ความคิดเห็นที่ 1 มีเรื่องนึงที่ไม่ได้พูดถึงในกระทู้ที่แล้ว ก็คือเรื่องการเตรียมตัวด้านความปลอดภัย ถึงจะทำใจกล้าไปลุยเดี่ยวในต่างแดนคนเดียว แต่ลึกๆ แล้วก็อดเป็นกังวลไม่ได้ค่ะว่าถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาระหว่างที่อยู่ที่นั่นแล้วจะทำยังไง (คิดไปถึงเรื่องแผ่นดินไหวเลยด้วยซ้ำ - -") ก็เลยต้องเตรียมตัวกันมากหน่อยค่ะ เริ่มแรกเลยก็คือเอกสารสำคัญต่างๆ เช่น ตั๋ว e-ticket, Passport, แผนการเที่ยว ที่อยู่ของบ้านพัก ฯลฯ เราทำสำเนาไปอีก 1 ชุดค่ะ ยิ่ง passport นี่ยิ่งต้องเซฟสุดๆ เลย scan ส่งไปทิ้งไว้ในเมลล์ด้วยอีก 1 ที่ กันเหนียว เงินสด เราแลกไปแบบที่คิดว่าน่าจะเพียงพอกับค่าใช้จ่ายและค่าช็อปปิ้ง แต่ก็ต้องเผื่อกรณีเงินหายด้วย นอกจากบัตรเครดิตที่พกไปด้วยแล้ว ก็ยังไปเปลี่ยนบัตร atm ของธนาคารกรุงเทพฯ ให้เป็นบัตร be-1st ด้วย เพราะสามารถนำไปถอนเงินสดได้ที่ atm หน้าที่ทำการไปรษณีย์ญี่ปุ่นค่ะ เสียค่ากดครั้งละ 100 บาทเท่านั้น (แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้) อีกเรื่องก็คือโทรศัพท์ค่ะ เราสัญญากับที่บ้านไว้ว่าจะโทรกลับไปทุกวันให้รู้ว่ายังสบายดีอยู่ ก็เลยต้องหาวิธีโทรกลับเมืองไทยที่ไม่แพง หลังจากหาข้อมูลอยู่ 2-3 วัน ก็ตัดสินใจใช้บริการบัตรโทรกลับเมืองไทยแบบต่อสายเข้า access number ที่ Tokyo โดยสั่งซื้อทางเว็บ แล้วได้เป็นเมลล์แจ้ง pin code มา ซึ่งวิธีนี้เราคิดว่าเราได้โทรในเรทที่ถูกมากเลยค่ะ เราเสียค่าโทรศัพท์ต่อวันแค่ 50 yen เท่านั้น บางวันมีเหรียญ 10 yen เหลืออยู่แค่ 2 เหรียญ ก็พูดมันแค่ 2 ประโยคแล้ววางเลยก็มีค่ะ แล้วถ้าเกิดกระเป๋าหายที่สนามบินล่ะจะทำยังไง นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เรากังวลค่ะ แล้วถ้าเกิดเจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาล่ะ ได้ยินว่าค่าโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่นแพงน่าดู เลยไม่ชะล่าใจค่ะ ไม่อยากเข้าตำราเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย ก็เลยไปทำประกันการเดินทางให้อุ่นใจอีก 1 ฉบับ เสียเงินแค่พันกว่าบาท แต่รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มค่ะ เท่านั้นยังไม่พอ ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาจริงๆ แล้วต้องไปขึ้นสถานีตำรวจ หรือถ้าต้องเข้าโรงพยาบาล เราคงคุยกับเค้าไม่รู้เรื่องแน่ แถมเรายังไม่รู้จักใครในญี่ปุ่นเลยสักคน วิธีแก้ปัญหาของเราก็ไม่ยากค่ะ ในเมื่อตอนนี้ไม่รู้จักก็ไปทำความรู้จักซะเลยซิคะ ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล ที่ pantip ของเรานี่เอง ที่คลับ @Japan ณ ห้องไกลบ้าน มีคนไทยในญี่ปุ่นอยู่เต็มไปหมด พอเข้าไปโพสต์ก็มีพี่ใจดีซึ่งอยู่โตเกียวมา 9 ปีแล้ว ให้เบอร์โทรศัพท์มาพร้อมกับบอกว่า "ยินดีช่วยเหลือ" ทำเอาเราซึ้งใจมากเลยค่ะ (แต่สุดท้ายก็ไม่ได้โทรไปหรอกนะ) ทีนี้ก็พร้อมแล้ว รู้สึกมั่นใจขึ้นมาตั้งเยอะ ได้เวลาลุยโตเกียวกันซะทีนะคะ ^ ^ จากคุณ : hiroko - [ 16 พ.ค. 52 21:16:28 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แวะเข้ามมาชมครับ.....เที่ยวคนเดียวเจ๋งดีครับ..... จากคุณ : ถนนสายนี้เปรี้ยว - [ 16 พ.ค. 52 21:28:05 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ...แอบปาด... มาให้กิฟและคลิกเข้าคลังกระทู้ไว้ก่อนเลยค่ะ พรุ่งนี้จะมาอ่านต่อ สู้ๆนะคะ ^^ จากคุณ : DaRia - [ 16 พ.ค. 52 21:30:00 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เที่ยวบิน Departure TG642      BOEING 777-200 200 ER Departure Time : 23:50 30/04/2009 Arrival Time : 08:10  31/04/2009 @ Narita Terminal1 SEAT : 34K GATE : C8 +++++++++++++++++++++++++++++++ เราออกเดินทางจากบ้านตอน 1 ทุ่มนิดๆ ค่ะ มีป๊ากับแม่ขับรถพาไปส่ง ระหว่างนั่งไปก็มีโทรศัพท์มาจากพี่ชายกับพี่ๆ ที่ทำงานอวยพรให้เดินทางปลอดภัย เราเองค่อนข้างตื่นเต้นทีเดียวค่ะ นั่งหลังไม่ติดเบาะเลย โชคดีที่วันนั้นรถไม่ติดเลย ถึงสุวรรณภูมิยังไม่ 2 ทุ่มเลยค่ะ ข้าวของๆ เรามีกระเป๋าลากขนาดกลาง 1 ใบกับกระเป๋าเป้อีก 1 ใบ มาถึงสนามบินก็เข้าไปเช็คอินแบบงงๆ เพราะเคยขึ้นแอร์เอเชียเค้าจะแยกช่องเช็คอินตาม Flight แต่คราวนี้ของ TG เค้าเขียนว่า Japan-Korea all flight เลยแอบงงค่ะ ขั้นตอนการเช็คอินก็สบายๆ กระเป๋าเราขาไปหนัก 2 ใบรวมกันหนักแค่ 10 กิโลนิดๆ เองค่ะ เพราะขนของไปแค่พอใช้ เราไม่มีปัญญาแบกกระเป๋าหนักๆ ค่ะ เช็คอินเรียบร้อยก็จะได้ boarding pass มา หน้าตาเป็นแบบนี้ แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 52 21:33:25 จากคุณ : hiroko - [ 16 พ.ค. 52 21:31:36 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มาอ่านและเก็บข้อมูลค่ะ ^^ จากคุณ : P.Sawyer - [ 16 พ.ค. 52 21:42:56 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ได้ Boarding Pass แล้ว ทีนี้ก็มาถึงด่าน Passport Control ซึ่งตั้งแต่ตรงนี้ไปจะเข้าไปได้เฉพาะผู้โดยสารเท่านั้น ก็แปลว่าตั้งแต่จุดนี้เราจะต้องเดินทางเพียงลำพังแล้วค่ะ ตอนนั้นแอบรู้สึกใจหายนิดๆ ค่ะ ลังเลยังไม่ค่อยอยากเดินเข้าไป รู้สึกว่าจากนี้ไปเราจะต้องดูแลตัวเองแล้วนะ เราจะออกเดินทางเพียงคนเดียวแล้ว มีอะไรต้องช่วยเหลือตัวเองให้ได้ คนที่ไม่เคยออกจากบ้านไปอยู่ลำพังก็อดไม่ได้ที่จะกังวลใช่มั้ยคะ แต่ว่าอุตส่าห์มุ่งมั่นมาขนาดนี้แล้ว ก็ต้องเดินหน้าต่อไปค่ะ ว่าแล้วก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับป๊า + แม่ คนละรูป แล้วก็ไหว้ลามุ่งหน้าไปต่อแถวตรวจ Passport ค่ะ พอเดินเข้าไปก็เจอคนมหาศาล กำลังจะเดินไปต่อแถวก็ได้ยินเสียงไกด์ทัวร์คนนึงตะโกนว่าให้ไปต่อแถว Thai Passport เพราะแถวจะสั้น (เค้าบอกลูกทัวร์เค้าค่ะ แต่เราแอบเนียนไปกะเค้าด้วย) ก็เลยชะแว้บย้ายไปต่อแถวคนไทยซึ่งสั้นกว่าแถวคนต่างชาติเยอะ ไม่งั้นคงเสียเวลาตรงนี้นานพอควรเลย พอหลุดด่านเมื่อกี้มา ก็เจอถนน Duty Free ค่ะ คนอื่นเค้าแวะช้อปปิ้งกันสนุกสนานแต่เราเดินเชิดหน้าลากกระเป๋าลิ่วๆๆ ไม่แวะไหนเลยเพราะว่าตอนนี้ไม่มีอารมณ์ช็อป และเราก็ตั้งใจว่าจะซื้อแต่อะไรที่ควรซื้อที่ญี่ปุ่นเท่านั้น และที่สำคัญคือเรากำลังตื่นเต้นกับขั้นตอนในสนามบินค่ะ กลัวตกเครื่องว่างั้นเถอะ ดังนั้นเราต้องรีบไปให้ถึง Gate ให้อุ่นใจว่าเราจะได้บินแน่ๆ ค่ะ สุดถนน Duty Free แล้วก็เจอกับด่านศุลกากรค่ะ เราต้องไปหยิบถุงใสมาแพ็คครีมกันแดดกับยาสีฟันเพราะลืมไปว่ามันเป็นของเหลว พอถึงเครื่อง scan ก็วางกระเป๋า 2 ใบลงไป แต่พนักงานบอกให้ถอดกล้องด้วย เสื้อหนาวด้วย เราก็ถอดแบบไร้สติค่ะ พอหยิบกระเป๋ามาก็มายืนเก็บของตรงโต๊ะด้านหลัง แล้วตอนนั้นเองเราถึงนึกขึ้นได้ว่าเสื้อหนาวเราหายไป... ตอนนั้นตกใจมากเลยค่ะ รีบคว้ากระเป๋าเดินกลับไปตรงสายพาน ก็เจอเสื้อกองอยู่ในตะกร้า แล้วยิ่งตกใจยิ่งกว่าเพราะพอหยิบเสื้อขึ้นมาแล้วเราเจอ Passport วางอยู่ที่ก้นตะกร้าค่ะ สติกลับมาเลยค่ะ ตอนนั้น -  -" จากนี้ไป ก็ยังมีเรื่องเอ๋อๆ อีกมากมายเลยค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 16 พ.ค. 52 21:55:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จากนั้นก็เป็นการเดินหา GATE C8 ค่ะ ข้างในนั้นผู้คนบางตามาก ดูเงียบเหงาวังเวงยังไงไม่รู้ ยิ่งเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งไม่มีคนค่ะ เราเดิน ๆ ๆ ข้ามทางเลื่อนไปไม่รู้กี่อันต่อกี่อันก็ไม่ถึงซะที จนในที่สุดก็เจอจนได้ อยู่ลึกเกือบที่สุดของสนามบินเลยค่ะ ปรากฏว่าเรามาเร็วเกินไปค่ะ ประตู GATE ยังปิดอยู่ และมีคนรออยู่ตรงนั้นอีก 1-2 คน เราเลยนั่งเอาสมุดบันทึกขึ้นมาจด จากนั้นก็มีคนทยอยเดินมาเรื่อยๆ เราเริ่มอุ่นใจว่าคงไม่ผิด GATE ถ้ามีการเปลี่ยน GATE ก็มีเพื่อนร่วมวิ่งหลายคนอยู่ค่ะ 555 นั่งต่อไปอีกพักหนึ่ง เจ้าหน้าที่ก็มาเปิดประตู GATE และเราก็ลงไปนั่งรอข้างล่างค่ะ ตอนนี้มั่นใจแล้วว่าได้บินแน่ แต่ความรู้สึกคือยังตื่นเต้นอยู่ เราเห็นบางคนมาคนเดียวและนอนหลับรอก็รู้สึกทึ่งค่ะ อยากชิลล์ได้แบบนั้นบ้าง ถ้านั่งอยู่คนเดียวแล้วมันจะตื่นเต้นค่ะก็เลยหาเพื่อนคุยดีกว่า พอดีเก้าอี้ข้างหลังเราเป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกมาเที่ยวกับทัวร์ค่ะ ก็เลยหันไปคุยกับเค้า พี่เค้าใจดีมากเอาคู่มือที่ทัวร์แจกให้มาให้เราเก็บไว้เล่มนึง เพราะในนั้นมีเบอร์โทรโรงแรมที่ทัวร์นั้นจะไปพัก ถ้าฉุกเฉินก็โทรไปที่โรงแรมได้ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ แล้วเราก็บ๊ายบายกันตอนเจ้าหน้าที่เรียกขึ้นเครื่องค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 16 พ.ค. 52 22:08:46 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตามมาตั้งแต่ part1 ตอนนี้กำลังตาม F5 ค่ะ :) จากคุณ : PUFF' FiSH - [ 16 พ.ค. 52 22:14:11 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เราเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง ข้างๆ เป็นสามีภรรยาเดินทางด้วยกัน ทั้งสองคนนอนหลับสบายบนเครื่อง แต่เรานอนไม่หลับค่ะ ไม่ง่วงเลยสักนิด แถมยังปวดท้อง ปวดหัวตุบๆ เหมือนเวลาที่เราเครียดตอนทำงานเลยค่ะ เวลาเราเป็นอาการแบบนี้แล้วไม่ได้นอนพัก จะเริ่มคลื่นไส้อาเจียนค่ะ ทรมานมาก เราเลยกังวลว่าถ้าเราเกิดอาการนั้นที่ญี่ปุ่นจะทำยังไง แต่เหมือนกับคนเราคงมีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดมั้งคะ พอเหลือตัวคนเดียวจริงๆ มันก็เหมือนบังคับร่างกายตัวเองได้ว่าจะป่วยไม่ได้นะ คล้ายๆ กับคนที่สั่งตัวเองว่ายังตายไม่ได้นะ ยังมีภาระกิจที่ต้องทำประมาณนี้น่ะค่ะ ในที่สุดเราก็เผลองีบไปได้ 2 ชั่วโมง ตื่นขึ้นมาอีกทีหายปวดหัวแล้วค่ะ แต่ยังปวดท้องอยู่ ภาพอาหารรองท้องมื้อแรกบนเครื่อง แต่เราไม่ได้กินค่ะ กินอะไรไม่ลง มันตื่นเต้น ... จากคุณ : hiroko - [ 16 พ.ค. 52 22:17:24 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อ่านการตรียมตัวของคุณ hiroko นี่สุดยอดเลยค่ะ คิดไม่ถึงเลยเยี่ยมมาก รออ่านต่อนะคะ จากคุณ : ตองอ่อนจ้า... - [ 16 พ.ค. 52 22:19:47 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ใกล้เช้าแล้ว คุณแอร์หนุ่มสาวก็เข็นอาหารเช้ามาเสิร์ฟ เราเลือกข้าวปลาแซลมอนค่ะ แห้งมาก กินแก้หิวไปงั้นๆ จากนั้นก็ไปเข้าห้องน้ำ ตอนนี้เริ่มสบายใจแล้วเลยคุยกับคุณน้าข้างๆ ค่ะ เลยได้รู้ว่าคุณน้าทั้งสองมาทำงานที่ร้านอาหารไทยที่ญี่ปุ่นหลายปีแล้ว และให้ลูกมาเรียนหนังสือที่นี่ด้วย โดยจะกลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทยปีละครั้งค่ะ รู้แบบนี้แล้วเราเลยไม่รอช้ารีบขอเบอร์โทรศัพท์ที่ร้านไว้ทันที พี่เค้าก็ให้เบอร์มาค่ะ แรกแสงตะวันเหนือเกาะญี่ปุ่น เรารู้สึกว่ามันสวยมากกว่าปกติค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 16 พ.ค. 52 22:25:11 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เครื่องบิน landing ได้นิ่มมาก เราเห็นต้นซากุระสีชมพูอยู่ลิบๆ เรากำลังจะได้เหยียบแผ่นดินญี่ปุ่นในฝันแล้วค่ะ เพียงแค่เดินออกมาที่งวงช้างก็รู้สึกได้ถึงความเย็นฉ่ำที่เล็ดลอดเข้ามาแล้วค่ะ ช่างแตกต่างจากที่กรุงเทพซะจริง เราเดินตามป้ายมาเรื่อยๆ ไกลพอกับตอนเดินหา GATE ที่สุวรรณภูมิเลยค่ะ แถมยังหลงอีกต่างหาก ไม่รู้อารมณ์ตื่นเต้นหรือยังไง แทนที่จะเดินไปตามป้าย Arrivals เราดันเดินไปตามป้าย International อะไรสักอย่าง แล้วมันก็ชี้ให้เราออกไปนอกสนามบินค่ะ - -" ถึงได้สติ หันมาหาป้าย Arrival แทน ขั้นตอนที่ ต.ม. ฉลุยมาก ไม่มีการซักถามอะไรทั้งสิ้น เสร็จแล้วก็มารับกระเป๋าแล้วลากผ่าน Customs ไปเลย ได้เข้าประเทศแล้วค่ะ ไชโย ! จากตรงนี้ไป เราจะต้องเดินทางเข้าเมืองแล้วค่ะ ตามโพยบอกว่าให้แวะซื้อตั๋ว Tokyo Metro 2 Days Pass ซะก่อนที่เคาน์เตอร์ชั้น 1 เราก็ไปเดินวนไปวนมาแป๊บนึง (จำเคาน์เตอร์ไม่ได้ และไม่ได้ print รูปมาซะด้วย) พอลองเข้าไปถามดูเค้าก็ชี้ให้ไปอีกเคาน์เตอร์นึง ซึ่งเราก็ดูไม่ออกว่ามันต่างกันยังไง เพราะดูป้ายแล้วมันก็เหมือนๆ กันค่ะ จากนั้นก็ลงไปอีกชั้นเพื่อซื้อตั๋ว Keisei Limited Express ราคา 1,000 yen ไปลงที่ Ueno แล้วก็เดินลงไปที่ชานชาลาค่ะ (ที่ญี่ปุ่นเรียกว่า home ใช่มั้ยคะ) ตอนนี้เราได้สัมผัสความเย็นเต็มที่แล้วค่ะ อากาศที่ญี่ปุ่นเย็นชื่นใจดีจัง ที่สถานีนี้มีป้ายไฟบอกขบวนรถเป็นภาษาอังกฤษด้วย แต่เราก็ยังงงอยู่ว่ารถ Skyliner กับ Limited Express นี่ขึ้นที่ home เดียวกันรึเปล่า แต่เราก็ขึ้นรถไม่ผิดหรอกนะคะเพราะว่าจำลักษณะข้างในขบวนรถไฟได้ค่ะ รูปนี้น่าจะเป็นขบวน JR Narita Express นะคะ จากคุณ : hiroko - [ 16 พ.ค. 52 22:43:16 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ส่วนขบวนที่เรานั่งคือรูปนี้ค่ะ ลักษณะข้างในก็เหมือนกับรถไฟฟ้าแต่เบาะเป็นกำมะหยี่นุ่มๆ มีป้ายโฆษณาติดเต็มไปหมด เรามาถึงตอนเช้ารถโล่งดีค่ะ เลือกที่นั่งได้สบาย รถจะใช้เวลาวิ่งประมาณ 1 ชั่วโมง และเราลงที่สถานีปลายทาง เลยสบายใจแอบงีบหลับซะงั้น พอรถเปิดประตูที ลมหนาวจะวูบเข้ามาที แต่ข้างในรถไฟอุ่นสบายค่ะ ตรงข้ามกับเมืองไทยเลยนะคะ ที่ไทยอยู่ข้างนอกจะร้อนแต่ในรถไฟใต้ดินจะหนาวค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 16 พ.ค. 52 22:48:43 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ระหว่างทางเราเห็นซากุระประปรายค่ะ แต่ยังไม่ได้โอกาสดูใกล้ๆ พอรถไฟจอดที่สถานที่ Ueno แล้ว เราก็จะต้องมาต่อ subway เพื่อไปที่ Aizuya Inn ค่ะ โดยมีกระเป๋าลากใบโต บวกกับกระเป๋าเป้บนหลัง พะรุงพะรังไม่เบา พอยืนอยู่หน้าตู้หยอดเหรียญแล้วก็ควักโพยขึ้นมาดูค่ะ "วิธีซื้อตั๋วรถไฟจากตู้หยอดเหรียญ โดย คุณ NumAromDee" พอลองหยอดดูแล้ว ก็ง่ายจริงๆด้วยค่ะ แถมสนุกด้วย หลังจากนั้นมาการซื้อตั๋วรถไฟก็เป็น 1 ในกิจกรรมสุดโปรดที่โตเกียวของเราเลยค่ะ ตั๋วรถไฟญี่ปุ่นหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 16 พ.ค. 52 23:00:05 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอปาดนะครับ เล่าเรื่องสนุกมากครับ นึกถึงตอนลา พ่อแม่มาญี่ปุ่นคนเดียว เหมือนกันครับ  555 จากคุณ : norman_b - [ 16 พ.ค. 52 23:01:38 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ Hiroko รอบคอบมากกกกกกกกกกกกกกกก จากคุณ : ชิงหมูเกิด - [ 16 พ.ค. 52 23:07:33 ]

ความคิดเห็นที่ 17 แวะมาติดตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ   อยากไปญี่ปุ่นเองสักครั้งเหมือนกัน จากคุณ : minna_noon - [ 16 พ.ค. 52 23:10:27 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ได้ตั๋วแล้วก็เดินตามป้ายไปหา home ของ Hibiya Line ค่ะ ซึ่งจากที่อ่านมาเค้าบอกว่าให้จำสถานีต้นทางปลายทาง หรือสถานีใหญ่ๆ ที่รถวิ่งผ่านด้วย เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าจะต้องไปขึ้นฝั่งไหน สำหรับ Hibiya Line นี่ง่ายมากค่ะ เพราะว่าไปสุดสายที่ Kita-Senju ซึ่งเป็นสถานีถัดจาก Minami-Senju ที่เราจะไปนั่นเอง ชื่อคล้ายกันขนาดนี้ยังไงก็จำได้ค่ะ ขึ้นรถไฟด้วยความตื่นเต้น ไม่กี่นาทีก็มาถึงสถานี Minami-Senju แล้วค่ะ โพยบอกว่าให้ออกทาง South Exit แต่ทางลง South Exit มันมีแต่บันได (ไม่เลื่อนด้วย) เลยเดินกลับมาเจอผู้หญิงนั่งรอรถอยู่หนึ่งคน เลยงัดภาษาญี่ปุ่นงูๆ ปลาๆ ออกมาถามว่า "Sumimasen, kono eki ni Elebetaa ga arimasu ka." (ขอโทษค่ะ สถานีนี้มีลิฟต์รึเปล่าคะ) พอดีเจ้าหน้าที่สถานีเดินมาพอดี ผู้หญิงคนนั้นเลยหันไปถามเจ้าหน้าที่ก็ได้ความว่ามีค่ะ เราก็เลยขอบคุณเค้าแล้วลากกระเป๋าไปเข้าลิฟต์ แต่...ปรากฏว่าลิฟต์นี้มันพาเราออกทาง North Exit ค่ะ ซึ่งรู้สึกว่าออกทางนี้จะต้องเดินอ้อมไกล และเราไม่ได้จดทางมาด้วย สุดท้ายเลยขึ้นลิฟต์กลับไปใหม่ แล้วไปลากกระเป๋าลงบันไดอย่างเดิมค่ะ -  -" แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 52 23:13:12 จากคุณ : hiroko - [ 16 พ.ค. 52 23:11:01 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ติดตามชมซากุระแบบเต็มๆอยู่นะคร๊า... จากคุณ : molecule_p - [ 16 พ.ค. 52 23:13:48 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตามไปเที่ยวต่อค่ะ เตรียมตัวรอบคอบมากๆเลย^^ จากคุณ : yuki_shimi - [ 16 พ.ค. 52 23:19:40 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ถึงตอนนี้เริ่มเหนื่อยแล้วค่ะ ถึงอากาศจะเย็นก็เถอะ พอออกมาจากสถานีก็เจอสะพานลอยอยู่ตรงหน้าค่ะ บันไดก็หลายขั้นอยู่ แต่โชคดีที่มีทางลาดสำหรับจักรยานอยู่ด้วย เราเลยลากกระเป๋าขึ้นทางลาดดีกว่า แต่กว่าจะลากขึ้นมาถึงข้างบนก็เหนื่อยเอาเรื่องนะคะ อากาศก็เย็นจนเราเหมือนจะน้ำมูกไหลค่ะ (คนไม่เคยชินกับอากาศเย็นก็แบบนี้แหล่ะ) พอลงจากสะพานลอยก็เดินตามทางเท้าไปเรื่อยๆ โดยดูโพยไปด้วย ระหว่างทางเจอคุณลุงเข้ามาทัก "Ohayou" แล้วถามว่าไปพักที่ไหน พอเราเอาโพยให้ดูเค้าก็อาสาจะพาเดินไปค่ะ แต่เราคิดว่ามาถึงนี่ไม่หลงแล้วเลยปฏิเสธเค้าไปค่ะ แต่สุดท้ายก็หลงจนได้ (สมน้ำหน้าตัวเอง) ที่หลงก็เพราะว่าตามโพยบอกว่าให้เลี้ยวตรงที่หัวมุมเป็นบาร์ และฝั่งตรงข้ามเป็นป้อมตำรวจ แต่เรามองหาแล้วก็ไม่เห็นจะเจอบาร์ กับป้อมตำรวจสักที จนเริ่มรู้สึกว่าชักจะเดินไกลกว่าจำนวนเมตรในโพยซะแล้ว เลยเดินย้อนกลับมาค่ะ แล้วก็ถามลุงที่ยืนรอรถเมล์อยู่ว่า "Sumimasen, Kouban wa dochira desu ka." (ขอโทษค่ะ ป้อมตำรวจอยู่ทางไหนคะ) คุณลุงบอกว่าอยู่ซอยถัดไปฝั่งตรงข้ามค่ะ พร้อมกับจะพาเราข้ามถนนไปส่งด้วย แต่เราไม่ได้จะไป Kouban ค่ะเลยไม่ข้ามไปกับเค้า แถมยังนึกคำพูดไม่ออกอีก คุณลุงเค้าคงนึกว่าเราไม่เข้าใจที่เค้าพูดแน่เลยค่ะ ถึงจะเจอป้อมตำรวจแล้วแต่เราก็ยังหาบาร์ไม่เจออยู่ดีค่ะ จนกระทั่งเราย้อนไปย้อนมาแล้วสายตาเหลือบเข้าไปในซอยเห็นป้าย Aizuya Inn สีแดงโดยบังเอิญ ถึงรู้ว่ามาถึงแล้ว ปรากฏว่าบาร์ที่ว่ามันเป็นร้านเหล้าเล็กๆ เท่านั้นเองค่ะ แล้วข้างนอกก็ปิดซะมิดชิด ถ้าไม่มีป้ายบอกเราไม่รู้ว่าเป็นบาร์จริงๆค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 16 พ.ค. 52 23:31:08 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แพ็คเราใส่กระเป๋าไปเที่ยวด้วยอีกคนนะคะ เผื่อจะวางแผนไปเองบ้างปีหน้า จากคุณ : pukkapoon - [ 16 พ.ค. 52 23:35:50 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตามไปเที่ยวด้วยคนนะครับ เก่งจังไปเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวด้วย เดิมทีผมก็มีแพลนจะไปญี่ปุ่นคนเดียวปีนี้ แต่พับไปละ อาจจะไปปีหน้าแทนครับ จากคุณ : Coffee Blended - [ 16 พ.ค. 52 23:39:34 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เพิ่งถึงที่พักเองค่ะ ยังไม่ได้ไปเที่ยวซะที  -  -"   รายละเอียดช่วงเดินทางนี้จะมากหน่อย เพราะอยากเล่าบรรยากาศการเดินทางคนเดียวว่ามันตื่นเต้นยังไง เพราะเดี๋ยวพอไปในสถานที่เที่ยวก็จะเน้นรูปมากกว่าค่ะ +++++++++++++++++++++++++++ Aizuya Inn เป็นบ้านพัก 3 ชั้น เล็ก แต่ใหม่และสะอาด น่าอยู่ค่ะ ราคาก็ไม่แพง มีเจ้าหน้าที่ผลัดกันมาดูแลหลายคน เราไปอยู่ 8 คืนเจออยู่ประมาณ 4 คนค่ะ ทุกคนพูดอังกฤษได้และอัธยาศัยดีมาก ส่วนวันแรกที่ไปถึงนี้เราเจอเจ้าหน้าที่ผู้หญิงชื่อ Sue ค่ะ เราไปถึงก็เอา e-mail confirm ห้องให้เค้าดู แล้วก็ชำระเงินค่ะ โดยเราได้อยู่ห้องเดียวกันตลอด 8 คืนเลยค่ะ เค้าคิดค่ามัดจำกุญแจ 1,000 yen และจะได้คืนเมื่อ check out เราไม่ขอ review ที่พักแบบละเอียดนะคะ เนื่องจากคุณหนุ่มฯ เคยทำเอาไว้แล้วค่ะ ห้องพักของเราอยู่บนชั้น 3 ค่ะ เห็นบ้นไดแล้วแอบท้อเพราะต้องลากกระเป๋าใบโตขึ้นไป แต่ Sue ซัง ก็ใจดีค่ะช่วยเราแบกกระเป๋าเป้ขึ้นไป ให้เราลากแต่กระเป๋าลากอย่างเดียว แต่ถึงอย่างงั้นเราก็ยังลากกระเป๋าชนขอบบันไดไปตลอดทางค่ะ พอเข้าห้องพักได้แล้ว เราขอนอนพักก่อนเลยค่ะ ไม่ไหวแล้ว .... รูปกุญแจห้องพัก กับแปรงสีฟันยาสีฟันที่ทางที่พักแจกให้ค่ะ (มีผ้าขนหนูผืนเล็กด้วย แต่เราทำหายตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ) จากคุณ : hiroko - [ 16 พ.ค. 52 23:45:41 ]

ความคิดเห็นที่ 25 นอนเล่นไปสักครึ่งชั่วโมงก็ลุกขึ้นมาจัดกระเป๋าเล็กเตรียมเดินทาง ที่จริงแล้วยังเหนื่อยอยู่ แต่มาถึงโตเกียวแล้วจะเอาเวลามานอนได้ยังไงจริงมั้ยคะ เราพกกระเป๋าเล็กมา 2 ใบค่ะ ใบแรกเป็นกระเป๋าสะพายสไตล์สปอร์ตของ ELLE ซื้อไว้นานแล้วแต่ไม่ได้ใช้ เพิ่งเอามาใช้ที่นี่ที่แรก กระเป๋าใบนี้ work มากเพราะมีช่องเล็กช่องน้อยเต็มไปหมด เวลาใช้งานจริงสะดวกมากค่ะ เราใช้เก็บของสำคัญที่ต้องไว้กับตัว เช่น passport, เงิน, ตั๋วเครื่องบิน ฯลฯ อีกใบหนึ่งเป็นเป้ผ้าร่มแบบที่มีเชือกรูด 2 ด้านแบบที่วัยรุ่นฮิตกันสมัยก่อนน่ะค่ะ ใบนี้เอาไว้ใส่ของที่ไม่สำคัญมากเท่าไหร่ เช่น หนังสือ แผนการเที่ยว ตุ๊กตา เสบียงอาหารระหว่างวัน ใช้สะดวกมากค่ะ ไม่มีรูปกระเป๋าเขียวแบบชัดๆ ค่ะ ดูรูปนี้ไปก่อนนะคะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 00:03:57 ]

ความคิดเห็นที่ 26 สิ่งที่เราพกติดตัวไปด้วย นอกจากของจำเป็นอย่าง เงิน, passport, ตั๋วเครื่องบิน, โทรศัพท์มือถือ (เอาไว้คิดเลข) เราก็พกของพวกนี้ติดตัวไปด้วยค่ะ 1. หนังสือนำเที่ยว เราเลือกเอาเล่มนี้มาที่ญี่ปุ่นด้วย เพราะให้ข้อมูลครอบคลุมย่านที่เราจะไปมากที่สุด ถึงแม้ข้อมูลจะไม่ละเอียดมากก็ตาม มีแผนที่บอกตำแหน่งสถานที่เที่ยวในแต่ละย่าน และใช้ดูสถานีรถไฟได้ดีค่ะ ชื่อหนังสือ : คู่มือท่องเที่ยวโตเกียวด้วยตนเอง ผู้เขียน : จินนี่ สาระโกเศศ สำนักพิมพ์ : วงกลม จากตอนเอาไปสภาพใหม่ปิ๊ง เราใช้ทุกวันจนกลับมากาวหลุดไปเลยค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 00:14:19 ]

ความคิดเห็นที่ 27 2. แผนที่รถไฟโตเกียว อย่างที่เล่าไปในกระทู้แรกว่าเราได้แผนที่นี้มาจากเอกสารแจกฟรีของ Kinokuniya ที่ Isetan นานแล้ว แผนที่นี้มีความพิเศษคือมีชื่อสถานีกำกับเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แถมสถานีไหนที่เป็นสถานที่สำคัญก็มีเขียนบอกไว้ด้วย และพิเศษเข้าไปอีก ตรงที่แผนที่นี้ครอบคลุมรถชานเมืองด้วยค่ะ อย่างตอนเราวางแผนไป Ghibli Museum กับ Iwasaki Chihiro Museum ก็หาสถานีเจอตั้งแต่แรก ช่วยให้ไม่ต้องปวดหัวมากนักค่ะ แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกัน คาดว่าน่าจะเป็นที่คุณภาพการพิมพ์ค่ะ ทำให้รถไฟ 2 สายที่สีต่างกัน พอพิมพ์ออกมาแล้วดูคล้ายกันมาก พอมันวิ่งเข้ามาที่สถานีเดียวกันทำให้เราดูไม่ออกค่ะว่าสายไหนวิ่งไปทางไหนกันแน่ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 52 00:24:00 จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 00:22:34 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ข้างในเป็นแบบนี้ค่ะ เราใช้จนกระดาษเปื่อยไปเลย ดูจากรูปก็จะเห็นว่าด้านขวานั่นขาดไปเรียบร้อยแล้ว  ^  ^" จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 00:25:44 ]

ความคิดเห็นที่ 29 รออ่านต่อไปด้วยใจระทึกครับผม จากคุณ : tangmosb - [ 17 พ.ค. 52 00:29:47 ]

ความคิดเห็นที่ 30 3. สมุดบันทึก + ปากกา ขาดไม่ได้เลยค่ะสำหรับคนที่ไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วยิ่งคิดจะกลับมารีวิวแล้วด้วย ต้องมีไว้จดเหตุการณ์สำคัญ หรือบันทึกความทรงจำต่างๆ ก่อนที่จะเลือนหายไปตามกาลเวลาค่ะ นี่ถ้าทริปนี้เราไม่มีเล่มนี้ไป คงเหงาๆ อยู่เหมือนกันนะคะ เพราะว่าเพื่อนก็ไม่มีให้คุย ก็ต้องบันทึกความรู้สึกใส่สมุดนี่แหล่ะค่ะ และสมุดนี้ยังช่วยฆ่าเวลาเป็นอย่างดีเวลาที่ต้องนั่งรถไฟนานๆ ด้วยนะคะ เพราะรถไฟญี่ปุ่นวิ่งนิ่มมาก เขียนหนังสือได้สบายๆ เลยค่ะ แถมเขียนอะไรไปก็ไม่มีใครอ่านออกด้วย เจ๋งสุดๆ เล่มนี้ซื้อจาก Muji ที่ Zen ค่ะ แพงเหมือนกันแต่กระดาษสวยมากๆ จบทริปแล้วยังเหลือกระดาษว่างอยู่ราว 1/3 ค่ะ วาดหน้าปกเอาฤกษ์เอาชัยซะหน่อยค่ะ ^  ^ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 00:32:08 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แอบเห็นเด็กผู้หญิงตัวเขียวบนธง น่ารักมากๆ เลย ^^ ปล. ยัง F5 ตามเรื่อยๆ ค่ะ จากคุณ : PUFF' FiSH - [ 17 พ.ค. 52 00:40:09 ]

ความคิดเห็นที่ 32 4. Tokyo Handy Map เป็นแผนที่โตเกียวที่จัดทำโดยรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับนักท่องเที่ยวค่ะ ข้างในมีทั้งแผนที่จริงๆ กับแผนที่รถไฟ และยังมีส่วนลดค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ มากมายอีกด้วย (ลดประมาณ 20% เท่ากับราคานักเรียน) แน่นอนว่าเราพกไปด้วยเพื่อใช้เป็นส่วนลดล้วนๆ ค่ะ -  -" ฉบับที่เราเอาไปเป็นฉบับใหม่ล่าสุดปี 2009 ซึ่งส่วนลดจะใช้ได้ถึงปี 2010 นู่นแน่ะค่ะ เราไปขอมาจาก อ.ส.ท.ญี่ปุ่น ตรงพระราม 4 ก่อนที่จะมาญี่ปุ่นไม่นาน ที่ Aizuyza Inn ก็มีแจกเหมือนกันค่ะ แต่เป็นฉบับเก่าซึ่งส่วนลดหมดอายุวันที่เราไปถึงพอดี เราเลยไม่ได้รับมาค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 52 00:44:48 จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 00:40:54 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สำหรับส่วนลดในนี้ เราได้ใช้ไป 2 ที่ค่ะ คือที่ Edo Tokyo Museum กับ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ที่ Ueno ค่ะ คูปองส่วนลดอยู่ที่ด้านข้างแผนที่ค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 00:44:23 ]

ความคิดเห็นที่ 34 5. คู่มือการเที่ยว เอกสารชุดนี้ เรานั่งรวบรวมเองจากการอ่านหนังสือหลายเล่ม แล้วก็ในกระทู้ห้องบลูนี่แหล่ะค่ะ รวบรวมที่สำคัญๆให้อยู่ในชุดเดียว จะได้ไม่ต้องพกหลายๆ อันให้วุ่นวาย อันที่ถ่ายมาให้ดูนี่เป็นต้นฉบับที่ลงทุน print สีเลยนะคะ ปรากฏว่าทำออกมาแล้วสวยมาก ไม่กล้าใช้ เลยเอาไป x-rox เป็นเวอร์ชั่นขาวดำ แล้วใช้อันนั้นแทนค่ะ ต้นฉบับเลยยังสวยแจ่มอยู่จนถึงทุกวันนี้  -  -" หน้าปกค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 00:49:55 ]

ความคิดเห็นที่ 35 กดF5 ตามด้วยคนครับ จากคุณ : tangmosb - [ 17 พ.ค. 52 00:49:56 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เปิดเข้าไป ก็จะเจอแผนการเดินทางแบบละเอียดค่ะ มีทั้งสถานที่ สถานีที่จะลง ค่าเดินทาง เวลาที่ใช้เดินทาง ค่าัผ่านประตู วัน เวลา ที่เปิดให้เข้าชม และรูปประกอบเผื่อเอาไว้ไปถามทางคนอื่นค่ะ pattern นี้เอามาจากคุณ aomnan ที่โพสต์ไว้ในกระทู้ของคุณหนุ่มฯ ค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 52 20:18:03 แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 52 01:01:28 จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 01:00:10 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ถัดมาเป็นรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ ที่สนามบินค่ะ รวมถึงการกรอกแบบฟอร์มต่างๆ แต่เอาเข้าจริงใช้ถามคนข้างๆ ค่ะ พอดีไฟลท์ที่เราบินมีแต่คนไทยเกือบทั้งลำ ถามสบายเลยค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 01:03:51 ]

ความคิดเห็นที่ 38 รายละเอียดการเดินทางจากสนามบิน มาที่ Minami-Senju ค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 01:05:25 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ลายแทง Aizuya Inn ค่ะ ภาพเกือบทั้งหมดในหน้านี้มาจากคุณหนุ่มฯ กับคุณ Skybox ค่ะ ต้องขอบคุณมากจริงๆ ทริปนี้เราใช้ข้อมูลของคุณหนุ่มฯ เยอะมากๆ ค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 52 01:08:25 จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 01:07:18 ]

ความคิดเห็นที่ 40 วิธีการซื้อตั๋วรถไฟของเครื่องแต่ละเจ้า กับวิธีปรับราคาค่าโดยสารโดยเครื่อง Fare Adjustment ก็ยังอุตส่าห์ทำไว้ด้วยค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 01:09:58 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ถัดมาเป็นประโยคภาษาญี่ปุ่นสำหรับการท่องเที่ยว พอดีอ่านเจอในหนังสือ Naani ก็เลยลอกเก็บไว้ค่ะ อีกส่วนหนึ่งเราเข้าไปถามเพื่อนๆ ห้อง @ Japan ค่ะ เป็นประโยคเกี่ยวกับการขอถ่ายรูป เตรียมไปเผื่อ แต่สุดท้ายไม่ได้ใช้เลยค่ะ ในชีวิตจริงไม่มีเวลาเปิดตำราค่ะ ต้องใช้สิ่งที่ฝังอยู่ในหัวเท่านั้น จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 01:13:08 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ต่อมาเป็นคู่มือการต่อโทรศัพท์ข้ามแดนมารายงานตัวกับที่บ้านค่ะ เพราะใช้วิธีโทรเข้า Access Number จึงมีขั้นตอน และรหัสต่างๆ ที่ต้องจำหลายอย่าง เลยต้องมีโพยไว้ด้วยค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 01:15:03 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ถัดไปเป็นวิธีซื้อตั๋วเข้าชม Ghibli Museum ที่เครื่อง LUPI ในร้าน Lawson ค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 01:16:08 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ลายแทงชูชกของคุณ Skybox ลอกเอามาจาก Trekking Thai ค่ะ ต้องขอบคุณมากๆ เลย เพราะ Ichiran Ramen อร่อยมากๆ กินแล้วติดใจต้องไปกินซ้ำค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 01:17:50 ]

ความคิดเห็นที่ 45 แผนที่ย่านต่างๆ เพิ่มเติม ที่ไม่มีในหนังสือ เช่น แผนที่รอบๆ ม.โตเกียว ค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 01:19:29 ]

ความคิดเห็นที่ 46 และปิดท้ายด้วย Check-List รายการสิ่งของที่เอามา และต้องเอากลับ ค่ะ ผ่านไปจะครึ่งร้อยความเห็นแล้ว ยังไม่ได้ออกเดินทาง  -  -" แต่ตอนนี้เราง่วงแล้วค่ะ ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ พรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยวกันจริงๆ แล้วค่ะ (หวังว่านะ) ฝันดีค่ะ Oyasuminasai ! จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 01:21:27 ]

ความคิดเห็นที่ 47 SUGOI!!!!! >_< คุณ hiroko เตรียมตัวได้ 100% มากมาย >_< ครั้งหน้าก็สามารถไปงีบรอขึ้นเครื่องที่gate ได้เหมือนคนอื่นแล้วล่ะค่ะ ชิลล์ได้แล้ว ^^ ไปคนเดียวบ่อยเหมือนกัน และเตรียมตัวไปแบบประมาณ20% ของ คุณhiroko 5555555 จะรอมาอ่านต่อนะคะ สนุกดี ^^ จากคุณ : puripity - [ 17 พ.ค. 52 01:30:30 ]

ความคิดเห็นที่ 48 แล้วจะมาติดตามต่อครับ... จากคุณ : ถนนสายนี้เปรี้ยว - [ 17 พ.ค. 52 09:16:13 ]

ความคิดเห็นที่ 49 .. จะมีแจกลายแทงมั๊ยน๊อออออ.....^ ^" รอติดตามตอนต่อไปค่ะ.. จากคุณ : แม่เชอร์รี่ - [ 17 พ.ค. 52 10:06:45 ]

ความคิดเห็นที่ 50 คุณเตรียมตัวดีมากๆค่ะ ^^ รอบหน้าที่เราจะไปคงจะต้องตัดแปะกระทู้คุณไปทำเป็นคู่มือซะแล้ว เพราะคิดจะไปคนเดียวเหมือนกัน ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ จากคุณ : DaRia - [ 17 พ.ค. 52 10:07:08 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เตรียมตัวดีมากเลยค่ะ  สุดยอด จากคุณ : pigpatp - [ 17 พ.ค. 52 10:19:41 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอแสดงตัว  ว่า ติดตามตั้งแต่ตอนที่ 1 แล้วคะ คุณ hiroko  Review ขั้นตอนต่างๆ สำหรับการเดินทางคนเดียว ได้ละเอียดดีคะ   แล้วจะติดตามต่อไปนะคะ จากคุณ : kittypatty - [ 17 พ.ค. 52 12:14:54 ]

ความคิดเห็นที่ 53 มารอติดตามตอนต่อไปด้วยคนครับ จากคุณ : tangmosb - [ 17 พ.ค. 52 12:32:49 ]

ความคิดเห็นที่ 54 แหล่มจริงๆ จากคุณ : MAILAKPAGKEELAN - [ 17 พ.ค. 52 14:22:55 ]

ความคิดเห็นที่ 55 กลับมาต่อแล้วค่ะ ไม่รู้คืนนี้จะโพสต์จบของวันนี้มั้ย -  -" เรื่องการเตรียมตัวที่ค่อนข้างจะพร้อมก็เพราะว่าอย่างที่บอกค่ะว่าเราไม่เคยเดินทางไปไหนคนเดียว ดังนั้นต้อง safe ตัวเองหน่อยค่ะ ถึงยังไงกันไว้ย่อมดีกว่าแก้นะคะ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ พอจัดกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็แต่งตัวชุดพร้อมรบค่ะ เรามีเสื้อแจ็คเก็ตตัวเดียว ซื้อมาจากตลาดลุงเพิ่มหลังการบินไทย และใส่มันทุกวัน ถ้ามองจากภายนอกจะดูเหมือนเราแต่งตัวชุดเดิมทุกวันเลยค่ะ ส่วนข้างในใส่เสื้อทับกัน 2 ตัวจะเป็นแขนสั้น 1 ตัว แขนยาว 1 ตัว และสลับกันใส่ซ้ำค่ะ กางเกงยีนส์เอาไป 3 ตัว ใส่ตัวละ 3 วัน วันสุดท้ายผ้านิ่มเลยค่ะ 555 ถ้าวันไหนตื่นเช้ามาดูพยากรณ์อากาศบอกว่าโตเกียวฝนตก เราก็จะหยิบร่มใสคันที่เบาที่สุดจากที่พักเกี่ยวเอวติดไปด้วยค่ะ ชุดเก่งของเราประมาณนี้ค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 15:47:30 ]

ความคิดเห็นที่ 56 รายละเอียดดีจริงๆ ชื่นชมค่ะ จากคุณ : Najenjira - [ 17 พ.ค. 52 15:58:24 ]

ความคิดเห็นที่ 57 แผนการเดินทางวันนี้มีดังนี้ 1. เดินไปจองตั๋ว Ghibli Museum ที่ Lawson ซอยข้างๆ ที่พัก 2. นั่งรถไฟไป Ryogoku เพื่อไป Edo Tokyo Museum ถ้ามีเวลาเหลือแวะชมพิพิธภัณฑ์ซูโม่ด้วย 3. เดินไป Kuramae (1 สถานีจาก Ryogoku) แวะเยี่ยมตัวการ์ตูนที่ตึกออฟฟิศ บริษัทบันได 4. เดินไป Asakusa (1 สถานีจาก Kuramae) 5. เดินเลียบแม่น้ำ Sumida ชมซากุระ 6. นั่งรถไฟไป Akihabara 7. กลับที่พัก เวลาตอนนี้ประมาณเที่ยง แต่โปรแกรมยาวเหยียดเลยค่ะ แต่ก่อนอื่นจะต้องไปโทรศัพท์บอกที่บ้านก่อนว่ามาถึงที่พักแล้วโดยปลอดภัย เห็นที่หน้าเคาน์เตอร์มีโทรศัพท์หยอดเหรียญอยู่ด้วย แบบนี้สบายเลยค่ะ จะโทรตอนไหนก็ได้ ล้วงหาเหรียญในกระเป๋าเจอเหรียญ 10 yen อยู่ 2 เหรียญ และโทรศัพท์หยอดเหรียญของญี่ปุ่นจะรับเฉพาะเหรียญ 10 yen และเหรียญ 100 yen เท่านั้น โดย 10 yen จะโทรได้ 1 นาที (local) และเหรียญ 100 yen ใช้ไม่หมดไม่มีการคืน โทรครั้งแรกเราต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดเลยใจป้ำหยอดเหรียญ 100 yen ปรากฏว่าโทรศัพท์ที่ที่พักมันเป็นอะไรก็ไม่รู้ ไม่สามารถกดหมายเลขเป็นขั้นตอนไปเรื่อยๆ ได้ (ถ้านึกไม่ออก ให้นึกถึงเวลาโทรเข้า Call Center ค่ะ) สุดท้ายเราเลยเสีย 100 yen ไปฟรีๆ โดยที่ไม่ได้คุยเลยสักคำ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราไปหาตู้สาธารณะโทรข้างนอกก็ได้ ซึ่งจากที่เดินผ่านมาก็เห็นอยู่ 2 ตู้แล้ว จากนั้น เราก็ฝากกุญแจไว้กับคนดูแลค่ะ เพียงแค่เปิดประตูออกไป ความหนาวเย็นก็มาเยือน เดินๆ ไปเราเหมือนจะน้ำมูกไหลอีกแล้วค่ะ แถมยังปวดท้องไม่หาย หิวข้าวด้วย ปลาแซลมอนเมื่อเช้าไม่เหลือแล้วล่ะค่ะ รูปเงินเหรียญญี่ปุ่นค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายวันนี้นะคะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 16:04:25 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ตั้งใจว่ากลางวันนี้จะหาอะไรกินง่ายๆ ที่ร้าน Lawson ด้วยซะเลย ก่อนออกจากที่พักก็ดูแผนที่ร้านอีกรอบนึงแล้ว แต่สุดท้ายเราก็หาไม่เจอค่ะ มารู้อีกวันนึงว่าเราไปคนละฝั่งกันเลย เป็นคนที่หลงทิศเป็นอาชีพจริงๆ -  -" เราเลยเปลี่ยนใจเข้าร้าน 7 แทน แต่ไปดูๆ ที่ชั้นแล้วก็ไม่ค่อยเจออะไรที่จะกินได้ ... ต้องบอกก่อนว่าเราชอบเกือบทุกอย่างที่เป็นญี่ปุ่น ยกเว้นอาหารญี่ปุ่นค่ะ อาหารญี่ปุ่นเรากินได้น้อยอย่างมาก ปลาดิบก็ไม่กิน สาหร่ายก็ไม่กิน ดังนั้นใครจะรอรีวิวอาหารคงต้องผิดหวังนะคะ เพราะทริปนี้เราอดอยากมากค่ะ  ^  _ ^" ในที่สุดก็เลือกขนมปังไส้กรอกมาได้ 1 อัน ราคา 250 yen (92 บาท) กับน้ำ 1 ขวด ซึ่งพอมองในตู้แช่แล้วก็ไม่เจอน้ำที่อยากกินเลยค่ะ อยากกินน้ำส้มแต่ไม่เห็นมี สุดท้ายเราลองเสี่ยงดวงซื้อน้ำผักผลไม้รวมมากิน (ที่ไทยเราไม่เคยกินเลย) และพบว่า .... มันอร่อยสุดๆ ไปเลยค่ะ ไม่ต้องแช่เย็นก็ยังอร่อย .... กินแล้ว Refresh สมกับสโลแกนของเค้าจริงๆ หลังจากนั้นเราซื้อน้ำนี้กินเกือบทุกวันเลยค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 16:23:58 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เคยอ่านมาก่อนหน้านี้แล้วว่าพอไปซื้ออาหารที่ Konbini (ร้านสะดวกซื้อ) คนขายจะถามว่าจะอุ่นหรือเปล่า พอเอาขนมปังไปจ่ายเงินคุณป้าก็พูดอะไรออกมาสักอย่าง จับความได้แค่คำว่า 'Atatakai -> อบอุ่น' ก็เลยพยักหน้าหงึกหงัก เลยไม่ต้องกินขนมปังเย็นชืดค่ะ เสร็จแล้วก็เดินไปสถานีรถไฟ ระหว่างเดินก็กินไปด้วย แต่จะเดินไปกินไปอย่างเปิดเผยก็ไม่ดี ไม่รู้ว่าคนญี่ปุ่นเค้าถือว่าเสียมารยาทรึเปล่า แต่เราก็ไม่มีที่นั่งกินค่ะ ช่วยไม่ได้ เลยแอบเอาคู่มือเที่ยวของเราบังเอาไว้แล้วเดินกินค่ะ ที่ญี่ปุ่นเค้าทำ packaging ดีจริงๆ นะคะ อย่างถุงกระดาษใส่ไส้กรอกเค้ายังทำรอยปรุไว้ให้ฉีกทิ้งทีละส่วน เวลาที่กินจนเหลือแท่งสั้นๆ แล้วจะได้กินง่ายช่างคิดจริงๆ เลยค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 16:31:55 ]

ความคิดเห็นที่ 60 สถานี Ryogoku อยู่ไม่ไกลจาก Minami-Senju แต่ไม่มีรถสายตรงวิ่งผ่าน ต้องต่อรถไฟตั้ง 2 ครั้งถึงจะมาถึงค่ะ แต่เราก็ต่อรถอย่างสนุกสนานมาก เพราะสถานีรถไฟในโตเกียวมีป้ายภาษาอังกฤษทุกที่ และบนรถไฟ JR ก็มีไฟวิ่งเหนือประตูทั้งภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ ดังนั้นไม่ต้องกลัวลงรถผิดค่ะ ออกจากสถานี Ryogoku ก็ข้ามถนนแล้วเดินไปทางขวาก็จะเจอ Edo Tokyo Museum ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าแล้วค่ะ แต่อย่าขึ้นบันไดไปนะคะ ทางเข้าให้เดินเข้าไปตรงซอกด้านซ้ายมือเรื่อยๆ แล้วจะเจอประตูทางเข้าค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 52 16:43:52 แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 52 16:38:14 จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 16:37:32 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ตั้งแต่วันที่ 18/04/2009 จนถึง 21/06/2009 จะมีนิทรรศการของ Tezuka Osamu ปรมาจารย์ผู้บุกเบิกการ์ตูนญี่ปุ่นแนวใหม่ เรื่องที่โด่งดังมากๆ ของอาจารย์ก็เช่น เจ้าหนูปรมาณู แบล็คแจ็ค ฯลฯ ถ้าเดาไม่ผิดคิดว่าเป็นนิทรรศการครอบรอบ 80 ปีนะคะ เสียดายที่ตอนเราไปงานนี้ยังไม่เริ่มค่ะ อดดูเลย ใครที่ชอบการ์ตูน ถ้าไปในช่วงนี้อย่าลืมแวะไปดูนะคะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 16:42:17 ]

ความคิดเห็นที่ 62 โบรชัวร์งานนิทรรศการนี้ค่ะ เห็นสวยดีก็เลยหยิบมา จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 16:45:03 ]

ความคิดเห็นที่ 63 โบรชัวร์อีกแบบค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 16:46:06 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เดินเข้าประตู Museum ไปจ่ายเงิน บอกเค้าว่าเรามีส่วนลดแล้วยื่น Tokyo Handy Map ให้ไป ไม่รู้ว่าเค้ามาใหม่หรือเปล่า หรือว่าไม่เคยเจอใครเอาส่วนลดมาใช้มาก่อนก็ไม่รู้ แต่คุณเจ้าหน้าที่เค้าดูงงๆ ค่ะ แล้วเค้าก็ไล่หาคูปองแต่หาไม่เจอ เราเลยช่วยชี้ให้เค้า ในที่สุดก็เลยได้ลดราคาไป 120 yen ค่ะ (ภูมิใจนะเนี่ย) ข้างในพิพิธภัณฑ์จะเปิดไฟสลัวๆ ค่ะ ผู้คนก็ไม่เยอะมากนัก มีทัวร์จีนมาลงด้วย พ่อแม่พาเด็กเล็กๆ มาเที่ยวก็มี ไม่รู้ว่าเด็กๆ สนุกกันรึเปล่านะคะ เพราะมันเป็นอะไรโบราณๆ ค่ะ ส่วนเราเดินดูแล้วไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ เพราะว่าอ่านไม่ออก ไม่รู้ว่าที่โชว์อยู่มันเจ๋งยังไง ก็เลยเดินผ่านๆ ไม่มีอารมณ์ถ่ายรูปเท่าไหร่ด้วยเพราะตอนนั้นอาการปวดท้องกำเริบค่ะ เลยวิ่งหาห้องน้ำเป็นระยะๆ ใครสนใจอยากไป Edo Tokyo Museum หาข้อมูลได้ที่นี่ค่ะ http://www.edo-tokyo-museum.or.jp/english/index.html รูปนี้เป็นสะพานจำลอง (จำชื่อไม่ได้ ขออภัยค่ะ) ที่พอตรวจตั๋วแล้วจะต้องเดินข้ามไปเพื่อชมพิพิธภัณฑ์ค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 16:56:02 ]

ความคิดเห็นที่ 65 จากสะพานมองลงไปด้านซ้ายจะเห็นแบบนี้ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ด้านหน้าจะมีเก้าอี้ให้นั่งเป็นแถวๆ ด้วยค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 16:58:27 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ยอดเยี่ยมมากครับ ยกนิ้วหัวแม่โป้งให้หมดทั้งสี่นิ้วเรย ^_^ จากคุณ : SkyBox - [ 17 พ.ค. 52 16:58:30 ]

ความคิดเห็นที่ 67 พอผ่านสะพานเข้าไปแล้วก็จะเจอบ้านเมืองจำลอง มีอยู่หลายชุดเหมือนกัน ซึ่งเราก็ไม่รู้อีกแหล่ะว่าแต่ละชุดมันต่างกันยังไง เป็นคนละยุคหรือคนละที่กันรึเปล่า ก็เลยเดินดูผ่านๆ ค่ะ แต่คนที่เค้าสนใจจริงจังก็มีนะคะ อธิบายกันโช้งเช้งเลยค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:00:48 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ส่วนอันนี้เป็นชุดเกราะนักรบโบราณค่ะ น่ากลัวเชียว จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:02:41 ]

ความคิดเห็นที่ 69 หนังสือโบราณสมัย Edo ก็มีค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:04:07 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เดินไปก็ปวดท้องไปค่ะ เลยเดินไปหาห้องน้ำ แต่ปรากฏว่าคุณป้าทัวร์จีนเข้าเต็มแถมยืนต่อแถวอีก เราเลยลงบันไดเลื่อนมาชั้นล่างแทน แล้วก็พบว่าห้องน้ำชั้นล่างช่างว่างเสียนี่กระไร แอบปิ๊งกระดาษทิชชู่ที่นี่ค่ะ package สวยจัง ดูเข้ากับสถานที่ม้ากมาก หรือว่าเป็นทิชชู่สมัย Edo ก็ไม่รู้นะคะ   ^  ^" จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:07:02 ]

ความคิดเห็นที่ 71 มาเดินต่อที่ชั้นล่างกันค่ะ ชั้นล่างก็จะมีอะไรหลายๆ อย่างให้ชม เป็นพวกของใช้เก่าๆ บ้านจำลองแบบโบราณ (หลังใหญ่ เข้าไปได้จริง) อย่างอันนี้เป็นระฆังอะไรก็ไม่รู้ แต่เห็นคนญี่ปุ่นเค้าแย่งกันสั่นกันใหญ่เลยค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:09:39 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ส่วนอันนี้เราชอบมาก เป็นภาพพิมพ์สีสมัยเอโดะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:10:47 ]

ความคิดเห็นที่ 73 แต่กว่าจะได้ออกมา 1 รูปนี้ขั้นตอนไม่ใช่ง่ายๆ นะคะ เพราะสมัยนั้นยังไม่มีเครื่องปรินเตอร์ 4 สีแบบตอนนี้ ดังนั้นการพิมพ์ก็คือการปั๊มเหมือนปั๊มตรายางนั่นเองค่ะ และปั๊มได้แค่ทีละ 1 สีเท่านั้นเอง บล็อคพิมพ์ก็เลยต้องมีหลายอัน แต่ละอันก็จะมีลายเฉพาะของสีนั้นๆ แล้วก็ปั๊มทับๆ กันไปในกระดาษแผ่นเดียวกันค่ะ เคยเห็นในทีวีว่าพิพิธภัณฑ์ภาพพิมพ์บางที่เค้ามีให้ลองพิมพ์ภาพจริงๆ ด้วย แต่ที่นี่ไม่มีค่ะ เสียดาย จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:14:03 ]

ความคิดเห็นที่ 74 พอพิมพ์ภาพเสร็จแล้วก็เอามาขายที่ร้านนี้ค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:15:40 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เกี้ยวโบราณค่ะ  (ไม่มีคำอธิบายมากกว่านี้ค่ะ แหะ แหะ) จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:16:39 ]

ความคิดเห็นที่ 76 อันนี้เป็นเวทีจำลองละครคาบูกิ ของจริงสวย เด่น และมีชีวิตชีวามากค่ะ ถึงตรงนี้ใครพกกล้องโปรมาเห็นกดชัตเตอร์กันไม่ยั้งเลยค่ะ โดยเฉพาะฝรั่ง จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:18:23 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ตัวนี้ยืนอยู่ตรงขอบเวทีค่ะ กล้องเราเก็บไม่หมดเลยได้ฉายเดี่ยวค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:20:05 ]

ความคิดเห็นที่ 78 รถจักรยานโบราณค่ะ รูปทรงโปร่งดีนะคะ รถพวกนี้เราไม่รู้ว่าเค้าห้ามจับรึเปล่า แต่เห็นพวกเด็กๆ ขึ้นไปนั่งถ่ายรูปกันเพียบเลยค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:22:18 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ถัดไปเป็นโซนรถเก่าค่ะ เจอคันนี้โชว์อยู่ดูโบราณมาก คิดถึง Suzuki Auto ในหนังเรื่อง Always เลยค่ะ เลยถ่ายกลับมาให้ป๊าดูค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:23:25 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เดินมาถึงโซนของที่ระลึกแล้วค่ะ ขอบอกว่ามีแต่ของน่ารักน่าซื้อทั้งนั้นเลย แต่เนื่องจากเราปวดท้อง และวันแรกยังไม่มีอารมณ์ช็อปปิ้งค่ะ เพราะวันนี้จ่ายเงินไปเยอะแล้ว และยังไม่รู้ว่าวันหลังๆ จะเป็นยังไง รู้สึกว่าต้องกลับไปคำนวณให้ดีๆ ก่อนว่า ใน 1 วันจะใช้เงินได้เท่าไหร่ ก็เลยได้แต่เดินดู และถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกเท่านั้นเอง ข้างๆ ร้านขายของที่ระลึกมี Stamp อันเบ้อเริ่มวางอยู่ เราเลยรีบเข้าไปปั๊มเลยค่ะ ปั๊มเสร็จจะถอยออกมาถ่ายรูปก็มีหนูน้อยคนหนึ่งวิ่งมาปั๊มบ้าง เราเลยว่าจะถ่ายหนูน้อยตอนปั๊มแทน แต่หนูน้อยก็รู้ตัวค่ะ มองหน้าเราเขม็งเลย เราเลยต้องพับโครงการไป รอให้หนูน้อยไปแล้วถึงได้รูปนี้มาค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:29:09 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ไปดูของที่ระลึกกันนะคะ ช่วงนี้ไม่บรรยายมาก สาดรูปอย่างเดียวเลยค่ะ ที่ห้อยมือถือ Edo Kitty ค่ะ สุดยอดเลยนะคะเจ้าแมว Kitty เนี่ย ไปเที่ยวที่ไหนก็เจอค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:31:34 ]

ความคิดเห็นที่ 82 Mascot ของพิพิธภัณฑ์นี้ค่ะ ชื่อว่า 'Edomaru' มันคือตัวอะไรใครรู้บอกทีค่ะ หนอนชาเขียวรึเปล่าเนี่ย -  -" ท่าทางจะเป็นผลงานของ Designer ชื่อดังด้วยนะคะ เพราะเค้าเขียนชื่อ Designer ไว้ด้วยค่ะ (แต่อ่านไม่ออกอ่ะ) จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:34:17 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ขนมค่ะ แพ็คเกจจิ้งสวยงามตามระเบียบ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:35:40 ]

ความคิดเห็นที่ 84 อันนี้ก็ขนม ราคาก็ไม่ใช่ถูกนะคะ 525 yen แน่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:36:55 ]

ความคิดเห็นที่ 85 นี่ก็ขนมค่ะ ทำเลียนแบบข้าวกล่อง สีสันคัลเลอร์ฟูลมากมายค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:38:40 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ลูกอมค่ะ น่ากินมากกกกก แต่น่ากลัวฟันผุนะเนี่ย จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:40:01 ]

ความคิดเห็นที่ 87 หน้ากากแป๊ะยิ้มค่ะ แพงด้วยนะ ไม่เชื่อดูราคาสิ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:41:18 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ของเล่นโบราณทำจากไม้กับกระดาษค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:42:28 ]

ความคิดเห็นที่ 89 มี Kendama ด้วยค่ะ (เกมส์โยนลูกบอลเสียบปลายไม้) สมัยก่อนเคยเล่นอันที่แถมมาจากรองเท้านักเรียนค่ะ (เก่ามากๆๆ) แต่อันนั้นทำจากพลาสติก และเราไม่เคยโยนเข้าเลยสักครั้ง 555 จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:45:02 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ยังไม่หมดค่ะ ยังมีอีก ลูกแก้ว เกมส์ซูโม่กระดาน คอปเตอร์ไม้ แล้วก็ กล้องคาไลโดสโคป ค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:47:18 ]

ความคิดเห็นที่ 91 หน้ากากไอ้โม่งค่ะ เห็นบ่อยๆในการ์ตูน จริงๆแล้วเป็นคาแร็กเตอร์อะไรกันแน่คะ ใช่ขโมยรึเปล่า จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:48:55 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ไปดูของสวยๆ งามๆ กันบ้างค่ะ อันนี้เป็นตุ๊กตาผ้าญี่ปุ่นตัวเล็กๆ ทำเป็นที่ห้อยมือถือ ที่ติดตู้เย็น สวย อยากได้ไปซะทุกแบบ แต่สุดท้ายไม่ได้ซื้อซักตัวเลยค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:50:28 ]

ความคิดเห็นที่ 93 มีอีกค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:51:25 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ผ้าเช็ดหน้าค่ะ สวยหวานมากๆ แต่เราเป็นคนไม่ใช้ผ้าเช็ดหน้าค่ะ ซื้อไปก็คงเก็บไว้ดูเฉยๆ ก็เลยไม่ได้ซื้อมาค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:52:41 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ของที่ระลึกรูปสุดท้ายแล้วค่ะ อันนี้น่าจะเป็นที่วางตะเกียบนะคะ แค่ที่วางตะเกียบของเค้าก็สวยชนะเลิศแล้วค่ะ เราไปทานข้าวก่อนนะคะ ค่ำ ๆ มาต่อใหม่ค่ะ  (วันนี้จะจบมั้ย ???) จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 17:55:12 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ดูของที่ระลึกเสร็จแล้ว เราก็ลงลิฟต์มาที่ชั้นล่างค่ะ ที่ชั้นนี้ก็มีของที่ระลึกคล้ายๆกับข้างบน ที่เที่ยวที่โตเกียวนี่เหมือนกันหมดเลยนะคะ คือจะมีร้านขายของที่ระลึกดักอยู่หลายชั้น กว่าจะฝ่าด่านออกไปได้ก็ต้องใจแข็งกันหน่อยล่ะค่ะ ตามแพลนวันนี้ จากนี้จะต้องเดินไปตึกสำนักงานบันได แต่ว่าเราปวดท้องและก็เมื่อยขามาก แถมตอนนี้ยัง 4 โมงเย็นเข้าไปแล้ว เราไม่รู้ด้วยว่าจากตรงนี้จะเดินไปต้องไปทางไหน แล้ว 1 สถานีนี่ไกลรึเปล่าก็ไม่แน่ใจค่ะ เราก็เลยตัดใจจากตึกบันได และจะไป Asakusa แทน แต่ในแพลนที่เราทำมาเรากะจะเดินจากตึกบันไดไป Asakusa ค่ะ ไม่ได้เตรียมแผนการเดินทางด้วยรถไฟไว้ ก็เลยนั่งเปิดแผนที่ เปิดคู่มือมันแถวๆนั้น แต่ว่าเราหาทางไป Asakusa แบบประหยัดไม่ได้ (เนื่องจากมันอยู่ใกล้กัน แต่ไม่มีรถไฟเจ้าไหนวิ่งถึงกันเลยค่ะ ต้องต่อหลายเจ้า เสียเงินหลายต่อ มันแพง !!) เลยตัดสินใจไปตั้งต้นที่ Akihabara แทน พอลงรถไฟที่ Akihabara แล้วก็เห็นป้ายทางออกไป Electric Town ค่ะ เลยเปลี่ยนแผนออกไปเดินเที่ยวซะหน่อยดีกว่า ระหว่างเดินอยู่ในสถานีก็เหลือบไปเห็นร้านอาหารค่ะ มีป้ายโฆษณา Katsukare หรือข้าวแกงกะหรี่หมูทอดออกใหม่ ราคา 540 yen ถึงจะหิวมากแต่ก็ลังเลนิดหน่อย เพราะยังไม่ได้เตรียมใจ กลัวสั่งอาหารไม่รู้เรื่องค่ะ แต่พอเข้าไปแล้วก็เห็นว่ามันมีตู้หยอดเหรียญอยู่ เฮ้อ .. โล่ง เรายืนไล่หา Katsukare อยู่แป๊บนึงก็เจอ พอหยอดเหรียญได้คูปองมาก็เอาไปยื่นให้พนักงานที่ร้านแล้วก็มานั่งรอที่โต๊ะค่ะ ในร้านนี้ขายทั้งข้าวและอาหารเส้น เห็นคนส่วนใหญ่กินราเมงกับอุด้งกันเอร็ดอร่อย แสดงว่าอากาศเย็นๆแบบนี้ เส้นร้อนๆ ขายดีกว่าข้าวค่ะ รอแป๊บเดียวเค้าก็เรียกให้ไปรับข้าวค่ะ เราก็รับมากินพร้อมกับน้ำเย็นฟรีแบบบริการตัวเอง ก่อนกินก็ต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปซะหน่อยตามประสานักทำรีวิวที่ดี แต่ตอนนั้นเองค่ะที่เราสังเกตได้ว่า ... ตั๋วรถไฟมันหายไปค่ะ เมื่อกี้ยังถืออยู่แท้ๆ ตอนนี้หายไปไหนแล้ว ลองค้นกระเป๋าทุกช่องแล้วก็ไม่มีค่ะ มองดูรอบๆ ตัวก็ไม่เจอ ตรงที่ไปเทน้ำก็ไม่มีค่ะ ตอนนั้นกังวลพอควรเลยค่ะ ไม่ได้เสียดายเงินถ้าต้องซื้อใหม่นะคะ แต่กังวลว่าจะบอกเจ้าหน้าที่เค้าว่ายังไงดีตอนที่เราไม่มีตั๋วออกค่ะ มื้อนี้เลยกินไปวิตกจริตไปค่ะ กินๆไป 2-3 คำก็รื้อค้นกระเป๋าอีกแล้ว ทำแบบนี้อยู่ 2 รอบจนกินอิ่ม (แต่ไม่หมดค่ะ จานใหญ่มาก) แล้วเราก็นึกได้ว่ามันอาจจะอยู่ตรงที่สั่งก๋วยเตี๋ยวก็ได้ (เพราะตรงอื่นที่เดินผ่านเราหาหมดแล้ว) พอมองไปก็เจอจริงๆ ตั๋วมันตกอยู่ที่พื้นค่ะอยู่ติดกับเท้าของผู้ชายคนนึง แต่เราไม่รอแล้วค่ะ รีบผวาไปเก็บตั๋วมา เฮ้อ ค่อยยังชั่ว แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 15:20:45 จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 19:23:11 ]

ความคิดเห็นที่ 97 หน้าตาแกงกะหรี่หมูทอดเจ้าปัญหาค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 19:24:19 ]

ความคิดเห็นที่ 98 อิ่มแล้วก็ได้เวลาออกไปเดินเที่ยวค่ะ Akihabara เป็นย่านร้านค้า แสงไฟวูบวาบไปหมด เดินไปเรื่อยๆก็จะเจอร้านขาย Computer, DVD, Gadget ต่างๆ  ร้านขายสินค้า Anime สาวน้อยล้วนๆก็มี แต่เราไปเสียเวลาอยู่ในร้านขายของเล่นค่ะ มีสินค้า Character ต่างๆ เพียบ ทั้ง Rilakkuma, Totoro, Ponyo ฯลฯ เราเข้าไปหาตุ๊กตาแมวค่ะ เราอยากทำรีวิวแบบมีแมวเป็น Guide แต่หาที่น่ารักถูกใจไม่ได้ และอารมณ์ช็อปยังไม่มาค่ะ เลยออกมามือเปล่าในที่สุด จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 19:30:44 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ตกเย็นแล้วอากาศหนาวลงอีก เราเลยตัดสินใจไม่ไป Asakusa แล้วค่ะ เพราะปวดขามาก และจากตรงนี้มี subway สาย hibiya line ตรงไปที่พักได้เลย เราเลยเกิดขี้เกียจขึ้นมาซะงั้น แต่เรากลับหาทางเข้า Tokyo Metro ไม่เจอค่ะ เจอแต่สถานีของ JR กับ Tsukuba Express พอดีเจอโอบ้าจังคนนึงแต่งชุดกิโมโนสวยเชียวยืนอยู่คนเดียว คาดว่าคงรอใครสักคนอยู่ (จะเป็นโอจี้จังสุดหล่อรึเปล่าก็ไม่รู้) ก็เลยเดินเข้าไปถามทางค่ะ (เวลาต้องถามทาง เรามักจะเลือกถามโอบ้าจังค่ะ เพราะคนแก่จะพูดช้า ชัด และเสียงผู้หญิงจะฟังง่ายกว่าผู้ชายที่ชอบพูดเสียงอยู่ในคอ) โอบ้าจังบอกว่า ต้องข้ามสี่แยกไป แล้วเลี้ยวซ้าย ทางเข้าสถานีอยู่หลังตึกฝั่งตรงข้ามค่ะ .... เราแอบปลื้มนิดหน่อยที่ฟังออก ถึงภาษาญี่ปุ่นเราจะเบสิค แต่มันก็ช่วยเราในทริปนี้ได้เยอะเลยนะคะ เพราะถ้าพูดฟังญี่ปุ่นไม่ได้เลย เราอาจจะหลงนานกว่านี้ค่ะ ระหว่างเดินกลับที่พัก เห็น 2 สาวสะพายเป้ใบโตเดินนำอยู่ข้างหน้า ท่าทางชะเง้อชะแง้ไปมองกระดาษไปเลยเดามาคงเดินหาที่พักตามลายแทงอยู่ เราเลยเดินตามไป ชะโงกดูเห็นว่ามาหา Aizuya Inn เหมือนกัน แต่ยังไม่แน่ใจว่าเป็นคนไทยรึเปล่า เลยเดินใกล้เข้าไปอีกจนเห็น tag บนกระเป๋าว่าเป็นการบินไทย เลยเดินไปทักแล้วเดินไปด้วยกัน ดีใจที่ได้ช่วยให้เค้าไม่หลง เพราะเมื่อเช้าเราเดินหลงมาแล้วค่ะ กลับถึงที่พักก็รีบอาบน้ำก่อนเลย อาบน้ำที่ Aizuya Inn ต้องหยอดเหรียญค่ะ 100 yen น้ำไหล 5 นาที อาบครั้งแรกเรากำลงไป 200 yen เผื่อไม่พอ แต่ปรากฏว่าเหลือเฟือมากค่ะ เราอาบเสร็จแล้วเพิ่งจะผ่านไป 2 นาที อีก 3 นาทีที่เหลือราดน้ำร้อนเล่นๆ กลัวไม่คุ้มค่ะ 555 ขนาดวันที่ต้องสระผมเรายังใช้แค่ 100 yen เลยค่ะ เป็นผู้หญิงที่อาบน้ำประหยัดมากถึงมากที่สุด จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 19:43:54 ]

ความคิดเห็นที่ 100 มีคนอยากทราบค่าใช้จ่าย งั้นจะขอสรุปคร่าวๆ นะคะ Expense : 31/03/2009 วันแรกนี้เป็นค่าใช้จ่ายล่วงหน้าซะเยอะค่ะ ค่าที่พักล่วงหน้า + ประกันกุญแจ                25,700          yen ค่าเดินทาง + บัตร 2 Days Pass                  2,590           yen ค่ากิน                                                       790           yen ค่าเข้าชมสถานที่                                         480           yen เบ็ดเตล็ด ค่าอาบน้ำ ค่าโทรศัพท์                     345           yen รวมทั้งหมด                                           29,905           yen คิดเป็นเงินไทย คูณ .37 นะคะ จบวันแรกแล้วค่ะ ปิดท้ายด้วยรูปจักรยานที่จอดอยู่ที่ Edo Tokyo Museum เราเห็นล้อมันน่ารักกิ๊บเก๋ดีเลยถ่ายไว้ ที่เมืองไทยมีแบบนี้บ้างรึเปล่าคะ ?? พบกันใหม่ Part3  ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ จากคุณ : hiroko - [ 17 พ.ค. 52 19:54:44 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : bcc155 - [ 17 พ.ค. 52 21:04:59 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ละเอียดมากเลยค่ะ ชอบการเตรียมตัวของคุณ hiroko มากๆเลยค่ะ รอบคอบมากๆจริงๆ ไฟล์ Plan ที่ทำก็สวยเรียบร้อยและดูเป็นระเบียบมากเลยค่ะ รออ่านตอนต่อๆไปนะคะ จากคุณ : Kuromiko - [ 17 พ.ค. 52 22:11:34 ]

ความคิดเห็นที่ 103 มิวเซียมน่ารักมากค่ะ ขอจดไว้ก่อน คราวหน้ามีเวลาจะไม่พลาดไป ไปเที่ยวคนเดียวข้อดีคือ...อยากไปไหนก็ไป อยากไปที่ๆชอบก็ไปได้ ตอนอาบน้ำที่ไอซูย่าเราก็พกไป 200 เยนเหมือนกัน ทั้งต้องสระผมด้วยแต่ 100 เยนก็พอค่ะ ตอนเช้าผ่านไม่ต้องอาบ อีดนิดคือ เราตื่นเช้า คอมฯข้างล่างไม่มีใครใช้เลย ครองอยู่คนเดียว ต่างกับตอนหัวค่ำ ฝรั่งนั่งใช้ต่อคิวยาวเลย จากคุณ : เจ้าแก้วพิสดาร ณ เมืองปาย - [ 18 พ.ค. 52 07:09:33 ]

ความคิดเห็นที่ 104 เน็ทที่บ้านมันเต่า โหลดรูปแล้วอืดดดดดดดด พึ่งมาอ่านเต็ม ๆ ที่ทำงาน เยี่ยมมาก อยากไปพอดี Edo Tokyo Museum เนี่ยะ.. ไปเองยังไม่มีตังค์ ติดกระทู้คุณฮิโรโกะไปแทนก่อนละกัน ปล. ชอบวิธีการเขียนบันทึกของคุณฮิโระจัง วาดเป็นการ์ตูนด้วย น่ารักดี จากคุณ : NumAromDee - [ 18 พ.ค. 52 09:18:32 ]

ความคิดเห็นที่ 105 SuKOI!!!!!!!!!!!! ขอเป็นทาสกระทู้ท่านทุกตอนไป ใจเย็น และขยันมากกกก รีวิวละเอียด เรียบร้อย น่าเดินตามสุดๆ ประทับใจมากค่ะ สู้ๆๆๆ นะ จากคุณ : Mosalina - [ 18 พ.ค. 52 18:50:01 ]

ความคิดเห็นที่ 106 น้ำลายหกเลยค่ะ อยากไปเดี๊ยวนี้เลย เขียนได้ละเอียดมาก อย่างนี้ปีหน้าเราสบายแน่ๆ แฮะ แฮะ จากคุณ : pukkapoon - [ 18 พ.ค. 52 23:41:46 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ต่อ Part3 ค่ะ Ueno -> Asakusa จากคุณ : hiroko - [ 24 พ.ค. 52 15:58:40 ]