ความคิดเห็นที่ 1 ZZZZZZZZzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzz ไม่มาต่อเดี๋ยวยึดกระทู้ซะเลยนี่ แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 52 14:17:21 จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 25 มี.ค. 52 14:13:56 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จากตอนที่แล้ว ที่ออกจากห้อง แปลงโฉมสยามประเทศ  ที่ไทยเราเริ่มรับเอาเทคโนโลยีจากประเทศฝั่งตะวันตก มามากขึ้น ก็นำไปสู่ การเปลี่ยนแปลงประเทศไทย อย่างเต็มรูปแบบ ก็คือ ห้อง กำเนิดประเทศไทย  ที่มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงนามธรรมด้วย เช่น ชื่อประเทศ ระบอบการปกครองประเทศ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 14:20:32 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สวัสดีจ้า คุณแม่ซากานะ ครับ ไม่เห็นมาทักทายกระทู้นี้ตอนหนึ่งเลย คิดถึ้งคิดถึง...... ยังจำน้ำเสียงได้ ที่โทรมาชวนบินฟรีครั้งนั้น... ยังหลงไหลเคลิบเคลิ้มเลย....ฮิฮิ    ช่วงนี้ เว็บพันทิพ ห้องนี้ ไม่รู้เป็นอะไร โพสยาก มี Error ค้างบ่อยๆ เลยต้องรอนานหน่อยนะครับ  ของดีต้องอดใจรอ...นะนะ ชื่อห้องนี้ได้ชักชวนให้ผมเข้ามาค้นหาเกี่ยวกับ การเปลี่ยนชื่อประเทศ จากสยามเป็นไทย ซึ่งผมก็พยายามหาอยู่นาน ก็ไม่เจอเสียที  เจอแต่การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเท่านั้น  แปลกดีเหมือนกัน  แต่เอาล่ะ อย่างไรผมก็ค้นเอาจาก Google ก็แล้วกันว่า ประเทศเรา ได้เปลี่ยนชื่อจากสยาม มาเป็น ไทย เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2482 หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475  ไป 7 ปี แต่....ทำไมต้องบังเอิญมาเป็นวันเดียวเดือนเดียวกันด้วยล่ะ.... แปลกจริงๆ ก็ในสมัย รัฐบาลของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่อยากจะให้ ประชาชนในประเทศ ที่เป็นมีเชื้อชาติไทย ได้รู้สึกถึงความเป็นเจ้าของดินแดนแห่งนี้ ไม่ใช่รู้สึกว่า ตนเป็นคนเพียงเชื้อชาติหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในดินแดนสยาม คือเหมือนกับ ทรายที่ไม่สามารถละลายรวมเข้ากับน้ำได้ (อันนี้ ผมคิดเอาเองนะครับ) แต่เอาล่ะ ไหนๆ ก็ยืนจ้อง บอร์ดข้อมูล อ่านแล้ว ก็ขอถ่ายมาให้ดูเป็นที่ระลึกบ้าง ก็คือ ภาพของหนังสือพิมพ์ในวันที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง  ผมคิดว่า ยังมีคนบางคน ที่ได้อ่านในวันที่วางตลาดนั้นนะครับ คือ หนังสือพิมพ์ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475  ซึ่งเขาผู้นั้น ในปัจจุบันก็ต้องมีอายุมากกว่า 80 ปีขึ้นไปครับ แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 52 14:47:39 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 14:43:34 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มีอีกฉบับให้ดูครับ ผมชอบตรงภาพโฆษณา ที่เป็นลายเส้น ใช้มือสเก๊ตภาพวาดลงไปเลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 14:54:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เดินเข้าไปอีก จะเป็นห้องที่เต็มไปด้วยประกาศ เอกสารต่างๆ ล้วนมีสีซีเปีย(สีเหลืองเก่าๆ) ไปหมด แถมยังมีเสียงประกาศข่าวแว่วออกมาจาก วิทยุหลอด ตรงกลางบอร์ดข้างหน้าอีก ซึ่งถ้าเดินเข้าไปอีก ก็จะไปสู่ห้องประกาศข่าวออกทีวี ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 15:11:40 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ติดตามต่ออย่างเหนียวแน่นค้าบบบบ ตามไปเที่ยวด้วยคนนะค้าบบบ จากคุณ : iil lag - [ 25 มี.ค. 52 15:12:12 ]

ความคิดเห็นที่ 7 หวัดดีคุณ iil lag ครับ เชิญติดตามได้เลยครับ กำลังมันส์ ตอนนี้สีดูทึมๆ ไปหน่อย เดี๋ยวจะเปลี่ยนเป็นสีสดใส อดใจรอนะครับ สะดุดตาตรงวิทยุหลอด ที่อยู่ตรงกลางบอร์ด แหม..เข้าใจมาติดอยู่ตรงกลางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเลย  ทำให้คิดไปได้ว่า วิทยุกระจายเสียงนี้มีอิทธิพลต่อระบอบประชาธิปไตยมาก ครับ วิทยุหลอดนี้ ถ้าใครเคยใช้ (ต้องมีอายุมากกว่า 50 ขึ้นไป) คงจะทราบว่า กว่าจะได้ยินเสียงต้องรออุ่นหลอดสักครู่ และมักจะใช้ถ่านไฟฉายก้อนใหญ่ หลายก้อน วางเรียงกันเป็นท่อยาวๆ  ผมเคยเห็นแต่ไม่เคยใช้ (ไปเห็นที่บ้านญาติผม เขาใช้ครับ)  แต่ตัววิทยุในรูปนี้ ผมคิดว่าคงเป็นแค่โครง แล้วนำลำโพงมาติดให้ดูเข้ากับบรรยากาศ แต่ต้นเสียงอาจามาจากคอมพิวเตอร์ (อย่าลืม..ว่า เรากำลังอยู่ในมิวเซียมอันทันสมัยนะครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 15:20:09 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เดินถัดมาอีกนิด (แต่ยังอยู่ในห้องเดิมนะครับ ห้องกำเนิดประเทศไทย)  จะเห็นการประกาศข่าวออกทีวีของทีวีช่อง 4 บางขุนพรหม ในอดีต ที่แพร่ภาพเป็นขาวดำ (หลายคนอาจไม่คุ้นเคย แต่ผมเคยดูมาแล้ว ทีวีขาวดำ ตอนเด็กๆ) ในรูป พอดีมีน้องสองคน มาขอเทสหน้ากล้องดู  จะเห็นภาพที่ได้เป็นขาวดำข้างล่าง แสดงด้วยจอคอมพิวเตอร์ LCD....อุ๊บ...ไม่เข้ากันเลย.... น่าจะเป็นจอทีวีเก่าๆ ที่มีขอบหนาๆ โค้งๆ นะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 15:29:51 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เดินออกมาอีกห้องหนึ่ง  อยู่ตรงข้ามกับ ห้องสีสันตะวันตก เจอทีวีเก่าๆ วางซ้อนกันเยอะ แหงนดูข้างบนมีป้ายเก่า ชื่อว่า "บริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด" ไม่เห็นมีข้อมูลอะไร ผมเลยค้นหาเอาจาก Google มาเพิ่มให้ พบว่า ในปี พ.ศ.2495 สมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้มีการยื่นจดทะเบียนบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท เพื่อเป็นช่องทางในการทำทีวีไทยครั้งแรก แต่โดนคัดค้าน จนปี พ.ศ. 2498 ถึงได้มีการเปิดสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 4   เรื่องทีวียังไม่จบ ต่อมาในปี พ.ศ.2501 จอมพล สฤษดิ์ ธนรัชต์ ได้ตั้งสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 (ขาวดำ) เพื่อประโยชน์ทางการทหาร ซึ่งทำให้มีการต่อสู้ทางสื่อโทรทัศน์ระหว่าง จอมพลสฤษดิ์ และจอมพล ป. ต่อมาในปี พ.ศ.2510 ได้มีการตั้งสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สี โดย บ.กรุงเทพและวิทยุ (รับสัมปทานจาก กองทัพบก)  ต่อมาปี พ.ศ.2513 ก็เกิดสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 สี  เลยทำให้สถานีเก่า 2 สถานี (ช่อง 4 กับช่อง 7 ขาวดำ) ต้องเปลี่ยนมาเป็นสีตาม ในปี พ.ศ.2517 โดยเปลี่ยนเลขช่องด้วย คือ ช่อง 4 (บางขุนพรหม) เปลี่ยนเป็น ช่อง 9  และ ช่อง 7 ขาวดำ เปลี่ยนเป็น ช่อง 5  จนปัจจุบัน อ้อ..ยังไม่จบครับ ประวัติทีวีไทย ถ้ายังไม่เบื่อ เพราะยังมีอีก 2 ช่องที่ยังไม่กล่าวถึง คือช่อง 11 ที่เพิ่งมาตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2531  และ ช่อง ไอทีวีที่เป็นของเอกชน ในปี พ.ศ.2537  และในปีพ.ศ. 2550 ถึงได้เปลี่ยน ไอทีวีมาเป็นของรัฐแล้วใช้ชื่อ ThaiPBS กับ ปีพ.ศ.2551 ก็ได้เปลี่ยนช่อง 11 ไปเป็น NBT ครับ....โอ่ย...ยืดยาวจริงๆ ครับประวัติ ทีวีไทย (นี่ขนาดย่อๆ นะครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 15:58:24 ]

ความคิดเห็นที่ 10 หันมาด้านขวามือ ก็ต้องชงักกับสีสรรแสบตาจริงๆ ดูอลังการณ์ หรูหรา และผู้คนเต็มไปหมด เรียกว่าเป็นห้องที่ถ่ายภาพได้ยากที่สุด เพราะมีคนเข้ามาแอ็คท่ากันมาก ครับ  อ้อ...เรียกว่า ห้องสีสันตะวันตก (ผมพยายามมองหาชื่อห้องไม่เจอ  อาจจะตะลึงกับสีสรรก็ได้ครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 16:03:46 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตามมาชมต่อค่ะ อิ ๆ จากคุณ : เจ้าฟินตัวอ้วน (Finyah) - [ 25 มี.ค. 52 16:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เจอเจ้า ออสตินคันเก่า(อาจไม่ใช่ยี่ห้อนี้ แต่ดูหน้าตาคุ้นๆครับ) เลยขอแอ๊คท่าสักรูป (กว่าจะได้ถ่ายก็ต้องไปวนเวียนรอกว่าครึ่งชั่วโมง!) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 16:14:16 ]

ความคิดเห็นที่ 13 หวัดดีจ๊ะ เจ้าฟินตัวอ้วน หรือคุณ Finyah ครับ เชิญชมต่อได้เลย ครับ ตรงข้ามกับรถออสตินข้างบน ก็เป็นโครงรูปสาวๆเปิดหน้าให้ถ่ายภาพยืนเรียงรายกัน โดยมีรูปคุณสมบัติ เมทะนี พระเอกหนุ่ม สมัยตอนหนุ่มๆ ยืนอยู่หัวแถว แฟนผมรีบไปยื่นหน้าถ่ายภาพมาให้ดู  เห็นแล้วรู้สึก...หึง..ครับ ดูจากรูปข้างล่างซี มือนี่ยื่นมาโอบตรงนี้...ฮึ่ม! (หึงแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 16:22:35 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ด้านในจะเป็นคล้ายๆกับ บาร์เหล้า (สมัยนี้นิยมเรียกว่า ผับ หรือ คาเฟ่) ซึ่งจะเน้นสีสรร ทั้งใน และนอกหน้าต่าง(ซึ่งจำลองได้คล้ายกับว่า เป็นที่โล่งตอนกลางคืน ที่จะเห็นแสงสี ประดับอาคาร ย่านบันเทิง ซึ่งในปัจจุบัน ก็พอเห็นได้ จากย่านถนนเพชรบุรี และ ย่านอื่นๆในกรุงเทพฯ ตอนกลางคืน ครับ) แหม..ทำให้นึกถึง เพลง บาร์หัวใจ ของคุณแม่ผ่องศรี วรนุช ศิลปินแห่งชาติ (แหม..ช่างบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อว่า เพลงที่ผมเปิดคลอระหว่าง โพสนี้ เป็นเพลงบาร์หัวใจ เข้ากับบรรยากาศจริงๆ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 16:39:58 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ลองก้าวเข้าไปดูใกล้ๆ  ด้านซ้ายมือเป็นบาร์เหล้า ตกแต่งสวยงามคลาสสิค ดี แถมมีทีวีขาวดำเก่าๆ วางไว้ให้รู้ว่าอยู่ในยุคหลังสงครามโลกใหม่ๆ (คือหลังปี พ.ศ. 2483)   แต่จะว่าไปแล้ว ในปัจจุบัน บาร์เหล้าส่วนตัวตามบ้านคนมีสตางค์ เขาก็ยังนิยมทำแบบนี้นะครับ คงเป็นเพราะเป็นแบบที่ประทับใจคน จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 16:45:30 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หันไปอีกด้าน ก็เป็นที่นั่งทานอาหาร 2 โต๊ะ ซึ่งแทบจะไม่เคยว่างเว้นผู้มาเยือน ที่จะลองนั่งดู และถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกครับ  จากรูป ว่าไปแล้วก็ดูนุ่มน่านั่งนะครับ ผมเองก็ยังไม่ได้นั่งเลย มีคนเยอะ ไหนจะต้องหามุมถ่ายภาพอีก จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 17:09:45 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ออกไปยืนตรงโต้ะอาหาร แล้วถ่ายภาพเข้ามายัง เคาท์เตอร์บาร์เหล้า จะสังเกตุเห็น ถังเก็บน้ำแข็งแบบเก่า ที่เป็นไม้ บุภายในด้วยสังกะสี  ตอนเด็กๆ ผมเคยเห็นที่ร้านกาแฟแถวบ้านเดิมต่างจังหวัดครับ สมัยนั้นยังไม่มีตู้เย็น ต้องใช้นำแข็งแช่ของและกินโดยมีค้อนไม้ทุบน้ำแข็งให้ละเอียดครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 17:18:50 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แหงนขึ้นไปข้างบนเคาท์เตอร์บาร์ ลองถ่ายโดยใช้แฟลชดูบ้าง แสงสีจะถูกลดไปเยอะ แต่ก็ได้ภาพชัดขึ้นมาบ้าง  โอ..คนเข้ามาเพิ่มอีกแล้ว... นับเป็นห้องที่มีสถิติผู้มาเยือนสูงสุดครับ  น่าจะขยายเป็นหลายๆ ห้อง และมีเครื่องดื่มขายด้วยก็จะดีไม่น้อย.....ฮิฮิ กำลังกระหายด้วย เดินมานาน หลายห้องแล้ว จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 17:22:58 ]

ความคิดเห็นที่ 19 รอให้คนซาลงก่อน แล้วเดินเข้าไปหลังเคาท์เตอร์อีก เพื่อถ่ายภาพข้างใน (เมื่อกี้เห็นมีคนถ่ายแล้ว  จึงอยากลองดูบ้าง)  ข้างในเป็นอ่างล้างจาน (อ่างซิ้งค์) มีสีสรรของป้ายโฆษณาอยู่ข้างนอก แสดงคำว่า BANGKOK (แนวนอน) BAZAAR (แนวตั้ง) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 17:30:44 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ใกล้ๆ กับเคาท์เตอร์บาร์ ก็เป็นช่องวางของ ที่เป็น ของที่ระลึก ซึ่งคิดว่า ของบางอย่างก็ไม่เก่าเท่าใดนัก แต่ก็ดูน่ารักดีครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 17:35:53 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ถ่ายรูปเพลินๆ ก็มีโทรศัพท์เข้ามา ลูกผมก็รีบไปรับครับ....กริ๊ง... ล้อเล่นครับ  เป็นแก๊กของลูกผมเองครับ อยู่ๆ เขาก็ยกหูโทรศัพท์ แล้วเร่งให้ผมถ่ายภาพให้  แล้วเขาก็แสดงอารมณ์การพูดโทรศัพท์ได้สมจริง เลยครับ  สงสัยอีกหน่อยจะส่งเขาไปเข้าโรงเรียนการแสดงนะครับ ชอบแสดงบทบาทกับกล้องถ่ายภาพ แบบนี้ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 17:40:51 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ได้เวลาออกจาก ห้องสีสันตะวันตกได้แล้ว ถ่ายมาหลายภาพ และเสียเวลาที่นี่นานกว่าที่อื่น (ก็ตรงรอคิวถ่ายภาพนี่แหละ เพราะดันไปวันอาทิตย์ คนเลยเยอะ  แต่จะว่าไปแล้ว ผมไปอีกครั้งในวันอังคารตอนเที่ยง ห้องนี้ก็ยังมีคนแวะเวียนมาถ่ายภาพตลอดเวลา ไม่เคยว่างเลย เพียงแต่จะเข้ามาทีละ 2 - 3 คนไม่ใช่อยู่กันเป็นสิบคน) พอก้าวเข้าไปอีกห้อง ชื่อว่าห้องเมืองไทยวันนี้ ก็เป็นที่ พิศวง ในไอเดียของผู้ออกแบบมาก จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 17:52:27 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผู้ออกแบบได้ใช้ทีวีจอเล็กๆ จำนวนมาก ยึดติดกับวงแหวนใหญ่ที่เราต้องเดินลอดเข้าไป หลายวง ดูคล้ายกับ แถบดีเอ็นเอ เหมือนกัน เวลาเดินเข้าไปนี่ ดูอลังการณ์มากไม่ใช่น้อย  สมเป็นมิวเซียม พิพิธิภัณฑ์สมัยใหม่ที่ล้ำยุคจริงๆ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 18:00:03 ]

ความคิดเห็นที่ 24 จอภาพในทีวี นั้นจะแสดงภาพไม่เหมือนกัน ทำให้รู้สึกเหมือนจอภาพหลายจอในภาพยนต์เรื่องเมตริกซ์ ตอนสอง ที่นีโอไปพบสถาปนิคในห้องควบคุมสูงสุด  (แต่..ไม่ง่ายที่ผมจะถ่ายภาพจากจอทีวีที่แสดงภาพแตกต่างกันมาให้ดูได้ ภาพคอนทราสมาก เลยเห็นแต่จอสว่างจ้าๆแทน) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 18:08:39 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้าอยากจะได้ภาพในจอทีวีต้องถ่ายใกล้ๆ อย่างเช่นในรูปข้างล่างนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 18:13:44 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ออกจากห้องเมืองไทยวันนี้  ก็มาถึงห้องสุดท้ายแล้วคือ "ห้องมองไปข้างหน้า" เป็นห้องที่จัดแสดงเทคโนโลยีใหม่ของระบบอ่านภาพจากจอร่วมกับการแสดงผลออกไปที่จอ ด้วยระบบคอมพิวเตอร์  ผลที่ได้คือ มีฟองคำพูดลอยบนหัว ติดตามไปตลอดบนจอ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 18:30:31 ]

ความคิดเห็นที่ 27 โดยตอนแรก ต้องใช้ปากกาพิเศษที่ทางมิวเซียมจัดไว้ให้ มาเขียนคำพูด หรือลายเส้น ลงบนจอภาพสัมผัสในกล่องข้างหน้า (มีให้ 3 ชุด) ใส่ได้ทั้งคำและลายเส้นลงในกรอบฟองอากาศที่มีอยู่ในจอ แล้วออกไปยืนที่จอภาพ ซึ่ง ฟองคำพูดที่เขียนไว้ก็จะค่อยๆ โผล่ออกมาจากหัว ของคนที่ไปยืนตรงจอภาพครับ  เด็กๆ ตื่นเต้นกันใหญ่ ที่ได้มีส่วนร่วมบนจอที่ผนัง ครับ แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 52 18:48:53 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 18:40:24 ]

ความคิดเห็นที่ 28 สำหรับฟองคำที่เขียนไว้นานแล้ว และไม่มีคนไปยืนตรงจอภาพอีก ก็จะลอยไปรวมกันที่ด้านบนของจอภาพ  คล้ายม่านเมฆบนท้องฟ้า นับเป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่น่าสนใจ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 18:46:59 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ก่อนออกจากห้องนี้ เหลือบเห็นอะไรสีแดงๆ มีสติคเกอร์ผู้เข้าชมงานติดกันเต็มไปหมด อ้อ...สัญญลักษณ์คนกบแดงนี่เอง ใช้สำหรับวางสติ๊คเกอร์ไว้ จะได้ไม่ไปแปะทิ้งที่อื่น จนสกปรกต่อสถานที่ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 18:56:42 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ตรงนี้เป็นระเบียงด้านหน้าของชั้น 2 ที่ออกมาจากห้องสุดท้ายแล้ว  มีความสวยงามคลาสสิคดี จนมีหลายคนไปยืนถ่ายภาพ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 19:00:14 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เดินกลับลงไปข้างล่างโดยใช้บันไดกลาง ซึ่งก็ต้องหยุดถ่ายภาพเก็บความงามไว้เป็นที่ระลึกครับ เป็นบันไดที่สวยมาก ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 19:02:56 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ผมลองเดินซนขึ้นไปชั้น 3 เผื่อจะได้ชมความงามในอีกมุมหนึ่ง ซึ่งก็ได้สมใจ ครับ อลังการณ์บันไดจริงๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 19:06:13 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ตอนนี้ ได้เวลาลงไปชั้นล่างแล้วครับ ซึ่งในวันที่ผมไปนั้น ผมไม่ทราบว่ายังมีอีกห้องหนึ่งที่ไม่ได้เข้าไป คือห้อง ตึกเก่าเล่าเรื่อง ที่อยู่ด้านหลังเคาท์เตอร์ ประชาสัมพันธ์ครับ เลยเดินออกจากอาคารหลัก ไปยัง อาคารแสดงปริศนาแห่งลูกปัด เลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 19:09:35 ]

ความคิดเห็นที่ 34 จนในวันอังคารถัดมา (วันจันทร์มิวเซียมปิด) ผมจึงได้แวะเข้าไปใหม่อีกครั้ง เพื่อทบทวนความจำ และเข้าชมห้อง ตึกเก่าเล่าเรื่อง ที่พลาดไปครับ ตามแผนผังข้างล่างนี้ จะอยู่ด้านหลังเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ซึ่งถ้าไม่สังเกตุก็จะไม่เห็นครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 19:20:56 ]

ความคิดเห็นที่ 35 จากรูปข้างล่างแสดงให้เห็น ทางเข้าห้อง ตึกเก่าเล่าเรื่อง ที่อยู่ด้านหลังเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ จะมีประตูเข้า(ออก) ทั้งสองฝั่ง ครับ   มีช่องฝากกระเป๋าก่อนเข้าไปด้วย เพราะในนั้นจะมีของโบราณที่ขุดได้ ขนาดเล็ก ที่อนุญาตให้จับต้องได้ด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 19:34:33 ]

ความคิดเห็นที่ 36 #7 เหมือนวิทยุของคุณตาเล๊ยยยยย  ^ ^ ตามมาเที่ยวต่อด้วยแล้วนะคะ เจ๋งอ่ะ เจ๋ง .. ชอบมากเลยค่ะ จากคุณ : gorgeous - [ 25 มี.ค. 52 19:41:50 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ก้าวเข้าไปในห้อง ตึกเก่าเล่าเรื่อง แล้วหันกลับมาที่ผนังข้างประตู จะพบพระบรมฉายาลักษณ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ เป็นเสนาบดีกระทรวงพาณิชย์พระองค์แรก ซึ่งอาคารนี้เคยใช้เป็นที่ทำการกระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่ รัชกาลที่ 6 (พ.ศ.2463) จนถึงปี พ.ศ. 2532 จึงได้ย้ายกระทรวงไป แห่งใหม่ ที่ ถ.สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี ในระหว่างการบูรณะอาคาร ได้ค้นพบฐานรากวังเก่า ในสมัย รัชกาลที่ 3 และ รัชกาลที่ 5 พร้อมเทคนิคในการสร้าง ที่เก่งกาจ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 19:57:47 ]

ความคิดเห็นที่ 38 หวัดดีคุณ gorgeous ครับ ที่อยู่เป็นเพื่อนผมตอนนี้ อีกด้านของผนังห้องจะมีบอร์ดข้อมูล ที่ใช้กระจกสีชาทำ ดูล้ำสมัย แต่ อ่านยาก และถ่ายรูปยากมากครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 20:00:43 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เดินเข้าไปใกล้หิ้งระหว่างบอร์ดข้อมูลสองข้าง ก็จะเห็นภาพวาดโครงสร้างอาคารแห่งนี้ และสิ่งของเก่า ที่ค้นพบระหว่างการบูรณะ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 20:04:58 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เดินดูรอบๆ แล้วก้มมองลงที่พื้น ก็ได้พบกับปริศนาในใจที่ผมมี เมื่อเห็นจากภาพในเว็บของมิวเซียมเอง คือว่าเป็นอะไรกัน  จะแค่แผ่นกระเบื้องเงาสะท้อนสวยๆ หรือเปล่า    ไปดูกันใกล้ๆ นะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 20:11:49 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อ๋อ!...เป็นการเปิดพื้นไม้ แล้วใช้แผ่นกระจกมาปิดแทน เพื่อให้มองเห็นโครงสร้างพื้นของอาคาร ที่ใช้ไม้ตงอย่างหนา (ถ้าเป็นบ้านเราก็ถือว่าขนาดของ ไม้คาน ที่จะไปรองไม้ตงอีกทีเลยละครับ) เรียงกัน โดยใต้ลงไปกลับเจอแผ่นคอนกรีตขนาดใหญ่ วางปิดหน้าดิน เพื่อป้องกันความชื้นจากดินมาทำให้ ไม้ผุ  นับเป็นเทคนิค ที่ชาญฉลาดอย่างคาดไม่ถึง ของช่างสมัยก่อน ที่ไม่มีใครรู้มาก่อนที่จะบูรณะอาคารนี้ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 20:24:48 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ลองซูมเข้าไปดูป้าย อธิบายโครงสร้างใต้พื้นไม้ อย่างละเอียดครับ  ส่วนคานสีดำๆ นั้น ดูแล้วเป็นโครงสร้างใหม่ ที่เขาทำเพื่อรองรับรอยต่อแผ่นกระจกนะครับ (ไม่ใช่ของเดิม) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 20:32:20 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ออกมาจาก ห้องตึกเก่าเล่าเรื่องแล้ว  ผนังใกล้กับชั้นฝากของ ในรูป ที่ 35 จะเห็น แผ่นกระจกสลักชื่อผู้สนับสนุนการจัดตั้งมิวเซียมแห่งนี้ครับ คือ 1.บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 2.บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) 3.การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 4.บริษัท เทริ์นอะราวด์ จำกัด 5.บริษัท กัลฟ์อีเลคตริก จำกัด 6.สนง.ผู้แทน วันเอ็นเนอจี้ เซอร์วิสเซส ลิมิเต็ด 7.มูลนิธินายห้างโรงปูนผู้หนึ่ง ครับ ซึ่งก็ควรจะทราบไว้ เพราะเขาเหล่านี้มีส่วนทำให้ไทยเราได้มี มิวเซียมแห่งนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 20:42:11 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ถัดมาก็จะเห็นห้องจำหน่ายของที่ระลึกของทางมิวเซียมครับ ลองแวะเข้าไปชมและอุดหนุนได้นะครับ  เสียดายผมไม่ได้เข้าไปดู เพราะไม่มีเวลา ต้องรีบไป ชมลูกปัดก่อนครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 20:48:52 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ก่อนออกจาก ตรงนั้น ตรงกันข้ามกับ ห้องจำหน่ายของที่ระลึก ก็คือทางเข้าห้องเบิกโรง ที่เป็นห้องแรก ที่ผมเข้ามาก่อนแล้วนั่นเองครับ  จากในรูป ถ้าหากกำลังฉายภาพยนต์ เขาก็จะปิดมิให้เดินผ่าน ถ้าหากใครมาใหม่ ก็ให้ไปเดินชม ห้องตึกเก่าเล่าเรื่อง พลางๆ ไปก่อน แล้ว ถ้าฉายภาพยนต์เสร็จ ก็จะเรียกคนเข้าอีกทีครับ (ตอนที่ผมมาครั้งแรก บังเอิญ ห้องเบิกโรงฉายภาพยนต์เสร็จพอดี เลยอดดู ห้องตึกเก่าเล่าเรื่องครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 20:57:24 ]

ความคิดเห็นที่ 46 จากแผนผังในรูปคห.34 นั้น ผมเดินออกจาก หน้าห้องประชาสัมพันธ์ เลี้ยวซ้ายไปทางด้านข้างของอาคาร เพื่อจะไปสู่ อาคารแสดงปริศนาแห่งลูกปัด ครับ  (ในรูป จะสรุปเส้นทางไปยัง ที่ต่างๆ รอบๆ เคาท์เตอรประชาสัมพันธ์ครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 21:08:28 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เดินไปไม่เท่าไร ก็จ๊ะ เข้ากับตู้ปั้มเหรียญ (ที่จริงไม่ใช่ เป็นเพียงแผ่นโลหะ ที่น่าจะเรียกว่า เพลท มากกว่าครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 21:11:26 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ลูกผมอยากได้ เลยจัดให้ 1 อัน  โดยหยอดเหรียญ 10 บาท จำนวน 2 เหรียญเข้าไป  เครื่องในตู้นี้ก็ผลิตแผ่นโลหะงอๆ สีบรอนซ์มาให้ 1 อัน ทันที่ โดยสามารถเลือกได้ 3 แบบ  ผมเลือกเอาโลโก้ของมิวเซียม ครับ เพราะถือว่าเป็นของที่ระลึกที่นี่   เอ...แต่ได้มาแล้ว ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร หรือเก็บรักษาไว้กับอะไร เพราะเป็นแผ่นงอๆ บางๆ แบบนี้ครับ..... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 21:20:43 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ตอนนี้เดินออกมาจาก อาคารหลักของมิวเซียมแล้ว (หมายเลข 3) ก็จะไปอาคารแสดงปริศนาแห่งลูกปัด (หมายเลข 4) ครับ  จากรูปขอกางแผนผัง ที่ ทางมิวเซียมมีไว้ให้ นะครับ (ต้องขอแก้ไขแผนที่เล็กน้อย เพราะนั่นเป็นแผนที่เก่าตอนที่ยังไม่ได้บูรณะมิวเซียม ไม่งั้นดูแล้วจะงง) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 21:37:02 ]

ความคิดเห็นที่ 50 นี่เป็นอาคารเอนกประสงค์ ที่ใช้แสดงปริศนาแห่งลูกปัด ด้านหน้าจะเป็นร้านกาแฟ แบล๊คแคนยอนครับ วันนี้ คงจบกระทู้ไม่ลง เพราะดึกแล้ว ขอกลับไปพักก่อน แล้วพรุ่งนี้จะมาต่อให้จบครับ  งานนี้เพื่อนๆ จะได้ชม ลูกปัดสุริยะเทพ ที่มีข่าวว่าถูกขโมยไป แล้วส่งกลับคืนมาแล้วครับ  อ้อ...การจัดแสดงลูกปัดนี้ เป็นการจัดแสดงชั่วคราวนะครับ จะปิดการจัดแสดงในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2552 นี้นะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 มี.ค. 52 21:48:07 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ชอบที่นี่กันมากเหมือนกันล่ะ ชอบการใช้สื่อ  ...เจ๋งสุด ๆ จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 25 มี.ค. 52 22:08:36 ]

ความคิดเห็นที่ 52 รอดูลูกปัดนะคะ  ^ ^ จากคุณ : gorgeous - [ 26 มี.ค. 52 00:48:09 ]

ความคิดเห็นที่ 53 สวัสดีป้าอิ๋มครับ เคยพาเด็กๆ มาเที่ยวที่นี่หรือยังครับ เห็นบอกว่า ชอบการใช้สื่อที่นี่ หวัดดีคุณ gorgeous ครับ มาต่อแล้วครับ เหลืออีกไม่มาก แต่สวย มีสีสรร ไม่น้อยครับ นี่เป็นป้ายประชาสัมพันธ์ การจัดแสดงปริศนาแห่งลูกปัดครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 12:37:34 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ถัดมาเป็นประกาศเพิ่มเติม ในเรื่องความปลอดภัย เพราะเพิ่งมีเรื่องจารกรรมลูกปัดไปเมื่อ 5 มีนาคม พ.ศ.2552 นี้ (แต่ก็ได้รับการส่งคืน พร้อมคำขอโทษ เมื่อ 12 มีนาคม พ.ศ.2552) เลยต้องเข้มงวดมากขึ้น จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 12:44:46 ]

ความคิดเห็นที่ 55 นี่เป็นตู้ล๊อคเกอร์ ที่มีไว้ให้ฝากกระเป๋าถือ (เลยทำให้ แฟนผม และพี่สาวแฟน ที่มีกระเป๋าถือไม่อยากเข้าไป คงกลัวของในกระเป๋าหาย) ตั้งอยู่หน้าห้องน้ำครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 12:47:39 ]

ความคิดเห็นที่ 56 นี่เป็นโต๊ะแจกบัตรคิว และแลกบัตรประจำตัวก่อนเข้าไปชม คงเป็นเพราะต้องการดูแลให้ทั่วถึง ไม่ให้มีคนเข้าไปอยู่กันเยอะๆ เลยใช้วิธีแจกบัตรคิว รอจนคนข้างในออกมา แล้วคนข้างนอกถึงจะเข้าไปได้   งานนี้เลย ต้องนั่งรอ....หิวข้าว...อยู่ข้างนอกเสียนาน จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 12:51:55 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ระหว่างที่รอ ก็มองเห็นอาคารใหญ่ๆ อยู่ด้านหลัง ทีแรกไม่รู้ว่าเป็นอาคารอะไร จนเมื่อผมไปอีกครั้ง เลยทราบว่าเป็นอาคารสำนักงานของมิวเซียมครับ ยังไม่เสร็จทุกห้อง ตอนผมไปห้องน้ำ ก็ยังได้ยินเสียงเครื่องมือก่อสร้างทำงาน พร้อมกลิ่นสี เลยครับ ในภาพ นั้นผมเอามาต่อกันแบบพานอรามาโดยโปรแกรม Photoshop ตอนถ่ายไม่ได้ตั้งใจเลยไม่สนิท แต่ต่อแล้วดูสบายตากว่า ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 13:13:16 ]

ความคิดเห็นที่ 58 รอ....เกือบครึ่งชั่วโมง เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก็ปิดห้องจัดแสดง ก็ได้เข้าไป ก่อนเข้า ลูกผมไม่มีบัตรประชาชน เลยต้องลงทะเบียนกรอกรายละเอียดชื่อ-ที่อยู่-เบอร์โทรติดต่อ และถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน (เข้มงวดมาก) รออีกสักพักก็ได้เข้าไปครับ  (ที่จริงช่วงที่รอเรียกคิว เจ้าหน้าที่น่าจะให้ทำบัตรก่อน จะได้ไม่ต้องเสียเวลารออีกพักหนึ่งครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 16:56:12 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ตรงนี้เป็นทางเข้า (มีทางออกอยู่ใกล้ๆ เวลาออกอย่าลืมแลกบัตรคืน และดูบัตรประจำตัวว่าเป็นของตัวเองหรือเปล่าด้วยนะครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 17:04:41 ]

ความคิดเห็นที่ 60 แผนผังข้างในง่ายๆ แต่เล่นระดับ เข้าไปทีแรกก็งงๆ แต่ตอนออก ก็พอเข้าใจครับ   ว่าเข้าไปชั้นล่างก่อน แล้วขึ้นบันได ไปชั้นบน แล้วเดินลงมาตามทางลาด และเวียนขวาลงมาชั้นล่างอีกห้อง จนออกไป  นับเป็นไอเดียเก๋จริงๆ ที่สามารถออกแบบ ห้องสี่เหลี่ยมธรรมดาใหญ่ๆ ให้มีทั้งระดับและความโค้งเว้าจนดูแล้ว งงๆ ไปเหมือนกันครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 17:42:14 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ที่จริงก็ไม่อยากจะลงรายละเอียดให้มาก ในเรื่องแบบแปลนของการจัดแสดง เพราะต้องรักษาความปลอดภัยไว้เหมือนกัน  แต่ขอบอกให้ทราบว่า ลูกปัดสุริยเทพนั้น ได้ถูกจัดแสดงให้เห็น 2 ด้านพร้อมๆ กัน คือ จากห้องชั้นล่าง ทั้งสองฝั่ง (ไอเดียเก๋จริงๆ) ชั้นล่างที่เข้ามาปุ๊บก็จะเห็นป้าย ภาพรวมของปริศนาแห่งลูกปัดให้ศึกษาก่อน ตรงกลางวงกลมของรูปนี้เขียนว่า "เห็นลูกปัด เห็นมนุษย เห็นสุวรรณภูมิ" ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 18:01:59 ]

ความคิดเห็นที่ 62 การจัดวางในชั้นล่าง ห้องแรกนี้  ดูธรรมดา เหมือนตู้ปลา เรียบๆ ไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจนัก จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 18:04:44 ]

ความคิดเห็นที่ 63 จะมีพระเอกก็คือ ลูกปัดสุริยเทพ ที่มีขนาดเล็กจิ๋วนิดเดียว แต่ ถูกจัดแสดง ให้เห็นได้ 2 ด้าน โดยผ่านเลนส์ขยาย ให้ดูสบายๆ ตา  เพราะเล็กมากจริงๆ ข้อมูลบอกว่า เป็นลูกปัดพบที่คลองท่อม จ.กระบี่ ถูกทำขึ้นที่ เมืองอเล็กซานเดรีย สมัยอียิปต์-โรมัน โน่น ไม่มีใครรู้ว่ามาได้อย่างไร  จึงมีชื่อว่า "ลูกปัดปริศนาแห่งคลองท่อม" จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 18:12:26 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ลูกปัดสุริยเทพนั้นมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษตรงๆว่า "Sun God"  ถ้าหากมองผ่านเลนส์นูน ตรงๆ จะเป็นดังนี้   ต้องขออภัยที่รูปไม่ค่อยชัด เพราะเป็นการถ่ายภาพจากเลนส์อีกที แต่ถ้ามองด้วยตาจะคมชัดมากครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 18:16:42 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ตอนนี้ ต้องขึ้นบันไดไปดูชั้นบนแล้วครับ จะสังเกตุเห็นม่านลูกปัดที่ทำจากหอย แขวนโชว์ให้เห็นตรงจุดพักบันได ก็คล้ายๆ กับที่เราเห็นจากร้านขายของที่ระลึกริมชายหาดนั่นแหละครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 18:21:58 ]

ความคิดเห็นที่ 66 พ้นบันไดก็จะเห็นบอร์ดข้อมูลของลูกปัดที่ค้นพบในทวีปต่างๆ ทั่วโลกครับ  โดยจะเรียงรายไปตามกาลเวลาที่ค้นพบ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 18:37:22 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ที่จริงไม่ใช่แค่นี้ ยังมีอีกยาว ไปตามผนังครับ  ดูเสร็จแล้วก็เดินไปตามลูกศรของผมเลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 18:43:47 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ถัดจากนั้นก็จะเป็นทางลาด ยาวลงไปจนถึงโค้งข้างล่าง นะครับ  ตรงนี้วิวดี มองเห็นห้องแสดงข้างล่างด้วย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 18:50:44 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ถึงโค้งแล้วจะเห็นห้องจัดแสดงชั้นล่างอีกห้อง ที่มีลูกปัดให้ดูมากมาย มีข้อห้ามในการแตะตู้กระจกด้วยนะครับ อาจทำให้เกิดรอยสกปรก หรือทำให้เสียหาย จนงัดแงะได้ เหมือนกรณี ลูกปัดสุริยเทพ จากรูปข้างล่าง ผมต้องขออภัยอีกครั้งที่ภาพไม่ชัด เพราะเขาห้ามใช้ขาตั้งกล้อง แสงน้อยมือเลยไม่นิ่ง  หรือ อาจเป็นเพราะท้องกำลังหิวนะครับ....(ต้องอดทน เพราะมิวเซียมใกล้จะปิดแล้ว เท่าที่สังเกตุ กลุ่มผมเป็นชุดสุดท้ายแล้วครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 18:59:14 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ลงไปยืนข้างล่างแล้วถ่ายภาพย้อนกลับมา จะเห็นลูกกลมๆสีทอง ที่ข้างในเป็นห้องมืด มีเสียบรรยาย และแสงประกอบออกมา  ผมไม่ได้เสียเวลาฟัง  เพราะหิวข้าวแล้ว เลยรีบมองหาจุดถ่ายภาพสวยๆ แทน จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 19:07:44 ]

ความคิดเห็นที่ 71 นี่เป็นลูกปัดแบบแปลกๆ ดูไกลๆ คล้ายพระเครื่องแบบผง ในบ้านเรามากครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 19:12:22 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ตรงนี้เป็นลูกปัดร้อยเป็นสร้อยจำนวนมาก เหมือนจะเปิดจำหน่ายเลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 19:17:10 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ดูๆ ไป ทีแรกก็งง ว่า อ้าว...ไหงมาเจอ ลูกปัดสุริยเทพอีกล่ะ แต่พอเห็นหน้าคนลางๆ จากอีกด้านของหน้าต่างเลยถึงบางอ้อ ว่าเป็นอันเดียวกับที่เห็นที่ห้องแรก ในคห.63 และ 64 นั่นแหละครับ  แต่เป็นอีกด้าน ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 19:21:31 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ที่จริงมีแสดงเยอะกว่านี้มาก แต่ผมไม่ค่อยได้สนใจเครื่องประดับเท่าใดนัก เลยถ่ายมาแค่นี้ (ถ่ายยากด้วย เพราะต้องถ่ายภาพผ่านตู้กระจก ที่ทำให้กล้องหาโฟกัสผิดพลาด ภาพที่ได้เลยมัว  และมีเงาสะท้อนจากแสงอื่นๆ ในห้องอีก) ถ้าสนใจก็ต้องไปชมด้วยตาตนเองครับ  เป็นนิทรรศการหมุนเวียน ที่จะต้องเลิกไปเมื่อถึงวันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน ปีนี้ครับ ก่อนไปควรพกบัตรประชาชนไป (ถ้าหากไม่ชอบพกเป็นประจำ) จะได้รับความสะดวกไม่ต้องเสียเวลาทำประวัติ ถ่ายภาพกันอีก จากรูปข้างล่างนี้เป็นแผ่นภาพฉายแสงด้านหลังดูสวยแปลกตาดี เพราะมีลักษณะเหมือนทีวีที่จอเป็น "สี่เหลี่ยมด้านไม่เท่า" ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 19:35:04 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ก่อนกลับ ผมขอพาไปดูลานจอดรถ ซึ่งดูเหมือนที่จอดรถริมถนนมากกว่า มีน้อยมากครับ  จึงไม่แปลกที่คุณอาจไม่สามารถเข้าไปจอดรถได้ ต้องไปวนหาที่จอดไกลๆ และอาจถูกล็อคล้อได้....  ดังนั้นการไปมิวเซียม ควรไปรถสาธารณะ หรือไม่ก็ใช้วิธีไปจอดในห้างใกล้ๆ นั่งแท็กซี่ไปครับ  อ้อ..แต่ถ้าใช้รถจักรยานยนต์ จะจอดเสียบๆ เอาตรงใกล้ประตูทางเข้า ฟรีครับ (ครั้งหลังที่ผมไป ลองนำรถจักรยานยนต์เข้าไปดู ไม่เห็นมีป้ายให้จอด แต่ก็เห็นบางคันจอดตามใต้ร่มไม้ ข้างอาคารหน้าป้อมยาม ก็ไม่เป็นไรครับสะดวกดี ครับ  เพราะคนส่วนใหญ่ที่มามิวเซียม จะไม่ใช่รถจักรยานยนต์กัน) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 19:49:13 ]

ความคิดเห็นที่ 76 และนี่ก็เป็นอาคารสร้างใหม่ ที่ใช้เป็นสำนักงานและคลังความรู้ ที่ยังเปิดใช้เฉพาะส่วนสำนักงาน ยังไม่เสร็จเรียบร้อย (ผมได้ลองแอบๆ ไปเข้าห้องน้ำมาแล้ว ครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 19:53:04 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ผมขอจบกระทู้ไว้ด้วยภาพสติ๊คเกอร์เข้าชม มิวเซียมสยาม  ที่มีรูปโลโก้คนกบแดง ติดอกเสื้อ ครับ สวัสดีครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 26 มี.ค. 52 20:00:37 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ไปเที่ยวที่นี่มา แล้วประทับใจมากมายเช่นกันค่า :-) http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6856079/E6856079.html อยากให้คนไทยไปกันเยอะๆ จากคุณ : penny (Pen Writer) - [ 23 เม.ย. 52 10:58:45 ]