 |
มาแชร์ประสบการณ์ขอวีซ่าญี่ปุ่นแบบไม่มีงานประจำค่ะ
สวัสดีค่ะ
พักนี้เห็นมีกระทู้ถามถึงการขอวีซ่าญี่ปุ่นเยอะเลย เราเองก็เป็นคนนึงที่ตามอ่านอยู่สม่ำเสมอ เพราะมีแผนจะไปสิ้นเดือนนี้
เราอยู่เหนือ ต้องไปขอวีซ่าที่สถานกงสุลใหญ่ที่เชียงใหม่ค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า เราเองไม่มีงานประจำ ทำธุรกิจเล็กๆน้อยๆ ไม่มมีทะเบียนการค้า ทะเบียนพาณิชย์ใดๆ หาอ่านกระทู้ในนี้ก็ได้ความว่า ให้เขียนหนังสืออธิบายลักษณะงานที่ทำและที่มาของรายได้แนบไป เราก็แนบไปตามนั้น โดยเอกสารที่เรายื่นก็มี -พาสปอร์ตทุกเล่มที่มี -ทะเบียนบ้านและสำเนา -สมุดบัญชีพร้อมสำเนาทุกหน้า -หนังสืออธิบายลักษณะงานที่ว่าด้านบนน่ะค่ะ
พอไปยื่น เจ้าหน้าที่ก็ทำหน้าหนักใจพอประมาณ แล้วก็ถามว่าธุรกิจคุณ ( บ้านเช่า) มีเอกสารยืนยันเช่น สัญญาเช่ามั้ย ไอ้เราก็ลืมคิดไปเลยจริงๆ ไม่ได้แนบไป ด้วยคิดน้อยหรือคิดไ่ม่ถึงก็ไม่ทราบได้ ทำไมไม่นึกถึงเรื่องนี้เลย ก็บอกว่ามีค่ะ ไม่ได้เอามา ส่งตามมาได้มั้ย
คำถามต่อมาคือ ไปคนเดียวรึเปล่า ไปทำอะไร พูดภาษาญี่ปุ่นได้มั้ย เราก็บอก จริงๆ แล้วไปกับพี่ พี่ไปทำงาน แต่ว่าเขียนว่าไปเองคงยุ่งน้อยกว่าเพราะไม่ต้องเตรียมและรอเอกสารจากพี่ด้วย ปรากฏว่าคิดผิดอีกแล้ว เค้าเลยบอก งั้นเอาหน้าพาสปอร์ตและวีซ่าของพี่มา พร้อมทั้งทะเบียนบ้านเพื่อยืนยันว่าเป็นพี่น้องกันจริงๆ เราก็บอกว่าไม่อยากรอเอกสารทางโน้น ขอแบบนี้ไม่ได้เหรอ เค้าบอกว่าที่แนะนำเพราะอยากให้มีโอกาสผ่านเยอะๆ เราก็อิดออดพองามและรับปากได้ค่ะ
จากวันจันทร์ที่เราไปยื่น กว่าจะได้เอกสารวีซ่าของพี่มาก็วันศุกร์ เราก็ส่งไปเพิ่ม พอวันอังคารถัดมา เราก็ได้รับโทรศัพท์ ตอนนั้นดีใจมากคิดว่า เค้าโทรมาแจ้งให้ไปรับเล่มแน่เลย ปรากฏว่าผิดอีกแล้วค่ะ โทรมาสัมภาษณ์เพิ่ม ทีนี้เลยเริ่มหมดหวัง คิดว่า ไม่ได้แน่แล้ว ไม่เป็นไร ไว้ไปที่อื่นก็ได้ ก่อนว่างสาย เจ้าหน้าที่บอกวันศุกร์บ่ายให้โทรมาถามว่าไปฟังผลได้รึยัง เราก็ค่ะๆ
วันพฤหัสฯ ด้วยความร้อนใจเพราะเดดไลน์ออกตั๋วสี่โมงเย็นของวันศุกร์ เราก็โทรไปถามเค้า เค้าบอกว่า ต่างจังหวัดอนุโลมให้โทรถามช่วงเช้าได้ เพราะบ่ายจะได้มารับทัน แล้ววันนี้เช้าก็ได้โทรไปถามค่ะ เค้าบอกมาฟังผลได้บ่ายนี้
ตอนขับรถไป ใจก็คิดหมดหวังแน่แล้ว บอกตัวเองว่าเอาน่า ไม่ได้ก้ไปที่อื่น ตอนรู้ผลจริงๆ จะได้ไม่เศร้ามาก ไปถึงเอาบัตรคิวไปยื่น ไม่กล้าถือตังค์ขึ้นมาด้วยซ้ำ กลัวไม่ได้จ่าย ตอนเข้าไปรับยื่นใบนัด จนท ก็บอกว่าเก้าร้อยบาทค่ะ เราก็ยังไม่กล้าดีใจนะ กลัวเค้าดูผิดคน พอได้เล่มแล้วเค้าเปิดหน้าวีซ่าให้ดูนั่นแหละ ถึงค่อยโล่งงงง เฮ้อ สำเร็จ เราก็เลย ขอบคุณเค้าไปหลายๆทีเลย นึกว่าอดซะแล้ว
นี่ล่ะค่ะ จบแล้ว สรุปก็ผ่านมาได้้วยดี
ประสบการณ์วีซ่าเาอาจะระทึกเล็กน้อย เพราะใช้เวลาถึง สองอาทิตย์ค่ะ
**นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า วีซ่าญี่ปุ่นไม่ยากอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ง่ายเลย ลุ้นระทึกดีจริงๆ สารภาพเลยว่าเราคิดว่าจะง่ายกว่านี้ เพราะพาสปอร์ตเราก็ไม่ขาว มีวีซ่าสองหน้า และตราประทับจากประเทศเพื่อนเพื่อนบ้านอีกประปรายค่ะ ทีแรกมั่นใจมาก แต่หลังจากเจอสัมภาษณ์แล้วหมดความมั่นใจในทันใด
เพื่อนๆ ที่อยู่ภาคเหนือ 8 จังหวัด (แต่จำไม่ได้ว่ามีจังหวัดไรบ้าง) ต้องขอวีซ่าที่เชียงใหม่เท่านั้นค่ะ เพราะเราไปขอที่ กทม. เค้าบอกให้ไปที่เชียงใหม่ เสียเวลาเล็กน้อย
ก่อนไปเช็คเอกสารให้พร้อมค่ะ เยอะๆ ไว้ก็ดี เหลือดีกว่าขาด มีอะไรเอาไปให้หมด ไม่ใช้เค้าจะคืนมาเอง เราโชคดีมากที่ จนท. เข้าใจว่าอยู่ต่างจังหวัด อนุโลมให้ส่งเอกสารตามไปได้
เจ้าหน้าที่ที่เชียงใหม่น่ารักมาก พยายามขอเอกสารเพิ่มและให้คำแนะนำช่วยเหลืออย่างดีตั้งวันที่โทรไปถามเส้นทางเลยทีเดียว
จากคุณ :
just all i need
- [
14 พ.ย. 51 18:13:13
]
|
|
|
|
|
|