ความคิดเห็นที่ 1 การเดินทางครั้งนี้ ก็ยังคงเหนียวแน่นสำหรับบริการ 0 บาท ของ "ปีกแดงแรงฤทธิ์" แต่ถือว่าเป็น 0 บาทที่แพงเอาการอยู่ จากการสำรวจล่าสุด 0 บาทอยู่ที่ 1250 บาทไปกลับ แต่ผมจองแพงกว่าไปเกือบ 3 เด้ง (ดีที่ไม่ต้องจ่ายรอบวง) 3050 บาท ถือว่าแพงมาก ๆ สาเหตุก็เพราะว่า แคล้วคลาดกับพม่ามาหลายรอบ รอบแรก 2200 บาท เมื่อ 2 ปีที่แล้ว จนทำ visa อะไรเสร็จ ก็เจอเหตุการณ์ยิงกันในพม่า ประท้วงราคาน้ำมันแพง จน "ปีกแดง" หมดแรงซ้างั้น เลิกบินมันซ้าเฉย ๆ ด้วยเป็นห่วงสวัสดิภาพทุกฝ่าย ต่อมาจะจองรอบใหม่ 2800 กว่าบาท ก็เจอนากิสถล่ม ดีที่ยังไม่ได้จอง เพราะจองคงต้องเลื่อนอีก พอเปิดจองรอบใหม่ 3050 รอบนี้แหละ รีบไปนิด ผิดแผนเลยครับพี่น้อง จ่ายแพงไปตั้งเยอะ แต่ไม่เป็นไร ถ้ารอบหน้า 0 บาท 1250 อีก ไม่มีพลาดแน่ ๆ ถือว่าเอามาถัวเฉลี่ยกัน น่าจะ ok จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 10:47:46 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เหมือนเดิม เมื่อมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ต้องไปจุดเช็คชื่อกันก่อน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 10:48:52 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตรงจุดนี้ผม concern ค่อนข้างมาก เพราะถือว่า ถ้ามาสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ต้องมาเช็คชื่อกันที่นี่ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 10:50:51 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เสมอ! เพราะถ้าไม่ได้มาเช็คชื่อกันตรงจุดนี้ ถือว่ามาไม่ถึง ต้องกลับไปจองตั๋ว เริ่มออกเดินทางกันใหม่เลยทีเดียว เช็คชื่อกันพอหอมปากหอมคอยามเช้า แล้วเราก็มุ่งหน้าไปหาอะไรอร่อย ๆ 0 บาทใส่กระเพาะกัน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 10:51:43 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เป้าหมายของเราคือ King Power Lounge ที่นี่ สมาชิกบัตร King Power สามารถมานั่งเล่นชิว ๆ จิบอะไรร้อน ๆ ช่วงระหว่างรอขึ้นเครื่องได้ อย่าเรียกว่าฟรีเลย ในราคา 0 บาท จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 10:53:06 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แต่สำหรับเราแล้ว มันคือมื้อเช้า มื้อหนัก ตุนพลังสำหรับการผจญภัยตลอดวันกันเลย เริ่มต้นด้วยนี่ครับ corn flake รสหวาน กรุบกรอบ อร่อย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 10:54:24 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ตามติดมาด้วยรสช็อคโกแลต แสนอร่อย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 10:55:02 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วก็ข้าวต้มหมู ใส่เห็ด ร้อน ๆ 2 ถ้วย ก็ตามไป จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 10:55:49 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แล้วก็ยังมี ขนมปังแซนด์วิช อีก 1 แถวใหญ่ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 10:56:49 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตามติดด้วยขนมหวาน ที่เริ่มต้นด้วย ขนมปังหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ราดนมข้นหวาน แสนอร่อย ถูกใจคุณหนู ๆ อย่างผม จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 10:57:46 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แล้วก็ยังมี มัฟฟินผลไม้ รสหวานอร่อยชื่นใจ ด้วยรสผลไม้ที่สอดเป็นไส้อยู่ภายใน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 10:58:36 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เหมือนจะยังไม่จบง่าย ๆ เพราะเมื่อพยาธิถูกปลุกให้ตื่นมาตั้งแต่เช้ามืดขนาดนี้ เราก็ต้องปิดท้ายกันด้วย พายผลไม้ ที่สัมผัสได้ถึงเนื้อผลไม้ชุ่มช่ำ อย่างแก้วมังกร แคนตาลูป หวาน ๆ ถือเป็นการปิดเกมส์เซิร์ฟ ที่เฉือนชนะคู่ต่อสู้ไปอย่างสวยสดงดงาม จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 11:01:19 ]

ความคิดเห็นที่ 13 กล้อง 3 ตัดภาพไปยังสนามบินย่างกุ้ง ผมไม่แน่ใจว่าชื่อสนามบินมิงกาลาบา หรือป่าว เพราะไม่เห็นป้ายชื่อสนามบิน! ตอนแรกเข้าใจว่าคงเป็นสนามบินเก่า ๆ แบบนอยไบ ที่ฮานอย แต่ขอโทษ ดูจากลักษณะแล้ว ถือว่าใหม่มาก! เผลอ ๆ อาจจะเปิดก่อนสุวรรณภูมิได้ไม่นาน เหมือนจะไม่ถึง 5 ปี เพราะดูยังสะอาดสะอ้าน และใหม่หมดจด ไร้ริ้วรอย เหมือนสาวแรกแย้ม จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 11:04:47 ]

ความคิดเห็นที่ 14 นี่ครับ รถที่พาเราเข้าสู่ตัวอาคารผู้โดยสารขาเข้า จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 11:05:45 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ปูเสื่อรอชมครับ จากคุณ : Jeffrey - [ 24 พ.ค. 52 11:06:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว เวลาแห่งการผจญภัยก็เริ่มขึ้น ช่วงที่ผมไป มีการตรวจเฝ้าระวังไข้หวัดหมูเม็กซิกันอย่างเข้มงวด ประเทศนี้ ยังใช้อะไรสักอย่างยิงแสงมาที่ตัวเรา แล้วดูอุณภูมิอยู่เลย ไม่มีเทอร์โมสแกนทันสมัยแบบบ้านเรา (สนามบินในประเทศ ยังใช้ที่วัดอุณหภูมิ แบบที่โรงพยาบาลใช้อยู่เลย คือเอามาจิ้มที่หู แล้วดูอุณหภูมิ ตอนแรกนึกว่า ต้องอมปรอทเสียแล้ว) ยินดีต้อนรับสู่พม่า ดินแดนสุวรรณภูมิ (ว่างั้น) แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 52 06:39:16 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 11:08:32 ]

ความคิดเห็นที่ 17 Taxi จากสนามบินเข้าตัวเมือง อย่าให้เกิน 5 เหรียญเป็นใช้ได้ แต่ถ้าต่อรองได้เจ๋ง ๆ นะ ผมต่อรองลงมาเหลือ 4 พันจั๊ดแล้วด้วย ติดตรงที่เราไม่มีเงินจั๊ตให้แลกภายในสนามบิน ต้องไปแลกในเมืองเท่านั้น 1 usd จะเท่ากับ 1 พันจั๊ต โดยประมาณ แลกในตลาดมืดในเมือง rate จะอยู่แถว ๆ 1020 จั๊ตต่อ 1 usd ไปจนถึง 1050 จั๊ต กันเลย ถ้าแลกเป็นร้อยเหรียญ ราคาอาจต่างกันเป็นร้อยบาท (1000 จั๊ต = 35 บาท โดยประมาณ ต่อไปเราจะใช้ rate นี้ในการคำนวณกันนะครับ ท่านผู้ชม) คนพาไปแลก ได้ค่าหัวคิวด้วย แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 11:19:25 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 11:12:37 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ก่อนที่เราจะไปกันต่อ ผมขอเล่าให้ฟังกันนิดนึงว่า ประเทศนี้! ผู้คนอยู่ได้ด้วยเงินกินเปล่า เงินกินค่าหัวโดยแท้ ถามทุกคนดู ทุกคนในพม่า พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เราให้ความเสมอภาค คนพื้นที่หรือต่างชาติ เราคิดราคาเดียวกัน! ทุกอย่างราคาเดียวกัน! ที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร ที่แลกตังค์ ทุกอย่าง คิดราคาเดียวกัน อย่างเสมอภาคโดยแท้! แต่ในทางปฎิบัติ ในความเป็นจริง มันกลับตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง ผมยกตัวอย่าง ค่าที่พักโรงแรม ต่างชาติจ่ายค่าที่พัก 20 USD ต่อห้อง แต่คนพื้นที่จ่ายแค่ 18 USD อย่าเพิ่งงงครับ ต่างกัน 2 เหรียญ หรือเกือบ 70 บาทอย่างนี้แล้ว บอกคิดราคาเดียวกันได้ไง เค้าคิดราคาเดียวกันจริง ๆ เพราะจะยังไง จะคนต่างชาติ หรือคนพื้นที่ โรงแรมก็ยังคงได้ 18 USD! ไม่ว่าใครมาพัก ก็ตาม แตกต่างกันอยู่เพียงแค่ต่างชาติมาพัก ต้องจ่าย 20 USD เพราะอีก 2 เหรียญ โรงแรมไม่ได้ตรงจุดนั้น แล้ว 2 เหรียญนั่นใครได้ไป? คนขับ taxi ครับ! คนขับ taxi ที่พาเราไปโรงแรมได้ไป ถือเป็นค่าหัวคิว แล้วโรงแรมก็ปากแข็ง บอกไม่เคยจ่าย commission ก็แหง๋ละสิ ฉันต่างหากที่เป็นคนจ่าย โรงแรมเคยจ่าย commission ให้คนพาแขกไปพักเสียที่ไหนกัน ไม่เคย! พูดถูก จริงใจ ไม่เคยไก่กา ไม่โกหกด้วย เพราะเป็นเมืองพุทธที่เคร่งมาก โกหกไม่เป็น มิหนำซ้ำโรงแรมเองก็ happy เพราะเค้าได้ลุกค้าเพิ่ม รายได้ก็ไม่ได้ลดลง เพราะจะคนพื้นที่ หรือต่างชาติ โรงแรมก็ได้ค่าที่พัก 18 เหรียญเท่าเดิม คิดดูก็แล้วกันครับ ทุกที่ ทุกวันที่อยู่ที่นั่น ต้องเจอแบบนี้แล้ว "เซร็งจิต" อยู่เล็กน้อยถึงปานกลาง จะแลกเงิน กินข้าว จ่ายค่า taxi จากสนามบินไปที่พัก ทุกอย่างเป็นแบบนี้หมด ได้หัวคิวแล้วยังไม่พอ หนอย! ยังจะมาขอ tip อีกคราวละ 2 เหรียญ ตอนหลังผมจับทางได้ เลยบอกไปว่า ฝันไปเถอะ ได้ค่าหัวคิวแล้ว ยังจะมาขอ tip อีก ไม่ถีบให้ก็บุญถมแล้ว เห็นผมเป็นมหาเศรษฐีบ่อน้ำมันหรือไง ถึงได้ตอดเล็กผสมน้อย แบบจริงใจเสมอต้นเสมอปลาย เดี๋ยวจะมาเล่าต่อ ตอนนี้ดูหนังตัวอย่างไปก่อนก็แล้วกันนะครับ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 11:37:36 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 11:14:55 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ทันทีที่ออกจากสนามบิน ก็เกิดอาการงงเล็กน้อย อย่างแรกคือ รถส่วนใหญ่ที่เห็นบนท้องถนน ดูเหมือนจะไม่มีคันไหน ใหม่เกินปี 2000 เลย 90% เป็นรถแถว ๆ ยุค '70s หรือ '80s ทั้งนั้นเลย ยกเว้นคันข้าง ๆ นี่ ผมเพิ่งเห็นตอนกลับถึงกรุงเทพฯ แล้วว่า ทำไมตอนอยู่ย่างกุ้ง ไม่ค่อยเห็นอะไรแบบนี้เลย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 11:39:51 ]

ความคิดเห็นที่ 20 รถส่วนใหญ่ ยังมีกระจกส่องข้าง (หูช้าง) แบบอยู่บนกระโปรงหน้ารถอยู่เลย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 11:41:31 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ประเภทที่สีเงาสวยอย่างบ้านเรานี่เลิกฝันไปได้เลย ส่วนใหญ่ จะเป็นสีด้านเสียเป็นส่วนใหญ่ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 11:42:50 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อย่างที่สองคือ รถพวงมาลัยขวา อย่างบ้านเรา ก็ควรจะวิ่งเลนซ้าย อย่างบ้านเราถึงจะถูก แต่ปรากฏว่า รถพวงมาลัยขวา แต่วิ่งเลนขวา งงมาก ๆ เลยครับพี่น้อง เพราะมันส่งผลต่อการข้ามถนนว่าเราจะต้องระวังรถที่วิ่งมาจากทางไหน ไม่เช่นนั้นแล้ว อาจโดนรถชนได้ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 21:04:54 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 11:45:09 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เท่าที่ทราบมาคือ เมื่อก่อน รถยนต์ต่าง ๆ ก็ขับกันพวงมาลัยซ้ายนั่นแหละ เพราะรถวิ่งเลนขวา แต่เมื่อราว 40 ปีก่อน ผู้นำรัฐบาลทหาร ไปให้หมอดูทำนายว่า จะให้ดำรงค์ตำแหน่งทางการเมืองให้นาน ๆ ได้อย่างไร หมอดูบอก ให้เปลี่ยนให้คนทั้งเมืองขับรถพวงมาลัยขวาเสีย เท่านั้นแหละ "งานเข้า" เลยครับพี่น้อง รถทุกคนต้องเปลี่ยนไปขับพวงมาลัยขวา แต่ถนนหนทางต่าง ๆ ไม่สามารถกลับเลนเป็นซ้ายได้ ลักษณะก็เลยเป็นอย่างที่เห็น อีหลักอีเหลื่อกันน่าดู แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 21:06:06 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 11:48:27 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เพราะฉะนั้น ถ้าหากสามารถขับรถในพม่าได้คล่อง ๆ แล้วละก็ ประเทศไหนในโลก ก็ไม่ต้องกลัวอีกแล้ว เพราะถือว่าผ่านสนามการประลองที่ "หฤโหด" เสียยิ่งกว่า ปารีสดักก้าร์ มาแล้ว แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 21:07:11 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 11:50:11 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เกาะกระทู้ตามมาเที่ยวพม่าด้วยคนนะครับ คุณเกษมสงสัยจะชงกับประเทศพม่านะเนี่ยยย แต่ความพยายามเอาชนะทุกสิ่ง ในที่สุดก็ได้ไป ดีใจด้วยครับ จากคุณ : Coffee Blended - [ 24 พ.ค. 52 11:52:40 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เพียงชั่วเคี้ยวหมากแหลก เราก็มาถึงที่พักของเรา เราพักกันที่ Beauty Land II สนนราคา ห้องพัก 1 ห้อง แบบมีแอร์ + พัดลม + ทีวี + น้ำอุ่น = 18 เหรียญ แต่ว่าเค้าใจดี ช่วง low season แบบนี้ คิดไป 16 เหรียญต่อห้องพอ (พัก 2 คน ก็ตกคนละ 8 เหรียญ หรือ 280 บาท ต่อคนต่อคืน) พักเดี่ยวเค้าคิดคนละ 10 เหรียญ หรือ 350 บาท ขาดตัว จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 11:53:31 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ก่อนที่เราจะไปกันต่อ ผมขอบอกไว้สำหรับท่านที่จะไปพม่านะครับ ก็คือเรื่องเงินที่จะใช้ในพม่า เพราะเล่นเอาเราเกือบกลับประเทศไม่ได้ ที่นี่เค้ารับเฉพาะเงิน us dollars ที่ใหม่ ไม่มีรอยหมึก และไม่มีรอยฉีกขาดเท่านั้น! รอยดินสอก็ไม่ได้ ไม่รับกันเลย เพราะฉะนั้น เขียนตัวโต ๆ แปะไว้ในกระดาษโน๊ต ตอนแลกเงิน us dollars ที่ร้านโคตรรวย หรือจะเป็นทัวร์จีนย่านเยาวราช หรือร้านไหนในดวงใจของคุณว่า ขอแลก 20,000 หรือขอแลก 10,000 หรือจะ 15,000 เป็น us dollars ที่ใหม่ และไม่มีรอยหมึก และไม่มีรอยฉีกขาด แม้แต่เพียงนิดเดียว ต้องการแบบนี้เท่านั้น ถ้าหากมีรอยแม้แต่นิดเดียว ขอเปลี่ยนใบเลย เพราะจะได้ไม่ประสบปัญหา แบบที่ผมเจอที่สนามบิน จนเกือบกลับประเทศไม่ได้ เพราะเหลือแบงก์ที่เหลือเลือกแล้วเท่านั้นจริง ๆ เทกระเป๋าให้เลือกเลย บอกนี่แหละที่มีทุกใบในกระเป๋า ที่ดี ๆ คนอื่นเค้าเลือกไปหมดแล้ว แถมต้องใช้เงินแบบกระเบียดเกษียณ เพราะอยากใช้เงินอยู่ แต่เค้าไม่รับแลก บอกแบงก์เก่า! แม้จะไม่ใช่แบงก์ปลอมก็ตาม แถมคนในประเทศก็ใจดีนะ รับแลกไว้เก็บเองให้ได้ เพราะเค้าสามารถเอาไปซื้อขายในตลาดมืด แต่รับซื้อเหรียญละ 900 จั๊ต แสบไหมละ ผมกระชากกลับแทบไม่ทัน บอกเอากลับไปแลกคืนที่ร้านโคตรรวยที่บ้านผม ไม่ต้องมาโดนกด rate อัตราแลกเปลี่ยนแบบนี้ แลกคืนได้เต็ม ๆ ด้วย ฝันไปเถอะ ตรงจุดนี้ ผมเลยคิดว่าเป็นอีกกลยุทธของคนพม่าหรือป่าวไม่แน่ใจ นอกเหนือจากที่เวลาเค้าเจอคนต่างชาติ จะรีบปรี่เข้ามาหา กุลีกุจอช่วยเหลืออย่างเต็มที่และจริงใจ เพราะเค้าจะได้ค่าหัวคิวจากโรงแรมที่พัก ที่แลกเงิน หรือแม้แต่ร้านค้าในตลาด ร้านอาหาร ซึ่งค่าหัวคิว หรือ commission นั่น เรานะแหละ เป็นคนจ่ายโดยไม่รู้ตัว แล้วยังมี tip ให้อีกนะ วันแรก ด้วยความไม่รู้ ว่าช่วยเหลือเราอย่างดีเหลือเกิน! สรุปแล้ว ตอนแลกตัง อย่าลืมบอกว่าไปพม่า คนที่ร้าน ก็จะเข้าใจแล้ว เค้าจะเลือกให้เป็นพิเศษอย่างดี! แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 52 06:48:51 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 21:09:13 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 11:58:29 ]

ความคิดเห็นที่ 28 กลยุทธถ้าทุกร้านรวมหัวกันไม่รับแบงก์เก่า (ซึ่งระดับนโยบายมาจากเบื้องบน) ก็จะทำให้คนพม่ามีช่องทางทำกินเพิ่มขึ้นอีกช่องทาง คือรับซื้อแบงก์เก่า ในอัตราแลกเปลี่ยนที่กด rate สุด ๆ มีกำไรเห็น ๆ 100 เหรียญนี่กำไรอีกหลายร้อยบาทเลยนะ แหม ทำเป็นเงิน US ต้องรับแบงก์ใหม่เท่านั้น ทีเงินตัวเองในประเทศนะ เก่าเน่าหนอน เหม็นเสียจนทะลุกระเป๋าตังออกมาขนาดนั้น ยังไม่คิดจะพิมพ์แบงก์ใหม่ใช้กันเลย ผมนี่แทบจะเปลี่ยนกระเป๋าสตางค์กันเลย นั่งข้าง ๆ เพื่อน ก็ยังต้องบอก แกไปนั่งไกล ๆ เหม็นกลิ่นแบงก์อ่ะ มันทะลุกางเกงออกมาอย่างนั้นเลย แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 52 06:54:01 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 12:01:00 ]

ความคิดเห็นที่ 29 วางในกระเป๋ากล้อง กลิ่นเหม็นติดกล้องด้วยเลยนะ ยกขึ้นส่อง จะถ่ายรูป เหม็นไรว้า ที่แท้ เอาเงินยัดใส่ ตอนไหนจำไม่ได้ เหม็นจนแทบเปลี่ยนกล้องกันเลย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 12:02:51 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ตามมาเที่ยวด้วยคนค่า จากคุณ : kiknaka - [ 24 พ.ค. 52 12:19:35 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ,มาต่อให้ไว เลยท่าน กำลังมัน แอบตามไปพม่าด้วยคน จากคุณ : เมฆพ่อจิ้มลิ้ม - [ 24 พ.ค. 52 12:39:23 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ก่อนจะเข้าที่พัก ลืมให้ดูไดอาแกรมอันนี้ เป็นชาร์ตแสดงให้เห็นว่า เราเริ่มออกเดินทาง วันแรก จากกรุงเทพฯ ไปย่างกุ้ง เดี๋ยวเย็น ๆ จะมาต่อ ตอนที่ 1 กันนะครับ อย่าเพิ่งไปไหน bookmark เอาไว้ก่อนเลยครับ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 12:40:36 ]

ความคิดเห็นที่ 33 มีการหนี้อีก   รีบๆมาต่อกระทู้โดยใหว เพราะจะตามอ่านต่อ อยากไปอีกครั้งครับพม่า จากคุณ : เพียงสายลมพัดผ่าน - [ 24 พ.ค. 52 12:46:30 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คราวก่อนไป ตรงหน้าสนามบิน ยังไม่มีลายกนกทองๆ เลย โล้นมากๆ พนักงาน ground staff ที่สนามบินก็ใส่อีแตะคีบกัน ยิ่งขา Departure ล่ะก็ ไม่ต้องพูดถึง...เก่าได้อีก เข้าไปแล้วงง...เฮ้ย...นี่มันใช้ได้ป่าวเนี่ย จากคุณ : marchmello - [ 24 พ.ค. 52 13:16:50 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เข้ามาแอบดูครับ ไปล่ะ เดี๋ยวเย็นๆ จะเข้ามาแอบดูใหม่ อิอิ จากคุณ : แม่น้ำทั้ง 6 - [ 24 พ.ค. 52 13:24:13 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ตามมาเที่ยวพม่าด้วยค่ะ  เคยไปแค่ที่ข้ามจากฝั่งแม่สายเมื่อตอนเด็กๆ ค่ะ จากคุณ : สาวหน้าใส - [ 24 พ.ค. 52 14:38:04 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ชอบชื่อ Log in กับทู้เงินเก่าเน่าๆ...555555 เดี๋ยวกับมาดูใหม่คะ จากคุณ : The sea - [ 24 พ.ค. 52 15:13:36 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ตามรีวิวมาติดๆ อ่านเพลินเลยครับ~ จากคุณ : วันที่อ่อนไหว... - [ 24 พ.ค. 52 16:36:45 ]

ความคิดเห็นที่ 39 bookmark แล้ว  ..^^ จากคุณ : ซซ - [ 24 พ.ค. 52 20:00:53 ]

ความคิดเห็นที่ 40 มาดูครับ...ไปมากี่วัดกี่เจดีย์ เมาพุทธศิลป์แบบผมรึเปล่าครับ หุหุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 24 พ.ค. 52 20:28:35 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ทริปนี้ ผมไปกับเพื่อนอีกคน แต่เราแยกกันเที่ยว แต่ตอนนี้ เพื่อนผม กลายเป็นแฝดสยามอินจัน ไปแล้ว ดูสิครับ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 21:12:14 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ตอนนี้เรามาดูสภาพห้องกันดีกว่า เราพักที่ห้อง 201 ครับ ไม่ได้ใบ้หวยแต่อย่างใด แต่ถ้าใครเอาไปแทงแล้วไม่ถูก ไม่ต้องเสียใจ งวดหน้าอีก 15 วัน แทงใหม่ได้ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 21:13:50 ]

ความคิดเห็นที่ 43 สภาพห้องหับ ก็ดูสะอาดสะอ้านใช้ได้ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 21:15:06 ]

ความคิดเห็นที่ 44 มีทีวี มีแอร์ แถมพัดลมให้อีก เผื่ออยากเย็น 2 เด้ง (ตั้งส่ายให้จ่ายรอบวงได้ อีกต่างหาก) จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 21:16:24 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ระบบไฟฟ้าที่นี่ มีให้ใช้ราวกับคนเป็นนิ่ว นั่นคือ มาแบบกระปริบกระปรอย ถ้าเปรียบไปก็เหมือนน้ำประปาฉี่เด็ก เป็นเสียยิ่งกว่ารายการ "คุยแหกโค้ง" ที่มีสโลแกนว่า ผู้ร่วมรายการ มีสิทธิลุกออกจากรายการเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีใครรู้ บทไฟจะมาก็มา บทจะดับก็ดับ ส่วนใหญ่จะดับแบบไม่มาอีกเลยตั้งแต่ช่วงสาย ๆ จะมาอีกที ก็ประมาณเย็น ๆ ค่ำ ๆ นั่น และทันทีที่ไฟฟ้าดับ เมืองทั้งเมืองก็เป็นเหมือนตกอยู่ภายใต้มิกขสัญญี เสียงเครื่องไฟมหรสพ แข่งกันอวดแสนยานุภาพ กระหึ่ม ไม่มีใครยอมน้อยหน้าใคร ทุกบ้านเปิดเครื่องไฟมหรสพแทบจะพร้อมกัน เหม็นน้ำมันคละคลุ้งไปทั้งเมือง ที่เห็นอยู่ในภาพ เป็นเครื่องไฟมหรสพชั้นดี ที่ผมถ่ายมาจากเมืองมัณฑะเลย์ ในย่างกุ้งเองนั้น เก่าโทรม และเหม็นน้ำมัน แถมปั่นไฟได้ไม่มากเท่า จนผมเองนั้น ต้องอาบน้ำในความมืด ตอนกลางวันแซก ๆ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 21:42:49 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ครั้นจะเปิดประตูอาบน้ำ ก็เกรงใจคนบ้านข้าง ๆ อาจถึงกับมีต้องแจงสวนสัตว์ ให้ช่วยมาจับงูยักษ์อนาคอนด้า ด้วยเกรงจะไปทำร้ายคนในพื้นที่ใกล้เคียง! เครื่องไฟมหรสพ ในย่างกุ้งไม่ได้มีสภาพใหม่เท่านี้นะครับ ซึ่งมาถึงจุดนีี้ ทำให้ผมถึงบางอ้อ กลางย่างกุ้งว่า ตอนที่รัฐ ขึ้นราคาน้ำมัน 2 เท่า ประชาชนต้องจ่ายแพง 2 เด้ง ทำไม ผู้คนถึงออกมาประท้วงกันกลางเมือง เป็นเหตุให้รัฐ ต้องยิงพระ (ตอนแรกเข้าใจว่า คนมีรถกันทั้งเมืองหรือไง แต่ความจริง ป่าวเลย คนใช้น้ำมันไปปั่นไฟนี่เอง) เพราะฉะนั้น ราคาน้ำมัน เป็นเรื่องที่กระทบทุกคนในเมืองกันเลย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 21:48:58 ]

ความคิดเห็นที่ 47 หลังจากนั้น เราก็หาน้ำชาดื่มแก้เซ็งที่ไฟดับ คนที่ร้านขายน้ำชากาแฟ เคยมาทำงานที่เมืองไทย ก็เลยพูดไทยได้ นี่แหละแรงงานพม่า ได้สัมผัสกันตัวจริงเสียงจริง แบบเป็น ๆ กันเลย สนนราคาค่าเสียหายมื้อนี้ ชาพม่า 2 แก้ว 500 จั๊ต หรือเกือบ 20 บาท ตกแก้วนึงเกือบ 10 บาทได้ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 52 13:15:26 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 21:51:53 ]

ความคิดเห็นที่ 48 หลังจากผมอาบน้ำในความมืดเสร็จ ก็ถึงเวลาเที่ยงวันทันเหตุการณ์พอดี ผมดันไปทักคนเยอรมันคนหนึ่งเข้า แล้วเพื่อนที่ไปด้วยกับผม ก็ดันตีซี้กับคนเยอรมันคนนี้อย่างรวดเร็ว แล้วคนเยอรมันคนนี้ ก็ดันไปตีซี้กับคนพม่าอีกคนกลางถนนได้อย่างรวดเร็ว กลางถนน ตรงจุดนี้เอง ทำให้ชีวิตในย่างกุ้งของผมพลิกผัน กลายเป็นจุดหักเหทันที แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 23:49:50 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 21:55:05 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เดี๋ยวจะค่อย ๆ เล่าต่อ ตอนนี้เราไปดูร้านอาหาร "บุเรงนอง คะนองศึก" กันก่อน ดูเมนูอาหารร้านนี้เสียก่อน แล้วจะเข้าใจว่า ทำไม ผมถึงตั้งชื่อร้านอาหารร้านนี้แบบนั้น จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 21:56:54 ]

ความคิดเห็นที่ 50 แล้วดูโลโก้ พะยี่ห้อ หน้าร้านสิครับ นึกว่าเป็นลูกหลานบุเรงนองก็มิปาน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 21:57:56 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ร้าน "บุเรงนอง คะนองศึก" ตั้งอยู่ถนนบล็อคที่ 29 ที่นี่ไม่มีชื่อถนนให้จดจำแล้วสับสน ไม่ต้องมีกันเลย ถนนซุนยัดเซ็น เหมือนบางประเทศ ไม่ต้องมีม่งก๊ก หรือออร์ชาร์ต ให้วุ่นวาย ห้วน ๆ จริงใจไปเลย เรียกเป็นถนนที่ 1 ไปถึง 99 หรือจะ 398, 483 หรือ 999 ก็แล้วแต่ เอาซี้ ถ้าสร้างถึงก็เอา จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 22:01:24 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอขอบคุณ ไซโก้ ผู้สนับสนุนป้ายบอกถนนอย่างเป็นทางการ สำหรับบล็อคที่ 29 เข้าประเด็นอาหารกลางวันกันดีกว่า อาหารกลางวันที่นี่ส่วนใหญ่เป็นแบบนี้ ถ้าท่านผู้ชมติดตามต่อไปจะทราบ คือถ้าผมไปคนเดียว ผมจะสั่งกับข้าว 1 อย่าง เค้าจะให้ข้าวมา 1 โถ แค่นี้ เค้าคิด 2000 จั๊ด หรือ 70 บาท ไม่จบเท่านั้น เค้าจะมีซุปเสิร์ฟให้ไม่อั้น และที่สำคัญ มีเครื่องเคียง หรือ side dish ยกมาอีกไม่อั้น น้ำพริกสารพัดรูปแบบ บางร้านที่ผมไปกินมา มีน้ำพริกปลาร้าที่อร่อยมาก ๆ บ้านเราน่าจะลองจำสูตร มาทำดู น้ำพริกที่ว่า มีตั้งแต่น้ำพริกกะปิ (งาปิ๊) ไปจนถึงน้ำพริกที่เค้าจิ้มกินกะมะม่วงก็มี แต่วันนั้นไปกัน 4 คน สั่งกับข้าวกัน 4 อย่าง ข้าวนี่ยกมาไม่อั้น กินกันเต็มที่ 7700 จั๊ต ประมาณ 270 บาท ต่อ 4 คน (ยิ่งคนกินเยอะ ยิ่งมีส่วนลด) จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 22:07:27 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เริ่มกันที่ปลา แล้วก็มีไก่ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 22:09:07 ]

ความคิดเห็นที่ 54 แล้วก็มีหมู จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 22:09:38 ]

ความคิดเห็นที่ 55 และผัดผัก จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 22:10:10 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ทางด้านน้ำพริก ก็มีที่คุ้นเคย น้ำพริกกะปิ หอมอร่อยมาก ๆ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 22:11:16 ]

ความคิดเห็นที่ 57 แล้วก็น้ำพริกอันนี้อะไรไม่แน่ใจ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 22:11:57 ]

ความคิดเห็นที่ 60 สงสัยจะปลาร้า วันแรกยังไม่กล้ากิน เพราะยังต้องอยู่ต่ออีกหลายวัน อาหารที่นี่ "หนักเค็ม" แถมทำเสร็จ ก็ต้องเทน้ำมันใส่ลงไปอีกครึ่งหม้อเป็นอย่างน้อย น้ำมันที่เทลงไป ก็มีตั้งแต่น้ำมันงา น้ำมันถั่วเหลือง ไปจนถึงน้ำมันถั่วลิสง เท่าที่ทราบมาคือ ใส่น้ำมันลงไปถนอมอาหาร ไม่ให้บูดเสียง่าย มาถึงผักจิ้ม มีให้เลือกมากมาย ตั้งแต่กระเจี๊ยบมอญ มะเขือมีทั้งมะเขือม่วง มะเขือเผา แตงกวา บางร้าน มีมะม่วง ฝานมาเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไม่ปอกเปลือกด้วย อร่อยเด็ดอย่าบอกใคร (มะม่วงที่พม่านี่ แซ่บมาก กลิ่นแรง แต่รสสุภาพ ไม่จี๊ดจ๊าด หรือหวานจ๋อย แซ่บ เหมือนอยู่กลางดงผู้ดี) แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 22:27:08 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 22:22:53 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ไปย่างกุ้ง อย่าลืมแวะไปนะครับ ร้าน "บุเรงนอง คะนองศึก" ไปแล้วอย่าไปถามเค้าแบบนี้ ไม่มีใครรู้แน่ ๆ เพราะชื่อนี้ผมตั้งให้เองในใจ เล่น ๆ ขำ ๆ ร้านอยู่บนถนนสาย 29 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 22:27:50 ]

ความคิดเห็นที่ 62 อาหารพม่ามื้อแรกของเราสุดประทับใจ เพราะพวกเรา 2 กะเหรี่ยง 1 ฝรั่ง กับ 1 หม่อง "เปิบข้าวด้วยมือ" ก็คนในร้าน ต่างเปิบข้าวด้วยมือกันเกือบจะทั้งร้าน แถมพี่หม่อง "ข้าวสาร" (ชื่อจริง ๆ ของพี่หม่อง ที่พี่ฝรั่ง ไปซี้กัน ไม่มีซั้ว อย่างรวดเร็ว) แนะนำวิธีเปิบข้าวด้วยมืออย่างถูกวิธีให้ด้วย แหมเกิดเป็นพี่ไทยทั้งที บ้านเรานี่แหละต้นตำรับการเปิบข้าว แต่ดันเปิบไม่เป็น ต้องไปให้พี่หม่องสอนกันถึงบ้านเค้า ว่าวิธีที่เปิบข้าวด้วยมือที่ถูกวิธี ทำกันยังไง การเปิบข้าวด้วยมือ ครั้งแรกในชีวิตของผม ทำให้ผมรู้ว่า อาหารที่เราเปิบเข้าปากไปนั้น เราสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิ ความร้อน ความนุ่ม ความแฉะ และแกะก้างปลา เรียกว่ามีรสสัมผัสจากมือ ก่อนจะส่งอะไรอะไรเข้าปาก และลงกระเพาะไป ในขณะที่ช้อนส้อมทำไม่ได้ นี่แหละภูมิปัญญาของคนโบร่ำโบราณ ที่คนสมัยปัจจุบัน มองข้ามไปว่าไม่ทันสมัย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 22:38:26 ]

ความคิดเห็นที่ 63 หลังจากนั้น เราก็ถูกเชิญชวนให้กลายเป็น "พระยาน้อยชมตลาด" ไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ คนพม่าจะชอบใจมาก เวลาที่จะได้พาเราชมตลาด เค้าจะพาเราไปอย่างเต็มใจ โดยไม่ต้องถามเราเลยว่าเราเต็มใจหรือไม่ สาเหตุเพราะอะไรทราบไหมครับ เดี๋ยวจะมาเฉลย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 22:42:38 ]

ความคิดเห็นที่ 64 สังเกตุดู จุดแรกที่เค้าจะพาเราเที่ยว จะต้อง "เปิดเกมเสิร์ฟแรง" ด้วยการพาไปตลาดเสมอ! เป็นเหมือนกันทั้งประเทศ โดยมิได้นัดหมาย แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 22:46:54 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 22:44:18 ]

ความคิดเห็นที่ 65 แพลนเดิม ที่เราตั้งใจจะไป เจดีย์ชเว่ตะโกง หรือแม้แต่สุเหล่พญา ที่อยู่ข้าง ๆ ที่พัก เป็นอันต้องพับเก็บเข้ากระเป๋าไปในบัดดล เทพทันใจ เทพกระซิบอะไรอย่าหวังจะได้ดูเลย ถ้าหาก ไม่ได้เดินตลาดเสียก่อน เพิ่มเติมในเรื่องของ "ตลาดสก็อต" ชื่อเดิม ของ "โบ่ซกอ่องซาน" ชื่อใหม่ที่เก๋ไก๋ แต่ไฉไลเหมือนเดิม "โบ่ซกอ่องซาน" หรือเดิมชื่อ "ตลาดสก็อต" เป็นตลาดที่ใหญ่และน่าเที่ยวที่สุดในย่างกุ้ง ถือเป็นตลาดที่ดีที่สุด อยู่ใกล้ ๆ กับย่านอินเดีย และ ไชน่าทาวน์ ในย่างกุ้ง  ตลาดนี้สร้างโดยชาวสก็อต สมัยเมื่อครั้งพม่ายังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ตั้งอยู่ตรงหัวมุม 4 แยกถนนซูเหล่พยา กับถนนโบ่ซกอ่องซาน ติดกับอาคารที่ทำการรถไฟ ภายในตลาดมีสินค้าจำพวกงานหัตถกรรมของพม่า ให้เลือกซื้อมากมาย เช่น อัญมณี แพรพรรณ งานฝีมือ เครื่องเขิน ตุ๊กตา เครื่องดนตรี โสร่ง (หรือ โลงจี ปกติคนพม่าไม่ค่อยเรียกโสร่ง แต่จะเรียกโลงจี สำหรับผู้ชาย เรียก ปะโซค และของผู้หญิงจะเรียก ทะเมว) มีขายย่าม และเครื่องหวายด้วย นอกจากนี้ ยังมีของที่ระลึกพื้นเมืองมากมายราคาถูก ไม่ว่าจะเป็น ไม้ งาช้างแกะสลัก พระพุทธรูปไม้หอม แกะสลัก แป้งทานาคา ผ้าปักพื้นเมือง และเครื่องเงิน เดินไปเถอะครับ คิดว่า คงโดนใจเข้าสักย่าน หรืออาจจะถูกใจเข้าสักชิ้นบ้างแหละ ก็เล่นขายของครอบจักรวาลเสียขนาดนี้ กะปิ น้ำปลา ยังมี! สำหรับนักช็อป คงไม่พลาด ที่สำคัญ ต่อรองราคาชนิดรวมพลังหาร 2 ได้ ยิ่งดี ปะโซค ผืนแรกของผมที่สวมใส่ในภาพแรกบนสุดนั่น ก็ได้จากที่นี่ สนนราคา ต่อแล้วเหลือ 3800 จั๊ต หรือประมาณ 133 บาท (ราคาตอน "เปิดเกมส์ เสิร์ฟแรง" อยู่แถว ๆ 5000 จั๊ตได้ ก็ประมาณ 175 บาท) ผืนนั้นดีกว่าอีกผืนที่ผมไปซื้อที่มัณฑะเลย์อีก แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 10:11:48 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 10:07:09 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 22:46:15 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ตราบที่เรายังไม่ยอมซื้ออะไร เค้าก็จะพาเราเดินอยู่นั่น คงโดนเข้าสักชิ้น! ต้องเผลอซื้ออะไรเข้าสักอันบ้างแหละ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 22:49:38 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 22:49:05 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ถูกต้องแล้วครับ อย่างที่ได้เกริ่นไปในตอนต้น เพราะถ้าเค้าพาเราไปซื้ออะไร พาเราไปกินข้าวที่ไหน พาไปแลกตัง หรือเข้าพักโรงแรม เค้าจะได้ค่าคอมมิสชั่น แล้วค่าคอมมิสชั่นนี่ ไม่ใช่ร้านค้าจ่ายนะ เรานั่นแหละ เป็นคนจ่าย ร้านค้าก็ยังได้เงินเข้ากระเป๋าเท่าเดิม ปานประหนึ่งขายคนพม่าด้วยกัน แต่เราจะจ่ายแพงกว่าคนพม่า เพราะเจ้าของร้าน จะหักส่วนต่าง ให้คนที่พาเราไปเสมอ! win-win situation จะตาย ทำไมผมถึงอ่านเกมไม่ทะลุตั้งแต่วันแรกนะ เดินกันจนขาเมื่อย มันก็ยังจะพาเราเดิน จะเดินตลาดจนตลาดวายหรือไง ไม่ได้เฉลียวใจเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะเดินชมตลาด พักโฆษณานิดนึงครับ เจอห้างเซ็นทรัล 2 ห้างในพม่า ห้างนึงอย่างที่เห็น ขายเครื่องไฟฟ้าอยู่ย่างกุ้ง อีกห้างเซ็นทรัลนึง สาขามัณฑะเลย์ ไม่แน่ใจว่าได้ถ่ายรูปมาหรือป่าว โลโก้เดียวกัน แต่รู้สึกจะขายเสื้อผ้าหรือไง จำไม่ได้แล้ว จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 22:54:34 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ทุเรียนครับ เราเจอ "ราชาแห่งผลไม้" ของพม่า ในตลาดเอ่าซานโบจก หรือตลาดสก็อต ลูกเล็ก ๆ แต่กลิ่นแรงกว่าบ้านเราหลายเท่า ไม่ทราบว่าได้กลิ่นไหมครับ อ๋อ ที่ไม่ได้กลิ่น ก็เพราะว่า จอคอมพิวเตอร์ของท่าน อมโบตันมิ้นท์บอล หรอก แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 52 11:21:02 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 24 พ.ค. 52 22:58:27 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เข้ามาติดตามชม เข้ามาเที่ยวด้วยคน ไม่แน่ สิ้นปีอาจได้ไปเหยี่ยบ มัณตะเล(คุณเพื่อนชวน) จากคุณ : tangthai_ss - [ 24 พ.ค. 52 23:04:20 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เราไปมาเมื่อปีก่อน 8วัน ย่างกุ้ง พุกาม มันฑะเล อินเล มีเวลาน้อย แต่อยากไปหลายที่ เลยกัดฟันต่อเครื่องตลอด ตอนที่ไปค่าตั๋วในประเทศไม่แพง เที่ยวนึงพันต้นๆ หรือ8-900ไม่แน่ใจ  แต่ตอนหลังรัฐบาลประกาศขึ้นราคาน้ำมัน ไม่รู้ว่าแพงขึ้นเยอะมั๊ย พักที่เดียวกันเลยค่ะ เค้ามีบริการรับจากสนามบินนะคะ ต้องเมล์ไปแจ้งเค้าล่วงหน้าหลายๆวันหน่อย เห็นเค้าบอกว่าชม.นึงเช็คเมล์ได้อันสองอัน ช้าเหลือหลาย เห็นด้วยเรื่องแบงค์ค่ะ ก่อนไปเราไปแลกเงินที่ซุปเปอร์ริช แลคแบงค์1 กะ 10ไปเป็นปึก แล้วยืนคัดทีละไบ ใบไหนเก่า ขอเค้าเปลี่ยนหมดเลย พนักงานแทบจะงับหัวเอา ไปถึงยังเกือบไม่พอใช้ เพราะไม่ค่อยมีแบงค์ทอนเงินเลย จ่ายอะไรต้องให้พอดีเป๊ะๆ รอชมตอนต่อไปนะคะ^^ จากคุณ : Squareback - [ 25 พ.ค. 52 03:20:53 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เข้ามาเดาครับ การที่การใช้รถใช้ถนนในพม่า  วิ่งชิดขวา  แต่พวงมาลัยซ้ายนั้น สาเหตุ  ดั้งเดิมพม่าเป็นอาณานิคมอังกฤษวิ่งชิดซ้ายเหมือนอังกฤษ และ ประเทศอาณานิคมอังกฤษอื่น เช่น มาเลเซีย เป็นต้น ต่อมาเข้าใจว่ารัฐบาลเขาต้องการที่สร้างภาพที่หลุดจากแอกฯ  จึงให้เป็นขับชิดขวา แต่ทว่า  รถที่นำมาใช้นพม่า  ส่วนใหญ่เป็นรถเก่าที่ได้มาจากชายแดนไทย  และ เป็นรถที่ได้รับบริจาคจากญี่ปุ่น(พวงมาลัยขวา)  ตลอดจนมาเลเซีย  จึงเป็นเหตุให้ รถวิ่งชิดขวาและพวงมาลัยขวา  เข้ากันเปียบเลย จากคุณ : เฮียไช้ - [ 25 พ.ค. 52 13:45:47 ]

ความคิดเห็นที่ 72 รถเมล์นี่อาการหนักสุด เพราะรถเมล์พวงมาลัยขวา จะมีประตูซ้าย แบบบ้านเรา แต่รถเมล์บ้านเค้าวิ่งเลนขวาสุด เพราะฉะนั้น ต้องเจาะประตูขวาเพิ่ม มิเช่นนั้นแล้ว คนจะวิ่งขึ้นรถเมล์ได้ ต้องอ้อมหน้ารถ หรือหลังรถ ไปขึ้นทางประตูซ้าย อาการหนักเอาการ เค้าก็เลยเจาะประตูขวาไว้ด้วย เวลารถเมล์จอดเทียบฟุตบาท คนจะได้ขึ้นได้เลย บางคัน ก็มีประตูซ้ายหลงเหลือให้เห็นถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานด้วย แต่ประตูขวาก็มีนะ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 25 พ.ค. 52 17:51:38 ]

ความคิดเห็นที่ 73 รวม link ท่องเที่ยวพม่า http://recmert.kku.ac.th/webboard/viewforum.php?f=9&sid=c7925fd155c8609ade3ab6e986a9790a จากคุณ : qaza - [ 25 พ.ค. 52 18:23:54 ]

ความคิดเห็นที่ 74 หลังอาหารมื้อกลางวันแล้ว เราก็เดินเล่นเป็นการย่อยอาหาร และเจอเข้ากับสิ่งนี้ นิตยสาร "ขวัญเรือน" กลางกรุง "ย่างกุ้ง" ในประเทศพม่า! จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:26:43 ]

ความคิดเห็นที่ 75 แล้วก็ยังเจอกับสิ่งนี้ ศาลไม่มีเจ้า เป็นศาลเจ้าว่าง ๆ ให้เจ้าไม่มีศาลอยู่ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:27:52 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เราชะโงกดูอยู่หลายรอบก็ไม่เจออะไรเลย แต่สิ่งที่เราต้องยกให้เค้าเลย ของเค้าดีจริง ต้องสิ่งนี้ครับ "ศูนย์รวมความสุนทรทางความบันเทิง และสารพัดสิ่งของเมืองนี้" ต้องสิ่งนี้เลย คิดดู ไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์ ของทุกบ้านในประเทศนี้ ต้องผ่านเสาต้นนี้ก็มิปาน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:30:10 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เชื่อเค้าเลยจริง ๆ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:30:51 ]

ความคิดเห็นที่ 78 อาหารการกินก็มีนะครับ เราเริ่มกันด้วยสิ่งนี้กันดีไหมครับ "ขนมครกพม่า" จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:32:22 ]

ความคิดเห็นที่ 79 น่ากินนะครับ เกือบตกหลุมพรางแล้ว ถ้าหากไม่เห็นตอนที่เทน้ำมันใส่ แค่ช็อตเทน้ำมันใส่ แลดูเป็นเหมือน "ขนมครกทอด" แล้ว เลิกเลย เปลี่ยนใจกันกลางอากาศทันที จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:33:48 ]

ความคิดเห็นที่ 80 อีกอย่างหนึ่งที่มีให้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ ก็คือสิ่งนี้ เป็นเหมือนถุงชงกาแฟ แต่ข้างใน ใส่น้ำแข็งไว้ แล้วค่อย ๆ ปล่อยให้มันละลาย หยดติ๋ง ๆ ลงในถ้วยด้านล่าง จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:35:39 ]

ความคิดเห็นที่ 81 นี่ก็น่ากินไม่แพ้กัน "พิซซ่าพม่า"! จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:36:28 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ของแต่ละอย่างน่ากินทั้งนั้น แต่ว่าไม่กล้าเสี่ยง เพราะเรายังต้องอยู่ที่นี่กันอีกหลายวัน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:37:47 ]

ความคิดเห็นที่ 83 อย่างหนึ่งที่ผมไม่ค่อยเข้าใจก็คือสิ่งนี้ครับ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:39:02 ]

ความคิดเห็นที่ 84 มันคือ "ฟ่อนข้าว" สำหรับเลี้ยงนก มีวางไว้หน้าบ้าน แทบจะทุกบ้าน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:39:58 ]

ความคิดเห็นที่ 85 บางบ้านฟ่อนเล็ก บางบ้านฟ่อนใหญ่ ก็เป็นอาหารข้างทาง ของบรรดาเหล่านกกา จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:40:52 ]

ความคิดเห็นที่ 86 แลดูใจบุญเนอะ ส่วนข้างล่างนี่ เป็นกะลามะพร้าวครับ แกะเป็นหัวลิง ของแบบนี้ ก็พอมีให้เห็นบ้างในบ้านเราเหมือนกัน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:41:50 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ที่สุดแล้ว ความร้อนของอากาศกลาง "ย่างกุ้ง" ทำให้เราต้องหยุดหาอะไรเย็น ๆ คลายร้อนกัน และสิ่งนั้น ก็คือ สิ่งนี้ครับ "เฉาก๊วยพม่า"! ใครที่ถวิลหาความหวาน เย็น หอม ของเฉาก๊วย อาจต้องผิดหวังเล็กน้อย เพราะเฉาก๊วยแก้วนี้ รสชาติออกเค็ม ๆ ประแหล่ม ๆ ยังไงชอบกล มันไม่ได้หวานอย่างที่คาดคิดเอาไว้เลย สนนราคา 500 จั๊ต หรือประมาณเกือบ 20 บาท แก้วนึง จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:44:41 ]

ความคิดเห็นที่ 88 มาพม่า 5 วัน เราเจอสิ่งนี้บ่อยมาก ตรงไหนมีที่ว่าง ๆ เราก็จะต้องเห็นเจ้าสิ่งนี้เสมอ มันคือเครื่องคั้นน้ำอ้อยครับ คนพม่า กินน้ำอ้อยกันเป็นบ้าเป็นหลัง กินกันเป็นชีวิตจิตใจ กินกันเป็นอาหารหลัก ปานประหนึ่งอาหารหลักประจำชาติกันเลย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:46:00 ]

ความคิดเห็นที่ 89 เสียดายที่ไม่ได้ลิ้มลองดู เนื่องจากเป็นวันแรกของการเดินทาง เรายังไม่อยากเสี่ยงที่จะทำลายความสุขของวันที่เหลืออีก 4 วัน ด้วยการไปอยู่โรงพยาบาล เพราะท้องเสีย! ทำตัวเป็น "พระยาน้อย ชมตลาด" กันต่อดีกว่า จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:48:12 ]

ความคิดเห็นที่ 90 อาหารอันนี้คุ้นหน้าคุ้นตา แต่รสชาติเป็นไง ไม่ทราบ เอาไว้คราวหน้า กลับไปเก็บภาค 2 เร็ว ๆ นี้ (ตั้งใจทำเป็น trilogy กันเลย) ไปชิมแล้วรสชาดเป็นไง จะมาเขียนรายงานให้ทราบ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:50:05 ]

ความคิดเห็นที่ 91 อันนี้เป็น "มะม่วงพม่า" อย่างที่บอก หอมรุนแรง แต่รสไม่จัดจ้านมาก ถูกใจมาก ๆ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:51:19 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ส่วนอันนี้ ก็คุ้นหน้า คุ้นตาอีกแล้ว ราชินีแห่งผลไม้ "มังคุด" นั่นเอง ตามมาติด ๆ วางขายคู่กับ ราชาแห่งผลไม้ "ทุเรียน" แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 52 11:21:48 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:52:08 ]

ความคิดเห็นที่ 94 หน้าตา คล้ายกันมาก และแล้ว เราก็เจอเข้ากับรถคันหนึ่ง ที่สงสัยจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ สไปเด้อแมน มนุษย์แมงมุม จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:55:47 ]

ความคิดเห็นที่ 95 อันนี้ก็แลดูน่ากิน เป็น "พะโล้ไส้ และเครื่องใน" กินดับกินไส้ กันกลางถนน แต่เราไม่ได้ลองนะครับ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 26 พ.ค. 52 19:57:40 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ยังตามชมอยู่นะคะ จากคุณ : หน้ากลมผมม้า - [ 27 พ.ค. 52 19:38:13 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ช่วงนี้ เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย เลยทำให้ post ได้ช้าลง เพราะเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เดินตกท่อ เย็บไป 5 เข็ม แอนตาซิน ไม่จ่าย ด้วยนะ ตอนแรกนึกว่า แอนตาซิน จ่ายเข็ม 500 ถ้าอาการดีขึ้นแล้ว จะมาโพสต่อ ตอนนี้ต้องขออภัย ที่ทำให้หลายท่านอารมณ์ค้าง จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 09:48:13 ]

ความคิดเห็นที่ 98 หายไว ๆ แล้วมาโพสต์ต่อนะคะ แฟน ๆ รอชมกันอยู่เยอะเลยค่ะ จากคุณ : anapple - [ 29 พ.ค. 52 12:00:02 ]

ความคิดเห็นที่ 99 หายไวๆนะคับ รอชมอยู่คับ จากคุณ : chuwub - [ 29 พ.ค. 52 12:13:24 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ดูสัปปะรด กับแตงโม ที่วางขายคู่กันสิครับ สีสันนอกจากชนะเริ่ดแล้ว มะนาวที่แปะอยู่บนสัปปะรด ก็แลดูเพิ่มเปรี้ยวไม่ใช่น้อย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 13:19:27 ]

ความคิดเห็นที่ 101 แล้วก็มาถึง ไฮไลท์ ของช่วงบ่าย นั่นก็คือ ของสองสิ่งนี้ สิ่งแรก คือ หมากครับ ผมเองเป็นคนไม่เคี้ยวหมาก แล้วหมากบ้านเรา ผมก็ไม่แน่ใจว่ายังมีคนเคี้ยวกันอยู่หรือป่าว หรือจะมีแต่ปู่ย่าตาทวด ที่อยู่ไกล ๆ ออกไปในชนบท อาจจะยังเคี้ยวหมากกันอยู่ เค้าก็จะเริ่มกันจากสิ่งนี้ มันคือใบพลู ที่ใช้กินกับหมาก นำมาทาปูนขาว (ปกติบ้านเรา จะเป็นปูนแดง ที่ใช้กินกับหมาก แต่ที่นี่ ล่อปูนขาวกันเลย) จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 13:21:58 ]

ความคิดเห็นที่ 102 นี่ครับ ไหปูนขาว ที่ว่า จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 13:22:42 ]

ความคิดเห็นที่ 103 จากนั้น เค้าก็จะโรยเม็ดอะไรสักอย่างลงไป จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 13:23:33 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ปกติ จะต้องมีใบยาสูบใส่ลงไปในคำหมากของเราด้วย แล้วก็ปิดท้ายกันที่ Betel Nut หรือภาษาไทยก็คือหมากนั่นเอง แค่นี้ ก็จะได้หมากหนึ่งคำ เคี้ยวกันปากแดงเลยทีเดียว จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 13:25:56 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ครั้งแรกในชีวิตที่เคี้ยวหมาก ต้องยอมรับกันว่า ยังรับในเรื่องของรสชาดไม่ค่อยได้ แต่ในครั้งต่อ ๆ ไปคงมีพัฒนาการดีขึ้นตามลำดับ แต่ต้องยอมรับว่า ปากหอม ขึ้นเยอะเลย แล้วความหอมของมันนี่ เคี้ยวบ่าย ปากหอมไปถึงเย็นกันเลย จนผมมีความรู้สึกอยากหาอะไรล้างปาก ก็ได้สิ่งนี้ครับ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 13:28:16 ]

ความคิดเห็นที่ 106 เค้าเรียกว่า เลซซี่ หรือภาษาเรา ๆ เรียกว่า โยเกิร์ต กินแล้ว เกิด เกิด เกิด! จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 13:31:19 ]

ความคิดเห็นที่ 107 เป็นโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ที่เปรี้ยว และมัน มาก ๆ คอโยเิกิร์ตคงถูกใจอย่างแรง! แล้วเค้าก็จะราดน้ำอะไรสักอย่างสีน้ำตาล น้ำตาลมาให้ มันทำมาจากผลไม้อะไรสักอย่าง แต่เราไม่รู้ นึกไม่ออก รสชาดความเปรี้ยวของโยเกิร์ต มันเปรี้ยวจนผมต้องขอน้ำตาลทรายมาเติม แต่มันก็ยังไม่คลายความเปรี้ยวลง ที่สุดยอมแพ้ที่ครึ่งแก้ว สนนราคา 1 แก้วจะกินหมดหรือไม่หมด ก็ 1000 จั๊ต หรือ 35 บาท คนพม่าเรียก เตงจิ่น โยเิกิร์ต รสธรรมชาติ ราดน้ำสมุนไพร จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 13:36:03 ]

ความคิดเห็นที่ 108 จากนั้น เราก็เดินเล่น ไปเจอ โรงหนังธรรมดา โรงหนัง ชื่อนี้จริง ๆ โรงหนังธรรมดา จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 13:42:45 ]

ความคิดเห็นที่ 109 แล้วก็เหมือนจะนึกได้ ว่า เรายังไม่ได้ไปสถานที่สำคัญของย่างกุ้งเลยแม้แต่ที่เดียว ตั้งแต่เช้ามาจนถึงตอนนี้ จะ 5 โมงเย็นแล้ว เราเลยไปกันที่วัดแรก วัดพระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี (Kyauk Htat Gyi) หรือที่คนไทยคุ้นเคยกันในนามของ "พระตาหวาน" จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 13:45:49 ]

ความคิดเห็นที่ 110 พระที่มีความสวยงามที่สุดในพม่า และที่สำคัญ ดูใกล้ ๆ แล้วจะเห็นว่า เป็นพระพุทธรูปที่มี "ขนตา" ที่งดงาม เด่นเด้งเป็นอย่างมาก ดูขนตาที่ยาวเรียว งอนขึ้น 2 เท่า ปานประหนึ่งได้มาสคาร่าชั้นดีแล้ว ยังปัดอายแชร์โด้ สีสันงดงามอีกต่างหาก ช่างทำได้! แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 10:17:43 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 13:47:24 ]

ความคิดเห็นที่ 111 และที่พระบาท ก็มีภาพมงคล 108 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 13:54:41 ]

ความคิดเห็นที่ 112 อยากให้ดูขนาดขององค์พระเมื่อเทียบกับตัวคน ซึ่งผมเองก็สูงประมาณ 195 ซม ดูตัวเล็กไปเลย เมื่อเทียบกับองค์พระแล้ว องค์พระนอนที่ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารแห่งนี้ มีความยาวถึง 70 เมตร อายุเก่าแก่เพียงไม่กี่สิบปี ใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 7 หมื่น USD ก่อนหน้าที่จะสร้างพระนอนองค์นี้ มีพระประธานที่สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ประดิษฐานอยู่ แม้พระพุทธไสยาสน์องค์นี้จะมีขนาดใหญ่โตกว่า พระพุทธไสยาสน์เฉว่ตาเหลียวที่เมืองหงสาอยู่ประมาณนึง แต่ความเลื่อมใสศรัทธาของผู้คนต้องยกให้พระพุทธไสยาสน์เฉว่ตาเหลียว ที่เมืองหงสา (พะโค หรือแบ่กู) องค์นั้น ต้องบอก "ของเค้าดีจริง" อย่างไรก็ดี วัดที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์เจาทัตจีแห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางสำคัญในการศึกษาตำรับตำราทางพุทธศาสนา มีพระภิกษุจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้มากถึง 600 รูป และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการศึกษาธรรมในคัมภีร์พระไตรปิฏก ตลอดจนการเจิรญวิปัสสนากรรมฐานด้วย แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 10:29:12 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 15:38:08 ]

ความคิดเห็นที่ 113 เลซซี่ น่ากินสุดๆ ส่วน ชุด จขกท เก๋สุดๆ จากคุณ : sickboy_1983 - [ 29 พ.ค. 52 15:43:15 ]

ความคิดเห็นที่ 114 จากนั้น ก็ได้เวลาจรลี จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 16:10:46 ]

ความคิดเห็นที่ 115 เป้าหมายของเราก็คือ ภัตตาคารการะเวก บัฟเฟต์ ราคา 12 เหรียญ หรือประมาณ 420 บาท พร้อมชมโชว์ แต่ระหว่างทาง เราเจอกองถ่ายภาพยนต์เข้าพอดี เลยแวะดู แหม กำลังเข้าพระเข้านางกันอยู่พอดี แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 52 16:29:16 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 16:14:01 ]

ความคิดเห็นที่ 116 แล้วเราก็พบกับน้องมัยมัย หรือชื่อจริง ก็คือ ยาเดนามัย (Ya De Na Mai) คนสวยคนนี้เข้า ถ้าเทียบไปคงระดับประมาณน้องแพนเค้กบ้านเรา ในเรื่องของความดัง! ความฮอต เรียกว่า ชาวบ้านร้านตลาดพูดไป ถึงน้องมัยมัย ไม่มีใครไม่รู้จักสักคน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 16:16:31 ]

ความคิดเห็นที่ 117 เท่าที่รู้ก็คือ น้องเค้านิสัยไม่ค่อยดี ออกจะขี้ขโมยอ่ะครับ เพราะเท่าที่ยืนอยู่แป๊บเดียว น้องเค้าก็ขโมยหัวใจผมไปหมดทั้ง 4 ห้องเลย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 16:18:01 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ก็ดูความน่ารักของน้องเค้าสิครับ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 16:22:11 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ผู้หญิงพม่า นิยมแซมผมด้วยดอกไม้สดนะครับ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 16:24:03 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ส่วนเพื่อนของน้องแพนเค้กพม่า หรือน้องมัยมัย ที่มาให้กำลังใจเพื่อน แม้ว่าวันนี้จะไม่มีคิวก็ตาม ยังอุตส่าห์มากินข้าวฟรีที่กอง เอ๊ย ไม่ใช่ มาให้กำลังใจเพื่อนในกองด้วย น้องคนนี้ชื่อ สุพรรณตรา (Su Pan Tra) ถ้าคนเมื่อกี๊ระดับแพนเค้ก คนนี้ก็คงระดับ น้อง ๆ อั้ม พัชราภา แหละคร้าบ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 10:32:39 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 29 พ.ค. 52 16:27:14 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ก่อนจากกันในวันแรก เราปิดท้ายทริปย่างกุ้งวันแรก ที่ผิดแผนไปนิดหนึ่ง แทบจะไม่ได้อะไรเท่าไหร่ ด้วยบรรยากาศดินเนอร์สุดหรู ที่ภัตตาคารการะเวก เป็นบัฟเฟต์ 12 USD (ประมาณ 420 บาท) จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 07:33:43 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ที่นี่ เราสามารถมองเห็นด้านหลังของเจดีย์เฉว่ตะโกง ได้อยู่ลิบ ๆ ตั้งใจว่า วันสุดท้ายของการเดินทาง เราจะมาเก็บตกที่เหลือทั้งหมดให้ได้ ถ้ามีเวลาเหลือ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 07:35:43 ]

ความคิดเห็นที่ 123 บรรยากาศพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าช่วงผีตากผ้าอ้อมที่นี่ช่างสวดสดงดงามจริง ๆ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 07:36:59 ]

ความคิดเห็นที่ 124 จะเข้ามาชมเฉย ๆ ก็ได้ คิด 3 เหรียญหรือไงนี่แหละ การที่มีคนพม่ามาเป็นไกต์กิตติมศักด์ โดยมิได้รับเชิญ ด้วยความงง ๆ ของเราว่า พวกเราเชิญมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำให้ค่าใช้จ่ายช่วงบ่ายของเราเขยิบสูงกว่าความเป็นจริงเล็กน้อย ก็พี่หม่องเล่นแชร์เท่า มา 4 คน ทุกอย่างหาร 3 ตลอด จะแยกตัวออกมาก็ไม่รู้จะทำยังไง คุมค่าใช้จ่ายไม่ได้แล้ว ยังคุมเวลาไม่ได้ด้วย คุมอะไรไม่ได้เลย อะไรอะไร ก็ไม่ได้ไป แถมค่าใช้จ่ายบานเบอะ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 07:40:29 ]

ความคิดเห็นที่ 125 เรื่องนี้ เราก็เลย discuss กับเพื่อนใหม่ชาวเยอรมันของเราว่า เฮ้ย ถ้าลงเป็นรูปการแบบนี้ไม่เวิร์ค แต่มันก็สายเกินไปแล้ว มิหนำซ้ำ พี่หม่อง ยังจะมารอผมกลับจากมัณฑะเลย์วันศุกร์ พี่แกบอกว่า จะมารอผมที่โรงแรม เล่นเอาสะอึกเป็นภาษาพม่ากันเลยพี่น้อง เพราะฉะนั้น สรุปได้คือ หนึ่ง. พวกฝรั่งต่างชาติที่มาแบคแพคชอบมากคือ หาเพื่อนแชร์ เพราะไปไหนมาไหน เช่นนั่งแท็กซี่ ได้ในราคาถูกลง เพราะแทนที่ต้องจ่ายคนเดียว ก็ได้เพื่อนมารวมพลังหาร 2 ถือเป็นเรื่องดี แต่ว่า สอง. โปรดระวังเพื่อนใหม่ชาวพม่า ที่ไม่ได้รับเชิญด้วย เพราะฝรั่งอัธยาศัยดี ไม่ค่อยปฏิเสธใคร ใครมาดีด้วย ก็ช่วยบาทนึง จะเล่นเอาเราเสียแผน เที่ยวไหนก็ไม่ได้เที่ยว เพราะพี่หม่องแกกะจะพาไปแต่ซื้อของในตลาด ก็ถ้าพาไปซื้อของ แลกตังค์ หรือพักโรงแรม พี่แกชักหัวคิวได้ตลอด รายได้ วันหนึ่งคงไม่ต่ำกว่า 300 แน่ ๆ ก็เตือนกันไว้ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 07:46:29 ]