พึ่งไปพักที่นี่มาค่ะ ห้องพูลวิลล่า หลังจากเห็นมีคนอื่นไปเที่ยวมาบ้าง แต่ปรากฏว่าหลังจากลองไปพักดูแล้ว เจอกับการบริการที่ไม่น่าพอใจหลายๆ อย่างทีเดียว ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า สำหรับห้องพัก ก็โอเคนะค่ะ ดูสวยงามดี มีทั้งห้องพัก ห้องแยกสำหรับสปา และสระว่ายน้ำ เป็นสัดส่วนบริเวณเฉพาะดี สำหรับตัวของห้องพักก็่ถือว่าน่าพอใจพอสมควรค่ะ ในตอนแรกที่มองเห็น
แต่สุดท้ายแล้วหลังจากไปพักมา 3 วัน สองคืน เราก็พบว่าสิ่งที่พอจะรู้สึกดีได้บ้างกับที่นี่ก็มีเพียงแค่ห้องพักเท่านั้นละค่ะ ส่วนด้านอื่นๆ นั้นไม่ได้น่าประทับใจเลย แบบที่คาดหวังเอาไว้ในตอนแรก
ขอเริ่มจาก สิ่งที่สุดยอดแห่งความไม่ประทับใจของเราเลยนะค่ะ ร้านอาหารที่อาจจะแย่ที่สุดในชีวิตเราที่เคยเจอมา
พอเราลองไปกินอาหารที่ห้องอาหารโรงแรมดูในตอนเย็นของวันแรกที่เข้าพัก ขอเตือนเอาไว้เลยนะค่ะ ว่าใครที่จะคิดไปทานที่นี่ทำใจไว้ก่อนเลยค่ะ ว่ามันคือที่สุดแห่งความแย่ และไม่คุ้มเอาซะเลย เราเคยอ่านที่คนไปพักมาส่วนมากเขาขับรถกันออกไปกินข้างนอก ตามตลาดหัวหินอะไรพวกนั้น เราก็เห็นว่ามาวันแรก น่าจะลองกินของโรงแรมดู และอยากจะช่วยโรงแรมด้วย คือใช้บริการของเขาบ้าง
ตอนแรกพอไปถึงห้องอาหารก็ร้างๆ แล้วค่ะ ปรากฏว่าไม่มีคนกินอยู่เลย คนบริการก็ไม่มีด้วย ปล่อยให้เรายืนเด๋อด๋าอยู่พักหนึ่ง เราก็รู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนกัน เพราะรู้สึกว่าโรงแรมไม่พร้อมเลย อย่างน้อยน่าจะมีพนักงานสักคนประจำอยู่บ้าง จนกระทั่งมีคนมาพาไปนั่ง พนักงานก็ดูไม่ค่อยพร้อมนะค่ะ จนตอนแรกเราคิดว่าจะเลิกกินไปกินที่อื่นดีกว่าเพราะไม่ชอบบรรยากาศแบบ พนักงานก็ดูมึนๆ งงๆ มันทำให้เรารู้สึกยังกับว่าเรากำลังทำอะไรผิดปกติ หรือว่าไม่ควรมากินซะอย่างนั้น คงพอนึกภาพออกนะค่ะ บรรยากาศแบบไม่พร้อม เราก็จะรู้สึกเหมือนยังกับว่าเรามารบกวนเขาหรืออย่างไรกันนี่
ถ้าใครได้มองดูเมนูอาหารที่นี่ ก็จะพบว่ามันแพงค่ะ โดยเฉพาะพวกเครื่องดื่มทั้งหลาย ซึ่งหลายตัว นี่เรียกได้ว่าแพงกว่า พวกร้านอาหารหรูๆ หรือดีๆ ในกรุงเทพสักสองเท่าได้ เอาเป็นว่าแค่พวกกาแฟ หรือช๊อกโกแลตเย็น แก้วเล็กๆ ธรรมดา ก็แพงกว่าแก้วใหญ่จากสตาร์บัคส์แล้วละค่ะ แล้วคุณภาพความอร่อยมันก็ไม่ได้ใช่ว่าดีตามราคาเสียด้วยสิ คือเรียกได้ว่า คิดราคาแพงอย่างไร้เหตุผลมากกว่า เหมือนกับจงใจเอาไว้ให้สำหรับชาวต่างชาติที่ไม่คิดอะไรมาก หรือมาพร้อมกับการเที่ยวทัวร์อยู่แล้วชอบกล
และที่ทำให้เรารู้สึกโกรธ!!! มากๆเลย ก็คือ เราไม่รู้ว่าจะทานน้ำอะไรดี ก็เลยบอกว่าเอาน้ำแร่แล้วกัน แต่ปรากฏว่าเป็นไงรู้ไหมค่ะ เรามากันกินกันแค่สองคน แต่สิ่งที่เขาเอามาให้ คือน้ำแร่เอเวียง ที่ขนาดใหญ่ที่สุดและแน่นอนค่ะแพงที่สุด เรียกได้ว่าไม่ใช่แค่ขวดใหญ่แต่เป็นขวดพิเศษเลยก็ว่าได้ คือเรียกได้ว่า ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนคุณไปซื้อของร้านไหนสักร้าน แล้วอยู่ๆ เขาก็หยิบสินค้ารุ่นที่แพงที่ไม่จำเป็นที่สุดมากะจะฟันเราหัวแตก เลยละค่ะ เพราะเจ้าน้ำแร่นี่ ราคา แพงร่วม 300-400 บาทน่ะค่ะ เรียกได้ว่ารสชาติเหมือนน้ำเปล่านี่ แพงกว่าพวกเครื่องดื่มอื่นๆ เสียอีก แถมแพงกว่าอาหารหลายๆ จานด้วยซ้ำไป
คือมันเป็นเรื่องของสามัญสำนึกมากๆเลยค่ะ ปกติไปร้านอาหารที่ไหน ถ้าเรามากินกันแค่สองคน คุณก็คงนึกออกใช่ไหมค่ะ ว่ามันเป็นจำนวนคนมานั่งกินที่น้อยมาก แค่ 2 มันควรจะเป็นน้ำขวดเล็กหรือว่า อะไรที่น้อยกว่านี้ แต่นี่ พนักงานเหมือนถือวิสาสะ ช่องว่างในคำพูดของเราที่บอกไปว่า เอาน้ำแร่เฉย แล้วยัดขวดที่ราคาแพงที่สุดมาให้เราค่ะ กะหาเงินกันอย่างนี้เลย จัดการรินลงแก้วให้เรียบร้อยไม่มีรั้งรอ มองไปอีกโต๊ะหนึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นมากินหลังเรา ปรากฏว่า เขามากันสองคนเขาก็ได้น้ำเปล่าขวดธรรมดา .....ก็นะค่ะ สงสัยเราเป็นคนไทยด้วยกัน คงจะหน้าโง่มากมั้ง เลยทุบหัวด้วยเอเวียงแพงๆ ซะเลย เฮ้อ คิดแล้วเศร้าค่ะ ทำกันได้
และสิ่งที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ ปรากฏว่า ในโต๊ะเราคนหนึ่ง สั่ง pork rib มากิน จานละ 300 บาท ก็ที่จริงแล้วเราเองก็ไม่ได้หวังว่ามันจะจานใหญ่อะไรเป็นร้าน 13 เหรียญหรอกนะค่ะ ทำใจไว้แล้วว่าเอาแค่ชิ้นเล็กๆ เหมือนสเต็กลุงหนวดก็พอ แต่ปรากฏว่าเป็นไงรู้ไหมค่ะ ตอนมาถึง มีสิ่งทีคล้ายกระดูกโค้งๆ 4 ชิ้นพาดอยู่บนข้าว แล้วเราอยากจะบ้าตายมากๆ คือแทนที่มันควรจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า เนื้อติดกระดูก มันกลับเป็น กระดูกติดหนัง เสียมากกว่าค่ะ เพราะเจ้ากระดูกโค้งๆ สี่ชิ้นนั้น มันไม่มีอะไรให้กินเลยจริงๆค่ะ นอกจากตัวกระดูกแล้วก็มีเนื้อที่แบบว่าแบนติดราบกับกระดูกเลย คือพูดตรงๆ เลยนะค่ะ คือระดับนี้ ไม่ต้องให้มีดมาก็ได้ค่ะ เพราะไม่รู้จะหั่นอะไร แทบไม่มีเนื้อให้ดึงเลย มันควรจะใช้ฟันเทะอย่างเดียวละค่ะ
ถ้าวัดเอาเฉพาะเนื้อเราว่าเนื้อมันน้อยกว่าคุณไปสั่งข้าวขาหมูกินสักจานแล้วหารครึ่งอีกค่ะ คือเรารู้สึกว่าน่าเกลียดมากๆ เอาวัตถุดิบแบบนี้มาให้เรากิน คือพูดตรงๆเลยนะค่ะ ไม่รู้ว่าร้านคิดยังไงใช้ของแบบนี้ได้ คือ ขนาดเราให้ข้าวเจ้าตูบที่บ้านเรา เราจะยังไม่ให้น้อยอย่างนี้เลยค่ะ เพราะคงกลัวว่ามันจะไม่อิ่ม บ้าไปแล้วมีแต่กระดูก แต่นี่กินไปเรารู้สึกโกรธและหงุดหงิดมากๆ คือทำไมตัวเองต้องมาเสียตังค์จ่าย 300 แล้วกินห่วยกว่าหมา ที่บ้านของตัวเองซะอีก
สุดท้ายกินกันไป แค่สามอย่างนี้ pork rib (กระดูกให้หมากิน) สปาเก็ตตี้ คาโบนาร่า (ที่ไม่ค่อยอร่อย) และ เอเวียง (ขนาดใหญ่ไว้ทุบหัวลูกค้าหน้าโง่แบบเรา) รวมทั้งหมด ร่วม 1200 บาทค่ะ บอกตรงๆนะ ค่ะเสียเงินจำนวนมากกว่านี้ ไร้สาระ กว่านี้เราก็เคยมาแล้วบ่อยๆ และไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่นี่แทบจะเป็นการใช้เงินที่รู้สึกไว้ไม่คุ้มค่าที่สุดเท่าที่เคยเกิดมาในชีวิตของเราเลย (คือขนาดที่ว่าคิดไม่ออกแล้วละค่ะ ว่ามีอะไรที่มันจะไร้ค่า และไม่คุ้มค่าได้ขนาดนี้มาก่อน )
คือไม่คุ้มขนาดที่ว่า เราพร้อมจะเอาเงินทั้งหมดนี่ไปหยอดตู้บริจาคการกุศลสักอย่าง โดยที่เราไม่ได้อาหารอะไรซะเลยจะดีกว่าค่ะ อย่างน้อยมันก็ยังมีประโยชน์ต่อคนอื่นได้บ้าง
อิ่มค่ะ แต่ไม่ได้อิ่มอาหารแต่อิ่มด้วยความโกรธ เลยในมื้อนี้ และพอกันที ลาขาดเลยค่ะ ร้านอาหารของที่พัก ใครไม่เชื่อเราก็ไม่เป็นไรนะค่ะ ต่างกรรมต่างวาระกันค่ะ ตอนคุณไปกินอาจจะดีก็ได้ แต่เราแค่เล่าในสิ่งที่เราเจอมาให้ฟังค่ะ ถ้ามีพ่อแม่พี่น้อง หรือเพื่อน เราก็เตือนหมดละค่ะ ว่าอย่างเข้าไปกินเด็ดขาด
แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 52 12:43:52
Aka resort หัวหิน ที่พักก็สวยดี แต่สิ่งแย่ๆ ที่เจอสิ เล่นเอาสยองไปเลย
