Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ^^ ถุงผ้าทำให้โลกร้อน^^

    เต่า

    ...ไปเจอบทความนี้มา เอามากฝากห้อง bp..เพราะเห็นหลาย ๆ คนชอบใช้ถุงผ้า รวมทั้ง จขกท.เอง ก็มีหลายใบ....

    แต่พออ่านบทความนี้จบแล้ว บอกกะตัวเองว่า จะใช้ถุงผ้าที่มีอยู่ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้....
    --------------------------------------------------------------------------

    mba เล่ม “อากาศเปลี่ยน โอกาสเปิด”
    เป็นนิตยสารเล่มแรกที่ซื้ออ่านหลังจากกลับมาจากจีน
    ประเทศที่ผมไม่สามารถซื้อแมกกาซีนมานอนอ่านเล่นได้
    เพราะอ่านไม่ออก!  เมื่อได้กลับมาเมืองไทย
    สิ่งหนึ่งที่พบเห็นอย่างชัดเจน
    นอกจากโฆษณาของพี่โดมกับน้องแพนเค้กที่ฉาย
    อยู่จนล้นทีวี ก็คือกระแสเห่อและห่วงโลก
    เกรงว่ามันจะร้อนจนละลายนี่เอง
    ที่ใช้คำว่า “เห่อ” ก็เพราะมันลุกลาม
    เหมือนผื่นที่เห่อขึ้นมาเวลาที่เราเผลอไปเกา
    ซึ่งเมื่อเทียบกับที่จีนแล้ว ขณะนี้เมืองไทย “เขียว” กว่ามาก

    ผมสนใจพาดหัวของนิตยสาร mba
    เพราะเป็นการมองเรื่องโลกร้อนในอีกแง่มุมหนึ่ง
    มองวิกฤตเป็นโอกาส และเป็นด้านที่ผมยังไม่เคยคิดเลยว่า
    นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งของโลกใบนี้
    มันอาจนำพวกเราไปสู่อีกยุคสมัยได้เลยด้วยซ้ำไป
    คือยุคสมัยที่ผู้คนจะห่วงใยธรรมชาติและสีเขียวมากขึ้น
    นั่นเป็นประเด็นใหญ่ และหากมันยังประคับประคอง
    กระแสของตัวเองต่อไปได้ในระยะยาว
    มันก็อาจจะเปลี่ยนวิธีคิดของผู้คนให้เปลี่ยนไปเป็นอีกอย่าง

    โอกาสทางธุรกิจการค้าเปิดกว้างอย่างกับ
    รูโหว่ในชั้นโอโซน มองไปทางไหนในตอนนี้ก็
    เห็นสินค้าผลิตภัณฑ์ที่ขายความเขียวและทำหน้าทำตารัก
    โลกกันใหญ่ ผมยังไม่ได้เดินทางไปไหนมากสักเท่าไหร่
    จะไปก็แต่งานหนังสือ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เห็นวางขายกัน
    มากมายนอกจากหนังสือก็คือ “ถุงผ้า”
    และดูท่าว่าจะขายดี เพราะถุงชนิดนี้มีคุณสมบัติ
    ช่วยทำให้โลกไม่ร้อน (ไปกว่านี้) วิธีอธิบายง่ายๆ
    คือมันช่วยลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติก

    แต่เมื่อเห็นผู้คนซื้อถุงผ้ากันมากเข้า
    บางคนก็ซื้อถุงผ้าหลายใบ หลายขนาด
    หลายดีไซน์ ผมก็หลับตาเห็นกองขยะของถุงผ้า
    ซึ่งไม่ต่างอะไรกับกองขยะถุงพลาสติก
    จริงอยู่ที่ว่าถุงผ้าอาจย่อยสลายง่ายกว่า
    แต่หากจะคิดย้อนกลับไปอีกสักหน่อย
    กว่าที่มันจะมาเป็นถุงผ้าที่เชื่อกันว่าทำให้โลกไม่ร้อนนี้ได้
    มันต้องมีกระบวนการผลิตหลายขั้นตอน
    ทอผ้า, เย็บถุง, สกรีนลวดลายล่อใจ
    และอื่นๆ หลับตานึกภาพกระบวนการเหล่านั้น
    ผมไม่เห็นผู้คนนั่งใช้มือสนเข็มด้นด้ายเย็บให้มันเกิดเป็นถุงขึ้นมา
    แต่เห็นภาพกระบวนการผลิตในโรงงาน
    ที่กำลังพ่นควันดำปุ๋ยๆ ลอยสู่อากาศ
    ซึ่งไฟฟ้าที่ส่องสว่างและเครื่องจักรในโรงงานเหล่า
    นั้นก็น่าจะต้องใช้ พลังงานไม่ใช่น้อย

    ถุงผ้าทำให้เรารู้สึกดีขณะซื้อมัน
    เพราะเราจะได้ความรู้สึกของการ
    เป็นผู้ถนอมโลกในวินาทีนั้น
    หากเราใช้งานถุงผ้าที่ซื้อมาอย่างคุ้มค้า
    ของการที่มันเกิดมาเป็นถุงผ้าหนึ่งใบ
    ไปไหนก็พกพาไป ยื่นถุงพลาสติกคืน
    ให้พนักงานคิดเงินอยูเสมอๆ เราก็น่าจะช่วย
    ลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกได้สักนิดหน่อย
    แต่หากเราเสพติดความรู้สึกที่ได้เป็นผู้รักษาโลก
    และติดใจการบริโภคความหมายของการเป็นคนดี
    และซื้อถุงผ้าทุกใบที่ดาหน้าเข้ามาในลูกกะตา
    เพราะในวินาทีที่ซื้อถุงผ้าเราจะรู้สึกว่าเรากำลังรักษาโลก
    หากเป็นแบบหลัง แทนที่จะช่วยให้โลกเย็น
    กลับกลายเป็นทำให้โลกร้อน
    และผู้บริโภคอย่างเราก็จะตกเป็นเหยื่อของ
    “มายา” ทางการตลาดไป


    เป็นการซื้อ “ความหมาย” มากกว่า “การใช้สอย”
    ไม่ต่างอะไรกับที่สมัยหนึ่งเราอยากสะพายกระเป๋าหลุยส์วิตตอง
    เพียงแค่ในวันนี้มันเปลี่ยนเป็นถุงผ้าไปแล้วเท่านั้นเอง


    การบริโภคถุงผ้ามากๆ บางครั้งอาจทำ
    ให้โลกร้อนไวกว่าการหิ้วถุงพลาสติกด้วยซ้ำ
    ยิ่งผมได้รู้ข้อมูลใน mba ที่ซื้อมาว่า
    เดี๋ยวนี้มีพลาสติกบางชนิดทำจากข้าวโพดและมันสำปะหลัง
    ซึ่งย่อยสลายได้ง่ายกว่าพลาสติกที่ทำจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
    แต่ข้อมูลตรงนี้ก็น่าคิดต่ออีก เมื่อได้รู้ในอีกไม่กี่หน้าถัดมาว่า
    พลังงานทางเลือกบางชนิดอย่างพลังงานทางเลือกจากข้าวโพดนั้น
    ใช้พลังงานในการกลั่นแอลกอฮอล์จากข้าวโพด
    มากกว่าพลังงานที่ได้ออกมาเสียอีก

    ที่คิดไว้ว่าดำ มันกลับเขียว
    ที่คิดว่าเขียว บางครั้งมันกลับดำซะยิ่งกว่า

    ผมคิดว่า ปัญหามันอยู่ตรงที่พวกเราชาวโลก
    ยังไม่ยอมแพ้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค
    แต่กลับพยายามดิ้นรนหาทางที่จะใช้พลังงานเท่าเดิม
    ใช้ผลิตภัณฑ์เท่าเดิม ด้วยพฤติกรรมเดิมๆ
    ซึ่งสำหรับผู้สังเกตการณ์ ภาวะแบบนี้ก็น่าสนุกดี
    เวลาได้เห็นมนุษย์ขบคิดหาทางที่จะอยู่รอดต่อไป
    แต่สำหรับผู้บริโภคอย่างเราๆ หากเห็นว่าการช่วยโลกร้อน
    เป็นแฟชั่นก็คงไม่น่าวิตกอะไร
    แต่หากใครที่อยากจะช่วยโลกให้โหว่ช้าลงจริงๆ
    เห็นทีจะต้องคิดให้ถ้วนถี่อีกสักหน่อย
    ไม่เพียงแค่บริโภค “สัญลักษณ์”
    แต่น่าจะคิดถึงพฤติกรรมการบริโภคของตัวเองให้มากขึ้นอีกด้วย

    เพราะเราอยู่ในยุคที่ทุกคนจ้องแต่จะขายของ
    กระทั่งเรื่องอวสานของโลกก็ดูเหมือนจะโหมกระแสกันขึ้นมา
    ให้คนเห็นว่ามันเป็น วิกฤต จะได้กลายเป็น
    โอกาสของผู้ค้าทั้งหลาย ผมว่าบางทีวิธีง่ายๆ
    ที่จะทำให้โลกเย็นขึ้นบ้างก็คือการบริโภคสิ่งต่างๆ ให้น้อยลง

    ใช่ครับ รวมถึงการบริโภค “ถุงผ้า” ด้วย

    ที่มา : roundfinger.wordpress.com
    ปล.ขออนุญาตเจ้าของบทความนะคะ
    -------------------------------------------------------------------

    แล้วคุณ ๆ ล่ะ ซื้อถุงผ้า เพราะความหมาย หรือการใช้สอย....

    แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 52 14:32:34

    แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 52 14:31:53

    แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 52 14:25:34

     
     

    จากคุณ : เต่าตัวลาย - [ 30 ม.ค. 52 14:24:48 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com