ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนอื่นขอ กางแผนที่ให้ดูก่อนนะครับ ว่า ตำแหน่งของวัดนี้อยู่ที่ใด   คืออยู่ระหว่าง ถ.พหลโยธิน กับ ถ.ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี นี่เอง  ทางแยกเข้า ด้าน ถ.พหลโยธิน ก็คือ จ.อ่างทอง  และ ทางแยกเข้าด้าน ถ.ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ก็คือ จ.สุพรรบุรี ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 17:16:20 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ปาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ไปทำกับข้าว ไปอาบน้ำหมา พาหมาไปเดินเล่นก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวมาชมใหม่ จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 4 มี.ค. 52 17:32:02 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อันทางเข้าก็สลับซับซ้อนไม่ใช่เล่น  ทางฝั่ง จ.สุพรรณบุรีนั้นจะเข้าง่ายกว่ากันเยอะ คือถ้ามาจาก กรุงเทพฯ  ก็ต้องขับเลย ศาลากลาง จังหวัดสุพรรณฯ ไปแล้ว  จะมี สะพานลอยข้ามแยก (ซึ่งจะมีที่เดียว บนถนนสายนี้ ในช่วงผ่าน จ.สุพรรณบุรี)  ให้เลี้ยวขวาลอดใต้สะพานไป ยัง ถ.สาย 3195  ขับไปอีก 37 กม. ก็จะถึง วัดม่วงครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 17:46:15 ]

ความคิดเห็นที่ 4 รู้สึกว่าเราเคยเห็นผ่าน ๆ   ตอนนั่งรถไฟไปเชียงใหม่อ่ะ   พระใหญ่มั่ก ๆ ....ที่เดียวกันมั้ยเนี่ย  > < " จากคุณ : . (น า รี ส ร า ญ) - [ 4 มี.ค. 52 17:54:02 ]

ความคิดเห็นที่ 5 โอ...งานเข้า เอ๊ย..งานเยอะเลยนะครับ พี่อิ๋ม สวัสดี วันนี้เป็นแม่บ้าน ไม่ได้ออกเน็ตไปเที่ยวไหนหรือครับ   ผมเป็นหวัดเล็กน้อย เลยไม่ได้เข้ามาหลายวัน...  จะพาไปไหว้พระอีกแล้วครับ คอยติดตามไปนะครับ แต่ในวันนั้นผมไปทำบุญ ทอดกฐินที่วัดกลางราชครู แถวๆ จ.อ่างทองพอดี เลยตั้งใจ จะไปวัดม่วงนี้ให้ได้ ว่ามีอะไรน่าดู อยู่ในนั้นบ้างครับ  ซึ่ง คิดว่า คุ้มค่า น่าสนใจมาก อย่างคาดไม่ถึง ครับ จากแผนที่ข้างล่างนี้ ก็เป็นทางไปวัดม่วง ทางด้าน จ.อ่างทอง ที่ดูซับซ้อนมาก เพราะมีถนนวงแหวน ตัดกับ ถ.ไปป่าโมก ทำให้งง  วิธีแก้ไข คือ วิ่งเข้าไปในตัวเมืองเลย แล้วพอข้ามสะพาน ก็มองหาทางแยกขวามือ ไปจ.สุพรรณฯ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 18:09:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สวัสดีคุณ  . (น า รี ส ร า ญ) ครับ คิดว่าไม่น่าใช่นะครับ เพราะแถวนั้นไม่มีรถไฟผ่าน  รถไฟมาผ่านเอาตรง อ.ท่าเรือ ซึ่งห่างจาก จ.อ่างทองไปอีกเกือบ 50 กิโลเมตร ครับ ต้องเข้าไปใกล้ สัก 5 กิโลเมตร ถึงจะเห็น แต่ก็มักถูกบดบังด้วยต้นไม้อีก ลองติดตามดูต่อไปก็ได้นะครับ เผื่อสนใจวันหลังจะแวะไปเที่ยวนมัสการดูบ้าง จากรูป เป็นทางเข้าวัด จาก ถ.สาย 3195 (อ่างทอง-สุพรรณบุรี) เป็นเชิงสะพานข้ามคลองพอดี  ที่จริงเราก็สามารถ ข้ามสะพานไปวิ่งถนนอีกฝั่งคลองก็ได้ (ตามในรูปที่เห็น)  แต่เนื่องจากป้ายได้บอกทางเข้าตรงนี้ เลยคิดว่าเป็นการเดินรถทางเดียว(One-Way) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 18:24:45 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เลี้ยวรถเข้าไปปุ๊บก็เห็นองค์พระใหญ่ทมึนอยู่ที่ขอบฟ้าเลยครับ  ตรงนี้จะเป็นจุดแรกที่เห็นได้จาก ถนนใหญ่ เพราะมีตึกแถวบังอยู่ก่อนถึงสะพานข้ามคลอง  และถ้าขับเลยจากนี้ไป ถ้าไม่สังเกตุข้างถนน ก็ไม่เห็นอีกเช่นกัน ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 18:29:58 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขับรถเข้าไปสักพัก ก็จะเห็นองค์พระใกล้ขึ้น ผมจอดรถหาจุดที่ไม่มีอะไรบดบัง เพื่อจะได้ถ่ายภาพเต็มองค์สักหน่อย แต่บังเอิญเวลานั้นพระอาทิตย์ ดันไปอยู่ด้านหลังองค์พระ ผมก็เลยต้องถ่ายภาพย้อนแสงกันหน่อยครับ เลยอาจดูไม่สวยเท่าใดนัก เทียบกับ ภาพเปิดกระทู้นั้น ผมถ่ายตอนออกจากวัด กลางราชครู ที่อยู่อีกซอยหนึ่ง ก่อนถึง ซอย เข้าวัด และเป็นอีกมุมหนึ่ง จะเห็นได้ว่า องค์พระหันหน้าไปคนละด้าน เลยถ่ายได้สีสรรกว่ากัน แต่ก็ไกลมาก ต้องซูมจนภาพไม่ชัดเท่าที่ควรครับ  (แต่ เห็นจากไกลๆ นั้นจะดูน่าทึ่ง ประทับใจ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 18:33:48 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนนี้ ก็มาถึงวัดแล้ว จะพบความยิ่งใหญ่ของ ซุ้มประตู ซึ่งสอดคล้องกับขนาดขององค์พระ ครับ (แต่ถึงอย่างไรก็เล็กกว่าองค์พระอย่างมาก) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 18:43:41 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตอนนี้ กำลังจะลอดซุ้มประตูวัดแล้ว จะเห็นว่า ขนาดรถบัสคันโตๆ ยังเล็กนิดเดียว แถมรถปิ๊คอัพยังสวนกันได้สบายๆ  นับเป็นการมองการณ์ไกลของผู้สร้างซุ้มประตูจริงๆว่า สักวันต้องมีรถคันโตๆ วิ่งเข้าออก อย่างมาก ไม่งั้นคงต้องจอดรอกันเป็นแถวยาว.......(ว่าเข้าไปนั่น) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 18:50:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11 หันมองไปทางขวามือ จะเห็นอีกซุ้มประตู อยู่ไกลๆ ซึ่งก็ใหญ่พอๆ กัน รถส่วนใหญ่มักไม่ไปทางออกทางนั้น เพราะไม่มีร้านค้าแถวนั้น จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 18:55:19 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผ่านซุ้มประตูเข้าไปแล้ว จะเห็นองค์พระอยู่ตรงหน้า เฉียงๆ ไปทางด้านขวามือ ครับ  (ในรูป ด้านซ้ายมือ จะเห็นชายคา วิหารเจ้าแม่กวนอิม ปางพันมือ) แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 52 19:25:46 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 19:03:02 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เดินผ่านมาหน้าวิหารเจ้าแม่กวนอิม หันกลับไปดู ทีแรกจะเรียกว่า ศาล ก็คิดว่าใหญ่มาก น่าจะเรียกว่า วิหารมากกว่าครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 19:27:30 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เดินเข้าไปนมัสการท่านเจ้าแม่กวนอิม แล้วขอถ่ายภาพใกล้ๆ หน่อย จะเห็นรายละเอียดความงาม สลับซับซ้อนดีครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 19:35:30 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตรงด้านหน้าวิหารเจ้าแม่กวนอิม ก็จะมีหอระฆัง-หอกลอง ตั้งอยู่  ระฆังจะอยู่ข้างบนกลองครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 19:46:30 ]

ความคิดเห็นที่ 16 วิหารต่อไป ที่เราจะพบก่อนจะเดินไปถึง พระองค์ใหญ่ ก็คือ วิหารแก้ว  ที่ผนังวิหารจะปูด้วยกระเบื้องเงา คล้ายกับวิหารที่ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี  จะอยู่ติดกับหอระฆัง ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 19:55:27 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เดินเข้าไปหน้าวิหาร มีชื่อทางการว่า "พระวิหารแก้ว รัตนพราหมณ์-สุวรรณปาล  มีสัตว์มงคลในเทพนิยายคือ มังกร กับ พญานาค ครับ มีทั้งเกล็ดเงินและเกล็ดทอง เลยครับ สลับสี กันคนละด้านครับ  แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงทางพุทธศาสนาต่างนิกาย เข้าด้วยกันครับ คือ นิกายมหายานแบบจีน และ นิกายหินยานแบบไทย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 20:07:08 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ต้องขออภัยนิดนึงในการต่อเชื่อมรูปข้างบนแบบพานอรามาไม่สนิท เพราะตอนถ่ายภาพไม่ได้คิดไว้ก่อนว่าจะนำมาต่อกัน แต่ขณะที่โพสนี้ ต่อภาพแล้วจะเห็นรายละเอียดได้ครบดีกว่ามาโพส 2 ครั้งครับ ตอนนี้ก้าวเข้าไปในวิหารแก้วแล้ว จะเห็นพระประธาน ตั้งอยู่บนพระอาสน์ กลางวิหาร ดูแล้วเหมือนอยู่ในวิมานเลย ประกายแววับแพรวพราวไปหมดเลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 20:14:59 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เดินเข้าไปใกล้ๆ องค์พระประธานของวิหาร ก็เห็นป้ายบอก ทางไปยังห้องด้านหลัง มีของเก่ามีค่าน่าชมอยู่ เลยเดินเบี่ยงไปทางขวามือ เข้าไป จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 20:22:23 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เข้าไปปุ๊บ เป็นบันไดขึ้นไปชั้นบนจะมี ธรรมมาศ (ที่พระใช้นั่งเทศน์) กับสิ่งของเก่าประดับสวยงาม แต่บังเอิญผมถ่ายภาพมาไม่ดี เพราะแสงน้อย เลยไม่ขอนำมาลงในที่นี้นะครับ  (เอาไว้ให้เพื่อนๆ ขึ้นไปชมด้วยตนเองนะครับ) ลงกลับมาที่ ห้องโถงวิหารแก้วเหมือนเดิม ตรงประตูระหว่างห้อง จะเห็น รูปปั้นเซียนจีน ยืนอยู่ นับเป็นการประสมกลมกลืนระหว่างนิกายของศาสนาพุทธครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 20:29:54 ]

ความคิดเห็นที่ 21 หันมาดูด้านขวามือจะเป็น พระประธานของวิหารแห่งนี้ ซึ่งผนังวิหารปูด้วยกระเบื้องแก้วสะท้อนแสง จึงทำให้ดูเสมือนว่า มีพระประธานอีกองค์ตั้งอยู่อีกด้าน และทำให้รู้สึกว่าห้องโถงนี้กว้างมากครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 20:34:55 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เสาวิหารตรงหน้าก็ดูอลังการณ์จริงๆ ยิ่งแหงนขึ้นไปข้างบนเพดาน ก็รู้สึกงงๆ ว่าไหนเป็นพื้น ไหนเป็นเพดาน จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 20:41:40 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ดูแล้วอย่างงนะครับ รูปนี้ เพราะผมแกล้งตีลังกากลับหัวภาพลงไป ให้งงเล่น ทำให้ดูเหมือนว่ามีอีกชั้นหนึ่งอยู่ข้างล่าง และผมยืนบนตระแกรงโครงตาข่าย เพื่อถ่ายรูปลงไป อึ๋ย....เดินแล้วเสียว..... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 20:46:00 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตรงนี้ถ้าตกลงไปก็เจ็บหนัก......อิอิ..ผมหลอกเล่นนะครับ เป็นภาพหัวกลับเหมือนเดิมครับ   แสดงว่ากระเบื้องกระจกเงานั้นใสสะอาดจริงๆ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 20:47:57 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มนุษย์ในวงกลมสีม่วง นั้นเป็นตัวกระผมเอง ไม่ได้เหาะอยู่แบบซุปเปอร์แมนนะครับ  เป็นภาพถ่ายขึ้นไปบนเพดานตรงๆ เลยออกมาอย่างนี้ ดูแล้วแปลกดี เหมือนกับการนำเอาภาพเล็กๆ มาต่อกันเลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 20:52:28 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มุมนี้มีรูปเคารพเยอะเหมือนกัน  (ตอนนี้ กลับสู่ปกติแล้ว ดูกลับหัวมาหลายภาพ แล้ว รู้สึกมึนหัว ไหมครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 20:56:17 ]

ความคิดเห็นที่ 27 และนี่แหละเบื้องหลังความสำเร็จ ก็คือช่างฝีมือของวัด  ในรูป กำลังซ่อมแซมเพดานอยู่  ผมคิดว่า สายตาของช่างต้องดีไม่น้อย ที่จะต้องแยกแยะระหว่าง ภาพจริงกับภาพสะท้อนของผนังวิหารครับ  งงๆ อาจตกนั่งร้านได้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 21:00:35 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ออกมาข้างนอกวิหารแล้ว มาสังเกตุพื้นผิวดู จะมีสองแบบคือ กระเบื้องแบบกระจกเงา และ ผิวสีบรอนซ์เงิน ที่ผมเองก็ไม่ทราบว่าทำด้วยอะไร เพราะต้องทนทานต่อแดดและฝนได้ดีครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 21:03:08 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ออกมาเก็บภาพมังกรเต็มๆ ตัวพันบนเสาหน่อยปั้นได้สวยมากครับ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่วัดจีน จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 21:10:29 ]

ความคิดเห็นที่ 30 กลับลงมาแล้ว หันกลับไปถ่ายภาพวิหารแก้วอีกครั้งตรงบันไดนาคสีเงิน  ตรงนี้ ดูแล้วขาวโพลนเกือบจะคล้ายกับวัดร่องขุ่นเลยนะครับ (ผมยังไม่เคยไป) วันนี้ผมต้องขอพักชั่วคราวก่อน เพราะดึกแล้ว ต้องกลับบ้านไปก่อน เอาไว้พรุ่งนี้มาต่อใหม่ในกระทู้เดิมนี้แหละ   ยังไปไม่ถึงพระองค์ใหญ่เลย มัวมาแวะชมวิหารแก้วกันก่อน คอยติดตามชมต่อไปนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 4 มี.ค. 52 21:15:32 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอแอบตามไปไหว้พระด้วยคนค่ะ ขอบคุณที่พาเที่ยวนะคะ จากคุณ : Picike - [ 4 มี.ค. 52 22:22:56 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ไปด้วยค่ะ จากคุณ : MooBeerJang - [ 4 มี.ค. 52 22:51:09 ]

ความคิดเห็นที่ 33 วัดภาคกลางเยอะมากค่ะ เรียกว่าบางที่ติดๆกันเลย ต้องมีหลงไปหลงมากันบ้าง ขนาดไปสุพรรณ อ่างทอง ชัยนาท บ่อย ก็ไม่เคยเห็นวัดนี้เหมือนกันค่ะ ขอบคุณที่แนะนำให้รู้จัก ใกล้ กทม. มากค่ะ ดูจากแผนที่นะค่ะ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งความรัก - [ 5 มี.ค. 52 06:43:51 ]

ความคิดเห็นที่ 34 วิจิตรงดงามเกินคำบรรยายครับ ขอบคุณจขกท.ด้วยครับ แจกหนึ่งกิฟท์ครับ จากคุณ : shamaan - [ 5 มี.ค. 52 12:27:33 ]

ความคิดเห็นที่ 35 สวัสดีคุณ Picike และคุณ MooBeerJang ครับ เชิญติดตามต่อได้เลยครับ สวัสดีคุณ กาลครั้งหนึ่งความรัก ครับ เช่นกันครับ ผมเองก็ผ่านบ่อย แต่ไม่เคยเห็น ต้องตั้งใจไป ถึงจะเห็นครับ เพราะปกติ คนเรา จะไม่ใช่เส้นทางนี้บ่อยนัก ถ้าหากจะข้ามฟาก ระหว่าง ถ.พหลโยธิน กับ ถ.ตลิ่งชันสุพรรณบุรี ก็มักใช้ ถนนสาย 329 ที่ผ่าน อ.ป่าโมก กับ ถนนสาย 3263 ที่ผ่าน อ.เสนา มากกว่าครับ สวัสดีคุณ shamaan ขอบคุณที่ชมครับ ฝีมือช่างไทย เราก็มีดีอย่างนี้เองครับ วันนี้มาต่อกัน แต่ก่อนอื่น ขอวางแผนที่ให้ดูหน่อย จะได้ไม่งง เพราะในวัดแห่งนี้ มีสถานที่ น่าสนใจเยอะเหมือนกันครับ เวลาไปจริง จะงง เพราะไม่มีแผนผังให้ดู แถม อาคาร วิหาร ศาลา ต้นไม้ จะบดบังกันเอง ถ้ามีเวลาจำกัดจะเที่ยวได้ไม่ทั่วครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 5 มี.ค. 52 19:36:11 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผ่านในอุโบสถ คล้าย ๆ วัดท่าซุง เลยครับ.. เคยผ่านบ่อย แต่ไม่เคยแวะเลย จากคุณ : Dr.Moji - [ 5 มี.ค. 52 19:40:05 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เมื่อวานนี้ ผมได้พาเพื่อนๆ ไปชม วิหารเจ้าแม่กวนอิม หอระฆัง และวิหารแก้วแล้วครับ ต่อไปจะพาไปชม ลานรูปปั้น เพราะอยู่ติดกับ วิหารแก้ว เลย ก้าวเข้าไปในลานรูปปั้น ก็จะสะดุดกับ เท้ายักษ์ครับ ไม่ใช่ อ้ายตีนโต แต่ เป็นเปรตครับเปรต   อู้ฮู...แค่เล็บเท้าเขานะ ใหญ่กว่าเท้าผมตั้ง 2 เท่าเชียวนะ...นี่ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 5 มี.ค. 52 19:46:05 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สวัสดีคุณ Dr.Moji ครับ ที่นั่นเป็นวิหารนะครับไม่ใช่ อุโบสถ  เดี๋ยวผมจะพาไปชมในอันดับต่อไป  เป็นอุโบสถสวย ที่ตั้งอยู่บนกลีบบัวสีชมพูสวยสด หาชมที่ไหนไม่ได้ครับ จาก รูปใน คห.37 ผมแหงนขึ้นไปดู ต๊กกะใจ เหมือนมาก.. นี่ถ้าผ่านมาตอนกลางคืน ได้วิ่งกันป่าราบแน่......บรื๊อย์ย์ย์.............. จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 5 มี.ค. 52 19:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ตรงนี้น่ากลัวสุดๆ เพราะโดนลงโทษ 3 เด้ง คือ ปีนไปบนต้นไม้หนามด้วยความเจ็บปวด  ต้นไม้สูงอีก  โดนหอกแทงถ้าไม่ยอมปีน ขึ้นไปแล้ว ก็โดนนกจิกจนตายอีก เท่าที่ทราบมาในโลกวิญญาณ นั้นเขาเกิดดับได้เหมือนเราฝัน ไม่ต้องมีพ่อแม่ ไม่ต้องมีวัย เกิดปุ๊บก็มีรูปร่างอย่างชาติสุดท้ายที่ตายเลย ได้รับความเจ็บปวดมากๆ ก็วูบตาย สลายไป แล้วก็เกิดใหม่อีก ซ้ำๆ จนครบชาติที่ต้องได้รับโทษ  เปรียบได้กับการลงโทษในโลกมนุษย์คือ ตีสลบ ทำให้ตื่น ตีสลบ ไปเรื่อยๆ จนครบจำนวนโทษที่ได้รับครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 5 มี.ค. 52 20:03:29 ]

ความคิดเห็นที่ 41 การเป็นเปรต เราอย่าไปนึกว่าตัวใหญ่ดี แต่ สิ่งที่ธรรมะสื่อให้เราเห็นก็คือ ความน่ารังเกียจ ความทรมาน เนื่องจากต้องอดอยากของคนตัวใหญ่ ที่หาอะไรกินไม่เพียงพอ ต้องโหยหิว ร่อนเร่ หลบซ่อนไปตามที่ต่างๆ ยามค่ำคืน เพราะทำกรรมเกี่ยวกับ วัดวาไว้มาก เช่น ขโมยของพระ ยักยอกของที่คนมาทำบุญ เป็นต้น อ้าว....พูดๆ ไป จะกลายเป็น กระทู้ธรรมะไปอีกแล้วนะเรา.... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 5 มี.ค. 52 20:09:49 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ของไทยมีเยอะมาก จนคาดไม่ถึงว่าทำได้อย่างไรเยอะขนาดนี้  ส่วนเทพของจีนก็มี ผมเลือกถ่ายเอาเฉพาะที่อยากรู้จัก แบบเคยได้ยินแต่ชื่อครับ จากรูปข้างล่าง ตามป้ายชื่อที่ฐาน เป็นของ ฮก ลก ซิ่ว เทพเจ้าสามองค์ของจีน ที่คนทำการค้านิยมนำมาบูชา ครับ แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 52 20:21:09 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 5 มี.ค. 52 20:19:34 ]

ความคิดเห็นที่ 44 นี่ก็เป็นเทพในบ้านครับ ชื่อ ตี่จูเอี้ย คนจีนนิยมอัญเชิญมาบูชาในบ้าน โดยจะต้องทำเป็นศาลเล็กๆ มีรูปท่าน วางไว้ที่พื้น เสมือนว่า ท่านเป็นเจ้าที่ของแผ่นดินที่บ้านเราตั้งอยู่นะครับ  บ้านผมก็เคยมี จนปล่อยให้เช่า แล้วเขาก็ไม่ดูแล ผมเลยต้องยกเลิกไปโดยปริยาย ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 5 มี.ค. 52 20:27:20 ]

ความคิดเห็นที่ 45 องค์นี้มาแปลก นั่งบนหลังควาย มีชื่อว่า หลี่เล่ากุง เป็นปรมาจารย์จีนท่านหนึ่ง ที่ใช้หลักธรรมสอนแก่ชาวจีน จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 5 มี.ค. 52 20:33:16 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ตรงนี้เป็น รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมกลางแจ้ง ที่มี รูปปั้นศิษย์ทั้งสองข้าง จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 5 มี.ค. 52 20:37:00 ]

ความคิดเห็นที่ 47 สาเหตุที่ผมต้องถ่ายภาพด้านข้าง ในรูปข้างบน (คห.46) ก็เพราะ ด้านหน้ามีหลังคาที่ใช้สำหรับเป็นร่มเงาของผู้ที่มาสักการะ รูปเคารพเจ้าแม่กวนอิมครับ ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้ภาพเต็มๆ ด้านตรง เพราะมีรูปปั้นมังกรอยู่ข้างล่าง ช่างงดงามจริงๆ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 5 มี.ค. 52 20:43:30 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เอามังกรชัดๆหน่อย ว่าสวยงามมีชีวิตชีวาขนาดไหน จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 5 มี.ค. 52 20:46:37 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ถัดไปเล็กน้อยก็เป็นศาลาของเก่า ซึ่งจะเห็นเกวียนแบบดั้งเดิม ที่มีอุปกรณ์ครบ  แต่น่าเสียดายที่จัดวางรกไปหน่อย แถมดันมีมอเตอร์ไซด์ มาแทรกอีก....ฮื่อ.....  น่าจะจัดวางให้เป็นที่เฉพาะ จะได้ดูมีค่าเหมือน พิพิธภัณฑ์นะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 5 มี.ค. 52 20:52:33 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ติดกับเกวียน ก็เป็นเลื่อน ที่ไม่มีล้อ แต่ลากด้วยสัตว์เช่นกัน  ในพื้นที่ทุรกันดาน และน้ำหนักบรรทุกไม่มากนัก เช่น คนป่วย สินค้าเล็กน้อย ก็สามารถใช้เลื่อนได้ เพราะสร้างง่าย รวดเร็ว แทบจะหาวัสดุจากในป่าในทันทีได้เลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 5 มี.ค. 52 20:57:09 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ตรงนี้ก็มีอุปกรณ์การเกษตรไว้ให้ดูด้วย เดี๋ยวนี้ คาดว่าจะหาดูได้ยากแล้ว ซึ่งตอนผมเป็นเด็กเคยเห็นเขาใช้กันแถวบ้านเกิดผม สำหรับ เจ้าเครื่องตรงหน้า นั้นใช้สำหรับแยกเมล็ดข้าวออกจากรวงข้าว ผมเองตอนเด็กๆก็เคยซนไปหมุนเล่นมาแล้ว ทำให้เกิดฝุ่นฟุ้งแสบตาไปหมดเลย เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากไปหมุนคันโยกนั้น จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 5 มี.ค. 52 21:11:31 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เดินๆ ไปก็ยังอยู่ใน ลานรูปปั้นอีกอยู่ดี มีอะไรน่าชมเยอะ  ตรงนี้เป็นแถวยักษ์ ตนต่างๆ ที่มีลักษณะหน้าตาสอดคล้องกับในรามเกียรติ์ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 5 มี.ค. 52 21:16:26 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ตรงนี้เป็นศึกยักษ์กับวานร แล้วมีมนุษย์เข้าร่วมรบด้วย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 5 มี.ค. 52 21:19:05 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ตรงนี้เป็นยุทธหัตถี ระหว่างไทยกับพม่า ตามประวัติศาสตร์ไทย น่าจะเป็น พระเรศวรมหาราชนะครับ กำลังฟันพระแสงของ้าวลงบนไหล่ ของพระมหาอุปราชา (ไทยเราเคยมี การสู้บนหลังช้างของกษัตริย์แบบนี้รวมแล้ว 5 ครั้ง ซึ่ง ของ พระนเรศวรเป็นครั้งสำคัญและครั้งสุดท้าย)  ซึ่ง พระมหาอุปราชา นั้นมีชื่อว่า มังกยอชวา เป็นโอรส องค์หนึ่งของพระเจ้านันทบุเรง ที่เคยดูถูก และอิจฉา พระนเรศวรมาตั้งแต่เด็ก ถึงขนาดเอาไก่ชนมาท้า แต่ก็แพ้ไก่ชนของพระนเรศวร ดังที่เคยเห็นในภาพยนต์เรื่อง นเรศวรตอนแรก ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 5 มี.ค. 52 21:34:31 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ตรงนี้เป็นแถวของวีรบุรุษและวีรสตรีไทย โดยจะมีเอกลักษณ์ของแต่ละท่านชัดเจนครับ  น่าพาเด็กๆ มาดู เพราะได้รวมไว้มากจริงๆ เหมือนพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เลยครับ  ขาดแต่ข้อมูลรายละเอียดเชิงประวัติศาสตร์เท่านั้นครับ  ผู้สร้างคงไม่ได้คิดไปถึงขนาดนั้น กระมังครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 5 มี.ค. 52 21:41:11 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ตรงนี้เป็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมปางพันมือ อยู่ในศาลา อีกองค์หนึ่งครับ  รู้สึกว่า ศาลาจะสวยมาก ครับ โดยเฉพาะมังกรที่พันเสาอยู่ทั้ง 4 ตัว จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 5 มี.ค. 52 21:43:20 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อูว...วันนี้ก็ยังไปไม่ถึงองค์พระใหญ่อยู่ดี เพราะเมื่อเช้าป่วยลาไปครึ่งวัน เลยมาเริ่มตอนค่ำ  เอาไว้พรุ่งนี้มาต่อก็แล้วกันครับ ยังเหลือ โบสถ์ที่ล้อมรอบด้วยกลีบบัวขนาดยักษ์ ที่ถือว่ามีที่เดียวในประเทศไทย (หรือในโลก) ติดตามชมได้ในตอนจบนะครับ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E7598453/E7598453.html แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 15:52:13 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 5 มี.ค. 52 21:53:22 ]

ความคิดเห็นที่ 58 สถานที่ น่าไปเที่ยวจังเลยคะ จากคุณ : น้องข้าวแต๋น - [ 9 มี.ค. 52 10:24:20 ]

ความคิดเห็นที่ 59 สวัสดีจ๊ะ น้องข่าวแต๋น ก็ลองไปเที่ยวดูซีครับ  อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯเลย  จ.อ่างทองห่างจาก กรุงเทพฯประมาณ 100 กม.เอง เลยไปอีกสิบกว่ากิโลเองครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 9 มี.ค. 52 21:12:51 ]