ความคิดเห็นที่ 1 มิวนิก (Munich) หรือที่เรียกในภาษาเยอรมันว่ามึนเชน (Munchen) เป็นเมืองใหญ่อันดับสามของประเทศเยอรมนี เป็นศูนย์กลางธุรกิจและคมนาคมในเยอรมนีตอนใต้ เป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย (Bavaria) หรือ บาเยิร์น (Bayern) ในภาษาเยอรมัน ซึ่งมีพรมแดนติดเทือกเขาแอลป์  รัฐบาวาเรียเคยเป็นรัฐอิสระปกครองด้วยกษัตริย์มาก่อน ก่อนที่จะผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนี จึงมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม และอาหารอันเลื่องชื่อ ซึ่งได้แก่ ไส้กรอกเยอรมัน ขาหมูทอด เพรทเซล และเบียร์ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 52 13:13:03 จากคุณ : Cherokee1 - [ 12 พ.ค. 52 12:33:51 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จุดท่องเที่ยวในเมืองมิวนิกส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตเมืองเก่า และศูนย์กลางของเขตเมืองเก่าเรียกว่า จัตุรัสมาเรียนปลัตส์ (Marienplatz) เป็นที่พบปะชุมนุม ติดต่อค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้า มานานหลายศตวรรษ  ปัจจุบันเป็นลานกว้างสำหรับคนเดิน ตรงกลางจัตุรัสมีเสาพระแม่มารีทองคำซึ่งเป็นที่มาของชื่อจัตุรัสแห่งนี้ จากคุณ : Cherokee1 - [ 12 พ.ค. 52 12:35:21 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อาคารที่เด่นเป็นสง่าตรงหน้าจัตุรัส คือศาลาว่าการเมืองหลังใหม่ เรียกว่า นอยเยอรัทเฮาส์ (Neue Rathaus) สร้างในสไตล์นีโอโกธิกในกลางคริสตศตวรรษที่ 19 มีหอคอยสูงกว่า 80 เมตร จากคุณ : Cherokee1 - [ 12 พ.ค. 52 12:36:01 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตรงกลางหอคอยมีหอนาฬิกาที่เรียกว่า Glockenspiel ซึ่งจะมีตุ๊กตาออกมาเต้นระบำให้ชมกันในเวลา 11 นาฬิกา และเที่ยงตรง ในหน้าร้อนจะเพิ่มรอบ 5 โมงเย็นอีกหนึ่งรอบ  ชั้นแรกเป็นพาเหรดของอัศวินเพื่อเฉลิมฉลองพระราชพิธีสมรสของกษัตริย์ พระองค์หนึ่งในอดีต มีอัศวินขี่ม้าออกมาดวลกันจนตายไปข้าง ใครไปดูลองดูดี ๆ นะครับว่าอัศวินสีเงินหรืออัศวินสีทองเป็นผู้ชนะ  ส่วนอีกสองชั้นเป็นการเต้นรำเพื่อเฉลิมฉลองที่ชาวเมืองมีชีวิตรอดจากโรค ระบาดในปี ค.ศ.1517 จากคุณ : Cherokee1 - [ 12 พ.ค. 52 12:36:42 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สัญลักษณ์ที่สำคัญที่สุดอีกแห่งของเมือง คือโบสถ์เฟราเอน (Frauenkirche ออกเสียงว่า เฟรา เอน เคีย เชอะ) เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในมิวนิก สร้างตามแบบโกธิกในปี ค.ศ. 1468 ด้วยอิฐสีแดง แทนที่จะสร้างด้วยหินเหมือนโบสถ์โกธิกทั่วไป ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 20 ปี จึงแล้วเสร็จ จากคุณ : Cherokee1 - [ 12 พ.ค. 52 12:37:21 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ด้านหน้ามีหอคอยคู่สูงถึง 99 เมตร  จริง ๆ หอคอยทั้งสองควรจะมียอดแหลมตามแบบฉบับของโกธิก แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง  ต่อมาภายหลังจึงได้ต่อเติมเป็นโดมหัวหอมขึ้นอย่างที่เห็นในปัจจุบันแทน ทำให้โบสถ์นี้มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร และกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของมิวนิก จากคุณ : Cherokee1 - [ 12 พ.ค. 52 12:38:09 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ภายในโบสถ์มีความเรียบง่าย ดูสูงโปร่ง จากการทาด้วยสีขาวและได้รับแสงจากหน้าต่างทรงสูงจำนวนมากที่ทำจากกระเบื้อง โมเสก เมื่อย่างเท้าเข้าไปในโบสถ์ จะดูเหมือนว่าโบสถ์นี้ไม่มีหน้าต่าง หน้าต่างด้านข้างทั้งหลายถูกบดบังด้วยเสาขนาดมหึมาจำนวนมาก จากคุณ : Cherokee1 - [ 12 พ.ค. 52 12:41:55 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตำนานเล่าว่าเมื่อปีศาจย่างเท้าเข้ามาในโบสถ์แห่งนี้แล้วไม่เห็นหน้าต่างซัก บาน จึงกระทืบเท้าด้วยความดีใจจนเป็นรอยเท้าปรากฏอยู่   อีกตำนานกล่าวว่า ปีศาจได้ให้ผู้ที่ก่อสร้างโบสถ์แห่งนี้ยืมเงินเพื่อใช้ในการก่อสร้างโดยมี เงื่อนไขว่า โบสถ์นี้ต้องไม่มีหน้าต่าง เมื่อสร้างเสร็จเขาพาปีศาจให้ยืนอยู่ ณ ตำแหน่งที่ไม่เห็นหน้าต่างแม้แต่บานเดียว ปีศาจโกรธมากที่โดนหลอกจึงกระทืบเท้าออกไปด้วยความโกรธ รอยเท้าจึงปรากฏเป็นรอยทิ้งไว้อยู่ภายในโบสถ์ตรงหน้าทางเข้า ใครไปเที่ยวอย่าลืมมองหารอยเท้า (Devil's footprint) นี้นะครับ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 52 12:43:24 จากคุณ : Cherokee1 - [ 12 พ.ค. 52 12:42:48 ]

ความคิดเห็นที่ 9 วิวของเขตเมืองเก่ามองจากทางเหนือย้อนไปทางใต้ จะเห็นเทือกเขาแอลป์ที่มีหิมะปกคลุมสีขาวเป็นแนวยาว ถนนกว้าง ๆ สายนี้ชื่อว่า Ludwigstrasse มีอาคารสำคัญ ๆ หลายแห่ง รวมทั้งมหาวิทยาลัยแห่งเมืองมิวนิก หอสมุดแห่งรัฐบาวาเรีย โบสถ์สีเหลืองที่เห็นพร้อมโดมขนาดใหญ่เป็นโบสถ์ในสไตล์บาโรค ชื่อว่า Theatinerkirche เป็นแลนด์มาร์กสำคัญทางเหนือของเขตเมืองเก่า อยู่หน้าจัตุรัส Odeonsplatz จากคุณ : Cherokee1 - [ 12 พ.ค. 52 12:44:16 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตลาดวิกชัวเลียน (Victualian Markt) จัดตั้งขึ้นโดยพระเจ้าแม็กซิมีเลียนที่ 1 ในปี ค.ศ. 1807 เป็นตลาดนัดกลางแจ้ง อยู่ใกล้ ๆ กับมาเรียนปลัตส์ ทั้งชาวมิวนิกและนักท่องเที่ยวต่างนิยมมาเดินเที่ยวหาซื้อของที่ระลึก หรือหาอาหารรับประทาน มีทั้งผักสด ผลไม้นำเข้า ชีส ฮอตด็อกไส้กรอก จากคุณ : Cherokee1 - [ 12 พ.ค. 52 12:45:13 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มาถึงมิวนิกก็ต้องแวะโรงเบียร์กันหน่อย โรงเบียร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในมิวนิก (หรือในโลกก็ว่าได้) มีชื่อว่า Hofbrauhaus สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1896 ภายในมีขนาดใหญ่ สามารถจุคนได้เป็นหลายพันคน มีวงดนตรีที่เล่นเพลงพื้นเมืองบาวาเรียนตลอดเวลา  มาถึงโรงเบียร์เยอรมันแล้วต้องสั่งขาหมูเยอรมันกินแกล้มเบียร์ จากคุณ : Cherokee1 - [ 12 พ.ค. 52 12:46:08 ]

ความคิดเห็นที่ 12 รับเบียร์เย็น ๆ กันซักแก้วมั้ยคะ จากคุณ : Cherokee1 - [ 12 พ.ค. 52 12:47:02 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สนามฟุตบอลอลิอันซ์-อรีนา (Allianz-Arena) อยู่ขึ้นไปทางเหนือของเมืองมิวนิก มีรูปร่างคล้ายยางรถยนต์  สร้างขึ้นสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 หลังการแข่งขัน กลายเป็นสนามฟุตบอลของสองทีมฟุตบอลร่วมเมือง คือทีมดังอย่างบาเยิร์นมิวนิก (FC Bayern Munchen) กับอีกทีมที่ไม่ค่อยรู้จักในบ้านเรา คือทีม 1860 มิวนิก (TSV 1860 Munchen) ที่ปัจจุบันตกชั้นไปอยู่ลีก 2 ของบุนเดสลิก้า แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 52 14:01:46 จากคุณ : Cherokee1 - [ 12 พ.ค. 52 12:49:16 ]

ความคิดเห็นที่ 14 วันที่บาเยิร์นมิวนิกแข่ง สนามจะเปิดไฟสีแดง จากคุณ : Cherokee1 - [ 12 พ.ค. 52 12:49:59 ]

ความคิดเห็นที่ 15 วันไหนที่ 1860 แข่ง สนามจะเปิดไฟสีฟ้า จากคุณ : Cherokee1 - [ 12 พ.ค. 52 12:50:32 ]

ความคิดเห็นที่ 16 วันไหนที่เป็นทีมชาติแข่ง หรือว่าทีมร่วมเมืองทั้งสองมาพบกัน จะเปิดไฟสีขาว   การเดินทางไปยังสนามฟุตบอลแห่งนี้ ให้ขึ้น U-Bahn สาย U6 ลงที่สถานี Frottmaning ซึ่งใช้เวลาประมาณ 15 นาทีจาก Marienplatz แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 15 นาทีก็จะถึงสนามฟุตบอล  ถ้ารีบ ๆ มีเวลาซักชั่วโมงก็พอจะไปชะโงกหน้าถ่ายรูปได้ซัก 2-3 ใบ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 52 14:02:26 จากคุณ : Cherokee1 - [ 12 พ.ค. 52 12:58:10 ]

ความคิดเห็นที่ 17 รูปนี้เปิดสีแดงสลับฟ้า  ไม่รู้โอกาสอะไร  เห็นจากวิกิฯ เลยขอเอามาแจมในกระทู้ด้วย จากคุณ : Cherokee1 - [ 12 พ.ค. 52 13:01:33 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เทศกาลงานใหญ่ที่สุดประจำปีของเมืองมิวนิกคือเทศกาล Oktoberfest จัดขึ้นทุกปีปลายเดือนกันยายนไปจนถึงวันอาทิตย์แรกของเดือนตุลาคมเป็นเวลา สองสัปดาห์  มีคนมาร่วมงานเฉลี่ยถึง 6 ล้านคนในแต่ละปี ดื่มกินกันกระจาย  พอดีไม่ได้ไปในช่วงนั้น เลยไม่ทราบว่าบรรยากาศจะเหมือนงานวัดบ้านเราหรือเปล่า  งานนี้จัดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1810 เพื่อเฉลิมฉลองพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าชายลุดวิกที่ 1 (ซึ่งต่อมาคือกษัตริย์ลุดวิกที่ 1 ผู้เป็นพระอัยกา (ตา) ของกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ผู้สร้างปราสาทนอยชวานสไตน์ในตอนที่แล้ว) กับเจ้าหญิง Therese von Sachsen-Hildburghausen หลังจากนั้นจึงจัดเป็นเทศกาลรื่นเริงขึ้นเป็นประจำต่อมาทุกปี จากคุณ : Cherokee1 - [ 12 พ.ค. 52 13:04:50 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มีคำแนะนำอีกนิดสำหรับคนที่จะเดินทาง  วิธีประหยัดที่สุดในการเดินทางไปเมืองต่าง ๆ ในรัฐบาวาเรียคือให้ซื้อตั๋ววันที่เรียกว่า Bayern tickets ตั๋วใบเดียวเดินทางได้ถึง 5 คน ไปไหนก็ได้ในรัฐบาวาเรีย  คุ้มจริง ๆ แต่ใช้ได้หลัง 9 โมงเช้าไปจนถึงตีสาม เฉพาะจันทร์-ศุกร์เท่านั้น รูปสุดท้าย อดไม่ได้ที่จะเอารูปชุดแต่งกายท้องถิ่นมาอวดกัน  เด็กชายและหญิงในชุดพื้นเมืองของชาวบาวาเรีย ที่แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังแต่งตัวแบบนี้กันเวลาออกงาน พบกันใหม่ตอนหน้า สวัสดีครับ จากคุณ : Cherokee1 - [ 12 พ.ค. 52 13:08:27 ]

ความคิดเห็นที่ 20 โอ้..สนามกีฬาเท่สุดๆค่ะพี่เชอร์ ที่มอสโคก็มีนะ สนามกีฬาแบบเปลี่ยนสีได้ ( หมายถึงว่า กระเบื้องมันหลุดมา จนเปลี่ยนสีแล้วค่ะ อิอิ ) จากคุณ : กิ๊บส์ - [ 12 พ.ค. 52 13:35:56 ]

ความคิดเห็นที่ 21 พี่เชอร์คะ ไม้กางเขนในคูหาเจ็ดนั่น  แขวนห้อยกลางโบสถ์เลยรึคะ หรือด้วยมุมภาพทำให้ธิมองเป็นแบบนั้นหว่า จากคุณ : asp_ash - [ 12 พ.ค. 52 15:40:24 ]

ความคิดเห็นที่ 22 โอ้ว สนามฟุตบอลอย่างเท่ห์เลยนะเนี่ย มิวนิกน่าไปจังเลยค่ะ....... ไว้จะหาโอกาสไปตามรอยพี่เชอร์นะคะ จากคุณ : Snoopy in BKK - [ 12 พ.ค. 52 15:42:43 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตามไปเที่ยวมิวนิกด้วยคนค่ะพี่เชอร์...ดีจังตังค์อยู่ครบค่ะ ^_^ จากคุณ : ก้านกล้วยสีสด - [ 12 พ.ค. 52 15:49:41 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตามพี่เชอรืไปเที่ยวด้วยคนฮับ จากคุณ : gotland - [ 12 พ.ค. 52 21:11:39 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สวัสดีค่ะพี่เชอร์ สนามฟุตบอลเท่ห์จริง ๆ ด้วย เป็นเอกลักษณ์เลยเนอะ อยากไปเยือนมิวนิกมั่งจัง   จากคุณ : _iOFFer_ - [ 12 พ.ค. 52 22:26:57 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตามอ่านทุกตัวอักษร แม้มันจะไม่เหมือนกับการได้ไปเห็นจริงๆ แต่แค่กำลังคิดว่า ถ้าได้ไปเที่ยวจริงๆ เราจะใส่ใจกับรายละเอียดอย่างนี้บ้างไหมนะ จากคุณ : 16เมษา - [ 12 พ.ค. 52 23:00:35 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ตามพี่เชอร์ไปเที่ยว  และก็มาตามพี่เชอร์ไปตรวจการบ้านด้วย ส่งเรียงความเข้ารับรางวัลปลอบใจแล้วจ้า http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E7776290/E7776290.html#74 จากคุณ : กระดาษเปื้อนยิ้ม - [ 12 พ.ค. 52 23:07:09 ]

ความคิดเห็นที่ 28 สีสรรค์สุดยอดเลย สงสัยต้องเก็บทุนไปซักหน จากคุณ : `SEPULTURA_`FROM_`HELL - [ 13 พ.ค. 52 12:09:01 ]

ความคิดเห็นที่ 29 - เป็นการนำเสนอที่ดีมากครับ เล่าเรื่องผ่านรูป - ขอเพิ่มข้อมูลตั๋ว Bayern tic วันจันทร์ - ศุกร์ เป็นตามที่ จกขท.บอกไว้ แต่ถ้าเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดใช้ได้ตั้งแต่เที่ยงคืนยันตีสามตามนี้ครับ http://www.bayern-takt.de/public_main_modul.php?unit=&document_id=334 - นอกจากนี้ในเยอรมันยังมีตั๋วแต่ละแคว้นเดินทางแบบกลุ่ม (2-5 คน) เหมือนตั๋ว Bayern tic ซึ่งประหยัดสุด ๆ - สำหรับผู้ที่จะเดินทางข้ามแคว้นให้เลือกเดินทางเสาร์/อาทิตย์ เพราะจะมีตั๋วเหมาราคา 30 ยูโร ทั่วเยอรมันครับ จากคุณ : manahan59 (manahan59) - [ 13 พ.ค. 52 13:27:48 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ^^ ขอบคุณ คุณ manahan59 ที่ช่วยเพิ่มเติมข้อมูลนะครับ ============================================= #21 > ไม้กางเขนในคูหาเจ็ดนั่น  แขวนห้อยกลางโบสถ์เลยรึคะ > หรือด้วยมุมภาพทำให้ธิมองเป็นแบบนั้นหว่า สุทธิ  พี่ก็จำไม่ได้ว่าแขวนกลางห้องหรือเปล่า เพราะตอนนั้นกำลังพิธีอยู่ ไม่กล้าเดินเ้ข้าไปตรงกลาง  แต่คิดว่าน่าจะแขวนตรงกลางอย่างที่ว่านะ =================================== ขอบคุณที่มาติดตามเที่ยวกันนะครับ จากคุณ : Cherokee1 - [ 13 พ.ค. 52 18:27:34 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณพี่เชอร์เช่นเคย สำหรับข้อมูลความรู้ดีๆ ที่นำมาแบ่งปัน เคยคิดเหมือนทิดปุ๊หลายครั้ง เมื่อคิดจะเที่ยวไปในที่ๆมีเรื่องราว จากคุณ : ป้าพาฝัน - [ 13 พ.ค. 52 19:52:18 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณคะ จากคุณ : AwithM - [ 14 พ.ค. 52 14:19:26 ]

ความคิดเห็นที่ 33 รีวิวเจ๋งดีครับเป็นการเล่าเรื่องที่แตกต่างจากทริปทั่วไปได้น่าสนใจมากๆ ชวนให้ผมระลึกความหลังครั้งที่ไปมาอีกแล้วอ่า จากคุณ : gaobear - [ 14 พ.ค. 52 15:48:59 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เพิ่งจะทราบความหมายของแสงไฟรอบสนาม... ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : คนไทยใจดี (คนไทยใจดีจริงๆ) - [ 19 พ.ค. 52 20:13:32 ]

ความคิดเห็นที่ 35 นาฬิกานั้นไม่รู้ไผแพ้ไผชนะ เพราะเพ่งไม่ไหวอะ แดดแรง ตุ๊กตาเต้นนานเหมือนกัน รู้แต่พอใกล้เวลาที่ว่า คนก็ไม่รู้มาจากไหนเยอะแยะทะยอยมารวมตัวกันแถวๆ หน้านาฬิกา จากคุณ : squashmania - [ 29 พ.ค. 52 12:46:37 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ไม่เคยมีแผนจะไปเยอรมันเลยค่ะ แต่อ่านกระทู้นี้จบเริ่มคิดแล้ว 555 น่าไปมาก จากคุณ : หนูล้ำ - [ 8 มิ.ย. 52 07:05:31 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เยอรมันนี่ระบบต่าง ๆ ดีมากเลยนะครับ เทคโนโลยีแจ่มแจ๋ว ธรรมชาติก็สวยงาม ถ้าบ้านเมืองไม่โดนทำลายจากสงครามโลก คงได้เห็นอะไรดี ๆ กว่านี้อีกเยอะ ขอบคุณที่เข้ามาทัีกทายนะครับ จากคุณ : Cherokee1 - [ 10 มิ.ย. 52 23:52:07 ]