ตำนาน ปีกแพรเขียว ณ ทุ่งกระมัง
กลางเดือนมีนาคม 2549 อากาศช่างร้อนเหลือหลาย ตามประสาคนดูนกก็หาเรื่องออกไปดูนก
เรื่อยเปื่อย วันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม 2549 พี่ milk ชวนไปดูนกที่ น้ำตกชันตาเถร ชลบุรี
เพราะเห็นว่ามีนกมาเล่นน้ำ อาจจะมีพวก แซวสวรรค์มา ก็เลยลองตามไป ไปนั่งอยู่ซักพัก
นกไม่ค่อยมี แถมเริ่มร้อน เลยถอยดีกว่า
จะด้วยอะไรไม่ทราบ อยู่ดี ๆ ผมก็เอ่ยชวนพี่ milk "วันพฤหัสนี้ไปนั่งเล่นภูเขียวมั้ยพี่"
หลังจากที่พี่ milk ไม่ได้ไปภูเขียวหลายปี และเป็นครั้งแรกที่จะได้ลองนั่งบังไพร บ่อน้ำเทียม
เพราะแกบ่นว่ามาทีไรคนเยอะทุกที คราวนี้เลยเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ไปนั่งโดยไม่มีคน
แกขอ check วันลาก่อน แล้วจะบอกอีกที
วันต่อมาพี่ milk กริ้งมาบอกว่า ok ลาได้ ไม่มีปัญหา เป็นอันว่า trip นี้มีผู้ร่วมทางสองคน
อันที่จริง ชวนพี่แป้นไปด้วย แต่ตอนนั้นแกลาไม่ได้ เลยจบที่สองคน
เราเลยนัดแน่ะว่าจะออกเดินทางคืนวันพุธ เพื่อให้ไปถึงเช้า พอดี เนื่องด้วยข้าพเจ้าทำงาน
อยู่สระบุรี และ น้าก็ทำงานสระบุรี เลยไม่มีปัญหาเรื่องนัดหมาย โดยให้น้าเอารถมาจอดที่หอ
ข้าพเจ้า หลังจากนั้น เอารถกระบะผมไป
คืนวันพุธ ออกเดินทาง
ไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะเจอะสิ่งตื้นเต้นใด ๆ เรานั่งคุยไปตลอดทาง หวังว่าคงเจอะนกอะไรบ้าง
อย่างพวก ขุนแผน ปากกว้าง ธรรมดา ก็พูดถึงคนนี้ คนนั้น ไปเรื่อย มาเช้าที่ภูเขียวพอดี
เราแวะซื้อเสบียง อาหาร เครื่องดื่ม ที่ตลาดแถวนั้น เพราะเข้าไปในหน่วยจะไม่มีอะไรขายแล้ว
แน่นอนท่าน milk ไม่พลาด LEO อิอิ เล่นเป็นขวดเลยครับ
เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูเขียว
เช้าวันที่ 23 มีนาคม 2549 เราจัดการตั้งบังไพรส่วนตัว เพราะบังไพรถาวร มีต้นไม้ล้มทับ
ไม่สามารถนั่งได้ เช้าวันนี้ผ่านไปอย่างเงียบเหงา แถบไม่มีนกเลย สงสัยจะแห้วแล้ว
ผมเผลอหลับไปซักพัก ประมาณ 10 โมงกว่า ได้ยินเสียงพี่ milk กระซิบเบา ๆ แต่ผมฟังไม่รู้
เรื่อง เลยถามกลับไปว่าอะไรมา พี่ milk เสียงดังขึ้น "ปีกแพร" ผมหูพึ่ง สงสัยฟังผิด
พี่ milk ย้ำอีกว่า "ปีกแพร" คราวนี้ตาสว่างเลยครับ แต่เสียดายที่เจ้านกตัวนี้กระโดดห่างออก
ไปไกลแล้ว แแต่ยังพอที่จะเก็บภาพได้ในระยะ 15 เมตร ก่อนที่นกจะหายกลับเข้าป่าไป
เรารออีกร่วมสองชั่วโมงหวังว่านกตัวนี้จะกลับมาอีก แต่ดูท่าแล้ว คงจะยาก เลยขอพัก break
ด้วยการจิบ LEO และ ข้าวเหนียวหมูย่าง ไก่ย่างที่เราเตรียมมาซักหน่อย
อาหารมื้อนี้เป็นมือที่ตืนเต้นที่สุดมื้อนึงในชีวิต เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าปีกแพรเขียว
จะมาโผล่ที่ภูเขียวได้ ถ้าเป็นที่ อินทนนท์ ก็ยังไม่ตื้นเต้นเท่านี้ แต่กลางป่าระดับความสูง
ไม่ถึง 1000 เมตร ดันมีนกหายากอย่างปีกแพรเขียว มาโผล่ซะงั้น
เวลาผ่านเลยไป ช่วงบ่ายอากาศร้อนมากขึ้นนกเริ่มมากินน้ำเยอะขึ้น แต่ยังไม่มีแววของปีก
แพรเขียว จนกระทั่งเวลาประมาณ 4 โมงเย็น นกปีกแพรตัวนี้กลับมาอีกครั้งอย่างเงียบ ๆ
โดยนกยังคงซุ่มอยู่ทางป่าด้านหลัง ผมเรียกพี่ milk ทุกคนเตรียมพร้อม นกยังไม่ลงกินน้ำ
แต่ดูเหมือน นกกำลังสำรวจความปลอดภัย โดยกระโดดไปตามกิ่งไม้แล้วหยุดเป็นระยะ หลัง
จากนั้น เมื่อแน่ใจว่าปลอดภัย นกก็กระโดดลงมาที่บ่อน้ำ แล้วค่อย ๆ จิบน้ำ เป็นเวลานาน ร่วม 2 นาที
จากภาพที่ถ่ายได้ นกลงกินน้ำตอนเวลา 15.51 จนถึง 15.53 ขณะกินน้ำไม่ได้มีท่าทีตื่นกลัว
แต่อย่างใด โดยนกจิบกินน้ำ และ หยุดพักเป็นระยะ พร้อมกับร้องเสียงในลำคอ หลังจากนั้นไม่นานก็บินไปทันที โดยไม่ได้เกาะพักแถวนั้นอีก รวมระยะเวลาที่นกปรากฏตัวทั้งหมด 15.49-15.53 เป็นเวลา 4 นาที ถือว่าเป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร ต่างจากครั้งแรกในตอนเช้าที่นกปรากฏตัว ตอนนั้นนกไม่ลงกินน้ำและ ไม่เข้าใกล้บ่อน้ำ โดยปรกฏตัวแค่ 1 นาทีเท่านั้น คือเวลา 10.23
ก่อนหน้านี้ จากที่เคยทราบข้อมูล สถานที่ใกล้เคียงที่สุด ที่เคยมีคนพบปีกแพรเขียวก็คือ
อช.นาแห้ว และ อช.ภูหินร่องกล้า แต่ที่ภูเขียว ยังไม่เคยมีรายงานมาก่อน
nothing is possible
การพบนกปีกแพรเขียวครั้งนี้จะด้วยความบังเอิญหรือโชคชะตาก็แล้วแต่ ทำให้นักดูนกหลายคนมีความหวังในการถ่ายภาพนกหายากมากขึ้น นกมีปีก จะบินไปที่ใดก็ได้ ขอเพียงท่านช่วยกันรักษาป่า และ สิ่งแวดล้อมให้ดี โอกาสพบนกหายากก็มืใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ปล.ก่อนหน้านั้น 2-3 วัน คุณโจ้ นักถ่ายภาพทางล้านนาก็เก็บภาพได้ แต่หลังจากนั้น
ก็ไม่มีใครพบนกปีกแพรเขียว ที่ภูเขียวอีกเลย นกตัวนี้เลยกลายเป็นตำนานอีกบทหนึ่ง
ของ เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูเขียว
แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 18:27:27
แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 18:26:34
ครบรอบ 4 ปี ตำนาน ปีกแพรเขียว ณ ทุ่งกระมัง
