ความคิดเห็นที่ 1 ขอขอบคุณ   นิตยสาร Trips  ,  เวปการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  http://thai.tourismthailand.org/  , www.trekkingthai.com สำหรับข้อมูลต่างๆ จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:08:17 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เราเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพบ่ายวันที่  30  ธันวาคม   2551    รถไม่ติดไปได้เรื่อยๆ    ถึงเมืองน่านก้อประมาณซัก 3 ทุ่มเศษ  แวะเติมน้ำมันกับซื้อของมากินบนรถที่พิษณุโลก   พักในเมืองน่าน  ที่พักนะเหรอเยี่ยมมากๆ   มีบริการจักรยานฟรี    และมอเตอร์ไซด์ฟรี(อันนี้เกรงใจเค้าเลยไม่ได้ใช้     แต่ที่พักก้อบอกว่าเอาไปขี่เล่นรอบเมืองได้)  แถมวันก่อนออกจากโรงแรมบอกให้ตรวจเช็ครถก่อนขึ้นดอยด้วย  บอกกัน 2-3 รอบ   ประทับใจ ที่พักมาก   แน่นอนคืนละต่ำกว่า 500 บาท จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:10:54 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เช้าวันที่ 31 ธันวาคม 2551  ออกแต่เช้ากันหน่อยเพื่อขึ้นดอยเสมอดาว  ออกจากที่พักในตัวเมืองก้อประมาณ ตี5   ถึงดอยเสมอดาวก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ประมาณซัก 6โมงนิดหน่อย    เจ้าหน้าที่ที่อุทยานศรีน่านใจดีมาก  หาที่จอดให้  แถมบอกว่าเดี๋ยวมีรถขึ้นไปส่งข้างบนบริเวณลานกางเต๊นท์เพื่อดูดาวให้ด้วย    ประทับใจประทับใจ      แต่เราเดินขึ้นไปอ่ะเพราะมีคนรอรถเยอะเหมือนกัน  กลัวสว่างก่อน   ระยะทางไม่กี่ร้อยเมตร  เดินไปถ่ายรูปไป  อากาศดีไม่หนาวมากเท่าไหร่    พอขึ้นไปก้อเห็นทะเลหมอกเยอะพอประมาณ  กำลังสวย  ใครไปเช้าวันที่ 31 ธันวาคมเหมือนเราคงว่าสวยมากๆๆๆๆ  ( เห็นรีวิว เช้าวันที่ 1 , 2 มกราคมไม่ค่อยมีหมอก)    อิอิวางแผนถูกต้องเลยเรา   เสียดายไม่มีเวลาเดินไปขึ้นผาหัวสิงห์  โอกาสหน้าไม่พลาดแน่ๆ จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:12:57 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หมอก..... จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:15:22 ]

ความคิดเห็นที่ 5 หมอก จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:16:27 ]

ความคิดเห็นที่ 6 หมอก... จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:17:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 หมอก....... จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:18:46 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผาหัวสิงห์ จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:21:42 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หลังจากนั้นก้อไปผาชู้ต่อ   ก้อเห็นทะเลหมอกเต็มๆเหมือนกัน  ขนาด 7 โมงกว่าแล้วนะ    ตอนแรกว่าจาไปแก่งหลวงต่อแต่กลัวเที่ยวไม่ทัน  เลยข้ามไป จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:25:52 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ทะเลหมอกที่ผาชู้ จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:29:22 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เราก้อไปต่อกันที่เสาดินนาน้อย    เราว่าสวยงามมากๆเลย เดินกันจนครบรอบ จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:33:17 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เสาดินนาน้อย จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:35:46 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แล้วก้อไปต่อกันที่คอกเสือ  ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมาก   แต่ค่อนข้างเปลี่ยวกว่า   ตอนไปมีเฉพาะกลุ่มเรา    พอไปถึงซักพักมีเจ้าหน้าที่อุทยานขี่มอเตอร์ไซด์ตามมา     พี่เค้าใจดีมากๆๆ  อธิบายข้อมูลของคอกเสือและเสาดินนาน้อยอย่างละเอียด   พาเดินเที่ยวชม   ก่อนที่พี่เค้าจะเก็บขยะที่นักท่องเที่ยวทิ้งเอาไว้ตามรายทางและบริเวณรอบๆ     เรางี้เซ็งเลยทำไมชอบทิ้งขยะเกลื่อนไปหมด    (ลืมถามชื่อพี่เค้าแต่ขอถ่ายรูปพี่เค้ามานะ) จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:37:57 ]

ความคิดเห็นที่ 14 พี่เจ้าหน้าที่ จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:40:13 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คอกเสือ  ....งามมากๆนะ จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:42:22 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ต่อไปเราเดินทางออกจากคอกเสือเพื่อไปอุทยานแห่งชาติขุนสถาน    ทางไปไม่ค่อยดีมีหลุมเป็นระยะ  ทางคดเคี้ยวและชันในบางช่วง    ไปถึงก้องามมากๆ   โทรเช็คเจ้าหน้าที่ก่อนไปว่าดอกพญาเสือโคร่งบานรึยัง    แต่จริงๆเราไปดูดอกซากุระกันที่สถานีวิจัยต้นน้ำซึ่งอยู่เลยอุทยานไปซัก 2-3 กิโลเมตร จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:46:31 ]

ความคิดเห็นที่ 17 พญาเสือโคร่ง จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:50:18 ]

ความคิดเห็นที่ 18 .... จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:52:02 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ต่อ.. จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:54:08 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ..... จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:55:54 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ต่อ..... จากคุณ : sanooki - [ 12 ม.ค. 52 23:57:39 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ถ่ายรูปจนหนำใจ  หลังจากนั้นเราก้อเข้าเมืองน่าน  โดยขับไปทางหมู่บ้านห้วยแก๊ต  ซึ่งอยู่ระหว่างอำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่กับอำเภอเวียงสา  จังหวัดน่าน    แล้วมุ่งตรงไปยังตัวเมืองน่านผ่านอำเภอเวียงสา   เข้าถึงตัวเมืองน่านประมาณเที่ยง   แวะไปกินข้าวร้านเฮือนฮอม  ใกล้กับวัดมิ่งเมือง   โอ้โหคนเพียบ  ถอยดีก่า  เลยไปเดินเที่ยวก่อน  เริ่มจากวัดภูมินทร์ จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:00:19 ]

ความคิดเห็นที่ 23 วัดภูมินทร์ (1)  เป็นวัดแห่งเดียวในประเทศไทย ที่สร้างทรงจตุรมุข  ดูคล้ายตั้งอยู่บนหลังพญานาค 2 ตัว อาคารนี้เป็นทั้งพระอุโบสถ พระวิหารและพระเจดีย์ประธาน โดยใช้อาคารในแนวตะวันออก-ตะวันตกเป็นพระวิหาร และอาคารแนวเหนือ-ใต้ เป็นพระอุโบสถ รัฐบาลไทยเคยพิมพ์รูปวัดภูมินทร์ในธนบัตรใบละ 1 บาท ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:02:52 ]

ความคิดเห็นที่ 24 .. ชอบภาพทะเลหมอกครับ   สวยมากกกกกกกกกกก . จากคุณ : แมงเม่าติดลมบน - [ 13 ม.ค. 52 00:04:43 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ..... จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:05:22 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ภาพจิตรกรรมหรือ “ฮูบแต้ม” ในวัดภูมินทร์เป็นชาดกในพุทธศาสนาแต่ถ้าพิจารณารายละเอียดของวิถีชีวิตของคนเมืองในสมัยนั้น มีภาพที่น่าสนใจอยู่หลายภาพเช่น ภาพธรรมเนียมการอยู่ข่วง ของชาวไทลื้อ พ่อแม่ จะอนุญาตให้หนุ่มสาวพบปะกันที่ชานบ้านในเวลาค่ำ ขณะหญิงสาวกำลังปั่นฝ้าย หรือ “อยู่ข่วง” หากสาวเจ้าตกลงปลงใจด้วยก็จะจัดพิธีแต่งงาน หรือที่เรียกว่า “เอาคำ ไปป่องกั๋น” หรือเป็นทองแผ่นเดียวกัน การค้าขายแลกเปลี่ยนในชุมชน ภาพชาวพื้นเมือง ซึ่งอาจเป็นชาวเขา “เป๊อะ” ของป่าบนศรีษะ เพื่อนำมาแลกเปลี่ยนกับคนเมือง ภาพปู่ม่าน ย่าม่าน ภาพนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพที่งามเป็นเยี่ยมของวัดภูมินทร์ มีการใช้สีแดง ฟ้าดำ น้ำตาลเข้มเป็นปื้นใหญ่ๆคล้ายภาพสมัยใหม่ จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:09:11 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ต่อไปเราไปกันที่วัดมิ่งเมือง (2)  มีสถาปัตยกรรมแบบล้านนา  ลักษณะเด่นคือ ลายปูนปั้นที่ผนังด้านนอกของพระอุโบสถ เป็นฝีมือตระกูลช่างเชียงแสน มีความวิจิตรงดงามมาก ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นวิถีชีวิตของชาวเมืองน่าน ฝีมือช่างท้องถิ่นยุคปัจจุบัน และในบริเวณวัดยังเป็นที่ประดิษฐาน เสาหลักเมือง ซึ่งยู่ในศาลาจตุรมุขด้านหน้าพระอุโบสถ เสาหลักเมืองสูงประมาณ 3 เมตร ฐานประดับด้วยไม้แกะลวดลายลงรักปิดทอง ยอดเสาแกะสลักเป็นรูปพรหมพักตร์มีชื่อ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:12:13 ]

ความคิดเห็นที่ 28 .. จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:14:41 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ... จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:16:19 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เราไปต่อกันที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านเป็นอาคารแบบยุโรปซึ่งเข้ามาในสมัยรัชกาลที่ 5 ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมท้องถิ่นเมืองน่าน เดิมเป็น “หอคำ” ซึ่งเป็นที่ประทับและที่ว่าราชการของพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2475 ใช้เป็นที่ตั้งศาลากลางจังหวัดแห่งแรกของจังหวัดน่าน ต่อมาในปี พ.ศ. 2517 อาคารแห่งนี้ได้รับการปรับปรุงอีกครั้งให้เป็นสถานที่ตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน      ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างจัดแสดงชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าต่าง ๆ ในจังหวัดน่าน รวมทั้งเทศกาลงานประเพณีที่สำคัญของจังหวัด เช่น การสืบชะตา การแข่งเรือ ส่วนชั้นบนจัดแสดงโบราณวัตถุสมัยต่าง ๆ ที่พบในจังหวัดน่าน ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ จนถึงยุคเจ้าผู้ครองนครน่าน ชิ้นที่สำคัญ ได้แก่ งาช้างดำ วัตถุมงคลคู่บ้านคู่เมืองน่าน เป็นงาช้างข้างซ้าย ยาว 94 เซนติเมตร วัดโดยรอบส่วนที่ใหญ่สุดได้ 47 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 18 กิโลกรัม ได้มาในสมัยพระยาการเมืองเจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ 5 เครื่องปั้นดินเผาเคลือบ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 21 จากเตาเผาบ่อสวก ตำบลสวก อำเภอเมือง น่าน พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะล้านนา อิทธิพลศิลปะพม่า พุทธศตวรรษที่ 25 พานพระศรีเครื่องเงินลงยา ซึ่งเป็นเครื่องประกอบอิสริยยศของเจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้าย จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:18:33 ]

ความคิดเห็นที่ 31 งาช้างดำ  ออกสีน้ำตาลเทาๆ  งามดี  แต่เค้าไม่ให้ถ่ายรูปในพิพิธภัณฑ์ จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:20:54 ]

ความคิดเห็นที่ 32 มุมฮิตของนักเดินทาง................................. จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:22:21 ]

ความคิดเห็นที่ 33 บ่าย 2 โมงแล้วแดดก้อร้อน  แต่เราก้อยังเดินชมความงามต่อไป เราเดินข้ามถนนต่อไปที่วัดหัวข่วง  (3)   วิหารและเจดีย์เป็นศิลปกรรมท้องถิ่นล้านนา    คาดว่าสร้างมาตั้งแต่พ.ศ.2068     และเป็นศิลปะของช่างชาวน่านโดยแท้ จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:25:44 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ..... จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:27:16 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ต่อไปเราเดินข้ามถนนไปยังคุ้มเจ้าราชบุตร  แต่ไม่มีคนอยู่  และไม่ได้ขออนุญาตเยี่ยมชมสถานที่ก่อน  เราเลยได้แค่ผ่านชม จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:28:39 ]

ความคิดเห็นที่ 36 จากนั้นเราไปต่อที่วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร (4) เดิมเรียก “วัดหลวง” หรือ “วัดหลวงกลางเวียง” สร้างขึ้นในสมัยเจ้าปู่แข็ง พ.ศ. 1949 เป็นวัดหลวงในเขตนครน่าน สำหรับเจ้าผู้ครองนครใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญทางพุทธศาสนาและพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา  ลักษณะสถาปัตยกรรมของวัดพระธาตุช้างค้ำนี้สะท้อนให้เห็นอิทธิพลของศิลปะสุโขทัย อาทิ เจดีย์ทรงลังกา (ทรงระฆัง) รอบฐานองค์พระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนและปั้นเป็นรูปช้างครึ่งตัว ด้านละ 5 เชือก และที่มุมทั้งสี่อีก 4 เชือก ดูคล้ายจะเอาหลังหนุน หรือ “ค้ำ” องค์เจดีย์ไว้ ลักษณะคล้ายวัดช้างล้อม จังหวัดสุโขทัย และภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดยืนปางประทานอภัย อายุราวครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 19 ตรงกับสมัยสุโขทัยตอนปลาย มีลักษณะคล้ายพระพุทธรูปปางประทานอภัยที่วัดราชธานี จังหวัดสุโขทัย พระประธานเป็นปูนปั้นขนาดใหญ่ศิลปะเชียงแสน ฝีมือสกุลช่างน่านที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่งของเมืองน่าน จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:31:03 ]

ความคิดเห็นที่ 37 .... จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:32:56 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ....อีกมุมนึง จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:35:04 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เราเดินทางต่อไปเพื่อไปยังวัดพระธาตุแช่แห้ง  (5) เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่บนเนินทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่าน บริเวณที่เป็นศูนย์กลางเมืองน่านเดิม หลังจากที่ย้ายมาจากเมืองปัว วัดพระบรมธาตุแช่แห้งสร้างในสมัยเจ้าพระยาการเมือง (เจ้าผู้ครองนครน่านระหว่าง พ.ศ.1869-1902) เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระมหาชินธาตุเจ้า 7 พระองค์ พระพิมพ์เงินและพระพิมพ์ทอง ที่ได้รับพระราชทานจากพระมหาธรรมราชาลิไท เมื่อครั้งที่เจ้าพระยาการเมืองเสด็จไปช่วยสร้างวัดหลวงอภัย (วัดป่ามะม่วง จังหวัดสุโขทัยในปัจจุบัน) ในปีพ.ศ. 1897  องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ทรงระฆัง รูปแบบของพระธาตุแช่แห้งสันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลจากเจดีย์พระธาตุหริภุญไชย โดยรอบองค์บุด้วยทองจังโก (ทองดอกบวบ ทองเหลืองผสมทองแดง) ทางขึ้นสู่องค์พระธาตุเป็นตัวพญานาค หน้าบันเหนือประตูทางเข้าพระวิหารเป็นปูนปั้นลายนาคเกี้ยว ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของศิลปกรรมเมืองน่าน  พระธาตุแช่แห้งเป็นพระธาตุประจำปีเถาะ ชาวล้านนาเชื่อว่า หากได้เดินทางไป “ชุธาตุ” หรือนมัสการพระธาตุประจำปีเกิดจะได้รับอานิสงส์อย่างยิ่ง จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:41:54 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ... จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:43:24 ]

ความคิดเห็นที่ 41 มุมนี้.... จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:46:27 ]

ความคิดเห็นที่ 42 .... จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:49:54 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ..... จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:51:43 ]

ความคิดเห็นที่ 44 แอบๆดูมาตั้งแต่ต้นที่เริ่มโพส...ช่างงดงามมากมายทั้งเมฆหมอกด้วยครับ มาให้กำลังใจในการโพส สู้ๆครับ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 13 ม.ค. 52 00:53:03 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขากลับก่อนไปวัดสวนตาล  แวะไปกินข้าวตอนบ่ายที่ร้านเฮือนฮอม   แต่อาหารหมดเป็นส่วนใหญ่  สั่งข้าวซอยก้อหมด   ขนมจีนก้อหมด   เลยได้ข้าวผัดสมุนไพรมาแทน   ขอบอกอร่อยมากๆๆๆ  ไม่ผิดหวังเลย เนื่องจากเวลายังเหลือเราเลยเดินทางต่อไปวัดสวนตาล  (6) สร้างขึ้นโดยพระนางปทุมมาวดี เมื่อ พ.ศ.1770 เจดีย์มีสัณฐานงดงาม ชั้นล่างมีซุ้มประตูทั้งสี่ทิศ จากภาพถ่ายในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ รูปเจดีย์วัดสวนตาลก่อนการบูรณะในสมัยพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ (ตรงกับรัชกาลที่ 5) เป็นเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมองค์พระเจดีย์เป็นทรงดอกบัวตูมหรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ สะท้อนให้เห็นอิทธิพลศิลปะสมัยสุโขทัยภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปที่สำคัญคือ พระเจ้าทองทิพย์ ซึ่งพระเจ้าติโลกราชแห่งนครเชียงใหม่ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.1992 เป็นพระพุทธรูปทองสำริดองค์ใหญ่ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 10 ฟุต สูง 14 ฟุต 4 นิ้ว มีงานนมัสการและสรงน้ำเป็นประจำทุกปี ในช่วงเทศกาลสงกรานต์และมีการเฉลิมฉลองทั้งกลางวันและกลางคืน จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:55:07 ]

ความคิดเห็นที่ 46 .... จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:57:10 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ต่อ.. จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 00:59:04 ]

ความคิดเห็นที่ 48 แล้วเราก้อไปต่อที่วัดศรีพันต้น  (7) มีภาพประวัติศาสตร์ของน่านในช่วงต่างๆ  ซึ่งได้รับการบูรณะใหม่    เป็นวัดที่สวยงาม จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 01:03:53 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ... จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 01:05:36 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เดินทางไปที่วัดพญาวัด (8)   แต่เดิมบริเวณที่ตั้งวัดเป็นเขตศูนย์กลางเมืองน่านในสมัยที่ย้ายเมืองจากพระบรมธาตุแช่แห้งมาตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำน่าน สถูปเจดีย์สร้างด้วยศิลาแลงในสมัยพระนางจามเทวี มีลักษณะคล้ายเจดีย์กู่กุด จังหวัดลำพูน เป็นทรงซุ้มสี่เหลี่ยมซ้อนกัน 5 ชั้น แต่ละชั้นประดิษฐานพระพุทธรูปยืนซึ่งได้รับอิทธิพลจากศิลปะสุโขทัยดังพบที่สถูปเจดีย์วัดมหาธาตุจังหวัดสุโขทัย ยอดซุ้มก่ออิฐวงโค้งเป็นรูปแบบการก่อสร้างสมัยพระเจ้าติโลกราชแห่งนครเชียงใหม่แสดงให้เห็นว่ามีการบูรณะในสมัยนั้น ซึ่งเป็นสมัยที่อิทธิพลของศิลปะเชียงใหม่ได้เข้ามาแทนที่ศิลปะสุโขทัยแล้วในพระอุโบสถประดิษฐาน “พระเจ้าฝนแสนห่า” ซึ่งชาวเมืองน่านเคยนำมาแห่ขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล นอกจากนั้นยังมีธรรมาสน์แกะสลัก ฝีมือช่างพื้นเมืองน่านที่เก่าที่สุดเท่าที่เคยพบ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยเจ้าอัตถวรปัญโญ ราวครึ่งแรกของพุทธศตวรรษที่ 24 จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 01:08:18 ]

ความคิดเห็นที่ 51 .... จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 01:10:12 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ... จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 01:13:09 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เราไปต่อกันที่วัดพระธาตุเขาน้อย (9)  องค์พระธาตุตั้งอยู่บนยอดดอยเขาน้อย ซึ่งอยู่ด้านตะวันตกของตัวเมืองน่าน อยู่ในเส้นทางเดียวกันกับวัดพญาวัด ตรงหลักกิโลเมตรที่ 2สร้างในสมัยเจ้าปู่แข็ง เมื่อปี พ.ศ.2030 องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทั้งองค์ เป็นศิลปะพม่าผสมล้านนา ภายในบรรจุพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยพระเจ้าสุริยพงศ์ผริตเดชฯ ระหว่างปี พ.ศ. 2449-2454 โดยช่างชาวพม่า และวิหารสร้างในสมัยนี้เช่นกันจากวัดพระธาตุเขาน้อยสามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของตัวเมืองน่าน ปัจจุบันบริเวณลานชมทิวทัศน์ประดิษฐานพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่านซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร บนฐานดอกบัวสูง 9 เมตร บนยอดพระเกศาทำจากทองคำหนัก 27 บาท สร้างขึ้นเนื่องในมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ฯ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 01:16:31 ]

ความคิดเห็นที่ 54 มุมชมวิวเมืองน่าน..... จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 01:18:43 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เราชมวิวรอบเมืองน่าน  แล้วเราก้อเข้าที่พัก  แล้วปั่นจักรยานไปชมตลาดตอนเย็น แต่ไม่ค่อยมีอะไร  กินข้าวเย็นริมแม่น้ำน่าน  ชมพระอาทิตย์ตกดิน   ชมนกบินเป็นฝูงเหนือลำน้ำน่าน  พร้อมจิบแอลกอฮอล์เล็กน้อย  ได้บรรยากาศดีเยี่ยม  โรแมนติคเชียว    พอดีน้องพนักงานที่ที่พักแนะนำให้ไปเดินถนนคนเดินในเมือง   เราก้อเลยปั่นจักรยานจากริมน้ำไปในเมือง   แถวแยกข่วงเมือง  เดินซักพัก  แล้วก้อไปร้านมิลค์คลับ และแกลเลอรี่ ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม    ในร้านคนเยอะมากๆ  เราเลยได้กินแต่โกโก้ปั่น  อร่อยชะมัดแถมราคาถูก  ส่วนขนมปังไม่ได้กินเพราะง่วงแล้ว   สั่งไปตั้งนานยังไม่ได้เลยขอยกเลิก  ซึ่งน้องที่ร้านเค้าก้อขอโทษที่ให้รอนาน   ประทับใจประทับใจคนน่านอีกแล้ว  หลังจากนั้นก้อปั่นจักรยานกลับ ที่พัก  สลบเหมือด  เหนื่อยมาก และฉลองปีใหม่ในความฝัน จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 01:29:13 ]

ความคิดเห็นที่ 56 - ขอบคุณคุณแมงเม่าติดลมบน ที่จริงทะเลหมอกสวยมากกว่าในรูปถ่ายเยอะ  ฝีมือเรายังอ่อนอยู่อ่ะ  บรรยากาศบนดอยดีเยี่ยม  คนพอประมาณ  - คุณสหายสาริกา   ขอบคุณที่ให้กำลังใจ      ภาพไม่ค่อยดีนัก  ส่วนหนึ่งเพราะเราทำเวลา  เนื่องจากกลัวไม่ทัน  วันนี้ไหว้พระได้ 9  แน่ะ โปรดติดตามตอนที่ 2 ของ  "งามสุดๆ งามทั้งธรรมชาติและอารยธรรม ทริปน่าน-พะเยา-แพร่ เที่ยวเป็นวงกลม"   ต่อนะ จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 01:36:57 ]

ความคิดเห็นที่ 57 รักเมืองน่านที่สุดดดดดดด ยิ่งเห็นรูปยิ่งรักมากกว่าเดิม ขอบคุณนะค่ะกับภาพสวยๆทำให้หายคิดถึงบ้านได้มากเลยค่ะ จากคุณ : little_samurai - [ 13 ม.ค. 52 05:24:42 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เหมือนเก่าเลยเมืองน่าน นานแล้วไม่ไป ว่างๆว่าจะไปเที่ยวซักวัน จากคุณ : น้องติ๋ม - [ 13 ม.ค. 52 05:27:09 ]

ความคิดเห็นที่ 59 มารอชมต่อครับ ขอไปเที่ยวด้วยอีกรอบ (เพิ่งไปมาเหมือนกันครับ อิอิ) จากคุณ : ชายสามโบสถ์ - [ 13 ม.ค. 52 06:31:38 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เข้ามาชมครับ จากคุณ : เส้นเหลืองขาว - [ 13 ม.ค. 52 08:14:12 ]

ความคิดเห็นที่ 61 หมอกสวยมากเลยค่ะ ชอบจัง และชอบที่จขกท. เที่ยวไปและเรียนรู้ประวัติศาตร์และศิลปะไปด้วยและนำมาถ่ายทอดให้เพื่อนๆ ทราบด้วย ดีค่ะ ปล. ขัดใจที่ให้ give ไม่ได้นี่ดิ จากคุณ : sneer - [ 13 ม.ค. 52 13:51:52 ]

ความคิดเห็นที่ 62 คุณ SANOOKI ในเมืองน่าน พักที่ไหนครับ กำลังจะไปครับ จากคุณ : pom4w (Pom4w) - [ 13 ม.ค. 52 18:29:51 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เชิญติดตามตอนที่ 2 ได้นะ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E7416993/E7416993.html#44 คุณ little_samurai   ดีใจที่ได้เจอคนน่าน   มีที่ไหนน่าไปอีกบ้าง  plan ไว้ทริปหน้า ขอบคุณ คุณน้องติ๋ม คุณชายสามโบสถ์ คุณเส้นเหลืองขาว  คุณsneer ที่ให้กำลังใจ คุณpom4w  ที่พักอยู่ถนนหน่อคำ  เป็นที่พักแนวบ้าน ไม่หรูหรามากนะ ศรีนวลลอดจ์อ่ะ จากคุณ : sanooki - [ 13 ม.ค. 52 23:35:32 ]

ความคิดเห็นที่ 64 สวยมาก เหมือนเที่ยวไปด้วยเลย อ่ะค่ะ ทะเลหมอกสวยมากๆๆ จะมีถึงเมื่อไหร อ่ะค่ะ หรือมีตลอดปี จากคุณ : rumseramic - [ 15 ม.ค. 52 11:15:10 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ขอบคุณนะคะ เก็บเข้าคลังกระทู้ไว้เป็น reference แล้วค่ะ ^^ น่าสนใจมากๆ จากคุณ : JeyZ - [ 15 ม.ค. 52 17:20:58 ]

ความคิดเห็นที่ 66 โอ้ จขกท. ตะลุยเที่ยวได้เยอะมากกกก อิจฉาๆ จากคุณ : it ซียู - [ 15 ม.ค. 52 17:58:06 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 16 ม.ค. 52 09:59:04 ]