ความคิดเห็นที่ 1 กระทู้เดิมค้างเติ่งแค่มื้อเที่ยง...วันนี้มาต่อให้จบละกันนะครับ...อิอิ จากมื้อเที่ยงค่อนบ่ายที่ร้าน Black Canyon สาขานครย่างกุ้ง ผมกับบิดาก็มาเดินสายไหว้พระกันต่อที่พระเจดีย์โบ๊ตะเถ่าน์ (Botataung Paya) อยู่ทางตอนใต้ใกล้ๆท่าเรือของย่างกุ้งครับ วันนี้ก็เข้าข่ายวัด “ทัวร์ลง” อีกที่นึงที่ทัวร์ไทยมักจะมากัน ด้วยชื่อเสียงความเข้มขลังของโบโบจี “เจ้าพ่อทันใจ” เทพยดารักษาพระเจดีย์วัดนี้ ว่าท่านให้คำขอทุกอย่างสมปรารถนาได้ทันใจสมชื่อ...ในเมื่อวัดนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงมากในหมู๋นักท่องเที่ยว ค่าเข้าชมก็เลยแพงขึ้นเป็นเงาตามตัว นักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเราๆต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ 2 USD เชียวนะครับ... “โบ๊ตะเถ่าน์” เป็นภาษาพม่าแปลว่า “นายทหารหนึ่งพันนาย” มาจากตำนานโบราณที่ว่า ท่าน้ำตรงวัดนี้เองเป็นจุดแรกที่มีการอัญเชิญ “พระเกศาธาตุ” เส้นผมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นฝั่ง เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐานที่พระมหาเจดีย์ชเวดากองเมื่อราว 2,000 ปีก่อนโน้น ในการครั้งนั้นพระเจ้าโอกกลาปะ (King Okkalapa) กษัตริย์แห่งเมืองตะเกิงได้โปรดให้นายทหาร 1,000 นายของพระองค์ มาตั้งกระบวนรอรับพระเกศาธาตุที่ตรงจุดนี้ด้วย ภายหลังจึงได้มีการสร้างระเจดีย์เป็นที่ระลึกตรงนี้ก็เลยมีชื่อว่า Botataung Paya “พระเจดีย์แห่งนายทหารหนึ่งพันนาย” ไงล่ะครับ พระเจดีย์โบ๊ตะเถ่าน์เคยถูกทำลายย่อยยับในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นะครับ เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดมาตกจังๆอย่างแรงจนเจดีย์องค์เดิมทลายลงมาหมด แต่เหตุร้ายคราวนั้นก็ทำให้พบว่าภายในเจดีย์มีทั้งพระเกศาธาตุส่วนนึง พร้อมทั้งแก้วแหวนเงินทองของโบราณมากมาย...หลังจากสงครามโลกจบลง ชาวพม่าที่ศรัทธาก็มีการเรี่ยไรทุนทรัพย์เพื่อสร้างพระเจดีย์โบ๊ตะเถ่าน์ขึ้นมาใหม่ ไปๆมาๆเชื่อหรือไม่ครับว่าเจดีย์องค์ใหม่นี้ใหญ่กว่าของเดิมจริงๆ อย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้ล่ะครับ... เรื่องทำบุญสร้างวัดก่อเจดีย์นี่ทางพม่าไม่เคยแพ้ใครอยู่แล้วครับ หุหุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:01:29 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เราสามารถเดินเข้าไปภายในเจดีย์โบ๊ตะเถ่าน์แห่งนี้ได้นะครับ ตรงกลางเป็นห้องกระจกประดิษฐานพระเกศาธาตุให้กราบไหว้บูชา ส่วนรอบๆนั้นเขาจะทำเป็นทางเดินวนรอบแกนกลางของเจดีย์ เหมือนเป็นห้องอุโมงค์อ่ะครับแต่เป็นอุโมงค์ที่ประดับกระจกซะแพรวพราวเลย แถมยังติดแอร์เย็นฉ่ำอีกต่างหาก เชื่อแล้วครับเรื่องทุ่มสร้างเพื่อการพระศาสนานี้ไม่มีใครเท่าคนพม่าจริงๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:02:18 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มีของควรชมอีกอย่างนึงนะครับที่เจดีย์โบ๊ตะเถ่าน์แห่งนี้ ก็คือ “พระพุทธรูปปัญจโลหะจากวังหลวง” ครับ...ถือเป็นของชิ้นเอกคู่บ้านคู่เมืองของพม่าเลย หลายๆคนมาเที่ยวที่เจดีย์โบ๊ตะเถ่าน์แล้วจะไม่ได้มาไหว้พระงามองค์นี้ ก็ถือว่ามาไม่ถึงนะเชียวครับ พระพุทธรูปแสนงามองค์นี้ แต่เดิมสร้างขึ้นโดยพระบรมราชโองการของพระเจ้ามินดง (King Mindon) กษัตริย์ผู้ครองกรุงมัณฑเลย์เมื่อร้อยกว่าปีก่อน โดยใช้โลหะมีค่า 5 ชนิด (ปัญจโลหะ) หลอมผสมกันเทหล่อพิมพ์พระออกมาได้งามเป็นที่สุด พระเจ้ามินดงประดิษฐานพระพุทธรูปองค์นี้ไว้บนพระราชมณเทียรสำหรับทรงบูชาเป็นประจำ กาลล่วงเลยมาถึงตอนที่พม่าเสียกรุงให้อังกฤษ พวกอังกฤษเข้ายึดพระราชวังหลวงในกรุงมัณฑเลย์แล้วเก็บริบพระราชทรัพย์ของมีค่าออกไปมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือพระพุทธรูปองค์นี้ ความงามขององค์พระจากวังหลวงกรุงมัณฑเลย์ทำให้ทางอังกฤษนำไปตั้งแสดงอยู่ใน Victoria & Albert Museum ในกรุงลอนดอน มาถึงสมัยหลังทางรัฐบาลพม่าทราบเรื่องจึงทวงคืนจากทางอังกฤษโดยใช้เวลาอยู่พอสมควร และแล้วในที่สุดอังกฤษก็ยินยอมคืนพระพุทธรูปองค์นี้ให้แก่ทางการพม่าครับ และได้นำมาประดิษฐานไว้ในเขตพระเจดีย์โบ๊ตะเถ่าน์เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้และชื่นชมกันสืบไป ในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมของชาติพม่าครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:03:01 ]

ความคิดเห็นที่ 4 องค์พระงามดูแวววาวสุกปลั่งมลังเมลืองมากๆครับ ฝีมือช่างหลวงที่สร้างพระองค์นี้ งามแบบหาที่ติไม่ได้เลยครับ สมแล้วที่เป็นของพระมหากษัตริย์แต่อดีตทรงเคารพบูชาเป็นประจำ ประทับใจมากๆเลยครับ เสียดายอย่างเดียวว่าถ่ายรูปหลวงพ่อท่านยากจริงๆอ่ะครับ เพราะองค์พระท่านวาบวับเป็นประกายสะท้องแสงไปหมด กล้องนี่วัดแสงไม่ถูกเลย ของจริงนี่ท่านงามกว่ารูปถ่ายของผมเยอะครับ หุหุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:03:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 กว่าจะออกจากเจดีย์โบ๊ตะเถ่าน์ก็บ่ายสามโมงครึ่งแล้ว แผนตอนแรกกะว่าจะไปชมพระนอนหน้าหวานเชาน์ทัตจี (Chaukhtatgyi) กันต่อแต่ปรากฏว่าทั้งบิดาและกระผมเห็นว่าแดดเริ่มอ่อนแล้ว เกรงว่าวันนี้จะค่ำไว ก็เลยตัดสินใจให้พี่คนขับพาไปส่งที่หมายสุดท้ายนั่นคือ “พระมหาเจดีย์ชเวดากอง” เลยดีกว่าครับ ที่นี่เป็นไฮไลท์ของทริปผมอยู่แล้ว ตอนแรกพี่คนขับจะพาไปส่งที่ลิฟท์ด้านทิศใต้ของพระเจดีย์ที่นักท่องเที่ยวทัวร์ส่วนใหญ่จะขึ้นทางนี้ แต่ผมขอให้ไปส่งที่ลิฟท์ทางตะวันออกแทนเพราะด้านนั้นมีรถแท็กซี่ผ่านเยอะกว่า จะได้ฝากรองเท้าทีเดียวขากลับก็ลงมาเรียกรถได้สะดวกครับ...ที่ผมไม่ได้ให้พี่คนขับคนนี้อยู่ต่อเพราะคาดว่าจะอยู่ที่นี่กันนานครับ รอดูเขาจุดประทีปบูชาพระเจดีย์ตอนค่ำด้วย เลยจ่ายสตางค์และแยกกันที่นี่เลยครับ... ขึ้นลิฟท์มาปุ๊บผมกับบิดาก็ตรงรี่มาที่บูธขายตั๋วสำหรับชาวต่างชาติเลยครับ ที่นี่ชาวต่างชาติต้องเสียค่าธรรมเนียมให้ทางวัดคนละ 5 USD นะครับ ตรงนี้นี่แหละก็มีเรื่องขำจนได้... คือว่าน้องผู้หญิงที่ประจำบูธถามว่ามากี่คน ผมบอกว่า 2 คนและยื่นแบงค์ 10 USD ให้ เธอทำหน้างงๆลางรับตังค์ผมแล้วควักเงินทอนมา 5 USD ผมก็งงล่ะสิครับเลยย้ำว่า 2 คนนะแล้วชี้ไปที่ป๊ะป๋าว่า “My father” เธอก็ยังทำหน้างงอีกพลางบอกว่า “Bamar?” (คนพม่าไม่ใช่เหรอ?) เล่นเอาผมและบิดาฮาตึงเลยครับ...นี่ขนาดท่านสปอนเซอร์ก็แต่งกายปกติ เสื้อโปโลสีฟ้ากางเกงแสล็คสีดำเหมือนอยู่เมืองไทย ไม่ได้นุ่งโสร่งเคี้ยวหมากซะหน่อย ไหงกลายเป็นคนพม่าไปซะนี่ เหอๆๆ...แถมครั้งนี้ยังไม่ใช่ครั้งแรกนะครับ คราวก่อนตอนปี 2549 ผมกับบิดาท่านก็มาพระเจดีย์ชเวดากองนี่แหละครับ ขึ้นบันไดทางทิศตะวันตก เจ้าหน้าที่วัดเก็บค่าธรรมเนียมผมคนเดียว ผมถามว่าแล้วไม่เก็บอีกคนเหรอ เขาก็บอกว่า อ้าว! ลุงคนนั้นเป็นคนพม่านี่น่า ผมก็ อ้าว! นั่นพ่อผมเอง 55555... สงสัยท่านบิดาผมจะมาดดีเข้าตาดูมีสง่าราศีเหมือนคหบดีเมืองพม่า เจ้าหน้าที่เขาเลยไม่ได้เรียกมาเสียตังค์ซะที หุหุ นี่ก็เลยบอกว่าครั้งหน้าถ้าจะมาเจดีย์ชเวดากองอีกจะขอให้ท่านนุ่งโสร่งมาแล้ว จะได้เนียนยิ่งขึ้นไปอีกระดับครับ อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อเดือนมีนาที่ผ่านมา ผมยังเห็นพระเจดีย์ชเวดากองยังดูงามสุกปลั่งทั้งองค์ พอเดือนตุลานี้ก็ถึงคราวซ่อมใหญ่ล่ะครับ เพราะที่เมืองย่างกุ้งนี่หน้าฝนฝนตกแรงมาก ชะแผ่นทองคำหุ้มพระเจดีย์เสียหายประจำ ยิ่งปีนี้โดนพายุนากีสเข้าไปอีก ก็เลยต้องมีการขึ้นนั่งร้านสำหรับซ่อมแซมปิดทองกันใหม่เรื่อยๆ มารอบนี้เลยได้ชมพระเจดีย์แบบเข้าเฝือกแทนอ่ะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:05:41 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แต่ถึงจะเข้าเฝือกพระเจดีย์ แต่นั่งร้านเมืองพม่านี่ก็ยังอุตส่าห์ทำเป็นรูปโค้งล้อกับเส้นโครงนอกของพระเจดีย์ด้วยนะครับ ฝีมือการต่อนั่งร้านของช่างพม่ายังฝากลีลาความอ่อนช้อยไว้ด้วยเลย นับถือจริงๆครับ...นี่ถ้าเป็นการซ่อมวัดเมืองไทย คงได้เห็นนั่งร้านโครงเหล็กรูปทรงทื่อๆน่าเกลียดกว่านี้แน่ๆ บ้านเรานี่ชักจะทันสมัยเกินจนลืมฝีมือช่างเจ๋งๆรุ่นเก่าเสียแล้วอ่ะครับ อ้อ ตรงทางขึ้นนั่งร้านที่ฐานพระเจดีย์ จะมีเจ้าหน้าวัดมาควบคุมช่างและคนงานด้วยนะครับ มีเครื่องแสกนร่างกายเพื่อตรวจโลหะแบบสนามบิน หนำซ้ำพวกช่างที่ลงมาข้างล่างถึงขนาดต้องสะบัดโสร่งให้เจ้าหน้าที่ดูด้วย เขากลัวจะมีการขโมยทองคำข้างบนอ่ะครับ...เห็นแล้วก็ขำๆดี แหะๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:06:25 ]

ความคิดเห็นที่ 8 “Le Petit Prince” เวอร์ชั่นพม่าครับ...ความจริงก็คือ “ลูกแก้ว” เตรียมบวชเณรอ่ะครับ คุณพ่อคุณแม่ญาติโยมเลยพามาแห่รอบพระธาตุชเวดากองซะก่อนตามธรรมเนียมครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:06:56 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อันนี้ก็กิจวัตรอีกอย่างนึงที่เห็นได้ประจำ ณ ลานพระเจดีย์ชเวดากอง...“ทีมกวาดลานวัด” ครับ งวดนี้ตั้งแถวเรียงหน้ากระดานเป็น 3 ชุด ช่วยกันกวาดเป็นรอบๆครับ พี่ป้าน้าอาทุกคนมาด้วยจิตใจศรัทธาทั้งนั้น ตั้งอกตั้งใจทำการนี้จนดูเหมือนเป็นการทำสมาธิอย่างนึงเลยนะครับเนี่ย จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:07:30 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เกริ่นไว้ตั้งแต่แรกว่า ที่ผมกับบิดาเลื่อนการเดินทางมาพม่ามาลงล็อคในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ก็เพราะอยากจะมาร่วมงานประเพณีตะทิงยุด (Thadingyut) เทศกาลประจำปีที่สำคัญของชาวพม่าครับ ว่ากันง่ายๆก็คือ “วันออกพรรษา” นั่นเอง...เทศกาลตะทิงยุดจะเป็นช่วงงานบุญใหญ่ครับ ถือว่าเป็นวันหยุดราชการด้วย ชาวพม่าทั้งหลายมักจะไปที่วัดหรือพระเจดีย์สำคัญต่างๆ เพื่อจุดประทีปโคมไฟให้สว่างไสวเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการรับเสด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 นี่ล่ะครับ ช่วงงานวันตะทิงยุดจึงได้ชื่อเรียกอีกอย่างนึงว่า “Festival of Lights” เทศกาลแห่งความสว่างไสวตามประเพณีพม่านี่ล่ะครับ วันที่ผมไปพม่านั้นแม้ว่าจะเป็นวันขึ้น 14 ค่ำเดือน 11 ยังไม่ได้ล่วงเข้าวันออกพรรษาดี แต่ที่พระเจดีย์ชเวดากองก็เริ่มมีงานบุญฉลองเทศกาลตะทิงยุดแล้วล่ะครับ เห็นได้จาก “ตะคัน” หรือถ้วยดินเผาใบเล็กสำหรับจุดไฟจำนวนหลายพันใบ ถูกลำเลียงมาเรียงต่อกันเป็นแถวยาวๆรอบพระเจดีย์แล้วล่ะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:08:08 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แผนกเรียงก็เรียงกันไป แผนกเต็มน้ำมันเติมไส้ก็ช่วยกันหยอดไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าที่นี่จะมีการแบ่งเป็น “คุ้มวัด” เหมือนงานบุญภาคเหนือบ้านเรานะครับ ก็คือชาวบ้านบ้านไหนคุ้มไหนรับผิดชอบตั้งประทีปฟากด้านไหน ก็จะแบ่งด้านกันไปทำครับ ทุกอย่างก็จะเสร็จได้พร้อมกันเตรียมที่จะจุดประทีปพันดวงรอบพระมหาธาตุในค่ำคืนนี้ได้ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:08:49 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ของผมและบิดาก็มีมาร่วมแจมด้วยครับ เป็น “เทียนพรรษา” ขนาดย่อมคู่นึง อันนี้ผมจุดประเดิมถวายเป็นพุทธบูชาตั้งแต่ช่วงเย็นแล้วครับ สว่างอยู่เป็นชั่วโมงจนถึงค่ำเลย... ในรูปนี้ก็ผ่านไปร่วมชั่วโมงกว่าแล้วนะครับ เจ้าหน้าที่วัดเขาเห็นว่าที่ผมถวายเป็นเทียนใหญ่พิเศษเลยไม่ได้เอาออก คงไว้อย่างนั้นเป็นการร่วมกิจกรรมตามประทีปรับเสด็จพระพุทธเจ้าเนื่องในงานตะทิงยุดไปโดยปริยาย หุหุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:09:24 ]

ความคิดเห็นที่ 13 พระพุทธรูปตามวัดวาอารามในเมืองพม่า จะมีเอกลักษณ์อีกอย่างนึงก็คือ การนืยมเอาแผงไฟฟ้าวิบๆวับๆมาติดประกอบทำเป็น “ประภามณฑล” หรือรัศมีสว่างไสวรอบๆเศียรพระแบบนี้ล่ะครับ ฮิตกันมากๆ รัศมีไฟวิ่งนี่ก็ทำเป็นแบบต่างๆแทบไม่ซ้ำกันเลย... ผมเคยไปอ่านเจอใน Guidebook ของฝรั่งเล่มนึงว่า พวกนักท่องเที่ยวฝรั่งเขามีการจัดอันดับรางวัล “Special Effect” สำหรับรัศมีไฟฟ้าประกอบพระพุทธรูปพม่าแบบนี้ด้วยนะครับ ที่หนึ่งที่ได้รับการโหวตว่าเป็น “The Best Special Effect” นั้นเป็นรัศมีไฟฟ้าของพระพุทธรูปที่วัดแห่งหนึ่งในเมืองมัณฑเลย์ครับ นัยว่าแผงไฟที่นั้นอะร้าอร่ามวูบวาบเตะตาฝรั่งมากที่สุด เลยเทโหวตให้กันไม่คิดชีวิต อะไรจะขนาดนั้นเนี่ย เหอๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:10:00 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อความมืดของช่วงค่ำเข้ามาถึง ที่พระเจดีย์ชเวดากองนี่ก็หาได้มืดมิดไม่ กลับยิ่งสว่างไสวยิ่งขึ้นนะครับ เพราะวันนี้จะมีการทำพิธี “เวียนโคม” รอบพระเจดีย์ครับ...เวียนโคมทางพม่าก็คล้ายๆเวียนเทียนของไทยเรานี่ล่ะครับ เพียงแต่ทางพม่าเขาจะจัดในช่วงเทศกาลตะทิงยุด และใช้เทียนจุดในโคมกระดาษแก้วเป็นสำคัญครับ ตอนผมไปขอถ่ายรูป พี่ๆน้าๆเซ็ตนี้มีแอบเขินกันด้วยนะครับ หุหุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:10:36 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เริ่มจัดกระบวนตั้งแถวกันแล้ว...เดี๋ยวมาชมกันนะครับว่าพิธีเวียนโคมพม่า จะเหมือนเวียนเทียนของไทยกันมั้ยครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:11:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อุ๊ย !!! หัวหน้าทัวร์มาแล้ว ขอนั่งหน้าเลยแล้วกันนะจ๊ะ น้องหนุ่มฯ จากคุณ : ไก่แก่แม่ปลาช่อน - [ 21 ต.ค. 51 00:11:21 ]

ความคิดเห็นที่ 17 หัวกระบวนเริ่มจากเครื่องประโคมดนตรีสำหรับพิธีกรรมครับ มีคนเป่าสังข์นำหน้าเพื่อขับไล่สิ่งอัปมงคลให้พ้นไป ตามมาด้วยฆ้องใบใหญ่ และระฆังกังสดาล (ระฆังใบบัว) แถมด้วยกลองรัวใบโตอีกนะครับ ป.ล. Selamat Malaam ครับคุณครูลิลลี่ เอ๊ย พี่ไก่แก่แม่ปลาช่อน...อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:12:42 ]

ความคิดเห็นที่ 18 จากนั้นก็เป็นขบวนอุบาสก – อุบาสิกาถือโคมเดินตามกันมาเป็นทิวแถวครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:13:19 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ที่แปลกก็คือมีต้นคริสต์มาสด้วยครับ ??? จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:14:04 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เอ้ย ไม่ใช่นะครับ...อันนั้นก็คือ “เจดีย์ไฟฟ้า” ครับ ก็คือโครงรูปจำลองของพระเจดีย์ชเวดากอง ประดับได้ไฟฟ้าหลายสีแบบนี้อ่ะครับ ดูแปลกไปอีกแบบ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:14:41 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขบวนจะเวียนรอบพระเจดีย์ประมาณ 2 รอบนะครับ ไม่ใช่ 3 รอบอย่างเมืองไทย...นี่ก็แปลกเหมือนกันครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:15:29 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขบวนเวียนโคมวันนี้นี่คนเยอะมากๆครับจนแถวค่อนข้างยาวทีเดียว แทบจะมีการน็อครอบเลยนะครับเนี่ย หุหุ ผมสังเกตดูว่าถ้าคนในขบวนเวียนโคมเป้นกลุ่มคนวัยผู้ใหญ่ ก็จะตั้งใจเดินพร้อมสวดมนต์ไปด้วยอย่างพร้อมเพรียงกัน แต่ถ้าเป็นขบวนเด็กหนุ่มเด็กสาววัยรุ่นหน่อย มักจะติดหยอกล้อกันเองซะมากกว่าจะสวดมนต์ อันนี้ก็เป็นธรรมชาติของวัยรุ่นนะครับ คล้ายประเพณีไทยสมัยก่อนที่หนุ่มๆสาวๆจะมาหยอกล้อพบปะกันในงานวัดอ่ะครับ... ผมเป็นวัยรุ่นมาก่อน ผมรู้ดีครับ อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:16:17 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เวียนโคมกันเสร็จก็ชวนกันเอาโคมทั้งหลายมาตั้งแลแขวนถวายตรงจุดที่วัดจัดให้ครับ ตรงนั้นก็คือลานหินอ่อนที่เคยเป็นจุดอธิษฐานของพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองนั่นเอง จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:17:02 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ดูสีหน้าแต่ละคนก็ปลื้มอกปลื้มใจกันทั้งนั้นล่ะครับ บรรยากาศชื่นมื่นอิ่มบุญดีแท้ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:17:40 ]

ความคิดเห็นที่ 25 โคมเยอะจริงๆนะเนี่ย...สวยไปอีกแบบนึงครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:18:14 ]

ความคิดเห็นที่ 26 วัสดุธรรมดา ประดิษฐ์กันง่ายๆ แต่ดูดีทั้งนั้นเลยล่ะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:19:09 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เสร็จจากพิธีเวียนโคม ก็มาถึงไฮไลท์อีกอย่างนึงของคืนนี้ ก็คือการจุดประทีปนับพันดวงรอบพระเจดีย์ชเวดากองนี่ล่ะครับ... ช่วยกันจุดคนละไม้คนละมือ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:19:51 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แสงสว่างเกิดขึ้นเพื่อน้อมเป็น “พุทธบูชา”... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:20:34 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ถ้วยตะคันใบน้อย หยอดน้ำมันไว้นิด เติมไส้เชือกตีนกา แล้วจุดสว่างด้วยเปลวไฟ...เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการถวายแสงสว่างเป็นพุทธบูชา เนื่องในวันออกพรรษาของพม่าครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:21:13 ]

ความคิดเห็นที่ 30 บางช่วงก็ใช้เทียนไขแทนถ้วยตะคัน...แต่ความสว่างไสวนั้นงามเสมอกันทั้งสองแบบครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:21:51 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คืนวันนั้น รอบพระมหาเจดีย์ชเวดากองก็เลยมี “วงแหวนส่องสว่าง” ที่เกิดจากประทีปนับพันๆดวงที่จุดรับเสด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามตำนานที่เล่าไว้นี่ล่ะครับ ดูสว่างไสวสวยกว่าที่เราเห็นในคืนวันอื่นมากๆ บรรยากาศก็ดีจริงๆครับ ต้องมาเห็นด้วยตาสวยกว่าในรูปนี้เยอะเลย ผมว่าคุ้มค่าแล้วครับที่ได้มาร่วมงานเทศกาลตะทิงยุด เทศกาลแห่งความสว่างไสวของชาวพม่า...ปีนึงมีครั้งเดียวเองนะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:22:41 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คืนนั้นก็เลยหลับสบายทั้งอิ่มตาอิ่มใจและอิ่มบุญเป็นเลยครับ.... “๑๔ ค่ำเดือน ๑๑ ณ เจดีย์ชเวดากอง” จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:23:35 ]

ความคิดเห็นที่ 33 อย่างบอกไว้ล่ะครับ ทริปพม่าคราวนี้มาสั้นๆเป็นแบบมินิๆ อยู่แค่ 24 ชั่วโมง ค้างคืนเดียว รุ่งขึ้นเช้าวันออกพรรษาก็บินกลับบ้านเราเลยครับ...มีใครจะบ้าทำได้อย่างผมมั้ยเนี่ย หุหุ หลังจากฟาดบุฟเฟ่ต์มื้อเช้าจนเต็มอิ่มอย่างว่องไว ก็หาแท๊กซี่เรียกจากหน้าโรงแรมไปสนามบินเลยครับ ต่อราคาไปมาได้ที่ 5 USD กับอีก 500 จ๊าด เพราะผมมีเงินย่อยแค่นั้นล่ะครับ...พอถึงสนามบินแล้วผมก็แถมน้ำดื่มที่หยิบมาจากบนห้องพักให้โชเฟอร์ขวดนึง พี่แกยิ้มแก้มปริราวกับได้ทิปเชียว หุหุ แอร์เอเชียไฟลท์เช้าสู่กรุงเทพฯ มาตรงเวลาหายห่วงครับ แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 51 16:19:08 จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:24:10 ]

ความคิดเห็นที่ 34 แอร์มาเก๊ามาถึงย่างกุ้งด้วยหรือนี่ สีสวยน่ารักดีครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:24:42 ]

ความคิดเห็นที่ 35 แล้วผมกับบิดาก็เสร็จสิ้นภารกิจตระเวนไหว้พระ 24 ชั่วโมงก่อนออกพรรษาในนครย่างกุ้ง เหินฟ้ากับหางแดงเจ้าเก่ากลับสู่แผ่นดินสยามล่ะครับ... ข้างล่างที่เห็นเป็นวงๆนั่นก็คือ “คุกอินเส่ง” เรือนจำอันดับหนึ่งของประเทศพม่าครับ คงไม่ต้องบรรยายมั้งว่า “ที่นั่นโหดมั้ย”...เอาเป็นว่าขอให้อย่าได้เข้าไปอยู่ในนั้นละกันนะครับ หุหุ แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 51 16:16:06 จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:25:27 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผมขอจบทริปรีวิวสั้นๆแบบสั้นๆง่ายๆว่า “ประทับใจ” เช่นเคยนะครับ ประเทศพม่านี่จะมายาวๆเป็นสิบวัน หรืออยู่สั้นๆแค่ 24 ชั่วโมงแบบผมนี่ ก็ได้สิ่งดีๆความรู้สึกดีๆกลับไปเสมอครับ โดยเฉพาะงานบุญเทศกาลทั้งหลายที่เติมเต็มความงามของวัดวาอารามและพระเจดีย์ที่งดงามอยู่แล้ว ให้มีชีวิตชีวาและน่าประทับใจยิ่งขึ้นไปอีกล่ะครับ...เห็นด้วยกับผมมั้ยล่ะครับ ขอบคุณทุกท่านนะครับที่มาเยี่ยมชมกระทู้รีวิวของผมนะครับ...บุญรักษาครับ (ยืมคำพูดคุณลาบไก่ใส่ตับหมูมาใช้นิดนึง อิอิ) จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 ต.ค. 51 00:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 37 รู้ได้ไงค่ะว่าเป็นครูลิลลี่ ก็ยังดีนะ ไม่เรียก  "อาจารย์แม่" *    *    *    *    *    *    * ลืม...  อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 51 02:21:28 จากคุณ : ไก่แก่แม่ปลาช่อน - [ 21 ต.ค. 51 02:12:35 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อู๊ยยยย สวยอ่ะ พระเจดีย์ชเวดากองตอนกลางคืนนี่สวยกว่าตอนกลางวันเป็นไหนๆ ... จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 ต.ค. 51 09:55:28 ]

ความคิดเห็นที่ 39 งดงามจริงๆ ค่ะ ^ ^ จากคุณ : ณ วันหนึ่งเราจะมาพบกัน - [ 21 ต.ค. 51 10:49:22 ]

ความคิดเห็นที่ 40 โหววว ชเวดากองมีต้นคริสตมาสด้วย 555 พิธีจุดประทีปงดงามมากๆ คะ ดูคลังมากๆ จากคุณ : Daijobudai - [ 21 ต.ค. 51 14:06:19 ]

ความคิดเห็นที่ 41 งดงามเกินบรรยาย จากคุณ : ข้าวเสาไห้ - [ 21 ต.ค. 51 15:16:35 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เต็มอิ่มเลยค่ะ กับชเวดากอง..... สักวันหนึ่งต้องไปให้ได้ค่ะ จากคุณ : Red Leaves - [ 22 ต.ค. 51 01:34:20 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อนุโมทนาบุญ ด้วยครับ กระทู้นี้ทำให้ผมเกิดกิเลส อยากไปไหว้พระธาตุครับ 555+ จากคุณ : ever rich - [ 22 ต.ค. 51 11:36:32 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อยากไปมั้งจังงงงงงงงง จากคุณ : คิม (KheMai) - [ 22 ต.ค. 51 17:13:35 ]