ความคิดเห็นที่ 1 ตอนนี้ ร.ส.พ. ไม่มีแล้วครับ น่าจะสัก 3 ปีได้แล้ว ซึ่งการกลับมาใหม่ ยากมากๆๆ ครับ เพราะ Investment Cost มหาศาล ไม่น่าจะแข่งกับเอกชนได้ ในส่วนของไปรษณีย์ตอนนี้มาถูก ทางแล้ว ทำ Business Development ได้ดีมาก แนวโน้มน่าจะดี ครับ ในส่วนของ Air Cargo ทำได้ แต่อาจจะไม่คุ้มค่า เพราะการขนส่งสินค้าในประเทศไทย ค่อนข้างง่าย เพราะกองทัพมดเยอะมากไปถึงหน้าบ้านเลย  ต้นทุนของเจ้าของรถก็ไม่แพง จากประสบการณ์ ทั่วๆๆ ไป น่าจะ 30 บาท/กิโลเมตร รถกระบะ VIGO 1 ตันคุ้มแสนคุ้ม สามารถรองรับ Mass Transportation ได้สบายๆๆ ที่สำคัญ เรามี รฟท. + บขส. ด้วย  ยิ่งถูกเข้าไปใหญ่ ฉะนั้น Air Cargo ในบ้านเราไม่น่าจะคุ้มค่าครับ น่าจะเหมาะกับ ส่งไปต่างประเทศจะดีกว่า ในส่วนของตลาด อตก. เป็นตัวอย่างที่ดีในเชิงทฤษฎี แต่ในความเป้นจริง ตลาดไท และ สี่มุมเมือง เป็น แหล่งใหญ่ที่สุดครับ เพราะอะไร ง่ายๆๆ เลย Operation Costs + Facilities ดีกว่า เอกชนก็เลยได้เอาไปรับประทาน ครับ บ้านเรามี Cluster ย่อยที่ค่อนข้างแข็ง แต่การรวมกัน ค่อนข้างยาก เนื่องจาก แต่ละ Cluster ก็เป็นคู่แข่งกัน ในที และที่สำคัญเป็นการแข่งของ หน่วยงานของรัฐ กับ เอกชน ..... อย่างที่รู้ๆๆ กัน ปัจจัยซ่อนเร้น คือ เอกชนทำธุรกิจเก่งกว่า และ พนักงานบางคนในบางหน่วยงานก็เอื้อเอกชน ฉะนั้น องค์กรของรัฐก็จะใหญ่ ขึ้นๆๆๆ แต่เอกชน เล็กลงๆๆ แต่ กำไรต่อหน่วยกลับ มากขึ้นๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 52 19:18:13 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 52 19:16:08 จากคุณ : W/T (wangthonglang) - [ 3 พ.ค. 52 19:06:13 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Point To Point นั้นแหละคืออนาคต จากคุณ : ben_benz - [ 3 พ.ค. 52 19:36:14 ]

ความคิดเห็นที่ 3 DHL,Fedex,TNT ทำแล้ว Door to Door แบบ world wide ซะด้วย แต่แพงโคดๆ มี Air Cargo ให้เลือกหลาย option ทั้งExpress, Standard หรือรับดูแลด้าน inventory ด้วยก็ยังได้ จากคุณ : asmartin - [ 3 พ.ค. 52 21:18:11 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ครับ สิ่งที่คุณ W/T กล่าวมานั่นแหล่ะครับคือพื้นฐานในสิ่งที่ผมคิดออกมาแล้วเขียนกระทู้ เพราะมันยังคงมี "กรุงเทพฯ" เป็นศูนย์อยู่วันยังค่ำ เราต้องลืมกรุงเทพฯ ให้เร็วที่สุด เอาทุกอย่างออกจากกรุงเทพให้เร็วที่สุด มันถึงจะรอด เพราะกรุงเทพ เป็ฯศุนย์กลางอะไรไม่ได้อีกแล้ว เมืองหลวง ไม่สามารถเป็นศูนย์กลางสำหรับประเทสได้อีกต่อไป จีน กระจายเห็นได้ชัด เวียดนาม กระจายชัดเจน มาเลเซีย ไม่ต้องพูดถึง อินเดีย แม้แต่รัสเซีย เค้าเทหมดหน้าตักพัฒนา วลาดิวอสต็อก ซึ่งอยู่คนละฝั่งกับ ปีเตอร์สเบิร์ก เพื่ออะไร เป็นผ่องถ่ยให้เป็นศูนย์ขนส่ง ไทยกับเวียดนาม พื้นที่ไม่ได้ต่างกันเลย แต่เค้าพัฒนา โฮจิมินห์ สุดชีวิต จริงอยู่ ถ้าเอากรุงเทพฯมาคิด เริ่ม และจบที่นี่ ต่อให้ขนส่งขั้นเทพยังไง ก้เจ๊ง แต่ถ้าเปลี่ยนเป็น หาดใหญ่-เชียงใหม่, โคราช-ชุมพร, นครศรีฯ-เชียงราย ภูเก็ต-ขอนแก่น และอีกมากมาย ผมว่ารอด เพราะนั่นคือ 55 ล้านคน เราไม่สามารถให้คนกรุงเทพเพียง 8 ล้านคนที่ไม่ได้ถือเงินสดอยู่ในมือ วัดใจประเทศไทยได้อีกต่อไปแล้วนะครับ ทุกอย่างน่ะมันเปลี่ยนไปแล้ว สมการเดิมของทุนนิยมไม่สามารถใช้กับ วิถีทางใหม่ได้อีกต่อไป และคนกรุงเทพฯ ก็ไม่สามารถจะออกไปหาผลประโยชน์ จาก Point-to-Point ได้อีกด้วย ช่วงเวลาแบบนี้ ไม่มีใครในต่างจังหวัดยอมหรอกครับ ขอนิดหนึ่ง เห็นสิ่งที่การบินไทยทำในเรื่อง ไข้หวัดบ้าๆ แล้วมันรำคาญลูกกะตา โห Overacting สุดๆ อะไรจะขนาดนั้น ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมยังไม่เห็นสายการบินไหนในโลก เค้าทำอะไร เพื่อระวังสิ่งที่อยู่ไกลกว่าหมื่นกิโล แล้วก้ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร ได้เกินเหตุ ขนาดนี้ ขนาดสายการบินอเมริกา กับเม็กซิโก ที่ใกล้แถบหายใจรดกัน เค้ายังไม่มาดัดจริตขนาดนี้เลย Reaction แบบนี้ เค้าเรียก "กลบเกลื่อนความผิด" และ"ขอความเห็นใจ" รึเปล่า ท่านเอ๊ย จากคุณ : สยามรามอรุณ (เด็กคน) - [ 3 พ.ค. 52 21:31:23 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คุณเด็กคน ครับ ปฎิกิริยา Reaction แบบเกินขนาดนี้ เรื่องปกติครับ เห้นมาบ่อย เดี๋ยวรอดูนะครับ ผลประกอบการแย่ลง หรือไม่ได้ตามเป้า ก็จะโทษว่าเพราะหวัดหมู บลา บลา  เป็นหมูรับบาป เรื่องจะย้ายอะไรต่อมิอะไรออก จาก กทม. เมืองฟ้าอมร นั้นไม่ใช่ง่ายนะครับ เมื่อหลายๆๆ ปีก่อน มีความพยายามจะทำให้นครนายกเป็นเมืองหลวงแห่งที่ 2 แต่ล้มไม่เป็นท่าเลยครับ ไม่มีอะไรที่เป็นไปได้เลย จริงๆๆ ครับ เพราะอะไรประชากรตามสำมะโนประชากร มากกว่า 5 ล้านคนมีบ้าน มีงานทำใน กทม.แล้ว ครับ การย้ายไม่ง่ายเลย ---- หรืออย่างเก่งๆๆ ลองย้ายกระทรวงทบวงกรม ออกไปก่อน รับรองไม่ต่ำกว่า 10 ปี อย่าง จีน กับ เวียดนาม ที่ทำได้ คงเป็นเพราะประชาชนไม่มีทางเลือก ไม่มีปากเสียง ไงครับ รัฐว่าไงก็ตามนั้น เวียดนามเอง เพิ่งเปิดประเทศ อยากจะเนรมิต อะไรก็ได้ จะมีสัก 10 Points เลยก็ได้ จีน ก็เช่นเดียวกัน ประเทศใหญ่ โตก็เลยต้องมีเขตปกครองพิเศษ อย่าง เซ่นเจิ้น ไงครับ ผมว่าบางทีบางทฤษฎี มาใช้กับพี่ไทยเราไม่ได้หรอก ครับ ค้านกระจายถ้าจะย้ายอะไรต่อมิอะไร ออก จาก กทม. ผมไม่เห็นด้วยครับ เมืองหลวงต้องอยู่ตรงนี้แหละครับ บรรพบุรุษ ท่านเลือกไว้แล้ว แต่ เราน่าจะพิจารณา เรื่อง software กันน่าจะดีกว่า ทำอะไรให้มัน Online ไว้ หรือไม่ก็เพิ่มระบบ ขนส่งราง เข้าไป ก่อน เมือ่สมบูรณ์ เพิ่มภาษีรถยนต์ + ค่าธรรมเนียมต่างๆๆ ที่เกี่ยวกับรถใน กทม เพิ่อเปิดทางให้กองทัพมด + สินค้าจาก ต่างประเทศ ไปสู่ปลายทางให้ไวที่สุด เพราะทุกนาทีเป็นเงินครับ เรื่อง Point to Point ฟังดูแล้วเหมือน ทันสมัยนะครับ แต่จะบอกว่าเชยมากๆๆ ครับ เพราะทำกันมาหลายๆๆ ปีแล้ว เช่น รถทัวร์นครชัยแอร์ วิ่งแทบจะทั่วอีสาน + เหนือแล้ว ยังไม่รวม ชาญทัวร์ เชิดชัยทัวร์ .... ขนทั้งคน ทั้งสินค้า เงินสะพัดมากมาย   บริษัทอาเจ็ก อาแป๊ะ เขาทำมานานแล้วครับ แต่ถ้าจะให้พวกเขามารวมกับ รัฐ หรือกิจการของรัฐ ไม่มีทางครับ ผมว่าถ้าอยากจะทำกันจริงๆๆ ใช้ Rapid Pass to Point จะดีกว่า ตัวอย่างเช่น ใช้จังหวัด โคราชเป็น Point ของภาคอีสานทั้งหมด  เนื่องจากไม่เกิน 5ชั่วโมงสินค้าไกลที่สุดจะมาถึง สร้าง Warehouse ขึ้นมา สร้างเป็น Free zone มา ปลดภาษี อะไรก็ว่าไป หรือจะสร้าง Assembly zone สำหรับเพิ่มมูลค่า หรือแปรรูป ที่ Point นั้นๆๆ เลย ...... ทำไงก็ได้ ให้สินค้าจากลายที่ๆๆ มาแปรรูป + เพิ่มมูลค่า แล้วส่งออกนอกประเทศให้ไวที่สุด ดีกว่า เพราะอะไร ที่โคราช มีทั้งอุตสาหกรรม เกษตรกรรม ฯลฯ และจากโคราช ไปสนามบิน ไม่เกิน 3 ชม. ไปท่าเรื่อแหลมฉบัง ไม่เกิน 3 ชม. ไปชายแดนทาออกกัมพูชา ไม่เกิน 2 ชม. สร้างระบบรับประกันเวลามาเลย จาก Point โคราช ไม่เกิน 6 ชั่วโมงถึงฮ่องกง 24 ชั่วโมงถึงอเมริกา ว่าไป จุดอื่นๆๆ เช่น ประจวบก็ดี ชุมพรก็ดี สำหรับภาคใต้ (ถ้ามีท่าเรือ หรือ ขุดคอคอดกระ จะดีมาก) ภาคเหนือไม่ควรจะเป้น เชียงใหม่ น่าจะเป็นพิษณุโลก เนื่องจากพิษณุโลก มีทั่งถนนสายหลัก + สนามบิน + ขนส่งทางน้ำ แข่งขันได้มากกว่า  ตะวันออก ต้องเป็นระยองเท่านั้น มีทั้งสนามบินและท่าเรือ ที่สำคัญคือต้อง Classified Processes สินค้าแล้วส่งต่อ Point เช่นอาหารที่อายุสั้น จาก Point รวมๆๆ และ ทำ Package ให้เรียบร้อย ทำพิธีการทางศุลกากรให้เสร็จ ส่งไปสนามบินเลย จะสนามบินไหนก็แล้วแต่ชอบเลย ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องทำให้ กทม. เป้นเมืองพ่อค้าคนกลางกินหัวคิว จากทุกสารทิศ ทั่วประเทศจะดีกว่า แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 52 22:50:22 จากคุณ : W/T (wangthonglang) - [ 3 พ.ค. 52 22:39:25 ]

ความคิดเห็นที่ 6 พูดเรือ่งไข้หวัดแล้วคันปาก ..... มีเรื่องจากสายการบิน หนึ่งมาเล่าให้ฟังครับ แหล่งข่าวบอกว่า ตอนนี้นักบินมากเกิน กว่าความจำเป็น แล้ว เห็นว่าตอนนี้นักบินสายการบินนั้น เริ่มร่อนใบสมัคร ตามจีน เวียดนาม ตะวันออกกลางกันแล้ว สงสัย ผลประกอบการ แย่ เพราะนักบินเยอะ ????? จากคุณ : W/T (wangthonglang) - [ 3 พ.ค. 52 22:45:00 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คือไม่ได้เก่งกาจขนาดจะวิจารณ์อะไรแบบนี้ได้ แค่อยากจะมาบอกว่า ไปรษณีย์ไทยเองก็มี คลังรับส่งจดหมายพัสดุขนาดใหญ่ที่เป็นจุดกระจายตามภูมิภาคอยู่แล้ว และกำลังจะพัฒนาให้เป็นศูนย์โลจิสติกส์ที่เปิดกว้างให้บริษัทอื่นๆ เข้ามาร่วมใช้เป็นจุดรับส่งสินค้าเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการตีรถเปล่ากลับ เริ่ม MOU แล้วในหลายพื้นที่ ขณะเดียวกันก็กำลังพัฒนาบริการแบบ door-to-door โดยเริ่มเปิดตัวมาพักหนึ่งแล้วในหลายบริการ อาทิ การให้บริการอร่อยทั่วไทย แค่โทรสั่งก็ส่งถึงบ้าน,  EMS world แค่โทรก็มารับพัสดุพร้อมอุปกรณ์แพคของไปต่างประเทศถึงบ้าน ล่าสุดเพิ่งเปิดบริการLogiPost plus ส่งสัมภาระถึงบ้านเช่นกัน ไม่ได้เป็นพนักงานไปรษณีย์ แค่เคยอ่านข่าวเจอ และบุรุษไปรษณีย์ที่มาส่งจดหมายหน้าบ้าน เปิดลำโพงโฆษณาอยู่บ่อยๆ แถมยังรับฝากส่งจดหมายพัสดุถึงหน้าบ้านอีกต่างหาก ว่าแต่คุณก็เป็นนักข่าวไม่ใช่หรือ (หรือว่าเราจำผิด??) ไม่น่าตกข่าว อืมม..สงสัยไม่ได้อยู่สายคมนาคมมั๊ง ก็งี้แหละทะเลข้อมูลข่าวสารมันเยอะนิ -__-' จากคุณ : เสียงลมหนาว - [ 4 พ.ค. 52 01:49:59 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เข้ามาจับไก่ จากคุณ : hstgz - [ 4 พ.ค. 52 12:33:50 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณ คุณ W/T อ๋อ ขอโทษครับ ที่ปล่อยไก่ หลงเข้ามาใน "ดงหงส์ดำ" เผอิญ ผมไม่มองอะไร แบบนั้น หรอกครับ เพราะสื่อมวลชน จำเป้นต้องมองในจุดที่คนอื่นไม่ได้มองครับ และมันต้องง่ายที่สุด ถามจริงๆ ครับ เข้าใจในสิ่งที่ผมเขียนหรือไม่ ผมไม่ได้พูดถึง Solutions ของ ระบบไปรษณีย์ แต่ผมกล่าวถึงการเอาวิธีการของไปรษณีย์ มาปรับใช้กับ การกระจายสินค้า วัตถุดิบ การเดินทาง ของชุมชนต่างหาก โดยอาศัยระบบของไปรษณีย์เป็นพื้นฐาน ระบบที่ว่าคือ ที่ทำการไปรษณีย์ ที่มีอยู่ทุกตำบล เราก็ไปจัดตั้งการกระจายสินค้า และบริการตามตำบล หรือหมู่บ้านดังกล่าว เรามี อตก. เราก็ไปสร้าง อตก. ให้มันหมด ทุกหมู่บ้าน หรือตำบล โดยให้ประชาชนถือหุ้น เป็นเจ้าของในรูป "สหกรณ์ร้านค้า" มันจะได้ป้องกันไม่ให้ เมกะสโตร์ และคอนวีเนียนสโตร์ เข้าไปถึงจุดเล็กๆ เหล่านั้นได้ และแทนที ประชาชนเจ้าของพื้นที่ เค้าจะต้องเอาข้าว ปลา อาหาร ไปขายให้นายทุน ก็ขายส่งกันเองระหว่าง พื้นที่ใกล้เคียง หรือ ระหว่างภาค โดยไม่จำเป็นต้องเข้ากรุงเทพก่อน ยกเว้นอะไรที่กรุงเทพฯ ซื้อ ก็ว่ากันไป ลดค่าใช้จ่าย โสหุ้ยลง ราคาจะได้ไม่แพง ทุกคนก็จะมีโอกาสกินกีอยู่ดี การขนส่งระดับชุมชนที่เป็นอยู่ ก็ดำเนินต่อไป เพียงแต่เพิ่มการเชื่อมตรง จังหวัดสู่จังหวัด ให้มากขึ้น นั่นคือ ที่ผมคิดว่า การ Rebirth ของ รสพ. น่าจะปลอดภัยสุด เข้าถึงสุด และเข้าใจสุด แต่เปลี่ยนจากเดิมที่ รสพ. เกิดจากส่วนกลาง ก็ให้ไปเกิดจากชุมชนเองซะ ในรูปของ "สหกรณ์ขนส่ง" คอยเชื่อม Point-to-point หรือ City-to-City เท่านั้น Cash Ring ในระบบก็จะมีมากขึ้น และหลากหลายมากขึ้น สมดุลย์ก็จะดีขึ้น แม้แต่ระบบไปรษณีย์ Door-to-Door ที่คุณว่านั่น มันก็ยังต้องเข้ากรุงเทพ หรือ เอากรุงเทพ มาเชื่อมอีกที ลดขั้นตอนมันลงซิ ผมต่อให้เราส่ง EMS จากหาดใหญ่ ไปเชียงใหม่ มันจะต้องไปทางเครื่องบิน และก็ต้องเข้ากรุงเทพ แล้วทำไมไม่ทำให้มันเข้าไปยังพื้นที่ได้เลยเล่า ATR มีถ้าไม่อยากใช้ ทำไม TG กับ EMS ไม่ร่วมมือกัน แล้วเอาไปขนส่งเชื่อมตามจุดเล็กๆ เหล่านี้เล่า ถ้าผมจะปล่อยไก่ แต่ไก่มันก็เป็น "อัญมณีมีชีวิต" นะครับคุณ ลูกบ้านนอกอย่างผม มันย่อมมองอะไรแบบนี้แหล่ะ อย่กับนาข้าว บ่อปลา สวนยาง สวนเงาะ สวนทุเรียน เล้าไก่ เล้าหมูครับ มองอะไรแบบคนเมืองเขาไม่ได้หรอก ผมมองไม่เห็นหรอก และไม่ใช่ไม่ยอมรับ ความคิดเห็นที่แตกต่าง ผมยอมรับเสมอ โอ้โห...... จากคุณ : สยามรามอรุณ (เด็กคน) - [ 4 พ.ค. 52 17:39:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แล้วคุณแน่ใจได้อย่างไรว่าไปรษณีย์ไทยไม่ได้ทำอย่างที่คุณว่าไว้ ??? ถูกต้องในบางจุดมันยังเป็นแบบที่คุณคิด อย่าง บริการอร่อยทั่วไทยที่เห็นชัด เพราะยังไม่ได้เปิดให้บริการทั่วประเทศ ลูกค้าส่วนใหญ่ยังเป็นคนกรุงเทพ และยังใช้สายการบินที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่กรุงเทพเช่นกัน แต่ในหลายเส้นทางหลายกรณีเขาก็ทำอยู่ ไม่จำเป็นต้องแวะเข้ากรุงเทพก่อนแล้วถึงจะไปกระจายส่งได้อย่างที่คุณคิด เพียงแต่ทำอย่างบริษัทที่เบี้ยน้อยหอยน้อย ไม่ได้ลงทุนสร้างภาพ หรือกู้เงินใครมาทำ ส่วนระบบสหกรณ์ขนส่ง ที่มีรากฐานมาจากที่ทำการไปรษณีย์ ที่มีอยู่ทุกตำบล อย่างที่คุณว่า ปัจจุบันเขาก็มีคนในชุมชนในหมู่บ้านเป็นคนรับส่งพัสดุภัณฑ์อยู่แล้ว หลายแห่งก็มีการสร้างเครือข่ายชุมชนที่ขนส่งสินค้าผ่านระบบของไปรษณีย์อยู่แต่ยังไม่เข้มแข็ง ถามว่าเพราะอะไรถึงยังไม่เข้มแข็ง ทั้งๆ ที่การสร้างเครือข่ายของชุมชนก็ชูเป็นนโยบายของทั้งรัฐบาลและ NGO มานานแล้ว กรณีของ "OTOP" คงจะเห็นได้ชัดเจน ว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันกำลังทำอะไรอยู่ ถ้ายังเห็นภาพไม่ชัดก็คงต้องไปค้นกระทู้เกี่ยวกับงาน OTOP in the city มานั่งอ่าน ที่พิมพ์มายืดยาว แค่มาบอกเล่าข้อมูลในมุมที่คุณคงไม่ทราบ เพราะไม่แน่ใจว่าคุณเคยได้สัมผัส รสพ กับ ไปรษณีย์ไทย มากน้อยแค่ไหนก่อนจะกลายเป็นงานชิ้นนี้ เรื่องอื่นยอมรับว่าคุณมีประสบการณ์มากกว่า แต่เรื่องบ้านนอกๆ ติดดินแบบนี้ อาจจะไม่มั๊ง แต่สงสัยอย่างหนึ่งว่า คุณเป็น"ลูกบ้านนอก" จริงอย่างที่ว่าหรือ น่าจะเป็นคนสัญชาติอื่นที่มาบินชมสวน แล้วเข้าใจว่ามันคือประเทศไทยทั้งหมดมากกว่า ความรับผิดชอบของสื่อมวลชนมันหนักนัก แต่ไม่ได้วิเศษกว่าคนอื่น ผู้เป็นสื่อมวลชนที่ดีหากมีเสียงตำหนิ หรือผู้รับสารเข้าใจคลาดเคลื่อน ก็มักจะหันมองตัวเองว่าเกิดขึ้นเพราะเหตุใด จากคุณ : ไม่ใช่หงส์ดำแค่เป็นไส้เดือนดิน (เสียงลมหนาว) - [ 4 พ.ค. 52 20:12:14 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ในความคิดผม ตอนนี้ไปรษณีย์ ไปได้ถูกทางแล้ว OTOP, SME ธุรกิจกงสี พยายามปรับตัวครับ แต่เชื่อเหอะ Nature ธุรกิจกงสี นั้นขึ้นชื่อว่าเหล่ห์เหลี่ยม ไม่เป็นรองใคร ณ.ตอนนี้ ทุกๆๆ ภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นโดนผลกระทบกันหมด แต่ใครจะกลับมา ยืนแล้ววิ่งต่อได้ไวกว่า นั่นแหละ คือดัชนีวัดฝีมือ กลับมาเข้าเรื่อง เท่าที่อ่านๆๆ ดู ท่านเด็กคน สื่อความหมายของการ Intregration ระบบเข้าด้วยกัน ถ้าทำได้  Perfect ครับ แต่ ธรรมชาติของธุรกิจ ในบ้านเรา ในตอนนี้ยังไม่เหมาะต่อการ Intregration ครับ อย่างที่ผมบอกแหละ ไปรษณีย์ไทย ส่งพัสดุได้ บขส. รฟท. ก็ส่งได้ .... ถามว่า รฟท. ห้ามส่งสินค้าได้ไหม ก็ไม่ได้ ฉะนั้น รสพ. ไม่เหมาะอย่างยิ่งต่อการคืนชีพครับ ผมกลับคิดง่ายๆๆ ว่า เปิดเสรีเลย ใช้ Model ที่ว่าแข่งกันแบบ เสรี รัฐ มีหน้าที่ สร้างกติกา เพิ่มแรงจูงใจ ให้นักธุรกิจ ลงทุน ชก กัน ในเกมส์ ... รัฐ อย่าลงไปยุ่งกับเกมส์ นี้ แค่รักษาสัดส่วนหุ้น ไว้ เหมือนเดิม ทีนี้ รอเก็บ ค่าธรรมเนียม จากที่ผมบอกด้านบน ตาม Point แต่ละภาค สำคัญที่สุด สำหรับรัฐ ถ้าไม่คิดจะสนับสนุน ก็อย่าเพิ่มแรงเสียดทาน ให้ทำธุรกิจยาก ........... จากคุณ : W/T (wangthonglang) - [ 4 พ.ค. 52 20:43:09 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณเสียงลมหนาวครับ เอาเถอะ สิ่งที่คุณว่ามานั่นคือถูกต้อง แต่ไม่ใช่ที่ผมหมายถึง ผมไม่ได้เอาไปรษณีย์มาเกี่ยวข้องเลย แต่วางรากฐานการขนส่งของชุมชน โดยอ้างอิง "วิธีของไปรษณีย์" ให้ประชาชนทำเอง และรัฐกำกับดูแล เพื่อตัดเส้นทางนายทุน กลุ่มทุน คนกลางออกไป เพียงแค่นี้แหล่ะ ผมอาจเป็นคนอเมริกัน โดยการถือสัญชาติ ถูกต้อง ผมอาจมีบ้านที่นิวยอร์ก บ้านพ่ออยู่ชิคาโก แล้วไงครับ แต่รากเหง้าสาแหรกผม คือ คนใต้ครับ ฝ่ายพ่อ เป็นคนนครฯ เป้นครอบครัวคนทำสวนยาง ฝ่ายแม่ ทำสวนทุเรียน และเงาะที่สุราษฎร์ ผมเกิดที่ รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี ก่อนบ้ายเข้ามาเรียนที่ วชิราวุธ อยู่ที่นี่ จนอายุ 14 ปี ผมไปอเมริกา โอนสัญชาติตามพ่อผม ซึ่งแก Apply ให้ ผมกลับมาเรียนสอบเทียบ ม.3 , ม.6 และปริญญาตรีที่เมืองไทย และผมก็กลับไปอยู่ พักอาศัยที่นครฯ และสุราษฎร์บ่อยครั้ง ปีที่แล้ว ผมเพิ่งเอาเงินเก็บบางส่วนไปเอาสวนที่ทุ่งสง ออกมาจาก ธกส. เพราะกำลังจะโดนยึด และเอาเงินที่เหลือบางส่วนมาปรับพื้นที่ในสวนเพื่อ ทำบ่อปลา และเลี้ยงไก่ไข่ และผมทำมันเองกับมือ ไปเรียนการเลี้ยงปลา การเลี้ยงไก่ จากปราชญ์ชาวบ้าน จากเกษตรอำเภอ ผมได้เห็นได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น ผมปรับการขายยางพาราที่บ้าน ที่เคยไปขายแต่โรงรมยาง และส่งไปมาเลย์ เอาบางส่วนให็ ญาติผู้พี่ของผมเอาไปขายที่เหนือ อีสาน ลาว ผมเปลี่ยนการขายทุเรียน เงาะ ที่ขายเฉพาะหน้าสวน และในตลาด เอาบางส่วนส่งไปให้พ่อผมที่ ชิคาโก แล้วก็ให้คนไทยที่อยู่นั่นที่ทำร้านอาหาร และอยู่อาศัยมาซื้อกับพ่อผมนี่ เอาเฉพาะคนที่เราพอรู้จัก เพราะปริมาณก้ไม่ได้มากมายอะไร และแน่นอนมันดีขึ้น นี่คือสิ่งที่ผมเห็น และทำ ผมอยากกลับมาอยู่ที่เมืองไทย ในฐานะคนไทย มีบัตรประชาชนไทย และผมก็จะกลับไปอยู่ใต้บ้านผมนั่นแหล่ะ และผมก็จะทำสายการบิน โดยมีจังหวัดใด จังหวัดหนึ่งที่ใต้เป็น ฮับ เพราะที่นั่นบ้านผม ผมไม่เคยลืมกำพืดตัวเองครับคุณ นี่คือทั้งหมดที่ผมมีครับ ขอให้คุณโปรดเข้าใจ ขอบคุณคุณ W/T ครับ ผมกลับไม่มองการแข่งขัน เพราะมันจะไม่มีแล้วไงครับ มันจะเหลือแค่การอยู่รอดเท่านั้นครับ ไม่มีประเทศไหนในโลกที่จะเอาเรื่องอาหาร และวิถีชีวิตมาแข่งขันกันอีกต่อไป อเมริกา รณรงค์ให้คนอเมริกัน ปลูก พืช เลี้ยงสัตว์ แล้วก็เอามาแบ่งกัน ตอนนี้เป็นรูปธรรมชัดเจน เพราะ กิจการการเกษตรของอเมริกา ไม่มีใครยุ่ง มันเดินได้เร็ว อเมริกาใต้ก็เช่นกัน แอฟริกา บล็อกไม่ให้ยุโรปเข้าไปยุ่งเรื่องอาหารแล้วเด็ดขาด จากกรณี "โจรสลัดจัดฉาก" นั่นแหล่ะ ไม่มีใครจะแข่งกับใครแล้วครับ หน้าที่ของเอเซีย คือ อาหาร จากคุณ : สยามรามอรุณ (เด็กคน) - [ 4 พ.ค. 52 21:31:18 ]

ความคิดเห็นที่ 13 OK รับทราบ สงสัยสติปัญญาเราจะอ่อนด้อยเกินกว่าจะเข้าใจในสิ่งที่คุณสื่อได้ เพราะจากที่ได้อ่านเนื้อกระทู้คุณ จนก่อนจะถึงความเห็นที่ 12 ที่คุณมาชี้แจง เราอ่านที่คุณเขียนก็เข้าใจมาตลอด คุณต้องการกระตุ้นให้เกิดการ Intregration ระบบขนส่งเข้าด้วยกัน เหมือนกับที่คุณ W/T ได้แสดงความเห็นไว้ใน # 11 เมื่อเห็นคุณกล่าวถึงประเด็นนี้จึงได้ให้ข้อมูลว่า จากที่เราทราบและเคยพบเจออยู่นั่น แนวคิดที่คุณว่าไว้ มีหน่วยงานที่พยายามเดินตามอยู่แล้ว อย่างทางไปรษณีย์ไทยที่ได้ร่วมกับกลุ่มขนส่งทั้งใหญ่ย่อยในพื้นที่ต่างๆ แม้แต่กับทางประเทศลาวและจีนก็กำลังผลักดันให้เกิดเส้นทางขนส่งจากเหนือของประเทศเข้าสู่ท่าเรือ สนามบิน และจุดกระจายสินค้าทั่วประเทศอยู่แล้ว เพียงแต่องค์กรที่เป็นเจ้าของไอเดียนั้นเป็นลูกเมียน้อยของภาครัฐ จึงต้องทำแบบเงียบๆ ค่อยๆ เดินทีละก้าว ขณะที่แนวคิดเรื่องให้ชุมชนรวมกลุ่มพัฒนาเพื่อตัดตอนนายทุนและคนกลางออกจากระบบนั้น ก็เป็นแนวคิดที่ ดร.ป๋วย เคยให้ไว้มากว่า 50 ปี ตอนก่อกำเนิด NGO สัญชาติไทยแห่งแรกของไทย และมีผู้สืบสานผลักดันให้เกิดขึ้นมาตลอด สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง ด้วยเหตุใดก็พอจะรู้ๆ กันอยู่ ฉะนั้นทุกแนวคิดที่คุณว่าไว้นั่นมิใช่เรื่องใหม่ของสังคมไทย เพียงแต่ทำกันได้เป็นกระจุกเท่านั้นเอง ส่วนประเด็นเรื่องส่วนตัวของคุณนั้น เราเพียงแต่สงสัย เพราะไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้ที่คนตัวเล็กอย่างเรายังทราบ ผู้ได้ชื่อเป็นสื่อมวลชนที่รู้ลึกรู้ดีถึงแก่นอย่างที่คุณเคยแสดงความเห็นไว้จะไม่ทราบ ...ก็แค่นั่น... แต่อยากจะบอกอีกอย่างว่า การไม่ลืมกำพืดนั้น แตกต่างกับการได้รู้จักบริบทของ "สังคม"  แต่ละพื้นที่นั่นมีรากเหง้า มีพัฒนาการที่ต่างกัน ส่วนหลังจากนี้ก็เชิญคุณทั้งหลายสนทนากันต่อไปเถิด เพราะออกจะเป็นเรื่องที่เกินระดับสติปัญญาของเราเสียแล้ว กราบลา ( - /|\ - ) ขอเข้าไปอยู่ในกะลาตามเดิมดีกว่า สวัสดีจงมีแต่ท่าน จากคุณ : เสียงลมหนาว - [ 4 พ.ค. 52 23:27:36 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อ๋อ รับทราบครับ คุณเด็กคน ผมอาจมองในแนวเชิงรุก มากเกินไป แต่ถ้ามองวิธีคิดของคุณ เนี่ยทำให้จิตใจ นิ่มนวล ไปเลยนะครับ คนหลายๆๆ คนอยากใช้ชีวิต แบบพอเพียงแบบนี้ แน่นอนครับ คุณ เสียงลมหนาว ..... ยินดีที่รู้จักครับ ไม่เห็นต้องจากลาเลย คุยกันหนุกๆๆ แลกเปลี่ยนความคิด กันดีกว่า ครับ เหมือนที่ผมบอกแหละ Point to Point เขาทำกันมาเป็นชาติแล้ว ที่คุณพูดถูกเลย ตอนนี้กองทัพมด วิ่งกันให้แยะแยะไปหมด ครับ ไปลาว จีน เวียดนาม นี่แหละครับ ของจริง อย่างที่บอก ไปรษณีย์ไทย เจ๋ง ครับ ณ.ประเทศนี้ อะไรที่เอกชนทำผลออกมาดี แต่รัฐ หรือราชการทำกลับสู้เอกชนไม่ได้ ต้องตามหลังตลอด ไม่เข้าใจเลย ป.ล. ขออนุญาต คุณเด็กคน มา ณ.ที่นี้ครับ ~~~ หลายๆๆ กระทู้ที่ความคิดคุณที่ออกมาทางตัวอักษร จะออกแนว แปลกๆๆ ในสายตา คนอื่น หรือ บางทีไปเหยียบ ตาปลาเข้า .... ผมเข้าใจคุณนะ เป้นกำลังใจให้ต่อไป ครับ เพราะที่นี่คือสังคม ที่คนมีความคิดแบบ ที่ว่าอะไรใหม่ๆๆ มาต้องตั้งป้อมต่อต้านไว้ก่อน แต่เชื่อเถอะครับ สังคมนี้ต้องการ CHANGE! สู้ๆๆ ครับ แล้วสักวันจะดีเอง เพราะทุกอย่างคือ Benefit ต่อสังคม จากคุณ : W/T (wangthonglang) - [ วันฉัตรมงคล 00:33:06 ]

ความคิดเห็นที่ 15 กราบสวัสดีคุณ W/T ที่ต้องขอกราบลาเนื่องจากมิได้มีความรู้เชี่ยวชาญเก่งกาจนัก ปกติจะมิอาจเอื้อมกับกระทู้แนวนี้ เพียงแต่หนนี้รู้สึกดังที่แจ้งไว้แล้วใน #13 แต่ที่กลับมาหนนี้เพียงแต่จะเข้ามาชี้แจงและยืนยันว่า ความเห็นของคุณเด็กคนมิได้แปลก หรือ เหยียบตาปลาของตัวเองแต่อย่างใด (เพราะตาปลาของตัวเองนั้น อยู่ใต้ฝ่าเท้า ฉะนั้นคนที่จะหยิบได้ก็คงมีตัวเองเท่านั้น... มิฉะนั้นคงไม่มาเสนอหน้า ณ ที่แห่งนี้ ให้ผู้อื่นติเตียนเล่น ) เพียงแต่ความเห็นครั้งนี้นั้น จากประสบการณ์อันน้อยนิดของตนนั้นมันบอกว่า มิได้แปลก มิได้ใหม่ มิได้ CHANGE แต่อย่างใด ประกอบกับยิ่งทราบว่าคุณเด็กคนเป็นสื่อมวลชนก็เลยมาชี้แจงให้ทราบ  ตามนิสัยชอบเหยียบตาปลาตัวเอง เนื่องจากมิอาจปล่อยให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชนรู้น้อยไปกว่ากบในกะลาอย่างตนเอง เฉกเช่นเดียวกับเมื่อพบกรณีแบบนี้กับผู้ทำหน้าที่ครูอาจารย์ เพราะทั้ง 2 อาชีพนี้ควรเป็นผู้ทรงภูมิในสังคม เพื่อทำให้สังคมนี้เป็นสังคมที่เต็มไปด้วยมนุษย์ที่เท่าทันความจริง แต่ถ้าเป็นความเห็นครั้งก่อนหน้านั้น เป็นประเด็นที่ข้าน้อยยังด้อยประสบการณ์เกินกว่าจะออกความเห็นได้จะมิได้นำพาให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ขอเรียนชี้แจงแต่เพียงเท่านี้ ขอกราบลาผู้อาวุโสแต่เพียงเท่านี้ ( - /|\ - ) แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 52 00:58:36 จากคุณ : เสียงลมหนาว - [ วันฉัตรมงคล 00:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมก็ไม่ได้อาวุโสอะไรหรอก ผม 30 กว่าๆเองครับคุณเสียงลมหนาว จากเรื่องนี้ เอามารวมกับสิ่งผมได้ไปเห็นในหลายๆ ประเทศที่ผมเดินทางไปทำงาน ผมเพียงแต่มาคิดว่า ทำไมบ้านเราถึงไม่ยอมทำให้ Point แต่ละ Point มันเข้มแข็งกว่านี้ คุณทราบมั้ยครับว่า จงชุมพร ทำ Pact กับมลรัฐไอโอวา ของอเมริกา ไปเมื่อปี 2548 เรื่องเกี่ยวกับการส่งวัตถุดิบอาหารให้กันได้โดยตรง แล้วชุมพร คือ Gate ของภาคใต้ ส่วนไอโอวา คือ ศูนย์ต้นทางเกษตรกรรมของอเมริกา และถ้าเราส่งไปที่นั่นจริงๆ ภาษีจะไม่มี เพราะมันเป็นศูนย์ของประชาชน และอาชีพเกาตรกรของอเมริกา ไม่ต้องเสียภาษีตลอดชีวิต ในขณะเดียวกัน เกษตรกร เป็นคนกลุ่มเดียวของประเทศ ที่รัฐต้องเลี้ยงดูตลอดชีวิต และหากเขาสั่งซื้อ ต่อให้ประเทศมีนโยบายลดการนำเข้ามากแค่ไหน แต่รัฐเข้าไปยุ่งไม่ได้เลย มันจะทำให้ลดปัญหาการส่งออกอาหารของเราได้นิดหนึ่ง และจะทำให้เกษตรกร พอจะหายใจได้บ้าง หากทำได้ คนจะเดินทาง และเมื่อคนมีกิน มีเงินเหลือเก็บ เขาก็จะต้องพักผ่อน เขาก็จะไปเที่ยว แต่แล้วทุกอย่างก็ไม่ได้ไปไหน ทำไมต้องผ่านกรุงเทพฯ ยิ่งผ่านกรุงเทพฯเท่าไหร่ คนที่ได้ประโยชน์ ได้กำไร ก็คือ นายทุน และคนกลาง แต่คนต่างจังหวัด แน่นอนครับ ครอบครัวผมด้วย ก็ไม่มีวันลืมตาอ้าปากได้ บางประเทศที่ล้าหลังกว่าเรา ตามที่เราเข้าใจ เช่นในแถบอเมริกากลางอย่าง ปารกวัย หรือ อย่างชิลี ที่ต่างก็เป็นประเทศที่เศรษฐกิจภายในแข็งแกร่งมาก จากฐานรากขึ้นมาข้างบน เค้าก็ Point Out จากจุดเล็กๆ ทั้งสิ้น ชิลี ประเทศที่ยาวๆ เหมือนไม้เท้า แต่บ้านเค้า ไม่เคยได้รับผลกระทบจากเรื่องใดๆ เลย ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา ปารกวัย ก็เริ่มทำตาม ชิลี และเค้าก็เริ่มแข็งแกร่งจากข้างล่าง และสิ่งที่ผมเห็นก็เหมือนกับที่คุณเสียงลมหนาวว่านั่นแหล่ะ ประชาชนบางกลุ่มทำ แต่ไม่กว้างขวาง และไม่แข็งแกร่ง เพราะรัฐไม่ทำ ไม่กำกับ ไม่เป็นพี่เลี้ยง ผมมองว่า หน่วยงานอย่าง อบต. อบจ. เนี่ยสามารถทำได้ ถ้ารัฐออกกฎหมายขึ้นมาแล้วควบคุมให้โหดหน่อย ยกตัวอย่างของชิลี เจ้าหน้าที่รัฐที่โน่น ห้ามเข้าไปในเขตพื้นที่เกษตรของประชาชนแม้แต่ก้าวเดียว หากทำผิด ประการชีวิตเลย หน้าที่มีเพียงอย่างเดียว คือ อยู่ที่ศูนย์รับส่ง ซึ่งประชาชนในพื้นที่นั้นๆ เป็นเจ้าของ ทำหน้าที่แทนประชาชน ในการส่งของจากที่โน่นไปนี่ จากนี่ไปนั่น โดยไม่ต้องเข้า ซานติอาโก เลย นี่คือสิ่งที่ผมสงสัย เรามาก่อนเค้าหลายอย่าง แต่เราตามหลายประเทศไกลเกินไป จากคุณ : สยามรามอรุณ (เด็กคน) - [ วันฉัตรมงคล 21:23:05 ]