Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    จอก-แหน และสนามบิน

    มาเร็วกว่าที่คิดไว้ แถมมาแรงกว่าที่เคยเข้าใจ และแปลกใจว่ามันมาจากยุโรปได้อย่างไร

    นั่นหมายถึงว่า "จักรวรรดิยุโรป" ยอมแพ้ที่จะต้อง "ล่มสลาย" โดยบริบูรณ์
    และแน่นอนว่า "Colonial Capitalism" หรือ ทุนล่าอาณานิคม ย่อมล่มสลายตามไปด้วย

    สิ่งที่เอามาบอกกล่าว ก็คือ เรื่องการบินนั่นแหล่ะครับ ไม่มีเรื่องออะไรอื่น เพราะเดี๋ยวนี้ ผมกลัว Web Master ของที่นี่จนตัวสั่น ไม่กล้าเขียนอะไรที่ทำให้ท่านเค้าไม่พอใจหรอก

    ......ปัญญาอ่อน......

    บริบทสุดท้ายเกี่ยวกับ มาตรการปฏิรูปการบินได้เกิดขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว และแน่นอนหวยมันย่อมไปลงที่ สองกลุ่มอุตสาหกรรมที่ตลอดมา คือ "ผู้กอบโกยตัวจริง" ของกิจการการบินโลก

    นั่นคือ องค์กรน้ำมัน และสนามบิน

    บริบทที่ว่าจะถูกใช้ในยุโรป นับแต่บัดนี้ ไปจน Complete ในปี 2013

    สนามบิน ถูกตรากฎใหม่ออกมาว่า สนามบินทั่วทั้งยุโรป จะต้องทำการ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รายละเอียดของสนามบินใหม่หมด ไล่ออกมาได้ว่า

    เรื่องแรก คือ วิธีการลงจอดของเครื่องบิน ที่จะบังคับใช้วิธี Continuos Descent Approach หรือ CDA แทนการลงจอดแบบเดิม คือ ยกเลิกการไต่ระดับลงแบบขั้นบันได เป็นค่อยๆ ไต่ระดับลงมาตามระยะการร่อนลงเดิม เพื่อลดภาวะการใช้น้ำมัน และมลภาวะของเสียง ลง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง กฎสิ่งแวดล้อม ที่ กิจการการบินทั้ง Passenger และ Cargo จะต้องใช้

    นั่นจะทำให้ สายการบินทุกสายการบิน ทั้งของยุโรป และทุกประเทศที่เข้า หรือ ออกยุโรป มีจุดต้นทาง หรือปลายทางในสนามบินใดในยุโรป ในทุกๆ กรณี ต้องแฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

    การร่อนลงแบบเดิมจะกลายเป็น "ข้อห้ามปฏิบัติ" เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งข้อ

    นอกจากนั้น สนามบิน ทุกสนามบิน จะต้องลด "ความหนาแน่น" ในทุกๆ ส่วนของสนามบิน เพื่อหลีกเลี่ยง "การต่อคิว" ขึ้นลง สนามบิน หมายถึง จะต้องไม่มีการต่อคิวของเครื่องบิน เพื่อบินขึ้น และเครื่องบินต้องไม่มีการบินวน เพื่อรอลงจอดอีกต่อไป มีข้อแม้ คือ ในสภาวะอากาศเป็นปกติ
    และสนามบินจะต้องลดระยะทางของการเดินทางระหว่างหลุมจอดของเครื่องบิน จนไปถึงจุด Line -Up ให้สั้นลงกว่าเดิม

    สนามบินจะต้องดำเนินการในการลดเวลาของการ Operation Period ของแต่ละเที่ยวบินให้สั้นลงกว่าเดิม โดยเอา "ผู้โดยสาร" เป็นที่ตั้ง พูดง่ายๆ คือ ตั้งกะผู้โดยสารมาถึงสนามบินจนขึ้นเครื่อง ต้องใช้เวลาสั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้

    และแน่นอนครับว่า Europaen Commission ผ่านมติไปแล้ว ต่อจาก อเมริกาที่ทำไปก่อนหน้านี้แล้ว ด้วยบริบทเดียวกัน เรื่องการลงจอดแบบ CDA นั้น อเมริกาทดลองใช้ไปแล้วที่ LAX และอีก หลายๆ สนามบิน

    ถ้าใครได้ตามข่าวจะทราบว่า อเมริกา ไม่ส่งเสริม การขยายสนามบิน แต่ สนับสนุนการปรับปรุงสนามบินแทน โดยเฉพาะการปรับรันเวย์ และระบบการบริการภาคพื้น ทั้งระบบ

    ในเมื่อยุโรป ทำตาม ก็ หึ หึ หึ

    ต่อมาคือเรื่อง จอก แหน ที่ผมจั่วหัวเรื่องไว้
    นั่นคือ กิจการการบินโดย IATA และ ICAO และ EU ยอมรับใน Algae Oil และ Crop Field ประเภทอื่นๆ แต่ไม่ยอมรับ Jatropha หรือ สบู่ดำ เพราะ สบู่ดำ จะทำให้ระบบวัตถุดิบด้านอาหาร เสียหาย เพราะจะทำให้ต้นทางของอาหารลดลง และจำให้เกิดความเดือดร้อนทางอาหาร ผิดกับ Algae หรือสาหร่าย หรือ จอก แหน ที่เราเห็นอยู่ตามแม่น้ำ ลำคลอง นั้น มันไม่ได้ทำให้ระบบอะไรเสีย ผิดซะอีกที่ถ้าเราเอา "วัชพืช" (ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกมั้ย) เหล่านี้มาทำเป็นเชื้อเพลิงทดแทน ก็น่าจะไปช่วยเรื่องการรักษาสภาพน้ำบริสุทธิ์ ให้มีมากขึ้น แต่....

    มีองค์กรอยู่ สององค์กรที่ดิ้นพล่านครับ คือ Shell/BP คงไม่ต้องบอกว่าคือองค์กรอะไร เค้าไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ บอกว่า มันน่าจะต้องมีทางเลือกในการเสาะหาวัตถุดิบอื่นๆ มาช่วย เพราะ หากว่า Algae มีไม่เพียงพอ จะทำไง เท่านั้นแหล่ะครับ

    เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ของ UN และ WWF ออกมาบอกเลยว่า Algae มันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และทุกที่ที่มีน้ำ ทั้งแบบน้ำขัง น้ำไหล น้ำเน่า น้ำสกปรก คือมันมีหมด เกิดได้หมด และเกิดได้เองตามธรรมชาติ เราไม่ต้องไปเร่งสี เร่งกลิ่น หรือเอาซากุระให้กิน มันก็เกิด แถมตอกกลับว่า ที่ไม่เห็นด้วยเป็นเพราะ......

    การที่ Shell/BP ไปลงทุนปลูกสบู่ดำในแอฟริกามีพื้นที่ กว่า 1 ล้านเฮกตาร์ และในเอเซียมีพื้นที่กว่า 500,000 เฮกตาร์ ทั้งหมด คือ สบู่ดำ หรือไม่ใช่

    มนุษย์น้ำมันของสองอค์กรนี้ เงียบกริบ เงียบกันทั้งห้องส่ง

    นี่แหล่ะครับ ตัวตนที่แท้จริงมันค่อยๆ ออกมาทีละเล็ก ทีละน้อย ว่าทำไม พวกองค์กรน้ำมัน กลุ่มทุน ถึงดิ้นรนทำ CSR เกี่ยวกับเรื่องป่าเขา เรื่องสนับสนุนโน่นนี่นั่น เหมือนพระเอก แต่มันแฝงไว้หมดทุกเรื่อง ที่อเมริกา ก็เหมือนกัน แต่นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ อยู่ในมือ พี่เข้มหมดเกลี้ยงร้อยเปอร์เซนต์ เหลือที่ยังไม่ยอมก็คือ ยุโรป

    และข้อสรุปก็คือ การบินต้องสามารถใช้พลังงานทดแทนได้โดยเร็วที่สุด และจะต้องใช้ทดแทนน้ำมันให้ได้ 100 เปอร์เซนต์ ซึ่งก็กำหนดไว้คร่าวๆ ว่า น่าจะเป็นปี 2014 เป็นต้นไป

    ทำไมมันเร้วจังเนอะ แปล็ก แปลก

    อเมริกาเลือก Algae ญี่ปุ่นเลือก สาหร่ายกับดอกไม้ แอฟริกาและลาตินใช้ Algae กับปาล์ม
    ไทยเลือกอะไร อ๋อเราเลือก ปตท. ครับ เพราะเราคนตัวเล็กๆ ต้องใช้ ปตท.เท่านั้น เราต้องเชื่อเค้าครับ

    ในเมื่อการเดินทางโดยเครื่องบิน เลือกแล้วว่าจะใช้ พลังงานทดแทน นั่นคือ จบ ราคาน้ำมันจะร่วงพลุ็บลงไปกองที่ไม่เกิน 20 ดอลลาร์ ภายในปีนี้หรืออย่างช้ากลางปีหน้า ไม่ใช่ให้กระทืบคอขาดเลย

    เดี๋ยวผมมาต่อ ตอนนี้มีภาพกราฟิกส์ของ Continuos Descent Approach หรือ CDA มาฝากครับ

    แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 52 18:38:42

    แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 52 18:37:43

     
     

    จากคุณ : เด็กคน - [ 25 เม.ย. 52 17:56:33 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com