ความคิดเห็นที่ 1 คนที่ดีก็มี คนไม่ดีก็มี แต่ผมเจอส่วนใหญ่ไม่ค่อยดีครับ ยังไงก็โหวต จากคุณ : pizzaheart - [ 27 พ.ค. 52 21:59:50 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อืม.....ไม่เคยรู้เลยว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วย เจ๊ก้องนี่...ประสบการณ์ตรง โชกโชนเลยดิ อิอิ . . จากคุณ : harumi - [ 27 พ.ค. 52 22:17:36 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เมืองไทยเป็นแบบนี้ ? จากคุณ : สินธร - [ 27 พ.ค. 52 22:24:31 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โหวตกระทู้แล้ว เคยกลับจากไปเยี่ยมญาติที่จีน (ประมาณสิบห้าปีก่อน) ไม่ได้ซื้อสินค้าอะไรเลย กระเป๋าใบขนาดหิ้วมือ สี่ใบสองคน ไม่ได้โวยอะไร ถามมาเราก็ตอบปกติ เปิดกระเป๋าให้ดู กลับดึงคุ้ยกระเป๋ากระจาย ไม่เจออะไร เสร็จก็ผลักกระเป๋าไปแล้วบอกไปๆๆๆๆ ทั้งๆที่รื้อค้นข้าวของเสื้อผ้ากระจายแบบนั้น จะเก็บก็ต้องใช้เวลา ออกคำสั่งไล่ ไปๆๆๆๆๆๆ ต้องหอบของลงจากแท่นมาวางที่พื้น กระเป๋าสี่ใบเก็บอยู่ครึ่งชั่วโมง มีอีกมากมายเหลือคณานับ ออกทีวีก็บ่อยไป สำหรับวีรกรรมของคนบางพวก แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 52 23:35:05 แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 52 22:40:23 จากคุณ : สินธร - [ 27 พ.ค. 52 22:38:26 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นด้วยเรื่องใช้บริการ shipping และเสียภาษีที่ถูกต้อง ทำไมกันน๊า ปากบอกกันว่ารักชาติ แต่หาทางเลี่ยงภาษีกันจัง จากคุณ : Special Force - [ 27 พ.ค. 52 22:43:18 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เคยโดนรื้อตอนกลับจากญี่ปุ่น รื้อมาเจอแต่ขนมเต็มกระเป๋า อิอิ แต่ว่ารื้อเสร็จไม่ยักจะเก็บให้แฮะ เซ็งมากๆเลย จากคุณ : virgolove - [ 27 พ.ค. 52 23:05:02 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ส่วย.....คืออะไร ถ้าเจอผม เจอกันที่ศาลแน่นอนครับ... ถ้าค้นผมและจะยึดของผม ผมจะถามว่า...คุณเอาอะไรเป็นเกณฑ์ เอากฏหมายมากางให้ดู...กฏหมายคงไม่ได้เขียนว่า สงสัยก็ยึดได้หรอก ถ้าผมไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามกฏหมาย ยึดของผมเจอฟ้องกลับแน่นอน ปัญหาคือ...ไม่มีถ้ามีมาตรฐาน...ไม่ปร่งใส่...ชอบทำตามใจ.... ข้อแนะนำ ...ถ้าเจอยึดทั้งๆที่ไม่ใช้เอามาขาย..ไม่ได้เอามาเกินกฏหมายกำหนด...อย่ายอมครับ...เพราะถ้าไม่ยอมก็ยึดไ่ม่ได้ ต้องส่งฟ้องศาลอย่างเดียว...แล้วไม่ต้องจ้างทนายครับ เจอหน้าศาลก็อธิบายให้ศาลฟังก็พอครับ..(แต่อาจเสียเวลา) โหวตให้ครับ ว่าแต่แอร์แต่ไม่ดูคนของตัวเอง... จากคุณ : เอ่ยรัก (เอ่ยรัก) - [ 27 พ.ค. 52 23:30:03 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ทุกวันนี้ก็มีเยอะถมเถไปครับ จากคุณ : MlCHAEL - [ 27 พ.ค. 52 23:30:41 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อยากให้คุณ Eat เค้าเข้ามาตอบจัง แต่อาจจะไม่ ....... เราเองถ้ากลับมาจากฝรั่งเศสและญี่ปุ่น จะโดนแทบทุกรอบ ล่าสุดไปญี่ปุ่น โดนให้เอกซเรย์กระเป๋า เห็นเป็นไฟรถยนต์หนึ่งดวง เค้าก็หาว่าเราจะเอาไปขาย (จะเอาไปขายได้ไงเนี่ยมีแค่ดวงเดียว) เห็นด้วยกับก้องว่าเราต้องมีสติ และต้องพูดจากับเ้ค้าดีมาก มาก (ขอย้ำว่าต้องนอบน้อมมาก ๆ เพราะคุณไม่รู้ว่า คุณจะเจอกับอะไร) แต่เนื่องจากเราไม่เคยเอาของอะไรมามากมายอยู่แล้ว เราก็เลยบอกว่า เอามาเปลี่ยนของเราเองที่มันแตกไป แต่เพราะเมืองไทยแพงมาก และรอนานสองสามเดือน เราเห็นว่าไปญี่ปุ่นทั้งที ก็เลยให้เพื่อนซื้อมาเลย ตอนแรกเค้าก็ไม่เชื่อ จะให้เราจ่ายเงินนั่นแหละ แต่เราก็ไม่ยอม ก็เอามาเปลี่ยนรถเราจริง ๆ อะ สุดท้ายเราบอกให้เจ้าหน้าที่ไปดูรถเราที่จอดอยู่ก็ได้ ว่าเป็นแบบเดียวกันหรือเปล่า และโชคดีมาก ๆ ที่เราใ้ช้รถนำเข้าจากญี่ปุ่น ซึ่งไม่ค่อยมีในเมืองไทย อยู่แล้ว เจ้าหน้าที่เค้าก็เลยคงเชื่อมั้ง แต่ก็มาว่าเราอีกว่าทำไมไม่ซื้อที่เมืองไทย คิดจะเลี่ยงภาษีเหรอ เราก็บอกว่าเปล่า ...... แต่มันรอนานมาก และไม่แน่ว่าจะได้ไหม ในเมื่อเราไปประเทศที่เค้าผลิตแล้วเราก็ซื้อมาเลย เราก็ให้เค้าไปถามวรจักรยนต์ ว่ารุ่นนี้หายากจริง ๆ หรือเปล่า แต่เจ้าหน้าที่เค้าก็ปล่อยมาในที่สุด โดยไม่ได้เสียเงินอะไรเลยค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 27 พ.ค. 52 23:45:44 ]

ความคิดเห็นที่ 10 พิมพ์ไปก็เท่านั้นครับ ไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอก คนที่คุณพูดถึงผมก็ว่ายังทำ ๆ แบบนี้อยู่ จากคุณ : Morning Star - [ 28 พ.ค. 52 03:09:09 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ไปฮ่องกงหน้าหนาว เนื่องจากไปนาน ประมาณ 10 วัน ไม่คิดจะซักเสื้อผ้าด้วย ไปซื้อที่นู้นแล้วใส่เอา ขากลับมันหนาและบวมมาก เจ้าหน้าที่ก็ตรวจแล้วก็รื้อดูเหมือนกันค่ะ คิดว่าเราจะเอามาขาย ก็บอกไปว่ามันหนาวๆ ไปมานานด้วย ไม่ได้ซัก ก็ปล่อยมา แต่คนที่ลงเครื่องพร้อมกันซื้อเสื้อผ้า Esprit แถมมีัป้ายมาครบทุกตัว เจ้าหน้าที่เจรจาน่าดูเลยค่ะ แต่พี่เค้าก็บอกว่า ซื้อมาใส่เองๆ แต่ก็เยอะอยู่นะ เกิน 20 ตัวแน่ๆ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ไปคุยที่ห้อง แสดงว่าเรียกไปเคลียร์เงินหรือค่ะ จากคุณ : กระบี่ในใจ - [ 28 พ.ค. 52 07:05:04 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าบังคับให้ทุกคนจ่ายภาษีเท่ากันได้  อย่างถูกต้องและเป็นระเบียบ(ตายตัว)  ก็คงจะดี .... แต่ในโลกแห่งความจริง  ในประเทศ  ไฉนทำบ่ได้ก็บ่ฮู้.... สินค้าเหมือนกัน คนนึงจ่ายมาก คนนึงจ่ายน้อย  มันก็เป็นปัญหาเช่นนี้แล ปล. ช่วงนี้ใครกระเป๋าใหญ่โดนแน่ๆ ค่ะ  แต่เมื่อ 2-3 ปี ... อิฉันเข็นมาคนเดียว  กล่องใหญ่เท่าตู้เย็น  ยังไม่โดนเปิดตรวจ บอกเอามาใช้เอง       ถ้าช่วงนี้...ที่ภาษีทุกบาทต้องช่วยชาติละก็...เหอๆ.... จากคุณ : PaNok@WanDeRer - [ 28 พ.ค. 52 07:40:24 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ......              ก้องๆ.........              ทีหลัง...เอาตัวเข้าแลกสิ....              อะไรๆจะได้ง่ายขึ้น.. ... จากคุณ : เจ๊ เชพบ๊ะ - [ 28 พ.ค. 52 08:43:59 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ตามที่คุณอุตส่าห์พิมพ์มาเล่าเป็นจริงทุกอย่างเลยค่ะ พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่สนามบินในอดีตจนถึงปัจจุบัน ก็ยังมีอยู่นะคะ เห็นมากับตา ส่วนดิฉันขนของมาคนเดียว 3-4 กระเป๋า มีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อยู่ใบเดียว อีก 3 กระเป๋าเป็นกระเป๋าหิ้วใบหย่อมๆอีก รวมทั้งหมดเกือบ 50 กิโล (เพราะเป็นสมาชิกบัตรทองเลยได้น้ำหนักค่ะ) ผ่านช่องตรวจทีไร เจ้าหน้าที่เรียกให้หยุดทุกที โดนประจำ ยกสัมภาระเลเซอร์ เสียเวลามาก เพราะไม่มีของต้องสำแดง มีการเปิดกระเป๋าบ้างในบางครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเป็นของจุกจิกตกแต่งบ้าน, ของกิน โดนประจำชักจะเซ็งค่ะ พักนี้แพ็คแค่ 2 ใบพอ กระเป๋าเดินทางกับกระเป๋าหิ้ว ตั้งแต่บัดนั้นไม่เคยโดนอีกเลย รู้สึกสบายใจดีขึ้นมากเมื่อเดินผ่านเจ้าหน้าที่ไม่ต้องหยุดอีกต่อไป แต่ไม่สบายใจ ในเรื่องการใช้สิทธิบัตรทองเกียวกับเรื่องน้ำหนักกระเป๋า เดินทางคนเดียว แพ็ค3-4 ใบโดนตรวจประจำเลย จากคุณ : ป้าซิ่ง (Naomichan) - [ 28 พ.ค. 52 08:51:39 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ถูกใจ  ความคิดเห็นที่ 13 จังเลยค่ะ และขอบคุณ จขกท. ที่ให้ข้อมูล ..... ...... ....... จากคุณ : มาม๊าน้องแก้ม (nonggam_pong) - [ 28 พ.ค. 52 08:59:08 ]

ความคิดเห็นที่ 16 โอ๊ะโอ เบื้องหลังอาเฮียของเค้า ไม่เคยเล่าให้ฟังมั่งเลยอ่ะ จากคุณ : wasa_d - [ 28 พ.ค. 52 09:10:59 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ยังมีเรื่องตรวจเอาของส่วนตัวออกมาโชว์ก็มีนะครับ  เคยเจอเอากางเกงนอนผมขึ้นมาชู  แล้วยังเคยได้ยินว่า คนไปเที่ยวซื้อของแปลกๆ จาก Sex Shop มาใช้ก็เอามาดู (อุปกรณ์พวกนี้ เดี๋ยวนี้ทางการแพทย์ถือว่า เป็นการบำบัดแล้ว  แต่ผมไม่เคยซื้อนะ)  อย่างนี้เป็นการเสียมารยาทมาก คนถ้าไม่ผิดกฏหมาย เปิดกระเป๋าหายังไงก็ไม่มีทางเจอหรอกครับ  นอกจากจะทำแบบ ด่านจราจรข้างถนน น่าโหวตกระทู้นี้จัง จากคุณ : lucky_nop - [ 28 พ.ค. 52 09:12:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณจขกท.ที่นำมาเล่าให้ฟังนะคะ จากคุณ : sweetsakura - [ 28 พ.ค. 52 09:18:05 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ... จากคุณ : booklovers - [ 28 พ.ค. 52 09:45:38 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เคยโดนสุ่มตรวจโดนค้นกระเป๋าแบบไม่มีชิ้นดี แล้วก็อย่างที่จขกท.พูดไว้ต้องมานั่งเก็บเอง เจ้าหน้าที่ที่ค้นก็ทำหน้าแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ค้นเสร็จก็ไม่มีการขอบคุณ หรือแสดงกิริยาอะไรที่ดูเหมือนคนมีการศึกษาเค้าทำเลย จากคุณ : Lost Lollipop - [ 28 พ.ค. 52 09:50:42 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ของเราแค่ใบใหญ่หน่อยเดียวก็ตรวจแล้ว แต่มันก็หนักจริงๆ แหละ ก็นะเราแค่เอานมกล้วยมา 5 ขวดเอง ก็ของมันชอบอ่ะ บ้านเราก็ไม่มีขายด้วย(เอ่อ...เพิ่งรู้ว่าข้างๆ ออฟฟิศเอามาขาย) แล้วก็ คสอ. อีกนิดหน่อย เสื้อผ้าไม่เกิน 10 ชุด แต่ของเพื่อนเราเมื่อก่อนก็ขายเสื้อผ้าค่ะ ซื้อที่ฮ่องกงเลย แบกเข้ามาทีก็ 70 โล ได้ เอาใส่แบบกระเป๋ากระสอบอ่ะค่ะ เค้าก็จะติดต่อศุลฯ ที่ เป็นเพื่อนของพ่อเพื่อนเค้าว่าจะไปวันนี้กลับวันนั้น แล้วเค้าก็จะมารับ ก็จ่าย 1500-2000 แล้วก็มีขนมมาฝากนิดหน่อยน่ะค่ะ ก็รอดตายได้ทุกครั้ง ของพี่อีกคนก็ให้เพื่อนที่การท่าออกมารับ เอาน้องบลายด์มาเป็นหลายสิบตัว ได้โดยที่ไม่โดนตรวจค่ะ เมื่อก่อนโดนตรวจก็จ่ายไป 1000 นึง บอกไป ว่ามีเงินแค่นี้อ่ะ จะเอาป่าว ขอกลับบ้าน300 ค่ารถ จริงๆ แล้วพี่เค้าเอารถ จอดไว้ที่สนามบินนั่นแหละค่ะ ก็ยังมีคนทำผิดได้อยู่เหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ แก้กันไม่หายหรอก จากคุณ : nongmi (nongmi) - [ 28 พ.ค. 52 10:13:49 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มันก็เป็นกันทั้งสองด้านละครับ มันมีกันทุกสังคม มีทั้งคนดี และทั้งคนไม่ดี ถ้าคนไม่ดีมาเจอกับคนไม่ดี มองตาก็รู้ใจก็เข้าขากันไปเป็นอันจบเรื่อง ถ้าคนไม่ดี มาเจอกับคนดี ก็มีเรื่องกัน ก็ทั้งสองฝ่ายละครับ ไม่ได้ว่า คนหิ้ว หรือคนที่มีหน้าที่ตรวจ ทุกสังคม ทุกหน้าที่ก็มีคละกันไป มากบ้างน้อยบ้าง *_* ผมเองก็เจอคนทั้งสองแบบละครับ ก็ทั้งสองฝั่งนั่นละ เพียงแต่ว่าผมไม่ได้หอบหิ้วอะไรเข้ามาขายเท่านั้นเอง อาศัยว่าเดินทางบ่อย ผ่านด่านทีไรก็เห็นทุกที ว่า ค้นแล้วเจอ แต่กระบวนหลังจากนั้นไม่เห็น แต่ก็ทราบครับ เพราะเพื่อนผมหลายคนก็มีอาชีพขนเหมือนกันครับ ^_^ อย่าถึงกับต้องให้คุณ eatแต่เหล้า มาตอบเลยครับ เค้าอยู่ในสถาะที่ตอบลำบากสำหรับเรื่องนี้ เอาแค่เข้ามาเล่าเรื่องแปลกให้พวกเราฟังก็พอแล้วครับ ^_^ จากคุณ : SkyBox - [ 28 พ.ค. 52 10:17:24 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เราไปเที่ยวญี่ปุ่น ครั้งแรก ตอนนั้นเค้าเข้มงวดมาก โดนค้นกระเป๋า ไปช่วงหนาว กระเป๋าใหญ่มาก แต่ก่อนเปิด เจ้าที่หน้า ใช้คำว่า ขออนุญาต เปิดกระเป๋าได้มั้ย ดูแล้วสุภาพมาก เราก็ให้เปิด เค้าก็ไปเจอน้ำพริก เผา แพคอย่างดี เค้าแกะ และก็ เก็บแพคให้เหมือนเิดิมมากที่สุด และจัดของให้เรา ยกกระเป๋าลงให้เรา แล้วสุดท้ายก็ พูดว่า ขอโทษด้วยครับที่ทำให้เสียเวลา และค้นกระเป๋าคุณ เรางี้เห็นกิริยาเค้าแล้ว ทำให้รู้สึกว่า ทำไมสุำภาพอย่างงี้ ซึ่งแตกต่างจาก ของเพื่อนๆๆ ที่โดนที่ไทยจัง ที่ไทยยังไม่มีประสบการณ์ แต่อ่านดูแล้ว เฮ้อ~~~~~~~~ จากคุณ : ....You.... - [ 28 พ.ค. 52 10:21:03 A:118.152.6.151 X: TicketID:176867 ]

ความคิดเห็นที่ 24 โชดดีว่า  เท่าที่เคยโกอินเตอร์(มากะเค้าบ้าง)  ... เน้นกิน  ไม่เน้นช้อป  ...  เรื่องพวกนี้เลยไม่ได้แอ้มป้าหรอก  ... ว่าแต่ว่า  คห.ของเจ๊เชฟนี่  อ่านแล้วยิ้ม  ...  ไม่ใช่ไรหรอก  นึกถึงว่า  สำหรับป้า  คงใช้ไม่ได้ผลง่ะ  ...   .. จากคุณ : ป้าเกษ (inhouse) - [ 28 พ.ค. 52 10:24:56 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ก่อนอื่นผมขอกราบขออภัยในเรื่องที่หลายๆท่านประสบจากหน่วยงานของผมครับ ขอโทษและเรียนยืนยันว่าส่วนตัวของผมแล้วจะไม่เป็นไปในทางนั้นเด็ดขาด แต่ว่าผมอยู่ในหน่วยงานที่มีเจ้าหน้าที่หลายคน หลายรุ่น แน่นอนว่ามีพฤติกรรมที่หลากหลายด้วย คนดีก็มี คนไม่ดีก็มี เมื่อผมเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานนี้ผมก็ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบต่อสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นได้ เจตนาของผมที่ออกมาเล่าเรื่องราวต่างๆนั้นคือ ผมอยากให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายสำหรับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ แต่ถ้าผมเอาระเบียบมาลงเฉยๆทื่อๆ คนก็จะสนใจอ่านน้อยกว่าที่เขียนเรื่องราวต่างๆและสอดแทรกระเบียบปฏิบัติเข้าไป ก็เลยมาเขียนเล่าเรื่องขำๆให้ฟังกัน บางเรื่องอาจจะเหมือนว่าไปกระทบกับคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งผมเรียนตามตรงว่าไม่ได้มีเจตนาว่าร้ายแต่อย่างใด หากทำให้เกิดความไม่พอใจผมก็ขออภัยด้วยครับ ส่วนเรื่องภายในภายนอกนั้นผมก็จนใจที่จะบอกเล่าในบอร์ดสาธารณะครับ แต่ว่าสมาชิกพันทิปทุกท่านมีช่องทางอื่นในการติดต่อกันอยู่แล้ว สอบถามมาได้ครับผม เหตุผลที่ต้องเป็นแบบนี้เพราะว่าผมยังเป็นข้าราชการอยู่ครับ และเป็นข้าราชการในระดับที่อยู่ล่างสุดของสายการบังคับบัญชาด้วย บางเรื่องไม่สามารถตอบให้ได้จริงๆครับ อย่างที่บอกมาครับว่า เจตนาผมมีอยู่แค่การให้ข้อมูลแก่ผู้เดินทางเท่านั้นเองครับ แต่เรื่องการถูกตำหนิติติงผมทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเจอแน่นอน ซึ่งผมก็น้อมรับและจะพยายามแก้ไขปรับปรุง น้อยที่สุดก็คือตัวของผมเองที่จะไม่ทำเรื่องแบบที่เคยถูกตำหนิจากหลายๆท่านในนี้ครับ ขอบพระคุณทุกท่านครับผม จากคุณ : Eat that Liqu - [ 28 พ.ค. 52 10:25:26 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เดี๊ยวนี้เค้ามีคนรับจ้างเข็น รถเข็น แล้วครับคุณก้อง มาไฟลทไหน เค้าไปรับถึงสายพาน ช่วยคุณ ยกกระเป๋า แล้วก็พาออกช่องเขียว เค้าไม่ใช่ ทหารหรือตำรวจ แต่แต่งตัวเหมือน และเค้าใหญ่ในกันท่า.... แล้ว ผีช่องแอร ก็ไม่กล้ายุ่งด้วยครับ หรือไม่ก็แต่งตัวชุดคนมีสี หิ้วของออกมาเลย เค้าก็ไม่กล้ายุ่งเช่นเดียวกัน อันนี้ประเภท คนมีสีนะ (ส่วนมากหิ้วพวก ของเล่นของคนมีตังค์ อุปกรณ์ของแพงๆ) แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 52 11:20:46 จากคุณ : ขวัญใจสิบล้อ - [ 28 พ.ค. 52 11:00:17 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผมทำกุญแจล๊อกกระเป๋าหายเลยครับ แล้วบอกว่า ถ้าอยากเปิดก็งัดเลย ไม่มีไรจริงๆ ผมเป็นนักเรียน กลับมาเที่ยวบ้านแค่นั้นเอง เค้าก็ไม่ยอมเปิดนะ สงสัยไม่มีอะไรงัดกุญแจ กลับบ้านผมต้องหาอะไรมางัดกุญแจเอง แย่เลย จากคุณ : Ushuaia - [ 28 พ.ค. 52 11:10:02 ]

ความคิดเห็นที่ 28 กฏหมายบ้านเรา จะมีคำนึงที่คาใจเราเสมอ เขียนว่า "แล้วแต่ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่" เอ่อ... เป็นการเปิดโอกาสให้คนทำแบบนี้ใช่มั้ยคะ? จากคุณ : MaNgKoOd - [ 28 พ.ค. 52 11:13:14 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เคยทำเหมือนคุณเจ้าของกระทู้เลยค่ะ เหตุการณ์คล้ายๆกัน โดนมาหลายรูปแบบมากมาย พอดีช่วงที่ทำตอนนั้น เพิ่งจบใหม่ๆ ก็คึกนึกสนุกอะค่ะ แล้วก็เลี่ยงนู่นนี่ไปได้เรื่อย อาศัยหน้าเด็ก เหอๆ จากคุณ : ประสบการณ์เดียวกัน (orlinee) - [ 28 พ.ค. 52 11:20:33 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อยากให้กิ๊ฟท์ คุณ Eat ค่ะ ที่เข้ามาตอบ เราก็เข้าใจและเห็นใจในสถานภาพของคุณนะ ....... อย่างนี้เรียกว่า ระบบมันเป็นไปใช่ไหมค่ะ แต่ก็ขอบคุณมาก ๆ ที่เข้ามาตอบนะ .... เห็นมีความเห็นนึงที่บอกว่า ถ้าบังคับให้ทุกคนเสียภาษีอย่างเท่าเทียมกันก็คงดี และเรายินดีเต็มที่เลยค่ะที่จะปฎิบัติตาม ..... แต่ในโลกของความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นจริง ๆ เราเองยอมรับค่ะ ว่าบางรอบถ้าไปฝรั่งเศสแล้วเอาไวน์หรือแชมเปญมาเกิน 10 ขวด (ทั้ง ๆ ที่ไวน์นั้นก็เอามากินเอง เกือบทั้งหมด ให้เพื่อนบ้าง ไม่เคยขายเลย) เราก็จะพยายามหาลู่ทางให้ไม่ต้องเสียภาษี เพราะเราคิดว่า เราไม่อยากจ่ายเงินให้กับรัฐบาล ในขณะที่มีคนบางคน (ถ้าเอ่ยชื่อรู้เลยว่าใคร) สั่งของมาบอกว่า ขายในดิวตี้ฟรี ไม่ต้องเสียภาษี แต่เอาเข้าจริง ก็ทำบัญชีเท็จแล้วแอบขายตามห้างสรรพสินค้า ...... รัฐบาลเสียรายได้จากคนแบบนี้มหาศาล (ขอบอกว่ามหาศาล) ในขณะที่คนพวกนี้ก็กอบโกยได้เต็มที่ ล่าสุดไปพม่ามา เห็นราคาแชมเปญเค้าแล้วยิ่งเศร้าใจ ถ้าซื้อแชมเปญ ปอมฯ มันก็ราคาไม่น่าเกิน 15-20 ยูโร ต่อขวด (ราคาในซุปเปอร์ฯ) แต่ถ้าซื้อในเมืองไทย ก็ปาไปโน่น 5,000 - 6,000 บาท ถ้าซื้อในดิวตี้ฟรีก็ถูกกว่านั้นไม่น่าเกิน 1,000 บาท ...... แต่ที่พม่าขายปอมฯ ประมาณ 28 USD เท่านั้นเอง ......... เรายังซื้อเลย เพื่อนที่ไปด้วยกันบอกว่า อะไรเนี่ย มาซื้อแชมเปญที่พม่า บ้าหรือเปล่า ....... ก็ราคามันถูกกว่ากันเยอะนี่ มันก็ล่อใจให้ซื้อมา.... ถ้าเรามีเรื่องคาใจ .... เราจะส่งข้อความไปหานะคะ เพราะว่าบางทีเราก็ไม่แน่ใจในรายละเอียดบางอย่างค่ะ และก็อยากจะทำให้มันถูกต้อง จากคุณ : Travel Animal - [ 28 พ.ค. 52 11:26:32 ]

ความคิดเห็นที่ 31 .......             ป้าเกษๆ.........ไม่แน่หรอก             ผู้หญิงอย่างเราน่ะ    ยิ่งสูง(วัย)  ยิ่งสวยนะ ... จากคุณ : เจ๊ เชพบ๊ะ - [ 28 พ.ค. 52 11:35:56 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สงสารคนที่ไม่ได้ตั้งใจเอามาขายจริงๆค่ะ เคยเกือบโดนตอนขากลับจากฮ่องกง แต่แม่ใจเย็นมาก เลยไม่มีอะไร แต่ปรี้ดแทนกรณีที่แบบว่า คนธรรมดาๆ ไร้ยศ ไร้ตำแหน่ง โหย ประเทศนี้สวย ของถูก ซักวันจะไปให้ได้ เก็บเงินงกๆๆๆ กรี๊ดด ซื้อตั๋ว จองที่พัก วางแผน สนุกสนาน เย้ ได้ไปเที่ยวแล้ว แฮปปี้ม้ากมาก แต่งตัวสวยหน่อย โหย สวยจัง แปลกจัง ซื้อๆๆ นานๆมาที ว้าย กระเป๋าใหญ่แล้ว ไม่เป็นไร นานๆมาที ว้า ต้องแต่งตัวสวยกลับแล้ว อยากเที่ยวต่อจัง อะไรเหรอคะ เปล่าค่ะ ไม่ได้เอามาขาย อย่านะ อย่ารื้อกระเป๋าช้านนนนนนนน เก็บของงกๆๆๆๆ มีประสบการณ์แย่ๆกลับบ้านจากเมืองไทย จากคุณ : ร่มใส - [ 28 พ.ค. 52 11:40:50 ]

ความคิดเห็นที่ 33 อ่านแล้วก็ได้แต่ "ถอนหายใจ"!!! จากคุณ : ข้าวโพดซัง - [ 28 พ.ค. 52 11:49:51 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เราว่าไม่ใช่แต่ที่ไทยหรอกค่ะที่มารยาทแย่ เราเคยโดนค้นกระเป๋าที่ฝรั่งเศส ค้นซะกระจุยกระจาย พอไม่เจออะไรก็สะบัดตรูด ไม่ขอโทษที่ทำให้เสียเวลาหรืออะไรทั้งสิ้น ต้องมานั่งจัดของอีก เสียเวลา+อารมณ์เหมือนกัน จากคุณ : MaRiMeKKo - [ 28 พ.ค. 52 11:57:32 ]

ความคิดเห็นที่ 35 นิยามของคำว่า "เลือกปฏิบัติ" ล่ะครับ  ใช้กม. เต็มที่กับคนกลุ่มหนึ่ง  แต่จงใจหลีกเลี่ยงไม่ใช้ กม. กับคนอีกกลุ่มหนึ่ง จากคุณ : David_kop - [ 28 พ.ค. 52 12:04:14 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เคยไปฮ่องกงกับแม่  ขากลับเข็นกระเป๋ามาให้แม่ด้วย บอกเขาเสร็จสรรพว่าใบนี้ของผมใบนี้ของแม่ผม เขาบอกว่าไว้ใจได้ไง  ปั๊ดโธ่ พูดจาน่าเอามือกระแทกปาก นั่นแม่ผมน่ะ  น่าจะไปโดนกับแม่คุณบ้าง  แล้วจะรู้สึก แต่ว่ารื้อกระเป๋าแล้วก็ปล่อยออกมา  แต่เก็บเอง จากคุณ : buctuser - [ 28 พ.ค. 52 12:13:07 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณที่เล่าสู่กันฟังครับ ผมก็เคยเจอรื้อกระจุยเช่นกัน แต่สงสารเจ้าหน้าที่เค้านะครับ เพราะเรื้อกระเป๋าใบเบ้อเริ่ม เจอแต่เสื้อผ้าที่ใส่แล้วยังไมได้ซักเต็มกระเป๋าเลย ยิ่งล้วงลึกก็ยิ่งเจอ 555 จากคุณ : o_taro_cmu - [ 28 พ.ค. 52 12:16:21 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอถามว่า ช่วงเวลาไหนที่มักเจอเจ้าหน้าที่ไม่ดี มากที่สุดครับ จากคุณ : mkputon - [ 28 พ.ค. 52 12:29:02 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ที่ออสเตรเลีย สามีเรา ( ญี่ปุ่น ) ยังโดนค้นรื้อ กระจายเช่นกัน เราเอากรอบรูปห่อของขวัญอย่างดีไปฝากอา  พนักงานก็ถามว่านี่มาจากญี่ปุ่นใช่ไหม  จากนั้นก็ไม่มีปัญหา ไม่ต้องแกะห่อของขวัญออก จากคุณ : CherryBlossom669 - [ 28 พ.ค. 52 12:29:12 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เข้าใจคุณEat that Liqu นะคะ เราเองที่ถามในกระทู้ก่อนเรื่องคนหิ้วกระเป๋าแบรนด์เนมมาขายที 20-30ใบ อ่านคำตอบแล้วบอกตรงๆว่าก็ไม่เคลียร์เท่าไหร่ แต่ก็เข้าใจค่ะว่าเรื่องบางเรื่องพูดมากไปก็ไม่ดี เอาเป็นว่าตามนั้นค่ะ ;P ละไว้ในฐานที่เข้าใจ^^ จากคุณ : 456จิ้งจกยัดไส้ - [ 28 พ.ค. 52 12:29:53 A:58.9.28.35 X: TicketID:077392 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ประเทศไทย พวกพ้อง ของงี้ครับไม่ต้องรอชาติหน้าหรอกครับ ชาตินี้ผมกรรมถึงตัวแน่นอน ผมก็เคยมีลูกพี่ลูกน้องกับเพื่อนผม ทำงานอย่างนี้ บอกว่ายึดของบางส่วนแล้วเอาไปใช้เองบ้าง เอาไปขายบ้าง สรุปแล้วเข้าอีหรอบเดิม เฮ้อ ประเทศไทย จากคุณ : ช้าง - [ 28 พ.ค. 52 13:01:33 A:119.160.216.34 X: TicketID:215278 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ดิฉันทำงานที่ต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่พวกนี้  และที่อื่นๆ ด้วย ขอยอมรับว่าพบว่าเมืองไทยกำลังถอยหลังเข้าคลองมากๆ ค่ะ น้ำเน่ากำลังจะนองทั่วเมืองและมองไม่เห็นว่าจะมีน้ำดีที่ไหนมาชะล้างให้เจือจางเลยค่ะ  คนไทยทำไมรักและบูชาเงินและวัตถุ มากมายเหนือความเคารพที่มีต่อตัวเองอย่างนี้ก็ไม่รู้ ดิฉันอยากให้มีคนทำแว่นตา หรือกระเป๋าถือ หรืออุปกรณ์อะไรก็ได้ ที่เป็นเหมือนของเล่นของเจมส์ บอนด์ ที่ใช้อัดภาพและเสียงการสนทนา ของเรากับเจ้าหน้าที่ของรัฐได้โดยที่เขาไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรมศุลฯ และกรมที่ดิน  เสร็จแล้วจะเอามาทำเป็นซีรี่ส์ลงใน Youtube ส่งไปทั่งโลกเลยค่ะ ทำงานติดต่อราชการแล้ว ไม่อยากเสียภาษีให้บ้านนี้เมืองนี้อีกต่อไปแล้วค่ะ ถ้าเป็นไปได้ ไม่อยากอยู่ที่ประเทศนี้แล้วด้วย จากคุณ : แมวขาวขนฟู - [ 28 พ.ค. 52 13:02:18 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ถ้างั้นก็ถือว่าเราโชคดีมาก ๆ...เพราะไม่เคยเจอค้นกระเป๋าเลยซักครั้ง ประเทศที่เค้าว่าเฮี้ยบ ๆ ก็รอดมาได้ราวกับปาฏิหารย์ทุกครั้ง 555 ทั้งที่กระเป๋าเราใบใหญ่มาก ใช้เต็มพิกัด โหลด 2 ใบ,หิ้ว 1 ใบต่อคน... เกือบทุกทริปของเยอะมาก...แต่ก็ไม่เคยโดนสุ่มตรวจเลยซักครั้ง... คิดดูแล้ว เข้าใจว่าน่าจะเป็นเพราะเรามักจะไปกัน 3 คนพ่อแม่ลูกเสมอ สงสัยเพราะมีเด็กนี่แหละ...เลยทำให้รอดทุกครั้ง... ยิ่งเข้าประเทศไทยเนี่ย...เคยโดนเรียกถามมากสุดก็แค่ "มาจากไหนครับ" พอตอบไป...เค้าก็ให้ผ่านออกไปโดยดี ... คิดในแง่ดี...อย่างน้อยพนักงานสุวรรณภูมิเรา ก็ยังมีน้ำใจต่อเด็กอยู่บ้างนะคะ อย่างกรณีของเราเป็นตัวอย่างค่ะ....รอด..ตลอด... จากคุณ : nattynine - [ 28 พ.ค. 52 13:11:11 ]

ความคิดเห็นที่ 44 VIP คนมีหน้าตามีตาในสังคม คนมีชื่อเสียง คนมีสี คนรู้จักกัน ญาติพี่น้อง >>>>>> เชิญช่อง โน้นครับ ผ่าน จากคุณ : kraikl (kraikl) - [ 28 พ.ค. 52 13:32:35 ]

ความคิดเห็นที่ 45 อ่านแล้วก้อนะ ....  ที่นี่เมืองไทย พูดแล้วนึกถึง กรณี ขโมยของในกระเป๋าอีกเคส จากคุณ : vn, man - [ 28 พ.ค. 52 14:07:32 ]

ความคิดเห็นที่ 46 - จงจำไว้ ว่า คนที่จะไม่โดน และเลี่ยงภาษีได้ ก็ คือพวกนัการเมืองครับ ขนของมาเต็มกระเป๋า ไม่เคย โดนอะไรเลยแถม จะมีคนพาออกอีก ก่อนออก ยังมีคน ตามมาสวัสดีอีก .....ถ้าเป็นเรา ละ .... -------------------------------------------------------- นี่หละครับ สันดานของ "นักกินเมือง" ไทย แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 52 14:23:53 จากคุณ : CLK BRABUS - [ 28 พ.ค. 52 14:23:30 ]

ความคิดเห็นที่ 47 บ้านผมก็เป็นหนึ่งในการทำธุรกิจแฟชั่นเสื้อผ้าที่ตึกค้าส่ง นำเข้าจากจีน รุ่นแรกๆ อาจมากว่าด้วยเพราะจนถึงปจัจจุบันซึ่งก็ยังทำอยู่ นับได้ก็จะ 12 ปีแล้ว สมัยที่คุณเริ่มที่ใบหยกนี่ติดลมบนกันหมดแล้ว ตึกที่ผมขายของนี้เมื่อก่อนแทบจะทุกร้านที่ขายของฮ่องกง-จีน ซึ่งคู่แข่งเยอะมาก เดี๋ยวนี้เหลืออยุ่ไม่กี่เจ้าแล้ว แต่ก็เจ้าใหญ่ๆทั้งนั้นซึ่งรวยมาจากช่วงบูมนี่แหล่ะ ซึ่งเท่าที่จำได้และแม่เล่าให้ฟังว่า ปีที่ จขกท.บอกแ  8-10ปีก่อน เมื่อก่อนเขาจะมีคนพวกนึง เรียกว่าพวก "หิ้วของ" คือเขาจะฝากสินค้ากับคนเหล่านั้น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเสื้อผ้าปกติบ้าง ก็อบแบรด์บ้าง ให้เขานำเข้ามาให้เหมือนเป็นเอเจ้นท์ที่ลักลอบ ซึ่งจะมาแบบกระเป๋าลูกหมู ใบละปรมาณ 20 โลขึ้น มาทีนึง 10-20 ใบ และไม่ใช่เจ้าเดียวหลายเจ้ามากคนหิ้วก็เยอะ คนฝากเยอะกว่า คิดดูว่า เวลาเครื่องลงมาทีนี่...... ส่วนใหญ่พวกนี้ก็จะลงไฟล์ดึกๆ คือคนพวกนี้เขาจะรู้กัน (จ่ายค่าน้ำชาไปแล้ว) เขาจะโทรคุยกันว่าจะเข้าเวรช่วงไหน จะได้มาถูก ไม่เจอ จนท. คนอื่น เขาก็จะให้ผ่านไปเลย คิดดู 10-20ใบผ่านไปได้ไง แม่บอกว่าครั้งนึงมีเจ้าไหนไม่รุ้ฝาก 40 ใบ แต่ถ้าเจอ จนท. โลภมากหน่อยถึงจะรู้จัก ก็เรียกทำเข้าไปตรวจเพื่อที่จะขอเพิ่ม บางทีเจออะไรที่ชอบก็ไม่ขอ หยิบไปเลย ไม่มีใครกล้าโวยหรอกพวกนี้ บางทีมีบอกด้วยนะว่าเที่ยวหน้าขออย่างนั้นอย่างนี้ ก็ต้องจัดให้มัน เพราเดี๋ยวจะมีปํญหา และคนหิ้วของพวกนี้จะไปฮ่องกงทุกอาทิตย์ จนท.จึงจำได้ พวกหิ้วของบางคนก็มีญาติอยู่ที่นู่น ซึ่งจะเป็นอย่างนี้เรื่อยๆไป จขกท.มาเองก็ไม่แปลกหรอกที่จะโดนจับและเรียกเอาเงิน ซึ่งเขาไม่ค่อยใส่ใจหรอก เพระเขามีลูกค้าประจำแล้ว ซึ่งได้เยอะกว่าด้วย เงินเดือนไม่เท่าไร แต่ขับเบนซ์ขับบีเอ็มกัน เพราครั้งนึงคนพวกนี้ก็ต้องให้เขารวมๆแล้วก็เป็นแสน ทีแรกๆแม่ผมก็ลองฝากพวกนี้มา แต่ไปได้สักครั้ง 2ครั้ง แพงมากๆ แต่ของจะมาเร็ว ก็ไม่ไหว มาทางเรือดีกว่า เพราที่บ้านผมมาเยอะ พวกหิ้วของนี้รายได้ดีมากเที่ยวนึงได้เป็นแสนๆ เพราะกทุกร้านก็อยากได้ของเร็วๆ บางทีของแบบมันชนกัน ใครมาเร็วกว่าก็โชคดี ร้านผมทุกวันนี้ก็มาทางเรือ ทีเป็นตู้ๆคอนเทนเนอร์ไปเลย ถูกต้อง ปลอดภัย สมัยนี้มาทางเรือถูกและก็เร็วด้วย ส่วนพวกหิ้วของก็ยังมีอยู่แต่เอามาทีน้อยๆไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อน เพราะร้านเล็กๆตายหมดเหลือแต่ร้านใหญ่ๆ  จริงวงการการขายเสื้อผ้ามีไรมากว่านี้อีก ฟังแล้วจะอึ้ง ปล.เสื้อผ้าส่วนใหญ่ไม่ไดมาจากกวลางเจานะ เพระกวางเจาก็ไปรับโรงงานที่นี่มาอีกที โรงงานที่ร้านทำผมก็อยู่ที่นี่แหล่ะ เพราะถุกกว่ากวางเจามาก แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 52 14:26:33 จากคุณ : HARDYTOON - [ 28 พ.ค. 52 14:23:39 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ถ้าคุณลักลอบขนของเข้ามาขาย  มันก็เท่ากับทำความผิดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็อาจจะเป็นช่องให้ จนท. ที่ไม่ดีสามารถทุจริตโดยเรียกส่วยได้ (มันก็เหมือนกับขับรถฝ่าไฟแดง  โดนตำหนวดเรียกตรวจแล้วขอจ่ายตรงนั้นไปนั่นหละครับ)  เรื่องแบบนี้ผมว่า มันก็แย่พอกัน ทั้งฝ่ายลักลอบนำเข้า และฝ่ายเรียกใต้โต๊ะ ผมมองว่า "ดุลพินิจของ จนท." นี่เป็นเหมือนดาบสองคมนะ.....ถ้า จนท. ดี มันก็ดีไป.....แต่ถ้าเจอ จนท.ไม่ดีหละก็....ไม่อยากจะคิด จากคุณ : CLK BRABUS - [ 28 พ.ค. 52 14:36:16 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เคยคิดจะไปทำงาน....."เจ้าหน้าที่ติดต่อราชการ" แต่กลัวว่าพอทำจริงๆ.....จะกลายเป็น "เจ้าหน้าที่ติดสินบนเจ้าพนักงาน" แทน... ตอนนี้เลิกทำธุรกิจ import แล้วค่ะ ....... เจ้าที่เค้าแรง..... ++ จากคุณ : PaNok@WanDeRer - [ 28 พ.ค. 52 15:07:49 ]

ความคิดเห็นที่ 50 นี่แหละหนอเมืองไทย   ถึงได้เจริญกันสุดๆ   ทำไมไม่ทำให้ถูกต้องทั้งสองฝ่าย จากคุณ : H2O+ - [ 28 พ.ค. 52 15:21:02 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เคยเจอเปิดกระเป๋าที่ญี่ปุ่น  เขาถามว่าเอายาเสพติดมาไหม (Drug) ด้วยสำเนียงแบบคนญี่ปุ่น เราก็เซ่อไปเลยฟังไม่ออก เขาต้องเอาแผ่นคำถามที่มีภาษาไทยมาให้อ่าน   แล้วเปิดกระเป๋าเลย  ดึงถุงก๊อบแก๊บที่ใส่กุงเกงในออกมาด้วย อายมาก   (ตั้งแต่นั้นมาไม่เอา กกน. ใส่ถุงก๊อบแก๊บอีกเลย 555) รื้อกระเป๋าซะฟู เลย  แล้ว ไม่เก็บให้นะคะ  ให้เก็บเองค่ะ จากคุณ : มิคกี้เม้ง - [ 28 พ.ค. 52 15:42:06 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ตอนไปฮ่องกง เคยโดน ตม.ฮ่องกง ตรวจกระเป๋า คงเพราะสัมภาระเยอะ (ไปทำงาน) แต่ก็ไม่เจออะไร เค้ายังช่วยเก็บลงกระเป๋า แถมขอโทษผมด้วยที่ทำให้ยุ่งยาก เค้าต้องทำตามหน้าที่ ผมเลยบอกว่า ไม่เป็นไร ผมเข้าใจดี อันนี้ต้องชื่นชมครับ จากคุณ : ลุงขาวไขความลับ - [ 28 พ.ค. 52 15:45:22 ]

ความคิดเห็นที่ 53 วันก่อน ฝรั่งจะมาสาธิตและนำอุปกรณ์ซ่อมสินค้าบางตัวมาซ่อมสินค้าให้ทางบริษัทพ่อผม ศุลกากรก็เจอ แล้วบอกว่า ของต้องโดนยึด เพราะเหมือนจะเอามาขาย ฝรั่งก็อธิบายไปว่า เนี้ย มาซ่อมของ มี Contract เอา Contract ให้ดู แต่ศุลกากรก็ไม่ยอมท่าเดียว บอกอยู่ได้ว่าจะเอามาขาย ฝรั่งเลยโทรหาพ่อผม พอเข้าไปคุยก็ยังไม่ยอม สุดท้าย ได้แบงค์เทาๆไปสองใบ เงียบกริบ ยิ้มและไหว้ขอบคุณอีกตั้งหาก จากคุณ : เด็กกรุง - [ 28 พ.ค. 52 16:07:21 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เอ่อ เคยกลับมาจาก ตปท ทีหนึ่ง กระเป๋าใหญ่ หลายใบ จนท ถาม มาจากไหน ( ตอนนั้นเราไม่รู้เลย แค่นึกว่า อะไรคุณ จะขอเอ๊กซเรย์ ก็บอกดิ ทำไมต้องถามมาจากไหนด้วย) เราก็บอกว่า มาจาก ** ค่ะ  เค้าก็เลยให้ผ่าน (ทั้ง ๆ ที่ขนเครื่องประทินผิว มาเพียบค่ะ เพราะว่ามีแบรนด์จากยุโรป อังกฤษ ที่นี่มันถูกกว่าเมืองไทย) อ้อ ที่แท้มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ( ประเทศที่เรามาไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้ส่งของ) เข้ามาแก้ไขค่ะ (เนื่องจากมีคอมเมนต์ข้างล่าง) มันไม่ใช่ของหนีภาษีนะคะ ดิฉันบอกตรงไหนว่าของหนีภาษี ดิฉันซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าในกรุงโดฮา ไม่ได้ซื้อที่ดิวตี้ฟรีด้วย แต่เครื่องสำอางค์บางยี่ห้อจะราคาถูกกว่าที่เมืองไทย ก็เลยซื้อมาฝากเพื่อนฝูงเป็นของฝาก ซื้อมาหลายชิ้น ไม่ได้ซื้อมาขายซักหน่อย (ซึ่งมูลค่าทั้งหมด แค่ประมาณ สามพันกว่าบาทเอง) แหม อย่าเพิ่งกล่าวหากันสิคะ อ้อ แล้วที่ดิฉันมีกระเป๋าหลายใบ เพราะว่าตั้งหกเดือนกว่าจะได้กลับไทย ข้าวของฝากญาติพี่น้องเยอะค่ะ ของใช้ส่วนตัวอีก เอ่อ ถ้าไม่รังเกียจ ช่วยถอนคำพูดด้วยนะคะ ว่า "คห ห้าสิบสี่ สามารถเอาของหนีภาษีเข้ามาได้อย่างภูมิใจ" มันเสียหายนะคะคุณ แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 01:59:27 แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 01:56:28 จากคุณ : Freedom of Life - [ 28 พ.ค. 52 16:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 55 อ่านของ จขกท แล้วเข้าใจดีเลย เหอะๆ - -" แต่พออ่านของ คห 53 แล้ว เศร้าใจอายแทนฝรั่ง จากคุณ : shinkyo - [ 28 พ.ค. 52 16:49:10 ]

ความคิดเห็นที่ 56 แน่นอนสังคมไทยนิ ? จากกระทู้ที่แล้ว ผมถึงบอกว่า ผ่านได้สบายมาก บางคนมีเส้นมีสาย หรือแค่รู้จักกัน ก็ผ่านได้สบาย มีคนมารับอีกต่างหาก จากคุณ : ชื่อนี้ไม่มีคนรู้จัก - [ 28 พ.ค. 52 18:02:36 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อ่านไป อ่านมา เท่าที่ดู ผมชักเป็นห่วงอนาคตของประเทศ...เพราะกว่าครึ่งของคนที่ตอบมีแต่คนที่ " ภูมิใจที่ไม่โดนตรวจ" โดยเฉพาะคนที่ "แอบขนของโดยไม่ยอมเสียภาษีนำเข้า" บางกระทู้ ก็ กล่าวถึงความสามารถในการนำของหนีภาษีผ่านมาได้อย่างภูมิใจ เช่น  คห.54 บางกระทู้ก็แสดงให้เห็นถึงความรู้ทางกฏหมายที่คลาดเคลื่อน เช่น คห.17  Sex toy ทางการแพทย์ของต่างชาติอาจจะเป็นเครื่องมือบำบัด แต่เมืองไทยผิดกฏหมายนะครับ...ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องแอบขายกันจริงมั้ย? คห. 53 เท่าที่ทราบ...ชิ้นส่วน อะไหล่ต่างๆ ที่เอาเข้ามาซ่อมจากต่างประเทศ ต้องเสียภาษีนำเข้านะครับ และที่สำคัญ "พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่" เท่าที่อ่านส่วนใหญ่ถ้าเรื่องการบริการจะมีปัญหาเรื่อง "รื้อของแล้วไม่เก็บ" ผมว่าสมควรอย่างยิ่งที่จะต้อง "ปรับปรุง" ในด้านจิตสำนึกการให้บริการ หรือไม่ก็เขียนให้ชัดกันไปเลยแบบที่ USA ที่ให้ ผู้โดยสารเป็นผู้ ยก, เปิด, รื้อ และเก็บ เอง เว้นแต่ในกรณีที่เจ้าหน้าที่สงสัยว่าซุกซ่อนอยู่ในสิ่งของใดๆ เจ้าหน้าที่จึงจะรื้อเอง ส่วนในกรณีทำหน้าที่เข้าข่ายทุจริต....หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง"สมควรดำเนินการให้เด็ดขาด" อย่าให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น และปรับปรุงกฏระเบียบ รวมถึง มาตรฐานการปฏิบัติงานให้ละเอียดชัดเจน และ ที่สำคัญ หัดประชาสัมพันธ์ กฏหมายควรรู้ หรือ วิธีปฏิบัติให้ คนเดินทางเขารู้บ้าง....นี่อะไร...คิดแล้วก็...เฮ้อ.... สรุปแล้ว ทั้ง เจ้าหน้าที่ และ คนเดินทาง....ล้วนแต่มีทัศนคติ....ที่อันตรายต่อการพัฒนาประเทศ... ประเทศไทย...หนอ...ประเทศไทย....อนาคตเจ้า...จะโตไปในทางใด T-T แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 52 20:22:35 แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 52 20:22:03 จากคุณ : ผ่านแซว (ไผ่แผ่วพริ้ว) - [ 28 พ.ค. 52 19:13:49 ]

ความคิดเห็นที่ 58 AAAAAA จขกท เขามาสารภาพบาป ก็ไปว่าเขาอีกนะ เขาก็ออกตัวอยู่ว่าไม่ได้ทำสิ่งที่ถูก เซ็งประเทศหวะ จากคุณ : zong12 - [ 28 พ.ค. 52 20:14:40 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ต้องเดินหน้าเหี้ยมเลยค่ะ แต่งตัวบ้านๆ เสื้อยืดกางเกงยีน ผ้าใบ กระเป๋าไม่ใหญ่โตเกินไป อย่าหลบตาพวกนี้นะคะ อ้อ แล้วก็อย่าสบตาเค้านานเกินไปด้วย ไม่งั้นเกิดปฎิกิริยาดึงดูดเลยค่ะ ปีที่แล้วกลับจากฮ่องกง เดินลากกระเป๋า กับหิ้ว play 3 ออกมามี psp ด้วย เค้าถามว่าเอามาขายเหรอ เราก็บอกว่าเปล่า play 3 ญาติให้มาซื้อแต่ psp มีใบเสร็จด้วย ทำท่าจะค้นกระเป๋า เราก็เลยถามว่า xray แล้วจะมาตรวจอะไรอีก จะรีบกลับบ้าน พูดจาก็ไม่ดี เราก็นิ่ง นิ่งและตั้งสติดีๆ ผ่านมาได้ค่ะ ส่วนเพื่อนเราอีกสองคนโดนเรียกค่ะ แต่ตอนขาไปฮ่องกงนี่ แบกกระเช้ามะม่วงเลยค่ะใหญ่มาก ตอนแรกก็คิดเอ๊ะ เค้าจะว่าไรมั้ย พอดีเอาไปฝากญาติเจ้านาย ตม ที่นั่นตื่นเต้นมากไม่เคยเห็นมะม่วงลูกใหญ่ เข้ามาดูกันเต็มประหนึ่งอิชั้นขนยาบ้าข้ามประเทศ เค้าพูดจาดีมากเลย คนไทยด้วยกันแท้ๆดันพูดภาษาเดียวกันไม่รู้เรื่อง ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ทำดีอยู่แล้วก็ขอให้กำลังใจค่ะ เข้าใจว่าปลาเน่ามันเหม็นกันทั้งเข่ง จากคุณ : จับชั้น ชั้นเอาตาย (เข็นครกลงภูเขา) - [ 28 พ.ค. 52 20:35:06 ]

ความคิดเห็นที่ 60 คราวที่แล้วกลับไทยคนเดียว จากอเมริกา ได้สองกระเป๋า เดินผ่านโดนเรียกไปเอกซ์เรย์ ฝรั่งเดินมาไม่เห็นโดน เราก็ยังเสียวๆ เพราะเอาครีม BBW กลับมาฝากแม่ พี่สาว น้า อา ป้า (ญาติเยอะค่ะ แม่มีพี่น้อง 7 คน) เราก็เอากลับมาสัก 20 หลอด กะฝากคนละหลอด อีกครั้ง กลับไทยพร้อมสามีและครอบครัวสามี เหมือนเดิม เราโดนให้ไปเอกซ์เรย์ สามีกะครอบครัวเดินตัวปลิวเข้าประเทศ น่าเบื่อตรงที่เลือกปฏิบัติเนี่ยแหละ พี่สาวเราเป็นแอร์ เค้าเล่าให้ฟังว่าเพื่อนร่วมงานยังโดนเลยค่ะ ซื้อผลไม้กลับมาตอนปีใหม่ มาฝากแม่ยาย จะโดนยึด โดนปรับเพราะเอาเข้ามาเยอะเกิน (1 ลังค่ะ เยอะตรงไหน) เค้าเลยทิ้งเลย บอกว่าแม่ยายเค้าไม่ได้กิน คนอื่นก็ไม่ได้กินเหมือนกัน พวกนี้จริงๆ แล้ว ก็ยึดไปแต่ไม่เคยรายงานทำเรื่องส่งนะคะ ยึดไปใช้เอง เอาไปปล่อยที่ร้านขายของนำเข้า ได้เงินเท่าไหร่ก็เอาไปใช้กันเปรม มาเพิ่มเติมค่ะ ตอนเดินทางกลับมาที่อเมริกา สามีเราซื้อหมอนสามเหลี่ยมกลับมาด้วย เราก็เป็นคนเข็น ตม. ก็ถามว่ามันคืออะไร เราก็บอกว่าหมอน เลยโดนส่งไปเอกซ์เรย์อีกรอบ เซ็งเลย พอเอกซ์เรย์ไม่เจออะไร ก็ขอโทษขอโพยใหญ่ บอกว่าเค้าไม่เคยเห็นหมอนแบบนี้ เลยกลัวว่าจะมีของต้องห้ามติดเข้ามาด้วย เราเห็นคนถูกรื้อกระเป๋า เค้าก็ช่วยเก็บนะคะ คือรื้อหาพวกอาหารต้องห้ามหน่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 52 23:31:41 จากคุณ : ~~FrOm NoW oN~~ - [ 28 พ.ค. 52 23:27:51 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ตัวอย่างเหตุการณ์ ... คนดัง*... มีคนไปรับ(ในเครื่องแบบตร. หรือ ตม. หรือ ชายในชุดขาว) 1.ไปรอหน้าเครื่อง ... มีรถกอล์ฟ ไปรอรับ ... (บริการ VIP) 2.ไป Stamp passport ที่ช่องทางพิเศษ (บริการ VIP) 3.ไปรับกระเป๋า (อันนี้เหมือนคนทั่วๆไป) 4.ออกช่องเขียว ... คราวนี้คนใน หรือ นอกเครื่องแบบ ... ก็จะเดินเข้าไปทักอย่างนอบน้อม พร้อมสัมผัสมือ หรือ แขนกัน .... และพูดว่า .."หวัดดีครับพี่ .. ขออนุญาตนะครับ วันนี้มารับนาย" .... เจ้าหน้าแถวนั้น ... "เชิญครับๆ" ... (บริการ Super Vip) *คนดัง เช่น พ่อค้าวานิช .. ข้าราชการ ลูกพี่ บลาๆๆ * 0..0 บ๊าย บาย จากคุณ : k.seng - [ 29 พ.ค. 52 00:06:48 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เมื่อสองสามปีที่แล้ว บินกลับบ้านเมืองไทยจากฮ่องกงทุก ๆ สามเดือนกับลูกสาวตอนนั้นสองสามขวบ ทุกครั้งที่กลับไปพร้อมกระเป๋าเดินทางใบเบ้อเริ่ม ของเยอะมากพะรุงพะรังไปหมด แล้วยังมีรถเข็นเด็ก ผ่านด่านศุลกากรที่ไรไม่เคยโดนเรียกตรวจมีแต่จนท.มาเล่นกับลูกสาว แถมมีอยู่ครั้งหนึ่งที่มีจนท.ท่านหนึ่งเพิ่งออกเวร คงจะเห็นท่าทางเข็นไปด้วยอุ้มลูกไปด้วยเป็นที่น่าเวทนาเลยเข้ามาช่วยดุนรถออกไปจนเจอญาติพี่น้องด้านนอกเป็นที่เรียบร้อย โชคดีที่ทุกครั้งที่กลับไปบ้านก็ได้รับแต่ประสบการณ์ดี ๆ มาตลอด ตอนผ่านด่านเข้าเมืองสามีไม่ใช่คนไทย แต่จนท.ก็ไปเรียกให้เรามาต่อแถวคนไทยกันให้หมดไม่ต้องแยกกัน คงจะเป็นโชคดีของเราจริง ๆ ตอนนี้ย้ายมาอยู่อเมริกากำลังจะกลับไปเดือนหน้าแล้วไม่รู้ว่าโชคจะยังอยู่ข้างเราอีกหรือปล่าว.. แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 52 00:19:14 จากคุณ : kinton - [ 29 พ.ค. 52 00:17:20 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เรื่องนี้สอนว่า ถ้าตัว หรือ คนของเราไม่ได้ดีจริง อย่าเอาอีกฝ่ายมาแฉ  เพราะท้ายที่สุดเราจะโดนย้อนซะเอง ผมโดนพฤติกรรมเลวๆพวกนี้เยอะ เพื่อนร่วมงานก็โดน  เรียกตรวจกันแบบไม่ใช่พฤติกรรมที่สุภาพชนเขาจะเรียกอีกฝ่ายกัน คนนะครับ ไม่ใช่หมูใช่หมา จากคุณ : ฮันนิบาลที่รัก - [ 29 พ.ค. 52 00:51:18 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง (เป็นเอามากด้วย) จากคุณ : นมร้อนสุดๆ (hotmilk) - [ 29 พ.ค. 52 01:44:35 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เป็นกระทู้ที่เยี่ยมมากครับ อ่านแล้วอบอุ่นจริงๆเลยเมืองไทย ------------------------ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทุกคนที่โกงกิน แต่คนไปติดต่อมักเจอเจ้าแต่เจ้าหน้าที่ขอกิน (ทำผิดโดนไถก็เป็นเรื่องปกติ  แต่ไม่ทำผิดก็ไม่ทำงานเอกสารให้หรือตั้งข้อหาโดนใช้อำนาจเจ้านักงานเองเพื่อขอเงินหล่อลื่น555) คอรัปชั่นคือวัฒนธรรมไทย ร่วมมือร่วมใจรักษาไว้ให้ลูกหลาน 5555 (สตาร์ทกันที่แบงก์สีเทา...เจ้าที่แรงจริง) ------------------------------------------- ว่าแต่มีหน่วยงานไม่คอรัปชั่นบางไหมครับในประเทศไทย จากคุณ : เด็กท้ายรถ - [ 29 พ.ค. 52 05:05:13 ]

ความคิดเห็นที่ 66 โชคดีที่ ไป ตปท. ไม่เคยเจอตรวจกระเป๋าเลย ฮ่องกง จีน มาเก๊า ก็ยังไม่เคยเจอเลย แต่เรามีกระเป๋าใบเดียว ค่อนข้างใหญ่ ไปฮ่องกง ซื้อเสื้อผ้ามาใช้เอง ฝากคนอื่น เยอะพอสมควร ไม่ตัดป้ายออกด้วย ส่วนกระเป๋า เบรนด์เนม ก็มีซื้อมาบ้าง ครั้งละ ใบ สองใบ ก็ยังไม่เคยโดนตรวจนะ จากคุณ : keymouse - [ 29 พ.ค. 52 09:10:10 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เคยกลับมาจากเมกา ตอนนั้นปิดเทอม กลับมาบ้าน อายุ 19 เองมั๊ง กระเป๋า 2 ใบ ของเยอะมาก เอามาฝากญาติๆตามใบสั่ง โชคไม่ดี คุณ จนท ขอตรวจกระเป๋า (เหมือนเล็งเรามาแต่ไกล ว่านังหนูตัวเล็กกระเป๋าใหญ่นี่โดนแน่ๆ) แกกำลังจะขอวิตามินที่เราซื้อมาให้ญาติเลย แต่ยังโชคดี เพราะคุณพ่อเข้ามารับข้างใน กับเพื่อนเค้าที่ทำงานด้านนี้อยู่ในสนามบิน คุณ จนท เห็นเราตะโกนเรียกพ่อๆ ลุงๆ (เพื่อนพ่อที่ทำงานในนั้นที่พาพ่อเข้ามารับเรา) คุณ จนท. ปิดกระเป๋าเราไม่ทันเชียว แล้วไล่ ไป ไป ไป อะไรเนี่ย จากคุณ : pinkybird - [ 29 พ.ค. 52 12:50:16 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ขนมาแต่ไม่โดนตรวจ กลับภูมิใจ จากคุณ : badhotpixel - [ 29 พ.ค. 52 13:49:17 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เมื่อสงกรานต์ไปเที่ยวจีนมา ไปซื้อไฟซีน่อนมา 3ชุด , หลอดไฟ LED ดวงเล็กๆที่ต่อกับวงจร อีกประมาณ 1ห่อ (1,000ดวง) และชุดกล้องวงจรปิด 1ชุด (กล้อง 9ตัว กล่องคอนโทรล 1ตัว) เจอด่านตรวจ แจ้งว่าเป็นของต้งสำแดง ต้องเสียภาษี เรียกค่าปรับไฟซีน่อน 3ชุด ชุดละ 1,000บาท หลอด LED ประมาณ 1,000ดวง ดวงละ 10บาท แล้วก็ชุดกล้องวงจรปิด 10,000บาท ถ้าโดนเบ็ดเสร็จ ต้องเสียเงินไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท ผมเลยบอกให้ยึดเอาไปเลย ผมไม่เอาเลยก็ได้ ทำไมเรียกอะไรโหดกันซะขนาดนี้ ผมก็พยายามอธิบายว่า ของทั้งหมดซื้อมาใช้เองทั้งนั้น ไม่ได้จะซื้อมาเพื่อการค้าเลย ทางด่านก็อธิบายให้ผมฟังว่า สาเหตุที่ผมไปซื้อของเหล่านี้ก็เพราะว่าราคาถูกกว่าที่เมืองไทย ที่ถูกกว่าก็เพราะผมไม่ได้เสียภาษ๊ ดังนั้นแล้วผมเลยต้องเสียภาษี ผมก็เอ่อ......แล้วถ้าเป็นอย่างนี้ ผมจะไปซื้อจากที่นั่นมาทำแมวน้ำอะไรหละเนี่ย แล้วดูเค้าเรียกภาษี 23,000บาท แม่เจ้า แพงกว่าตุ๊กตาคุณหนูนั่นอีกนะเนี่ย ผมจึงบอกเพียงอย่างเดียวว่า ถ้าทางด่านยืนยันว่าต้องเสียภาษี ผมยอมให้ยึดไปดีกว่า ไม่เอาไม่คุ้ม สงสัยทางด่านเห็นว่าผมยืนกรานว่าจะยึด ก็เลยสนองความต้องการผมเลย "ยึดเลย" ผมก็เอ่อ......เอาจริงเหรอ ซีดเลย สรุปสุดท้ายก็โดนยึดหมด เศร้าใจ ทำไมด่านใจดำกับผมอย่างนี้ ฮือๆๆๆ จากคุณ : punk (punkpanther) - [ 29 พ.ค. 52 16:01:18 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ล่าสุดมีคนรู้จักอยู่กระทรวงต่างประเทศ เอา Longchamp มาขายถูกมาก ๆ (ถูกกว่าในห้างอย่างต่ำใบละสองพันกว่า) ได้ความว่า 1. เป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศ สามารถซื้อของลดราคาได้ (ลดได้มากกว่าคนปรกติ) เพราะสถานทูตไทยต่างประเทศก็รู้จักร้านเลยพาไปซื้อ 2. เวลาไปประชุม มีเวลาไปซื้อของได้ ซื้อมาเยอะ ผ่านช่องพิเศษ ก็ไม่มีใครตรวจอยู่ดี เพราะใช้พาสปอร์ตสีน้ำเงิน จากคุณ : Travel Animal - [ 29 พ.ค. 52 16:14:04 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เมื่อสมัยที่เมืองไทยยังไม่มี iphone ขาย (แต่มีขายที่ห้างชื่อดังขายอยู่ที่ 2-3 หมื่นบาท) มีคนรู้จักเคยเล่าให้ฟังว่า เพื่อนของพ่อเค้ามาถามว่า "สนใจ iphone มั๊ย 5,000 บาท เครื่องใหม่ เพิ่งยึดมาจากแอร์" พ่อเค้าไม่กล้าซื้อ เพราะมันก็เหมือนกับรับซื้อของโจรดีดีนี่เอง เนื่องจากเงินที่เค้าขายได้ ก็ไม่ได้เข้าหลวง เข้ากระเป๋ากันเองนี่แหละ ปล. ทุกสังคมก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดีทั้งนั้น เมื่อไหร่คนไม่ดี จะเชื่อเรื่องบาปกรรมกันบ้างนะ จากคุณ : สาว - [ 29 พ.ค. 52 18:33:23 A:210.253.198.241 X: TicketID:138838 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เห็นด้วยกับ จขคห 63 ครับ ศุลไทย กวาดบ้านตัวเองให้เรียบร้อยก่อนค่อยออกมาแฉคนอื่นเขา อุ๊ย แรงไปเปล่านี่ เดียวเดือนหน้าก็กลับเมืองไทยแล้ว มีของเยอะมากเลย แต่ไม่มีอะไรผิดกฏหมายน่ะ ถ้ามีโอกาสจะลองดูว่า...ที่เขาบ่นให้ ศุลไทย น่ะเป็นอย่างนั้นเปล่า หุหุ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 06:08:13 จากคุณ : MK_good - [ 29 พ.ค. 52 19:53:49 ]

ความคิดเห็นที่ 73 อ่านกระทู้นี้แล้วสงสารค่ะ สิ่งที่นำเข้าได้โดยได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมาย คือ เหล้า 1 ลิตร และ บุหรี่ 200 มวน(1แถว)ค่ะ นอกนั้นของที่นำเข้าต้องเสียภาษีทั้งสิ้นค่ะ แม้แค่เสื้อ 1 ตัวก็ต้องเสีย แต่ที่พนักงานเจ้าหน้าที่เค้าปล่อยผ่านเพราะเค้าใช้ดุลพินิจว่าซื้อมาใช้ส่วนตัว ไม่ใช่ตามที่หลายคนเข้าใจว่า ของที่ซื้อเข้ามาใช้ส่วนตัวไม่ต้องเสียภาษีนะคะ หากคุณไม่สำแดงของที่ซื้อเข้ามา แล้วเจ้าหน้าที่ตรวจพบ นอกจากถูกยึดของแล้ว คุณยังต้องถูกปรับและกลายเป็นผู้ต้องหา- ฐานลักลอบนำของหนีภาษีเข้าประเทศอีกด้วย กรณีสินค้าแบรนเนม คุณก็มีความผิดตาม พรบ.ลิขสิทธิ์อีก แต่ที่คุณบางคนโดนยึดของอย่างเดียว แสดงว่าเจ้าหน้าที่เค้าช่วยนะคะ เจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิค้นสัมภาระของผู้โดยสารค่ะ แต่เป็นหน้าที่ของผู้โดยสารที่ต้องยกกระเป๋าขึ้นโต๊ะ และ เปิดสำแดงให้เจ้าหน้าที่ตรวจ โดยผู้โดยสารต้องเป็นผู้ ค้น เปิด เอง ตามที่เจ้าหน้าที่บอกว่าให้สำแดงส่วนใด และคุณต้องเก็บเองค่ะ เจ้าหน้าที่จะตรวจค้นได้ต่อเมื่อมีเจ้าหน้าที่อยู่ตรงนั้น อย่างน้อย 2 คนค่ะ ทางที่ดีควรเปิดค้นเอง และเก็บเองดีกว่าค่ะ เพราะเราอาจไม่รู้ว่าอาจมีของเพิ่มขึ้นมาหรือหายไปก็ได้ สุดท้าย... ตม. หมายถึง ตรวจคนเข้าเมือง เป็นคนละหน่วยงานกับ กศก. กรมศุลกากร นะคะ จึงเรียนมาให้ทราบทั่วกัน จาก พนักงานสายการบินคนหนึ่ง แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 20:15:23 จากคุณ : Nellie - [ 29 พ.ค. 52 23:07:59 ]

ความคิดเห็นที่ 74 พวกนี้เค้าจะรู้ว่าไฟลท์ที่บินมาเวลานี้มาจากประเทศอะไรหรือบางครั้งจะถามย้ำอีกครั้งแต่สังเกตดูคนที่โดนส่วนใหญ่จะบินมาจากจีน แล้วก็ประมาณเจ๊ ๆ อายุกลางคน แต่งตัวทำนองแม่ค้าโดนกันเยอะอะ แต่ถ้าแต่งตัวดีดีไม่โดนนะ ไม่รู้สิแค่รู้สึกอะ อายุถ้ายังเด็กๆ เค้าก้ไม่ค่อยสนใจ พวกนี้เค้าดูปร๊าดเดียววรู้โดยสัญชาตญาณนะเราว่า อย่างไปนิวซีแลนด์ถ้า เป็นไฟลบินมาจากประเทศเอเชียจะตรวจหนักเลย แต่ถ้าบินมาจากประเทศยุโรปไปทำนองนี้ผ่านปรื่อ ไม่ต้องต่อคิวนาน จากคุณ : deepai - [ 29 พ.ค. 52 23:08:16 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ไม่เคยโดนตรวจเลยเหมือนกันค่ะ แต่ก็ไม่เคยหิ้วของมาขายเหมือนกัน ล่าสุดเพื่อนมาเยี่ยมที่ฝรั่งเศส ทางบ้านเค้าฝากซื้อของกันเยอะมาก (ญาติเยอะ) แค่ longchamp ก็เกือบสิบใบแล้ว หลุยอีก ไวน์กับแชมเปญอีกประมาณสี่ขวด ฝากซื้อกันขนาดว่า ผ่านไปสามวันโอนเงินมาเข้าบัญชีเราให้เพื่อนซื้อเพิ่ม (ยอมเสียค่าโอนเงินข้ามประเทศกันเลย) ใบนี้ของแม่ ใบนี้ของน้า ใบนี้ของลูกพี่ลูกน้อง ตอนช่วยเค้าแพ็คของ ก็แปะ post-it บนของทุกชิ้นเลยค่ะ ว่าอันนี้ของใคร ของแม่ ของป้า ของน้องเกด ฯลฯ มี LC ไซส์เล็กใบนึง แปะไปอย่างภูมิใจว่า "กระเป๋าเล่นไพ่ของแม่" กะว่าถ้าโดนเปิดตรวจ เอาให้ฮากันไปข้างนึงเลย ๕๕๕ จากคุณ : dekhype - [ 30 พ.ค. 52 05:31:54 ]

ความคิดเห็นที่ 76 1.ของที่มีภาระต้องชำระอากร     ของที่ผู้โดยสาร"นำเข้า"มามีปริมาณเกินกว่าที่จะใช้สำหรับส่วนตน และ/หรือมีมูลค่ารวมทั้งหมดเกิน 10, 000 บาท     สิ่งของที่นำมาเพื่อใช้ในวัตถุประสงค์เพื่อการพาณิชย์ หรือ ทางการค้า หรือมีลักษณะทางการค้า แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 13:36:23 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 13:35:41 จากคุณ : สินธร - [ 30 พ.ค. 52 13:33:42 ]

ความคิดเห็นที่ 77 12. เมื่อผู้โดยสารเดินทางผ่านเข้า-ออกประเทศไทย โดยทางอากาศยาน ผู้โดยสารที่ไม่มีของที่ต้องชำระภาษีของต้องห้าม/ต้องจำกัด สามารถผ่านออกทางช่องเขียวโดยตรง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อาจสุ่มตรวจกระเป๋าเดินทาง/สัมภาระของผู้โดยสารด้วยเครื่องเอกซเรย์ ทั้งนี้ หากไม่มี"กรณีต้องสงสัย"จะใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที/กระเป๋า "หากมีการตรวจค้น เจ้าหน้าที่จะปฎิบัติหน้าที่ด้วยความสุภาพ ระมัดระวังในการตรวจสอบสิ่งของของท่านและช่วยท่านในการจัดสัมภาระเข้ากระเป๋าภายหลังการตรวจสอบเสร็จสิ้น" ในกรณีที่ผู้โดยสารมีสัมภาระติดตัวและเข้าช่องแดงเพื่อดำเนินการเสียภาษี จะใช้ระยะเวลาดำเนินการ ภายใน 30 นาที หลังจากผู้โดยสารยื่นเอกสาร/สัมภาระเพื่อขอชำระค่าภาษี แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 20:44:28 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 13:36:55 จากคุณ : สินธร - [ 30 พ.ค. 52 13:35:17 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ประกาศจากกรมศุลกากร 21 Nov 2008 10:32 AM ประกาศจากกรมศุลกากร กฎบัตรการให้บริการศุลกากร (Customs Service Charter) ด้านบนสองความเห็นมาจากประกาศของกรมศุลฯ ------------------------------------------------------------------------ การจะตรวจค้นกระเป๋าณ.ด่านตรวจ ถือเป็นข้อยกเว้นที่ไม่ต้องมีหมายศาล จนท.ทำได้ แต่การจะตรวจค้นกระเป๋าต้องมีกรณีต้องสงสัย สงสัยหรือไม่สงสัยต้องใช้ความหมายตาม ป.วิ.อ. อย่างที่ตำรวจใช้เช่นเดียวกัน หาใช่ตรวจค้นกระเป๋าเดินทางได้ตามต้องการ เมื่อตรวจค้นแล้วต้องช่วยเก็บด้วย ระหว่างตรวจค้นจะปฎิบัติหน้าที่ด้วยความสุภาพ ระมัดระวังในการตรวจสอบสิ่งของของท่าน ประกาศดังกล่าวที่ออกโดยกรมศุลกากร ถือเป็นกฎหมายที่เจ้าหน้าที่และประชาชนต้องปฏิบัติตาม แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 13:41:35 จากคุณ : สินธร - [ 30 พ.ค. 52 13:40:25 ]

ความคิดเห็นที่ 79 1.การนำเข้าหมายถึงเฉพาะสิ่งของที่ซื้อมาจากต่างประเทศ ไม่หมายความรวมถึงสิ่งของที่นำติดตัวไปเมื่อตอนออกจากประเทศไทย 2.นำเข้าสิ่งของ มิได้หมายความว่า สิ่งของทุกชิ้นต้องเสียภาษี 2.1 ในกรณีเป็นของใช้ส่วนตัว สามารถนำเข้ามาได้ไม่เกิน 10000 บาท เช่น ซื้อเสื้อผ้าใส่เองหรือฝากญาติ ขนมต่างๆ เป็นต้น 2.2 บุหรี่ไม่เกิน 200 ม้วน หรือ ยาสูบ ไม่เกิน 250 กรัม หรือน้ำหนักรวมทั้งหมดทุกประเภท ไม่เกิน 250 กรัม 2.3 เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปริมาตร ไม่เกิน 1 ลิตร 3.สิ่งของที่นำเข้าต้องไม่ใช่ของต้องห้ามหรือต้องกำกัดหรือเสบียง 3.1 ของต้องห้าม     หมายถึง ของที่ห้ามไม่ให้นำเข้ามา หรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร เช่น     สารเสพติด     วัตถุหรือสื่อลามก     ของลอกเลียนแบบละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญา     ธนบัตรหรือเหรียญกษาปณ์ปลอม     สัตว์ป่าสงวน     การฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด เช่น มีไว้ในครอบครองหรือมีไว้เพื่อเสพ หรือเป็นผู้ผลิต ผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้ขนส่ง อาจมีโทษถึงประหารชีวิต 3.2 ของต้องกำกัด          หมายถึง ของบางชนิด ที่กฎหมายควบคุมการนำเข้ามา และการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร การนำเข้าและการส่งออกของต้องกำกัด ต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือ จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะต้องนำมาแสดงในเวลาปฏิบัติพิธีการศุลกากรด้วย ตัวอย่างเช่น ประเภท องค์กรที่มีหน้าที่ควบคุม * พระพุทธรูป ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ  กรมศิลปากร *อาวุธปืน กระสุน วัตถุระเบิด  กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย *พืช และส่วนต่างๆของพืช  กรมวิชาการเกษตร *สัตว์มีชีวิต และซากสัตว์  กรมปศุสัตว์ หรือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช *อาหาร ยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา *ชิ้นส่วนยานพาหนะ กระทรวงอุตสาหกรรม *บุหรี่ ยาสูบ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมสรรพสามิต *เครื่องมือวิทยุสื่อสาร อุปกรณ์โทรคมนาคม  สำนักการอนุญาตกิจการเฉพาะกิจ สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช)           หากของที่ผู้โดยสารนำติดตัวมามีมูลค่ารวมทั้งหมดเกิน 80,000 บาท ผู้โดยสารต้องทำเอกสารปฏิบัติพิธีการศุลกากรที่ ส่วนบริการภาษีอากร 3.3 คำว่า"เสบียง" ประกาศดังกล่าวไม่ได้ขยายความหรือยกตัวอย่างไว้ 4. บางกรณีสิ่งของบางอย่างอาจมีปัญหาในการใช้ดุลพินิจว่าเป็นสิ่งของต้องกำกัดหรือไม่ เช่น ผลไม้ หากแปลความว่าผลไม้เป็นส่วนต่างๆของพืช ก็จะทำให้ต้องขออนุญาตจากกรมวิชาการเกษตรในการนำเข้า แต่ไม่เกี่ยวกับว่าต้องเสียภาษีหรือไม่ (ดูที่ 80000 บาท) กรณีผลไม้ หากไปดูกรมวิชาการเกษตรเขาจะมีวุตถุประสงค์ป้องกันโรคภัยหรืออันตรายที่มาจากพืช การนำเข้าพืชหรือส่วนต่างๆของพืชจะนำไปปลูกหรือทำอย่างหนึ่งอย่างใด ซึ่งไม่รวมถึงการนำมาทานกัน ดังนั้น ผลไม้ 1 กล่องไม่ใช่ของต้องกำกัดในความหมายส่วนต่างๆของพืช ไม่ต้องขออนุญาตนำเข้าจากกรมวิชาการเกษตร และไม่ต้องเสียภาษี แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 20:53:33 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 14:11:56 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 13:57:45 จากคุณ : สินธร - [ 30 พ.ค. 52 13:49:24 ]

ความคิดเห็นที่ 80 นี่ไงที่เคยถามไปว่า มูลค่าเกินหมื่นหรือ ถึงต้องยึดและปรับ เพราะที่เจอกับตัวคือ น้ำหอมขวดนึง แกะใช้แล้ว แต่ยังเต็มขวด เครื่องสำอางค์ ครีม กระปุกละแบบ ไม่ซ้ำกัน ที่สำคัญคือ ซื้อใน kingpower มี อย แน่นอน อันนี้เพื่อนร่วมงานโดน ที่เคืองคือ ท๊อฟฟี่จากญี่ปุ่นแกะกินแล้ว แต่ custom จะให้จ่ายค่าปรับรายเม็ด  อันนี้เห็นแอร์สายการบินญี่ปุ่นโดน ไม่ให้จี๊ดได้ไงไหว  แถมตอนเรียก ดีดนิ้วดังเป๊าะ  อันนี้เห็นกับตา เจอกับตัว มาเคลียร์หน่อยสิครับ จากคุณ : ฮันนิบาลที่รัก - [ 30 พ.ค. 52 20:22:58 ]

ความคิดเห็นที่ 81 โดยส่วนตัวคิดว่า ผู้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ อ่านแล้วอย่าเพิ่งแน่ใจตามนั้นนะคะ น่าจะศึกษากฎหมายศุลการก่อนว่ามีระเบียบปฏิบัติที่ถูกต้องอย่างไร เพราะการเขียนตามความคิดเห็นส่วนตัวอาจทำให้ผู้ที่ไม่ทราบกฎหมายเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ และควรศึกษากฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น พรบ.สรรพสามิต พรบ.อาหารและยา ฯลฯ โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งของตามข้อ 3.2 ของคห.ที่ 79 ค่ะ (สังเกตว่าคห.79 มีความขัดแย้งในตัวเอง คือ ช่วงแรกบอกว่า ขนมต่างๆราคาไม่เกิน 10,000 บาทนำเข้ามาได้ แต่ต่อมาบรรยายว่า อาหาร อยู่ในกลุ่มของต้องกำกัด คำถามคือ ขนมเป็นอาหารหรือไม่?) ไม่ทราบว่าประกาศกรมศุลฯตาม คห.ที่ 78 เป็น ประกาศที่เท่าไหร่ และมีใครเป็นผู้ลงลายมือชื่อ หากคุณสินธรเข้ามาติดตามกระทู้นี้ต่อ และสามารถสแกนประกาศที่อ้างมาได้จะขอขอบคุณอย่างยิ่งเพราะดิฉันกำลังศึกษาด้านกฎหมาย อยากทราบข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป ผู้เข้ามาอ่านกระทู้อาจต้องลองค้นคว้าดูว่า ของใช้ส่วนตัว สามารถนำเข้ามาได้ไม่เกิน 10,000 บาทจริงหรือ หรือแก้ไขเป็น 20,000 บาท แล้วหรือไม่ และหากของใช้ส่วนตัวที่นำเข้าไม่เกิน 10,000/20,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า แล้วจะต้องเสีย VAT หรือไม่   หรือว่าแม้ไม่เกิน 10,000/20,000 บาท ต้องเสียภาษีปากระวาง แต่ถ้าเกิน- ต้องปฏิบัติพิธีการทางศุลกากร ณ คลังสินค้า อะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง ลองศึกษาค้นคว้าดูนะคะ เพราะอาจเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ถูกเจ้าหน้าที่ปฏิบัติต่อคุณอย่างไม่ถูกต้อง คุณจะได้มีข้อมูลที่แท้จริงนำไปต่อสู้ได้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 21:31:12 จากคุณ : Nellie - [ 30 พ.ค. 52 21:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 82 อ่ะ ในแง่กฏหมายนะ ประเด็นหลักในการบังคับใช้ คือ ป้องกัน และ ปราบปรามหรือไม่ ถามว่า มีใครป้องกัน และให้ความรู้ประชาชนจริงๆหรือยัง มีใครไหม ที่เอาประกาศสำคัญพวกนี้ มาประชาสัมพันธ์ อย่างที่ควรจะเป็น มีกี่คนที่รุ้กฏหมายพวกนี้บ้างครับ  มันเลยเป็นช่องว่าง ให้ มีคนหาประโยชน์จากความไม่รู้ของคน ถ้ายังไม่ป้องกัน สักแต่ว่าจะปราบปรามท่าเดียว เห็นว่า จะไม่ควร จากคุณ : ฮันนิบาลที่รัก - [ 30 พ.ค. 52 21:22:29 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ที่คุณฮันนิบาลที่รักพูดมาก็เห็นด้วยส่วนหนึ่งนะคะ คงไม่มีใครจำกฎหมายได้ทุกเล่ม ทุกบท แต่หากเราทำผิดกฎหมายขึ้นมา เราไม่สามารถอ้างได้ค่ะว่าเราไม่รู้ ไม่มีใครบอก เค้าจะถือว่าประชาชนต้องรู้กฎหมาย :( ขอให้ทุกคนที่ทำดี โชคดีก็แล้วกันนะคะ จากคุณ : Nellie - [ 30 พ.ค. 52 21:38:27 ]

ความคิดเห็นที่ 84 http://www.customs.go.th/Traveller/TravellerInfo.jsp http://www.thaiechamber.com/cms/content.jsp?id=com.tms.cms.article.Article_8ae7da82-c0a81019-66a6a467-1638f69b ไปอ่านเองได้ตามลิงค์ อาหารและยาต้องอยู่ในความดูแลของ สคณะกรรมการอาหารและยา ไม่ใช่อาหารการกิน ขนมทั่วไป ซึ่งเป็นคนละเรื่อง ไม่ได้ขัดแย้งอะไรเลย ประกาศดังกล่าวอยู่ใน 78 อยู่แล้ว ที่จริงไม่จำเป็นต้องเอาลิงค์มาด้วยซ้ำ ในเน็ตค้นในกูเกิ้ลมีเยอะแยะ และที่โพสไว้ 70 กว่าถึง 80 นั่นคือระเบียบของกรมศุลฯเอง ลองอ่านกันดูครับ และความเห็นด้านบน ๆแรกๆ ผมพิมพ์ตกเรื่องเวลาไปคือ "ยี่" ในความเห็นที่ 4 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 21:52:36 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 21:47:15 จากคุณ : สินธร - [ 30 พ.ค. 52 21:39:03 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ที่ไปค้นมาให้ดูกัน เพราะเห็นว่ายังไม่มีกฎเกณฑ์อ้างอิงในกระทู้เท่านั้น http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E7913960/E7913960.html#15 เคยโพสไว้ในกระทู้นี้แล้ว ไม่ใช่ความเห็น แต่เป็นตัวกติกา ในกระทู้มีหมายเลขโทรศัพท์และช่องทางการติดต่อกับกรมศุลฯอยู่ พร้อม แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 21:55:06 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 21:50:50 จากคุณ : สินธร - [ 30 พ.ค. 52 21:49:05 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ดิฉันไม่ได้อย่างเถียงกับคุณนะคะ คุณสินธร แต่ที่คุณบอกว่า ขนม และอาหารการกิน ไม่เกี่ยวกับอาหารและยา ดิฉันก็คงไม่ถามอะไรคุณแล้วค่ะ แล้วแต่คุณจะคิดแล้วกัน ลิงค์ที่คุณก็อบมาคุณก็เติมเองบางส่วนทำให้คนไขว้เขว่ ข้อมูลในเว็บกรมศุลอับเดตหรือไม่ คุณลองตรวจสอบดู "ของใช้ส่วนตัว" และ "ของที่ซื้อมาใช้ส่วนตัว" ไม่เหมือนกันนะคะ เวลาอ่านต้องระวังการตีความด้วย ถ้าคุณไม่ทราบว่าประกาศเลขที่เท่าไหร่ และใครเป็นผู้ลงลายมือชื่อ ก็ไม่เป็นไรค่ะ จากคุณ : Nellie - [ 30 พ.ค. 52 22:00:45 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เว็บไซด์จากกรมศุลฯและมีหมายเลขโทรฯติดต่อพร้อม อาหารในความหมายของ ส.คณะกรรมการอาหารและยา หมายถึง กรณีที่อาหารบางชนิดมีปัญหาหรือต้องควบคุม เช่น อาหารปนเปื้อน ซึ่งทางส.จะประกาศเป็นเรื่องๆไป ผมเติมเองตรงไหนครับ 12 ข้อ เป็นของกรมศุลฯ โดยเฉพาะข้อ 12 ผมเติมตรงไหน ? "ของใช้ส่วนตัว" และ "ของที่ซื้อมาใช้ส่วนตัว" ไม่เหมือนกันนะคะ เวลาอ่านต้องระวังการตีความด้วย ตรงนี้ไม่เหมือนอย่างไร กรุณาอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง ? อยากทราบเหมือนกัน ผมให้ลิงค์ของกรมศุลฯไปด้วย ลิงค์ของกรมศุลฯผมไปเติมเองได้หรือครับ จะโพสอะไรควรโพสข้อเท็จจริง ไม่ใช่โพสตามใจ กติกาดังกล่าวอยู่ในเว็บไซด์กรมศุลฯ หากไม่มีอยู่จริง เว็บไซด์ของกรมศุลฯเอามาลงได้หรือครับ หากอยากทราบว่าใครลงชื่อหรือ ลง ว/ด/ป เท่าไร หมายเลขโทรฯมี ถามเองได้ครับ ต้องให้ค้นมาให้หมดหรืออย่างไร ? ที่สำคัญเกี่ยวกับประเด็นไหมครับ ? แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 22:38:56 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 22:31:36 จากคุณ : สินธร - [ 30 พ.ค. 52 22:18:14 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เรื่องอาหารผมโพสว่า "อาหารและยาต้องอยู่ในความดูแลของ สคณะกรรมการอาหารและยา ไม่ใช่อาหารการกิน ขนมทั่วไป ซึ่งเป็นคนละเรื่อง ไม่ได้ขัดแย้งอะไรเลย" ไม่ใช่อย่างที่คุณว่าผมโพสว่า"แต่ที่คุณบอกว่า ขนม และอาหารการกิน ไม่เกี่ยวกับอาหารและยา" คนละเรื่อง คนละความหมายเลย ผมโพสตรงไหนว่าไม่เกี่ยวกับอาหารและยา ? ไม่ใช่บอกว่า""ของใช้ส่วนตัว" และ "ของที่ซื้อมาใช้ส่วนตัว" ไม่เหมือนกันนะคะ เวลาอ่านต้องระวังการตีความด้วย" ไม่เหมือนอย่างไร ? อธิบาย ยกตัวอย่างด้วย หากบอกไม่เหมือน โดยไม่ให้เหตุผลและตัวอย่าง ลอยๆอย่างนี้ไม่ดีแน่ จากคุณ : สินธร - [ 30 พ.ค. 52 22:51:04 ]

ความคิดเห็นที่ 89 เว็บไซด์จากกรมศุลฯและมีหมายเลขโทรฯติดต่อพร้อม - ก็ใช่ค่ะ ดิฉันเลยอยากให้คุณตรวจสอบกับกรมศุลดูไงค่ะ ว่าข้อมูลอับเดตหรือไม่ ส่วนดิฉันก็ทราบดีอยู่แล้วค่ะ อาหารในความหมายของ ส.คณะกรรมการอาหารและยา หมายถึง กรณีที่อาหารบางชนิดมีปัญหาหรือต้องควบคุม เช่น อาหารปนเปื้อน ซึ่งทางส.จะประกาศเป็นเรื่องๆไป - ตอนนี้ที่บ้านคุณมีขนมหรือไม่ค่ะ ลองดูที่ห่อว่ามี อย.รึเปล่า แต่ที่ดิฉันจะอธิบายก็คือ ของที่ซื้อเข้ามาในประเทศ จะได้รับยกเว้นภาษีเฉพาะเหล้าและบุหรี่ตามปริมาณที่กล่าวมาค่ะ สิ่งของที่ซื้อเข้ามานอกนั้นต้องเสียภาษีตามอัตราค่ะ บางคนที่ไม่สำแดงและไม่ถูกตรวจเพราะเจ้าหน้าที่ต้องสุ่มตรวจค่ะ คงไม่สามารถตรวจทุกคนได้ทัน เพราะฉะนั้นหากไม่สำแดงและถูกตรวจเจอ ถูกยึดของ ก็เป็นไปตามกฎหมายค่ะ แต่หากคุณสำแดงและเจ้าหน้าที่เห็นว่าคุณไม่ได้จงใจนำมาขายหรือเห็นว่าคุณเพียงนำมาใช้ส่วนตัว เค้าก็อาจอนุโลมให้นะคะื ของที่นำเข้ามา ถ้าราคาไม่เกิน 20000 บาท ก็เสียภาษีปากระวางค่ะ คือ เค้าไม่ได้ห้ามคุณนำเข้ามา นำเข้ามาได้แต่ตามกฎหมายต้องเสียภาษี เสียภาษีปากระวางคือ ดำเนินการได้เลยที่ขาเข้า แต่ถ้าเกิน 20000 บาท ต้องปฏิบัติพิธีการทางศุลกากร ณ คลังสินค้า ตามเว็บกรมศุลยังไม่ได้แก้ เป็น 20000 บาทค่ะ ผมเติมเองตรงไหนครับ 12 ข้อ เป็นของกรมศุลฯ - คุณเติมคำว่า "เช่น ซื้อเสื้อผ้าใส่เองหรือฝากญาติ ขนมต่างๆ เป็นต้น" ซึ่งไม่ถูกต้องตามที่ได้อธิบายแล้วข้างต้น "ของใช้ส่วนตัว" และ "ของที่ซื้อมาใช้ส่วนตัว" ไม่เหมือนกันนะคะ เวลาอ่านต้องระวังการตีความด้วย - ตามเว็บของกรมศุล "ของใช้ส่วนตัว" หมายถึงของที่คุณนำออกไปแล้วนำกลับเข้ามา ไม่ใช่ "ของที่ซื้อมาใช้ส่วนตัว" ซึ่งหมายถึง ของที่คุณซื้อจาก ตปท. และี่เจ้าหน้าที่อนุโลมปล่อยผ่าน แม้ตามจริงแล้วต้องเสียภาษี ผมให้ลิงค์ของกรมศุลฯไปด้วย ลิงค์ของกรมศุลฯผมไปเติมเองได้หรือครับ - ดิฉันไม่ได้หมายความว่าคุณไปแก้ไขในลิงค์ แต่ที่คุณก็อบมาโพสต์ไว้มีการเติมใช่ไหมค่ะ ตาม ต.ย.ที่ให้ไว้ข้างต้น จะโพสอะไรควรโพสข้อเท็จจริง ไม่ใช่โพสตามใจ กติกาดังกล่าวอยู่ในเว็บไซด์กรมศุลฯ หากไม่มีอยู่จริง เว็บไซด์ของกรมศุลฯเอามาลงได้หรือครับ -ถูกต้องค่ะ ดิฉันไม่ได้ว่าอะไรคุณในส่วนนั้น หากอยากทราบว่าใครลงชื่อหรือ ลง ว/ด/ป เท่าไร หมายเลขโทรฯมี ถามเองได้ครับ ต้องให้ค้นมาให้หมดหรืออย่างไร ? - ดิฉันก็บอกแล้วว่า ถ้าคุณไม่ทราบก็ไม่เป็นไร ถึงหมายเลขโทรฯมี ดิฉันก็ไม่จำเป็นต้องโทรเพราะเจอเจ้าหน้าที่กรมศุลอยู่แล้วทุกวัน ถามต่อหน้าก็ได้ แต่ที่ถามก็เพราะจะให้คุณหน่ะตรวจสอบที่มาให้ดีก่อน ให้คนอื่นที่เข้ามาอ่านตรวจสอบได้ หากคนลงลายมือชื่อไม่ใช่อธิบดี คุณก็ลองตรวจดูว่าประกาศนั้นมีผลอย่างไร ส่วนดิฉันทราบอยู่แล้ว จากคุณ : Nellie - [ 30 พ.ค. 52 23:15:13 ]

ความคิดเห็นที่ 90 http://www.customs.go.th/Tariff/Tariff3.jsp ลิงค์คุณอยู่ไหน ? ขอที่มาด้วย ผมมีที่มาตลอด ลิงค์ข้างบนบอกอยู่ "ของได้รับการยกเว้นอากร" คือไม่ต้องเสียภาษี และผมยังยืนยันว่า 10000 บาท(ที่จริงไม่เกี่ยวแก่ประเด็นด้วยซ้ำจะ 10000 หรือ 20000 ก็ตาม)ประเด็นอยู่ที่ต้องเสียหรือไม่ต้องเสีย จากคุณ : สินธร - [ 30 พ.ค. 52 23:27:27 ]

ความคิดเห็นที่ 91 เห็นด้วยค่ะ กับการที่เจ้าหน้าที่เก็บภาษีจากคนที่ขนของเข้ามาเยอะ ๆ เพื่อขาย แต่สงสัยว่า ทำไมไม่มีการออกเอกสาร บอกจำนวนเงินที่โดนปรับ หรือใบเสร็จค่าปรับ ค่าภาษีคะ (เหมือนตอนขับรถผิดกฏ แล้วโดนตำรวจเขียนใบสั่ง นำไปจ่ายค่าปรับ แล้วจะมีใบเสร็จมาให้ว่าจ่ายไปเท่าไหร่ อะไรอย่างนั้นน่ะค่ะ ไม่อย่างนั้นจะรู้ได้ไงว่า ในแต่ละวันมีการเก็บค่าปรับ ค่าภาษีเท่าไหร่ จากคุณ : สาว - [ 30 พ.ค. 52 23:29:44 A:61.28.166.86 X: TicketID:138838 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ประกาศกระทรวงการคลังฉบับใหม่ ครับ     ด้วยได้มีประกาศกระทรวงการคลังฉบับที่ 28 ลว.28 ธันวาคม 2548 เรื่องการลดอัตราอากรและการยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา 12 แห่ง พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530 เพิ่มความใหม่ ข้อ (24) ในข้อ 3 ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการลดอัตราอากรและการยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา 12 แห่ง พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530  ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2544 ให้ยกเว้นอากรสำหรับของที่ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรที่ ซื้อจาก คลังสินค้าทัณฑ์บนสำหรับแสดงและขายของที่เก็บในคลังสินค้าทัณฑ์บนนั้นตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรที่ตั้งอยู่ในสนามบินศุลกากร  สำหรับของดังต่อไปนี้       1. เพื่อใช้เองเป็นการส่วนตัว หรือใช้ในวิชาชีพ ราคารวมกันไม่เกิน สองหมื่นบาท       2. ของใช้ในบ้านเรือนที่ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเนื่องในการย้ายภูมิลำเนาซื้อจากคลังสินค้าทัณฑ์บนฯดังกล่าว ราคารวมกันไม่เกิน ห้าหมื่น บาท       3. บุหรี่ ไม่เกิน 200 มวน หรือซิการ์ หรือยาเส้น ไม่เกินอย่างละ 250 กรัม หรือหลายชนิดรวมกันไม่เกิน 250 กรัม แต่ทั้งนี้บุหรี่ต้องไม่เกิน 200 มวน       4. สุรา ไม่เกิน 1 ลิตร      ทั้งนี้ผู้มีสิทธิต้องปฏิบัติตามระเบียบพิธีการที่กรมศุลกากรกำหนดด้วยครับ       (ของดังกล่าวข้างต้น เป็นการยกเว้นอากรสำหรับผู้เดินทางฯที่ซื้อ จากคลังสินค้าทัณฑ์บนดังกล่าวครับ เป็นคนละประเภทกับการยกเว้นอากรตาม พรก.พิกัดฯ ภาค 4 ประเภทที่ 5 ที่มีหลักเกณฑ์ดังนี้ครับ      1.1.       ของส่วนตัวที่ผู้โดยสารถือติดตัวเข้ามาพร้อมกับตน (ACCOMPANIED BAGGAGE) จากต่างประเทศมีราคาไม่เกิน 10,000 บาท ให้ได้รับยกเว้นอากร ทั้งนี้ ไม่รวมถึงของที่นำติดตัวเข้ามา แต่มีลักษณะเป็นสินค้าในเชิงการค้า แม้ราคาไม่เกิน 10,000 บาท ก็ตาม     1.2.       สุรา หรือ CIGARETTE หรือ CIGAR หรือยาเส้น ซึ่งเป็นของส่วนตัวที่ผู้โดยสารถือติดตัวเข้ามาพร้อมกับตนให้ได้รับยกเว้นอากรต่อเมื่อไม่เกินปริมาณ ดังต่อไปนี้           (1.)      CIGARETTE 200 มวน หรือ CIGAR หรือยาเส้น อย่างละ 250 กรัม หรือหลายชนิดรวมกันมีน้ำหนักทั้งหมด 250 กรัม แต่ทั้งนี้ CIGARETTE ต้องไม่เกิน 200 มวน           (2.)      สุรา 1 ลิตร http://www.customs3.com/images/1125460243/Mf-Announce-28-2548-A12.pdf ประกาศกระทรวงการคลังเรื่องดังกล่าว ลงชื่อโดยนายทนงพิทยะ 20000 บาทหมายถึงกรณีอื่นคือซื้อของจากคลังสินค้าทัณฑ์บน ไม่ใช่นำติดตัวมา จากคุณ : สินธร - [ 30 พ.ค. 52 23:30:34 ]

ความคิดเห็นที่ 93 - ตามเว็บของกรมศุล "ของใช้ส่วนตัว" หมายถึงของที่คุณนำออกไปแล้วนำกลับเข้ามา ไม่ใช่ "ของที่ซื้อมาใช้ส่วนตัว" ซึ่งหมายถึง ของที่คุณซื้อจาก ตปท. และี่เจ้าหน้าที่อนุโลมปล่อยผ่าน แม้ตามจริงแล้วต้องเสียภาษี เว็บของกรมศุลฯ ขอลิงค์ด้วยครับ ผมมีที่มาอยู่แล้ว ผมอยากดูว่าที่มาของคุณมาจากไหน ? จากคุณ : สินธร - [ 30 พ.ค. 52 23:37:58 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ของใช้ส่วนตัว  หมายถึง  ของที่มีลักษณะที่เห็นชัดเจนว่าเป็นของที่ใช้เฉพาะตัวของบุคคลผู้นั้นโดยแท้จริง  เช่น  เสื้อผ้า  รองเท้า  หนังสือ  เป็นต้น  หากเจ้าของนำเข้ามาพร้อมกับตน  สำหรับใช้เอง  หรือใช้ในวิชาชีพ  และมีจำนวนพอสมควรแก่ฐานะ จะได้รับการยกเว้นอากร  เว้นแต่  รถยนต์  อาวุธปืนและกระสุนปืน  และเสบียง http://74.125.153.132/search?q=cache:_FcQ4FXshwAJ:www.customs.go.th/UploadFile/Knowledge/K0807001.doc+%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7&cd=1&hl=th&ct=clnk&gl=th นี่คือเว็บของศุลกากร ความหมายของคำว่า"ของใช้ส่วนตัว" ได้รับการยกเว้นอากร ยกเว้นอากร หมายถึง ไม่ต้องเสีย จากคุณ : สินธร - [ 30 พ.ค. 52 23:51:03 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ส่วนตรงนี้คุณอ่านเข้าใจหรือป่าว ? อาหารในความหมายของ ส.คณะกรรมการอาหารและยา หมายถึง กรณีที่อาหารบางชนิดมีปัญหาหรือต้องควบคุม เช่น อาหารปนเปื้อน ซึ่งทางส.จะประกาศเป็นเรื่องๆไป - ตอนนี้ที่บ้านคุณมีขนมหรือไม่ค่ะ ลองดูที่ห่อว่ามี อย.รึเปล่า อาหารและยา ในความหมายของที่ต้อง"กำกัด" คนละเรื่องกับ อย. ไม่เกี่ยวกัน จากคุณ : สินธร - [ 30 พ.ค. 52 23:53:20 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ผมขี้เกียจรอ หาลิงค์มาให้แล้ว ดีเหมือนกัน จากที่ไม่เคยรู้ ไม่เคยสนใจ ทำให้ต้องค้นและได้พอรู้บ้าง แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 23:54:34 จากคุณ : สินธร - [ 30 พ.ค. 52 23:53:54 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ถึง คุณสินธร ก็จากลิงค์ของคุณนั้นแหละค่ะ มีคำว่า "ของใช้ส่วนตัว" ใช่ไหมค่ะ และคุณยกตัวอย่างว่า "ในกรณีเป็นของใช้ส่วนตัว สามารถนำเข้ามาได้ไม่เกิน 10000 บาท เช่น ซื้อเสื้อผ้าใส่เองหรือฝากญาติ ขนมต่างๆ เป็นต้น" ตัวอย่างที่คุณยกมามันไม่ตรงกับความหมายของคำว่า "ของใช้ส่วนตัว" ไงค่ะ ส่วนเรื่อง 20000 ก็แค่จะบอกว่าเท่าไหร่ต้องจ่ายภาษีที่ไหนก็เท่านั้นเอง ถึงเกิน หรือไม่เกิน ตามกฎหมายก็ต้องเสีย นี่แหละประเด็น ไม่ได้ตั้งใจจะบอกคุณคนเดียว เผื่อคนอื่นที่เข้ามาอ่านด้วย และเป็นคนละเรื่องกับสินค้าที่ต้องเข้าคลังทัณฑ์บนค่ะ โอเคนะคะที่ได้แลกเปลี่ยนกับคุณ คืนนี้พอก่อน ไว้จะแวะมาดูใหม่ จากคุณ : Nellie - [ 31 พ.ค. 52 00:03:32 ]

ความคิดเห็นที่ 98 -ของใช้ส่วนตัวที่เจ้าของนำเข้ามาพร้อมกับตนสำหรับใช้เองหรือใช้ในวิชาชีพและ จำนวนพอสมควรแก่ฐานะและมูลค่าไม่เกิน 10,000 บาท และไม่มีลักษณะเป็นการค้า เช่น เครื่องแต่งกาย เครื่องสำอาง เครื่องประดับ รองเท้า นาฬิกา แว่นตา น้ำหอม เป็นต้น ให้ดูอีกหนึ่ง ส่วนการชำระอากรปากระวาง อยู่ตรงนี้ ของทุกชนิดที่นำเข้ามาในประเทศไทยต้องชำระค่าภาษีอากรและปฏิบัติตามกฎหมายศุลกากร และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องสำหรับการชำระอากรปากระวางสำหรับ ของติดตัวผู้โดยสารมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังนี้ -เป็นของที่นำเข้ามาใช้เอง และมีจำนวนเห็นได้ชัดว่ามิใช่เพื่อการค้า -ของมูลค่าไม่เกิน 80,000 บาท -ผู้โดยสารสามารถชำระค่าภาษีอากรได้เป็นเงินสด ณ วันนำเข้า กรณีไม่เข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะส่งของทั้งหมด ไปปฏิบัติพิธีการศุลกากรที่งานของติดตัวผู้โดยสารฝ่ายตรวจสินค้า ขาเข้าที่ 1 ส่วนการนำเข้า โดยผู้โดยสารจะได้รับใบส่งของ (แบบ 466) ไว้เป็นหลักฐาน ไม่เกิน 10000 บาท ไม่ต้องเสียภาษี เกิน 10000 บาท ไม่เกิน 80000 บาท อากรปากระวาง เกิน 80000 บาทต้องผ่านพิธีการศุลกากร กรณีใช้เอง เดี๋ยวออกนอกประเด็นไปที่อื่นอีก จากคุณ : สินธร - [ 31 พ.ค. 52 00:05:14 ]

ความคิดเห็นที่ 99 <Quoted>ส่วนตรงนี้คุณอ่านเข้าใจหรือป่าว ? อาหารในความหมายของ ส.คณะกรรมการอาหารและยา หมายถึง กรณีที่อาหารบางชนิดมีปัญหาหรือต้องควบคุม เช่น อาหารปนเปื้อน ซึ่งทางส.จะประกาศเป็นเรื่องๆไป<Unquoted> อีกนิดตรงนี้ดิฉันอาจทำให้คุณงง คือมันไม่จำเป็นว่าต้องเป็น"อาหารบางชนิดมีปัญหาหรือต้องควบคุม เช่น อาหารปนเปื้อน ซึ่งทางส.จะประกาศเป็นเรื่องๆไป" ที่ต้องเสียภาษี ขนมที่นำมาเป็นของฝากก็เป็นสิ่งที่ต้องเสียภาษีค่ะ ขอโทษนะคะ ไม่นึกว่าคุณรอ แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 07:22:41 แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 07:20:42 จากคุณ : Nellie - [ 31 พ.ค. 52 00:09:37 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ลิงค์อยู่ไหน ? ผมมีลิงค์ตลอด ในเว็บกรมศุลฯให้ความหมายไว้แล้ว ผมโพสไว้แล้ว เว็บกรมศุลฯที่ผมให้มามีตัวอย่างให้แล้ว คุณอ้างเว็บกรมศุลฯ อยู่ไหนล่ะครับ ? ดู 92 94 98 ผมสรุปให้แล้วนะครับ ถามจริงคุณเป็นคนของศุลกากรป่าวครับ ? หรือคุณเป็นนักกฎหมายครับ ? จากคุณ : สินธร - [ 31 พ.ค. 52 00:09:55 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ลองถามผู้รู้คนอื่นดูนะคะว่าเค้าจะว่ายังไง จากคุณ : Nellie - [ 31 พ.ค. 52 00:12:53 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ถ้างั้นของใช้ส่วนตัว ผมถือกล้องตัวละ5หมื่นไปเที่ยว กลับมาผมก็ต้องเสียภาษีสิครับ จากคุณ : ฮันนิบาลที่รัก - [ 31 พ.ค. 52 00:19:41 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ผมมีเว็บมีหลักฐานมาให้ดูเป็นลายลักษณ์อักษร ลิงค์ของคุณอยู่ไหนล่ะหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรอยู่ไหนล่ะ ? ผมถึงอยากรู้ว่าผมแลกเปลี่ยนกับศุลกากรหรือนักกฎหมายอยู่ ? ทั้งหมดที่ผมเอามามาจากกรมศุลฯเองทั้งนั้น ถ้าข้อมูลของกรมศุลฯเชื่อถือไม่ได้แล้วจะเอาที่ไหนล่ะครับ ? ข้อมูลของกรมศุลฯตำตาอยู่ จากคุณ : สินธร - [ 31 พ.ค. 52 00:19:44 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ดิฉันไม่ได้เป็นคนของกรมศุลค่ะและไม่ได้เข้าข้างกรมศุล แต่เป็นพนักงานสายการบินที่ทำงานเกี่ยวกับสัมภาระผู้โดยสาร และเคยเป็นผู้โดยสารด้วยตั้งแต่ก่อนทำงานสายการบิน และจบนิติ ถ้าอยากรู้จริงก็ต้องดูกฎหมายละเอียด บางทีมีประกาศ หรือ ระเบียบ ออกมาเพิ่มเติมกฎหมายหลัก ก็ลองศึกษากันไป เพราะการเรียนรู้มันไม่มีวันสิ้นสุดอยู่แล้ว ทุกวงการมันก็มีคนดีคนไม่ดีอย่างที่รู้กัน ถ้าเจ้าหน้าที่กรมศุลปฏิบัติกับผู้โดยสารไม่เหมาะสม ไม่สุภาพ ดิฉันก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน จากคุณ : Nellie - [ 31 พ.ค. 52 00:21:00 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ความคิดเห็นที่ 102 50000 บาทต้องเสียปากระวางครับ หากไม่อยากเสียต้องแจ้งตอนขาออก ทางด่านจะออกหลักฐานเป็นเอกสารให้ครับ ที่จริงผมต้องขอบคุณคุณความคิดเห็นที่ 101 เพราะเรื่องเหล่านี้ ผมไม่เคยจับเลย ความคิดเห็นที่ 101 ทำให้ผมได้ค้นและได้พอรู้ว่าเป็นอย่างไร ? จากคุณ : สินธร - [ 31 พ.ค. 52 00:22:10 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ถ้าคุณถือกล้องราคาแพงไป คุณก็ต้อง declareไว้ก่อนเดินทางที่เคาเตอร์ของกรมศุลที่ขาออก เพื่อป้องกันปัญหาตอนขาเข้า จากคุณ : Nellie - [ 31 พ.ค. 52 00:23:09 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ผมไม่ได้พาดพิงจนท.กรมศุลฯว่าไม่ดี ผมเห็นกระทู้ยาวแล้วไม่มีกติกาอ้างอิง ผมจึงค้นมาให้ดูกัน ถ้าคุณจบนิติฯผมขอให้ความเห็นนะครับ คุณต้องรื้อฟื้นใหม่เกือบทั้งหมด ดูเหมือนคุณคืนครูไปเกือบหมดแล้ว จากคุณ : สินธร - [ 31 พ.ค. 52 00:24:29 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ^ ^ ^ ตลกแล้วครับ  มีส่วนไหนที่แจ้งคนเดินทางไหมครับ ข้อแบบนี้ ตีความแบบนักกฏหมายไม่เข้าท่าแล้วครับ จากคุณ : ฮันนิบาลที่รัก - [ 31 พ.ค. 52 00:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ข้อมูลที่ผมนำมาโพสได้ตรวจสอบแล้วว่าอัพเดท จากคุณ : สินธร - [ 31 พ.ค. 52 00:26:23 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เขาเรียกว่า ตีความแบบ ศรีธนชัย แล้วครับแบบนี้ เห็นใครถือกล้องไปเที่ยว ก็ไม่เคยมีใครแจ้ง และก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ถ้าอย่างนั้น แจงความเรื่อง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้เหรอครับ หรือว่ายังไง เอางี้ รวมทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องโกนหนวด  ยังไงน่ะ มูลค่าเกินสองหมื่นอยู่แล้วล่ะ คุณเดินทาง คุณ declare ไหมครับ ถ้าไม่ทำ ปิดไปได้เลย  นี่ไง ของใช้ส่วนตัว มูลค่าไม่เกิน สองหมื่นบาท จากคุณ : ฮันนิบาลที่รัก - [ 31 พ.ค. 52 00:27:15 ]

ความคิดเห็นที่ 111 คุณสินธรค่ะ ก่อนจะว่าใครคุณก็ดูตัวคุณเองก่อนนะคะ คุณแน่ใจหรือค่ะว่าคุณถูก แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 00:33:42 จากคุณ : Nellie - [ 31 พ.ค. 52 00:29:24 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ความคิดเห็นที่ 108 ครับ คือกติกาของเขาเป็นอย่างนั้น ถ้าถามผม ผมว่าไม่แฟร์ รวมทั้งของใช้ส่วนตัวไม่เกิน 10000 บาทด้วย ตัวอย่าง หากผมไปเที่ยวฮ่องกงสัก 7 วัน ผมใส่และเอาเสื้อผ้ายี่ห้อจระเข้ไปทุกตัว มันเกินหมื่นแน่นอน จากคุณ : สินธร - [ 31 พ.ค. 52 00:29:54 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ความคิดเห็นที่ 111 คุณกลับไปดูความเห็นของคุณนะครับ กี่ความเห็นแล้ว ผมให้ความเห็นถึงคุณครั้งเดียวคุณก็ระเบิดแล้ว ผมว่าคุณคงมีโอกาสน้อยมากที่ได้แลกเปลี่ยนกับคนอื่น จากคุณ : สินธร - [ 31 พ.ค. 52 00:33:57 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ดิฉันถึงบอกคุณไงค่ะ ว่าถ้าคุณไม่รู้ คุณก็ไปถามผู้ที่รู้จริง คุณไม่ต้องมาเชื่อดิฉันก็ได้ จากคุณ : Nellie - [ 31 พ.ค. 52 00:37:10 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ผมบอกตรงๆ ผมสงสัยว่าคุณจบนิติฯจริงหรือ ? อาหารและยากับขนม ในความหมายของที่ต้องกำกัด แต่คุณไปไหนไม่รู้ อย.บ้างล่ะ บอกว่าผมกล่าวว่าไม่เกี่ยวกันบ้างล่ะ หากเป็นนักกฎหมายทั่วไป ขนมกับอาหารและยาในความหมายของส.คณะกรรมการยา ภายใต้นิยามของต้องกำกัด เขาจะไม่ต้องตั้งข้อสงสัยกันแล้ว จากคุณ : สินธร - [ 31 พ.ค. 52 00:40:03 ]

ความคิดเห็นที่ 116 อย่าเพิ่งเถียงกันเรื่องส่วนตัวครับ กลับมาก่อน ตกลง กระเป๋า samsonite รองเท้าอาร์มานี่ กางเกงดีเซล  นาฬิกาเอาสักTAG พอ  เสื้อก็สักจรเข้พอ  ทุกอย่างซื้อในประเทศไทย แค่นี้ก็ ทะลุสองหมื่นแล้วครับ  จะไม่ต้องเอาสัมภาระติดตัวไปอีกเลยหรือ มาตอบผมก่อน จากคุณ : ฮันนิบาลที่รัก - [ 31 พ.ค. 52 00:42:07 ]

ความคิดเห็นที่ 117 คุณทราบได้อย่างไรว่าผมรู้หรือไม่รู้ ? จากคุณ : สินธร - [ 31 พ.ค. 52 00:42:10 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ลองกลับไปอ่านที่คุณโพสต์ไว้แล้วกันค่ะ จากคุณ : Nellie - [ 31 พ.ค. 52 00:44:14 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ความคิดเห็นที่ 116 10000 เดียวครับ ไม่ใช่ 20000 ตามกติกาต้องแจ้งครับ หากไม่แจ้ง ขาเข้าต้องเสียภาษี แต่ จนท.สามารถใช้ดุลพินิจได้ กล้องราคา 100000 บาท คุณซื้อมาแล้ว 5 ปี ไม่ใช่ว่าจะใช้ราคา 100000 บาท คือพิกัดอัตรามันเก่ามาก ล้าสมัย ของที่ได้รับการยกเว้นอากรแค่ 10000 เดียว ซึ่งไม่ตรงกับสภาพการณ์ของสังคมปัจจุบัน แต่เมื่อกติกายังไม่มีการแก้ไขก็ต้องว่าตามนั้น ผมไม่ได้โต้แย้งส่วนตัว แต่ผมไม่เคยจับเรื่องเหล่านี้มาก่อน ผมเข้าใจว่าเจอผู้รู้ จึงต้องการแลกเปลี่ยนเท่านั้น แต่ผมเข้าใจผิดไป แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 00:48:34 จากคุณ : สินธร - [ 31 พ.ค. 52 00:45:37 ]

ความคิดเห็นที่ 120 โอเค จะได้รู้ไว้ว่า มันโบราณไร้สาระได้อีก จากคุณ : ฮันนิบาลที่รัก - [ 31 พ.ค. 52 00:47:27 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ผมว่าจะไม่แสดงความเห็นทางด้านนี้ตามเว็บบอร์ดสาธารณะทั่วๆไปแล้ว และผมว่างเว้นมาเป็นปี หนีมาเล่นบอร์ดท่องเที่ยวกับกุ๊กกิ๊กที่ห้องสยามว่ารอดแล้ว วันนี้หลุดเฉยเลย ? อาจเป็นเพราะตนเองอยากรู้ด้วย ไปหลับแล้วครับ บ๊ายบายทุกท่าน รวมคุณNellieด้วยนะครับ การแลกเปลี่ยนก็เป็นแบบนี้แหละ บางครั้งเสมือนหนึ่งปะทะคารม บังเอิญผมเคยแลกเปลี่ยนเรื่องหนักๆที่ห้องอื่นมาก่อน จึงอาจเห็นเป็นกรณีปกติ แต่คุณอาจไม่คิดว่าปกติก็ได้ คือบอร์ดอื่นแรงมาก กระทู้นี้ยังไม่ถือว่ามีอะไร หากทำให้คุณไม่สบายใจ ขออภัยด้วยครับ ฝันดีทุกท่าน แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 01:12:12 จากคุณ : สินธร - [ 31 พ.ค. 52 01:11:09 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ZzZzz จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 31 พ.ค. 52 04:41:18 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ยังมีกฏหมายเฮงซ... อีกเยอะบ้านเรา สักแต่ออกมาบังคับใช้แต่ไม่ได้ความเป็นจริง จากคุณ : SPORTERO - [ 31 พ.ค. 52 09:14:31 ]

ความคิดเห็นที่ 125   รับข้อมูล จากคุณ : ผู้รับ - [ 31 พ.ค. 52 09:53:03 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ถึง คุณสินธร เผื่อเข้ามาอัพเดตข้อมูล Ref: customs.go.th/Formality/AirportFormalities.jsp#1 <Quoted> 1. พิธีการศุลกากรสำหรับผู้โดยสารขาเข้า         ผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย และไม่มีของต้องเสียภาษีอากร ของต้องห้าม ของต้องกำกัด ให้ผ่านพิธีการศุลกากรช่องตรวจสีเขียว สำหรับผู้โดยสารที่มีของต้องเสียภาษีอากร ของต้องห้าม ของต้องกำกัด หรือไม่แน่ใจว่าของที่นำเข้านั้นเป็นของดังกล่าวหรือไม่ ให้ผ่านพิธีการศุลกากรที่ช่องตรวจสีแดง   1.1 ของที่ต้องชำระอากร            โดยทั่วไป ของทุกชนิดที่นำเข้ามาในประเทศไทยต้องเสียภาษีอากรตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ร.ก. พิกัดอัตราศุลกากร และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ผู้โดยสารที่เดินทางระหว่างประเทศต้องมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเช่นเดียวกัน แต่กรมศุลกากรได้อำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร ให้สามารถชำระภาษีอากรสำหรับของติดตัวผู้โดยสารได้ โดยไม่ต้องผ่านพิธีการศุลกากรอย่างเต็มรูปแบบในลักษณะการค้า วิธีดังกล่าวนั้น เรียกว่า การเสียภาษีอากรปากระวาง ซึ่งมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังต่อไปนี้       เป็นของที่นำเข้ามาใช้เอง มีจำนวนเห็นได้ชัดว่ามิใช่เพื่อการค้า   ของมีมูลค่าไม่เกิน 80,000.00 บาท   ผู้โดยสารต้องสามารถชำระค่าภาษีอากรเป็นเงินสดได้ในวันนำเข้า            กรณีไม่เข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะส่งของทั้งหมด ไปปฏิบัติพิธีการศุลกากร ที่ฝ่ายพิธีการกลาง ส่วนบริการภาษีอากร สำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ ด่านศุลกากรภูมิภาคที่มีท่าอากาศยานนานาชาติ โดยผู้โดยสารจะได้รับใบรับฝากสิ่งของ (แบบที่ 466) ไว้เป็นหลักฐานเพื่อไปติดต่อชำระภาษีอากรในภายหลัง   1.2 ของที่ได้รับยกเว้นอากร         (1) ของใช้ส่วนตัวที่เจ้าของนำเข้ามาพร้อมกับตนสำหรับใช้เอง เช่น เครื่องแต่งกาย เครื่องสำอาง เครื่องประดับ รองเท้า นาฬิกา ปากกา แว่นตา น้ำหอม เป็นต้น หรือของใช้ในวิชาชีพและมีจำนวนพอสมควรแก่ฐานะ มูลค่าไม่เกิน 10,000.00 บาท จะได้รับการยกเว้นอากร ทั้งนี้ ต้องมีเอกสารใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐาน หากไม่มี เจ้าหน้าที่จะพิจารณาตาม หลักฐานอื่นประกอบ แต่ของใช้ส่วนตัวดังต่อไปนี้จะต้องมีปริมาณไม่เกินที่กำหนด      บุหรี่ ไม่เกิน 200 มวน หรือ ซิการ์และยาเส้น ไม่เกิน 250 กรัม  สุรา 1 ลิตร         (2) ของใช้ในบ้านเรือนที่ใช้แล้ว เช่น โทรทัศน์ วิทยุ วีดีทัศน์ เครื่องโทรสาร ที่เจ้าของนำเข้ามาพร้อมกับตนเนื่อง จากการย้ายภูมิลำเนาและมีจำนวนพอสมควรแก่ฐานะ ได้รับยกเว้นอากร แต่ก็จะต้องมาผ่านพิธีการศุลกากรที่ช่องตรวจสีแดง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบของ <Unquoted> จากข้อมูลข้างต้น(ได้มาจากเว็บที่คุณสินธรแนะนำ)ได้นำไปให้เจ้าหน้าที่กรมศุลอธิบายได้ความว่า ตามข้อ 1.1 ของ"ทุกชนิด"ที่นำเข้ามาในประเทศไทยต้องเสียภาษีอากร  ถ้าเข้าเงื่อนไขว่าเป็นของมีมูลค่าไม่เกิน 80,000.00 บาท สามารถเสียภาษีปากระวางได้ เมื่อก่อน เงื่อนไขคือเป็นของมีมูลค่าไม่เกิน 20,000 บาท สามารถเสียภาษีปากระวางได้ แต่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร จะได้ไม่ต้องผ่านพิธีการศุลกากรอย่างเต็มรูปแบบในลักษณะการค้า จึงปรับเป็น 80,000 บาท แสดงว่าข้อมูลที่ดิฉันทราบมามันมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว ทีนี้ถ้าผู้โดยสารไม่มีใบเสร็จมาแสดง ก็จะต้องใช้บริการของเจ้าหน้าที่ประเมินราคาซึ่งเค้าก็มีหลักเกณฑ์อยู่ ตามข้อ 2.2 ของใช้ส่วนตัวที่เจ้าของนำเข้ามาพร้อมกับตนสำหรับใช้เอง คือ ของที่ใช้แล้ว ไม่ใช่ของที่ซื้อเข้ามา ไม่ใช่ของฝาก เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ให้กลับไปดู ข้อ 1.1 บางคนจึงอาจแนะนำว่า ถ้าซื้อ Rolex จาก ตปท.เข้ามา ให้ใส่เข้ามาเลย อย่าเก็บกล่องไว้ ให้ทำเป็นว่าใส่ตั้งแต่ออกนอกประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม การกระทำอย่างนั้นไม่ได้ประกันว่านาฬิกานั้นได้รับยกเว้นอากร ราคาของมันต้องเกิน 10,000.00 บาท อยู่แล้ว ซึ่งถ้าถูกตรวจขึ้นมาอย่างจริงจังและผู้โดยสารไม่มีใบdeclareที่ได้ทำไว้ตอนขาออก ก็ต้องกลับไปดูข้อ 1.1 หรือถ้าผู้โดยสารใส่ตั้งแต่ออกจากประเทศจริงๆก็จะถูกยึดของไว้ก่อน และกลับไปหาหลักฐานมาแสดงว่าซื้อในประเทศจริงๆ นี้คือกรณีถ้าเจ้าหน้าที่จะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเข้มงวด ซึ่งในความเป็นจริงคงทำไม่ได้เพราะจำนวนผู้โดยสารที่เข้ามาแต่ละวัน อย่างไรก็ดี กรณีที่บางคนอาจไปเหมาเสื้อผ้ามือสองมาจาก ตปท. แล้วกลับมาผ่านช่องเขียว แม้ดูว่าเป็นของใช้แล้วก็จริง เจ้าหน้าที่ก็จะดูที่เจตนาค่ะ   ถ้าคุณพบว่าข้อมูลที่ดิฉันได้มาก็ไม่ถูกต้องอีก ก็เข้ามาแลกเปลี่ยนกันได้ แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 10:24:05 จากคุณ : Nellie - [ 31 พ.ค. 52 10:21:38 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ทั้งหมดที่คุณว่ามาใหม่วันนี้ก็ไม่เห็นต่างจากที่ผมว่าเมื่อวานตรงไหน ? ตรงกันข้าม คุณต้องตรวจสอบของคุณเอง แสดงว่าที่คุณโพสมาทั้งหมดเมื่อคืน มาจากเขาเล่าว่า เขาบอกว่า อ้างว่าจบนิติฯ ผมว่าไม่จริง ผมไปเที่ยวญี่ปุ่น 10 วัน เอาเสื้อผ้าไป 4 ชุด เจออากาศหนาวผิดคาดของกรมอุตุฯผมต้องซื้อเสื้อผ้าใส่เพิ่ม ? ส่วนนาฬิกาแพงๆต้องเสียอยู่แล้ว ขนาดกล้องถ่ายรูปของคุณฮันฯเมื่อคืนผมก็ยังว่าต้องเสีย ข้อมูลนี้ก็ไม่ได้ต่างจากเมื่อคืน การจะบอกว่าของคนอื่นไม่ถูกต้องอย่างไร ไม่ใช่มาจาก เขาเล่าว่า เขาบอกว่า หากแต่ต้องมีหลักฐานอ้างอิง ที่มาที่ไปอันเป็นข้อมูลชั้นต้น และไม่ใช่อ้างว่าของคนอื่นไม่ถูกและคนถูกอ้างต้องหาข้อมูลหลักฐานมา ลักษณะแบบนี้ไม่ใช่วิสัยของคนจบนิติฯ หากคุณจบนิติฯจริง ข้อมูลเมื่อคืนที่ผมหามาทั้งหมดคุณอ่านเองได้ ไม่จำต้องไปถามใคร ผมบอกให้ก็ได้ เมื่อวานที่ผมโพส ผมทิ้งข้อบกพร่องไว้จุดหนึ่ง คุณหาดูว่าอยู่ไหนและให้เหตุผลได้ไหม ? หากคุณจบนิติฯจริง คุณต้องอธิบายได้ ส่วนผมมีข้อมูลประเด็นดังกล่าวพร้อมคำพิพากษาฎีกาอยู่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ผมพอแล้วนะครับ เชิญตามสบาย ผมไปหาข้อมูลเที่ยวนครวัด นครธม กับเกาะล้านแล้วครับ ขอบคุณอีกครั้งที่ทำให้ผมไปค้นข้อมูล ได้ข้อมูลมาอีกเรื่องหนึ่ง แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 10:43:54 จากคุณ : สินธร - [ 31 พ.ค. 52 10:38:07 ]

ความคิดเห็นที่ 128 คุณสินธร ดิฉันอยากมีเวลาชี้ให้คุณดูเป็นจุดๆว่าที่คุณเขียนมามันผิดตรงไหน แต่ไม่ว่างขนาดนั้น คุณกลับไปอ่านดีๆแล้วกันว่าของคุณผิดตรงไหน ของดิฉันผิด ตรง 20,000 ต้องแก้เป็น 80,000 ตามข้อ1.1 เท่านั้น ซึ่งที่จริงจะบอกว่าผิดก็ไม่ใช่ เพราะเดิมมันถูก แต่มันมีการแก้ไขเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร แต่ที่คุณบอกว่า ของฝาก หรือขนมที่นำเข้ามา ได้รับยกเว้นอากร นั้นมันไม่ถูก อ่านช้าๆ อ่านดีๆนะคะ ใจเย็นๆ <Quoted> ผมไปเที่ยวญี่ปุ่น 10 วัน เอาเสื้อผ้าไป 4 ชุด เจออากาศหนาวผิดคาดของกรมอุตุฯผมต้องซื้อเสื้อผ้าใส่เพิ่ม ? <Unquoted> อันนี้คุณก็ดูที่ข้อ 1.1 แต่ก็อยากถามว่าผู้โดยสารทุกคนที่ซื้อของใช้เข้ามาแล้วจะนำมาสำแดงหรือไม่ ซึ่งตามกฎหมายต้องทำเช่นนั้น นั่นแหละรวมกันคือภาษีที่รัฐต้องสูญเสีย ที่ดิฉันบอกว่าจบนิติ เพราะคุณถามดิฉันว่าเป็นนักกฎหมายรึเปล่า ดิฉันไม่ได้บอกว่าตัวเองเก่งนักหนา หลักสูตรนิติก็ไม่ได้สอนกฎหมายศุลฯ แต่สอนวิธีตีความกฎหมายหลักๆซึ่งนำมาใช้ได้กับกฎหมายอื่นๆ มันก็ดีสำหรับคุณที่คุณหาหลักฐานมาอ้างอิง แต่มันมีรายละเอียดที่ต้องค้นคว้าอีกมากถ้าอยากรู้จริงๆ จากคุณ : Nellie - [ 31 พ.ค. 52 11:00:12 ]

ความคิดเห็นที่ 129 อีกครั้งก็แล้วกัน เมื่อคุณบอกเรียนวิธีการตีความกฎหมายมา การตีความกฎหมายใช้เมื่อใด ? กฎหมายอาญากับกฎหมายแพ่งมีหลักในการตีความอย่างไร ? การตีความหลักกับข้อยกเว้นเป็นอย่างไร ? 20000 คุณเอามาโต้แย้ง 10000 ประเด็นของใช้ส่วนตัว ทำไมตอนนี้ไปเรื่องปากระวางได้ล่ะ ? ของใช้ส่วนตัว 10000 กับปากระวางคนละเรื่องเลย หากบอกของเดิมปากระวาง 20000 ถูก ตอนนี้เปลี่ยน 80000 ไม่ได้ทำให้ผิด งั้นก็ไม่มีอะไรต้องบอกว่าถูกต้องแล้ว ผมจะบอกได้หรือว่าแม้ตอนนี้ผมผิด แต่อดีตถูก เพราะฉะนั้น ของผมถูก ตรรกของคนจบนิติฯไม่มีทางออกมาแบบนี้ สำนวนภาษาบ่งบอกอยู่ในตัวว่าผู้นั้นจบมาทางนิติฯหรือไม่ ไม่มีผู้จบนิติฯคนไหนที่ไม่สามารถอธิบายด้วยเหตุผลในทางกฎหมายได้ และไม่มีผู้จบนิติฯคนไหนสรุปลอยๆด้วยการไม่มีหลักอ้างอิง แต่กลับอาศัยเขาเล่าว่า เขาบอกว่า จากคุณ : สินธร - [ 31 พ.ค. 52 11:19:07 ]

ความคิดเห็นที่ 130 ??????? จากคุณ : เสียงจากบ้านนา - [ 31 พ.ค. 52 12:04:52 ]

ความคิดเห็นที่ 131 ทำไมคนไม่ดีมันเยอะกว่าคนดีหล่ะครับ เห็นโดนกันถ้วนหน้า 555 จากคุณ : m (pasinee) - [ 31 พ.ค. 52 12:14:22 ]

ความคิดเห็นที่ 132 ผมไม่แสดงความเห็นทางด้านนี้ตามบอร์ดสาธารณะทั่วๆไป ซึ่งผมว่างเว้นมาเป็นปีแล้ว เพียงครั้งนี้อยากรู้ จึงค้นมาเพื่อแลกเปลี่ยน แต่การแลกเปลี่ยนก็อยากรู้ว่าได้แลกเปลี่ยนกับผู้รู้หรือไม่ ? ผมทิ้งประเด็นหนึ่งไว้ ซึ่งมีทั้งถูกและไม่ถูกปนกันอยู่ในนั้น เพื่อ check การแยกและให้เหตุผล ดังนั้นการโพสในเว็บบอร์ดสาธารณะจึงไม่อาจอ้างอิงได้  ให้ดูจากคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นหลักจะถูกต้องที่สุด ซึ่งสามารถค้นได้ไม่ยากนัก ผมไม่ได้เอาคำพิพากษาฎีกามาลง ท่านผู้สนใจสามารถค้นได้จากในเน็ต กระทู้นี้ผมทราบและพอแล้วครับ จากคุณ : สินธร - [ 31 พ.ค. 52 12:34:37 ]

ความคิดเห็นที่ 133 เมืองไทย มี Declare ขาออกด้วยเหรอคะ ไม่เคยเห็นอ่ะค่ะ มีแต่เสียเงินค่าภาษีสนามบินห้าร้อย แล้วก็ผ่านคนตรวจกรอกใบสีขาวขาออก แต่เวลาขากลับมานี่ จะเอาโน่นเอานี่ ถ้ามีการตรวจกระเป๋าขาออกนอกไทยด้วย คงช่วยลดการขนของปลอมไปขายต่างประเทศ ไม่ก็ลดการเอายาเสพติดไปส่งต่างแดน ช่วยคนไทยไม่ได้โดนจับติดคุกเมืองนอกได้เยอะเลยเราว่า ปล เพิ่งรู้ว่าเซ็กส์ทอยผิดกฏหมายที่เมืองไทยคะ มิน่าถึงมีข่าวข่มขืนและผู้หญิงนิยมเป็นเมียน้อย เพราะว่าขาดของนี่เอง อิอิ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย - [ 31 พ.ค. 52 13:37:36 ]

ความคิดเห็นที่ 134 ก็บอกแล้วว่าให้อ่านช้าๆ อ่านดีๆ ทุกอย่างที่ดิฉันพูดก็อยู่ในเว็บที่คุณสินธรหามานั้นแหละ คุณอยากให้ดิฉันหาหลักฐานอะไรมา แล้วยังมาถามปัญหากฎหมายอีก แค่ที่คุณหามาเองคุณยังอ่านไม่รู้เรื่องเลย ขืนเอาอย่างอื่นมาให้อ่านอีก สงสัยเละ คุณจะกล่าวหาต่อว่าอะไรดิฉันอีกก็ตามใจคุณแล้วกัน ดิฉันไม่สนใจหรอก และมั่นใจว่าสิ่งที่ดิฉันรู้ ก็ยังมีนักกฎหมายหลายคนที่ไม่รู้ และบางอย่างที่คนอื่นรู้ ดิฉันก็อาจไม่รู้ ถ้าคุณยังอยากว่าอะไรอีก ดิฉันก็จะบอกว่าให้กลับไปอ่านเว็บที่คุณแนะนำนั่นแหละ อ่านจนเข้าใจ หรือคุณอาจเข้าใจแล้ว แต่กลัวเสียหน้าก็เลยหาเรื่องมาว่าดิฉันแทน อันนี้ก็ไม่ทราบ แล้วตกลงเข้าใจหรือยังว่า ของซื้อเข้ามาใช้ส่วนตัวก็ต้องเสียภาษี ถ้ายังไม่เข้าใจ คราวหน้าลองซื้อเสื้อหนาวเข้ามา แล้วผ่านช่องแดงดู  เอาใบเสร็จถามเจ้าหน้าที่ดูว่าต้องเสียภาษีหรือไม่ ซึ่งนอกจากต้องเสียภาษีแล้ว คุณอาจได้รับคำชื่นชมจากกาี่รทำตามกฎหมายด้วย อะไรที่ดิฉันผิดก็ได้ยอมรับแก้ไขไปแล้ว คงไม่มีนักกฎหมายคนไหนจำตัวบทได้ทุกบทหรอกค่ะ ยังไงตรงที่ดิฉันแก้ไปมันก็อยู่ตรงส่วนของดิฉันเอง ไม่ได้ทำให้สิ่งที่คุณเข้าใจผิดนั้นกลับเป็นถูกนะคะ อ่านดีๆ ไม่ได้เอาเรื่อง20000 ไปโยงกับ10000ของคุณเลย แยกให้ออกด้วย ดิฉันคงไม่หวังว่าคุณจะเข้าใจข้อมูลที่คุณหามาเองเมื่อไหร่ แต่หวังว่าผู้ที่เข้ามาอ่านและไม่เข้าใจว่าทำไมซื้อของมาใช้ส่วนตัวจะต้องเสียภาษีด้วยจะได้เข้าใจก่อนที่จะไปว่าเจ้าหน้าที่กรมศุลนะคะ ส่วนเรื่องขนม จัดอยู่้ในประเภทอาหารและยาซึ่งเป็นของต้องกำกัดหรือไม่ อันนั้นคงต้องอีกยาว ซึ่งดิฉันขอตัวละกัน อย่างที่บอก ถ้าไม่เข้าใจก็อ่านอีกหลายๆรอบ ู แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 14:57:53 จากคุณ : Nellie - [ 31 พ.ค. 52 14:40:17 ]

ความคิดเห็นที่ 135 ชอบกระทู้นี้ ได้ความรู้เยอะดี  ขอบคุณผู้แสดงความคิดเห็นทุกท่านครับ จากคุณ : tumklang - [ 31 พ.ค. 52 15:55:30 ]

ความคิดเห็นที่ 136 งงวุ้ย ... อยากซื้อมือถือที่ฮ่องกงซักเครื่อง เพราะที่ไทยไม่มีขาย ก็ไม่ได้.. ก็ต้องมาเสียอากรงั้นสิ ... เท่าไหร่เนี่ย ... จากคุณ : BO Lovely - [ 31 พ.ค. 52 16:05:13 ]

ความคิดเห็นที่ 137 ตัวอย่าง (ตัวเลขสมมุติ) นาย ก. ซื้อรองเท้านำเข้ายี่ห้อหนึ่งในเมืองไทยเพราะไม่มีโอกาสไปเมืองนอก ราคา 1,000 บาท สมมุติว่า จาก ราคา 1,000 บาท มีภาษีรวมอยู่ด้วย 500 บาท จากการซื้อรองเท้านี้นาย ก. จึงได้เสียภาษีให้รัฐ 500 บาท ซึ่งจะนำไปใช้สำหรับประโยชน์ส่วนรวมของประเทศต่อไป นาย ข. มีโอกาสไปเที่ยวเมืองนอก และซื้อรองเท้าแบบเดียวกับนาย ก.ใน ตปท.ได้ในราคา 500 บาท และได้ใช้รองเท้าคู่นั้นระหว่างเที่ยวด้วย เมื่อกลับมาถึงเมืองไทยก็สำแดงรองเท้านั้นต่อเจ้าหน้าที่ศุลฯ และชำระอากรไป 500 บาท ฉะนั้นทั้งนาย ก. และ นาย ข. ก็ซื้อรองเท้าแบบเดียวกันได้ในราคาเท่ากัน แต่หากนาย ข. ไม่สำแดงรองเท้านั้นต่อเจ้าหน้าที่ศุลฯโดยผ่านช่องเขียว และเจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจพบได้ว่า นาย ข.ลักลอบนำสินค้าเข้าประเทศ นาย ก. ก็จะพูดว่า "นาย ข. ได้ไปเที่ยวเมืองนอก แล้วยังซื้อของได้ถูกกว่าอีก ไม่ยุติธรรมเลย"   อย่างไรก็ตาม ที่เห็นๆ คือ ในแต่ละวันแทบไม่มีใครเดินผ่านช่องแดงเลย เดินผ่านช่องเขียวกันหมด นี่อาจเป็นที่มาของคำว่า "ผีช่องแอร์" ที่ จขกท.ตั้งไว้ก็ได้ ถ้าคุณเดินผ่านช่องแดงเพื่อสำแดงของที่คุณซื้อมา เจ้าหน้าที่ที่ทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดก็จะคิดภาษีกับคุณ แต่ถ้าเจอเจ้าหน้าที่ที่เห็นว่าเป็นเรื่องจุกจิก แค่เครื่องเดียวเล็กน้อย ยังมีพ่อค้าแม่ค้าให้จับอีกเยอะ เค้าอาจปล่อยคุณผ่านไป แต่ไม่ได้หมายความว่า นำมาใช้ส่วนตัวเลยได้รับยกเว้นอากร ถ้าคุณเดินผ่านช่องเขียวก็เสี่ยงดูว่าจะเจอข้อหาลักลอบหรือไม่ หรืออาจเป็นแบบนาย ข. แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 16:44:59 แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 16:32:32 จากคุณ : Nellie - [ 31 พ.ค. 52 16:29:43 ]

ความคิดเห็นที่ 138 เคยโดนเหมือนกัน usa ครึ่งเดือนมีสัมมนาสองงาน เอาแคตตาลอกกลับมาประมาณสี่เล่มหนาเท่าหน้าเหลือง แต่คนละปก ไอ้ชุดขาวมันบอกว่าต้องเสียภาษีนำเข้าประมาณสามพัน ก็เลยโวย มันก็ตะคอกใส่ให้เข้าไปคุยข้างใน อธิบายยังไง มันก็ไม่ยอมแถมเอาพวกมารุม ก็เลยทิ้ง:-)ไว้ตรงนั้น อีเมล์ไปขอใหม่เอาก็ได้ ก็เลยเดินออกไปไม่เก็บเอกสารทิ้งให้พวกมันไปชั่งกิโลขายเลย ครั้งที่สองกลับจากญี่ปุ่นเช่าพระdaibutsu องค์เล็กๆไว้วางหน้ารถมาองค์หนึ่ง มันก็บอกว่าเป็นวัตถุโบราณต้องเสียภาษีประมาณพันหนึ่ง ก็เลยบอกว่ามันโบราณตรงไหน ซื้อมาจากหน้าวัดแค่พันเยน ถ้ายึดเนี่ยผมทุบทิ้งตรงนี้เลย มันก็เลยยอม ทีพวกขนจับไม่เจอ แถมยังช่วยอีก ส่วนคนปกติเอาโน่นเอาเนี่ย บาปนะครับ นรกมีจริง จากคุณ : สาระขัณฑ์ - [ 31 พ.ค. 52 19:26:05 A:125.24.202.138 X: TicketID:210301 ]

ความคิดเห็นที่ 139 กล้องตัวเดียว มือถืออัน2อัน ไม่เสียคับ มันอยู่ที่ของใหม่หรือของใช้แล้ว อยุ่ในกล้องพร้อมขายเลยรึเปล่า ของแบบนี้ดูออก นี่ล่ะคับ ดุลยพินิจ จากคุณ : badhotpixel - [ 31 พ.ค. 52 21:28:41 ]

ความคิดเห็นที่ 140 อย่าทะเลาะกัน ใจเย็นๆๆๆ จากคุณ : ikhong - [ 31 พ.ค. 52 22:46:13 ]

ความคิดเห็นที่ 141 เคยโดนตรวจกระเป๋าที่ Osaka ครับ เจ้าหน้าที่สุภาพมากๆ ไม่รื้อกระจุยกระจาย แถมเสร็จแล้วมีบอกว่า ขอให้ท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นให้สนุกนะครับ โหย ตะลึงเลย สุภาพมากๆ และที่เจอหนักที่สุดแบบต้นอย่างละเอียดเลยทุกซอกทุกมุมก็คือที่ Oakland ครับ เหอๆๆๆ แต่ก็ไม่มีไร ผ่านไปด้วยดี เพราะไม่มีอะไรที่เข้าข่ายไม่ถูกต้องอยู่แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการค้นนานมากๆ กับกระเป๋า 2 ใบ ไม่ใหญ่ไม่เล็ก พร้อมกับโดนสัมภาษณ์แบบละเอียด ว่าจะไปไหน ทำอะไร ที่ไหน เหอๆๆๆ บางทีเดินทางไปถึงเหนื่อยๆ ล้าๆ เจอแบบนี้ก็เครียดเหมือนกันนะครับนี่ ส่วนที่กรุงเทพฯ เคยโดนอยู่ 2 ครั้ง เขาก็แค่แง้มๆดูครับ ไม่ได้รื้ออะไรมากมาย (อาจจะแง้มแล้วได้กลิ่นผ้าเน่าเลยปล่อย) ที่โมโหที่สุดไนชีวิตคือตอนที่จะออกจาก Salvador ประเทศบราซิล ผมไปผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเของเขาในสนามบิน เพื่อนที่จะไปรอขึ้นเครื่อง บิน TAP-Portugal ครับ ก็หัวเสียมาตั้งแต่ที่เช็กอินแล้ว เจ้าหน้าที่ในสนามบินที่นั่นแทบจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ บอกทางไปเลาจ์นเราโดยพูดว่า Up แต่มือเธอชี้ให้ไปข้างล่าง งงกะเธอว่าเราต้องขึ้นไปอีกชั้น หรือลงไปถึงจะเจอเลาจ์น สุดท้ายก็ไม่ได้ไป เพราะหาทางไปไม่เจอ ไม่มีป้ายบอกทางเป็นภาษาอังกฤษ (เรื่องจริงครับ) และเดินไปถึงด่านตรวจหนังสือเดินทางขาออก เรื่องมันเลยเริ่มที่นี่ล่ะครับ เจ้าหน้าที่ผู้หญิงดูพาสปอร์ตเราแล้วพูดไรไม่รู้ แล้วชี้ๆ ให้เรารอข้างๆ แล้วก็ไม่คืนหนังสือเดินทางเราอีก สักพักมีเจ้าหน้าที่อีกคนมาบอกเป็นภาษาอังกฤษแบบพยายามฟังให้เข้าใจได้ว่า ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา No Problem, just wait โอเค ไม่มี ก็ไม่มี เขาก็ชี้ให้เราไปนั่งรอหลังที่เขาตรวจหนังสือเดือนทางกันนั่นล่ะ ซึ่้งมันก็ตรงกะประตูขึ้นเครื่องพอดีด้วย เราก็รอ รอ และ รอ หนังสือเดินทางก็ยังไม่ได้คืน คืองงครับ ไม่มีใครมาอธิบายกับเราเลยว่า ทำไม... อะไร .... ให้นั่งมองตาปริปๆ จนผู้โดนสารที่บินลำเดียวกับเรามารอกันหมด จนถึงเวลาขึ้นเครื่อง คนก็เริ่มทะยอยกันขึ้น สักพัก เห็นเจ้าหน้าที่เข็นกระเป๋าผมนี่ล่ะที่โหลดไปแล้วเดินเข็นสวนขึ้นมาตรงทางที่คนขึ้นเครื่องเลย โหยลงทุนไปคุ้ยกระเป๋าเรามาจากท้องเครื่องเลยหรือนี่ แล้วเขาก็เอาไปตั้งไว้ข้างๆเสาใกล้ๆกะจุดตรวจพาสปอร์ต เราก็เห็นกระเป๋าเรานะว่าถูกเข็นมา แต่ก็ไม่มีใครมาบอกเราอีกว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่อธิบายอะไรกะเราเลย ก็เลยเลือดขึ้นหน้าครับ ตะโกนมันตรงนั้นเลยกะเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่มาบอกกระเราเป็นภาษาอังกฤษว่า  No Problem ที่แอบมองเราอยู่ตลอดเวลาว่า What Happens! What are you doing with my baggage? Can anyone explain to me? ผู้หญิงคนนั้นก็เลยเดินมาหา แล้วก็ No Problem เหมือนเดิม ผมก็เดือดแล้ว เลาจ์นก็ไม่ได้ไป กว่าจะมาถึงสนามบินได้ก็เหงื่อตก แล้วมาเจองี้อีก จากคนใจเย็น 2 ชม. ที่ต้องรอโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย ก็ร้อนเลยครับ เริ่มโวย กรูจะกลับบ้าน.....จะทำไรกะกรู คนเริ่มมองกันล่ะครับทีนี้ ไอ้เอเชียนี่มันเป็นอะไร เจ้าหน้าทีคนนั้นพูดอะไรไม่รู้เป็นภาษาโปรตุเกสกะเรา แล้วกรูจะรู้เรื่องไหมเนี่ย สักพักมีผู้โดยสารที่เดินทางพร้อมกันมาช่วยแปลให้เรา บอกว่าเดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่มาขอตรวจค้นกระเป๋า -- โหยยยย ขนาดโหลดไปแล้ว นี่พอเห็นเราเป็นคนไทย เลยเแปลกมั๊ง ว่าไปอยู่ตรงนั้นของโลกได้ยังไง ไหนๆ มันก็หลงมาแล้ว ขอค้นมันหน่อยแล้วกัน ว่ามันขนไรไปมั่ง เหอๆๆๆ -- สรุป ผมโดนค้นกระเป๋าจากเจ้าหน้าที่ที่นั่น 2 คน รื้อกระจุย แต่แล้วไม่เจออะไร นอกจากเสื้อผ้าเน่าๆ ทั้งหมด ที่ไม่ได้ซักเลยตั้งแต่เดินทางมาถึงบราซิลวันแรก ก็อาทิตย์หนึ่งเต็มๆ คิดดูจะเหม็นแค่ไหน แถมมันดมด้วย เหมือนหมาเลย เหอๆๆๆ มีรูปที่ถ่ายมาด้วย ตอนที่นั่งรอโดนที่ไม่รู้อะไรเลย จนกระเป๋าถูกลากมา จากคุณ : der Zug - [ 1 มิ.ย. 52 01:17:04 ]

ความคิดเห็นที่ 142 ที่ Salvador จากคุณ : der Zug - [ 1 มิ.ย. 52 01:17:51 ]

ความคิดเห็นที่ 143 ขอบคุณ คุณจขกท. (ikhong) ที่เข้าใจสิ่งที่ดิฉันนำมาแลกเปลี่ยน มีคนยังไม่ทราบกฎหมายอีกมาก ตัวดิฉันเองก็ไม่ได้ทราบทุกอย่าง ดิฉันไม่ได้มาทะเลาะกับใคร ไม่ตั้งใจให้คุณสินธรโมโห เพียงเห็นว่า ข้อมูลที่คุณสินธรนำมาและบอกว่าเชื่อถือได้มันอยู่ระหว่างการปรับปรุงข้อมูลของทางกรมศุล เลยแนะนำให้ลองตรวจสอบดูก่อน อยากให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล เช่น เรื่องประกาศของทางราชการซึ่งไม่ได้อ้างเลขที่เอกสาร ดิฉันไม่ได้ต้องการไปค้นมาอ่าน เพียงอยากให้ผู้อ่านทราบว่าประกาศนั้นเชื่อถือได้หรือไม่ มันเคยเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ไม่มีอำนาจลงลายมือชื่อ ไม่รู้ว่าตนไม่มีอำนาจนั้น ได้ลงลายมือชื่อในเอกสารประเภทประกาศ ผู้ที่นำเอกสารมาให้ก็นึกว่าทำได้เหมือนกัน เพราะท่านมีตำแหน่งใหญ่ พอประกาศออกมา ทุกคนก็ปฏิบัติตามเป็นระยะเวลาหนึ่ง ต่อมาพบว่าประกาศนั้นเป็นโมฆะ การที่ปฏิบัติตามประกาศนั้นมาแล้วก็เป็นโมฆะไปด้วย เพราะเหตุว่ากฎหมายไม่ได้ให้อำนาจผู้ที่อยู่ในตำแหน่งนั้นลงลายมือชื่อ อันนี้ก็เป็นอุทธาหรณ์ให้ท่านผู้อ่าน บางสิ่งที่เราเห็นอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นจริง กฎหมายก็เป็นแนวปฏิบัติ แต่มันเปลี่ยนนิสัยคนไม่ได้ ถ้าเจ้าหน้าที่เรียกรับเงินมันก็ไม่ถูก แต่ถ้าเราแน่ใจว่าเราไม่ได้ทำผิดกฎหมายก็ไม่ต้องกลัว เจ้าหน้าที่ชุดขาวปฏิบัติไม่ถูก ลองไปบอกชุดน้ำเงินดู ต้องมีคนทำถูกอยู่บ้าง ดิฉันเชื่ออย่างนั้น ขอให้ทุกคนเดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะ จากคุณ : Nellie - [ 1 มิ.ย. 52 08:07:16 ]

ความคิดเห็นที่ 144 ทำโน่นนี่แล้วนึกขึ้นได้เลยเข้ามาอีกที ทราบหรือไม่ว่านอกจากกฎหมายศุลกากรแล้ว เจ้าหน้าที่กรมศุลยังถือกฎหมายแทนหน่วยงานอื่นอีกมากกว่า 20 หน่วยงาน เช่น กฎหมายลิขสิทธิ์  อย.  สรรพสามิต  การโทรคมนาคม ฯลฯ เพราะฉะนั้น ภาษีที่ต้องชำระขาเข้าไม่ใช่ภาษีนำเข้าอย่างเดียว ยังมีภาษีและเงื่อนไขตามกฎหมายอื่นๆด้วย ถ้าเจ้าหน้าที่กรมศุลไม่ถือกฎหมายแทนหน่วยงานอื่น นอกจากด่านตม. ด่านศุลกากรแล้ว เมื่อผู้โดยสารเดินทางเข้าประเทศ ก็จะพบกับด่านลิขสิทธิ์ ด่าน อย. ด่าน... อีกมากมาย จากคุณ : Nellie - [ 1 มิ.ย. 52 09:34:53 ]

ความคิดเห็นที่ 145 ^ ^ ^ ไม่ใช่ศุลกากรแน่หรือ? ^__^ มีคนเคยบอกไว้ว่า "กฎหมายไม่ใช่สามัญสำนึก" เรื่องที่คิดว่าควรจะเป็น กับข้อความที่เขียนไว้เป็นกฎหมาย อาจจะไม่เหมือนกัน เรื่องเจ้าหน้าที่ทุจริต ร้องเรียนเลยครับ เจ้าหน้าที่จะกลัวการร้องเรียนจากผู้โดยสารมาก จดชื่อ-นามสกุลเจ้าหน้าที่ เวลาที่เกิดเหตุ และบรรยายเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นลายลักษ์อักษร ที่สำคัญต้องลงชื่อ-นามสกุลของผู้ร้องเรียนด้วย ไม่งั้นจะเป็นได้แค่บัตรสนเท่ห์ ส่งไปที่ http://www.1111.go.th/ หรือ ศูนย์ศุลกากรใสสะอาด. กรมศุลกากร ถนนสุนทรโกษา. คลองเตย กรุงเทพฯ 10110. โทร. 0-2240-1818, 0-2667-7988. โทรสาร. 0-2667-7977 จากคุณ : Once in a while - [ 1 มิ.ย. 52 13:48:39 ]

ความคิดเห็นที่ 146 ^ ^ ^ ดิฉันไม่ใช่ศุลกากรแน่นอนค่ะ และเห็นด้วยกับคุณค่ะ จากคุณ : Nellie - [ 1 มิ.ย. 52 20:04:15 ]

ความคิดเห็นที่ 147 user error จากคุณ : Archaeoh - [ 23 มิ.ย. 52 11:51:41 ]

ความคิดเห็นที่ 148 มาอ่านค่ะ จากคุณ : CherryBlossom669 - [ 3 ก.ค. 52 18:21:35 ]

ความคิดเห็นที่ 149 สถาบัน ITI (Import-Export Training Institute) สมาคมชิปปิ้งแห่งประเทศไทย เปิดรับสมัครอบรมหลักสูตร “ตัวแทนออกของ” รุ่นที่ 63 อบรม 2 ต.ค. - 27 พ.ย.52 สมัครออนไลน์ : http://www.ctat.or.th/News_EditorPopup.aspx?NewsID=htNabK982fE1zkq5QnpW%2bQ%3d%3d&LanguageID=Nt5SU3fV7Uhe5l3yR8Wmuw%3d%3d จากคุณ : สมาคมชิปปิ้งแห่งประเทศไทย - [ 25 ก.ย. 52 14:15:56 A:58.8.196.243 X: TicketID:235018 ]

ความคิดเห็นที่ 150 ผู้ใดสนใจเป็นเจ้าของรถนำเข้า เช่น E coupe AUDI TT BMW z4 Porche Alpard MINI COOPER เเละอีกมากมาย ราคาถูกกว่าโชว์รูมทั่วไป สามารถรับรถได้ทันที หรือรอไม่นาน มีบริการหลังการขายเเบบเต็มรูปแบบ สนใจติดต่อมาได้เลยครับ รับรองให้บริการเต็มที่ บอย นักรบ 083 133 9390 จากคุณ : boy - [ 9 ก.ย. 53 14:03:10 A:58.9.18.48 X: TicketID:278904 ]