 |
ดอยหลวงเชียงดาว ในวันฝนพรำดอย ในคืนขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๒ และ Postcard ฉบับแรกอีกครั้งของตัวเอง...
กิ่วลม วันที่ ๒ พฤศจิกา >>>ผมเดินคล้อยหลังเพื่อนทุกคนในกลุ่ม เนื่องด้วยตัวเองเป็นคนเดินช้า และมักจะแวะถ่ายรูปนานๆ ผมพบกับเพื่อนใหม่สามคนกำลังเดินลงจากกิ่วลม ก็เลยทักเพื่อนใหม่ทั้งสามคนไปดังๆว่า หิวข้าวจังเลย.... >>>ผมเห็นว่าเพื่อนใหม่ทั้งสามกำลังเดินลง เลยลืมหิวข้าว อิ่มทิพย์ด้วยมิตรภาพใหม่ แต่แล้วก็โดนต้อนรับเพื่อนใหม่ด้วยการโดนผึ้งป่าต่อยหนึ่งตัว แล้วเราก็เดินลงด้วยกัน >>>เราเจอกันอีกครั้งตอนขึ้นยอดดอยหลวงเชียงดาว ผมเจอกันกับเกือบทั้งกลุ่มที่มาด้วยกัน... คุ้นหน้าคุ้นตากันมากขึ้น และได้ถ่ายรูปร่วมกันในวันฟ้าปิดบนยอดดอยหลวง
ระหว่างเดินขึ้นยอดดอยหลวงอีกครั้ง วันที่ ๓ พฤศจิกา >>>ผมขึ้นยอดดอยหลวงอีกครั้ง ระหว่างทาง เดินผ่านเต็นท์ก็เลยชวนเพื่อนไปขึ้นยอดดอยกันอีกครั้ง
ตัวเมืองเชียงใหม่ - วันนี้ ๔ พฤศจิกา >>>ผมพบว่าตัวเองมีความสุขที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่มอบของขวัญทางความรู้สึกให้กันเป็นตัวอักษร ผมคิดไม่ถึงว่าจะมีการรวมกลุ่มขึ้นมา... ผมเคยเสียดายกับกล่องจดหมายของตัวเองที่หายไปตอนตัวเองไปเป็นทหารเกณฑ์ จดหมายที่เขียนตอนเรียนมหาวิทยาลัยทั้งสี่ปี หายเกลี้ยง ลองคิดดูครับว่า จดหมายของคนดีของความรู้สึกของผม จดหมายของน้องๆ ที่ผมเป็นพี่เลี้ยงค่ายหลายค่าย ซึ่งตอนนั้นอายุน้อยๆ เรียนมัธยม แต่ตอนนี้ บางคนมีครอบครัวมีลูก บางคนเป็นคุณหมอที่น่ารัก บางคนมีไร่นาของตัวเอง... ทุกฉบับมีคุณค่ากับผมมากมาย ... ในกล่องจดหมายนั้น ผมเก็บไว้ทั้งจดหมายที่ได้รับ และจดหมายที่ผมส่ง ผมถ่ายเอกสารจดหมายทุกฉบับที่ผมเขียนส่ง จำได้ว่ามีความสุขทุกครั้ง ที่ได้กลับมาอ่านทั้งจดหมายที่ผมเขียน และ จดหมายที่ผมได้รับ >>>ผมมักจะตอบคำถามผู้คนที่ตั้งคำถามผมเสมอว่า ในชีวิตที่ผ่านมา เคยเสียใจเสียดายอะไรมากมายบ้างมั้ย ผมก็ตอบไปทันทีว่า สิ่งหนึ่งที่เสียใจและเสียดายที่สุด คือกล่องจดหมายฉบับนั้น ... ผมไม่ทราบว่าผู้ที่ได้รับฟังคำตอบ จะเข้าถึงความรู้สึกผมบ้างหรือเปล่า แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่า เพื่อนในบ้านหลังนี้ เข้าใจความรู้สึกผมแน่นอนครับ
>>>ขอบคุณครับ - พี่อ๊อฟ สาวน่าน ผู้ที่ขึ้นยอดดอยหลวงกับผมอีกครั้ง ในเช้าวันนั้น และผมก็ได้ใช้เลนส์ไวด์ ถ่ายรูปให้ - พี่อ๋อย ผู้ที่ถ่ายทอดเรื่องราวน่ารักอบอุ่นมากมายในบ้านหลังนี้ให้ผมได้รับทราบ - น้องแอม ซึ่งผมเดินผ่านเธอไปในวันเดินลงจากภูเพราะคิดว่าเธอนั่งพัก แต่มาเสียใจที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ที่ได้มารู้ทีหลังว่าน้องกำลังเท้าแพลง และจอย ที่เพิ่งได้คุยกันตอนลงเกือบจะถึงตีนภู...ผมจำไม่ได้ว่า นานเท่าไรแล้ว ที่ผมคุยกับผู้หญิงแล้วผมต้องหลบตา แต่ผมเป็นเช่นนั้นอีกครั้งตอนคุยกับจอย...
ขอบคุณครับ เพื่อนพ้องน้องพี่ทุกคน ที่ทำให้เราทั้งหมดได้เจอกัน....
>>>จริงๆแล้ว ถ้าเรื่องราวในหนังสือเพชรพระอุมาเป็นความจริงทั้งหมด ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๒ จะเป็นวันที่เกิดปรากฎการณ์สำคัญสำหรับทุกคนที่ใฝ่ฝันถึงการเดินทางสู่ขุนเขาพระศิวะ สู่มรกตนคร ผู้ใดได้อยู่บริเวณเนินพระจันทร์ในวันนั้น...ก็จะเห็นปรากฎการณ์ตามลายแทงของมังมหานรธา แม่ทัพพม่าที่เขียนไว้ว่า " ปิ่นพระศิวะฉายแสงเรืองรองขึ้นเมื่อได ถันพระอุมาจะปรากฏให้เห็น ให้ตัดทางไปยังถันพระอุมาเบื้องซ้าย แล้วจะเห็นถนนพระศิวะ จากต้นทาง เดิน ๓ วัน ก็จะถึง มรกตนคร "
>>>ในหนังสือ มังมหานรธาเขียนลายแทงฉบับนี้ไว้เมื่อประมาณ ๔oo ปีก่อน จนกระทั่งวันนี้ผมไม่รู้ว่าจะมีใครได้เห็นปิ่นพระศิวะ เพื่อตัดทางไปยังมรกตนครบ้างหรือเปล่า...ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้
>>>ถ้าปีนี้อากาศไม่ปิด ผมคงจะมีความสุขมากมาย ที่แทบอธิบายความรู้สึกตัวเองไม่ได้... หากพระจันทร์เสี้ยวของคืนขึ้น ๕ ค่ำเดือน ๑๒ คล้อยต่ำจากฟากฟ้าลงมาเรื่อยๆ วินาทีที่จันทร์เสี้ยวแตะยอดเขา ผมไม่อยากจินตนาการว่าจะเกิดปรากฎการณ์อะไรบ้าง และคงไม่จินตนาการไปถึงว่าจันทร์เสี้ยวจะกลับกลายเป็นปิ่นผมของพระศิวะ... แต่วินาทีนั้น วินาทีที่จันทร์เสี้ยวแต้มยอดเขาผมคงมีความสุขไม่น้อยที่ได้เห็น....
>>>ผมกับเพื่อนใหม่ของผม... เราจากลากันในเวลาที่ผมกำลังยืนถ่ายรูปดอยหลวงเชียงดาวอยู่ริมถนนตีนดอย และเป็นเวลาที่เพื่อนใหม่ของผมกำลังนั่งรถสองแถวผ่านผมเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่...
>>>ถ่ายรูปเสร็จ ผมเดินทางต่อไปขึ้นรถ... วินาทีนั้น ผมเห็นจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้า...แม้จันทร์ยังไม่ได้คล้อยลงมาแต้มยอดเขา... แต่เคียงข้างจันทร์ ดวงนั้น กลับมีดาวดวงน้อยแทน...
>>>ค่ำคืนนี้ ผมไม่เห็นปิ่นพระศิวะ แต่ผมได้เห็น จันทร์รูปเคียว คอย เกี่ยวดาวน้อย....แสนสวยงามทดแทน
>>>ผมไม่ได้เขียน โป้ดการ์ดเนิ่นนานแล้ว กลับเมืองหลวงคราวนี้ผมคิดออกแล้วว่าจะเขียนและส่งโป้ดการ์ดฉบับแรกของผมอีกครั้งให้ใคร...
จากคุณ :
เอ้ครับบ
- [
4 พ.ย. 51 17:48:35
]
|
|
|
|
|