ่ะครับ อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:16:14 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อีกกิจกรรมนึงที่นิยมมากสำหรับนักท่องเที่ยวที่วัดเยเลพญา ก็คือการให้อาหารปลาในแม่น้ำนั่นเองครับ ที่นี่นิยมให้ “ข้าวตอก” สำหรับปลาสวายตัวโตฝูงใหญ่ที่ประจำอยู่ในแม่น้ำหน้าวัดนะครับ ก็มีบ้างครับที่ใช้ขนมปังแถวอย่างบ้านเรา เห็นปลาสวายตัวโตๆนี่น่ากินนะครับ ทำเป็นฉู่ฉี่แบบถึงเครื่องแกงนี่ก็อร่อยดี เหอๆๆ แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 51 20:19:18 จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:16:47 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ให้อาหารปลาเสร็จ ชาวพม่าก็นิยมมาล้อมวงกินข้าวกันเพราะนี่ก็เวลาเพลแล้ว ตามศาลาวัด ท่าน้ำ หรือพื้นที่ร่มๆในวัด จึงมีแต่วงกับข้าวเปิบกันเอร็ดอร่อยทั่วทั้งวัดเลยมั้งครับเนี่ย นี่ถ้าคุยกันรู้เรื่องผมคงไปเนียนในวงข้าวเขาด้วยแน่ๆ กะกินฟรีอ่ะครับ หุหุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:19:58 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มองไปฝั่งท่าเรือก็เห็นเจดีย์อีกองค์นึงถล่มเสียหาย คงเป็นผลมาจากคราวพายุไต้ฝุ่นนากีสที่ผ่านมา เห็นขึ้นนั่งร้านแล้วก็กะว่าคงน่าจะบูรณะเสร็จได้ในไม่ช้านี้ละครับ...ว่าแล้วก็นั่งเรือบรรดาศักดิ์ลำโตกลับไปฟากขะโน้นดีกว่าครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:20:34 ]

ความคิดเห็นที่ 20 จากเจดีย์กลางน้ำเยเลพญา เราก็ให้พี่คนขับแวะจุดหมายแห่งที่สองระหว่างทางกลับเข้าเมืองย่างกุ้งครับ ที่เห็นเป็นเจดีย์สีทองอร่ามบนยอดเนินนั่นล่ะครับ... พระธาตุไจ๊เค้า (Kyaik Khauk Paya) เป็นพระธาตุเจดีย์สำคัญประจำเมืองตันเลียน (สิเรียม) ตำนานเล่าว่าเจดีย์องค์นี้อายุเก่าแก่หลายพันปี ภายในบรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้าที่ได้รับมาจากพระเจ้าอโศกมหาราชของอินเดีย พระธาตุไจ๊เค้าผ่านการพังทลายและซ่อมแปลงบูรณะหลายครับ จนยั้งยืนยงเป็นพระเจดีย์เด่นสง่าคู่เมืองตันเลียนในปัจจุบันนี่ล่ะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:21:15 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สังเกตดีๆนะครับ องค์เจดีย์พระธาตุไจ๊เค้านี้ไม่ใช่ศิลปะพม่านะครับ แต่เป็นเจดีย์ทรงมอญครับ สังเกตง่ายๆก็ตรงที่ยอดเจดีย์จะทำเป็นปลีอวบกลมเรียวแหลมที่ส่วนปลายดูคล้ายๆ “หัวปลี” ของต้นกล้วยอ่ะครับ อันนี้เป็นเอกลักษณ์ของเจดีย์ศิลปะแบบมอญเลยครับ แม้แต่ชื่อ “ไจ๊เค้า” ก็เป็นภาษามอญนะครับไม่ใช่ภาษาพม่า เจดีย์พระธาตุไจ๊เค้านี้เกี่ยวพันกับ “ตำนานรัก” ที่ชาวพม่ารู้จักกันมานานหลายร้อยปีแล้วด้วยนะครับ ตำนานนี้เป็นเรื่องของเจ้าชายมินนันดาแห่งเมืองตะเกิง (Min Nanda of Dagon) และเจ้าหญิงชินมเวนูนแห่งเมืองสิเรียม (Shin Mwe Nun of Syriam) ทั้งคู่อยู่คนละฟากแม่น้ำเอยาวดีและตกหลุมรักกัน แต่ความรักไม่อาจเป็นไปได้เพราะเจ้าหญิงแห่งเมืองสิเรียมเกิดอยู่ในพื้นที่ป่าช้า ถือว่าเป็นกาลกิณีแก่บ้านเมืองจึงทำให้ทั้งคู่ต้องแอบพบปะกัน ทุกวันเจ้าชายแห่งเมืองตะเกิงจะขี่หลังจระเข้วิเศษนามว่า “งาโมยิง” (Nga Moe Yeik) ข้ามแม่น้ำมาหาเจ้าหญิงที่นี่ประจำ แต่แล้วกาลก็พลิกผันโดยแรงริษยาของเหล่าจระเข้ตัวอื่นๆในแม่น้ำ ที่ต้องการทำร้ายเจ้างาโมยิงจนเป็นเหตุให้เจ้าชายมินนันดาผู้เป็นนายของงาโมยิงต้องสิ้นพระชนม์ จระเข้งาโมยิงพาพระศพเจ้าชายกลับเมืองตะเกิงโดยที่เจ้าหญิงชินมเวนูนไม่เคยทราบ เจ้าหญิงจึงตั้งตารอคนที่ตนรักอยู่อย่างซื่อสัตย์ทุกเมื่อเชื่อวัน และแล้วเมื่อความจริงอันแสนเศร้าเกี่ยวกับเจ้าชายแห่งเมืองตะเกิงผู้ลาลับมาถึงพระกรรณเจ้าหญิง เจ้าหญิงผู้สิ้นหวังจึงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายเจ้าชายเป็นครั้งสุดท้ายที่พระธาตุไจ๊เค้าแห่งนี้ ก่อนจะเสด็จไปปลิดพระชนม์ชีพองค์เองโดยการโจนลงแม่น้ำเอยาวดีตามเจ้าชายผู้เป็นที่รักไป...จบแบบเศร้ามากๆ ว่ากันว่าคนพม่าเชื่อถือกันว่า คู่รักที่รักกันใหม่ๆจะไม่มาที่พระธาตุองค์นี้ เพราะเกรงว่าความรักจะพบกับการพลัดพรากเหมือนในตำนานนี่ล่ะครับ... เอ แต่ผมว่าผมเห็นคู่รักหลายๆคู่มาไหว้พระที่นี่นะครับ สงสัยอาจจะ “แก้เคล็ด” ว่าไหว้พระธาตุองค์นี้แล้วจะสมหวังครองรักกันตลอดไป ทำนองเดียวกับคนไทยที่ไปจดทะเบียนสมรสแก้เคล็ดที่ “เขตบางพลัด” ไงล่ะครับ หุหุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:23:26 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อันนี้เป็นของไหว้พุทธบูชาที่เป็น Unique ของวัดพระธาตุไจ๊เค้านะครับ เป็นช่อดอกไม้ประดิษฐ์ที่ทำจากกิ่งมะพร้าว (ผมเดาว่าเป็นมะพร้าวนะครับ หุหุ) คนพม่าเขาจะใช้ใบมะพร้าวแต่ละใบที่ติดกิ่งนี่แหละ มาม้วนสานเป็นรูปดอกไม้กลมๆ ไอเดียบรรเจิดสุดๆ ฝีมือสร้างสรรค์เป็นเยี่ยม ราคาช่อละ 300 จ๊าดเองครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:24:46 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ดูด้านหลังซะก่อน ว่าสานใบไม้กันจริงๆ ฝีมือเฉียบมากๆ คิดกันได้ไงเนี่ย...สุดยอดดดด จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:25:15 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อ้อ...ผมลืมบอกไปว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะมาชมพระธาตุไจ๊เค้า ต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 1 USD นะครับมีใบเสร็จรับเงินด้วย สมัยก่อนโน่นผมเคยมาก็ไม่เสีย เดี๋ยวนี้ก็คงต้องช่วยๆกันก็แล้วกันครับ ถือว่าเป็นรายได้บำรุงวัดด้วยนะครับ พระพุทธรูปทรงเครื่องแสนงามที่วัดพระธาตุไจ๊เค้าครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:25:49 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ศาลาปราสาทหลายหลังรอบๆเจดีย์ไจ๊เค้า มีร่องรอยของอิทธิพลศิลปะตะวันตกอยู่ด้วยนะครับ ทั้งนี้เพราะช่างชาวพม่ารู้จักเอาการฉลุลายแบบเรือนขนมปังขิงของอังกฤษ มาประยุกต์ใช้กับศาลาทรงปราสาทแบบพม่า ก็เลยกลายเป็นปราสาทลูกผสมดูสวยแปลกแบบนี้ล่ะครับ ในเมืองไทยก็มีนะครับปราสาทพม่าผสมฝรั่งแบบนี้ ก็ที่วิหารพระเจ้าพาราละแข่ง วัดหัวเวียง กลางเมืองแม่ฮ่องสอนไงล่ะครับ เคยสังเกตกันมั้ยเนี่ย เหอๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:26:36 ]

ความคิดเห็นที่ 26 จะว่าไปประวัติศาสตร์เมืองตันเลียนอันเป็นที่ตั้งพระธาตุไจ๊เค้าแห่งนี้ ก็เคยมี “เจ้าเมือง” เป็นฝรั่งเมื่อหลายร้อยปีก่อนนะครับ นายฝรั่งคนนั้นเป็นชาวโปรตุเกสชื่อว่า Philip de Brito เข้ามาเป็นเจ้าเมืองตันเลียน ในช่วงที่กรุงหงสาวดีอ่อนกำลังลงมากหลังจากถูกสมเด็จพระนเรศวรโจมตี นายเดอบริโตได้สิทธิ์การครองเมืองตันเลียนจากกษัตริย์ยะไข่ หนำซ้ำยังไปติดต่อเป็นพันธมิตรกับโอรสพระเจ้าตองอูอีก นายฝรั่งคนนี้เลยแผ่อำนาจคุมปากแม่น้ำเอยาวดีไว้หมด เรือจะไปจะมาต้องเสียค่าต๋งให้นายฝรั่งคนนี้หมด ทำกำไรได้ไม่น้อยทีเดียว แม้ว่านายเดอบริโตจะมีกำลังทหารที่กล้าแข็งและทันสมัย แต่ก็เขาเป็นฝรั่งคาทอลิคที่เกลียดชังพุทธศาสนามาก พยายามทำลายเบียดเบียนทุกวิถีทาง จนสุดท้ายชะตาเจ้าเมืองโปรตุเกสคนนี้ก็ถึงฆาต เมื่อพระเจ้าอะน็อคแพตะลุน (Anaukpetlun) ราชนัดดาของพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง กรีธาทัพพม่าจากกรุงอังวะลงมาตีเมืองตันเลียน แล้วจับนายเดอบริโตเจ้าเมืองฝรั่งคนนี้ตรึงกางเขนทั้งเป็นจนตายอย่างทรมาน...กรรมแท้ๆพ่อคุณเอ้ย... ศาลาทรงปราสาทหลังนี้ถึงจะไม่ใช่ศิลปะโปรตุเกส แต่ทรวดทรงและกลิ่นอายความเป็นตะวันตกก็ชวนให้นึกถึงเรื่องนายเดอบริโตนี้จนได้อ่ะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:27:19 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เอ้อ นึกได้อีกแล้ว...เรื่องยาวจนได้...หุหุ เพื่อนๆที่เคยดูหนังเรื่อง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ของท่านมุ้ย...จำตัวละครที่ชื่อ “นัดจินหน่อง” เจ้าชายรูปงามแห่งเมืองตองอูได้มั้ยครับ อยู่ในตอนที่พระนเรศ มังสามเกลียด และนัดจินหน่องไปตีเมืองคังไงล่ะครับ...เจ้าชายนัดจินหน่องนี่แหละ ที่ตอนหลังจะถูกประหารชีวิตและฝังพระศพไว้ที่แถวๆวัดพระธาตุไจ๊เค้าแห่งนี้ด้วยล่ะครับ (อันนี้ผมเพิ่งจะทราบทีหลังจริงๆ) นัดจินหน่องเป็นโอรสกษัตริย์ตองอู มีชื่อเสียงว่ารูปงามและเป็นกวีเอกของพม่าด้วย นัดจินหน่องแอบไปหลงรักเจ้าหญิงราชาธาตุกัลยาณี ซึ่งเป็นพระชายาของมหาอุปราชมังสามเกลียด ตอนที่มหาอุปราชยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาและได้กระทำ “ยุทธหัตถี” จนพ่ายแพ้ต่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนั้น นัดจินหน่องก็เป็นผู้นำข่าวเศร้านั้นมาแจ้งต่อเจ้าหญิงราชาธาตุที่กรุงหงสาวดี ด้วยอารมณ์เปลี่ยวเหงาเศร้าสร้อยของเจ้าหญิงผู้เป็นม่ายและคารมคมคายของนัดจินหน่อง สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้เสียกันเองด้วยแรงสิเน่หา แต่ความรักครั้งนี้ก็ไม่ยืนยาวนักด้วยเจ้าหญิงราชาธาตุก็สิ้นพระชนม์หลังจากอภิเษกกับนัดจินหน่องได้ไม่นาน แม้พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงจะพยายามขัดขวางคู่รักนี้แต่ก็ไม่เป็นผล กลับกลายเป็นว่านัดจินหน่องนี่แหละที่เป็นคนวางยาพิษปลงพระชนม์พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงเสียเอง และหนีไปอยู่เมืองตันเลียนเพื่อพึ่งพาอำนาจฝรั่งโปรตุเกส ถึงขนาดสัญญาเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับนายเดอบริโตเจ้าเมืองฝรั่งแห่งตันเลียนและเข้ารีตเป็นชาวคาทอลิคเสียอีกด้วย เมื่อพระเจ้าอะน็อคแพตะลุนยกทัพพม่ามาปราบเมืองตันเลียน จับนายเดอบริโตตรึงกางเขนจนตายไปแล้ว พระเจ้าอะน็อคแพตะลุนก็รับสั่งถามนัดจินหน่องให้เข้ามาสวามิภักดิ์เสียแล้วจะไว้ชีวิต เพราะเห็นว่าเป็นเชื้อสายราชวงศ์พม่าเช่นกัน แต่นัดจินหน่องปฏิเสธจึงถูกประหารชีวิตจนตายอย่างทรมานในที่สุด... เคยอ่านในหนังสือนำเที่ยวเล่มนึงว่า พระศพของนัดจินหน่องฝังอยู่ที่แถวๆหน้าวัดพระธาตุไจ๊เค้านี่แหละครับ แต่ผมไม่รู้ว่าตรงไหนนะครับเนี่ย หุหุ รูปปลากรอบ...”นัดจินหน่อง” เวอร์ชั่นในหนัง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ของท่านมุ้ยครับ เผื่อใครนึกไม่ออก เครดิตตามรูปเลยครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:28:59 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มีแต่ประวัติศาสตร์เนี่ย เบื่อกันรึเปล่าครับ...เข้ากระทู้รีวิวของผมนี่ต้องทำใจนะครับ เจอแน่ๆ เหอๆๆ สังเกตดีๆจะเห็นชัดเลยว่า เจดีย์พระธาตุไจ๊เค้าองค์นี้ ก็คือ “Model” ฉบับย่อส่วนของพระมหาเจดีย์ชเวดากองนั่นเองล่ะครับ รูปทรงคล้ายกันมากถึงมากที่สุด ต่างกันแต่ที่ขนาดเท่านั้นเอง...บิดาผมถึงกับออกปากชมนะครับว่า เจดีย์พระธาตุไจ๊เค้าองค์นี้ เป็นเจดีย์ที่รูปทรงสวยงามที่สุดในพม่า ไม่อ้วนไม่ผอมเกินไปเส้นสายก็ดูอ่อนช้อยลงตัวสมส่วนทุกประการ...เห็นด้วยกะคุณพ่อผมมั้ยล่ะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:29:45 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อออกจากวัดพระธาตุไจ๊เค้า ทั้งพ่อลูกก็เริ่มหิวล่ะครับเพราะนี่ก็เลยบ่ายโมงแล้ว เมื่อพี่คนขับพาเข้ามาถึงในเมืองย่างกุ้งถามว่าจะไปกินที่ไหน ตัวผมเองก็ชักจะสิ้นคิดล่ะครับว่าจะไปกินที่ไหน ถ้ามาเองเดี่ยวๆก็คงลงร้านข้าวแกงพม่าไปแล้ว แต่เนื่องจากท่านสปอนเซอร์มาด้วยก็คิดว่าควรทานร้านที่ดูดีสบายๆหน่อยละกัน มื้อเที่ยงเลทมาบ่ายวันนั้นเลยไปลงที่ร้าน Black Canyon ครับ ชื่อคุ้นเนอะ ก็เพราะเป็นสาขาเฟรนไชส์ของ Black Canyon ในเมืองไทยนั่นแหละครับ ร้านนี้จะอยู่ตรงหน้าโรงแรม Yangon International ใกล้ๆกับโรงแรม Summit Parkview ครับ หาไม่ยากเลย...Black Canyon ณ นครย่างกุ้งนี่เข้าข่ายร้านไฮโซนะครับ ตัวร้านตกแต่งทันสมัยแบบแอบหรูนิดๆ ติดแอร์เย็นฉ่ำ (บิดาผมปลื้มข้อนี้มากๆ เพราะยามบ่ายในย่างกุ้งนี่ร้อนตับแล่บเลย) เมนูอาหารเหมือนในเมืองไทยทุกประการครับ แต่เพิ่มภาษาพม่ากำกับไว้ด้วย เลยสั่งกันง่ายมากๆประหนึ่งนั่งกินที่กรุงเทพฯเลยครับ แหะๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:30:52 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อาหารทั้งหมดก็อาหารไทยนี่ล่ะครับไม่ต่างจากในกรุงเทพฯ ราคาอาหารก็ค่อนข้างสูงนิดนึงนะครับ แต่แลกกับความสบายแล้วผมก็ว่าคุ้มนะ จากที่เพลียแดดและดมฝุ่นมาตลอดทาง ได้นั่งสบายๆแอร์ฉ่ำๆอาหารคุ้นลิ้นก็ทำให้มีแรงสดชื่นขึ้นเยอะเลยครับ หุหุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:31:46 ]

ความคิดเห็นที่ 31 จบทู้รีวิวตอนที่ 1 แค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวค่อยมาต่อรีวิวตอน 2...“๑๔ ค่ำเดือน ๑๑ ที่พระเจดีย์ชเวดากอง”...จะสวยงามขนาดไหน ติดตามชมต่อที่นี่นะครับ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E7122714/E7122714.html เจซูตินบาเด...ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาดูกระทู้ผมนะครับ แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 51 20:33:36 แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 51 20:37:30 จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 17 ต.ค. 51 20:34:27 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ตามคุณหนุ่มเมืองกรุงมาเที่ยวพม่าค่ะ....ดีจังเลยค่ะอยากไปไหว้ที่ชเวดากองด้วยค่ะ แบบว่าปีที่เกิดเนี่ยต้องไปไหว้ที่นี่ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปเลยค่ะ จากคุณ : Red Leaves - [ 17 ต.ค. 51 20:38:22 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ....สวยจังเลยคะ.... ทั้งรูป  ทั้สถานที่เที่ยว..... น่าไปมากๆ...... จากคุณ : KRATAIPA - [ 17 ต.ค. 51 20:48:30 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ตาม  "หัวหน้าทัวร์"  ไปติดๆ จากคุณ : ไก่แก่แม่ปลาช่อน - [ 17 ต.ค. 51 21:16:25 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ติดตามกระทู้ เพลิน..สนุก...ไม่เบื่อเลยค่ะ เดี๋ยวจะรอรีวิวตอนต่อไปนะคะ จากคุณ : น้ำหวานไม่ขม - [ 17 ต.ค. 51 21:30:28 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ได้ความรู้ สนุกแล้วก็รูปสวยเช่นเคยค่ะ รออ่านบาหลีอีกรีวิวด้วยนะคะ จากคุณ : scuba734 - [ 17 ต.ค. 51 21:42:35 ]

ความคิดเห็นที่ 37 น่าไปเที่ยวจังคับ จากคุณ : the_marker - [ 18 ต.ค. 51 00:34:31 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อ่านไปเก็บความรู้ นั่งเปิด google ตามไปค่ะ สนุกดี ตามต่อค่ะ จากคุณ : ด.ญ คณิตกร - [ 18 ต.ค. 51 00:50:24 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ชอบประวัติศาสตร์ครับอาจาร์หนุ่ม เพิ่งอ่านพม่าเสียเมืองจบด้วยสิ ยังอินอยู่เลยครับ ...รีบมาต่อนะครับ จากคุณ : ทะเลทะเล - [ 18 ต.ค. 51 06:20:44 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เจาะลึก ได้ประทับใจครับ จากคุณ : หมอดาริน - [ 18 ต.ค. 51 09:47:41 ]

ความคิดเห็นที่ 41 มาจดเล็คเชอร์ยิกๆ คะจารย์หนุ่ม รอตอนต่อไปนะคะ (ไม่มีรูปสาวพม่าเลยเหรอคะ ^^) จากคุณ : Daijobudai - [ 18 ต.ค. 51 12:02:42 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ตามมาเก็บข้อมูลค่ะ อยากไปพม่าปลายปีนี้เหมือนกัน เพราะทราบมาว่าวัดพม่าสวยมากค่ะ โรงงานข้างๆเรามีคนงานพม่าเยอะ วันออกพรรษาเขาต้องหยุดโรงงานค่ะ แต่โรงงานเราไม่หยุด เลยถามเขาว่าทำไมโรงงานเขาหยุด เขาบอกว่า โรงงานพี่ พม่าเยอะ พม่าชอบทำบุญ นี่ก็ไม่สงสัยเลยค่ะ ว่าทำไมพม่าถึงมีวัดสวยๆเยอะ จากคุณ : jasikan - [ 18 ต.ค. 51 17:09:49 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อนุโมทนาบุญ ด้วยครับ จากคุณ : ever rich - [ 22 ต.ค. 51 11:55:29 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ตามมาแอ่วครับ งามมาก ๆ จากคุณ : ฮิมดอย - [ 24 ต.ค. 51 13:17:42 ]