 |
ส่งการบ้านค่า เที่ยวซิดนีย์ 9 วันแบบชิลๆ : เจาะลึก Barrack Museum&St.Mary Church{แตกประเด็นจาก E7160825}
สามกระทู้ผ่านไปก็ยังไม่หมดที่เที่ยวกันเลยนะคะ แบบว่าเที่ยวชิลๆนี่ก็ไปมาหลายที่เหมือนกันนะเนี่ย
หลังจากที่กระทู้ที่แล้วพาเดินถนนแม็คไควรี่แล้ว ตอนนี้ขอเจาะลึกสถานที่เที่ยวกันบ้างนะคะ
ที่แรกที่จะพาไปชมก็คือ Barrack Museum ซึ่งก่อนหน้าที่จะเข้าไปชม บุ๊กจังก็ไม่รู้เลยว่ามันช่างมีความสำคัญเหลือเกิน ตอนแรกก็นึกว่าเป็นคุกธรรมดา แต่ทางเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ได้เล่าให้ฟังตั้งแต่เริ่มแรก ก็ทำให้เข้าใจอะไรมากขึ้น ซึ่งก็ถือได้ว่าตึกหลังอยู่คู่ประวัติศาสตร์ของซิดนีย์มาแต่ต้นจนปัจจุบันก็ว่าได้
เท่าที่ทราบ ตึกนี้สร้างขึ้นทีแรกเพื่อเอาไว้เป็นที่นอนของนักโทษ ในตึกก็จะมีแต่ห้องแล้วก็เป็นเตียงเปลตั้งเรียงกันไม่มีอย่างอื่นเลย ส่วนเจ้าหน้าที่ก็จะอยู่ตึกที่ถัดออกมาทางด้านซ้ายมือ
หลังจากที่ได้สร้างเมืองไปประมาณนึงแล้ว ซิดนีย์ก็เกิดปัญหาว่าขาดแคลนผู้หญิงค่ะ ทั้งเป็นแรงงานสาวใช้ และเอาไว้แต่งงาน ประจวบกับว่าตอนนั้นทางไอร์แลนด์เกิดแห้งแล้งขาดแคลนอาหาร คนอดตายกัน รัฐบาลอังกฤษจึงได้คิดโครงการที่จะให้ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย คือโครงการส่งเด็กผู้หญิงชาวไอร์แลนด์ไปทำงานที่ออสเตรเลีย และก็จัดที่พักให้ที่ตึกหลังนี้นี่เอง
เรือลำแรกที่มาถึงซิดนีย์เต็มไปด้วยเด็กหญิงกำพร้าชาวไอร์แลนด์ โดยที่นายจ้างที่ต้องการแรงงาน จะต้องมาลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่เสียก่อน แล้วจึงสามารถเข้าไปในตัวตึกเพื่อสัมภาษณ์งานได้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพ (เช่นแม่เล้า) มาหาประโยชน์กับเด็กได้ เมื่อทำการสัมภาษณ์แล้ว ก็เป็นการตกลงการจ้างงานกัน เด็กมีสิทธิที่จะปฏิเสธงานได้ และเด็กจะสามารถอยู่ที่บ้านพักได้ตราบที่ยังหางานไม่ได้ หรือเมื่อหางานได้แล้วแต่โดนไล่ออก ภัณฑารักษ์เล่าให้พวกเราฟังว่า เฉลี่ยแล้ว เด็กคนหนึ่งจะใช้เวลาประมาณหกสัปดาห์ในการหางาน
แต่แผนที่เหมือนจะวางไว้เป็นอย่างดีก็ไม่ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น ภัณฑารักษ์เล่าให้เราฟังต่อว่า ตัวเค้าเองก็เพิ่งจะได้พบเอกสารบางอย่างที่บอกว่า โครงการนี้ทำให้เกิดกระแสการต่อต้านเชื้อชาติไอริชอย่างรุนแรงในสังคมซิดนีย์สมัยนั้น เนื่องจากว่า ถึงแม้ว่าโครงการนี้จะมีต้นคิดมาจากทางนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ แต่ผู้ออกค่าใช้จ่ายการเดินทางและการเลี้ยงดูเด็กผู้หญิงเหล่านี้ก็คือภาษีของชาวซิดนีย์นั่นเอง และก็ต้องยอมรับว่าไอร์แลนด์เป็นประเทศที่ไม่เจริญเท่าอังกฤษ และเด็กผู้หญิงเหล่านั้นก็เป็นชาวไร่ชาวนาเป็นส่วนใหญ่ จึงทำงานกันไม่เป็น เหล่าผู้ดีอังกฤษที่ต้องการสาวใช้ ก็ต้องการสาวใช้ที่ทำงานเป็น ไม่ต้องการหัด ดังนั้น เมื่อเจอกับเด็กชาวนาที่ไม่รู้เรื่องราว ก็ไม่พอใจ มีหลักฐานบ่งชี้ว่า เด็กที่ได้งานไปแล้วหลายคน ต้องกลับมาอยู่ที่ Barrack อีกเพราะนายจ้างไม่ต้องการจ้างไว้อีก นี่ก็เป็นเหตุผลนึงที่ทำให้เรือลำหลังๆที่นำแรงงานหญิงมา จะเป็นแรงงานสัญชาติอังกฤษ แทบไม่มีชาวไอร์แลนด์
หลังจากนั้น ตึกหลังนี้ก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นที่ทำงานของศาล มีการสร้างตึกด้านนอกล้อมรอบเพื่อทำเป็นศาล และต่อมาก็เปลี่ยนให้เป็นที่ทำงานของราชการมาจนถึงปัจจุบัน
หากเริ่มเดินกันจากด้านนอกตัวพิพิธภัณฑ์ จะแบ่งเป็นด้านในตัวตึกกับด้านที่ติดริมรั้ว ในตัวตึกตรงกลางจะเป็นส่วนที่ต้องเสียเงินเข้าไปดู แต่ด้านนอกสามารถเดินชมได้ฟรี (ถ้าเปิดทำการ) เมื่อเดินเข้าไปก็ขอให้วนทางด้านซ้าย ก็ตรงป้อมด้านหน้าข้างๆประตูนั่นแหละค่ะ เดินเข้าไปเค้าก็จะมีคำบรรยาย พร้อมโชว์หลักฐานทางโบราณคดีว่าแต่ก่อนป้อมนี้เอาไว้ทำหน้าที่อะไร
ตรงหัวมุมด้านซ้ายเค้าจะเขียนว่าเป็นห้องขังเดี่ยว แต่ตอนนี้เหมือนว่ากลายเป็นคาเฟ่ไปซะแล้ว
ตึกด้านนอกทางด้านซ้ายมือจะมีส่วนที่เดินเข้าไปดูการขุดค้นทางโบราณคดีได้ คนชอบของเก่าๆอย่างเราก็กรี๊ดเลยสิคะ เค้าจะขุดพื้น ลอกผนังออก ทำให้เห็นว่าแต่ก่อนห้องนี้เคยเป็นอะไร ถูกเปลี่ยนเป็นอะไร ฯลฯ
ถ้าหากเดินไปเรื่อยๆจะพบกับศาลเลขที่ 24 ซึ่งเค้าจะเปิดไว้ให้คนเข้าไปดูว่าแต่ก่อนหน้าตาของศาลเป็นยังไง ที่นั่งไหนเป็นที่นั่งของใคร โดยเค้าจะมีแผ่นข้อมูลวางไว้ให้หยิบไปอ่านได้ เราอ่านเจอที่หนึ่งก็ขำดี คือเค้าบอกว่า มีอยู่ช่วงนึงที่การระบายอากาศมันแย่มาก ทำให้คนในศาล หลับกลางวันกันเป็นแถว แหม ไม่เคยรู้เลยว่ามันเป็นเพราะอย่างนี้ มิน่า เวลาเรียนแล้วได้หลับในห้องทุกทีเลยสิน่า ออกจากศาลเลขที่ 24 มาก็จะเจอกับตึกทางด้านหลัง เค้าก็จะเขียนว่าเป็นห้องพักพยาน ฯลฯ มีห้องน้ำให้เข้าด้วย หน้าห้องน้ำจะมีกระบะแมวอยู่ ป้ายติดว่า ตรงนี้เป็นที่อยู่แมวสามตัว ซึ่งเป็นแมวของทางพิพิธภัณฑ์ สามารถเล่นด้วยได้ หรือนำอาหารมาให้ก็ได้ น่ารักมากมายค่ะ แต่เสียดายว่าตอนนั้นแมวสามตัวหายหัวไปหมดเลย -_-“
ถึงตรงนี้ ก็จะเดินอ้อมหลังตึกมาออกทางด้านขวาของพิพิธภัณฑ์ ที่กำแพงด้านนอกก็จะเป็นรูปปั้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้แก่สาวไอริชที่มากับเรือลำแรก ก็ทำเป็นโต๊ะ เก้าอี้ มาชามช้อนส้อม แต่เราก็ไม่เข้าใจความหมายหรอกค่ะ ก็ได้แต่ถ่ายรูปแล้วก็เดินชมนิดหน่อย
จากคุณ :
booklovers
- [
9 พ.ย. 51 11:42:55
]
|
|
|
|
|