ความคิดเห็นที่ 1 ทีนี้มาเรื่อง ลักษณะการจัดเตียงเสริมกันนะครับ - น้อยมากที่ทางโรงแรมจะจัดเตียงเพิ่มอีก 1 เตียง ที่เหมือนกับเซตไว้ในห้อง คือเตียงเท่ากันเหมือนกัน ทั้งสามเตียง - เตียงเสริมที่จะใช้ก็จะเป็น 1. เตียงพับ (Roll Over Bed) แบบที่พับครึ่งแล้วมีล้อเข็นไปเข็นมา 2. ฟูก (Mattress) ที่นอน หนาบ้าง บางบ้าง ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง แล้วแต่การจัดซื้อ และพื้นที่เก็บจะเอื้ออำนวย 3. "ระเบิดเตียง" อันนี้บางโรงแรมขี้โกง หรือ เตียงเสริมไม่พอ หรือ ความประสงค์ของลูกค้า ก็แล้วแต่   คือการดึงเตียงในห้องออกมาสองส่วน ปรกติเตียงในโรงแรม จะซ้อนไว้สองชั้น คือชั้นนอนกับชั้นฐานที่นอน สามารถใช้นอนได้ทั้งสองชั้น อันนี้บางท่านเขาถือ ก็โวยวายกันไป 4. โซฟาปรับได้ บางโรงแรมสั่งแบบนี้ไว้ในห้องพักเลย เสริมเตียงหรือค่ะ ได้ค่ะ แล้วก็จัดการปรับโซฟา กลายร่างเป็น 1 ที่นอน บางคนบ่นว่านอนแบบนี้ เหมือนนอนเฝ้าไข้ในโรงพยาบาลไงชอบกล 5. พักห้อง 3 คน (Triple) ส่วมมากคนที่สามจะต้องจ่าย ค่าเตียงเสริมสำหรับเข้าพักปรกติ แต่จะจ่ายเฉพาะบุคคลที่สาม ไม่เสริมเตียงไม่มีอาหารเรียกว่า (Joiner) ในทางธุรกิจหรือทั่วไป สำหรับบุคคลที่สามขึ้นไปนอนงีบ หรือ อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือขึ้นไปประชุม เลี้ยงรับรองเล็กๆน้อยๆ แต่ในทางส่วนตัว สำหรับบุคคลที่สาม ขึ้นห้องไปทำไรกันบางอย่าง เหอๆ ***เตียงเสริม จะสำรองไว้บนแต่ละชั้นห้องพัก จะไม่ครบสำหรับทุกห้อง เพราะตามสัดส่วนห้องพัก 3 จะน้อยกว่า พักคู่อยู่แล้ว*** ไม่แนะนำให้เรียกร้องเตียงที่มันอลังการมาก เพราะบางโรงแรมจะเก็บเตียงพวกนี้ที่บันไดหนีไฟ ในแต่ละชั้น ถ้าสำรองไว้มากๆ แขกเองจะลำบากเวลามีเหตุไฟใหม้ จากคุณ : สมุทรสัญจร - [ 3 ม.ค. 52 19:22:39 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ทำใมคนไทยเรียกเตียงเดี่ยว  single bed ซึ่งมันอาจจะเล็กหรือใหญ่ก็ได้ จากคุณ : natong - [ 3 ม.ค. 52 19:31:57 ]

ความคิดเห็นที่ 3 กระจ่างศาสตร์ขึ้นมากเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูล...ที่น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ไม่รู้ กฎ กติกา มารยาท ของโรงแรมบ้างค่ะ... จากคุณ : joke (luk_kul) - [ 3 ม.ค. 52 19:32:47 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณมากครับ เวลาไปเที่ยวก็ควรไปเป็นคู่ๆเนอะ จากคุณ : เตี๊ยม - [ 3 ม.ค. 52 20:00:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ข้อมูลมีประโยชน์มากๆ ขอบคุณสำหรับข้อมูลจ้า จากคุณ : fox-uk - [ 3 ม.ค. 52 20:26:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ต่อมาเรื่อง ค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ทางโรงแรม เรียกเก็บในช่วงแต่ละเทศกาล ***ค่าบัตรร่วมงานของโรงแรม*** เดี๋ยวนี้ ตามหัวเมื่องท่องเที่ยวใหญ่ๆ ดังๆ โรงแรมต่างๆจะมีการ บังคับซื้อบัตรเข้าร่วมงานเลี้ยง ซึ่งแขกผู้เข้าพักในช่วงดังกล่าว จะต้องจ่ายรวมในค่าห้องด้วย ไม่จ่ายไม่ได้ ครับเป็นกฎที่ทุกคนจะต้องร่วมงาน เรียกว่า Compulsory GALA Dinner ถ้าช่วงที่ท่านเข้าพัก ตกอยู่ในวันเหล่านี้ 1. วันที่ 12-13 เมษายน (สงกรานต์) 2. ประมาณวันที่ 14 พฤศจิกายน (ลอยกระทง) 3. วันที่ 24 ธันวาคม (Christmas's Eve) 4. วันที่ 31 ธันวาคม (New Year) 5. ประมาณเดือน กุมภาพันธ์-มีนาคม จำไม่ได้แล้ว    บางโรงแรมจะมีงานวัน Easter อีก 1 งาน ท่านต้องสอบถามโรงแรม หรือ บริษัททัวร์ ว่าที่โรงแรม ที่จะจองนั้นมีค่าเหล่านี้หรือไม่? ถ้ามี สามารถละเว้นให้คนไทย ได้ไหม? สูงถึงคนละ 1,000-8,000 บาทต่อคนเชียวล่ะ ไปทีเป็นครอบครัวก็ไม่ไหวแล้ว สู้ช่วงเย็น ออกตระเวณเที่ยวข้างนอก ค่าใช้จ่ายยังไม่ถึงเลย ธรรมเนียมค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ทางผู้เกี่ยวข้องพยายามผลักดัน ให้มันหายไป เพราะมันเป็นอุปสรรคในการพัฒนา "ไทยเที่ยวไทย" เป็นอย่างมาก มันเหมาะสำหรับตลาดลูกค้าต่างประเทศ ไม่เหมาะสำหรับตลาดคนไทยเป็นอย่างมาก แต่ไหงทำไปทำมา มันกลายเป็นอิหรอบนี้ไปได้ กลายเป็นมาตรฐานไปเกือบทุกโรงแรมซะแล้ว ไม่ว่า 5 ดาว ลามไปถึง 2 ดาว ซะแล้ว บางโรงแรมไม่มีศักยภาพที่จะจัดงาน แต่ดันทุรังจะจัด เพื่อจะได้ระดมเงินมามากๆ แต่งาน ห่วย เล็ก แคบ บางทีสงสารลูกค้า จับใจ ที่จะออกไปเที่ยวข้างนอกก็ไม่ได้ ต้องถูกจับต้อนมานั่งหงอยๆ พ่อแม่ลูก ตากลมทะเลเหนียว เย็นๆ พร้อมยุง ตอนค่ำ รอบสระเล็กๆ กับลูกโป่งเหี่ยวๆ ทนฟังเสียงอิเลคโทน กับ นักร้องสมัครเล่น เพราะมืออาชีพ โรงแรมใหญ่ๆจ้างไปหมดแล้ว พอจบงาน ว่าจะไปเปิดหูเปิดตา ลูกก็ง่วงซะแล้ว แต่บางโรงแรม เขาก็จัดได้มืออาชีพ และ อลังการ ของขวัญ ของรางวัล ก็ยิ่งใหญ่ สนุกสนานทั่วหน้า แน่นอนค่าบัตรก็สูงขึ้นตามไปด้วย ไป 5 คน ปาไปหลักหมื่น สนุกคุ้ม แต่มิใช่วิสัย คนไทย ที่จะไปจ่ายอย่างนั้น ***ค่าเทศกาล***** Surcharge สงกรานต์ ตรุษจีน ลอยกระทง ปีใหม่ หยุดยาว แน่นอน ท่านจะต้องจ่ายเพิ่มเติม 500-2,000 ต่อห้องต่อคืน ก็ว่ากันไป อันนี้รับได้ เพราะเป็นค่าใช้จ่าย อันเนื่องมาจาก อุปสงค์ มากกว่า อุปทาน ***ค่าวันหยุด และวันหยุดนักขัตฤกษ์***** Weekend / Long Weekend วันศุกร์ เสาร์ (อาทิตย์ไม่นิยมนับ ถ้าไม่หยุดต่อเนื่อง) วันปิยะ วันมาฆบูชา วันเฉลิมฯ วันแม่ วันรัฐธรรมนูญ หากต่อเนื่องกับวันเสาร์อาทิตย์ ด้วยแล้ว โป๊ะเช๊ะ เตรียมควักกระเป๋าจ่ายได้เลย ส่วนมากโรงแรมจะกำหนดค่าห้องออกมาต่างหากจาก ค่าห้องปรกติ ซึ่งจะแพงกว่าเล็กน้อย ***ค่าเหยียบเกาะ*** Island Stay อันนี้ ยังมีอยู่น้อยมาก จะเรียกเก็บลักษณะเดียวกับ Surcharge คิดเป็นต่อห้องต่อคืน 200-1,000 บาท หรือต่อคน 50-300 บาท สำหรับโรงแรมที่อยู่ตามเกาะเล็กๆ ที่มีสาธารณูปโภคจำกัด เพื่อเป็นการคัดกรองจำนวนคน และ ชดเชยแก่ธรรมชาติ ตอนแรกๆนโยบายเหล่านี้ ออกมาเพื่อคืนสู่ธรรมชาติ ในกรณีช่วงคนนิยมเที่ยวมากๆ ค่าเหยียบเกาะเหล่านี้ ก็จะกระจายกลับคืนสู่ธรรมชาติ ในรูปของ ค่าบำบัดน้ำเสีย ค่ากำจัดขยะ ฟื้นฟูธรรมชาติในช่วงมรสุม บำรุงสาธารณูปโภค เพื่อรองรับฤดูกาลต่อไป และ พัฒนาคุณภาพชีวิตคนในพื้นที่ แต่เดี๋ยวนี้ เรียกเก็บไปแล้ว ทางโรงแรมจะกลับคืนสู่ธรรมชาติ หรือไม่ ไม่แน่ใจ ****ฤดูกาลท่องเที่ยว ราคาต่างกัน**** High Season, Low Season, Green Season, Peak Season ช่วง Peak Season แพงสุด คือช่วงปีใหม่ ถ้าใครเล่าให้ฟัง ว่าไปเที่ยวที่โน้นที่นี้ ตก หมื่นกว่าต่อหัว ขอให้เชื่อเถอะ เพราะเขาเจอค่าใช้จ่ายต่างๆ ข้างบน พ่วงไปด้วย แนะนำให้เที่ยวช่วง Green Season คือช่วงหลังเมษายน ไปจนถึง ตุลาคม อย่าให้เกินครับ เพราะหลังจากตุลาคมของทุกปี เป็นช่วงที่ทุกโรงแรมจะปรับราคาเข้าสู่ High Season และ Peak Season รองรับลูกค้าฝั่งตะวันตก ***อยู่กับเรานานๆ*** Consection Nights ระวัง! บางโรงแรม เสนอค่าห้องถูก คุ้มถูกใจ โปรดดูเงื่อนไขด้วยว่า ราคานี้สำหรับจำนวนคืนที่เราพัก หรือไม่ เพราะเดี๋ยวนี้ เขากำหนด ว่าราคานี้ได้ แต่ต้องพักกับเขาอย่างน้อย กี่คืน ส่วนมากจะกำหนดเป็น 3 คืนขึ้นไป ซึ่งในความเป็นจริง เป็นไปไม่ได้ที่คนไทยจะไปนอนที 5 คืน 10 คืน เพราะเราก็ต้อง กลับมาปฏิบัติภาระกิจทำมาหากินกันต่อไป อย่างเก่งเหมาะๆก็ 3วัน2คืน ทีนี้ บางที ฝ่ายรับจองรับจองราคานี้ให้เรา แต่ไม่ได้พูดถึงเงื่อนไข ไปเข้าพัก 2 คืน พอวันเช็คเอ้าท์ จะมีซุปเปอร์ มาเกาะเค้าน์เต้อร์ แจ้งเราว่า หากท่านจะจ่ายราคานี้ ท่านจะต้องจ่ายเพิ่มอีกกี่คืนกี่คืน เพื่อ จะได้ตรงตามเงีื่อนไขสำหรับราคานี้ ไม่เช่นนั้นท่านต้องจ่ายตามราคาปรกติ ซึ่งแพงกว่าราคาที่ทราบมา ที่ไม่แจ้งตอนจอง เพราะคิดว่าท่านทราบเงื่อนไขแล้ว และยินดีที่จะจ่ายคืนที่ไม่ได้พัก บลาบลาๆ ***3คืน ฟรี 1 คืน**** ช่วงโลว์ ทางโรงแรมจะออกโปรโมชั่น เหล่านี้ออกมา หลายๆท่านที่มีเวลาไปพักผ่อนน้อย อาจจะเสียดาย เพราะคุ้มมาก เพราะพักได้เต็มที่ 2 คืน ไอ้ครั้นที่ มีไอเดีย ว่าจะจองเอาไว้ เราพัก 2 คืน อีก 2 คืนที่เหลือ เรียกพรรคพวก มาพักต่อดีไหม? แฮ่ๆ! โรงแรมเขารู้ทัน ครับ ก็มีกฎ ห้ามเปลี่ยนชื่อผู้เข้าพัก คืนที่แถมให้ ต้องจ่ายค่าอาหารเช้าเองนะครับ คนละ 200-1,000 พัก 2 คน ก็เกือบเท่าค่าห้องแล้ว พิมพ์เหนื่อยแล้ว ครับ เดี๋ยวคราวหลัง จะมาต่อเรื่อง "ระบบการผูกขาดห้องพักของโรงแรม กับ บริษัททัวร์" สำหรับท่านที่ กังขาว่า ทำไมโรงแรมก็ไม่เห็นเต็มเลย แต่พอเราถามก็บอกว่า ห้องไม่ว่าง ตลอดเลย จากคุณ : สมุทรสัญจร - [ 3 ม.ค. 52 20:39:45 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ได้ความกระจ่างขึ้นเยอะมากเลยคะ ขอบคุณมากๆนะคะ จากคุณ : SANTA - [ 3 ม.ค. 52 21:27:21 A:124.121.87.108 X: TicketID:196737 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เรียนความเห็น ที่ 2 การเรียกชนิดเตียงต่างๆ ในโรงแรม จะเรียกแตกต่างกันออกไป ครับ 1. เรียกตามลักษณะทางกายภาพของเตียง ถ้าสำหรับโรงแรมใหญ่ๆ มีห้องหลากหลายชนิด - King Bed: เตียงใหญ่สุด นอนคู่ ประมาณว่าใหญ่กว่าเตียง 6 ฟุต ตามบ้านของเรา ส่วนมากเตียงพวกนี้มักจะจัดไว้ในห้องประธาน (President/Execusive) ห้องประธานคือ ห้องที่ใหญ่สุดอาจจะอยู่ชั้นละ 1-2 ห้อง ไล่ไปทุกชั้น ตามแบบแปลนของตึก หรือ เป็นห้องที่โรงแรมจัดไว้เพียงหน่วยเดียว เป็นห้องที่ราคาแพงที่สุด บริการเลิศที่สุด เพราะเขาจะมีบริการ Butler คือพนักงานของโรงแรมที่รับการฝึกฝนอย่างยิ่งยวด คอยดูแลโดยเฉพาะ -Queen Bed: ขนาดย่อมมาหน่อยนอนคู่ ประมาณเตียง 6 ฟุตตามบ้านเรา จะจัดไว้ในห้องที่ขนาดย่อมมาหน่อย หรือใช้เป็น Double Bed ในห้องทั่วๆไป สำหรับห้อง Suite ประเภท 2 ห้องนอน ก็จะนิยมใส่ King Bed ไว้ในห้องใหญ่ Queen Bed ไว้ในอีกห้องที่เล็กกว่า สังเกตุดูว่า ห้องประเภท 2 ห้องนอน โรงแรมจะไม่สร้างให้เท่ากัน เฟอร์นิเจอร์ก็จะไม่เท่าเทียมกัน เพื่อให้เข้ากับธรรมเนียมครอบครัวหรือฐานะทางสังคมของผู้เข้าพัก ที่พ่อแม่ หรือ ผู้อาวุโสกว่า จะนอนห้องใหญ่ ลูกๆ หรือ ผู้ติดตาม นอนห้องเล็ก ถ้าฐานะการงานหรือสังคม เท่าเทียมกัน ทางผู้รับผิดชอบจองห้องให้ เขาจะไม่จองให้พักด้วยกันทั้งสองห้อง เขาจะจองแยกห้องให้เลย ยอมทิ้งให้อีกห้องว่างๆไม่มีคนนอนไปเลย เป็นเราคนไทย เสียดายๆๆ ยอมมาอยู่รวมๆกันดีกว่า อันนี้ มักเจอปัญหาประจำ สำหรับกรุ๊ปบริษัทต่างๆ ที่มีฝ่ายบริหารใหญ่ๆ ทั้งของไทย และ ต่างประเทศ มาพักด้วย เจ้าหน้าที่ประสานงานของบริษัทไม่รู้ธรรมเนียม เห็นว่าเป็น 2 ห้องนอน จับผู้บริหารใหญ่มาอยู่ห้องเดียวกัน 2 ห้องนอน ทีนี้ ทำไงดีละ ศักดิ์ศรีเท่ากัน ใครจะนอนห้องเล็ก ใครจะนอนห้องใหญ่ วุ่นวายกันใหญ่ จะเปิดเพิ่มห้องแบบนี้ก็เต็มซะแล้ว เปิดห้องเล็กกว่าก็ไม่ยอม จนต้องไปเปิดอีกโรงแรมใกล้ ที่มีห้องคล้ายๆกัน ถึงจะยอม -Single Bed: มาถึงที่สงสัย อันนี้เรียกตามจำนวนคนที่นอนบนเตียงนี้ คือนอน 1 คน จริงๆแล้วเตียงนอนคนเดียวนี้ จะกว้างกว่าเตียงเดี่ยวที่ จัดไว้คู่กัน ตามที่เห็นทั่วๆไป ตามโรงแรมในยุโรบ จะมีห้องแบบพักคนเดียวด้วย ก็จะใส่เจ้า Single  Bed นี่แหละเข้าไป 1 เตียง เป็น Single Room ใครมาเดี่ยวก็จับใส่ห้องนี่แหละ จะไม่นิยมให้พักห้อง Twin หรือ Double เพราะถือว่าเสียของ ถ้าเป็นห้องพักคู่ ก็จะใส่ไป 2 เตียง กลายเป็น Single+Single=Twin Bed หรือ ใส่เตียง King หรือ Queen เข้าไปเลย ทีนี่ห้องนี้ก็จะหลายเป็น Twin Room หรือ Double Room *** สำหรับบางโรงแรม*** ที่ชนิดห้องไม่มาก มีแค่ 2-3 ชนิด แต่จำนวนห้องมาก การแยกชนิดเตียงเพื่อให้ง่ายต่อการทำสรุปห้อง เขาก็จะแยกประเภทเตียงตามรูปแบบการจัดวาง Single Bed: นี่ไม่ใช่ห้องนอนคนเดียวแล้ว แต่เป็นห้องที่มีเตียงใหญ่นอนคู่ วางเดี่ยวๆ ในห้อง 1 เตียง Double Bed/Twin Bed: นอน 2 แต่แยกเตียงเป็นเตียงคู่มีโต๊ะกั้นกลาง ตามที่เห็นทั่วๆไป หรือ บางโรงแรม Double Bed/Twin Bed อาจจะเป็น เตียง King หรือ Queen วางคู่กันในห้องเลยทีเดียว สำหรับการจัดประเภทเตียงแบบนี้ มักเกิดปัญหาระหว่างกับทางโรงแรม และลูกค้า เสมอๆ เพราะชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะชายชาวยุโรปตะวันออก และ รัสเซีย จะไม่นิยมนอนร่วมเตียงเดียวกับชายอื่นเด็ดขาด พอเห็นห้องที่มีเตียงประเภท Single  Bed ก็เข้าใจผิดว่าเป็นเตียงเดี่ยว แยกเป็นสองเตียง ต่างคนต่างนอนไม่ต้องล่วงเกินกัน ก็จองมาอย่างดิบดี มาถึงปรากฏว่าเป็น เตียงใหญ่นอนด้วยกัน ก็ไม่ยอม จะเอาแบบสองเตียงให้ได้ ช่วงนั้นถ้าห้องประเภทนี้เต็มก็โดนโวยไป สรุป ตอนนี้ แนะนำให้เรียกเตียงใหญ่ ว่าเป็น เตียง Double ฺจะเข้าใจง่ายกว่าทั้ง ผู้จองและโรงแรม ครับ ที่โรงแรม เรดิสัน พระราม9 จะมีห้อง Triple Double Beds คือ วางเตียงใหญ่นอนคู่ 3 เตียงเรียงกันเลย นอนได้ถึง 6 คนต่อห้อง คงอบอุ่นน่าดู จากคุณ : สมุทรสัญจร - [ 3 ม.ค. 52 22:33:56 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณสำหรับการสละเวลาช่วยอธิบายครับ ขอโหวตให้นะครับ จากคุณ : freestyler - [ 3 ม.ค. 52 23:47:09 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ได้ความรู้เพิ่มเยอะแยะเลยครับ ขอบคุณมากๆๆ สำหรับการแบ่งปันคนนอกวงการ เจ้ากาล่าดินเนอร์เนี่ย บางที่เห็นราคาแล้วสยองเจงๆๆ แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 52 00:41:45 จากคุณ : Grasshopper - [ 4 ม.ค. 52 00:40:51 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าพูดว่า double ก็เกิดปัญหาเดี๊ยวโรงแรมจิ้งหรีดคิดว่าเป็นเตียงแยกอีกละ มันไม่มีศัพท์ที่ดีกว่านี้แล้วหรอ จากคุณ : natong - [ 4 ม.ค. 52 01:43:27 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แจ่มมาก  เอ้าโหวตตตตตตต กับเก็บเข้าคลัง จากคุณ : [Cha] - [ 4 ม.ค. 52 07:50:49 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อธิบายได้ชัดเจนมากๆเลยค่ะ ให้ใจให้โหวตไปเรียบร้อย ขออนุญาตตอบคห.11หน่อย คำว่า Single Double Twin คุณสามารถเอาไปใช้ได้ทั่วโลกนะคะ หากเป็นโรงแรมระดับมาตรฐานทั่วไป เขาก็จะเข้าใจตรงกันเองว่ามันเป็นเตียงลักษณะไหน แต่ถ้าคุณเอาไปใช้กับโรงแรมจิ้งหรีด ก็อธิบายเขาต่อเป็นภาษาไทยเองดีกว่าค่ะว่าคุณต้องการเตียงแบบไหน (ซึ่งเขาคงไม่ค่อยมีให้คุณเลือกเยอะนักหรอก) รอจขกท.ต่อเรื่องการผูกขาดห้องอยู่ค่ะ จากคุณ : SPEED STAR - [ 4 ม.ค. 52 10:47:43 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ได้ความรู้ดีมากๆเลยค่ะ โหวตให้ จากคุณ : reJoyce - [ 4 ม.ค. 52 13:16:35 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แล้วถ้าเป็นภาษาไทย เราจะใช้คำศัพท์อะไรดี จากคุณ : natong - [ 5 ม.ค. 52 01:27:07 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณที่มาให้ความรู้แก่ชาวบลูนะครับ จะได้ไม่เงอะๆงะ เวลาไปจองห้องพัก แต่แอบสงสัย จขกท. คงจบการโรงแรมมา นะครับ จากคุณ : vilaithong - [ 5 ม.ค. 52 17:59:32 ]