ความคิดเห็นที่ 1 วันที่ 10 ของการเดินทาง >>> เว้ - ฮานอย วันนี้ตื่นแต่เช้าตรู่ ดิฉันเดินจากโรงแรมไปที่พระราชวัง ก็ไกลเอาการอยู่ ถือว่าเป็นการออกกำลังกายลดความอ้วนค่ะ d: พระราชวังอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำหอมนะคะ คนละฝั่งกับโรงแรมที่พัก เลยต้องเดินข้ามสะพานไปค่ะ แดดแรงแต่เช้าเลย :P จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 22:44:36 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ดิฉันมาเริ่มต้นตั้งสติที่จุดนี้ค่ะ ศาลาท่าน้ำริมแม่น้ำหอม ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือหลวงขององค์จักรพรรดิค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 22:45:51 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จากศาลาท่าน้ำ มองลอดผ่านซุ้มประตูเห็นศาลาอีกหลังนึงเป็นออร์เดิฟก่อนค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 22:47:01 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เมืองเว้เคยเป็นศูนย์กลางการปกครองดินแดนเวียดนามใต้มาตั้งแต่ 400 กว่าปีก่อนค่ะ แต่เพิ่งมีจะมีฐานะเป็นราชธานีของเวียดนามในสมัยของพระเจ้ายาลอง ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เหงวียนเมื่อประมาณ 200 ปีนี้เองค่ะ ... นับจากนั้นก็เป็นเมืองหลวงของราชวงศ์เหงวียนอยู่เป็นเวลา 143 ปีค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 22:48:08 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถัดจากศาลาเมื่อกี๊นี้ ก็จะเห็นปราการนครเว้ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าค่ะ :D เมนคอร์สมาแล้วค่ะ คริ คริ "-" จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 22:49:45 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ปราการนครเว้มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสล้อมรอบด้วยคูน้ำ กำแพงแต่ละด้านยาวไม่ต่ำกว่า 2 กิโลเมตรค่ะ ดังนั้น หากใครต้องการเดินรอบกำแพงเมืองแล้วกลับมาที่เดิม จะต้องเดินเป็นระยะทาง 10 กิโลเมตรค่ะ ... การก่อสร้างปราการนครเว้ ใช้แนวความคิดตามหลักฮวงจุ้ยของจีน ผสานเข้ากับประเพณีความเชื่อของเวียดนามอย่างเป็นระเบียบแบบแผนค่ะ :D จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 22:51:22 ]

ความคิดเห็นที่ 7 นอกจากนี้ ยังมีการนำความรู้ด้านสถาปัตยกรรมการทหารของสถาปนิกชาวฝรั่งเศสชื่อ เซบาสเตียง เดอ โวบอง เข้ามาร่วมแจมเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยค่ะ ... ทำให้เว้เป็นเมืองหลวงเพียงเมืองเดียวที่มีเอกลักษณ์แตกต่างไปจากเมืองหลวงของประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้ค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 22:52:27 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มีคนมาช่วยกันเก็บบัวในคูเมืองด้วยนะคะ ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ไม่รู้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกันรึเปล่า เป็นภาพที่น่ารักดีค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 22:54:17 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ทางเข้าไปสู่ข้างในปราการนครค่ะ ... การก่อสร้างปราการแห่งนี้ ใช้เวลาวางแผนนานถึง 2 ปีค่ะ ใช้แรงงานคน 30,000 คน และกว่าจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ก็ต้องใช้เวลาในการก่อสร้างอีกเกือบ 30 ปีค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 22:55:41 ]

ความคิดเห็นที่ 10 กำแพงปราการชั้นนอกดูกันใกล้ ๆ ค่ะ หนาประมาณ 21 เมตร หนามาก เวลาผ่านเข้าไปเหมือนลอดอุโมงค์เลยค่ะ และสูง 6 เมตร 60 เซนติเมตรค่ะ ... เดิมเป็นกำแพงดินค่ะ แต่ในปลายรัชกาลของพระเจ้ายาลอง ได้โปรดให้ก่อด้วยอิฐค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 22:57:18 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผ่านเข้าประตูเมืองมาแล้ว จะเห็นปืนใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ค่ะ มีทั้งหมด 9 กระบอก แบ่งเป็น 2 ฟากค่ะ ... ฝั่งหนึ่งมี 4 กระบอก เป็นสัญลักษณ์แทนฤดูกาลทั้ง 4 ค่ะ ... อีกฝั่งนึงมี 5 กระบอกแทนธาตุทั้ง 5 คือ ดิน น้ำ ไฟ ไม้ และโลหะค่ะ :P จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 22:58:11 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ภายในเขตกำแพงปราการแบ่งเป็นชั้นนอกและชั้นในค่ะ ... ชั้นนอกเป็นเขตที่อยู่อาศัยของชาวเมือง และเป็นที่ตั้งของอาคารสถานที่ราชการต่าง ๆ ค่ะ ... ส่วนที่เห็นในรูปคือกำแพงชั้นใน ซึ่งเป็นเขตพระราชฐานค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:00:28 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มาถึงประตูใหญ่หน้าทางเข้าเขตพระราชฐานแล้วค่ะ ... สมัยก่อนสามัญชนไม่สามารถเข้าไปในนี้ได้นะคะ ด้านในเป็นที่ตั้งของปราสาทราชมณเฑียรและวิหารหลวงต่าง ๆ ค่ะ ... ค่าผ่านประตูเสียตรงนี้นะคะ 55,000 ด่องค่ะ แต่ดิฉันมีเงินด่องเหลืออยู่แค่ 10,000 ด่องเท่านั้นเองค่ะ ที่เหลือจ่ายเป็นเงินดอลลาร์ โดนเรียกเก็บเพิ่มอีก 3 เหรียญ ขาดทุนเลยค่ะ :( จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:02:26 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ประตูใหญ่หน้าทางเข้าไปสู่เขตพระราชฐานค่ะ มีทางเข้าอยู่ 5 ช่องค่ะ ประตูช่องกลางสำหรับองค์จักรพรรดิ คนอื่น ๆ ให้เข้าช่องข้าง ๆ ค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:03:37 ]

ความคิดเห็นที่ 15 กำแพงของเขตพระราชฐานซึ่งเป็นกำแพงชั้นใน มีขนาดย่อมกว่ากำแพงชั้นนอกค่ะ คือมีความสูงแค่ 4 เมตร 16 เซนติเมตร และหนาประมาณ 1 เมตรค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:04:24 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เดินขึ้นไปบนซุ้มประตูเพื่อชมวิวด้านบนกันหน่อยค่ะ :D จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:05:14 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ข้างบนค่ะ ด้านนึงเป็นหอกลอง ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:06:50 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เดินทะลุไปอีกด้าน ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:07:23 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อีกฟากเป็นหอระฆังค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:07:52 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มองย้อนกลับไปเห็นหอธง สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองเว้ค่ะ สร้างขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยพระเจ้ายาลองเมื่อ 200 ปีก่อนค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:08:48 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เขตพระราชฐานมีความยาว 622 เมตร x กว้าง 604 เมตร มีคูน้ำล้อมรอบโดยตลอดเช่นกันค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:09:56 ]

ความคิดเห็นที่ 22 พอพ้นซุ้มประตูใหญ่เข้ามาด้านหน้าวัง อาคารหลังแรกที่จะเจอก็คือพระที่นั่งท้ายหั่ว ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับจักรพรรดิเสด็จออกว่าราชการค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:11:40 ]

ความคิดเห็นที่ 23 พระที่นั่งท้ายหั่วเป็นพระที่นั่งที่เหลือรอดจากการถูกทิ้งระเบิดทำลายค่ะ นอกจากใช้ออกว่าราชการแล้ว ยังเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกและต้อนรับพระราชอาคันตุกะและคณะทูตานุทูตด้วยค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:12:40 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ด้านในพระที่นั่งห้ามถ่ายรูปนะคะ แต่ดิฉันขออนุญาตเจ้าหน้าที่ยืนถ่ายนอกธรณีประตู ซึ่งเค้าก็อนุญาตค่ะ ... พระที่นั่งหลังนี้มีเสาลงรัก 80 ต้นค้ำยันอยู่ค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:13:38 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ด้านหลังพระที่นั่งท้ายหั่ว เป็นอาคารสำหรับขุนนางตามธรรมเนียมค่ะ แต่ที่น่าสนใจคือหม้อยักษ์นี่แหละค่ะ :o จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:14:42 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เค้าจะต้องเติมน้ำไว้ให้เต็มอยู่ตลอดเวลานะคะ เป็นหม้อสำริดเก่าอายุ 300 กว่าปีค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:15:34 ]

ความคิดเห็นที่ 27 จากด้านหลังพระที่นั่งท้ายหั่ว เดินเข้ามาอีกหน่อย ส่วนที่อยู่ชั้นในใจกลางของเขตพระราชฐานก็คือ นครต้องห้ามค่ะ :o จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:17:38 ]

ความคิดเห็นที่ 28 นครต้องห้ามมีกำแพงล้อมรอบอีกชั้น เป็นเขตที่ประทับขององค์จักรพรรดิและพระมเหสี รวมถึงพระสนมบรมราชเทวี ตลอดจนบรรดาเจ้าจอมหม่อมห้ามชั้นสูงค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:18:34 ]

ความคิดเห็นที่ 29 นอกจากองค์จักรพรรดิแล้ว ผู้ชายที่จะเข้าไปในเขตนครต้องห้ามได้ มีเพียงขันที ซึ่งเข้าไปถวายการรับใช้เท่านั้นค่ะ แต่ถ้าผู้ชายธรรมดาเข้าไปจะมีโทษถึงประหารชีวิตค่ะ ... แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 52 23:01:33 จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:19:22 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เดิมในเขตนครต้องห้ามมีอาคารสิ่งก่อสร้างอยู่ 40-60 หลัง แต่ส่วนใหญ่ถูกทำลายเกือบหมดสิ้นแล้วค่ะ บ้างก็เหลือแต่ฐานให้เห็นเท่านั้นเอง :P นับจากที่พระเจ้ายาลองทรงสร้างเมืองขึ้นมา เว้เคยถูกทำลายมาแล้วถึง 3 ครั้ง ครั้งสุดท้ายเมื่อประมาณ 40 ปีแล้ว ถูกทำลายจนเกือบราบเป็นหน้ากลองเลยค่ะ :P จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:20:14 ]

ความคิดเห็นที่ 31 บริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือของนครต้องห้ามเป็นตำหนักทรงพระอักษรที่เล็ดลอดจากการถูกทำลายมาได้ค่ะ d: จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:21:25 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เป็นตำหนักที่สร้างขึ้นในสมัยของจักรพรรดิมิงห์หม่าง เพื่อใช้เป็นสถานที่อ่านหนังสือปลีกวิเวกค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:22:21 ]

ความคิดเห็นที่ 33 แม้จะทรุดโทรมไปมาก แต่ฝีมือการตกแต่งของเค้าสวยละเอียดจริง ๆ ค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:22:59 ]

ความคิดเห็นที่ 34 บริเวณตำหนักทรงพระอักษรล้อมรอบไปด้วยสวนค่ะ จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:24:50 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ให้ความรู้สึกสงบร่มรื่นดีค่ะ :D จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:25:27 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ใกล้ ๆ กันเป็นโรงมหรสพหลวง แต่ดูแล้วก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:26:08 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มีช้างให้ขี่ด้วยนะคะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:26:59 ]

ความคิดเห็นที่ 38 บริเวณด้านหลังของนครต้องห้ามมีคูคลองตัดผ่าน สวยงามร่มรื่นมาก ๆ ค่ะ :D จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:28:56 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เงียบสงบดีจังเลยค่ะ ไม่ค่อยมีใครเดินมาแถวนี้เลย :D จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:29:41 ]

ความคิดเห็นที่ 40 จริง ๆ แล้ว แดดแรงมาก ๆ เลยค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:31:18 ]

ความคิดเห็นที่ 41 แต่ด้วยความที่ต้นไม้เยอะ ก็เลยนั่งพักเหนื่อยได้สบาย ๆ ค่ะ :D จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:32:48 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คอร์ตเทนนิสแห่งแรกในเวียดนามค่ะ เป็นคอร์ตเทนนิสของจักรพรรดิบ๋าวด่าย จักรพรรดิองค์สุดท้ายของเวียดนามค่ะ :o จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:34:20 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เดินมาสำรวจแถวโซนตำหนักสมเด็จพระพันปีกันบ้างค่ะ บริเวณนี้ไม่ได้อยู่ในเขตนครต้องห้ามแล้วนะคะ อยู่ทางทิศตะวันตกของเขตพระราชฐานค่ะ ... ภายในเขตพระราชฐานจะแบ่งออกเป็นโซนต่าง ๆ โดยมีถนนและกำแพงคั่นเป็นช่วง ๆ ค่ะ นอกจากเขตนครต้องห้ามแล้ว ก็ยังมีโซนอื่น ๆ อีก เช่น เขตสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เขตตำหนักสมเด็จพระพันปี ฯลฯ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:35:38 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ประตูทางเข้าตำหนักสมเด็จพระพันปีค่ะ ชื่อประตูมีความหมายว่าสุขสันต์นิรันดร์กาลค่ะ :P จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:36:53 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ตำหนักสมเด็จพระพันปี เป็นสถานที่พำนักของพระราชมารดาขององค์จักรพรรดิในรัชกาลต่าง ๆ ค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:38:05 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เป็นอาคารขนาดใหญ่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ในเขตพระราชฐานค่ะ :O จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:39:01 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ข้าง ๆ กันกับตำหนักสมเด็จพระพันปี เป็นตำหนักอีกหลังที่เคยใช้เป็นที่ประทับรักษาพระวรกายของพระมเหสีองค์แรกของจักรพรรดิด่งค้างห์ จักรพรรดิองค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์เหงวียนค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:40:29 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ในภายหลัง เมื่อเวียดนามสิ้นสุดระบอบกษัตริย์แล้ว อาคารหลังนี้ยังเคยป็นที่พักของพระเจ้าบ๋าวด่ายในฐานะประมุขแห่งรัฐ ภายหลังจากที่ทรงสละราชสมบัติแล้วค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:41:24 ]

ความคิดเห็นที่ 49 บริเวณด้านตะวันออกของตำหนักพระพันปี เป็นสวยหิน สวนไม้ดัดและสระบัวที่สวยงามขึ้นชื่อด้วยค่ะ แต่ปัจจุบันได้ถูกทำลายเกือบหมด ขณะนี้กำลังบูรณะอยู่ค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:42:26 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ประตูทางเข้าวิหารด้านหลังตำหนักพระพันปีค่ะ แต่เค้ากำลังปิดซ่อมอยู่ค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:43:34 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ลำดับต่อไป จะพาไปเดินสำรวจโซนที่ใช้ประกอบพิธีบูชาบรรพชนค่ะ ซึ่งเป็นโซนที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเขตพระราชฐานค่ะ :p จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:44:44 ]

ความคิดเห็นที่ 52 สิ่งก่อสร้างที่ยังเหลืออยู่ค่อนข้างมาก ก็คือพวกซุ้มประตูทางเข้านี่แหละค่ะ :p จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:45:31 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เริ่มที่วิหารฮึงโต๋เมี้ยวค่ะ สร้างขึ้นในสมัยของจักรพรรดิมิงห์หม่าง เพื่อใช้สักการะบูชาพระปฐมบรมชนกและชนนีของพระเจ้ายาลอง ซึ่งก็คือปู่และย่าของพระเจ้ามิงห์หม่างนั่นแหละค่ะ ... วิหารหลังเดิมได้รับความเสียหายจากไฟไหม้เมื่อครั้งที่ฝรั่งเศสรุกรานเวียดนาม จนต้องสร้างขึ้นมาใหม่ค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 16 ก.พ. 52 23:46:48 ]

ความคิดเห็นที่ 54 มาเสียดาย พระราชวังเว้ สวยมากเลยครับ แต่เดินเที่ยวแค่ด้านหน้าเอง จากคุณ : หลานยายจุล - [ 16 ก.พ. 52 23:48:54 ]

ความคิดเห็นที่ 55 สวัสดีค่ะ คุณเต้ยหลานยายจุล ไม่เป็นไรค่ะ มาตามดูจากกระทู้นี้ก็ได้ค่ะ :D ถัดขึ้นมา ด้านหน้าของวิหารฮึงโต๋เมี้ยว คือวิหารเท้โต๋เมี้ยวค่ะ ... วิหารเท้โต๋เมี้ยวเป็นวิหารที่ใช้สักการะจักรพรรดิองค์ต่าง ๆ ในราชวงศ์เหงวียน 12 พระองค์ นับตั้งแต่พระเจ้ายาลองลงมาจนถึงพระเจ้าขายดิ่งห์ค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:07:23 ]

ความคิดเห็นที่ 56 จริง ๆ แล้ว ราชวงศ์เหงวียนมีจักรพรรดิทั้งสิ้น 13 รัชกาลนะคะ แต่รัชกาลสุดท้ายคือพระเจ้าบ๋าวด่ายนั้นทางการไม่ยอมรับ เพราะถือเป็นคนขายชาติค่ะ ... ทั้งวิหารฮึงโต๋เมี้ยวและวิหารเท้โต๋เมี้ยวนี้ สมัยก่อนเค้าห้ามผู้หญิงเข้าเด็ดขาดค่ะ รวมถึงองค์จักรพรรดินีด้วยค่ะ :P จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:08:55 ]

ความคิดเห็นที่ 57 บริเวณลานด้านหน้าของวิหารเท้โต๋เมี้ยว มีกระถางขัตติยวงศ์เรียงรายอยู่ 9 อันค่ะ กระถางเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้บูชาบรรพชนค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:09:52 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ลวดลายที่ปรากฏบนกระถางสวยงามมาก และมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ด้วยค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:10:41 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ที่ด้านหน้าทางเข้าโซนประกอบพิธีกรรม เป็นซุ้มประตูทางเข้าวิหารเท้โต๋เมี้ยวชื่อ หอเหียนเลิม ค่ะ เป็นอาคารไม้ที่งดงามอีกหลังค่ะ :o จริง ๆ แล้ว ถ้าเดินมาจากด้านหน้าวัง จะต้องผ่านซุ้มประตูนี้ก่อนนะคะ แต่เนื่องจากดิฉันเดินย้อนศรขึ้นมาจากด้านหลังวังค่ะ ก็เลยสวนทางคนอื่นเค้า :P จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:11:59 ]

ความคิดเห็นที่ 60 หอเหียนเลิมสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิมิงห์หม่างค่ะ เพื่ออุทิศแก่บุคคลต่าง ๆ ผู้มีคุโณปการต่อความเจริญรุ่งเรืองของราชวงศ์เหงวียนค่ะ :p และเป็นธรรมเนียมว่า จะไม่มีการสร้างอาคารหลังใดในเขตปราการนคร ให้สูงกว่าหอเหียนเลิมเลยค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:12:52 ]

ความคิดเห็นที่ 61 จบการเดินสำรวจวังใหญ่แล้วค่ะ ดิฉันกลับไปโรงแรมเช็คเอ้าท์ รอจนทางแมนดารินคาเฟ่มารับไปเที่ยวต่อก่อนที่จะไปที่ส่งสถานีรถไฟค่ะ ... อุตส่าห์รีบกลับมาโรงแรมกะจะมากินอาหารเช้า แต่เค้าเก็บหมดแล้วเลยอดค่ะ มาไม่ทัน :( เที่ยววังใหญ่แล้ว เรามาเที่ยววังเล็กกันบ้าง พระราชวังอานดิ่งห์ค่ะ ... รูป : ประตูทางเข้าหน้าพระราชวังอานดิ่งห์ค่ะ ... แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 52 00:18:19 จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:14:54 ]

ความคิดเห็นที่ 62 พระราชวังอานดิ่งห์ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองเว้ค่ะ สร้างขึ้นเมื่อเกือบร้อยปีที่แล้ว โดยพระเจ้าขายดิ่งห์ จักรพรรดิองค์ที่ 12 แห่งราชวงศ์เหงวียนค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:21:48 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ต่อมาทรงโปรดให้ใช้เป็นที่ประทับของจักรพรรดิบ๋าวด่ายก่อนขึ้นครองราชย์ ในช่วงที่ยังเป็นองค์มกุฏราชกุมารอยู่ค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:23:11 ]

ความคิดเห็นที่ 64 และเมื่อพระเจ้าบ๋าวด่ายขึ้นครองราชย์แล้ว วังแห่งนี้ก็มีฐานะเป็นพระราชวังฤดูร้อนค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:23:56 ]

ความคิดเห็นที่ 65 หลังจากที่จักรพรรดิบ๋าวด่ายสละราชสมบัติ พระราชวังแห่งนี้ก็ได้กลายเป็นที่ประทับของสมเด็จพระพันปี และต่อมาก็ตกเป็นของรัฐค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:24:44 ]

ความคิดเห็นที่ 66 พระราชวังแห่งนี้ มีจุดเด่นในเรื่องของตกแต่งที่สวยงามค่ะ และเพิ่งได้รับการบูรณะซ่อมแซมใหม่ค่ะ ... ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนไว้ให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ด้วยค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:25:30 ]

ความคิดเห็นที่ 67 จากพระราชวังอานดิ่งห์ ดิฉันก็เดินทางต่อไปยังพระราชสุสานของจักรพรรดิหยุบดึ๊ก จุดหมายแห่งสุดท้ายในเมืองเว้แล้วค่ะ :P ระหว่างทาง ผ่านโบสถ์คริสต์สวย ๆ หลายแห่งค่ะ :D จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:27:54 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากเป็นอันดับ 2 ในเวียดนามค่ะ คิดเป็น 8% ของประชากรค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:28:38 ]

ความคิดเห็นที่ 69 แล้วในที่สุด ดิฉันก็เดินทางมาถึงพระราชสุสานจักรพรรดิหยุบดึ๊ก จุดหมายแห่งสุดท้ายในเมืองเว้แล้วค่ะ :P จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 70 สุสานแห่งนี้ใช้เป็นที่ฝังพระศพและบูชาพระวิญญาณจักรพรรดิถึง 3 รัชกาล คือจักรพรรดิหยุบดึ๊ก จักรพรรดิถ่างท้าย พระราชโอรสของพระองค์ และจักรพรรดิซุยเติน ผู้เป็นพระราชโอรสของจักรพรรดิถ่างท้ายอีกทีค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:36:06 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ในบรรดาพระราชสุสานทั้งหมด สุสานของพระเจ้าหยุบดึ๊กนั้นเรียบง่ายที่สุดค่ะ ไม่มีศิลาจารึกพระกิตติคุณหรือแถวขุนนางหรือสัตว์พาหนะเหมือนที่อื่นเลยค่ะ ... ในรูปคือวิหารบูชาพระป้ายค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:38:52 ]

ความคิดเห็นที่ 72 พระเจ้าหยุบดึ๊ก หรือสุบดึ๊ก ทรงเป็นจักรพรรดิลำดับที่ 5 แห่งราชวงศ์เหงวียนค่ะ ทรงขึ้นครองราชย์ในฐานะพระราชโอรสบุญธรรมองค์ใหญ่ของพระเจ้าตึดึ๊ก แต่ครองราชย์ได้เพียง 3 วัน ก็ถูกกลุ่มเสนาอำมาตย์ถอดออกจากราชสมบัติ ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตัดทอนพระราชโองการค่ะ ... พระองค์ถูกคุมขังโดยไม่ได้ทานอาหาร 7 วันจนสิ้นพระชนม์ค่ะ :P จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:46:34 ]

ความคิดเห็นที่ 73 กล่าวกันว่า มีผู้คุมและทหารอีก 2 คน ใช้เสื่อห่อพระศพของพระองค์แบกออกไปเพื่อไปฝังที่วัดแห่งหนึ่ง แต่เมื่อเดินมาถึงจุดนี้พระศพได้ร่วงลงมา ทั้ง 3 คนจึงตัดสินใจฝังพระศพไว้ที่นี่ค่ะ ... แต่อีก 6 ปีต่อมา โดยที่ไม่มีใครคาดคิด พระโอรสของพระองค์ได้เสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงพระนามว่าจักรพรรดิถ่างท้าย พระองค์ทรงโปรดให้สร้างสุสานให้กับพระราชบิดาของพระองค์ ณ ที่แห่งนี้ค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:49:07 ]

ความคิดเห็นที่ 74 จักรพรรดิถ่างท้ายครองราชย์ได้ 18 ปีก็ถูกฝรั่งเศสถอดออกจากราชสมบัติในข้อหากบฏค่ะ ฝรั่งเศสได้แต่งตั้งจักรพรรดิซุยเติน พระราชโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน แต่ในที่สุดก็ถูกถอดออกจากราชสมบัติในข้อหากบฏเช่นเดียวกันค่ะ ... ทั้ง 2 พระองค์ถูกเนรเทศไปอยู่บนเกาะเรอูนียง ในทวีปแอฟริกา จักรพรรดิถ่างท้ายกลับมาสิ้นพระชนม์ที่กรุงไซ่ง่อน ส่วนจักรพรรดิซุยเตินสิ้นพระชนม์จากเหตุเครื่องบินชนกันที่ประเทศสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ขณะที่ทรงเดินทางนิวัติกลับประเทศ ปัจจุบันพระศพของทั้ง 2 พระองค์ก็ฝังอยู่ที่นี่เช่นกันค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:51:51 ]

ความคิดเห็นที่ 75 กลับมากินอาหารกลางวันที่แมนดารินคาเฟ่ค่ะ นี่แหละค่ะโฉมหน้าของแมนดารินคาเฟ่ เป็นร้านอาหารและบริษัทเอเจ้นท์ทัวร์ที่มีคนพูดถึงกันมากในเว็บไซต์ทริปแอดไวเซอร์ค่ะ ... หนังสือของโลนลี่แพลเน็ตก็มีแนะนำไว้ค่ะ แต่เค้าย้ายร้านมาอยู่ที่ใหม่แล้ว ที่อยู่ + เบอร์โทรตามในรูปเลยค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:54:13 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เจ้าของร้านชอบถ่ายรูปจริง ๆ เลยค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:56:31 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ค่าบริการก็ไม่ได้ถูกกว่าที่อื่นหรอกนะคะ แต่เค้าตรงไปตรงมาไม่ตุกติกดีค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 00:59:09 ]

ความคิดเห็นที่ 78 อาหารน่าตาน่ากิน แต่รสชาติธรรมดาค่ะ :P บะหมี่ผัด 25,000 ด่อง + โค้กกระป๋อง 10,000 ด่องค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 01:00:44 ]

ความคิดเห็นที่ 79 จากนั้นก็ไปขึ้นรถไฟค่ะ ตามแผนเดิม ดิฉันตั้งใจจะไปสำรวจถ้ำที่แหล่งมรดกโลก อุทยานแห่งชาติฟองญา-แก๋บ่าง ก็เลยซื้อตั๋วรถไฟชั้นธรรมดาแบบฮาร์ดซีตซึ่งเป็นที่นั่งไม้แข็ง ๆ ไปลงที่เมืองด่งเฮ้ยค่ะ กะว่านั่งไม่กี่ชั่วโมงไปถึงที่นั่นตอนค่ำ ๆ แต่รถไฟขบวนนี้วิ่งไปถึงกรุงฮานอยนะคะ ... แต่พอใกล้จะถึงเมืองด่งเฮ้ย ดิฉันก็เกิดเปลี่ยนใจค่ะ เพราะเงินสดในกระเป๋าแทบจะไม่เหลือแล้ว ที่เมืองเว้กดเอทีเอ็มไม่ออกเลยค่ะไม่รู้เป็นอะไร กลัวว่าที่ด่งเฮ้ยจะไม่มีธนาคารหรือตู้เอทีเอ็มให้กดเงินด้วยค่ะ ก็เลยบอกเจ้าหน้าที่ว่าขอไปลงฮานอยเลยได้มั้ยคะ เค้าก็ใจดีค่ะ วิ่งลงไปซื้อตั๋วที่สถานีด่งเฮ้ยให้อีกต่างหาก d: ขึ้นรถไฟขบวนนี้ได้รู้จักเพื่อนใหม่อีกหลายคนเลยค่ะ ตกดึกก็นอนกันระเกะระกะค่ะ บางคนก็เอากระดาษหนังสือพิมพ์ปูนอนกับพื้นคงจะนอนสบายน่าดู ส่วนดิฉันนอนบนพนักเก้าอี้ไม้ ทรมานมาก ๆ ค่ะ นอนไม่ค่อยหลับหรอกค่ะ :P โรงแรมที่เมืองด่งเฮ้ยซึ่งจองล่วงหน้าไว้แล้ว ก็ต้องยกเลิกไปโดยปริยาย แต่ก็ไม่โดนชาร์จนะคะ เพราะซื้อประกันเอาไว้กับทางเว็บไซต์ (โฮสเท็ลเวิลด์) ค่ะ :D จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 01:03:58 ]

ความคิดเห็นที่ 80 $$$ ดัชนีค่าครองชีพที่เมืองเว้ค่ะ $$$ ค่าเหมารถมอเตอร์ไซค์กับแมนดารินคาเฟ่ ตั้งแต่เช้กเอ้าท์ออกจากโรงแรมจนถึงสถานีรถไฟ 60,000 ด่องค่ะ ... ไอติมช็อกโกแลตแท่งละ 5,000 ด่อง ... น้ำดื่มขนาด 1.5 ลิตรขวดละ 4,000 ด่องค่ะ ... ตั๋วรถไฟธรรมดาชั้นฮาร์ดซีต จากเว้ไปด่งเฮ้ย 60,000 ด่อง ... ตั๋วรถไฟธรรมดาชั้นฮาร์ดซีต จากด่งเฮ้ยไปฮานอย 187,000 ด่องค่ะ ... จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 01:06:55 ]

ความคิดเห็นที่ 81 โพสมากเน็ตเดี้ยงแล้วค่ะ คงต้องพอแค่นี้ก่อนล่ะค่ะ :P กระทู้หน้าไปถึงฮานอยแล้วค่ะ สำหรับวันนี้ต้องขออำลาไปก่อนนะคะ สวัสดีและขอบคุณทุกคนค่ะ :D จากคุณ : Jew_never_lies - [ 17 ก.พ. 52 01:10:12 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ถ่ายรูปได้สวยมากค่ะ ขอชมจากใจจริง จากคุณ : flymom - [ 17 ก.พ. 52 01:24:09 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ขอไปด้วยคนนะคะ รูปสวยมากเลยค่ะ จากคุณ : Picike - [ 17 ก.พ. 52 02:37:10 ]

ความคิดเห็นที่ 84 .. รอไปฮานอยต่อตอนหน้านะครับ ^^ .. จากคุณ : POGGHI - [ 17 ก.พ. 52 18:25:03 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ภาพสวย ข้อมูลแน่น มั๊ก มั๊ก!! ขอบคุณครับ ขอไป hanoi ด้วยคน คิดถึงฮานอย จากคุณ : arrthai - [ 18 ก.พ. 52 16:46:39 ]

ความคิดเห็นที่ 86 รูปสวยดีครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ เดือนหน้า ผมว่าจะไปอยู่เหมือนกัน เว้กะ ฮอยอัน จากคุณ : lkunl - [ 18 ก.พ. 52 23:05:55 ]

ความคิดเห็นที่ 87 สวัสดีค่ะ คุณ flymom คุณ Picike คุณ POGGHI คุณ arrthai และคุณ lkunl ... ขอบคุณสำหรับคำชมและอุตส่าห์สละเวลาเข้ามาดูค่ะ :D แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 52 22:31:04 จากคุณ : Jew_never_lies - [ 24 ก.พ. 52 22:30:29 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ตอนถัดไป วันที่ 11 และ 12 ของการเดินทางค่ะ ... http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E7685230/E7685230.html รูปประกอบ : พิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยาของเวียดนามที่กรุงฮานอยค่ะ แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 13:55:19 จากคุณ : Jew_never_lies - [ 31 มี.ค. 52 00:54:19 ]