ความคิดเห็นที่ 1 วิ่งตามทางหลวง 323 มาเหมือนเมื่อวานจนถึงสามแยกบริเวณใกล้เขื่อนเขาแหลม   แต่วันนี้เราต้องเลี้ยวขวาไปตามทางหลวง 323 เพื่อไปสังขละบุรี จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:06:34 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คิดไม่ผิดเลยที่รีบเดินทางแต่เช้า ทางไปสังขละนั้นคดเคี้ยวมากมาย แต่สองข้างทางเต็มไปด้วยหมอก จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:07:40 ]

ความคิดเห็นที่ 3 วิ่งผ่านแม่น้ำรันตี หนึ่งในสามของแม่น้ำที่ไหลลงทะเลสาบเขื่อนเขาแหลม อันได้แก่ แม่น้ำรันตี ,แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำซองกาเรีย  เป็นที่มาของคำว่า "สามประสบ" นั่นเอง จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:10:31 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แม้ว่าจะเป็นเวลาเกือบ8โมงเช้าแล้ว  แต่หมอกก็ยังปกคลุมทั่วทั้งถนน  ขับรถต้องระวังหน่อยและเปิดไฟหน้ารถด้วย จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:12:01 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตอนที่ใกล้จะถึงสังขละ  บางจุดทางลงชันมากๆ ห้ามวิ่งเร็ว ต้องค่อยๆไหลเอื่อยๆลงไป  ควรใช้เกียร์ต่ำ จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:14:01 ]

ความคิดเห็นที่ 6 พอขับข้ามแม่น้ำรันตีมาได้ซักประมาณ5กิโล จะเจอสามแยกเลี้ยวขวาไปด่านเจดีย์สามองค์  แต่ให้ขับตรงไป จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:17:03 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ใกล้จะถึงแล้ว  จะทันเห็นหมอกมั้ยเนี่ย จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:18:17 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มาไม่ทันหมอก เห็นแต่เมฆ   นั่นไงสะพานมอญ หรือ สะพานไม้อุตตมานุสรณ์ อันลือลั่น ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:20:29 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แวะทานอาหารเช้าที่ร้านอาหารในซอยถนนสะพานไม้  เป็นร้านอาหารของชาวมอญ พูดภาษามอญกันทั้งร้านเลย  จริงๆก็เป็นคนมอญกันทั้งอำเภอนั่นแหละ จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:23:07 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แอบถ่ายปฏิทินของชาวมอญในร้านมาด้วย จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:24:25 ]

ความคิดเห็นที่ 11 วันนี้โชคดี เราได้มีโอกาสร่วมทำบุญตักบาตรกับชาวมอญ  ชาวมอญที่นี่ส่วนใหญ่ยังคงรักษาประเพณีของตัวเองไว้อย่างเหนียวแน่น  ทั้งชายและหญิงจะแต่งกายในชุดพื้นบ้านชาวมอญ แล้วยืนเรียงแถวสองฝั่งทอดยาวไปตามสะพานไม้เพื่อใส่บาตร จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:27:53 ]

ความคิดเห็นที่ 12 พระสงฆ์จากวัดวังก์วิเวการามจะเดินบิณฑบาตรไปตามทางบนสะพานไม้ จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:30:01 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สามเณรก็เข้าแถวบิณฑบาตรด้วยความสำรวมและเป็นระเบียบ จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:32:00 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เราได้เห็นการเทินสิ่งของไว้บนหัวของชาวมอญด้วย  เมพขิงๆ จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:33:46 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ภาพวัฒนธรรมที่น่ายกย่อง งดงามมากเลยครับ ติดตามชม จากคุณ : PHUPAYA - [ 17 เม.ย. 52 21:34:06 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ใส่บาตรเสร็จก็ตั้งใจว่าจะจ้างเรือไปเที่ยววัดจมน้ำกันต่อ  ด้านล่างเป็นท่าเรือที่เราจะไปลงเรือกัน  ลำละ300บาท นั่งได้ 5-8คน จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:36:02 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ลงเรือแล้วต้องใส่เสื้อชูชีพด้วยเพื่อความปลอดภัย จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:37:40 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตอนนั่งเรือไปชมวัดจมน้ำ จะเห็นเจดีย์พุทธคยาจำลอง ของวัดวังก์วิเวการาม (ปัจจุบัน) ตั้งตระหง่านอยู่บนฝั่ง จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:39:58 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นอยู่ไกลๆแล้วนั่นไง จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:41:42 ]

ความคิดเห็นที่ 20 หอระฆังเก่า จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:43:12 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อันนี้เป็น กุฏิเก่าของหลวงพ่อ  อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นซานติก้าผับนะ จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:46:08 ]

ความคิดเห็นที่ 22 วัดจมน้ำหรือเมืองบาดาล หนึ่งใน Unseen Thailand อันลือลั่นนั้น เดิมเป็นวัดเก่าของหลวงพ่ออุตตมะ ซึ่งก็ตั้งอยู่บนพื้นดินแบบวัดทั่วๆไปนี่แหละ  แต่พอปีพ.ศ.2527 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตจะสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ ก็ทำให้หลวงพ่อต้องย้ายวัดวังก์วิเวการามขึ้นมาสร้างใหม่บนเนินเขาแทน รวมถึงชาวมอญในบริเวณก็ต้องอพยพขึ้นมาตั้งรกรากใหม่บนเนินเขาเช่นกัน ส่วนวัดเก่าก็เลยต้องจมน้ำไป กลายเป็นสุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองสังขละ  ตอนที่เรามานี่เป็นหน้าแล้ง ระดับน้ำจะลดลงจนสามารถเดินเข้าไปเยี่ยมชมได้ จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:51:41 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เรือจ้างก็จอดรอเราอยู่ริมฝั่ง จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:53:22 ]

ความคิดเห็นที่ 24 มีคนมาเยี่ยมชมเยอะเหมือนกันแหะ จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:54:56 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ภายในอุโบสถ จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 21:56:09 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้ามองขึ้นไปที่บนผนังด้านในอุโบสถ  เราจะสังเกตเห็นพระเครื่องที่ประดับอยู่รอบๆผนังด้านบน  สอบถามชาวบ้านแถวนั้นเขาบอกว่าเป็นพระเครื่องที่ทำจากดิน  ส่วนใหญ่ก็หายไปกับสายน้ำและฝีมือคนแล้ว จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 22:00:26 ]

ความคิดเห็นที่ 27 นี่คือหลักฐานว่ามีคนเคยพยายามจะเอาไม้เขี่ย จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 22:01:58 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แต่ยังเอาไปไม่สำเร็จ เลยเหลืออยู่1องค์ จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 22:03:10 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ส่วนนี่เป็นหลุมฝังลูกนิมิตกลางอุโบสถ  ที่ถูกขุดเอาลูกนิมิตขึ้นมา  ไม่แน่ใจว่าใครเอาไป หรือย้ายลูกนิมิตไปที่วัดวังก์วิเวการามปัจจุบันก็ไม่ทราบ จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 22:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มาดูด้านนอกกันบ้าง จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 22:07:11 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ยังทิ้งร่องรอยความขลังเอาไว้ด้วยชิ้นส่วนของกระจกสีที่ใช้ประดับอุโบสถ  แบบที่ใช้ประดับวัดทั่วไปในปัจจุบัน จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 22:09:14 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สภาพพื้นดินด้านนอก  ยังชื้นๆนิ่มๆอยู่เลย สงสัยน้ำเพิ่งลดระดับลงได้ไม่กี่วัน จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 22:10:58 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ตามมาเที่ยวคะ เก็บไว้เป็นโปรแกรมหนึ่งที่อยากจะไปคะ จากคุณ : virgolove - [ 17 เม.ย. 52 22:11:04 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เศียรพระพุทธรูป   สังเกตจะเห็นว่าปูนปั้นของเศียรพระนั้นจะค่อยๆถูกลบเหลี่ยมมุมไปโดยกระแสน้ำตามธรรมชาติเวลาที่วัดนี้จมน้ำเป็นระยะเวลานานต่อเนื่องกันหลายๆปี จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 22:24:50 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ซากปรักหักพังของแท่นใบเสมาที่รายล้อมอุโบสถทั้ง8ทิศ  แต่ยังคงรายละเอียดบางส่วนให้เห็นอยู่เช่นตราธรรมจักรบนใบเสมา จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 22:27:17 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ชมวัดจมน้ำเสร็จแล้วเราก็ล่องเรือกลับไปที่ท่าเรือ  ระหว่างทางที่แล่นกลับผมสังเกตเห็นขวดพลาสติกลอยอยู่เหนือน้ำกระจายเป็นหย่อมๆ สืบทราบได้ว่านั่นเป็นเครื่องหมายแสดงจุดที่มีตอไม้ ให้เรือที่แล่นผ่านระวังอย่าแล่นเข้าไปตรงนั้น จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 22:31:30 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มุมมองสะพานไม้จากด้านล่าง  ตอม่อสะพานไม้นี่คงลึกน่าดูเลยนะเนี่ย  ไม่รู้หาวิธีตอกเสาเข็มลงไปได้ยังไง จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 22:33:36 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ก่อนกลับออกจากบริเวณสะพานไม้ แวะหาของที่ระลึกจากร้านค้าของชุมชนชาวมอญสักหน่อย ส่วนใหญ่จะเป็นสบู่,ยาหอม,น้ำผึ้ง,ตะเกียงน้ำมัน,เสื้อผ้าชาวมอญ   แต่ถ้าจะหาซื้อผ้ามอญคงจะหายากสักหน่อยนะ เพราะอีมอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง .... จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 22:37:28 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ไปต่อกันที่ด่านเจดีย์สามองค์ สุดขอบชายแดนตะวันตกของไทย จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 22:38:45 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เดี๋ยวพรุ่งนี้มาโพสต่อนะครับ  เหนื่อยแล้วขอไปพักผ่อนก่อน จากคุณ : brightcd - [ 17 เม.ย. 52 22:39:34 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ผมก้อไปสังขละพอดีครับช่วงนั้น เช้าหมอกเยอะแต่พอกลางวันแดดเปรี้ยงเลยหละครับ .... จากคุณ : Quantum07 - [ 18 เม.ย. 52 00:03:32 ]

ความคิดเห็นที่ 42 บรรยากาศสุดยอดเลยนะคะ น่าไปสัมผัสมาก ๆ เลยค่ะ อยากไป ๆ จากคุณ : Picike - [ 18 เม.ย. 52 04:03:18 ]

ความคิดเห็นที่ 43 กลับมาโพสต์ต่อแล้วครับ ภาพนี้เป็นวันที่ 14เมษา ตอนเวลาประมาณ 10.30น. กำลังจะไปด่านเจดีย์สามองค์ จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 20:32:51 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ถึงแล้ว จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 20:37:29 ]

ความคิดเห็นที่ 45 นอกจากจะมีเจดีย์สามองค์แล้ว  จะได้พบกับทางรถไฟสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ที่ยังอนุรักษ์ไว้เป็นอนุสรณ์ ซึ่งทางรถไฟที่ญี่ปุ่นสร้างจะมาเชื่อมต่อกับส่วนที่สร้างมาจากพม่าที่ด่านเจดีย์สามองค์แห่งนี้ จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 20:40:15 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เต็มไปด้วยร้านค้าทั้งของพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยและชาวพม่า ทำมาหากินกันอย่างสมานฉันท์แม้ว่าพื้นที่ตรงตลาดนั้นจะเป็นพื้นที่ทับซ้อนกัน จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 20:43:15 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ส่วนใหญ่จะเป็นพลอยเมืองกาญ , เหล้าบุหรี่จากพม่า , น้ำผึ้ง , เฟอร์นิเจอร์ทำจากไม้สัก จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 20:44:57 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ตรงนี้เป็นบริเวณร้านค้าของชาวพม่า จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 20:45:53 ]

ความคิดเห็นที่ 49 มีด้วยเหรอ? จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 20:47:28 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เฟอร์นิเจอร์ทำจากไม้  ที่นี่มีขายเยอะมาก จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 20:48:32 ]

ความคิดเห็นที่ 51 สุดแดนตะวันตก จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 20:49:06 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เดินซื้อของเสร็จใกล้จะเที่ยงแล้ว  เลยขับกลับเส้นทางเดิมไปแวะชมวิวที่อุทยานฯป้อมปี่  ระหว่างเจอม็อบปิดถนนเยอะมาก  ไม่ใช่ม็อบเสื้อแดงหรือเสื้อเหลืองนะ แต่เป็นชาวบ้านแถวนั้นอยากให้เราเปียก  ผมเซย์โนทุกด่าน โบกมือแล้วก็ยิ้มๆ ขอผ่านก่อนนะฮะพี่ ยังไม่อยากเปียกครับ  เขาก็ไม่ว่าไรครับ จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 20:53:33 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ถึงอุทยานฯป้อมปี่แล้ว จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 20:55:10 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ป้อมปี่เงียบมาก จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 20:55:59 ]

ความคิดเห็นที่ 55 บรรยากาศส่วนตัวสุดๆ จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 20:56:43 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ปกติช่วงเทศกาลจะเต็มไปด้วยสารพัดเต๊นท์ของนักท่องเที่ยว  ปีนี้มันหายไปไหนกันหมดหว่า จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 20:58:53 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ออกจากป้อมปี่ขับลงใต้มาถึงบริเวณน้ำตกเกริงกระเวีย   แวะกินข้าวเที่ยงกันก่อน จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:00:16 ]

ความคิดเห็นที่ 58 แวะดูน้ำตกเกริงกระเวีย   คนมาเล่นน้ำกันเยอะ  น้ำตกที่นี่ดูแล้วก็งั้นๆ ทำไมชื่อดังจัง  สงสัยมันอยู่ใกล้ถนน คนเลยนิยมมาเล่นน้ำที่นี่เพราะไม่ต้องเดินไกล จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:03:00 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ถ่ายจากมุมสูง  น้ำน้อยไปหน่อย จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:04:07 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ไปเที่ยวอุทยานฯลำคลองงูต่อดีกว่า  next station "น้ำตกนางครวญ" ออกจากเกริงกระเวีย ให้วิ่งลงใต้ตามทางหลวง 323 เหมือนเดิม ไม่นานจะเจอสามแยกพุทโธ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลย จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:06:54 ]

ความคิดเห็นที่ 61 หลังจากกระเตงทัวร์กันอยู่ประมาณ20นาที ก็มาถึงจนได้ จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:09:14 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ทางเข้าอุทยานกันดารมากกกกกก   ต้องใช้เกียร์4Hลุย จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:10:30 ]

ความคิดเห็นที่ 63 คันนี้มาไงวะเนี่ย จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:11:40 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ทางเดินเท้าไปน้ำตกก็สุดจะทุลักทุเล   เข้าไปลำบากมากจนไม่มีเวลาหยิบกล้องมาถ่ายเลย   ไม่ใช่เดินอย่างเดียวนะ ทั้งมุด ทั้งปีน ทั้งโหน ทั้งลุยน้ำ เล่นเอาเกือบหมดแรงกว่าจะถึงตัวน้ำตก จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:14:48 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ที่มาของน้ำตกนางครวญ คือสมัยก่อนมีนศ.ชายหญิงมาเล่นน้ำที่นี่ แล้วผู้ชายเกิดเป็นตะคริวจมน้ำ  ผู้หญิงจึงนั่งร้องห่มร้องไห้ที่ผู้ชายจากไป จึงเป็นที่มาของชื่อน้ำตกนางครวญ จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:17:03 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ตอนเดินกลับ  แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง   เจออาม่าคนนึงอายุราว 70ปีเศษ มากับลูกหลานอีกประมาณ4-5คน กำลังช่วยกันพยุงอาม่าบุกป่าฝ่าดง ข้ามลำห้วย ลุยเข้ามาถึงตรงจุดที่ผมยืนอยู่  สุดยอดจริงๆครับ แต่คิดไปคิดมา ไม่น่าพาคนแก่มาลำบากเล้ย  อาม่าก็ใจเด็ด  ลุยเข้ามาได้ยังไงเนี้ยยยยย จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:20:42 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ออกจากอุทยานฯลำคลองงู เวลาประมาณบ่าย3โมง กลับเข้าสู่โหมดกระเตงทัวร์กันต่อ  แต่คราวนี้เราขอใช้เกียร์4H แล้วลุยโลด จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:24:16 ]

ความคิดเห็นที่ 68 นี่มันแรลลี่ดาการ์ชัดๆ จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:25:27 ]

ความคิดเห็นที่ 69 โดยปกติคนทั่วไปจะวิ่งออกถนนใหญ่ หมายเลข323เหมือนเดิม  แต่วันนี้เราขอเปรี้ยววิ่งลุยป่าแบบแรลลี่ดาการ์ไปออก บ.หินดาด  โดยใช้เส้นทางดังนี้ อช.ลำคลองงู - บ้านห้วยเสือ - เหมืองสองท่อ - บ้านภูเตย - เนินสวรรค์ - สะพานลาว - บ้านหินดาด (ทำไมมันลำบากลำบนยั่งงี้ หาเรื่องจริงๆ) อันนี้ผ่านเข้าบ้านห้วยเสือก่อน จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:29:54 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ระหว่างทางเจอคาราวานเชอโรกีกลุ่มหนึ่ง กำลังโยงสายลากจูงกันอยู่ สงสัยเพิ่งออกจากทุ่งใหญ่นเรศวร จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:31:35 ]

ความคิดเห็นที่ 71 วิวข้างทางมันก็ธรรมชาติดี  แต่เปลี่ยวสุดๆ จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:34:12 ]

ความคิดเห็นที่ 72 จะไปโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้  มาคันเดียวด้วยสิ จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:35:40 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เย้!!!  เจอบ้านคนแล้ว รอดตายแล้วเว้ย จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:36:48 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ชาวบ้านแถบนี้อยู่กันประมาณ3-4หลัง ประกอบอาชีพทำไร่ทำสวน จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:38:26 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ผ่านหมู่บ้านเล็กๆมาไม่เท่าไหร่  จะให้ตูเข้าป่าอีกแล้ว  แถมฝนก็กำลังจะตก ชาวบ้านแถวนี้ก็เก่งนะ อยู่กันได้ไง เข้ามาลึกซะขนาดนี้ แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 52 21:40:58 จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:39:53 ]

ความคิดเห็นที่ 76 จะมาตกอะไรกันตอนนี้   แดดก็ออก ฝนก็ตก งงกับมันจริงๆ จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:43:38 ]

ความคิดเห็นที่ 77 กว่าจะได้ภาพเหล่านี้มา  งมโข่งอยู่นานมากๆ  หลงไปหลงมาหลายรอบมาก อาศัยถามชาวบ้านแถวนั้น(ซึ่งหายากมาก) , แผนที่(ที่ไม่ค่อยจะละเอียดเลย) กับเข็มทิศและดูดวงอาทิตย์   เลยรอดตัวมาได้ จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:47:10 ]

ความคิดเห็นที่ 78 และในที่สุด.........เราก็เจอทางออก (น่าจะใช่ มั๊ง?) จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:48:04 ]

ความคิดเห็นที่ 79 หลุดออกจากป่ามาได้อย่างทุลักทุเล  เราก็มาพบกับจุดชมวิวที่เนินสวรรค์ จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:49:21 ]

ความคิดเห็นที่ 80 พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แต่มองไม่เห็นเพราะเมฆมันบัง จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:51:05 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ตอนที่มาถึงที่นี่มีรถเราคันเดียว  บรรยากาศเงียบสงบมาก จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:53:55 ]

ความคิดเห็นที่ 82 สภาพรถ เต็มไปด้วยฝุ่น,โคลน,น้ำ,ดินสอพอง จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:56:01 ]

ความคิดเห็นที่ 83 นี่คือสภาพเส้นทางที่เราต้องไปต่อ (แอบโหดได้อีก) จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 21:56:55 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ลงจากเนินสวรรค์มาได้ซักประมาณ10กิโล  เราก็พบกับถนนลาดยาง  เยส!! จากนั้นก็ไปสะพานลาว - สหกรณ์นิคม - ออกบ้านหินดาดตรงแยกปรังกาสี ตามลำดับ จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 22:00:39 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ออกจากเส้นนี้มาเข้าทางหลวงหมายเลข323เหมือนเดิม แล้วเข้าที่พักเพื่อทานข้าวเย็นที่โรงแรม  ถึงโรงแรมประมาณ 18.30น. ใช้เวลาร่วม3ชม.กว่าจะออกมาได้ จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 22:03:24 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ตอนกลางคืนไปแช่บ่อน้ำพุร้อนให้หายเมื่อยซักหน่อย จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 22:04:27 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ภาพบ่อน้ำพุร้อน   มืดไปหน่อย อาจจะไม่ค่อยชัดเท่าที่ควร จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 22:05:54 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เส้นสีแดงแสดงเส้นทางที่เราวิ่งจากสามแยกพุทโธตรงทางหลวง323ด้านบน เข้าอุทยานฯลำคลองงูแล้ววิ่งลงใต้มาเรื่อยๆจนเจอสามแยกบ้านภูเตยซึ่งด้านหนึ่งสามารถทะลุไปออกห้วยแม่ขมิ้นได้ ส่วนอีกด้านจะวกกลับมาเข้าทางหลวง323ได้ เส้นจุดไข่ปลาสีแดง คือเส้นทางที่เราจะไปพรุ่งนี้ คือไปน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นนั่นเอง จากคุณ : brightcd - [ 19 เม.ย. 52 22:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 89 มาติดตาม อยากไปมากกก สังขละ จากคุณ : fongowin - [ 20 เม.ย. 52 08:27:01 ]

ความคิดเห็นที่ 90 วันสุดท้าย 15 เมษายน ไปต่อกระทู้หน้านะครับ จากคุณ : brightcd - [ 20 เม.ย. 52 20:16:46 ]