Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เหิรฟ้าซะทีกับ Departure 2093 ของ Finnair

    รอมานาน จนขี้เกียจรอแล้วผม ว่าเมื่อไหร่ โปรเจกต์นี้จะได้ออกอากาศอย่างเป็นทางการ แล้วก็ออกมาแล้วครับสำหรับ โปรเจกต์อายุ 11 ปีของสายการบินแห่งชาติฟินแลนด์ Finnair (AY) และ Departure 2093 ก็คือโปรเจกต์ที่ว่า เนื่องด้วยปีนี้  AY จะมีอายุครบ 85 ปี ก็เลยถือฤกษ์ดีนี้ ทำนายทายทัก แสดงวิสัยทัศน์ และสำรวจดูว่าในอีก 85 ปีข้างหน้า กิจการการบินนั้นจะออกมาในรูปร่างหน้าตาอย่างไร

    รายละเอียดนั้นโดยส่วนใหญ่ก็จะค่อนข้างล้ำยุค โดยเฉพาะเครื่องบิน ทาง AY ก็ได้ออกแบบมาให้ได้ดูกัน 5 แบบ ซึ่งแนวคิดของโปรเจกต์นี้ จะมีด้วยกัน 5 อย่างคือ
    Flying is popular
    Flying is ecological
    Flying is adventure!
    Flying is good business
    Flying is personal

    ประเด็นหลักๆ ก็คือ ทาง AY คิดว่าในอนาคตการบินจะมีการเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เพราะค่าใช้จ่ายจะลดลง เนื่องจากคนจะหันมาเดินทางกันมากขึ้น เค้าอ้างอิงจากตัวเลข Traffic ที่เพิ่มขึ้นทุกปีแบบก้าวกระโดด จะมีการบินแบบแปลกๆ มากขึ้น เช่นบินกันไปฮันนีมุนแถวๆเส้นขอบโลก ไปกินข้าวบนฟ้า และการบินจะไม่ได้มีแค่การนั่ง นอน ดูหนัง ฟังเพลงบนเครื่องแค่นั้น แต่จะมีการเข้าสปา การนวดตัว การเสริมสวย การเข้าgym ฯลฯ

    หลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างที่สามารถทำได้บนพื้นโลกก็จะสามารถทำได้บนเครื่องบินเช่นกัน AY ให้เหตุผลถึงแนวคิดของโปรเจกต์นี้ว่า เพราะปัญหาหลักเช่นเรื่องการแข่งขันทางการตลาดที่กำลังเป็นอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ จะค่อยๆ หายไป สายการบินจะต้องแข่งกับตนเอง และต้องตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของประชาชนให้ได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งปัญหาเรื่องพลังงาน ที่เครื่องบินทุกรุ่นที่ได้ดีไซน์ออกมานั้น ใช้พลังงานทดแทนทั้งสิ้น เพราะเค้ามองว่า ปัญหาเรื่องน้ำมันมันผ่านจุดวิกฤติไปแล้ว ตอนนี้ การปรับปรุงวิธีการให้บริการต่างหาก คือปัญหาใหญ่ของสายการบินทั่วโลก และเค้าก็บอกอีกว่า ในอีก 85 ปีข้างหน้า Finnair ก็จะยังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่จะ "สาวขึ้น และสวยขึ้น" เค้าว่างั้น

    ผมขออนุญาตวิเคราะห์นะครับว่า
    โปรเจกต์นี้เป็นเพียง "การตั้งธง" ของเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นเกี่ยวกับการบินในอนาคตเท่านั้น

    เรื่องแรก เป็นการตั้งธงส่งไปที่ แอร์บัส ว่า
    "ฉันก็มีศักยภาพนะ เพียงพอที่จะนำได้ ถ้าไม่ไหวก็ส่งมา ถ้ายังไหวก็ตามสบาย เพราะ แอร์บัส ยังเจ๊งได้อีก"

    ทำไมผมคิดอย่างนั้น เนื่องจากโปรเจกต์นี้ผมตามมาหลายปี จริงๆ มันเป็นโปรเจกต์ในกรอบความร่วมมือของ สวีเดน และนอรเวย์ ด้วยครับ คิดให้ดีนิดหนึ่งว่า ปี 2007 สวีเดน เค้าประกาศปลุกชีพ SAAB ขึ้นมาอีกรอบ นั่นหนึ่ง สอง ประเทศสแกนดิเนเวีย ล้วนมีน้ำมันของตัวเอง แต่เค้ากลับไม่ค่อยใช้น้ำมันมาก เลือกที่จะคิดค้นพลังงานทดแทนด้านอื่นๆ อยู่ตลอดเวลา ทำให้ ศักยภาพในด้านพลังงานทดแทนเค้ามีอยู่เต็มพิกัด และประเทศกลุ่มนี้ ไม่โดนผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจตอนนี้ เท่าไหร่นัก เพราะเข้าไม่ได้เอาตัวไปผูกกับใคร ในทางกลับกัน เค้าก็ไม่ค่อยให้ใครมาผูกกับเค้าด้วย สุดท้าย โปรเจกต์นี้ ทาง Finnair บอกว่า เค้ามี แอร์บัส เป็นพาร์ทเนอร์ ก็ต้องมีครับ เพราะ สามสแกนดิเนเวียน นี่ก็สมาชิก EU เหมือนกัน จะทำอะไรเกี่ยวกับการบินก็ไปที่แอร์บัส วันยังค่ำ

    ในอีกทางหนึ่งเรื่องพลังงานทดแทน อเมริกา เค้าพร้อม รัสเซียก็พร้อม บราซิลก็พร้อม ผู้เล่นตัวใหญ่ๆ ด้านการบินอื่นๆ พร้อมหมด แต่ แอร์บัส ยังคงมีไม้เด็ดเพียงแค่ "ประหยัดพลังงาน" ดังนั้น มันจึงยากที่ แอร์บัส จะฟื้น หรือไปสู้กับใครได้ในอนาคต เค้าอาจจะเป็นผู้ชนะในด้านการผลิตและขายเครื่องบินวันนี้ แต่อีกไม่เกิน 4 ปี แอร์บัสจะสู้ใครไม่ได้เลย เพราะยุโรปไม่ได้เตรียมการเรื่องพลังงานทดแทนไว้เลย จึงเป็นเหตุผลที่ทำไม EU ถึงต้องทุ่มเท ให้กับการพิจารณากฎหมาย Emission อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู และบทลงโทษต่อสายการบิน และ "ประเทศ" ที่เป็นเจ้าของสายการบินนั้น รุนแรงมาก

    ดังนั้นทางออกเพียงทางเดียวที่เหลืออยู่ คือ ต้องเอาสแกนดิเนเวีย มาช่วย เพราะเค้ามีพร้อมทุกอย่าง ตัดรัสเซีย และยุโรปตะวันออก ออกไปเลยครับ เพราะเดี๋ยวกลุ่มนี้เค้าจะอยู่ภายใต้ Russian Empire ในวันข้างหน้า

    ต่อมา คุณลองดูตัวเลขระยะเวลานะครับ 85 ปี โดยปกติ เวลาคุณจะทำแผนวิสัยทัศน์องค์การ หรือกิจการของคุณ ในยุคนี้เนี่ย คุณจะวาง timing ไว้เท่าไหร่ จำเป็นด้วยหรือที่จะต้องวางไว้ไกลถึงเกือบร้อยปี ในเมื่อยุคนี้ การคิดค้น วิจัย และพัฒนา รวมทั้งการผลิตเครื่องบิน หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการบิน มันใช้เวลาลดลงกว่าเมื่อ 30-40 ปีก่อนมาก แล้วมันธุระอะไรที่จะต้องมา Predict อะไรบ้าเลือดนานขนาดนั้น อีกอย่าง คุณลองคิดนะครับว่า ระยะเวลาที่ห่างมากขนาดนี้ มนุษย์เรา จะไม่สามารถ Digitize สติปัญญา และการผลิตคิดค้นอะไรให้มันไปไกลกว่านั้นเลยหรือ ดูง่ายๆ สิ่งที่ Finnair คิด ตาเคราทองริชาร์ด แห่งเวอร์จิ้น กดหายให้เห็นไปแล้วก่อน ทั้งพลังงานทดแทน บินไปที่เส้นขอบฟ้า และก็เรื่องสุขอารมณ์บนเครื่องบิน เพราะ ช้างน้ำ A380 ของ Virgin จะมี 2 ลำ ที่จะมีคาสิโน มีห้องสปาบนชั้นสองของเครื่องนะครับ

    จริงๆ เค้าก็แค่ล้อ อายุครบรอบเค้าเท่านั้น แต่ความหมายที่แท้จริง คือ "Goo พร้อมอย่างที่สุด"

    และผมมองว่ามันก็เป็นเพียงแค่การส่งสัญญาณ "การปฏิรูป" กิจการการบินทั้งระบบใหม่ โดยต้องอิงทุกอย่างที่ ประชาชน เพราะที่ผ่านมา กิจการการบิน อยู่ได้ เพราะ ประชาชน แต่ประชาชน ทั้งที่เป็นผู้โดยสาร หรือ ผู้ประกอบกิจการขนส่ง ต่างต้องรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น โดยที่สายการบิน สนามบิน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่เคยได้รับผิดชอบเลย ทั้งๆ ที่เรื่องบางเรื่อง เกิดขึ้นจากความบกพร่องของสายการบิน และสนามบิน หรือ หน่วยงานเกี่ยวข้อง แต่ ประชาชน ก็ยังคงต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบอยู่ดี ผมยกตัวอย่างเช่น

    การดีเลย์ การยกเลิกเที่ยวบิน ซึ่งหลายครั้ง สายการบิน และสนามบินพลาด แต่ผู้โดยสารไม่ได้รับอะไรเลย และบางครั้ง ผู้โดยสารคือผู้เสียหายหนักที่สุด

    การชำรุด ผุพัง ด้านสัมภาระ และสิ่งของต่างๆ ที่ความรับผิดชอบของสายการบิน และสนามบิน นั้น มันไม่ได้ชดเชยได้เลยแม้แต่นิดเดียว

    มาตรฐานความปลอดภัยทั้งของเครื่องบิน และสนามบิน ที่บกพร่องอย่างรุนแรง เพราะจะเอาแต่เงิน ไม่ยอมตรวจเช็ค แก้ไข ปรับปรุงสิ่งที่บกพร่องให้ดีขึ้น ขาดความรับผิดชอบในการนำเครื่องตรวจเช็คสภาพ การอบรมและพัฒนาบุคลากร ก็บกพร่อง

    สิ่งเหล่านี้ คือ สิ่งที่มันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปในภายภาคหน้า และมันก็เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไม ทั้งอเมริกา และ EU ต้องให้ความสำคัญต่อ Passenger Bill of Rights มากเป็นพิเศษ เรียนทุกท่านด้วยความเคารพ ทั้งคนบินเอง และประชาชน ต่อไปหน้า หน่วยงานทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องกับการบิน จะต้องรับผิดชอบ "เรื่องทุกเรื่อง" ที่เกิดขึ้นต่อผู้โดยสาร "ในทุกๆ กรณี" และ "ในทุกๆ ที่ ที่สายการบินนั้นๆ ให้บริการ"

    ใช่ครับ การปฏิรูปกิจการการบินกำลังเดินเครื่อง การที่กิจการการบินทั่วโลก ทยอยพังพินาศ นั้น ก็เพราะจะต้องรื้อใหม่หมด โดยมีตัวตั้งคือ ประชาชน หน่วยงานทุกหน่วยที่ควบคุม ดูแล กำกับกิจการการบินก็จะโดนรื้อด้วย ไม่มีอะไรเหมือนเดิม แม้แต่เรื่องเดียว

    ผมลองมองย้อนมาที่ประเทศไทยนะครับ ผมขอคารวะการตัดสินใจของท่าน พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข อดีตแม่ทัพฟ้า ครับ ที่ตัดสินใจซื้อ กริพเพ่น ท่านอ่านขาดเลยว่า ขั้วแห่งดุลยภาพจะอยู่ที่ไหน สุดยอดครับ เพราะถ้าจ่ายให้ Eurofighter ก็อาจมีปัญหา จะไปซื้อของอเมริกา เงินก็ไปเข้ากระเป๋าตระกูลบุชอีก และถ้าเข้าไปอยู่ที่ตระกูลนี้แล้ว มันก็ต้องได้ออกมาถึง "ใครคนหนึ่ง" ซึ่งดูเหมือนยิ่งใหญ่ แต่เป็นเพียงแค่ "หน่วยลงทุนหนึ่งเล็กๆ กระผลีกหนึ่งของไอ้เฒ่า ในภูมิภาคนี้"

    หวังครับว่า ไทยเราก็คงจะมี Departure 2009 ในเร็ววันนี้ครับ

    อันนี้เป็นลิงก์ครับ เผื่อใครสนใจ http://www.departure2093.com/en/main_page/?id=2

     
     

    จากคุณ : เด็กคน - [ 24 ม.ค. 52 17:56:28 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com