 |
บันทึกการเดินทางในโตเกียว
วันนี้ว่างๆก็เลยนั่งอ่านบล๊อกเก่าๆของตัวเองที่เคยเขียนไว้ในมายสเปซ การเดินทางครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน ผมว่ามันก็ยังอ่านสนุกอยู่นะ ลองอ่านกันดูสิ ....................................................................................... เขียนไว้เมื่อวันที่ สิบแปด เมษา ปี 2550
มาเริ่มกันเลยดีกว่า วันที่7ไม่ได้นอนหรอกเพราะเครื่องบินออกหกโมง ต้องไปถึงสนามบินอย่างปลอดภัยที่สุดก็ประมาณตีสี่แหละ ไหนจะเก็บเสื้อผ้าอีก คิดโน่นคิดนี่ สุดท้ายมันก็ไม่มีเวลานอน .......... คนขับแท๊กซี่ที่นัดไว้ก็มาช้าจังเลย ตีสามครึ่งแล้วยังไม่มาอีก รอไปสักนิดเขาก็มา เกือบตีสี่แล้วนะพี่ พี่คนขับไม่รอช้า พอขนของขึ้นรถเสร็จ สารถีของเราก็รีบขับรถไปสนามบินโดยไว ........... ตอนนี้ประมาณตีห้า ถึงแล้วสุวรรณภูมิ สวยดีนะ ราคาจะกี่บาทกันเชียว ประตูทางเข้าทำสวยดีแต่เข้าลำบาก มองหาสายการบินที่เราใช้บริการ นั่นไง north west เข้าไปกันเถอะ เช็คอินกันเรียบร้อยแล้วก็รีบเดินขึ้นเครื่องกันเลย ........... ได้นั่งริมหน้าต่างด้วย ลมคงเย็นดี นั่งๆนอนๆไปเถอะ ประมาณเจ็ดชั่วโมง กว่าจะถึง อาหารบนเครื่องบินไม่เคยอร่อย มันจืดๆน่ะ อ่านเพลินไปรึเปล่า ตอนนี้ถึงสนามบินนาริตะแล้วนะ ............ คนเยอะเหมือนกันที่สนามบินนี้ เราคงต้องดื่มด่ำบรรยากาศของสนามบินนานอีกหน่อย เพราะต้องรอเพื่อนของพี่อีกคน มาเครื่องบินอีกลำนึง คิดว่าจะมาตรงเวลา เลยซื้อตั๋วรถไฟเข้าโตเกียวตรงเวลา แต่มาไม่ตรงเวลา เลยต้องล่วงหน้าไปก่อนสองคน รถไฟ skyline จาสนามบินไป Ueno ใช่เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ระหว่างทางมีฝนฟ้าคะนองกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ........... ตอนนี้ประมาณหกโมงเย็น ถึงสถานีอุเอโนะแล้ว ข้างนอกหนาวจังเลยว่ะ คงเป็นเพราะฝนนั่นแหละตัวดี คุยกันทีควันออกปากเลย รอกันไปรอกันมาขี้เกียจรอแล้ว เลยพยายามไปที่พักเลย เลยนั่งรถไปสถานี Asakusa ที่พักอยู่ใกล้กับสถานีนี้ล่ะ ไปกับพี่หนึ่งคน รวมกันเป็นสองคน ก็มึนๆกันอยู่ที่สถานีนี้ล่ะ จนถามทางคนแถวนั้นมาได้ อื่ม พอจะรู้ทางล่ะ ไปหาอะไรกินก่อน เจอร้านขายข้าวหน้าเนื้อวัว เนื้อหมู เลยลองเข้าไปกิน ร้านนี้ไม่มีความอร่อยเลยว่ะ ...ช่างเถอะกินให้พอมีแรงเดินไปถึงที่พักก็พอ ........... ก้มหน้าก้มตาเดินตามแผนที่กันไป ถึงแล้วเกสเฮ้าส์ของเรา ความรู้สึกเหมือนเจอเส้นชัยในรายการ amazing race ยังไงยังงั้นเลย ก็ขึ้นไปเก็บของในห้องก่อน ห้องก็ดูดีราคาถูกดีด้วย คืนละ600บาท (600บาทในโตเกียวเลยนะเฟ้ยหาได้ง่ายๆที่ไหน) ข้างล่างยังมีอินเตอร์เนตคาเฟ่ให้เล่นกันฟรีๆมีฟ้อนภาษาไทยอีก แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งเสียเวลากับคอมพิวเตอร์ในโตเกียว จริงไหม ตอนนี้ก็ประมาณทุ่มนึงล่ะ มาเที่ยวทั้งทีเรื่องอะไรจะมานอนตอนนี้เล่า มาถึงแล้วก็ต้องเอาให้คุ้มสิ ............. ไปรปปงหงิ ไปหาอะไรกิน ไปดูโตเกียวทาวเวอร์ในระยะไกล เพลินๆว่ะ สี่ทุ่มกว่าละ รถไฟที่นี่วันธรรมดา เที่ยวสุดท้ายหมดเที่ยงคืน รีบกลับดีกว่า ไม่งั้นหากกลับแท๊กซี่เงินที่เตรียมมาคงหมดกับแท๊กซี่แน่ๆ .............. ถึงที่พักแล้ว ห้องอาบน้ำมันก็โอเคดี มีปัญหาเรื่องการควบ+คุมอุณภูมิน้ำนิดหน่อย เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น ลำบากคนอาบ ปิดไฟนอน หมดไปแล้ววันแรกในโตเกียว ----------------------------------------------------------------------------- วันที่สองล่ะ ตื่นเช้ามาอากาศหนาวมากๆเลยวันนี้ วันนี้จะไปดูวัด ไปชิบูย่า มื้อเช้าของวันนี้คือราเมนหยอดตู้ คือหยอดเหรียญ เลือกเมนู แล้วเอาใบเสร็จไปให้พ่อครัวก็จะได้บะหมี่แสนอร่อยมาหนึ่งชาม รสชาติก็ดีนะราคาถูกด้วยเพียง300เยน(ถูกแล้วจริงๆ) แล้วไปต่อกันที่วัดอาซากุสะ บรรยากาศดี อากาศหนาว มีของขายเยอะดี ก็ไปซึมซับบรรยากาศมาสักพักนึงก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว และมีนัดกับเพื่อนของพี่ที่เป็นคนญี่ปุ่น เลยต้องนั่งรถไฟไปสถานี Omotesando มันเป็นย่ายร้านค้าเพิ่งเปิดใหม่วัยรุ่นเยอะแยะไปหมดเลย มันมาถ่ายแบบกันแถวนี้เยอะแยะ เจอเพื่อนของพี่ซะแล้วชื่อคุณ มากิ เป็นผู้หญิงล่ะน่าตาน่ารักดี แต่แต่งงานแล้ว แล้วคุณมากิก็มีเพื่อนอีกคนชื่อคุณ นามิ คนนี้ก็เป็นผู้หญิงหน้าตาก็สวยดี เราไปกินข้าวกลางวันกันเถอะ ข้าวหน้าหมูทอดร้านดัง อร่อยดีนะแต่ราคาตั้ง900เยน(แพงแหละ) สุดท้ายก็เป็นไปตามที่นึกไว้ คนไทยก็คนญี่ปุ่นก็แย่งกันจ่ายตัง สุดท้ายคนญี่ปุ่นได้เป็นคนจ่ายไป ให้คืนก็ไม่เอา นิสัยดีจัง นั่งรถไฟไปเที่ยวต่อที่ชิบูย่า .......................... ใช่แล้ว ชิบูย่า ศูนย์รวมของร้านค้ามากมาย แต่ผมต้องเดินคนเดียวว่ะ ก็พี่ๆและเพื่อนพี่ๆเป็นเพศหญิงกันไปเสียหมด เขาก็ต้องดูแต่ของผู้หญิงน่ะสิ เลยเดินคนเดียวแล้วกัน ในโตเกียวเดินยังไงก็ไม่หลงหรอก เส้นทางมันขนานกัน มีตึกใหญ่ให้สังเกตุ และอีกสองชั่วโมงเราจะมาพบกันที่ทางเข้าสถานี ก็เดินไปเถอะ ดูของไปเรื่อยๆๆ ประเทศมันเจริญดี แวะเข้าเกมเซ็นเตอร์ดูว่ามันมีอะไรแปลกๆไหม เลยลองไปเล่นเกมตีกลอง 200เยน ให้ตายสิแพงเป็นบ้า เล่นยากกว่าตีกลองจริงเสียอีก แถมพอเล่นเก่งๆแล้วก็คงตีกลองจริงไม่เป็นอยู่ดี ไปตายเอาเพลงที่สอง เลยไปคีบตุ๊กตาดูสองที ไม่ได้เลย สงสัยจะคล้ายๆตู้ที่ประเทศไทย เดินคนเดียวมันก็เบื่อๆงี้แหละ แต่ก็เดินไปเรื่อยๆจนครบสองชั่วโมงมาเจอกันที่หน้าสถานี เจอกันเพื่อบอกว่า อีกหนึ่งชั่วโมงให้ไปเจอกันอีกที่นึง ส่วนคุณมากิกับคุณนามิเขาคงเดินเมื่อยแล้วเลยกลับไป ผมจะทำอะไรดีล่ะเดินมาซะทั่วแล้ว ก็เอาให้มันชำนาญทางกันไปเลย เหมือนกับว่าเอาเวลามาทิ้งที่นี่เลยว่ะ ถ้าใครมีโอกาสได้ไป อย่าไปกับพี่ผู้หญิงเป็นอันขาด แล้วก็ไปหาไรกินแถวๆนี้แหละ สงสัยจะเป็นข้าวอะไรสักอย่าง วันนี้ลืมแฮะ พอกินเสร็จก็แวะเดินกันอีกรอบ พี่ๆเข้าไปถ่ายสติ๊กเกอร์ในเกมเซ็นเตอร์(เขาห้ามผู้ชายถ่ายว่ะ) ข้องใจกับตู้คีบตุ๊กตาเลยเอาอีกสักรอบ โชคดีคราวนี้ได้ แต่มียามเดินมาสื่อสารให้พอรู้ว่าเด็กอายุต่ำกว่า18ขวบเข้าเกมเซนเตอร์หลังสี่ทุ่มไม่ได้นะ เลยออกมารอพี่ที่กำลังถ่ายสติ๊กเกอร์อย่างเมา+มันอยู่ในร้านนั้นแหละ เพลินๆก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว รีบนั่งรถไฟกลับบ้าน นอน หมดวันที่สองไปแล้ว ------------------------------------------------------------------------------------------- วันที่สามออกต่างจังหวัด ไปฮาโกเน่ ตั้งใจว่าจะไปดูภูเขาไฟฟูจิ ตื่นแต่เช้าเชียว รีบนั่งรถไปสถานี Ueno เพื่อไปต่อรถไฟ Romance สำหรับไปฮาโกเน่ ระหวางทางมีคนบราซิลมาถามทาง (นึกว่าผมเป็นคนญี่ปุ่นหรือยังไงนะ) แล้วก็นั่งรถไฟไปประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งถึงฮาโกเน่ล่ะ ก็ไปซื้ออาหารจากร้านซุปเปอร์มาเก็ตไปนั่งกินแถวนั้น กินกันจนอิ่ม ก็หารถบัสไปไหนสักที่นี่แหละ ที่มันใกล้ๆภูเขาไฟฟูจิ นั่งไปถึงก็ต่อรถรางขึ้นภูเขาไป พอสุดรางก็นั่งกระเช้าต่อ ถึงสักที ที่ที่จะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ แต่ไม่เห็น เพราะเมฆเยอะเลยมองไม่เห็นวี่แววของสัญลักษณ์ประจำชาติญี่ปุ่นกันเลย แล้วก็ล่องเรือ อยู่แถวนั้นแหละ ที่จุดชมภูเขาไฟนี่คนไทยเยอะพอสมควรเลย วันนี้ก็เอาเวลามาทิ้งอยู่ที่ฮาโกเน่ทั้งวัน ................... กว่าจะมาถึงโตเกียวก็ค่ำซะแล้วสองสามทุ่ม ร้านขายของที่ประเทศนี้เค้าปิดไวมากๆหกโมงเย็นก็เริ่มเก็บกันแล้ว และก็มีนัดกับเพื่อนพี่อีกคนที่รปปงหงิ ชื่อคุณ โทโมะ คราวนี้เป็นผู้ชาย ก็พาไปหาของกิน จำได้ว่ากินข้าวหน้าหมูและไข่ทอด ก็อร่อยดีเหมือนกัน แน่นอนว่าต้องแย่งกันเลี้ยง แต่คราวนี้ต้องจ่ายเองแฮะโดนแย่งเลี้ยงไม่สำเร็จ ก็จะเที่ยงคืนอีกแล้ว รีบกลับบ้านนอนเถอะ หมดวันที่สามแล้ว ------------------------------------------------------------------------------------- วันที่สี่ได้คุณโทโมะและเพื่อนของเขามาเป็นไกด์นำทางให้ ที่แรกก็ไปตลาดAmiyoko street ของขายเยอะดีราคาไม่ค่อยแพง แล้วก็กินข้าวเช้าพร้อมกับชื่นชมดอกซากุระที่สวนสาธารณะอุเอโนะ แล้วก็เดินๆชมๆดอกซากุระไปเรื่อยๆ แล้วก็เดินต่อไปที่ ย่านเครื่องใช้ไฟฟ้า Akihabara(ประมาณคลองถม) แล้วก็ไปที่ห้างใหญ่ตรงย่านนั้น ก็ขายของเป็นระเบียบดีแถมมีของเยอะด้วย ชั้นขายของเล่นมันก็มีแต่ของเล่นจริงๆเลย เลยไปหยอดเอาของเล่นมาฝากเพื่อนๆสองลูก ใช้เวลาอยู่ที่นี่พอสมควรพอเย็นๆแล้วก็ไปชินจูกุ ฮาราจูกุ มันอยู่ใกล้ก้นดี ได้กระเป๋ามาหนึ่งใบ อุส่ามาทั้งทีต้องซื้ออะไรติดไม้ติดมือกลับไปบ้างสิ แล้วก็ไปหาอะไรกินที่รปปงหงิเจอเพื่อนของคุณโทโมะอีกหนึ่งคน อยู่ญี่ปุ่นดันไปกินสปาเก็ตตี้เข้าจนได้ ไม่อร่อยเลยเว้ย แถมแพงซะอีก แน่นอนมื้อนี้ยังคงแย่งกันเลี้ยง สุดท้ายชัยชนะตกเป็นของชาวไทย พี่ของผมเป็นคนเลี้ยง ก็ดี เขาอุส่าเป็นไกด์ให้เราทั้งวันก็เลี้ยงตอบแทนเขาบ้าง(พูดเหมือนเลี้ยงเองเลย) .................... ดันไปสืบทราบมาว่ามีร้านชื่อ donky เป็นร้านของเกาหลี มีของขายทุกอย่างและเปิดตลอด24ชั่วโมง ดีเลยเข้าไปซะเดินเล่นอยู่ในร้านนั้นแหละ พอจะเที่ยงคืนแล้ว ดันหาพี่ไม่เจอ เลยออกไปยืนรอสักพักนึง มันก็ไม่ออกมา เลยนั่งรถไฟกลับบ้านเอง มันก็หวั่นๆจะหลงอยู่เหมือนกัน แต่โชคดีที่ไม่เป็นใบ้เลยถามทางยามที่สถานี แล้วเชื่อไหม เสียงประกาศในรถไฟญี่ปุ่นมันไม่พูดภาษาอังกฤษ แผนที่ในรถไฟก็ด้วยมีแต่ภาษาญี่ปุ่น เลยต้องคอยดูเวลามันจอดว่ามันจอดสถานีไหน(ที่สถานีมีป้ายเป็นภาษาอังกฤษ) และถ้าไม่เห็นป้ายบอกสถานีก็คงต้องเค้นคำว่า Ueno ออกมาจากประโยคภาษาญี่ปุ่นให้ได้ ................... พอมาต่อรถไฟสายอาซากุสะค่อยสบายใจหน่อย รถไฟสายนี้มีแผนที่พร้อมไฟสัญญาณบอกเป็นภาษาอังกฤษ ถึงสถานีอาซากุสะ เดินกลับบ้าน ถึงบ้าน เอ่า!พี่ยังไม่กลับมากัน ก็เลยนอนรอสักพัก มันนั่งแท๊กซ๊กลับมา โดยโทษว่าเป็นความผิดของกุ เลยต้องจ่ายให้มันไปคนละพันเยน(เสียดายๆ) หมดวันที่สี่ ---------------------------------------------------------------------------------------- วันทั่ห้า วันนี้จะกลับแล้วนะเครื่องบินออกประมาณหกโมงเย็น เลยตื่นสายนิดหน่อยประมาณสิบโมง กว่าจะเช็คเอาท์ก็สิบเอ็ดโมงครึ่ง ไปหาอะไรกินแถวๆสถานีอาซากุสะนี่ล่ะ ดันไปกินราเมนที่ไม่อร่อยเข้าให้ ให้โคตรจะเยอะเลย แต่ไม่อร่อย กินไม่หมดว่ะ รู้สึกผิด แต่มันไม่อร่อยนี่หว่าทำไงได้ แล้วก็นั่งรถไฟไปอุเอโนะ ไปเดินที่อามิโยโกะสตรีทอีกรอบและแวะซื้อของฝากที่ร้านร้อยเยน ซื้อตั๋ว skyline ไว้แล้ว รถออก 15.15 วิ่งไปขึ้นเกือบไม่ทัน นั่งอยู่ชั่วโมงนึง แล้วก็ถึงสนามบิน แวะกินแมคที่สนามบิน เบอร์เกอร์กุ้ง+เฟรนฟราย+โค้ก เซทนึง600เยน แล้วก็ซื้อขนมกลับไปเป็นของฝาก บ้างก็กินเอง ได้เวลาขึ้นเครื่องล่ะ ได้นั่งรับลมที่ริมหน้าต่างเหมือนตอนมาจากประเทศไทย เบาะข้างหน้าว่างสองที่ พี่ของผมจึงย้ายไปนั่งคนเดียวสองที่ ที่ข้างๆผมก็เลยว่างหนึ่งที่ กลายเป็นว่าผมได้นั่งคนเดียวสองที่ เหยียดขาได้เต็มที่ ไม่ใช่สิ เต็มสองที่ต่างหาก(กว้างกว่าชั้น businessเสียอีก) 6.45เครื่องออก "สนุกดีเหมือนกันโตเกียวเนี่ย" (จะมีใครอ่านจนจบไหมนะ) ................................................................................. ขอบคุณครับ ไว้มีโอกาสจะเขียนมาให้อ่านกันอีกนะครับ
จากคุณ :
ตับอ่อน
- [
7 ธ.ค. 51 16:18:12
]
|
|
|
|
|
|