ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนอื่นขอนำเส้นทางก่อนนะครับ โดยยกเอาแผนที่มากางให้ดูกัน จากตอนที่แล้ว ผมได้ผ่านหน้าวัดเขารูปช้างของ จ.พิจิตร ผมได้มุ่งไปทางจ.พิจิตร แต่ก็เลี้ยวขวาที่ถนนอ้อมเมือง ลัดไป อ.สากเหล็ก แล้วเลี้ยวซ้าย ตรงไปยัง อ.วังทอง แล้วเลี้ยวขวาไป ยัง น้ำตกสกุโณทยาน อันเป็นน้ำตก ที่ผมไม่เคยเข้าไปชมเลย  (ทุกน้ำตกแถวนั้น เคยเข้าไปแล้วทั้งนั้นครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 16:19:47 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จากแยก อ.วังทอง ไปทางขวามือ มุ่งหน้าไปยัง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เพียงสิบกว่ากิโลเมตร ก็จะถึง น้ำตกสกุโณทยาน อันเป็นน้ำตกที่อยู่ใกล้ จ.พิษณุโลกที่สุดครับ   ทางเข้าจะอยู่ด้านขวามือ ดังในรูปนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 16:37:58 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ป้ายชื่อทางเข้าทำด้วย สวนไม้ดัด ดูยิ่งใหญ่   มีเติมต่อหน้าชื่อว่า เป็น สวนรุกขชาติ  ซึ่งแตกต่างจาก อุทยานแห่งชาติทั่วไปที่คุ้นเคย   สิ่งที่เห็นก็คือ ไม่คิดค่าธรรมเนียมในการเข้าไปเที่ยวครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 16:41:30 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ทางเข้า จะเป็นช่องเล็กๆ ด้านซ้ายของป้ายชื่อ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 16:45:13 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เลี้ยวรถเข้าไปแล้ว ท่านก็จะได้พบกับความร่มครึ้มของหมู่ไม้ ในบรรยากาศอุทยานฯ เช่นกัน  แต่อยู่ใกล้ เมืองพิษณุโลกแค่ 33 กิโลเมตรเอง  แถมเส้นทางส่วนใหญ่ ก็ยังเป็นทางราบ ไม่มีเขาวกวนสักเท่าใดนัก  เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ โดยการขี่มอเตอร์ไซด์ สไตร์สบายๆ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 16:50:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถึงแล้ว คณะของเราก็ลงจากรถ  เด็กๆ ก็เตรียมเสื้อผ้าไปเล่นน้ำอย่างที่คาดหวังทันที ทางเข้าจะอยู่ด้านขวามือ ด้านข้างป้อมรปภ.  ห้องน้ำจะอยู่ก่อนถึงทางเข้า  ค่าบริการคนละ 2 บาท โปรดทำธุระก่อนเข้าไป เพื่อความเบาสบายตัวครับ แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 51 16:58:46 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 16:56:09 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มีแผนผังภายในสวนรุกขชาติให้ดูด้วย  เส้นประด้านบนคือถนนใหญ่ สาย พิษณุโลก-หล่มสัก  เส้นลูกศรสีชมพูคือ การเดินทางเข้ามาของผม มายังลานจอดรถที่ปลายหัวลูกศรครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 17:03:59 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขยายแผนที่ในส่วนท่องเที่ยวหน่อย ก็จะเห็น ลานจอดรถ ร้านค้า ทางเข้าน้ำตก ซึ่งแบ่งเป็นสองทางแยก ไปตัวน้ำตก ที่เล่นน้ำไม่ได้ กับ แก่งไทร ซึ่งเล่นน้ำได้   โดยผมได้เลือกเดินไปชมน้ำตกก่อน แล้วค่อยๆ ใช้ทางเลียบน้ำตก (เส้นประชมพู) มายังแก่งไทรครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 17:21:54 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตรงป้อมรปภ.ทางเข้า จะมีป้ายบอกว่า ไปทางไหนแล้วจะพบอะไรครับ  ถ้าต้องการเล่นน้ำเลย ก็ให้เลี้ยวขวา  แต่ผมจะตรงไปดูน้ำตกกันก่อนครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 18:31:17 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เดินเข้าเล็กน้อยจะเจอ สำนักงานของ สวนรุกขชาติ สกุโณทยาน ครับ จัดสวนได้สวยงามดี มีคนมาถ่ายรูปกันเยอะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 18:34:20 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถัดไปอีกเล็กน้อยก็จะเห็น พลับพลาที่ประทับ ครับ  เคยรับเสด็จ ในหลวง และพระราชินี เมื่อปี พ.ศ.2501 ซึ่งพระองค์ท่านได้พระราชทานนาม "สกุโณทยาน" จากชื่อเดิม วังนกนางแอ่น ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 18:37:43 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตอนนี้ก็มาสุดทาง แล้วครับ  มองเห็นน้ำตกอยู่ข้างหน้า ไกลๆ โน้น  ตื่นเต้นเหมือนกันนะครับ  เพราะในใจคิดว่าคงจะเล็กๆ เหมือนกับ น้ำตกแก่งซอง และ ปอย ที่ผมเคยไปมาแล้ว.....  แต่พอเข้าไปใกล้ ก็ไม่ผิดหวัง ใหญ่กว่าที่คิดครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 18:44:57 ]

ความคิดเห็นที่ 13 พ้นเวิ้งป่าออกไปก็พบ ลานกว้างของน้ำตกอยู่ข้างหน้า  ตัวน้ำตกจะต่ำกว่า ระดับทางเดิน ต้องลงไปดูข้างล่างครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 18:52:09 ]

ความคิดเห็นที่ 14 นี่เป็นภาพแรก น้ำตกเต็มๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 18:56:10 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ใกล้เข้าไปอีกหน่อย เก็บภาพน้ำตกให้พอใจครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 18:59:45 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อีกรูปหนึ่ง ซูมเข้าไปให้ระทึกใจกันเล่นครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 19:01:48 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ต่อไปก็ต้องหาที่เล่นน้ำให้กับเด็กๆ ครับ  เส้นทางเลียบน้ำตก เป็นทราย เดินยากพอสมควร ถ้าหากต้องการความสะดวก ให้เลือกไปแก่งไทร แต่แรกจะดีกว่าครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 19:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มาถึงจุดเล่นน้ำแล้ว เป็นหาดทราย อ้าว... มีห่วงยางให้เช่าเล่นด้วย เหมือนกันชายทะเลเลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 19:08:03 ]

ความคิดเห็นที่ 19 หาที่เหมาะๆ เช่าผ้าใบปูพื้น เอาอาหารที่เตรียมมา นั่งทานกันเลย บรรยากาศดีมากๆ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 19:11:02 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ส่วนเด็กๆ ไม่ต้องถามเลยว่าอยู่ที่ไหน     โน่น...ลงไปเล่นน้ำ สองคน อย่างสนุกสนานแล้ว จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 19:15:26 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สำหรับผมยังไม่บรรลุเป้าหมายครับ ลองเดินสำรวจต่อไปอีก ถึงจุดที่เรียกว่า แก่งไทร ครับ พบหินขรุขระมากมายครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 19:18:37 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เดินลงไปอีก เจอลานน้ำตื้น ที่พอจะเรียกว่า แก่ง ได้ มีคนมาเล่นแถวนี้เหมือนกัน แต่มักเป็นการเดินลุยน้ำเล่นมากกว่า จุดที่เด็กๆ ของผมเล่น นั้นจะลอยคอได้ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 19:20:58 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เดินลงไปอีก ก็จะพบแก่งหินที่พอจะเดินข้ามไปได้ แบบไม่เปียก แต่ก็ต้องใช้ความระวังมาก เพราะผมถือกล้องถ่ายรูปอยู่ ในกระเป๋าเสื้อก็มี GPS คอยบันทึกเส้นทางเช่นกัน ในรูปจะมองเห็นน้ำไหลแรงๆ อยู่ไกลๆ เดี๋ยวผมจะลุยไปถ่ายภาพให้ใกล้ๆ เลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 19:27:45 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถึงแล้วครับ แบบริมไซต์ เลย แก่งไทร แห่ง สกุโณทยาน จ.พิษณุโลก  เล่นไม่ได้ ดูได้อย่างเดียวครับ แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 51 20:36:58 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 19:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ซูมกล้องเข้าไปให้เสียวขึ้นอีก (ผมไม่กล้าเข้าไปใกล้กว่าในรูปคห.24 หรอกครับ กลัวไม่ได้กลับบ้านครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 19:34:05 ]

ความคิดเห็นที่ 26 แต่ก็ยังมีคนชอบเสียว นั่งหมิ่นๆ แก่งไทร เหมือนกันครับ  คนซ้ายสุดในรูปนี่ ถ้าหากลุกไม่ดี ลื่น ก็มีหวังต้องไหลไปตามน้ำแน่นอนครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 19:36:17 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ตรงนี้ มีหนุ่มสาวคู่หนึ่ง มาปิ้คนิ้ค อย่างใกล้ชิด ริมไซต์ เลยครับ.....น่าอิจฉาจังเลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 20:26:06 ]

ความคิดเห็นที่ 28 สวยจังเลยค่ะ น้ำเยอะซะด้วยสิ จากคุณ : Picike - [ 19 ธ.ค. 51 20:28:23 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมก็เล่นสนุกกับเขาด้วย แอ๊คท่าถ่ายภาพบนกิ่งไม้ที่ยื่นออกไป  เสียว....เหมือนกันนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 20:29:41 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สวัสดีคุณ Picike ครับ มาเล่นน้ำด้วยกันนะครับ รูปนี้จะเห็นภาพที่ผมเห็นจากรูป คห.29 ครับ  สังเกตุว่า คนเราชอบไปนั่งเล่นกันใกล้ๆ น้ำตก แบบริมไซต์ ตลอด ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เดินไปก็ยาก แถมอันตรายอีก จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 20:34:08 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เด็กๆ เล่นน้ำพอหรือยัง น้ำก็เย็น เล่นนานไปเดี๋ยวจะไม่สบาย ขึ้นมากินข้าวกันเถอะ.... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 20:42:22 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เด็กๆยังไม่เลิกครับ ผมมองเห็นมีแหลมยื่นออกไปในน้ำ ผมเลยเดินอ้อมไปถ่ายภาพย้อนเข้ามาที่หาดทรายครับ เด็กๆ กำลังเล่นน้ำในวงกลมสีชมพู  ในขณะที่ ผู้ใหญ่นั่งทานอาหารบนหาด ในวงกลมสีชมพูครับ ไม่ไกลนัก พอดูแลกันได้ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 20:48:11 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมเล็งกล้องลงต่ำ เพื่อดูผิวน้ำอันใส  มองเห็นชายหาดอยู่ไกลๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 20:51:23 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ตอนนี้เลิกเล่น เก็บของเดินกลับขึ้นมาแล้ว สะดุดตาป้ายแสดงคุณภาพน้ำ เข้าใจทำ แต่คงไม่ได้ใช้แล้ว เพราะไม่มีการบอกค่าการตรวจวัด และวัดเมื่อใด โดยใครครับ  แหล่งน้ำที่อื่นๆ น่าจะเอาแบบอย่างนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 20:54:39 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ตรงนี้มี ลานน้ำพุด้วยครับ (แต่ไม่ได้เปิด) พร้อมเก้าอี้นั่งพักผ่อนโดยรอบครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 20:56:46 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เลี้ยวรถออกมาจาก ปากทางเข้า น้ำตกสกุโณทยาน ก็ประมาณ 4 โมงเย็นกว่าๆ แล้ว ผมกะจะแวะเข้าไปดูน้ำตกแก่งโสภากันหน่อย เอาคร่าวๆ ก็ได้ จากแผนที่ข้างล่างจะเห็นระยะทางระหว่างน้ำตก ทั้ง 4 ของ จ.พิษณุโลก คือ สกุโณทยาน - 15 กม. - แก่งซอง - 15 กม. - ปอย - 12 กม. - แก่งโสภา แต่ลักษณะเส้นทางล้วนเป็นเขา คดเคี้ยว ใช้เวลาเดินทางมากกว่าที่คิดครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 21:24:29 ]

ความคิดเห็นที่ 37 จากน้ำตกสกุโณทยานไป 15 กม. ก็จะพบน้ำตกแก่งซอง ด้านขวามือ(ทุกน้ำตกจะอยู่ด้านขวามือตลอด ถ้าหากขับรถจาก จ.พิษณุโลกไปยัง อ.หล่มสัก   น้ำตกแห่งนี้จะอยู่ติดถนน สามารถเห็นได้จากริมถนนเลย แต่เนื่องจาก มีร้านค้า ร้านอาหารอยู่เรียงรายตามริมถนน เราสามารถนั่งทานข้าวแล้วมองเห็นน้ำตกด้วยพร้อมๆ กันได้ด้วย  เป็นน้ำตกเล็กๆ ครับ (ผมเองก็ไม่เคยเดินลุยไปถึงตัวน้ำตก ได้แต่นั่งทานข้าวชมน้ำตกเท่านั้นครับ)   แต่ในคราวนี้ ไม่มีเวลา ผมเลยแค่จอดรถถ่ายภาพริมถนนให้ เพื่อนๆ ได้สังเกตุทราบเท่านั้นครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 21:33:21 ]

ความคิดเห็นที่ 38 จากน้ำตกแก่งซองไปอีก 15 กม. ก็จะถึงน้ำตกปอย ที่อยู่ด้านขวามือ  น้ำตกนี้ต้องขับรถเข้าไปอีก 1.5 กม. ครับ   ผมเคยไปมาแล้วเมื่อ 30 ปีที่แล้ว  เท่าที่จำได้ ก็ลักษณะคล้ายๆ กับ น้ำตกแก่งซอง ไม่ใหญ่นัก  แต่ในครั้งนี้ ผมไม่มีเวลาแวะเช่นกัน ได้แต่ถ่ายภาพทางเข้าไว้ให้ชมกันนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 21:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 39 จากน้ำตกปอย ไปอีก 12 กม. ก็จะถึง น้ำตกแก่งโสภา ดังที่ตั้งใจ  ก่อนจะถึงน้ำตกนี้ จะเลยทางแยกไป อ.นครไทย ที่สามารถไปภูหินร่องกล้าประมาณ 3 กม. จะมีทางแยกเข้าไปอีกประมาณ 2 กม. แต่เป็นพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติ ทุ่งแสลงหลวง  ซึ่งจะมีด่านอยู่ริมถนนเลย ปรากฏว่า ปิด! ครับ  คือหมดเวลาเข้าแล้ว เพราะนาฬิกาผมบอกเวลาว่าเลย 5 โมงเย็นมาเล็กน้อย  ก็เลยอดเข้าไป บันทึกข้อมูลใดๆ  ได้แต่ขอเอกสารจาก เจ้าหน้าที่ด่าน ซึ่งได้เป็นแผ่นพับของ อุทยานฯ โดยรวม ไม่มีของน้ำตกแก่งโสภา แต่อย่างใด ความตั้งใจที่อยากจะมาพิสูจน์ความทรงจำว่า เคยเดินเข้าไปในน้ำตกแถวนี้ก็เป็นต้องพลาดไปเช่นกัน เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน  ก่อนออกมา สังเกตุว่า การเข้าไปน้ำตกแก่งโสภาต้องเสียค่าบริการครับ ค่ารถคันละ 40 บาท ผู้โดยสารคนละ 40 บาท  เด็กคงลดครึ่งราคา รวมแล้ว 8 คน ผมต้องเตรียมเงินประมาณ 320 บาท   ถ้าจะเข้า ต้องให้คุ้มครับ คือไปก่อนเที่ยง ครับ  ทางเจ้าหน้าที่ได้บอกว่า น้ำตกแก่งโสภามี 3 ชั้น ครับ  ผมเคยมาที่นี่ 2 ครั้งแล้วครับ เลยไม่ค่อยรู้สึกเสียดายนัก เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกันครับ รูปที่นำมาให้ดูก็เป็นรูปถ่ายริมถนนตรงทางเข้าน้ำตก เช่นกันครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 22:11:40 ]

ความคิดเห็นที่ 40 จากปากทางเข้าน้ำตกแก่งโสภา หน้าด่านริมถนน ผมก็รีบบึ่งรถต่อไป อ.หล่มสัก เพื่อเข้ากรุงเทพฯต่อไป  ไม่หันหลังกลับ เพราะอยากจะเที่ยวชมเส้นทางช่วงนี้ดูบ้าง  ขับรถต่อไปอีกสิบกว่ากม. ก็ผ่านจุดชมวิวด้านซ้ายมือ ที่คิดว่าจะถ่ายภาพได้เป็นจุดสุดท้ายก่อนมืดครับ เลยเลี้ยวเข้าไป เป็นร้านค้าของชาวเขาเผ่าม้งครับ สำหรับรูปถ่าย ต้องขออภัยนิดนึงที่ต่อกันไม่สนิทนัก เพราะไม่ได้ตั้งใจถ่ายภาพให้เป็นพานอรามา แต่บังเอิญภาพดูแล้วต่อเนื่องกัน แต่เป็นภาพแนวตั้งและแนวนอน ผมเลยเอามาผสมกัน ให้ดูแล้วเห็นมุมกว้าง สอดคล้องกับความเป็นจริงครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 22:26:49 ]

ความคิดเห็นที่ 41 จุดชมวิวนี้มีสินค้าชาวเขาเยอะครับ  แฟนผมสนใจลงเดินชมในร้านครับ แต่ผม.... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 22:31:37 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขอไปเก็บภาพไว้ก่อนที่จะมืดครับ  เริ่มจากต้นไม้ริมทาง (ต้นงิ้ว) ก่อนเลยครับ ฉากหลังสวยไม่เบา  แถมโคนต้นยังมี กาแฟแบบบริการตัวเอง (เจ้าของร้านไม่ได้มีกรรไกรให้ เลยต้องช่วยตัวเองกันไปก่อนครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 22:34:36 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ถ่ายฉากหลังเต็มๆ ดูสักที จะเห็นทิวเขา ด้านหลัง  และแล้ว..ก็เป็นพานอรามาแบบไม่ได้ตั้งใจถ่ายอีกแล้ว คือพอดีตอนโพสนี้มาเห็นภาพที่ถ่ายไว้ สองด้าน มีวิวต่อเนื่องกันเลยเอามารวมกันซะ แล้วใช้ โฟโต้ชอปเกลี่ยสีให้ ดูต่อเนื่องกัน จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 22:46:16 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอถ่ายรูปครอบครัวกันหน่อยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 22:54:28 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เดินเข้าไปจนถึงต้นไม้ใหญ่ ก็จะเห็นกระท่อม พวกเด็กๆ ก็เลยถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันหน่อย (ตอนนี้จะมืดแล้ว และจะกลับบ้านแล้วด้วย มีอะไรน่าถ่ายก็ถ่ายกันให้เต็มที่ครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 22:57:20 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ตรงจุดนี้ มองลงไปข้างล่างจะเป็นทุ่งนาบนเขา เห็นกระท่อมเล็กๆ อยู่ไกลๆ โน่น มีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นมาถ่ายเหมือนกับเราด้วยครับ สนุกกันใหญ่ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 23:00:17 ]

ความคิดเห็นที่ 47 หลังจากถ่ายภาพแล้วก็ทานกาแฟ และโอวัลติน ชงเอง (มีน้ำร้อนให้ด้วย) ก็พลบค่ำพอดี  อากาศหนาวเหมือนกัน ผมเลยถ่ายภาพปิดกล้องไว้ที่นี่ ด้วยวิวทิวเขา ที่คิดว่าเป็น ภูหินร่องกล้า ครับ สวัสดีครับกับทริปบ้านเกิดครั้งนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 ธ.ค. 51 23:06:20 ]

ความคิดเห็นที่ 48 มาโหวตกระทู้ เด็กพิด,โลกเหมือนกันจ้า จากคุณ : ตะละแม่ซาหริ่ม - [ 19 ธ.ค. 51 23:37:54 ]

ความคิดเห็นที่ 49 -ขอบคุณที่พาเที่ยวบ้านเกิด  ครบถ้วนดีจริง ๆ ครับผม จากคุณ : รักษ์ธรรม - [ 20 ธ.ค. 51 08:20:26 ]

ความคิดเห็นที่ 50 สวัสดีครับ คุณตะละแม่ซาหริ่ม ยินดีที่รู้จักเจ้าถิ่นครับ  น่าเสียดายที่ผมไม่ได้เข้าไปเก็บภาพน้ำตกให้ครบทั้งสี่เลย เอาไว้คราวหน้านะครับ แล้วจะมาลงให้ดูอีก 3 น้ำตกที่เหลือ สวัสดีคุณ รักษ์ธรรม ครับ ยินดีครับ ผมขอเพิ่มเติมรายละเอียด ของสาเหตุที่มา วัดเขารวก ที่ บ้านวังหลุม ในตอนที่สอง นะครับ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E7310417/E7310417.html พอดี ตอนนี้ผมค้นหาหนังสือเล่มนั้นเจอแล้วครับ  หน้าปกดังแสดงในรูปข้างล่างนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 21 ธ.ค. 51 18:56:49 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ซึ่งผู้จัดทำหนังสือเล่มนี้คือ  คุณภันธกานต์ กิ้มทอง  คนจังหวัด นครราชสีมา  จัดหน่ายโดย บ.ซีเอ็ดยูเคชั่น  ผมซื้อมาในปี พ.ศ.2550 ในรูป คุณภันธกานต์ กำลังไปนมัสการครูบาเทือง วัดบ้านเด่น อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 21 ธ.ค. 51 19:20:53 ]

ความคิดเห็นที่ 52 หนังสือเล่มนี้ได้ เกริ่นนำอย่างน่าฉงนสนเท่ห์เลย  พอสรุปได้ดังนี้ว่า เมื่อปี พ.ศ.2540 ผู้เรียบเรียงได้เดินทางไปยังวัดพระพุทธบาทเขารวก ต.วังหลุม โดยแรงบันดาลใจที่ ไม่ทราบสาเหตุ  เพียงแต่รู้สึกว่าอยากไปกราบนมัสการหลวงปู่โง่น โสรโย โดยที่เขาไม่รู้จักมาก่อน ผู้เรียบเรียงได้ไปอย่างฟลุ๊คๆ ไปลงสถานีขนส่ง จ.พิจิตรตอนตี 1  ท่ามกลางความหนาวเหน็บ จนใกล้รุ่งถึงได้มีมอเตอร์ไซด์รับจ้างมาส่งที่ อ.ตะพานหิน  มาถึงวัดเขารวกเวลา 6:30 น. ซึ่งได้พบหลวงปู่โง่นบริเวณม้าหินอ่อน ซึ่งเขาได้พบ ผู้หญิงคนหนึ่งด้วย ซึ่งทราบชื่อภายหลังว่า คุณบังอร ไทยด้วง    จนต่อมาก็ท่านหลวงปู่โง่นก็ได้ให้คนขับรถของท่านไปส่ง ผู้เรียบเรียงและคุณบังอร ที่สถานีรถไฟตะพานหิน คุณบังอร ได้เล่าให้ ผู้เรียบเรียงฟัง ในขณะอยู่บนรถไฟ ว่าเธอได้เคยเป็นอดีตชาติภรรยา ของหลวงปู่โง่น และได้มารอ ลูกที่เป็นอดีตชาติของเธอที่วัดนี้กว่า 3 วันแล้ว   และได้พบในเช้าตรู่วันนี้เอง ซึ่งก็คือ ตัวผู้เรียบเรียงเอง! ซึ่งเรื่องนี้ ผู้เรียบเรียงได้กลับไปสอบถามกับ หลวงปู่โง่นอีกครั้ง ในเวลาต่อมาที่ได้ไปถวายผ้าป่ากับ หลวงปู่โง่น ซึ่งท่านได้ยืนยันว่าใช่จริงๆ จึงเป็นที่มาของหนังสือเล่มนี้ ที่มาจากบันทึกต่างๆ ของหลวงปู่โง่น ที่เก็บไว้เมื่อ 60 ปีที่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับ ตำนานพระสุพรรณกัลยา ซึ่งท่านอยากให้ช่วยเผยแพร่ พระเกียรติคุณของพระองค์ท่าน แห่งวีรสตรีไทย ที่ถูกกักขัง ทั้งตัว และวิญญาณ ไว้ที่เมืองพม่า ตั้งแต่สมัย พระนเรศวรมหาราชกอบกู้เอกราชโน่น ซึ่งเนื้อหาหนังสือเล่มนี้ จะเป็นการเล่าเรื่องการเดินทางของหลวงปู่โง่น โสรโย ครอบคลุมไปถึงอภินิหารของโลกวิญญาณ ด้วย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 21 ธ.ค. 51 19:48:07 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เป็นที่น่าเสียดาย ที่หนังสือเล่มนี้ไม่ได้อยู่ในมือผม ขณะที่ผมกำลังจะไปวัดเขารวกแห่งนี้ เลยไม่ได้เจาะรายละเอียดในสิ่งต่างๆ  มาตอนนี้ ผมอยากจะสรุปไว้ให้ดูเลย เผื่อวันหลังได้ไปอีก หรือเพื่อนๆ ได้ไปอีก ก็จะได้ทราบ ไว้ก่อน ครับ เริ่มจาก ไม้เท้าคู่ชีพ ท่านหลวงปู่นำติดตัวไว้ตลอด  จากหนังสือเล่มนี้บอกว่า ท่านได้มาจาก อทิสมารกาย ชื่อ หิรัญพนาสูร ที่อยู่ในป่าแถบด่านเจดีย์สามองค์ คราวที่ท่านถูกดลใจให้ไป แก้กรรม ที่ ประเทศพม่า จนได้พบกับ ดวงวิญญาณของ พระสุพรรณกัลยา จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 21 ธ.ค. 51 20:08:46 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ถัดมาคือ สุนัขคู่กายท่าน ชื่อเจ้าเก่ง ที่ช่วยนำทาง พาท่านหลวงปู่โง่น ข้ามเขาตระนาวศรีไปยัง ดินแดนพม่า ปีพ.ศ.2490  คาดว่าอทิสมารกายในป่า ดลจิตมาให้อยูรับใช้ท่าน จนตายไปเมื่อปี พ.ศ.2496 ที่วัดเขารวกแห่งนี้เองครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 21 ธ.ค. 51 20:20:56 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ถัดมาก็คือ รูปปั้นฤาษีทำด้วยศิลาแลง มีอายุกว่า พันแปดร้อยปี  ท่านได้มาจาก จ.กำแพงเพชร โดยได้ฝันเห็นพระดาบสแก่ๆ มาขอไปอยู่ด้วย แต่รูปปั้นนี้ อยู่ใต้ดินลึกลงไปถึง 2 เมตร  ปัจจุบันตั้งอยู่ หลังเขาพระพุทธบาทจำลอง ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 21 ธ.ค. 51 20:32:49 ]

ความคิดเห็นที่ 56 โคนต้นประดู่ยักษ์ ที่ท่านได้มาจาก บ้านตะกุดไร ใกล้กับบ้านเกิดของผมที่ ต.ดงขุย อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ นี้เอง โดยมี ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่มาเข้าฝัน ให้ไปเอามา เพราะต้นประดู่ยักษ์นี้ กำลังจะถูกโค่นโดย โรงเลื่อยท่าข้าม ซึ่งซื้อในราคา 5 พันบาท แต่เอาไปไม่ได้ คนงานตัดไม้เจ็บไข้ได้ป่วย มีเสียชีวิตก็มี ท่านหลวงปู่โง่นจึง ไปขอมาไว้ที่วัดเขารวกแห่งนี้ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนหนึ่งได้ทำเป็นกลองใหญ่  ส่วนสองที่เป็นโคนก็มาจัดตั้งพระฤาษี ดังในรูปข้างล่างนี้  และส่วนยอดก็นำไปสร้างหอสวดมนต์ (ซึ่งต่อมาก็โดนรื้อทำลายไปแล้ว) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 21 ธ.ค. 51 20:45:55 ]

ความคิดเห็นที่ 57 จากรูปข้างล่างนี้ก็คือ กลองใบใหญ่ ที่ทำจากไม้ประดู่ยักษ์   หลังจากได้ขอนิมนต์กับ ทางโรงเลื่อยท่าข้าม แล้วท่านก็ได้มอบหน้าที่ในการนำเอามาไว้ที่ วัดเขารวกนี้ กับ ครูบาชื่น  (ตัวหลวงปู่ท่านก็เดินทางไป ธุดงค์ที่อื่นต่อไป)   ซึ่งการนี้ ครูบาชื่นต้องใช้เวลากว่า 2 ปีในการดำเนินการเพราะถนนตอนนั้นไม่ดี (ปี พ.ศ.2496 ซึ่งก่อนที่พ่อแม่ของผม จะย้ายมาอยู่ที่ดงขุยด้วยซ้ำไป และผมก็เกิดปี 2508 ในเวลาต่อมา) หลังจากนำไม้มาถึงวัด ก็ได้แบ่งเป็น 3 ส่วน   กลองก็ยังไม่ได้ทำ เพราะไม่สามารถหาหนังกลองผืนใหญ่มาหุ้มได้  จนกระทั่ง หลวงปู่โง่น ท่านได้รับนิมนต์ ให้มาอยู่ที่วัดเขารวกแห่งนี้  ซึ่งกลองใบนี้ก็ได้สำเร็จสมบูรณ์ มีชื่อว่า กลองนันทะเภรีศรีราชรุกโข มโหระทึก มฤคทายวัน บันลือโลก ตามที่ครูบาชื่อตั้งให้ ส่วนโคนก็ได้นำไปวางพระฤาษี ติดกับหลุมฝังศพสุนัขชื่อเจ้าเก่ง นั่นเอง ครับ แหม..เสียดาย ผมไม่ได้ถ่ายรูปกลองมาให้ดู เพราะตอนที่ไป ไม่ได้เตรียมศึกษาข้อมูลไปก่อนครับ เอาแค่นี้ก่อนนะครับ ถ้าสนใจก็คงหาซื้ออ่านได้จากร้านหนังสือซีเอ็ด (ผมไม่ได้ค่าโฆษณาเช่นกัน) ทั่วไปครับ และถ้ามีโอกาสก็ไปแวะนมัสการ และชมสิ่งของต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่โง่นได้ที่วัดเขารวกครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 21 ธ.ค. 51 21:07:42 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ชอบจังเลยค่ะ ไปเที่ยวกับลุงมาก็สนุก กลับมาดูรูปก็ยิ่งสนุก เบลเลยเข้ามาดูทุกรีวิว จากคุณ : เบลจัง.....Sassy Girl (ยากที่จะค้นหา) - [ 21 ก.พ. 52 19:04:03 ]