ความคิดเห็นที่ 1 วันนึงที่ผมหยุด ผมมองไปรอบกายนอกเหนือจากคนในครอบครัวแล้ว ผมก็พบความรักจากคนสองคน เพื่อนเกลอ ๒ คนที่คบกันมาตั้งแต่ตอน เรียน ม.ปลาย แล้วความรักฉันมิตรก็พาผมและเพื่อนมุ่งสู่โลกกว้างด้วยกัน แต่วันนี้ไม่ใช่แค่เพียงสามหนุ่มสามมุม แต่กลับเป็นชายหญิงสองคู่กับหนึ่งหนุ่ม ผู้โดดเดียว เวรกรรมเพื่อนผมดันพาศรีภรรยาและแฟนไปด้วย T_T แต่ก็ เอาเถอะ สนใจแต่เรื่องเที่ยวดีกว่านะเรา ทริปนี้เกิดจากคำชวนของเพื่อนใหม่ที่ขายของอยู่ร้านติดกันกับร้านเพื่อนผม และอีกร้านถัดไป ซึ่งทั้งสองร้านวางแผนกันไว้ว่าจะไปนมัสการรอยพระบาทที่ "เขาคิชฌกูฏ" และได้ชวนเพื่อนผมด้วย งานนี้มีหรือที่ผมจะพลาด และนี่ก็เป็น ที่มาของทริปในวันแห่งความรักทริปนี้นั่นเอง จากคุณ : ST.Exsodus - [ 1 มี.ค. 52 23:40:40 ]

ความคิดเห็นที่ 2 พวกเราออกเดินทางกันราวๆ ๘ โมงเช้า เติมน้ำมัน ๑,๒๐๐ บาท โดยใช้ถนน กาญจนาภิเษก, วงแหวนใต้ ข้ามสะพานกาญจนาภิเษกไปลง ถนนบางนา - ตราด ขึ้นทางด่วนบูรพาวิถี จ่ายค่าทางด่วน ๕๐ บาท ลงทางด่วนไปไม่ไกลนักก็เลี้ยวซ้าย เข้าทางหลวงหมายเลข ๓๑๓๓ บ้านบึง - แกลง แวะทานข้าวเช้ากันที่ ร้านรสดีอาหารป่า อยู่แถวๆ อ.หนองใหญ่ มื้อนี้ มีขาหมู, หมูป่าผัดเผ็ด, เป็ดผัดเผ็ด, ต้มเลือดหมู, ข้าว ๕ จาน และน้ำเปล่า จ่ายค่าเสียหายไป ๒๔๕ บาท อาหารรสชาติพอใช้ได้ แล้วเดินทางต่อ ระหว่างทางเจอค่าผ่านทางพิเศษเลยเสียเงินเพิ่มอีก ๔๐ บาท วิ่งไปจนออกทางหลวง หมายเลข ๓ ถนนสุขุมวิท พวกเราก็มาพบกับเพื่อนร่วมทางอีก ๒ คันแถวๆ อ.ท่าใหม่ แล้วเดินทางต่อจนถึงแยกเขาไร่ยา เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข ๓๒๔๙ พักกิน ก๋วยเตี๋ยวหมูอีกคนละชามกับน้ำอัดลมจ่ายค่าเสียหายไปอีก ๑๔๐ บาทสำหรับพวกเรา ๕ คน ก๋วยเตี๋ยวรสชาติใช้ได้ทีเดียว หน้าร้านมีต้นหว้าขนาดใหญ่ที่กำลังออกลูกดก อยู่ด้วย เสร็จแล้วจึงแวะเก็บของที่บ้านญาติของแฟนเพื่อนที่อยู่เลย มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจันทบุรี ไปไม่ไกลนักก็เมื่อเวลาราวๆเที่ยง แล้วจึงไปเที่ยวต่อครับ ที่เที่ยวที่แรกของวันนี้ก็คือ "น้ำตกคลองไพบูลย์" จากคุณ : ST.Exsodus - [ 1 มี.ค. 52 23:40:57 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เราใช้ทางหลวงหมายเลข ๓๒๔๙ วิ่งเลยราชมงคลตะวันออกไปไม่ไกลก็จะเห็นทางเข้า ด้านขวามือมีป้ายบอกทางชัดเจนว่า น้ำตกคลองไพบูลย์ เข้าไปอีกประมาณ ๒ กิโลเมตร ก็จะถึงตัวน้ำตกครับ ที่นี่ต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ ๔๐ บาท เพื่อนผมทนหิวไม่ไหว เลยคว้าข้าวเหนียวไก่ย่างมากินจ่ายค่าเสียหายเพิ่มไปอีก ๑๐๐ บาท หลังจากจอดรถแล้วเดินเข้ามาไม่ไกลนักก็จะเห็นสะพานแขวนที่ขึงข้ามธารน้ำตกยาว เกือบร้อยเมตร สะพานสวยทีเดียว ลองเดินเข้าไปคนเดียวปรากฎว่าสะพานไหวไปมา สนุกสนานดีครับ นี่ถ้าด้านล่างเป็นเหวลึกคงคงเพิ่มความระทึกได้อีกไม่น้อย ผมแยกตัวออกมาจากกลุ่มพร้อมกล้องและอุปกรณ์คู่ใจเดินทวนกระแสน้ำไปข้างหน้า ยิ่งทวนน้ำไปนานเท่าไหร่ สะพานแขวนก็ยิ่งไกลห่างออกไปทุกที(ภาพซ้ายมือ) เหมือนกับ เวลาที่เราวิ่งตามหาความรัก เราก็เดินห่างจากความรักใกล้ๆตัวที่เรามองข้ามไป... วันที่ผมมาอากาศเริ่มแล้งแล้ว น้ำในน้ำตกจึงน้อยไปนิด แต่นักท่องเที่ยวก็ยังคงแวะ มาเที่ยวกันไม่ขาดสาย น้ำตกคลองไพบูลย์แห่งนี้ไม่มมีผาน้ำตกสูงใหญ่ มีแต่เพียง ธารน้ำใสที่ไหลทอดยาวไปตามลำธารที่เล่นระดับ และมีหินกั้นกระแสน้ำเป็นช่วงๆ ตลอดสายน้ำตกจึงมีแอ่งให้เล่นน้ำไปตลอดทาง แต่ถ้าใครอยากเล่นน้ำที่นี่ ผมแนะนำ ให้เดินลึกเข้ามาสักหน่อย ลึกเข้าไปเมื่อเราเดินสวนกระแสน้ำขึ้นมาก็จะพบกับแอ่งน้ำ ที่มีความลึกขนาดกำลังเหมาะซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ร่มรื่นที่สุดจุดหนึ่งของน้ำตก(ภาพขวา) จุดนี้ในวันที่ผมไปไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ กอบกับเป็นต้นน้ำมากกว่าแอ่งน้ำในช่วงแรกๆ น้ำจึงน่าเล่นมากเลยครับ จากคุณ : ST.Exsodus - [ 1 มี.ค. 52 23:41:16 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จากแอ่งน้ำแห่งนี้ยังมีทางเดินต่อไปได้อีก ผมเดินไปได้อีกสักพักก็มองไม่เห็นอะไร ที่น่าสนใจแล้ว จึงเริ่มเดินย้อนกลับ แต่เพื่อนผมที่เดินเข้าไปลึกกว่าบอกว่าด้านใน จะมีทางแยกเป็นสองทาง และทั้งสองทางจะมาบรรจบที่จุดเดียวกัน เสียดายเหมือนกัน ที่ผมไม่ได้เดินเข้าไป ตอนแรกกะว่าจะลงเล่นน้ำด้วยเพราะเตรียมชุดมาเปลี่ยนแล้ว แต่กลุ่มที่มาด้วยกัน อยากจะไปเที่ยวที่อื่นต่อก่อนที่จะไปขึ้นเขาในช่วงหัวค่ำ ผมจึงอดเล่นน้ำเลย เราออก เดินทางจากที่นี่กันเมื่อเวลาราวๆ ๑๕.๐๐ น. กลับเข้าที่พัก อาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้า กินข้าวเย็นแล้วเตรียมออกเดินทางกันต่อ จากคุณ : ST.Exsodus - [ 1 มี.ค. 52 23:41:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จากที่พักเราใช้ทางหลวงหมายเลข ๓๒๔๙ ย้อนกลับไปยังตัวเมืองจันทบุรี เพื่อไปยัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจันทบุรี เพื่อแวะเข้าชมงาน "ราชมงคลรักษ์เหลืองจันท์ ครั้งที่ ๘" หากไปจากทางนี้ตัวมหาวิทยาลัยจะอยู่ก่อนถึง น้ำตกกระทิง โดยจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ แต่หากมาจากถนนสุขุมวิท ก็จะอยู่เลยน้ำตก กระทิงและอยู่ทางขวามือครับ จากรถกระบะ ๓ คันพวกเราเลือกใช้รถเพียงคันเดียว แล้วนั่งไปด้วยกันเพื่อความสะดวกในการหาที่จอดรถนั่นเอง ภายในงานมีการจัดบริเวณไว้อย่างกว้างขวางมาก โดยแบ่งเป็นโซนที่ขายสินค้าจำพวก ต้นไม้ โซนขายสินค้าท้องถิ่น สินค้าพื้นเมืองและของจิปาถะ และโซนที่จัดไว้สำหรับประกวด กล้วยไม้ ซึ่งกล้วยไม้เด่นของงานนี้ก็คงหนีไม่พ้นกล้วยไม้ที่เป็นชื่องาน นั่นก็คือกล้วยไม้ สกุลหวาย ไม้ไทยพันธุ์แท้ที่มีชื่อว่า "เหลืองจันทบูร" ในงานมีจัดประกวดจัดสวนกล้วยไม้เลียนแบบธรรมชาติ จัดสวนกล้วยไม้ในวงซีเมนต์ และประกวดกล้วยไม้ประเภทต่างๆ เนื่องจากกล้วยไม้ที่เข้าประกวดมีเยอะมาก ผมจึงขอ เลือกภาพมาฝากแค่เพียงภาพเดียวนะครับ นั่นคือภาพ "เหลืองจันทบูร" ที่ได้รับรางวัล "ยอดเยี่ยม" ของงาน (หมายถึงรางวัลสูงสุดของกล้วยไม้ทุกชนิดที่เข้ารว่มประกวดในงาน) กับ "เหลืองจันทบูร" กอนี้ครับ จากคุณ : ST.Exsodus - [ 1 มี.ค. 52 23:41:49 ]

ความคิดเห็นที่ 6 หลังจากถ่ายภาพและเดินชมงานจนเวลาล่วงไปถึง ๖ โมงเย็น พวกผมก็เตรียมตัว ออกเดินทางไปยังจุดหมายถัดไป เรามุ่งหน้าย้อนกลับไปทางตัวเมืองจันทบุรี ผ่าน น้ำตกกระทิง ผ่านที่ว่าการ กิ่ง อ.เขาคิชฌกูฏ จนถึงสามแยกแล้วเลี้ยวขวาเพื่อไปยัง "วัดพลวง" ที่วัดแห่งนี้ในช่วงนี้ของทุกปีจะคึกคักมากเป็นพิเศษและเต็มไปด้วยผู้คน ที่มุ่งหน้ามาที่นี่กันอย่างล้นหลามเลยทีเดียวครับ เพราะช่วงเวลานี้ของทุกปีเป็นช่วงเดียว ที่เปิดให้ขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาพลวงนั่นเองครับ ซึ่งปีนี้เริ่มตั้งแต่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๒ ถึง ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๒ ครับ ภาพบนเขาชุดนี้แย่หน่อยนะครับ ด้วยเพราะความไม่พร้อม ขาดประสบการณ์และ ความรู้ในการถ่ายภาพกลางคืนแบบนี้ ภาพที่ได้เลยดูไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เรามาถึงวัดพลวงเมื่อเวลาราวๆก่อนหนึ่งทุ่ม หลังจากจอดรถเป็นที่เรียบร้อยก็เดินดูข้าวของ ที่ขายในวัดกันสักพัก ช่วงนี้จะเหมือนมีงานวัดครั้งใหญ่ที่วัดพลวงเลยครับ พ่อค้าแม่ค้าต่าง มาออกร้านกันมากมายจริงๆ หลังจากพร้อมแล้วพวกเราก็ไปยังท่ารถกระบะเพื่อจะโดยสาร ขึ้นเขาไปยังยอดเขาด้านบนครับ สำหรับการขึ้นเขาไปนมัสการรอยพระพุทธบาทนี้ สามารถ ไปได้โดยการเดินเท้าซึ่งจะเริ่มจากที่วัดพลวง หรือ ที่จุดต่อรถบนเขาก็ได้ครับ ผมแนะนำ ให้ขึ้นรถไปดีกว่าครับ เพราะการเดินขึ้นเขาหลายๆช่วงต้องเดินในบนถนนที่รถวิ่งขึ้นลง เนื่องจากถนนไม่มีไหล่ทางแค่รถที่วิ่งสวนก็นก็อันตรายพอดูแล้ว และนี่ต้องมาขับหลบคนอีก ยิ่งอันตรายมากครับ การนั่งรถนั้นจะต้องเสียค่าโดยสารคนละ ๕๐ บาท และจะต้องขึ้นรถ ๒ ต่อ รวมแล้วก็ต้องเสียเงินขึ้นและลง ๒๐๐ บาท โชคดีที่ช่วงเวลาที่ผมไปนั้นยังไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ บริเวณที่รอรถว่างมากและเมื่อรถมาถึง พวกราจึงมีโอกาสเลือกโดยสารรถคันเดียวกันทั้ง ๑๔ คน ได้ครับ(เด็ก ๒ คน ผู้ใหญ่ ๑๒ คน) รถทุกคันจะเป็นรถกระบะขับเคลื่อน ๔ ล้อที่เตรียมมาสำหรับการขึ้นเขาสูงชันโดยเฉพาะครับ ซึ่งการขึ้นเขาโดยรถยนต์จะไม่อนุญาตให้ขับรถขึ้นไปเอง จากวัดพลวงเรามุ่งหน้าไปทาง อ่างเก็บน้ำเขื่อนพลวงซึ่งจุดขึ้นเขาจะเริ่มที่สันอ่างเก็บน้ำนี่เองครับ เหตุที่ห้ามนำรถขึ้นมาเอง ก็เพราะว่าถนนเส้นที่ขึ้นเขานี้ผู้ขับต้องมีความชำนาญทั้งเส้นทาง โค้งต่างๆจังหวะการขึ้นลง และที่สำคัญก็คือถนนจะมีการสลับเลนส์วิ่งหลายช่วงมาก หากไม่มีความชำนาญแล้วคงมีอุบัติเหตุ เกิดขึ้นแน่นอนครับ เส้นทางขึ้นเขาช่วงแรกผมก็ว่าหวาดเสียวแล้ว แต่ช่วงที่สองหลังจากต่อรถแล้ว ยิ่งโหดหินกว่ากันเป็นเท่าตัวทีเดียวครับ จากคุณ : ST.Exsodus - [ 1 มี.ค. 52 23:42:03 ]

ความคิดเห็นที่ 7 หลังจากผ่านความหฤหรรษ์จากการนั่งรถขึ้นเขา ๒ ต่อแล้วเราก็มาถึงจุดที่จะต้องเดินเท้าไป กันต่อครับ หลังจากลงรถมาพวกเราก็เริ่มต้นด้วยการไหว้พระและรับน้ำมนต์ที่ลานกว้างก่อนเลย (ภาพซ้าย) แล้วหลังจากนั้นก็ซื้อชุดของไหว้ที่ต้องใช้ระหว่างทางในราคาชุดละ ๑๐๐ บาท ซึ่งใคร เตรียมมาแล้วหรือยังไม่อยากถือก็ไม่จำเป็นต้องซื้อก็ได้ครับ หรือจะไปซื้อเอาที่ด้านบนก็มีขาย ก่อนเดินขึ้นเขาก็เข้าไปไหว้พระแม่ธรณีเพื่อเป็นสิริมงคลกันก่อนครับ(ภาพขวา) จากคุณ : ST.Exsodus - [ 1 มี.ค. 52 23:42:21 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ทางเดินช่วงแรกๆเดินได้สะดวกมีแสงสว่างไปตลอดทางครับ ถ้าใครต้องการแค่เพียงขึ้นไป นมัสการรอยกระพุทธบาทก็ไม่จำเป็นต้องพกไฟฉาย เพราะช่วงนี้จนไปถึงพระบาทมีแสงสว่าง จากไฟทางให้ตลอดเลยครับ ระหว่างทางจะมีจุดที่ทำไว้สำหรับให้ผู้เดินทางกราบไว้บูชาและ ถวายสังฆทานเป็นระยะๆเดินไปเรื่อยๆจะมีช่วงหนึ่งเป็นบันไดทอดยาว และถัดไปอีกช่วงนึง จะมีระฆังแขวนเต็มไปหมดเลย ทางด้านขวาของราวระฆังจะเป็นทางในขาลงซึ่งจากจุดนั้น สามารถมองเห็นวิวตัวเมืองได้ด้วยครับ จากคุณ : ST.Exsodus - [ 1 มี.ค. 52 23:42:36 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ระหว่างทางจะมีของขายเกือบตลอดเส้นทางทีเดียวครับ เลยขึ้นมาไม่ไกลนักก็จะถึงลานกว้าง ถ้าเราเดินขึ้นไปต่อไม่ไกลก็จะถึงลานพระบาท แต่ถ้าเราเลี้ยวขวาไปจะเป็นถ้ำตาฤาษี ทางเดิน ไปถ้ำด้านล่างจะเป็นโรงอาหารของทางวัดด้วยครับ เดินไปจนสุดก็จะถึงถ้ำที่เต็มไปด้วยพระพุทธรูป ต่างๆ เมื่อย้อนกลับมาและเดินขึ้นไปยังจุดที่เป็นที่ตั้งของรอยพระพุทธบาท สิ่งแรกที่มองเห็นก็คือ ฝูงชนจำนวนมากน่าจะเป็นหลักพันทีเดียวครับ ทุกคนต่างมารอเพื่อที่จะได้สักการะรอบพระพุทธบาท กันนั่นเอง ผมรออยู่นานทั้งขาขึ้นและขาลงจำนวนผู้คนก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลย สุดท้ายจึงได้แค่ เพียงถ่ายรูปจากระยะไกลๆมาเท่านั้นครับ จากภาพที่กลางภาพด้านขวาจะเห็นพระพุทธรูปอยู่ ณ พื้นบริเวณด้านหน้าพระพุทธรูปก็คือที่ประดิษฐานของรอยพระพุทธบาทนั่นเองครับ และด้านหลัง ก็คือหินขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนลอยได้ จากคุณ : ST.Exsodus - [ 1 มี.ค. 52 23:42:50 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ความจริงแล้วถ้าใครมีจุดหมายเพียงแค่มานมัสการรอยพระพุทธบาทจุดหมายของท่านก็จะจบ เพียงเท่านี้ แต่ถ้าใครยังมีแรงดีและคิดว่าร่างกายยังไหวก็สามารถเดินต่อไปจนสุดทางได้อีก ซึ่งระยะทางจากนี้ไปทางเดินลื่นพอสมควรและไม่ค่อยมีไฟทางให้ ถ้าจะให้ดีควรเตรียมรองเท้า ที่พื้นยางดีๆและไฟฉายไปด้วยครับ จากรอยพระบาทเมื่อเดินต่อไปเรื่อยๆก็จะพบกับสะพานที่ เป็นบันไดข้ามเขาซึ่งทำได้หวาดเสียวมากๆ เพราะแคบและอยู่บนยอดเขา เมื่อเลยไปก็จะเป็น จุดพักและสถานที่ที่เตรียมไว้สำหรับถวายสังฆทานและกราบไหว้พระเป็นระยะๆ และบางจุดจะ เป็นสถานที่พิเศษเช่นจุดที่เรียกว่า "บาตรพระอานนต์" ซึ่งเป็นหินรูปทรงคล้ายบาตรคว่ำ ผ่านไปอีกหลายร้อยเมตรจนเป็นกิโลเมตรแต่ไม่ต้องกังวลว่าจะหิวนะครับ เพราะระหว่างทางมี พ่อค้าแม่ค้านำทั้งของกินและน้ำใส่กล่องโฟมแบกมาวางขายริมทางเป็นระยะๆเลยครับ ช่างมีความ พยายามจนน่านับถือจริงๆ ระหว่างทางมีต้นตะเคียนขนาดใหญ่สีขาวด้วย เหตุที่ขาวเพราะว่าโดน คนขูดขอหวยจนต้นขาวจั๊วนั่นเองครับ หุ หุ ที่สุดปลายทางของทางเดินก็คือจุดหมายที่ใครหลายๆคน ต้องมาให้ถึง นั่นก็คือ "ผ้าแดง" นี่เองครับ ผ้าแดงที่ว่าคือผ้าขนาดใหญ่และยาวผืนสีแดงซึ่งพันเอาไว้รอบแนวหิน โดยที่ผ้านี้เราสามารถ เขียนขอพรลงไปบนผืนผ้าได้ครับ ด้านข้างก็จะมีพระพุทธรูปให้กราบไหว้และบูชา นอกจากนี้ยังมี หินก้อนใหญที่เรียกว่า "บาตรพระสารีบุตร" อยู่ด้วยครับ จากคุณ : ST.Exsodus - [ 1 มี.ค. 52 23:43:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขาลงผมยืนเกาะคอกกั้นระหว่างหลังคากับกระบะรถครับ ขอบอกว่าการได้มองเห็นเส้นทางที่รถลง นี่มันสุดยอดยิ่งกว่าขาขึ้นอีกครับ เพราะหลายๆช่วงเส้นทางลาดชันมากกว่า ๔๕ องศาเยอะเลยครับ แสดงว่าทั้งคนขับและรถต้องมีความพร้อมจริงๆถึงจะขับกันได้ และยิ่งในเวลากลางคืนที่มีเพียงไฟ หน้ารถด้วยยิ่งทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเลย แต่ถ้าไม้ต้องกังวลเรื่องความ ปลอดภัยแล้ว ผมว่าแค่นั่งรถก็คุ้มแล้วครับ มันมากๆ นี่ได้ถ้านั่งหน้าคงจะได้เห็นเส้นทางชัดกว่านี้แน่ ถ้าเป็นไปได้ขึ้นมาในเวลาเช้ามืดจะเหมาะที่สุดครับ และควรมาวันธรรมดาเพื่อหลีกเลี่ยงฝูงชน นั่นเอง พวกผมลงมาจากเขากันเมื่อเวลาราวๆเที่ยงคืนพอมาถึงวัดพลวงปรากฎว่าประชาชนที่มารอ ขึ้นรถมีมากหลายพันคนเลยครับ มากจนต้องแจกบัตรคิว มากจนล้นออกมาเต็มถนนไปไกลเป็น ร้อยเมตรเลยทีเดียวยังคิดอยู่เลยว่าพวกผมโชคดีจริงๆที่ขึ้นในตอนหัวค่ำจึงไม่ต้องมารอรถแบบนี้ จากนั้นพวกเราก็เดินทางกลับที่พัก หาอะไรทานและเข้านอนกันราวๆตี ๒ ครับ ตื่นเช้ามาราวๆ ๘ โมงเช้า หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว พวกผมทั้ง ๕ คนก็อาบน้ำเก็บของและ เตรียมตัวเดินทางกันต่อครับ ขากลับนี้พวกเราทั้ง ๓ กลุ่มก็แยกกันกลับเช่นเดียวกับขามา หลังจากร่ำลากันเรียบร้อยแล้วพวกเราจึงออกเดินทางกันเมื่อเวลาราวๆ ๑๐ โมงเช้า มุ่งหน้า สู่ถนนสุขุมวิท แวะซื้อของฝากกันที่ริมทางแถวๆอำเภอท่าใหม่ จากทางหลวงหมายเลข ๓ เรา เลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข ๓๓๙๙ วิ่งเลยทางแยกที่จะไปแหลมเสด็จและหาดคุ้งวิมานไป และไปต่อที่ทางหลวงชนบท จบ.๔๐๐๒ จนเลยแยกที่เป็นวงเวียนและมีรูปปั้นปลาพยูนอยู่ กลางวงเวียนเราก็จะถึง "หาดเจ้าหลาว" ซึ่งเป็นจุดหมายต่อไปของเราครับ แต่น่าแปลกที่ป้าย บอกทางว่าอีก ๒ กิโลเมตรจะถึงหาด แต่เมื่อวิ่งไปกลับไม่เห็นป้ายบอกทางลงไปยังตัวหาดเลย สุดท้ายด้วยความหิวเพื่อนผมจึงลองสุ่มเข้าซอยที่เป็นโรงแรมดู ปรากฎว่าสามารถวิ่งไปถึงตัวหาดได้ แต่ต้องจอดรถบริเวณโรงแรม และร้านอาหารที่นี่ก็ไม่มีคนเลย พวกเราเลยย้อนกลับมาจนเกือบถึง วงเวียนและลองเลี้ยวเข้าไปในซอยแถวๆนั้นดู แล้วเราก็ประสบความสำเร็จมาถึงหาดเจ้าหลาว จนได้ครับ บริเวณที่เราเข้าไปจะมีเพิงพักอยู่ริมหาดสามารถเอารถเข้าไปจอดข้างๆเพิงพักได้เลย หาดเจ้าหลาวนี้เป็นหาดที่สะอาด สงบ ร่มรื่นไปด้วยร่มเงาของต้นหูกวาง ต้นมะพร้าวและต้นสน หาดเป็นทรายขาวละเอียดที่สะอาดสะอ้าน และน้ำทะเลบริเวณนี้ก็ใสน่าลงเล่นเป็นอย่างมาก(ภาพบน) มีใครผูกชิงช้าเอาไว้ที่ต้นสนด้วย(ภาพล่าง) ชิงช้าไม้ใต้ร่มเงาของกิ่งสน ลมทะเลเย็นๆ ฟ้าใสๆ พาเอา หัวใจล่องลอยคิดไปไกล น่าแปลกที่วันนี้ผมกลับไม่ได้คิดถึงใครเลย อาจเพราะผมเจ็บปวดกับ ความคิดถึงมามากเกินพอแล้ว หรืออาจเป็นเพราะผมเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่ในแบบที่ควรจะเป็นได้ แล้วละมั้ง... จากคุณ : ST.Exsodus - [ 1 มี.ค. 52 23:43:24 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เนื่องจากสามารถเอารถเข้ามาจอดข้างๆเพิงพักริมหาดได้ นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี่จึง มักจะซื้ออาหารสดและนำเตามาทำอาหารกินกันเองด้วยครับ เราดื่มด่ำกับความสดชื่น ของธรรมชาติที่สวยงามนี้จนท้องเริ่มเร่งให้โหยหิวจึงขึ้นรถออกเดินทางกันต่อ จุดหมาย ก็ไม่ไกลเลยเพราะอยู่แค่หน้าปากซอยติดกับถนนที่เราเข้ามานั่นเอง มื้อกลางวันนี้เราขอ ฝากท้องกันที่ร้าน "ปูม้าซีฟู๊ด" ครับ จากคุณ : ST.Exsodus - [ 1 มี.ค. 52 23:43:39 ]

ความคิดเห็นที่ 13 จากที่ได้คุยกับเจ้าของร้านมา ร้านแห่งนี้แต่เดิมเป็นร้านขายของทะเลสดมาหลายปีแล้ว ก่อนที่จะเพิ่มส่วนของร้านอาหารเข้ามาเมื่อไม่กี่ปีมานี้ พนักงานในร้านก็เป็นคนในร้าน คนในครอบครัวนี่เองครับ อาหารที่นี่จึงสดมากเพราะมีของสดให้เลือกทำตามรายการ อาหารได้ที่หน้าร้านเลย การคิดราคาอาหารทะเลสดก็คิดตามราคาน้ำหนักบวกกับค่า ปรุงอาหารที่กิโลกรัมละ ๓๐ บาท(แต่ถ้าอาหารตามน้ำหนักราคาถูกและหลายกิโลก็จะ ลดราคาเป็นเหมารวมค่าปรุงอาหาร ๓๐ บาทครับ) มาดูรายการอาหารที่พวกผมสั่งใน มื้อนี้กันดีกว่าครับ เริ่มที่ ปลาหมึกย่างทั้งตัว ๗ ขีด ราคา ๑๒๐ บาท เนื้อปลาหมึกหวานอร่อยมากๆ เนื่องเพราะ ความสดนั่นเองครับ จานแรกนี่ถูกใจสุดๆเลย ต่อกันด้วยยำไข่แมงดาทะเล เฉพาะจานนี้ เท่านั้นที่ไม่ใช่ของร้านนี้เพราะสั่งมาจากร้านข้างๆเนื่องจากที่ร้านนี้ไม่มีของ ราคา ๗๐ บาท รสจัด เผ็ดมากคงเป็นเพราะของไม่สดเท่าไหร่เลยต้องใช้ความเผ็ดมาดับกลิ่นคาว ก็เลย ทำเอาสาวๆกินกันลำบากเลยเสร็จคนปากหนากระเพาะหนาอย่างผมเลย อิ อิ จานต่อมาคือ ข้าวผัดปูจานใหญ่ ราคา ๑๐๐ บาท รสชาติใช้ได้เลยครับ แต่มีข้อติก็คือเนื้อปูน้อยมาก ก็เลย ติให้เจ้าของร้านฟังไปเจ้าของร้านก็รับทราบและบอกว่าจะปรับปรุงครับ ต่อกันด้วย "หอยพอกย่าง" อันนี้เค้าบอกว่าเป็นพวกเดียวกับหอยตลับ รสชาติพอใช้ได้เสียแต่ว่าย่างไม่นานพอเลยยัง ชุ่มน้ำอยู่ แต่ขนาดย่างไม่แห้งผมยังถ่ายภาพไว้แทบไม่ทันเลยครับ หุ หุ จานนี้หอย ๓ กิโลกรัม ๕๐ บาท คิดค่าปรุงเพียง ๓๐ บาทจานนี้เลยราคา ๘๐ บาทครับ มาต่อกันที่ "ปูม้าผัดพริกเผา" เมนูนี้เกือบไม่ได้กินเพราะทางร้านไม่เคยทำมาก่อน แต่เพื่อนอยากกินเลยลองสั่งดู ทางร้าน ก็ลองทำมาให้เหมือนกันเรื่องรสชาติคงไม่ต้องบอกนะครับ เพราะขนาดผมเองยังกินซะเพลิน จนเกือบลืมถ่ายรูปเลย กว่าจะหยิบกล้องมาปูก็เกือบหมดจานแล้วครับ หุ หุ จานนี้ราคา ๑๕๐ บาท จานสุดท้ายที่มาช้าสุด มาตอนที่เริ่มอิ่มกันแล้วเนื่องจากผมไปสั่งทีหลังเลย แต่ขนาดอิ่มกันแล้ว จานนี้ก็ยังหมดไปด้วยความรวดเร็วเลยครับ กับปลากระพงย่างเกลือ หนัก ๑.๑ กิโลกรัมราคา ๒๐๐ บาทจานนี้ครับ หมดจากของคาวแล้วก็เป็นของหวานคือขนมจากที่ขายอยู่หน้าร้านอีก ๔๐ บาท ข้อเสียอย่างเดียวของร้านนี้คือถ้าไปช่วงที่คนเยอะจะได้อาหารช้าหน่อยเพราะพนักงานมีน้อย แต่ถ้าสั่งอาหารไปพร้อมๆกันก็จะได้อาหารมาแบบต่อเนื่องจนอร่อยไม่ขาดตอนเลย พนักงานที่คอย เลือกของสดที่หน้าร้านช่วยเลือกของทะเลสดได้ดี ผู้ชายเจ้าของร้านที่คอยรับรายการอาหารเองก็ มีอัธยาศัยดี ติอะไรไปก็รับฟังด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม บวกกับรสชาติอาหารอร่อยและราคาไม่แพงก็เลย ได้ใจพวกผมไปเต็มๆเลย หอยพอกย่าง, ปลาหมึกย่าง และปลากระพงย่างเกลือ จากคุณ : ST.Exsodus - [ 1 มี.ค. 52 23:44:01 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เราออกเดินทางต่อกันเมื่อเวลาบ่ายกว่าๆ มุ่งย้อนกลับไปยังทางหลวงหมายเลข ๓๓๙๙ ผ่านวงเวียน ปลาพะยูนตรงไปตามป้ายบอกทางไม่ไกลนักก็ถึงจุดหมายสุดท้ายของวันนี้ "หาดแหลมเสด็จ" ที่หาดนี้เมื่อเทียบกับหาดเจ้าหลาวแล้วคนเยอะกว่ากันมากเพราะมีรถประจำทางคอยให้บริการ และเพราะคนมาเที่ยวเยอะจึงทำให้มีร้านอาหารหลายร้าน มีร้านให้เช่าห่วงยางกับเสื่ออยู่ทั่วไป ตามแนวต้นสน บริเวณริมถนนเลียบชายหาดก็จะมีร้านขายของเต็มไปหมดและมีรถม้าให้นั่งด้วย ครับ จากคุณ : ST.Exsodus - [ 1 มี.ค. 52 23:44:17 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แต่เพราะนักท่องเที่ยวเยอะและมีร้านขายของมาก ความสะอาดของหาดก็เลยแปรผันไปตาม จำนวนคน ถ้าเทียบกันแล้วหาดเจ้าหลาวซึ่งอยู่ใกล้ๆกันกลับสะอาดและสวยกว่ามากเลยครับ ภาพซ้ายคือแนวชายหาดที่ทอดไกลไปทางแนวหาดเจ้าหลาว ส่วนภาพขวาคือ "แหลมเสด็จ" ซึ่งมีอาคารหลังหนึ่งที่ดูแล้วก็รู้สึกแปลกและฉงนในใจ ทำไมถึงสร้างริมเขาได้นะ... เราอยู่ที่นี่จนล่วงเลยถึงบ่าย ๓ ก็เดินทางกลับกันครับ ขากลับระหว่างทางช่วง แกลง - บ้านบึง เราเจอกลุ่มช็อปเปอร์ค่อยๆวิ่งแซงเราไปทีละคันๆอย่างองอาจ แต่ละคนแต่ละคันเท่ห์มากๆเลย พอไปถึงถนนบางนา - ตราด ด้วยที่รถไม่ติดเท่าไหร่ เราจึงวิ่งถนนด้านล่าง ก็ได้พบกลุ่มช็อปเปอร์ สลับกับกลุ่มมอเตอร์ไซด์ที่ซีซีสูงๆวิ่งสลับกัน เห็นแล้วก็มีความสุขแทนเจ้าของรถดีครับ จากคุณ : ST.Exsodus - [ 1 มี.ค. 52 23:44:35 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มาสรุปการเดินทางและค่าใช้จ่ายทริปนี้กันดีกว่าครับ กรุงเทพฯ - จันทบุรี(เขาคิชฌกูฏ) ๑๔ - ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ เดินทาง ๕ คนโดยรถกระบะ 1 คัน ๑๔/๐๒/๒๕๕๒ ๘.๐๐                    ออกเดินทาง เติมน้ำมัน ๑,๒๐๐ ค่าทางด่วน ๕๐ บาท ๙.๓๐                    ข้าวเช้าที่ร้านรสดีอาหารป่า แถวๆ อ.หนองใหญ่ (๒๔๕ บาท) ค่าทางพิเศษ ๔๐ บาท ๑๑.๓๐                  กินก๋วยเตี๋ยว (๑๔๐ บาท) เข้าที่พักเก็บของ ๑๓.๓๕ - ๑๕.๐๐     น้ำตกคลองไพบูลย์ (ค่าเข้าคนละ ๔๐ รวม ๒๐๐ ข้าวเหนียวไก่ย่าง ๑๐๐ บาท) ๑๖.๔๕ - ๑๘.๐๐     งานราชมงคลรักษ์เหลืองจันท์ ครั้งที่ ๘ ๑๙.๓๐ - ๒๓.๔๕     เขาคิชฌกูฏ (ค่ารถคนละ ๕๐ บาท ขึ้น ๒ ต่อ ลง ๒ ต่อ รวม ๕ คน ๑,๐๐๐ บาท) ๒.๐๐                    เข้านอน ๑๕/๐๒/๒๕๕๒ ๘.๐๐                     ตื่นนอน ๑๐.๐๐ - ๑๐.๓๐       แวะซื้อของฝากแถวๆ อ.ท่าใหม่ ๑๑.๓๐ - ๑๒.๑๐       หาดเจ้าหลาว ๑๒.๑๕ - ๑๓.๔๐      กินข้าวร้านปูม้าซีฟู๊ด (๘๓๐ บาท) ๑๔.๐๐ - ๑๕.๐๐      หาดแหลมเสด็จ เติมน้ำมันที่บ้านบึง ๓๐๐ บาท ๑๘.๐๐                   กลับถึงบ้าน ค่าน้ำมัน ๑,๒๐๐ + ๓๐๐                          ๑,๕๐๐ ค่าอาหาร ๒๔๕+๑๔๐+๑๐๐+๘๓๐            ๑,๓๑๕ ค่าธรรมเนียมเข้าน้ำตก ๔๐ x ๕                  ๒๐๐ ค่ารถขึ้นเขาคิชฌกูฏ [(๕๐ x ๕)x ๒]x ๒       ๑,๐๐๐ ค่าทางด่วน ๕๐+๔๐                                ๙๐ รวม ๔,๑๐๕ บาท ๕ คน จ่ายคนละ ๘๒๑ บาท แผนที่การเดินทาง กรุงเทพฯ - จันทบุรี http://www.bloggang.com/data/exsodus/picture/1234871930.gif แผนที่น้ำตกคลองไพบูลย์ http://www.bloggang.com/data/exsodus/picture/1234871879.jpg ข้อมูลอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ และน้ำตกคลองไพบูลย์ จากเวปกรมป่าไม้ http://www.thaiforestbooking.com/np_home.asp?npid=109&lg=1 แผนที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจันทบุรี จากเวปของมหาวิทยาลัย http://www.chan.rmutto.ac.th/web52/images/stories/map/map.gif แผนที่เขาคิชฌกูฏ http://www.bloggang.com/data/exsodus/picture/1235140340.jpg http://www.bloggang.com/data/exsodus/picture/1235140375.jpg การเดินทางจากเวป การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานระยอง(ระยอง - จันทบุรี) http://www.tat-chanthaburi.com/full_article.php?news_id=85 ตำนานรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฎ จากเวป Mahidol Cultural Mapping Project http://www.mapculture.org/mambo/index.php?option=com_content&task=view&id=822&Itemid=59 แผนที่หาดเจ้าหลาว และ หาดแหลมเสด็จ http://www.bloggang.com/data/exsodus/picture/1235223905.jpg http://www.bloggang.com/data/exsodus/picture/1235223933.jpg ข้อมูลจากเวปจังหวัดจันทบุรี หาดเจาหลาว http://www.chanthaburi.go.th/tour/detail/jawlaw.htm หาดแหลมเสด็จ http://www.chanthaburi.go.th/tour/detail/laemsadet.htm แผนที่ทั้งหมดจากเวป http://www.mapguidethailand.com ภาพ "ดอกมังคุด" จากคุณ : ST.Exsodus - [ 1 มี.ค. 52 23:44:57 ]

ความคิดเห็นที่ 17 กับความศรัทธาของผู้คนมากมายที่มีต่อสิ่งยึดเหนี่ยวและความเชื่อในพุทธศาสนา ก็ทำให้ ใครหลายๆคนดั้นด้นไปเพื่อให้ถึงยังยอดเขาคิชฌกูฏ แม้แต่ผู้สูงอายุหลายๆท่านที่แม้วัย จะล่วงเลยเกิน ๕๐ แล้ว แต่ด้วยแรงศรัทธาก็ทำให้ท่านเหล่านั้นสามารถไปร่วมนมัสการ รอยพระพุทธบาทได้ เฉกเช่นเดียวกับความรักซึ่งถ้ารักกันอย่างเต็มหัวใจด้วยกันทั้งสอง ฝ่าย ปัญหาใดๆก็คงสามารถร่วมกันแก้ไขให้ผ่านไปได้ด้วยดี แต่ถ้าปล่อยให้ศรัทธานำโดย ขาดเหตุผลตามแล้ว ปลายทางสุดท้ายอาจจะเหลือแค่เพียงความเสียใจก็เป็นได้... ทริปนี้ลากันเท่านี้ครับ สำหรับใครที่ชอบเที่ยวทะเลแต่ไม่อยากเห็นแค่ทะเล นอกจากจันทบุรีแล้ว ประจวบคีรีขันธ์ก็เป็นอีกจังหวัดนึงที่น่าสนใจนะครับ เขียนความรัก เป็น Review 'รักรอบกายที่ประจวบคีรีขันธ์' http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E7246460/E7246460.html ลากับวันแห่งความรักที่จันทบุรีกับภาพดอกไม้ช่อนี้ครับ ดอกไม้ที่ใครหลายๆคนคงไม่เคยเห็น แต่อาจจะเคยทานผลของเค้าก็ได้ "ดอกทุเรียน" สวัสดีครับ แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 52 23:50:04 จากคุณ : ST.Exsodus - [ 1 มี.ค. 52 23:45:15 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ลงชื่อไว้ก่อน.... ชอบข้อความเปิดกระทู้จังเลย... เห็นดอกทุเรียนแล้วคิดถึงบ้าน... จากคุณ : เต่าตัวลาย - [ 1 มี.ค. 52 23:50:37 ]

ความคิดเห็นที่ 19 จากคุณ : น้ำตาลสีทอง - [ 1 มี.ค. 52 23:52:32 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คุณเต่าตัวลาย - ขอบคุณครับ หวังว่าบทความนี้คงมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ ส่วนผมขอตัวไปนอนก่อนแล้ว อิ อิ คุณน้ำตาลสีทอง - ^^ จากคุณ : ST.Exsodus - [ 2 มี.ค. 52 00:03:04 ]

ความคิดเห็นที่ 21 รีวิวได้ละเอียดมากๆๆๆๆ ปล.เพิ่งเคยเห็นดอกทุเรียนก็วันนี้แหละค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิว + บทความดีๆนะคะ จากคุณ : Chubbyjung - [ 2 มี.ค. 52 00:23:53 ]

ความคิดเห็นที่ 22 บรรยายได้เยี่ยมเลยครับ ตั้งใจว่าจะไปแต่ปีนี้คงไปไม่ทันแล้ว ไม่มีเวลาไปเลยครับ จากคุณ : แก่ กรุงเก่า - [ 2 มี.ค. 52 00:34:35 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ปีนี้ไม่ได้ไปค่ะ อดเลย ปีที่แล้วขึ้นตอนสาย... อากาศเย็นสบายดีมากๆ   คิดถึงเสียงระฆังก๊องแก๊ง  คิดถึงเสียงลมแรงๆ  คิดถึงกลิ่นหอมๆ ของธูป คิดถึงเสียงสวดมนต์   คิดถึงเสียง...คำโฆษณาของมคนายก  :b ปล. ดอกทุเรียน...หอมอ่อนๆ ค่ะ      อยากให้ลองชิมน้ำหวานที่อยู่ในดอกทุเรียน...หวานดีค่ะ (แต่ต้องไม่ฉีดยาฆ่าแมลงนะ ^^") จากคุณ : รดาริน - [ 2 มี.ค. 52 03:05:15 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เห็นอาหารทะเลแล้วอยากกิน อิอิ อ่านรีวิวแล้วคิดถึงเขาคิชฌกูฏ อยากไปอีก รูปก็สวยๆทั้งนั้นเลยค่ะ ^^ จากคุณ : Shaz - [ 2 มี.ค. 52 03:14:18 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อยากไปนั่งรถมหาสนุกอีกจัง ^_^ มันส์อย่าบอกใคร เหอๆ จากคุณ : morgan_xp - [ 2 มี.ค. 52 03:37:48 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ข้อมูล ละเอียดยิบ มากๆ เลยค่า ปล. ขอให้คุณ จขกท. พบกับความรักที่ใจไขว่คว้า ไว ๆ นะคะ  : ) จากคุณ : Monkie Girl - [ 2 มี.ค. 52 06:49:32 ]

ความคิดเห็นที่ 27 กำลังจะไปแหลมเสด็จเสาร์นี้พอดี ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆครับ จากคุณ : puicd - [ 2 มี.ค. 52 08:00:28 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ชอบ ๆ  ข้อมูลเพียบเชียวค่ะ ขอบคุณนะคะ จากคุณ : Trip Tracking - [ 2 มี.ค. 52 10:00:07 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คุณ Chubbyjung - ด้วยความยินดีครับ ^^ คุณแก่ กรุงเก่า - ขอบคุณครับ ปีนี้ไม่ได้ไปก็เตรียมตัวไว้ไปปีหน้าก็ได้ครับ ^^ คุณรดาริน - โฆษกที่ประจำตรงใกล้ๆกับพระแม่ธรณีพูดซ้ำไปซ้ำมาเหมือนกันยังกับอัดเทปไว้เลยนะครับ ใช่ครับดอกทุเรียนมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ถ้ามีดอกเดียวคงไม่ทราบ แต่ทุเรียนต้นนึงออกดอกเยอะมากๆ กลิ่น เลยโชยหอมสดชื่นมากเลย คุณ Shaz - ขอบคุณครับ ผมยังอยากกลับไปกินอีกเลยล่ะ อิ อิ คุณ morgan_xp - ใช่ครับ ตอนนั่งรถนี่สนุกมากๆเลย คุณ Monkie Girl - ขอบคุณมากครับ คุณ puicd - ถ้าไปแหลมเสด็จแล้วมีเวลาอย่าลืมแวะเข้าชม สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ และสวนป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน พอดีผมไม่ได้แวะเข้าเพราะไม่มีเวลาไปเสียดายมากเลย คุณ Trip Tracking - ด้วยความยินดีครับ ^^ จากคุณ : ST.Exsodus - [ 2 มี.ค. 52 10:15:06 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าเราหยุดที่จะตามหา เราอาจจะ ได้พบความรักอยู่ใกล้ๆตัวก็ได้ แม้ความรักนั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ใจไขว่คว้า แต่ความรักนั้นก็ทำให้ใจอิ่มเอมได้ไม่น้อยไปกว่ากัน ==================== ชอบ ๆ ประโยคนี้จัง..... ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ จากคุณ : ppskubedo - [ 2 มี.ค. 52 11:00:27 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ตามไปไหว้พระด้วยค่ะ ยังไม่เคยไปเลยและไม่รู้จะได้ฤกษ์เมื่อไหร่   ขอเกาะทู้ไปก่อนแล้วกันค่ะ รูปกับคำบรรยายเรียบ ๆ แต่สวยงามเช่นเคยนะคะ จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 2 มี.ค. 52 11:05:43 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คนจันท์เอง ยังรีวิวไม่ได้ขนาดนี้เลยค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวน่ะค่ะ จากคุณ : ข้าวเหนียว~หมูแดง - [ 2 มี.ค. 52 12:03:24 ]

ความคิดเห็นที่ 33 อาคารที่เห็นตรงแหลมเสด็จเป็นวัดครับ เคยไปทำบุญมา เป็นสาขาของวัดเขาสุกิม จากคุณ : thank you krub (Thank you krub) - [ 2 มี.ค. 52 12:13:58 ]

ความคิดเห็นที่ 34 แอบเข้าไปชมภาพสวยๆที่บล็อคคุณ ST.Exsodus  แล้ว วันนี้แอบมาตามเก็บความประทับใจอีกครั้งค่ะ   จากคุณ : prettyguide - [ 2 มี.ค. 52 13:06:23 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คุณ ppskubedo - ด้วยความยินดีครับ ^^ คุณแม่ซากานะ - ขอบคุณครับ ลองหาโอกาสไปดูครับ ปีนี้ยังมีเวลายังไปทัน คุณข้าวเหนียว~หมูแดง - ด้วยความยินดีครับ ^^ คุณ Thank you krub - ขอบคุณมากครับ เสียดายผมไม่ได้เข้าไป คุณ prettyguide - ขอบคุณมากครับ ^^ จากคุณ : ST.Exsodus - [ 2 มี.ค. 52 17:04:08 ]

ความคิดเห็นที่ 36 แค่ขึ้นต้นรีวิว  ก็ซึ้งเชียวค่ะ ^_^  ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะค่ะ จากคุณ : DOGHALL - [ 3 มี.ค. 52 23:23:15 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คุณ DOGHALL - ด้วยความยินดีครับ^^ จากคุณ : ST.Exsodus - [ 6 มี.ค. 52 10:48:23 ]

ความคิดเห็นที่ 38 หากสนใจที่พักราคาประหยัดลองแวะที่นี่ดูค่ะ เพิ่งไปเที่ยวมาที่หาดเจ้าหลาวจันทบุรี พอดีได้เพื่อนแนะนำที่พักให้ เพิ่งรู้ว่ามีที่พักแบบนี้ด้วยเป็นส่วนตัวมากเลยเค้าเปิดใหม่ แถมมีทุกอย่างเพรียบพร้อมยิ่งกว่าอยู่บ้านอีกด้วย สามารถทำอาหารเองได้มีเตา มีกระทะมีเครื่องครัวให้พร้อมเหมาะไปแบบครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนมากเลย เอาน้องหมาไปพักได้ด้วยน่ะ ทะเลสวยมากๆขอบอก ใครสนใจไปเที่ยวหาดเจ้าหลาว ลองติดต่อที่พักที่นี่ดู Living room โทร 0855527900 ไม่แพงด้วยน่ะเจ้าของก็ใจดีมากๆชื่อคุณดิศ สนใจชมข้อมูลก่อนได้ที่ www.thelivingroom.in.th ค่ะ จากคุณ : J (Jinny_June133) - [ 25 ก.ย. 52 10:24:29 ]