Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ศุลไทยไขปัญหา "ของกินหลอนๆ"

    จากกระทู้แรกที่มาแนะนำตัวขอเป็นผู้ช่วยตัวเล็กๆในการเดินทางผ่านสนามบินของสมาชิกทั้งหลายนั้น ก็ให้รู้สึกอบอุ่นและมีแรงในการที่จะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆครับ

    ขอบพระคุณทุกท่านครับ

    ผมเห็นว่าหลายความเห็นจากกระทู้เก่าhttp://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E7869304/E7869304.html

    ตามนี้ยังมีข้อสงสัยอยู่มากเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีให้กับของใช้ส่วนตัวระหว่างเดินทางครับ เพราะว่าที่ยกเว้นให้นั้นเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด คือว่าให้สำหรับของที่คุณใช้ในการเดินทางทริปนั้นจริงๆเท่านั้น แต่เนื่องจากกฎหมายได้เปิดช่องให้กับเจ้าหน้าที่ใช้ดุลยพินิจในการตรวจปล่อยสัมภาระด้วยครับ เราก็เลยอนุโลมให้เข้ากับยุคสมัยด้วยการมีระเบียบภายในออกมาใหม่เรื่อยๆ เพื่อรองรับสินค้าใหม่ๆและการท่องเที่ยวไปในตัว

    ดังนี้แล้วทำให้เราอนุโลมให้สินค้าใหม่ที่ผู้โดยสารนำติดตัวเข้ามาและมีลักษณะเพื่อเอาไปใช้เอง เช่นซื้อน้ำหอมมาหนึ่งขวด มือถือหนึ่งเครื่อง อะไรประมาณนี้ครับ ต้องย้ำว่าเป็นการอนุโลมนะครับผม

    ส่วนพวกจักรเย็บผ้าหรือสิ่งของที่ใช้ในบ้านแบบที่ใช้แล้วเนี่ย ก็เอาผ่านช่องเขียวไปได้เลยและก็ตอบไปตามตรงว่าย้ายบ้านหรืออะไรทำนองนี้ ส่วนมากก็ปล่อยผ่านครับ

    ว่ากันง่ายๆคือมีองค์ประกอบอื่นในการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ครับผม

    ส่วนเรื่องการช่วยยกกระเป๋าให้ผู้โดยสารนี่เป็นปัญหาโลกแตกสำหรับเจ้าหน้าที่ครับ เพราะว่าผู้โดยสารที่ยกกระเป๋าให้เราเข้าเครื่องสแกนนั้นก็ยกกระเป๋าของตัวเองครับ แต่เจ้าหน้าที่นี่สิครับ ยกหมดนี่อาจจะต้องตัดแขนได้เลยครับ

    เพราะว่าพวกเราตรวจสแกนกระเป๋ากันวันละเฉลี่ย 2000 ใบ หากว่าในนั้นมีอยู่ซัก 500 ใบ ที่เจ้าของยกไม่ไหวหรือไม่ถนัดแล้วเราช่วยยกนี่ก็แทบแย่แล้วครับ และโดยหลักการสากลของศุลกากรเขาก็ไม่มีการยกกระเป๋าเข้าเครื่องให้ครับผม มีแต่เมืองไทยนี่แหละครับที่ช่วยยกกระเป๋าให้สตรีและคนชรา หรือพี่ผู้ชายที่อาจจะปวดหลังปวดแขนครับ

    อันนี้ผมขอความกรุณาเลยครับ ว่าถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็ยกหน่อยครับผม

    ผมเคยช่วยแอร์โฮสเตสยกกระเป๋าเข้าเครื่องสแกนเพราะว่ามีรอต่อแถวกันยาว ซัดไป 40 กว่าใบ ปวดแขนไปสามวันครับ และกรณีที่คนเบียดกันเข้าช่องมากๆก็จะต้องออกไปยกเองเหมือนกันครับ บางท่านนี่เรียนตรงๆว่าหนักจริงๆครับ ยกสองมือยังแทบไม่ขึ้นครับ

    อ้าว ยังไม่ได้เล่าเรื่องของกินเลย

    นอกจากชาวจีนที่มักจะขนของกินหลอนๆเข้ามาแล้ว ยังมีชาวแอฟริกาอีกด้วยครับ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมตรวจสัมภาระของชาวเอธิโอเปีย และภาพในจอก็ฟ้องว่ามันเป็นอะไรซักอย่างเหมือนๆกันและแน่นกระเป๋าเลยครับ

    พอเอาไปเปิดดูก็พบว่าเป็นหัวปลาตากแห้ง และหน้าตามันเหมือนปิรันย่าเลยครับ มีเขี้ยวเต็มปากอีกต่างหาก ผมก็ถามผู้โดยสารว่าเอาเข้ามาทำอะไร? พี่แกก็บอกว่าเอามากิน โดยต้มเป็นน้ำซุป หรือเคี่ยวให้มันอ่อนหน่อยแล้วกิน

    สาบานได้ว่าหน้าตามันไม่น่าจะเอามากินเลยแม้แต่นิดเดียวครับ

    และอีกเรื่องคือ ดีวัวร์ ครับ

    เป็นที่ทราบกันดีว่าศุลกากรเราอนุญาตให้ผู้โดยสารหนึ่งคนนำสุรา(รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์)เข้าประเทศได้เพียง 1 ลิตร เท่านั้น

    ผมสแกนกระเป๋าของพี่ผู้หญิงท่านหนึ่งเดินทางมาจากฝรั่งเศส และได้เห็นว่ามีขวดเหมือนขวดไวน์เรียงกันอยู่กลางกระเป๋า 4 ขวด โดยปกติตัวผมเองจะถามผู้โดยสารก่อนว่ามีเหล้าหรือไวน์มากี่ขวด ถ้าโกหกก็จะเข้มหน่อย ถ้าตอบตามตรงก็จะอนุโลมมากหน่อย อันนี้ส่วนตัวแท้ๆเลยนะครับ

    ผมก็ถามคุณพี่ท่านนั้นว่ามีไวน์มากี่ขวด คือในจอมันแยกได้ว่ามันเป็นขวดอะไรนะครับ พี่เค้าก็ตอบมั่นใจเลยว่า

    "สองขวดค่ะ"

    ผมก็เลยถามว่าอีกสองขวดข้างๆมันคืออะไร เค้าก็บอกว่า "ดีวัวร์"

    อ้าว ผมก็ว่า "ดีวัวร์นี่ไม่ใช่ไวน์เหรอครับพี่" น้ำเสียงอารมณ์ประมาณว่าอย่ามาหลอกศุลฯไทยให้ยากเลย

    ฮ่าๆ พี่แกก็ตอบแบบงงๆว่า "เอ่อ...มันเป็นน้ำดีของวัวน่ะค่ะ"

    เพล้ง!!! เสียงหน้าศุลกากรแตกยับเยินครับ ใครจะไปรู้ว่าพี่แกจะอิมพอร์ตน้ำดีของวัวมาจากฝรั่งเศสล่ะครับ

    อย่าลืมนะครับผม "ดีวัวร์"

    จากคุณ : Eat that Liqu - [ 17 พ.ค. 52 18:34:23 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com