เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นกับตัวผม เมื่อคืนนี้เองครับ (คืนวันอาทิตย์ ที่ 1) คือเดินทางไปร่วมงานแต่งงานน้องชายที่ จ.ภูเก็ต ขาไป ทุกอย่างเรียบร้อยดี แต่แล้วขากลับ เหตุการณ์ที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเกิดกับตัวเอง ก็เกิดขึ้นจนได้
ปกติเคยแต่ได้ยินเพื่อนเล่าให้ฟัง หรือได้อ่านจาก fwd. mail มาบ้างก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เหตุการณ์ที่ว่านั้นคือ ผมโดนโจรกรรมทรัพย์สินครับ โดยไม่มีทางขัดขืนได้เลย ( ไม่รู้ใช้คำถูกรึเปล่านะครับ) เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่าผมเดินทางกลับจากที่ภูเก็ต มาพร้อมคุณแฟน เราโหลดกระเป๋ากันคนละใบ เพราะใบค่อนข้างใหญ่ และหิ้วของฝากกันพะรุงพะรัง เริ่มแรกเลย ไฟลท์ ภูเก็ต-สุวรรณภูมิ ดีเลย์ไปเกือบชั่วโมง (หางสี เจ้าประจำ) OK อันนี้รับได้เพราะทำใจไว้บ้างแล้ว
พอลงที่สุวรรณภูมิ ผมต้องรอส่งคุณแฟนต่อไปเชียงใหม่อีกต่อครับ (เจ้าเดิมครับ) คราวนี้ ดีเลย์ไปอีก 2 ชั่วโมง (แจ้งล่วงหน้าแค่ 15 นาที) .... โอ้ว อันนี้มันชักจะเลยเถิดไปหน่อย ผมและคุณแฟนเริ่มเซ็ง และเหนื่อย ครับ สุวรรณภูมิ ก็เดินจนเบื่อ ไม่รู้จะทำอะไรกันดีได้แต่หาร้านนั่งแก้เซ็งกันไปเรื่อยๆ จนสุดท้าย ส่งคุณแฟนขึ้นเครื่องเรียบร้อย ผมก็โดดขึ้น แท๊กซี่กลับบ้าน
พอมาถึงบ้านจะเปิดกระเป๋า เพื่อเอาเสื้อผ้าที่ใส่แล้วไปลงเครื่องซัก เท่านั้นแหละครับ เฮ้ย!! ทำไมกระเป๋าไม่ได้ล๊อค ทั้งที่ผมแน่ใจมากๆว่าผมล๊อคทุกครั้งหลังจากปิดกระเป๋า ไม่ว่าจะเป็น ที่โรงแรมที่พัก หรือจะเดินทาง ไปไหนมาไหน ผมล๊อคตลอด แต่ที่สำคัญกว่านั้น คือเลขรหัส 3 ตัว มันไม่ใช่ตัวเลขที่ถูกต้องน่ะสิครับ แล้วมันเปิดได้ยังงัย???? (กระเป๋าเดินทาง samsonite รุ่นซักประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว ที่มีตัวสลักรหัสล๊อค ด้านบน และสลักอีก 2ตัวเป็นแบบเลื่อนล๊อค) แล้วหลังจากนั้น ไม่ว่าผมจะหมุนไปเลขอะไรมันก็เปิดได้หมดล่ะครับ เลยเข้าใจว่าโดนของดีเข้าแล้ว
พอเปิดกระเป๋าออกดู เท่านั้นแหละครับ เรื่องที่ไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้นจนได้ คือ ของข้างในถูกรื้อเละเทะและที่สำคัญ มีของหายไป 6 รายการ... มูลค่าก็ประมาณนึง แต่มันเซ็งครับ เลือดปรี๊ดขึ้นหน้าเลย... ของที่โดนขโมยไปก็ตามรายการด้านล่างนี้ครับ
1. รองเท้า เฟอร์ฯ ของเจ้าบ่าว ฝากผมกลับมา ซื้อมาพึ่งใส่ในวันงานนั่นเลย ใส่ในกล่องมาพร้อม เหมาะแก่การขายต่อยิ่งนัก
2. น้ำหอม Davidoff Silver Shadow 100ml. พร้อมกล่องอีกเช่นกัน ฉีดไปไม่ถึง 20 ปื๊ด
3. เน็คไท ประมาณ 3-4 เส้น (มันยังเอา คิดดู)
4. SD card 8 GB 2 แผ่น สำรองเก็บภาพงานแต่ง (จะเอาไปทำม๊ายยย)
5. เครื่องโกนหนวดไฟฟ้า ( .......... )
6. เมาส์ Bluetooth ใช้มาซักระยะนึงแล้ว (????)
ส่วนกระเป๋าของคุณแฟน จนป่านนี้ยังเปิดไม่ได้ครับ ไม่รู้ว่าจะมีอะไรโดนฉกไปอีกบ้าง แต่ก็ทำใจไว้แล้วครับ รหัสมันเปลี่ยนไป เดี๋ยวคงต้องหิ้วไปเข้าศูนย์ samsonite ว่ามันยังงัยกันแน่
ได้แต่ทำใจครับงานนี้ ผมก็ไม่มีหลักฐาน ว่ามีของเหล่านั้นอยู่จริงก่อนที่จะ โหลดกระเป๋า และเข้าใจว่าคงทำกันเป็นขบวนการ ตั้งแต่ X-ray ไปจนถึงขั้นตอนการลำเลียง และเหตุการณ์แบบนี้คงเกิดขึ้นวันละหลายๆครั้ง และหลายๆประเทศทั่วโลก แต่อยากทราบว่าผมมีสิทธิ์ ที่จะร้องเรียนได้ใช่มั๊ยครับ และต้องดำเนินการอย่างไร ....ถึงรู้ว่าเรื่องมันจะเงียบหาย แต่อย่างน้อยก็ขอใช้สิทธิ์ที่เรามีก่อน
ก็เก็บไว้เป็นเครื่องเตือนใจครับ วันหลังถ้าของไม่เยอะมาก ผมก็คงแบ่งใส่กระเป๋าเป้ซัก 2 ใบแล้ว carry ขึ้นไปดีกว่า อย่างน้อยก็อยู่ในสายตาเราตลอด ....หรือพวกน้ำหอม โลชั่น ครีม อะไรพวกนี้ก็ไม่ต้องไปใส่กล่องครับ หาถุงก๊อปแก็ป อะไรมาใส่ แล้วเอาซุกๆไว้ ก็น่าจะรอดจากความละโมบของโจรกลุ่มนี้ หรือถ้ารับกระเป๋าจากสายพานมาแล้ว ควรจะหาที่ตรวจเช็คทันทีว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ อย่ารอให้ถึงบ้าน ครับ มันสายไปแล้ว
จึงอยากเตือนเพื่อนๆด้วยว่า เดี๋ยวนี้เค้าสามารถเปิดล๊อคแบบที่เป็นรหัสกันได้ง่ายๆแล้วครับ เล่นซะล๊อคเราพังไปเลย คงต้องหา สายรัดกระเป๋ามาคาดไว้แล้วล๊อคแม่กุญแจแบบโบราณๆ อีกทีนึง เพิ่มการป้องกันอีกชั้น
อยากให้การท่าฯ สอดส่องพฤติกรรมของพนักงานที่มีหน้าที่เหล่านี้ด้วยนะครับ (ท่านที่ทำงานอย่างสุจริต ผมก็ขอชื่นชมและ ยกย่องในผลงานของท่านด้วยครับ ท่านก็เป็นหน้าเป็นตาของประเทศเราเหมือนกันนะครับ) คิดดูว่า ถ้าเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับ นักท่องเที่ยวต่างชาติ แล้วเค้าจะรู้สึกยังงัยครับ จะมาร้องเรียนอะไรก็ไม่ได้ คงได้แต่ สรรเสริญ และบอกเล่าการกระทำเยี่ยงโจรของพวกมัน ให้พวกบ้านเค้าเมืองเค้าได้ทราบกัน อย่างนี้จะ รณรงค์ท่องเที่ยวกันเท่าไหร่ก็ไม่ช่วยอะไรหรอกครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ ถ้าร้องเรียนไปแล้วมีอะไรคืบหน้าจะมาแจ้งให้ทราบกันครับ
edit : แก้ คำที่เป็นภาษาต่างดาวครับ
------------------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกๆท่านสำหรับความคิดเห็น และคำแนะนำ อีกครั้งครับ
ผมส่งหนังสือร้องเรียน ไปทั้งทาง email และจดหมายแล้วครับ แจ้งไฟลท์ และรายการของที่หาย และ....ฯลฯ
ก้ได้แต่หวังว่า คงจะมีอะไรดีขึ้นมาบ้าง.... ลองคุยกับเพื่อนที่เป็นหัวหน้าชุดของ G4S เค้าเคยดูๆที่ สุวรรณภูมิอยู่ ก็บอกว่าไม่ต้องไปแจ้งความหรอกครับ ถ้าจะหารอยนิ้วมือคนผิดจริงๆ คงไม่มี เพราะพวกนี้เค้าใส่ถุงมือยางกันหมด.... แหม่เตรียมตัวกันมาดีจริงๆ หรือมันเป็น
"สัญชาตดาน" ก็ไม่ทราบได้
------------------------------------------------------------------------
ล่าสุด เปิดกระเป๋าของคุณแฟนได้แล้วครับ หลังจากผ่านไป เกือบ 3 วัน ........... มีของที่หายไปครับ 2 รายการ แต่หลายชิ้น (ช่างที่ศูนย์ เปิดไม่ได้ครับ ต้องแงะ โดยช่างริมทาง)
ของอย่างอื่น ok ครับ เรียบร้อยดี ส่วนเรื่องการท่าฯ ก็เงียบไปครับ ซึ่งก็น่าจะเป็นปกติอยุ่แล้ว
แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 52 09:18:42
แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 52 01:51:50
แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 52 15:00:53
แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 52 16:01:26