ความคิดเห็นที่ 1 Grand Park, Mount Rainier National Park, Washington ถ้าใครเคยไปเมือง Seattle ในวันที่อากาศดีๆไม่มีเมฆ (ซึ่งปีนึงมีอยู่ไม่กี่วัน) แล้วมองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ภาพที่ทุกคนที่เห็นต้องตะลึงก็คือภาพของภูเขาขนาดใหญ่ตระหง่านอยู่ที่ขอบฟ้า ยิ่งตอนเช้าหรือตอนเย็นๆที่แสงแดดอ่อนๆกระทบกับยอดเขาเป็นเงารางๆเหมือนกับมีใครมาวาดรูปภูเขาไว้บนฟ้ายังไงยังงั้น ภูเขาที่เป็นสัญลักษณ์ของรัฐวอชิงตันลูกนี้ก็คือ Mount Rainier (หรือที่ชาวอินเดียนแดงพื้นเมืองเรียกว่า Mount Tahoma ) ซึ่งเป็นภูเขาไฟลูกที่ใหญ่ที่สุดในเทือกเขา Cascade ถ้าจำไม่ผิดเพื่อนชาวญี่ปุ่นของผมเล่าให้ฟังว่าคนญี่ปุ่นที่มาอาศัยในรัฐวอชิงตันสมัยก่อนนั้นเรียกภูเขาลูกนี้ว่า Tacoma Fuji เนื่องจากมีรูปทรงคล้ายๆกันและช่วยให้ชาวญี่ปุ่นอพยพคลายความคิดถึงบ้านไปได้มากทีเดียว ในภาพที่เห็นถ่ายจากบริเวณที่เรียกว่า Grand Park ซึ่งเป็น meadow  ขนาดใหญ่ meadow เป็นบริเวณที่เป็นที่โล่งปกคลุมด้วยหญ้า ปกติ meadow จะเป็นเป้นบริเวณเล็กๆที่แทรกตัวอยู่ตามป่าแต่ที่ Grand Park นี้จะเป็น meadow ขนาดยักษ์ ที่มาของขื่อ Grand  Park นี้ผมเดาเอาว่ามาจากในฤดูร้อนนั้นจะมีดอกไม้ป่าหลากสีขึ้นอยู่เต็มทุ่งไปหมดราวกับสวนสวรรค์ก็ไม่ปาน ทางไป Grand Park นี่ค่อนข้างสมบุกสมบันนิดหน่อยเนื่องจากต้องขับรถคลุกฝุ่นเข้าไปตามถนนลูกรังเสร็จแล้วก็เดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 6  กิโล อารมณ์ประมาณเดินขึ้นภูกระดึงตรงที่พอขึ้นมาถึงก็เป็นที่ราบไปเฉยๆไม่เหมือนกับอยู่บนยอดเขา ปกติผมจะไปปีละครั้งแต่ดวงไม่ดีทุกครั้งไม่เคยไปตรงตอนที่ดอกไม้ป่าบานสุดๆซักครั้ง แย่จริงๆ อยากจะไปบ่อยกว่านั้นแต่ไม่ได้กลัวว่าต้องเดินไกลนะ แต่กลัวรถจะพังมากกว่า Mount Rainier เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับและมีสิทธิ์ทีจะระเบิดสูง ปกตินักภูเขาไฟวิทยาจะบอกไว้เลยว่าไม่ต้องถามเลยว่า Mount Rainier มีสิทธิ์ที่จะระเบิดได้หรือเปล่า คำถามเดียวที่มีตอนนี้คือจะระเบิดเมื่อไหร่มากกว่า  ถ้าถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ก็ตัวใครตัวมันละครับ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 13:46:40 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Mount Baker  from Artist Point,  Mount Baker Ski Area, Washington ภูเขาไฟขนาดใหญ่ในเทือกเขา Cascade อีกลูกที่สามารถเห็นได้จากเมือง Seattle ก็คือ Mount Baker โดยเฉพาะถ้าขับรถขึ้นเหนือไปทาง Vancouver จะเห็นภูเขาลูกนี้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ Mount Baker อยู่ในบริวเวณใกล้เคียง North Cascade National Park แต่ไม่ได้อยู่ในเขตอุทยานซะทีเดียว ถนนที่เลี้ยวเข้าไปอยู่ใกล้กับพรมแดนแคนาดา เมื่อขับเข้าไปสุดจะเป็น Mount Baker Ski Resort ซึ่งนอกจากจะเป็นที่เล่นสกีสุดฮิตแห่งหนึ่งในรัฐแล้วยังเป็นจุดยอดนิยมกับการถ่ายรูปภูเขาที่มีชื่อเสียงอีกลูกนั่นคือ Mount Shuksan จุดที่เห็นในรูปเป็นจุดชมวิวที่มีชื่อว่าว่า Artist Point ซึ่งสามารถขับรถขึ้นมาจากบริเวณที่เล่นสกีได้ แต่ในฤดูหนาวนั้นถนนจะถูกปิด ต้องใส่ snowshoes  เดินขึ้นมาเอง วันที่ผมไปในรูปนั้นถึงแม้ว่าดูเหมือนจะหนาวแต่จริงๆวันนั้นเป็นวันที่ร้อนตับแลบจริงๆ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 13:48:36 ]

ความคิดเห็นที่ 3 View from Sahale Arm, North  Cascade National Park, Washington North Cascade National Park เป็นอุทยานแห่งชาติที่งดงามมากอีกแห่งหนึ่งแต่มีคนไปค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับอุทยานแห่งชาติอื่นในรัฐเนื่องจากระยะทางที่ค่อนข้างไกล ทางหลวงที่ผ่านเข้าไปคือทางหลวงหมายเลข 20 ซึ่งตัดผ่านอุทยานไปฝั่งตะวันออกของรัฐ ในรูปที่เห็นนั้นเป็นบริเวณที่เรียกว่า Cascade Pass ซึ่งอยู่สุดปลายถนนที่แยกออกมาจากทางหลวงหมายเลข 20 ที่เมือง Marblemount  Cascade Pass นี้เป็นด่านที่ชาวอินเดียนแดงใช้เดินทางข้ามเทือกเขา Cascade ไปยังด้านตะวันออกมาตั้งแต่สมัยโบราณ พอจอดรถเสร็จก็ต้องเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 6 กิโลก็จะถึงบริเวณ Cascade Pass  ถ้ายังมีแรงเดินต่อก็ปีนขึ้นไปยังสันเขาที่อยู่ติดกันที่ชื่อ Sahale Arm เป็นระยะทางสั้นๆ (แต่ชันสุดๆ) ถ้าเดินตามสันเขาไปจนสุดอีกประมาณ 3 กิโลกว่าๆก็จะถึง Sahale Glacier ผมก็ไปไม่ถึงเหมือนกันเพราะมืดซะก่อน จริงๆแล้วผมมีคนรู้จักเป็น ranger ที่ประจำอยู่ที่นี่อยู่คนหนึ่ง (เป็นแฟนของเพื่อนอีกที) พอดีวันนี้ เธอออกไปลาดตระเวณบน Cascade Pass ซะด้วย แต่ไม่รู้เดินคลาดกันยังไงเลยไม่ได้เจอกัน จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 13:50:00 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ว้าว..... สวยมาก ๆ เลยค่ะ อิอิ จากคุณ : 1978 (b39kew) - [ 8 ม.ค. 52 13:51:19 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Glacier Peak from Mount Pilchuck lookout, Mt. Baker-Snoqualmie National Forrest, Washington Glacier Peak เป็นภูเขาไฟขนาดใหญ่ในเทือกเขา Cascade อีกลูกหนึ่งซึ่งเป็นลูกที่เห็นได้ยากที่สุด เพราะดันอยู่ลึกเข้าไปในเทือกเขาทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้จากเมืองข้างล่าง ภาพที่เห็นนั้นถ่ายจากยอดเขาอีกลูกชื่อ Mount Pilchuck  ถ้าเคยผ่านตากระทู้เก่าของผม  http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6904787/E6904787.html ทางขึ้นไปยังยอด Mount Pilchuck นั้นก็อยู่ในบริเวณเดียวกัน พอขึ้นถึงยอดสุดจะมีหอสังเกตการณ์ไฟป่าอยู่บนนั้น วิวบน Mount Pilchuck นั้นสามารถเห็นเกือบทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็น landmark ทางฝั่งตะวันตกของรัฐวอชิงตันเลยทีเดียวตั้งแต่ Mount Baker, Mount Shuksan, Glacier Peak, Mount Rainier, Olympic Mountains, San Juan Islands ไปจนถึงเมือง Seattle เลยทีเดียว ถ้าใครแวะผ่านไปแถวๆนั้นแล้วมีเวลาและมีแรง ขอแนะนำ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 13:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 6 รอดูต่อน๊า เปิดรูปแรกมาปุ๊บ เลื่อนมาเจอรูป 2 นี่แว๊บบ...เลย จากคุณ : fox-uk - [ 8 ม.ค. 52 13:51:34 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อีกสามรูปต่อไปนี้เป็นรูปที่ถ่ายจากคาบสมุทรโอลิมปิค (Olympic Peninsula) ถ้าใครได้อ่านหรือดูเรื่อง Twilight คงจะคุ้นหูเมืองชื่อ Forks ซึ่งอยู่บนคาบสมุทรโอลิมปิคนี่เอง ก็เลยขอถือโอกาสพาเที่ยวแถวๆนั้นซะเลยเผื่อมีคนอยากรู้ว่าบรรยากาศแถวๆนั้นเป็นยังไง คาบสมุทรโอลิมปิคนี้เป็นดินแดนส่วนที่อยู่มุมตะวันตกเฉียงเหนือสุดของประเทศอเมริกา (ถ้าไม่นับอลาสก้า) ใจกลางของคาบสมุทรนั้นเป็นที่ตั้งของเทือกเขาโอลิมปิคซึ่งแปลกไปจากเทือกเขาอื่นๆตรงที่เป็นเทีือกเขาที่มีรูปร่างเป็นวงกลมแทนที่่เป็นเทือกยาวๆ เหมือนเทือกเขาตามปกติ ทางด้านตะวันตกของเทือกเขาโอลิมปิคนั้นตั้งประจันหน้ารับลมฝนจากมหาสมุทรแปซิฟิค ทำให้บริเวณนั้นมีปริมาณฝนตกเยอะเป็นพิเศษ ก็เลยเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในโลกที่มีป่าฝนเขตอบอุ่น (temperate rainforest) อยู่ (รอบๆเมือง Forks นั่นแหละ) สมัยก่อนผมก็เคยงงว่าหนาวๆแบบนี้มันมีป่าฝนด้วยเรอะ ก็เลยเพิ่งมาถึงบางอ้อตอนหลังว่าป่าฝนมันมีทั้งป่าฝนเขตร้อนแบบบ้านเรากับป่าฝนเขตอบอุ่น ป่าฝนบนคาบสมุทรโอลิมปิคนี้อาจนับได้ว่าเป็นหนึ่งในป่าฝนเขตอบอุ่นที่มีอาณาเขตกว้างที่สุดในโลก บนคาบสมุทรโอลิมปิคนี้เป็นที่ตั้งของ Olympic National Park ซึ่งมีทั้งส่วนที่เป็น Olympic Mountains ตรงใจกลางคาบสมุทรกับส่วนที่เป็นชายฝั่ง ดังนั้นหลายๆคนจึงบอกว่า Oylmpic National Park เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีทุกอย่างที่คุณต้องการตั้งแต่ภูเขาหิมะ, ป่าฝน ไปจนถึงชายทะเล จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 13:53:26 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Hurricane Ridge, Olympic National Park, Washington เริ่มจากเมือง Port Angeles ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในคาบสมุทร (แล้วก็เป็นเมืองที่น้อง Bella ไปเซ่อซ่าหลงทางจนถูกเด็กแก๊งรังควาน ต้องลำบากให้สุดหล่อมาช่วยแล้วแถมต้องพาไปกินข้าวเย็นอีก  ) นักท่องเที่ยวสามารถขับเข้าไปใน Olympic National Park ในบริเวณ Hurricane Ridge ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดในรัฐวอชิงตัน จาก Hurricane Ridge ถ้ามองไปทางทิศเหนือก็จะสามารถเห็นตัวเมือง Port Angeles, Strait of Juan de Fuca (ซึ่งเป็นทะเลที่กั้นระหว่างอเมริกาและแคนาดา) ไปไกลจนถึงเมือง Victoria ในฝั่งแคนาดาเลยทีเดียว ส่วนถ้ามองไปทางทิศใต้ก็จะเทือกเขาหิมะสลับซับซ้อนในใจกลางเทือกเขาโอลิมปิค  ในรูปถ่ายจาก Sunrise trail ซึ่งต้องเดินออกมาจาก Hurricane Ridge Visitor Center อีกเล็กน้อย ===สวัสดีครับคุณ1978 (b39kew), คุณ  fox-uk จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 13:57:44 ]

ความคิดเห็นที่ 9 Mount Olympus from Mount Ellinor summit, Washington ในใจกลางเทือกโอลิมปิคเป็นที่ตั้งของ Mount Olympus ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในคาบสมุทรโอลิมปิค ชื่อ Mount Olympus นี่ไม่ได้ถูกตั้งตามชื่อกล้องยี่ห้อดังแต่อย่างใด แต่ถูกตั้งโดยนักสำรวจสมัยก่อนที่ประทับใจในความยิ่งใหญ่ของมันจนต้องตั้งชื่อตาม Mount Olympus ในกรีกโบราณซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้า Mount Olympus นี้นอกจากจะเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในบริเวณนี้แล้วยังมีความพิเศษอีกอย่างคือถึงแม้ว่า  Mount Olympus เป็นภูเขาที่ไม่ได้สูงมากมาย (ยังเตี้ยกว่าดอยอินทนนท์บ้านเรา)แต่มีธารน้ำแข็ง (glacier) จำนวนหนึ่งอยู่บนนั้น ตามปกติแล้วธารน้ำแข็งมีเกิดขึ้นเฉพาะในบริเวณที่หนาวเย็นจัดตลอดปีอย่างบนยอดเขาสูงๆ (ต่างจากอลาสก้าซึ่งหนาวอยู่แล้วเลยสามารถมีธารน้ำแข็งได้ที่ระดับน้ำทะเล) Mount Olympus จริงๆ ยังเตี้ยเกินกว่าที่จะมีธารน้ำแข็งได้ แต่เนื่องจากบริเวณนี้มีความชื้นจากมหาสมุทรสูงจึงทำให้มีปริมาณหิมะมหาศาลตกบนยอดเขาจนสามารถสะสมกันจนเป็นธารน้ำแข็งได้ ในเทือกเขาโอลิมปิคนี้จัดว่าเป็นบริเวณที่เตี้ยที่สุดในสหรัฐอเมริกา(ยกเว้นอลาสก้า) ที่มีธารน้ำแข็ง เพราะ Mount Olympus ซ่อนตัวอยู่ใจกลางเทือกเขาโอลิมปิคทำให้สามารถมองเห็นได้ยากจากพื้นข้างล่างยกเว้นว่าจะถอยไปดูไกลๆในทะเลเหมือนนักสำรวจสมัยก่อนที่เคยตะลึงกับความงามของมันมาแล้ว รูปที่เห็นนี้ถ่ายจากยอดเขาอีกลูกที่ชื่อ Mount  Ellinor ซึ่งอยู่ที่มุมตะวันออกเฉียงใต้สุดของเทือกเขาโอลิมปิค   สามารถขับรถมาจาก Seattle โดยใช้เวลาไม่นาน  ทางเดินขึ้นไปยังยอดเขาก็มีระยะทางไม่ไกลนัก (แต่ชันนรก) ในบริเวณด้านตะวันออกของเทือกเขาโอลิมปิคอย่าง Mount Ellinor นี้เป็นบริเวณของ Olympic National Park ที่มีคนมาน้อยที่สุดเนื่องจากไม่มีจุดชมวิวเด็ดๆแบบ Hurricane Ridge หรือป่าฝนให้ดูเหมือนทางด้านตะวันตกของคาบสมุทร แต่จะเต็มไปด้วยจุดกางเต็นท์และทางเข้าสำหรับไปเดินป่าด้านใน นักท่องเที่ยวที่มาทางด้านนี้ก็เลยมักจะเป็นแบบฮาร์ดคอร์ซะเป็นส่วนใหญ่ ผมเองก็เคยโดยเพื่อนลากเข้าไปเดินป่าแถวนี้อยู่ 3-4 วัน แทบตายเหมือนกัน จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 13:59:31 ]

ความคิดเห็นที่ 10 Point of Arches, Shi Shi Beach, Olympic National Park, Washington ลองมาดูพื้นที่ส่วนที่เป็นชายฝั่งของอุทยานบ้าง ส่วนที่เป็นชายฝั่งของคาบสมุทรนี้นับว่าเป็น highlight อย่างหนึ่งของอุทยานก็ว่าได้ ถ้าใครเคยอยู่หรือเที่ยวทาง West Coast ของอเมริกาก็คงจะรู้จักทางหลวงหมายเลข 1 เลียบชายฝั่งแคลิฟอร์เนียและหมายเลข 101เลียบชายฝั่งโอรีกอนดี ทั้งสองถนนต่างก็มีทรรศนียภาพที่งดงามจนเป็นหนึ่งใน scenic drive ที่สวยที่สุดในอเมริกา แต่ในรัฐวอชิงตันนั้นจะมีอยู่ช่วงสั้นๆเท่านั้นที่มีถนนวิ่งเลียบชายฝั่ง ที่เหลือจะวิ่งอยู่ด้านในแผ่นดิน ทำให้ในวอชิงตันนั้นไม่มี scenic drive เลียบชายฝั่งสวยๆแบบในแคลิฟอร์เนียหรือโอรีกอน แต่ข้อดี (ที่ดียิ่งกว่า)ก็คือมันทำให้ชายฝั่งวอชิงตันเป็นชายฝั่งที่ยังดิบและเป็นธรรมชาติที่สุดในสหรัฐอมริกา (ยกเว้นอลาสก้าและฮาวายตามระเบียบ) โดยเฉพาะชายฝั่งในคาบสมุทรโอลิมปิคนั้นเป็นสวรรค์สำหรับนักเดินป่าที่ต้องการเข้าไปใกล้ชิดกับธรรมขาติ ในบริเวณนี้มีเมืองที่อยู่ตามชายฝั่งน้อยมากซึ่งต่างก็เป็นเมืองในเขตสงวนของอินเดียนแดงซึ่งอยู่ในบริเวณนี้มานับพันปีแล้ว ในรูปที่เห็นนั้นคือ Shi Shi Beach ซึ่งเป็นหาดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในคาบสมุทรจนได้รับฉายาว่า "The jewel of the peninsula" เลยทีเดียว จาก Seattle จะขับรถไป Shi Shi  Beach ต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง แถมต้องเดินอีกประมาณ 5 กิโลเข้าไปยังหาด ก็เลยไม่เหมาะกับการไปเช้าเย็นกลับเท่าไหร่  เที่ยวนี้ผมก็เลยแบกเต็นท์ไปกางนอนบนหาดซะเลย ก็เลยได้รูปตอนพลบค่ำมาอย่างที่เห็น ในรูปเป็นแหลมที่ชื่อ Point of Aches ที่อยู่ปลายสุดของหาด ถ้ากะเวลาไปตอนที่น้ำลงพอดีจะมี tide pool จำนวนมากให้ไปดู tide pool คือแอ่งในก้อนหินซึ่งมีน้ำทะเลค้างอยู่หลังจากที่น้ำลงไปแล้ว ภายใน tide pool จะมีสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่ค้างอยู่ไม่ว่าจะเป็น ปลาดาว, ดอกไม้ทะเล, สาหร่าย, ปลา, ปู, หอย ฯลฯ เรียกได้ว่าเป็น aquarium ธรรมชาติก็ว่าได้ บริเวณ Point of Aches เวลาน้ำลงจะมี tide pool ให้ดูเป็นร้อยๆแอ่ง ปกติในวันหยุดสุดสัปดาห์ในช่วงหน้าร้อนจะมีคนมากางเต็นท์เยอะหน่อย แต่ผมไปวันอาทิตย์ก็เลยแทบไม่มีคน ตลอดแนวหาดยาวกว่า 3 กิโล มีอยู่แค่ 3 เต็นท์เท่านั้น ก็เลยเหมือนกับว่าเป็นหาดส่วนไปเลย จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 14:02:43 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ภาพสวยมากเลยค่ะ  ไม่ค่อยได้เห็นภาพแบบนี้เลยค่ะ จากคุณ : แตนนี่ - [ 8 ม.ค. 52 14:03:55 ]

ความคิดเห็นที่ 12 The Gorge Amphitheater, Washington ออกห่างจาก Seattle มาหน่อยจนถึงใจกลางของรัฐวอชิงตัน ภูมิประเทศและทิวทัศน์ก็เปลี่ยนไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่มีต้นไม้เขียวและฝนตกตลอดเวลาก็กลายเป็นดินแดนที่แห้งแบบทะเลทราย ยังดีที่บริเวณนี้มีแม้น้ำ Columbia ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาไหลผ่าน ก็เลยทำให้ไม่แห้งแล้งเกินไปนัก ในรูปที่เห็นคือ The Gorge Amphitheater ซึ่งเป็นเวทีคอนเสิร์ตที่ตั้งอยู่บนหน้าผาริมฝั่งเแม่น้ำ Columbia  ตรงบริเวณที่เป็นโตรกผาขนาดใหญ่ที่มีภูมิประเทศคล้ายๆ Grand Canyon ขนาดย่อมๆ  The Gorge Amphitheater  เคยได้รับการโหวตว่าเป็นเวทีคอนเสิร์ตที่สวยที่สุดในอเมริกา จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 14:05:43 ]

ความคิดเห็นที่ 13 Homer Spit, Homer, Alaska ออกมาจากรัฐวอชิงตันกันมั่ง ในรูปคือเมือง Homer ในอลาสก้า แหลมเล็กๆที่ยิื่นเข้าไปในทะเลนั่นคือ Homer Spit ซึ่งเป็นแผ่นดินแคบๆที่ยื่นเข้าไปในทะเล บนนั้นมีถนนและบ้านเรือนร้านค้าตั้งอยู่ ในฤดูท่องเที่ยวจะคึกคักมากหยั่งกับบางแสนบ้านเรา ส่วนภูเขาที่เห็นนั้นเป็นที่ตั้งของ Kenai Fjord National Park ตัวเมือง Homer เองเป็นเมืองเล็กๆน่ารักๆ คนที่มาที่นี่ส่วนใหญ่จะมาเพื่อตกปลา Halibut      ซึ่งเป็นปลาน้ำลึกขนาดใหญ่ที่มีรสชาติอร่อยมาก จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 14:07:17 ]

ความคิดเห็นที่ 14 Glacier landing at the base of Mt. McKinley, Denali National Park, Alaska ส่ิงหนึ่งสำหรับคนทีมาเที่ยวอลาสก้าไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งก็คือซื้อทัวร์เครื่องบินเล็กไปลงบนธารน้ำแข็งบน Mount McKinley ใน Denali National Park  Mount McKinley (หรือ Mount Denali ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวอลาสก้านิยมเรียกมากกว่า) เป็นภูเขาที่สูงที่สุุดในทวีปอเมริกาเหนือ นักปีนเขาที่ต้องการมาพิชิตยอดนั้นต้องนั่งเครื่องบินเล็กมาลงที่ base camp ที่ตีนเขาก่อนแล้วค่อยปีนเขาขึ้นไป ส่วนเรานั่งมาลงเพื่อถ่ายรูปอย่างเดียว  :) จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 14:09:08 ]

ความคิดเห็นที่ 15 Crater Lake National Park, Oregon Crater Lake นั้นเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนอดีตภูเขาไฟขนาดยักษ์ที่ชื่อ Mount Mazama  ซึ่งหลังการระเบิดคร้ังมโหฬารในสมัยโบราณ ยอดเขาได้ยุบตัวลงเป็นแอ่งขนาดยักษ์ซึ่งต่อมาก็มีน้ำที่เกิดจากหิมะละลายลงมาขังจนเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่อยู่ในปากปล่องภูเขาไฟอีกที  ปริมาณน้ำทั้งหมด มาจากหิมะและฝน ไม่มีทางระบายออกหรือมีแม่น้ำมาเทเข้าใดๆทั้งสิ้น  Crater Lake เป็นทะเลสาบที่มีความลึกที่สุดในซีกโลกตะวันตก น้ำในทะเลสาบมีสีน้ำเงินเข้มจัดดูสวยงามมาก ชาวอินดียนแดงท้องถิ่นเชื่อว่ามีสัตว์ประหลาดอาศัยอยู่ในทะเลสาบ แต่ตอนผมไปไม่เจอซักตัวนะ ;) จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 14:11:16 ]

ความคิดเห็นที่ 16 View from Glacier Point, Yosemite National Park, California ลงต่อมานิดหน่อยใน California ก็จะมีอุทยานแห่งชาติสุดฮิตนั่นคือ Yosemite National Park ที่อยู่ห่างจากซานฟานซิสโกไปไม่กี่ชั่วโมง ในรูปคือวิวจาก Glacier Point ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวมุมกว้างของ Yosemite Valley ได้ ตั้งแต่ Yosemite Falls ยัน Half Dome จริงด้านหลัง Half Dome ในรูปยังมี  Vernal Fall และ Nevada Fall อีกแต่ไม่ได้เอามาต่อด้วยเพราะรูปมันจะยาวไป จากถนนสายหลักในอุทยานสามารถขับรถขึ้นมาที่ Glacier Point ได้เลย (ถนนจะปิดในหน้าหนาว)  จริงๆแล้วก็มี trial สำหรับเดินขึ้นมาที่ Glacier Point จากพื้นข้างล่าง แต่คนที่เดินหอบๆขึ้นมาพอถึงยอดเจอรถจอดเพียบ แถมมีนักท่องเที่ยวนั่งกินไอติมรออยู่คงเครียดจัด :) ==สวัสดีครับคุณแตนนี่ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 14:15:12 ]

ความคิดเห็นที่ 17 Cap Rock, Joshua Tree National Park, California ลงมาทางใต้ของ California ภูมิประเทศจะเป็นทะเลทรายซะเยอะ   Joshua Tree เป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติในทะเลทรายที่ อยู่ใกล้ๆ LA  และ  San Diego ชื่ออุทยานนี้ ตั้งตามชื่อต้นไม้ ชนิดหนึ่งที่ขึ้นอยู่อย่างแพร่หลายแถวๆ นั้น   นั่นก็คือต้น Joshua  นี่เอง  ชื่อของต้นไม้ รูปร่างแปลกๆ  นี้มีที่มาจาก นักสอนศาสนาสมัยก่อนที่ เห็น กิ่งก้านของต้นไม้ ชนิดนี้เหมือนคนกำลังสวดมนต์  เลยตั้งชื่อว่า โจชัว ตามผู้นำชาวอิสราเอลในคัมภีไบเบิล  ถ้าขับรถมาเที่ยวแถวนี้ควรเปิดอัลบัม   Joshua Tree ของ U2 ไปด้วย จะได้บรรยากาศ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 14:16:42 ]

ความคิดเห็นที่ 18 Zabriskie Point, Death Valley National Park, California อุทยานแห่งชาติที่มีชื่อน่ากลัวนี้เป็นที่รวมสถิติหลายๆอย่าง ได้แก่เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีอาณาเขตกว้างขวางที่สุดในสหรัฐอเมริกา(ยกเว้นอลาสก้าอีกแล้ว), เป็นจุดที่ต่ำที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือและเป็นบริเวณที่ร้อนและแห้งที่สุดในสหรัฐอเมริกา ในช่วงหน้าร้อนอุณหภูมิสามารถสูงขึ้นไปถึง 50 กว่าองศาเซลเซียสเป็นปกติ  ถึงแม้ว่าสภาพแวดล้อมโดยรวมจะไม่เอื้ออำนวยต่อการอาศัยอยู่  แต่ในบริเวณ Death Valley นี้ก็มีทั้งอินเดียแดงและนักบุกเบิกยุคแรกๆมาตั้งรกรากอยู่ตามโอเอซิสมานานแล้ว ในรูปเป็นจุดชมวิวสุดฮิตที่ชื่อ Zabriskie Point จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 14:18:14 ]

ความคิดเห็นที่ 19 Bryce Point, Bryce Canyon  National Park, Utah รัฐยูท่าห์นั้นอาจนับได้ว่าเป็นดงอุทยานแห่งชาติก็ว่าได้เพราะมีอุทยานดังๆอยู่ติดๆกันกว่า 4-5 แห่งเลยทีเดียว (เมื่อเทียบกับบางรัฐที่มีอยู่แห่งสองแห่งหรือไม่มีเอาเลย) หนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่ดังที่สุดก็คงไม่พ้น Bryce Canyon ที่มีเอกลักษณ์เป็นหน้าผาที่มีเสาหินเป็นจำนวนนับพัน เสาหินเหล่านี้เกิดจากหน้าผาที่ถูกกัดกร่อนจากน้ำและหิมะจนเหลือแต่ส่วนที่แข็งกว่าบริเวณรอบข้าง  จากที่ฟังจาก ranger ว่ากันว่าอัตราการกัดกร่อนจะร่นเข้าไปประมาณ 1 ฟุตทุกสิบปีซึ่งนับว่าเร็วมาก เสาหินที่ว่าก็ไม่ได้แข็งแรงเท่าไหร่นัก ยังมีการหักถล่มลงมาเรื่อยๆ ขนาดเดินๆอยู่ก็ยังได้ยินเสียงก้อนหินหล่นเป็นระยะ หิมะที่เห็นในรูปไม่ใช่หิมะที่เหลือค้างจากฤดูหนาวเป็นหิมะที่เพิ่งตกใหม่ทั้งๆที่ตอนผมไปก็เดือนพฤษภาฯเข้าไปแล้ว เรียกว่าอากาศที่นี่ไว้ใจไม่ได้จริงๆ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 14:24:58 ]

ความคิดเห็นที่ 20 Delicate Arch, Arches National Park, Utah ถัดจาก Bryce Canyon ออกมาเรื่อยๆทางตะวันออกในบริเวณเมือง Moab ใกล้พรมแดนกับรัฐโคโลราโดนั้นมีอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงอีกแห่งก็คือ Arches National Park ภายในอุทยานฯนั้นมีสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่งนั่นคือเป็นแหล่งรวมหินโค้ง (arch) จำนวนมาก หินโค้งเหล่านี้เกิดจากกัดกร่อนจากลม, น้ำและ หิมะมาเป็นเวลานับล้านๆปี โดยตอนแรกนั้นการกัดกร่อนทำให้เกินรูตรงกลางก่อน หลังจากนั้นรูก็ขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆจนเป็นรูปหินโค้งในปัจจุบัน หินโค้งเหล่านี้บ้างก็เป็นรูปเกือกม้า บ้างก้เป็นรูปสะพาน และต่างก็มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร  ในรูปนั้นคือ Delicate Arch ซึ่งเป็นหินโค้งที่มีชื่อเสียงที่สุดและเป็นสัญลักษณ์ของรัฐยูท่าห์ (ซึ่งปรากฏอยู่บนป้ายทะเบียนรถ, สแตมป์ ฯลฯ) ถึงแม้มีรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นแบบนี้แต่จริงๆมีขนาดใหญ่โตมาก คนส่วนใหญ่ที่เห็นจะรู้สึกเลยว่ามันใหญ่กว่าที่คิดไว้เยอะ  สำหรับหินโค้งเหล่านี้อย่าลืมว่าการกัดกร่อนตามธรรมชาติก็ยังดำเนินอยู่ เมื่อรูใต้ acrh ขยายจนถึงจุดหนึ่ง arch ก็จะถล่มลงมา  ตัวอย่างล่าสุด Wall Arch ซึ่งเป็นหินโค้งที่มีชื่อเสียงอีกอันของอุทยานฯก็เพิ่งถล่มลงเมื่อปีที่แล้วนี่เอง จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 14:26:36 ]

ความคิดเห็นที่ 21 Monument Basin from Grand View Point, Island in the Sky,  Canyonlands National Park, Utah อุทยานแห่งชาติอีกแห่งที่อยู่ติดกับ Arches National Park ตรงเมือง Moab ก็คือ Canyonlands National Park ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในรัฐยูท่าห์ และเป็นอุทยานฯที่ภูมิประเทศแปลกตาที่สุดแห่งหนึ่ง เนื่องจากมีอาณาเขตกว้างขวางมาก อุทยานๆแห่งนี้เลยสามารถแบ่งได้เป็น 3 เขตซึ่งต่างก็มีทัศนียภาพที่ต่างกันนั่นคือ Island in the Sky ซึ่งเป็นบริเวณที่ราบสูงที่เต็มไปด้วยหน้าผาและหุบเขา, The Needles ซึ่งเป็นบริเวณที่เต็มได้ด้วยเสาหินและ The Maze ซึ่งเป็นบริเวณที่ห่างไกลที่สุด  สามารถเข้าถึงได้ด้วยการเดินเท้าหรือใช้รถ 4x4 เท่านั้น ถึงแม้ว่า  Canyonlands เป็นอุทยานฯที่มีทัศนียภาพที่สวยงามมาก แต่เนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวกรวมถึงถนนลาดยางเข้าไปน้อย อีกทั้งสถานที่ที่เป็นจุดเด่นของอุทยานนั้นต้องอาศัยการเดินเท้าหรือใช้รถ 4x4 เข้าไปดู ก็เลยทำให้ Canyonlands มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมน้อยกว่าเมื่อเทียบกับอุทยานฯแห่งอื่นๆในรัฐยูท่าห์ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสวรรค์ของนักเดินป่าที่เดินเข้าไปพักแรมในหุบเขาทีละหลายๆวัน จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 14:28:31 ]

ความคิดเห็นที่ 22 รูปสวยมากๆ ค่ะ คุ้นๆ ว่าใช่คุณโหน่งหรือเปล่าที่เคยมารีวิว Alaska  ^^ จากคุณ : กาแฟขม - [ 8 ม.ค. 52 14:28:34 ]

ความคิดเห็นที่ 23 Monument Valley, Utah/Arizona บริเวณทางตอนใต้ของรัฐยูท่าห์ต่อกับรัฐแอริโซน่านั้นมีหุบเขาที่มีชื่อเสียงอีกแห่งนั่นคือ Monument Valley ภายในหุบเขานั้นมีทัศนียภาพที่สะดุดตาเหลือหลาย ภาพยนต์แนวคาวบอยตะวันตกหลายๆเรื่องใช้หุบเขานี้เป็นฉากจนเรียกว่า Monument Valley นั้นกลายเป็นสัญลักษณ์ของดินแดนตะวันตกไปแล้ว จริงๆแล้ว Momument Valley แห่งนี้อยู่ในเขตสงวนของอินเดียนแดงเผ่านาวาโฮ (Navajo) ซึ่งเป็นเขตสงวนที่มีอาณาเขตกว้างขวางที่สุดในอเมริกา ประมาณว่าใหญ่พอๆกับรัฐเล็กๆรัฐหนึ่งเลยที่เดียว ภายในเขตสงวนนั้นมีกฏหมายของตัวเองใช้ ตอนผมขับรถเข้าไปในบริเวณนี้จะรู้สึกเลยว่าเหมือนเข้ามาอยู่ในประเทศอีกประเทศหนึ่ง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนั้นทางกองทัพสหรัฐได้สร้างรหัสลับสำหรับใช้ทางการทหารโดยพัฒนามาจากภาษา Navajo นี่เอง ในตอนนั้นมีชาว Navajo หลายคนอาสาเข้าร่วมกองทัพเป็นผู้แปลและส่งรหัสลับ ภายใน Monument Valley ก็มีที่สดุดีวีรชนเหล่านี้ไว้ด้วย จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 14:31:26 ]

ความคิดเห็นที่ 24 Meteor Crater, Arizona เวลาเรามองเห็นดาวตกยามค่ำคืนนั้น อุกาบาตที่ผ่านเข้ามาในบรรยากาศโลกนั้นเกือบทั้งหมดถูกเผาไหม้ไปจากการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศ มีน้อยมากที่มีขนาดใหญ่พอที่จะเหลือรอดลงมาถึงพื้นโลก  ยิ่งถ้าคิดถึงอุกาบาตขนาดใหญ่พุ่งเข้าชนโลก จนเกิดหลุมอุกาบาตแบบที่เห็นบนดวงจันทร์นั้น หลายๆคนอาจคิดว่าไม่มี จริงๆแล้วบนโลกเรานี้มีหลักฐานว่าเคยถูกอุกาบาตขนาดใหญ่ (อย่างเช่นมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 10 กิโลเป็นต้น) ตกลงมาบนโลกจากการที่มีหลุมอุกาบาตขนาดใหญ่หลายแห่งกระจายอยู่ทั่วโลก แต่หลุมอุกาบาตเหล่านี้ต่างก็แปรสภาพไปเช่นกลายเป็นทะเลสาบ, มีป่าขึ้นปกคลุมจนดูไม่เป็นหลุม หรือไม่ก็อยู่ใต้ทะเล เลยทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าโลกเราก็เคยโดนอุกาบาตถล่มไม่ใช่น้อยๆเลย ปรากฏการณ์นี้บ่งบอกว่าโลกนั้นยังมีชีวิตเนื่องจากยังมีกิจกรรมทางธรณีวิทยา (อย่างเช่นแผ่นดินไหว, ภูเขาไฟระเบิด, น้ำท่วม ฯลฯ) ที่ทำให้หลุมอุกาบาตนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ต่างจากดาวที่ไม่มีกิจกรรมทางธรณีวิทยาแล้วอย่างดวงจันทร์ซึ่งเมื่อเกิดหลุมอุกาบาตแล้วก็จะคงรูปแบบนั้นตลอดไป หลุมอุกาบาตที่ยังคงรูปชัดเจนที่สุดในโลกนั้นอยู่ในรัฐแอริโซน่าใกล้ๆกับเมือง Flagstaff  มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณกิโลเมตรกว่าๆ นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานกันว่าเกิดจากอุกาบาตขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 50 เมตรพุ่งเข้าชนเมื่อประมาณ 50,000   ปีที่แล้ว จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 14:34:44 ]

ความคิดเห็นที่ 25 รอ..ร๊อ..รอ รอ  ตั้งแต่ต้น จนถึง ตอนจบ.........อิอิ จากคุณ : babyfresh - [ 8 ม.ค. 52 14:38:31 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตะลึงกับภาพที่สวยเกินคำบรรยายใดๆๆๆๆ โลกเรานี้ มีที่สวยงามมากมายเหลือเกิน ที่สำคัญฝีมือคนถ่ายก้อสุดยอดจริงๆ ค่ะ ไม่ทราบใช้กล้องอะไร และเลนส์แบบไหน ถ่ายรูปคะ ภาพถึงได้สวยเหมือนจินตนาการขนาดนี้ จากคุณ : t_taeng - [ 8 ม.ค. 52 14:38:57 ]

ความคิดเห็นที่ 27 Grand Canyon, Arizona คงไม่ผิดนักถ้าจะเรียก Grand Canyon ว่าเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก หุบเขาขนาดยักษ์แห่งนี้เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำ Colorado เป็นเวลาหลายล้านปี  จากบนริมหน้าผานั้นมีทางเดินยาวหลายกิโลลงไปยังแม่น้ำ Colorado  ด้านล่าง รวมไปถึงทางเดินไปขึ้นหน้าผาอีกฝั่งหนึ่งเลยทีเดียว (ซึ่งต้องใช้เวลาเดิน 3-4 วัน) ทางอุทยานมีการเตือนกันไว้ก่อนเลยว่าอย่าพยายามเดินลงไปแม่น้ำแล้วกลับขึ้นมาภายในหนึ่งวัน ที่ดีแล้วควรจะค้างหนึ่งคืนด้านล่างแล้วค่อยเดินขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น เนื่องจาก Grand Canyon นั้นขาไปแม่น้ำเป็นขาเดินลงเดินสบายตัวปลิวเลย แต่ขาขึ้นนั้นตัวใครตัวมัน นักท่องเที่ยวหลายคนจะประมาทเพราะเห็นว่าเดินลงไปง่ายๆแต่ไม่ได้คิดถึงว่าขาขึ้นจะต้องใช้เวลาขนาดไหน อีกจุดหนึ่งที่ค่อนข้างอันตรายก็คือถึงแม้บนหน้าผานั้นจะอากาศเย็นสบายแต่ยิ่งลงไปอากาศจะร้อนขึ้นเรื่อยๆจนบางคนเกิดอาการขาดน้ำหรือเป็น heat stroke จนต้องให้หน่วยกู้ภัยลงมาแบกขึ้นไป ==สวัสดีครับคุณกาแฟขม  ใช่แล้วครับ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 14:38:57 ]

ความคิดเห็นที่ 28 Swiftcurrent Lake, Many Glacier, Glacier National Park, Montana จากฝั่งตะวันตกของอเมริกาถัดเข้าในทวีปหน่อยจะเป็นเทือกเขา Rocky ซึ่งเป็นเทือกเขาขนาดยักษ์ที่ทอดตัวลงตั้งแต่แคนาดา บนเทือกเขา Rockyในรัฐมอนทาน่าตรงพรมแดนแคนาดา เป็นที่ตั้งของ Glacier National Park ถึงแม้ว่าชื่ออุทยานฯจะตั้งตามธารน้ำแข็งที่เคยมีอยู่มาก แต่ในปัจจุบันปรากฏว่า Glacier National Park เป็นหนึ่งในจุดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจาก climate change ทำให้ธารน้ำแข็งละลายไปเป็นจำนวนมาก ในปัจจุบันจึงเหลือธารน้ำแข็งอยู่ไม่กี่แห่งเท่านั้น ภายในอุทยานฯมีถนนที่มีชื่อเสียงมากนั่นคือ Going-to-the-Sun Road ที่วิ่งตัดผ่านอุทยานจากตะวันตกไปตะวันออก แต่รูปที่ถ่ายมานี้ไม่ได้อยู่บน Going-to-the-Sun Road แต่เป็นทะเลสาบที่อยู่ขอบทางด้านตะวันออกของอุทยานฯ บริเวณนี้มีชื่อว่า Many Glacier ซึ่งเป็นที่ตั้งของรีสอร์ตสุดหรูพร้อมท่าเรือสำหรับล่องทะเลสาบ ถ้าใครงบไม่ถึงก็มีที่ให้กางเต็นท์เหมือนกันแต่คนจะค่อนข้างเยอะในฤดูท่องเที่ยว ==สวัสดีครับคุณbabyfresh,  คุณt_taeng   ตอนนี้ก็มาได้ค่อนทางแล้วครับ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 14:44:22 ]

ความคิดเห็นที่ 29 Lamar Valley, Yellowstone National Park, Wyoming ถ้าใครไป Yellow Stone โดยผ่านเข้ามาทางตะวันออกเฉียงเหนือของอุทยานฯ จะต้องผ่านบริเวณที่เรียกว่า Lamar Valley ซึ่งได้ฉายาว่าเป็น The Safari of America เนื่องจากอุดมไปด้วยสัตว์ป่าให้เห็นกันได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ในช่วงพลบค่ำหรือเช้าตรู่จะเป็นสวรรค์ของนักส่องสัตว์ทั้งหลายที่จะมาตั้งกล้องส่องสัตว์อยู่ในบริเวณนี้กันเป็นกลุ่มๆ Yellow Stone ในสมัยก่อนนั้นเคยมีหมาป่าอาศัยอยู่แต่โดนกวาดล้างไปหมดในครึ่งแรกของศตวรรษที่แล้วด้วยข้อหาที่ว่ามันไปกินเก้งกวางที่เป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวในสมัยนั้น ในปัจจุบันมีการนำหมาป่าเข้ามาแพร่พันธุ์ใหม่โดยเริ่มจากบริเวณ Lamar Valley นี่เอง ซึ่งโครงการณ์นี้ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ตอนนี้อุทยานฯมีประชากรหมาป่าค่อนข้างคงตัว ตอนผมไปก็มีโอกาสได้เห็นหมาป่าเหมือนกันแต่เห็นจากระยะไกลมากจนกล้องสองตาที่ผมมียังส่องไม่ถึง เลยต้องยืมกล้องของมืออาชีพแถวๆนั้นถึงค่อยเห็นเป็นหมาป่าหน่อย ;) จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 14:46:27 ]

ความคิดเห็นที่ 30 Grand Teton National Park, Wyoming อุทยานแห่งชาติชื่อดังอีกแห่งที่อยู่ติดกับ Yellowstone ก็คือ Grand Teton National Park เรียกว่าถ้าใครไป Yellowstone ก็ต้องไป Grand Teton ด้วยเป็นแพคเกจไปเลย ในความเห็นของผมแล้ว ถึงแม้ว่า Yellowstone จะเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติมากมาย แต่นอกจาก Grand Canyon of Yellowstone แล้วยังไม่มีอะไรที่ดูยิ่งใหญ่อลังการ   Grand Teton ที่อยู่ติดกันนั้นสามารถเป็นส่วนเติมเต็มซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี ตอนที่ผมขับรถจาก Yellowstone เข้าไปใน Grand Teton วินาทีแรกที่เห็น Grand Teton สะท้อนอยู่ในทะเลสาบนั้นเป็นภาพที่ประทับอยู่ในความทรงจำจนวันตายเลยทีเดียว จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 14:48:43 ]

ความคิดเห็นที่ 31 Yellow Mound Point, Badlands National Park, South Dakota ถัดจาก Yellowstone ในรัฐไวโอมิ่งเข้าไปทางตะวันออกก็จะเป็นรัฐ เซาธ์ดาโกต้าซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นรัฐโล่งๆ(ขับๆอยู่นี่เจอเมืองน้อยมาก) แต่ก็เต็มไปด้วยอุทยานฯที่น่าสนใจหลายแห่งอาทิเช่น Jewel Cave, Wind Cave จนไปถึง icon ของอเมริกาอย่าง Mount Rushmore  อุทยานฯทั้งสามแห่งที่พูดมานั้นกระจุกตัวอยู่ในบริเวณเทือกเขาที่เรียกว่า Black Hills ซึ่งอยู่ในบริเวณรอยต่อระหว่างรัฐไวโอมิ่งและเซาธ์ดาโกต้า แต่ถ้าขับรถเลย Black Hills ไปอีกหน่อยก็จะถึงอุทยานฯที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกแห่งหนึ่งของสหรัฐนั่นคือ Badlands National Park  ตัว Badlands เองนั่นเป็นหุบเขาที่ส่วนที่เป็นหน้าผานั้นถูกกัดเซาะออกเป็นรูปร่างต่างๆรวมทั้งมีสีสันจากชั้นหินที่เผยตัวออกมาหลังจากกัดกร่อนจากทั้งลมและหิมะ ส่วนที่อยู่บนหุบเขานั้นเป็นทุ่งหญ้า prairie กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาอันเป็นที่อยู่ของสัตว์นานาชนิดอย่างเช่นฝูงควาย bison และ prairie dog   ทั้ง Black Hills และ Badlands นั้นนอกจากจะมีภูมิประเทศที่สวยงามแล้วยังเป็นบริเวณที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของอเมริกาด้วยนั้นคือเป็นสมรภูมิอันดุเดือดระหว่างกองทัพอเมริกันและอินเดียนแดงเผ่า Sioux จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 14:51:29 ]

ความคิดเห็นที่ 32 Niagara Falls, New York/Ontario น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในอเมริกาก็คงไม่พ้นน้ำตกไนแอการ่าที่อยู่ตรงชายแดนระหว่างรัฐนิวยอร์คของอเมริกาและออนทาริโอของแคนาดาพอดี เมืองที่อยู่ตรงน้ำตกทั้งในฝั่งอเมริกาและแคนาดานั้นมีชื่อเหมือนกันก็คือเมือง Niagara Falls ซึ่งสามารถข้ามไปมาถึงกันผ่านสะพานข้ามแม่น้้ำไนแอการ่า (Rainbow bridge) ที่ปลายสะพานทั้งสองข้างนั้นมีด่านตรวจคนเข้าเมืองของทั้งสองประเทศอยู่  น้ำตกไนแอการ่านั้นประกอบด้วยน้ำตกสองแห่งติดกันนั่นคือ American Falls และ Horseshoe Falls  ในภาพนี้ถ่ายจากบนสะพานข้ามพรมแดนอเมริกา/แคนาดา น้ำตกใหญ่ๆที่เห็นทางซ้ายมือนั้นคือ American Falls ทางขวาของ American Falls นั้นเป็นน้ำตกเล็กๆที่ชื่อ Bridal Veil Falls ส่วนน้ำตกที่อยู่ไกลๆทางขวามือสุดนั้นคือ Horseshoe Falls ซึ่งจริงๆมีขนาดใหญ่กว่าแต่เนื่องจากเป็นน้ำตกที่โค้งเป็นรูปเกือกม้า รูปนี้มุมกล้องเลยมองเห็นว่ามันเล็กกว่า จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 14:54:33 ]

ความคิดเห็นที่ 33 Hawksbill Mountain, Shenandoah National Park, Virginia ถึงแม้ว่าอุทยานแห่งชาติทางฝั่งตะวันออกของอเมริกาจะไม่ได้ดูยิ่งใหญ่ชนิดที่เห็นแล้วอ้าปากค้างแบบในฝั่งตะวันตก แต่อุทยานฯเหล่านี้ก็มีเสน่ห์ในตัวของมันเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ป่าเปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง นั้นป่าทั้งป่าจะเต็มไปด้วยสารพัดสีราวกับมีใครเอาสีไปแต้มไว้ซึ่งภาพแบบนี้หาดูได้ค่อนข้างยากในฝั่งตะวันตก Shenandoah National Park เป็นหนึ่งในอุทยานทางฝั่งตะวันออกที่มีชื่อเสียงมาก จะเรียกได้ว่าอุทยานฯแห่งนี้เป็นสวนกลางกรุงก็ว่าได้เนื่องจากถูกรายล้อมไปด้วยเมืองเล็กเมืองน้อย (อยู่ห่างกรุงวอชิงตันดีซีไปประมาณ 100 กิโลเท่านั้น) บนอุทยานแห่งนี้มีถนนที่วิ่งผ่านบนสันเขาตลอดแนวอุทยานมีชื่อว่า Skyline Drive ซึ่งมีจุดให้จอดรถชมวิวตามรายทางจำนวนนับไม่ถ้วน ในภาพนี้ถ่ายจาก Hawksbill Mountain ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดในอุทยานฯในช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีเต็มที่ตอนประมาณกลางเดือนตุลาคม ==ภาพสุดท้ายแล้วครับ  โพสนานจนลืมดูเวลา  ติชมได้ตามสะดวกครับ หรือจะสอบถามอะไรเพิ่มเติมก็ได้ครับ แต่ตอนนี้ต้องขอไปนอนก่อนแล้ว   จากคุณ : <โหน่ง> - [ 8 ม.ค. 52 15:02:35 ]

ความคิดเห็นที่ 34 สวยมาก เลยครับ สุดยอดเลย ครับ  ข้าน้อย ขอเป็นศิษย์ ด้วยคนได้ป่าวครับ .... จากคุณ : รองเท้าข้างขวา - [ 8 ม.ค. 52 15:16:30 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอเกาะล้อไปด้วยคนคร๊าบ...ไม่รู้ทันหรือเปล่า ตื่นตาตืนใจทั้งเนื้อเรืองและภาพมากเลยครับ จากคุณ : Civict2003 - [ 8 ม.ค. 52 15:20:53 ]

ความคิดเห็นที่ 36 สวย สวย ทั้งนั้นเลยค่ะ จากคุณ : BeeVee' - [ 8 ม.ค. 52 15:31:55 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ว้าว สวยมากเลยค่ะ สวยทุกรูป วิวอย่างนี้นี่ชอบที่สุดเลยค่ะ เดี๋ยวจะต้องจดเอาไว้ ยังไงชีวิตนี้ก็ต้องไปให้ได้ จากคุณ : Yai Kaew - [ 8 ม.ค. 52 15:32:52 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อ้ากกก... กำลังจะไปแถว NY สงสัยต้องไป Niagara Falls หน่อยแล้ว จากคุณ : งุ๊งงิ๊งนุ๊งนิ๊ง - [ 8 ม.ค. 52 15:40:25 ]

ความคิดเห็นที่ 39 โอออออออออออออออ เห็นแล้วแทบละลาย...พาเค้าไปมั่งจิ นะนะ..... จากคุณ : Jook^Ka^Jick - [ 8 ม.ค. 52 17:36:12 ]

ความคิดเห็นที่ 40 สวยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อเมริกายังมีอะไรดีๆ ให้ค้นหาอีกเยอะเลย ขอบคุณที่นำมาภาพสวยๆ มาให้ชมครับ จากคุณ : หน้าแว่น - [ 8 ม.ค. 52 18:38:24 ]

ความคิดเห็นที่ 41 สวยมากๆ เลยค่ะ ชอบๆ จากคุณ : Cheesier - [ 8 ม.ค. 52 18:43:51 ]

ความคิดเห็นที่ 42 สวยมากๆเลยค่ะ ได้ความรู้เพิ่มอีกมากมายเลย ^ ^ จากคุณ : ลูกหมูหวาน - [ 8 ม.ค. 52 22:56:34 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ตก อยู่ใน ภวังค์  เคลิบ เคลิ้ม  เกินบรรยาย จากคุณ : id_aer - [ 9 ม.ค. 52 03:53:44 ]

ความคิดเห็นที่ 44 หลงใหลไปกับบรรยากาศในภาพมากๆ เลยค่ะ อยากไปสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ด้วยตัวเองบ้างจัง ^^ ปล. ถ่ายภาพได้สวยมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณที่มารีวิวให้ได้ชมกันนะค่ะ จากคุณ : Sabiene' - [ 9 ม.ค. 52 16:37:53 ]

ความคิดเห็นที่ 45 สวัสดีครับ ทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมกระทู้  เห็นหลายท่านชมว่าถ่ายรูปสวยต้องออกตัวไว้ก่อนว่าสถานที่มันสวยมากทำให้รูปที่ออกมาสวย ได้ง่าย แต่ฝีมือถ่ายรูปของผมนั้นยังอยู่ในระดับเร่ิมต้นมากๆ :) รองเท้าข้างขวา==ดีใจที่ชอบครับ  ลองเข้าไปที่เวบที่ผมบอกไว้ต้นกระทู้ซิครับจะได้ฝืกต่อภาพพาโนแล้วเอามาแบ่งกันชมบ้าง Civict2003==ขอบคุณมากครับที่ทั้งชมภาพและอ่านเรื่องราวไปด้วย BeeVee'==ขอบคุณครับ Yai Kaew==รับรองครับว่ามาชมด้วยตัวเอง แล้ว จะยิ่งหลงเสน่ห์ธรรมชาติที่นี่มากขึ้นไปอีก งุ๊งงิ๊งนุ๊งนิ๊ง==ขอให้เที่ยวสนุกนะครับ Jook^Ka^Jick ==อืม ถ้ามาตอนนี้ คงพาเที่ยวแถวๆ ดีซีได้ครับ หน้าแว่น==สำหรับน้องหน้าแว่นไว้รอมาเรียนที่นี่แล้วหาโอกาสมาค้นหาอะไรดีๆตอนนั้นก็ยังไม่สายครับ :) Cheesier==ดีใจมีคนชอบอีกหนึ่งคนแล้ว ขอบคุณครับ ลูกหมูหวาน==ขอบคุณครับ ที่ชมทั้งรูปและเน้ือเรื่อง id_aer==   Sabiene' == ตกอยู่ในอาการเดียวกันครับ ผมก็หลงไหลความงามของที่เหล่านี้อยู่มากทีเดียว แถมภาพที่ถ่ายจากสวนสาธารณใกล้กรุงวอชิงตัน ดีซี เมื่อฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมาครับ (ไม่ใช่พาโนนะครับ) จากคุณ : <โหน่ง> - [ 11 ม.ค. 52 09:31:46 ]

ความคิดเห็นที่ 46 Wowwwwww!!!! รูปสวยมาก ๆๆๆๆๆๆ เลยค่า จากคุณ : Champjang - [ 21 ม.ค. 52 15:49:59 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เคยไป yellowstone กัย grand teton ค่ะ เห็นด้วยกับประโยคนี้มากๆ " วินาทีแรกที่เห็น Grand Teton สะท้อนอยู่ในทะเลสาบนั้นเป็นภาพที่ประทับอยู่ในความทรงจำจนวันตายเลยทีเดียว " พูดแล้วก็ขนลุก เอารูปกลับมานั่งดูแล้วรู้สึกว่ามันไม่ได้ครึ่งของที่ได้ไปเห็นกับตาเลยอ่ะ จากคุณ : Ayala9 - [ 27 ม.ค. 52 01:00:53 ]

ความคิดเห็นที่ 48 สวย(โคตร) ทุกรูปค่ะคุณโหน่ง จากคุณ : yinnerella - [ 9 มิ.ย. 52 07:06:20 ]

ความคิดเห็นที่ 49 grand teton สุดยอดจริงๆครับ ผมประทับใจยิ่งกว่า yellow stone ซะอีก จากคุณ : ข้าวหมกแพะ - [ 11 ก.ค. 52 21:07:19 ]