ความคิดเห็นที่ 1 วันพุธที่ 20 พฤษภาคม 2552 วันที่่ 2 ของการเดินทาง วันนี้เราตื่นตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง ด้วยบริการ Morning Call ของทางโรงแรม แพลนของผมวันนี้ จะไม่ยอมให้ผิดแผนแบบเมื่อวานอีกแล้ว ผมจะนั่งเครื่องบินจากย่างกุ้ง ไปพุกาม เที่ยว 6 โมงครึ่ง (ก็จะถึงพุกาม ประมาณ 7 โมง 50) ใช้เวลาบินเกือบ ๆ ชั่วโมงครึ่ง จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:06:47 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ส่วนเพื่อนที่ไปด้วยกันเมื่อวาน ก็จะแยกไปเที่ยวพระธาตุอินแขวน และหงสา แล้วเราจะกลับมาเจอกันอีกทีวันศุกร์ กล้อง 3 ตัดภาพมาที่อาหารเช้าของเราวันนี้ นี่เป็นภาพแรกที่เราเห็น เช้าวันนี้ มันคืออะไรเอ่ย? จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:08:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เนยกับแยม นั่นเอง ไว้กินกับขนมปังปิ้ง เป็นอาหารเช้า บริการจากทางโรงแรม รวมอยู่ใน 8 เหรียญ ค่าที่พัก (280 บาท ต่อคน ต่อคืน) จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:10:05 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อร่อยครับ เนยแปลกดี ผมกินขนมปังปิ้ง ทาทั้งเนยและแยม อร่อยมาก แล้วก็ตามติดด้วยน้ำส้ม รสออกขมนิด ๆ ติดปลายลิ้น แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 16:08:41 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:11:12 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตี 5 ที่นี่ ฟ้าสว่างแจ้งแจงแวงจริง ๆ คงเป็นเพราะพม่าเลือกที่จะใช้เขตเวลาช้ากว่าเราครึ่งชั่วโมง ตี 5 ฟ้าก็เลยสว่างอย่างกะจะ 6 โมงก็มิปาน ผมนั่ง taxi ไปสนามบินเชียงกง ชื่อฟังดูอย่างกะแหล่งขายเครื่องยนต์กลไกเก่าบ้านเรา สนามบิน domestic มันก็เก่ามาก ๆ สภาพเป็นแบบนี้ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:13:46 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ค่า taxi 7000 จั๊ต (245 บาท) จากที่พักกลางเมืองไปถึง สถานีรถบัส เพราะว่า เพื่อนผมต้องไปขึ้นรถบัสที่นั่น ส่วนผมลงสนามบิน เพราะจะถึงสนามบินก่อน เรา share เส้นทางกันได้ ค่า taxi ก็เลยหาร 2 นี่ครับ สภาพภายในสนามบิน หลังจากที่ผมได้บอร์ดดิ้งพาส มาแล้ว ได้นั่งหน้าสุด แถว C1 เหยียดขาได้ แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 16:11:45 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:15:43 ]

ความคิดเห็นที่ 7 นึกว่า บขส บ้านเรา! ระบบการคัดแยกผู้โดยสาร ก็ทันสมัย ใครขึ้นสายการบินไหน ก็จะมีสติกเกอร์ แปะตรงหน้าอก เป็นสัญลักษณ์ของสายการบินนั้น ๆ อย่างผม ย่างกุ้งแอร์เวย์ ก็จะมีสติกเกอร์แบบนี้ แปะตรงหน้าอก สายการบินอื่น ก็เป็นสติกเกอร์ของสายการบินอื่น ว่ากันไป จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:18:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อใกล้ถึงเวลา เค้าก็จะเรียกเรา หรือให้สังเกตสติกเกอร์แปะเสื้อ สีเดียวกับเรา เริ่มทะยอยกันเดิน นั่นแหละ เราก็เดินตามคนอื่นไปขึ้นเครื่องกัน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:19:55 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ก็ขึ้นรถบัส ออกไปกลางลานบิน เพื่อขึ้นเครื่องอีกที จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:20:43 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แบบนี้ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:21:11 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เครื่องบินใบพัด แบบนี้ เสียงดังมาก แล้วเวลาขึ้นลงนะใจจะขาด โอ๊ย สุด ๆ อ่ะครับ ท่านผู้ชม บรรยายไม่ถูกเลยครับพี่น้อง! จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:22:47 ]

ความคิดเห็นที่ 12 นึกว่าจะไปรบสงครามเวียดนาม เสียงเครื่องดังกระหึ่ม จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:23:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 บรรยากาศภายในเครื่อง จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:24:18 ]

ความคิดเห็นที่ 14 จากนั้น ก็มีของว่างให้รับประทานกันเล่น ๆ ฆ่าเวลา จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:25:06 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เช้านี้ เป็นขนมเค้ก กับ พาย ก็เพิ่งกินอาหารเช้ามาจากโรงแรม ก็กินอีก จะเป็นไร จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:26:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แล้วก็มี โค้ก ให้ด้วย 1 แก้ว กันฝืดคอ (โค้ก ขอเติมได้นะครับ เป็นโค้ก แบบรีฟิล) แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 18:46:24 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:27:02 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อาหารเช้า บริการท่านโดย Sky Bistro คือใครก็ไม่รู้ แต่เค้ก ก็อร่อยใช้ได้นะ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:28:25 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เพียงชั่วเคี้ยวหมากแหลก เราก็ถึง สนามบินที่ พุกาม ชื่อสนามบินอะไรก็ไม่รู้ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:29:15 ]

ความคิดเห็นที่ 19 นี่แหละครับ สภาพตึกผู้โดยสาร เป็นอาคารชั้นเดียว จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:30:02 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ก่อนเข้าสู่ พุกาม หรือ บากาน เราต้องจ่ายคนละ 10 เหรียญ (เฉพาะคนต่างชาติ) เสมอ! ก็ 350 บาท สำหรับเป็นค่าบำรุงรักษาโบราณสถาน ที่เก็บโดยกรมโบราณคดี หรือ Department of Archaeology ของพม่า ก็จ่ายไปเถอะ ไม่ต้องคิดมากอะไร ไหน ๆ ก็มาถึงพุกามแล้ว ตรงจุดนี้ จะมีไกด์ มาพาเราไปโน่น นี่ นั่น ไกด์ก็อีกประมาณ 10 เหรียญได้ (350 บาท) ส่วนใหญ่ไกด์จะเปิดเกมส์เสิร์ฟแรงที่ 20 เหรียญ บวกค่า taxi พาชมโบราณสถานตลอดวันอีก 35 เหรียญ (อีกประมาณ 1225 บาท) รวม ๆ แล้วตลอดทั้งวัน เกือบ 2 พัน เล่นเอาผมร้องจ๊าก ขอต่อค่าไกด์เหลือ 10 เหรียญพอ วันนี้ทั้งวัน 45 เหรียญ หรือ 1575 บาท ค่อยพอรับได้หน่อย แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 16:17:30 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:36:16 ]

ความคิดเห็นที่ 21 หลังจากตรงนี้แล้ว ผมว่า พิมพ์กระทู้นี้ เก็บไว้เลยนะ จะประหยัดค่าไกด์ไปได้อีก 10 เหรียญ อ้อ นี่ไม่รวมค่า taxi จากสนามบินไปที่พักนะ ที่พักผมขอแนะนำ โรงแรม New Park ครับ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:38:57 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ผมว่า ไกด์ นี่ถ้าเราไม่ต้องการ ก็คงได้มั๊ง เพราะถ้าเราสมัครใจอยากเที่ยวเองตามประสา ก็ถือ Lonely Planet เปิดอ่านตามไป แต่เราจะไม่รู้ว่า เราจะต้องไปวัดไหน เจดีย์ไหน ก่อนหลัง ถึงจะทำเวลาได้ แต่หลังจากนี้ กระทู้นี้จะบอกว่า เราควรจะไปเจดีย์ไหน วัดไหน ก่อนหลัง จะได้ 14 วัดในวันเดียว เจ๋งกว่า ตอนพาผู้ฟังรายการไปไหว้พระ 9 วัดสุพรรณ เมื่อเดือนที่แล้วเสียอีก นี่ครับ สภาพรอบ ๆ ที่พัก วันที่ผมไปนั่น เหมือนจะไม่มีใครพักที่โรงแรมนี้เลย เหมือนเป็นโรงแรมส่วนตัว พักคนเดียว สบ๊าย สบาย ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับใคร เค้าบอก low season แต่ห้องพักก็ใช้ได้นะครับ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:42:18 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สภาพภายในห้องพัก ผมพักเดี่ยว คนเดียว 8 เหรียญ ก็ 280 บาท ต่อคืน ต่อคน ถ้าพักคู่ น่าจะได้ถูกกว่านี้นะ 2 คน ไม่ได้ถาม แต่เค้าบอกเป็น rate พักคนเดียว 8 เหรียญ ไม่ต้องบอกก็น่าจะเดาออก ไกด์ก็ได้ส่วนแบ่งหัวคิว จาก 8 เหรียญนี่ไปอีกแน่ ๆ โรงแรมน่าจะรับแค่ 6 เหรียญมั๊ง จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:45:00 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่มีทีวี มีแอร์ แต่ไม่ค่อยเย็น แล้วก็มีพัดลมให้ด้วย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:45:59 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ห้องน้ำ ห้องท่า ก็สะอาดใช้ได้ทีเดียว จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:46:52 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มาถึง ก็อาบน้ำอาบท่า ให้เย็น ๆ ตัว ก่อนที่จะตะลุยอาณาจักรพุกามกันตลอดทั้งวัน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:47:37 ]

ความคิดเห็นที่ 27 นี่ครับ ฟักบัว ไฮโซ ขนาดไหน น้ำเย็นชื่นใจมาก จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:48:56 ]

ความคิดเห็นที่ 28 บางคนก็นอนเล่นก่อน เพราะมาถึงโรงแรมยังเช้ามาก ประมาณ 8 โมงเช้าเอง จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:49:27 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ชานพักหน้าห้องพัก มีเก้าอี้ให้นั่งเล่นขำขำได้ด้วย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:50:08 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อ้าว ลืมรูป จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:50:59 ]

ความคิดเห็นที่ 31 พร้อมจะตะลุย อาณาจักรพุกาม แล้วหรือยังครับ อาณาจักรที่เคยรุ่งเรืองเมื่อพันปีก่อน ในช่วงราวศตวรรษที่ 11 ถ้าพร้อมแล้ว เราเริ่มต้นกันเลยครับ จุดแรกที่ไกด์จะพาเราไป เดาออกไหมครับว่า เราต้อง "เปิดเกมส์เสิร์ฟแรง" ด้วยการพาไป ตลาด! ก่อนเสมอ! เพราะที่นี่ ไกด์จะได้ค่าหัวคิว ค่าน้ำร้อนน้ำชา นิดโหน่ย เป็นการเอาฤกษ์เอาชัยกัน! แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 18:50:39 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:53:38 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ให้กลับไปอ่าน ตอนที่ 1 ที่ผมเขียนไว้ จะร้องอ๋อ ว่าทำไม ทำไม ไกด์ต้องพามาตลาด เป็นที่แรก บอกตามตรง ผมไม่ค่อยอภิเชษฐ์รื่นรมย์ กับการเดินตลาด ทำเป็นเป็น พระยาน้อย เดินตลาดกันแต่เช้า ข้าวของอะไรผมก็ไม่ได้ต้องการสักหน่อย แถมคนก็กุลีกุจอ ตื้อให้ซื้อของ ราวกับจะแจกฟรี แล้วข้าวของบอกราคาถูก ๆ แต่เล่นเปิดเกมส์เสิร์ฟแรง เสียหน้าหงาย ต้องบอก โสร่งตัวที่ผมนุ่งอยู่ ซื้อมาเมื่อวาน ราคายังไม่ถึงครึ่งที่เค้าเปิดราคาบอกผ่านเสียหกคะมำหงาย แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 18:53:45 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:54:29 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ของที่เค้าพาเราไปเลือกซื้อ ก็มีตั้งแต่ของสด พวกผักสด ผลไม้สด ไปจนถึง ผักดอง ผลไม้ดอง จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:55:51 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขิงนี่ขาดไม่ได้เลยครับ อาหารพม่า จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:56:22 ]

ความคิดเห็นที่ 35 หน่อไม้ดอง จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:56:50 ]

ความคิดเห็นที่ 36 นี่เป็นมะม่วงดองครับพี่น้อง จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:57:33 ]

ความคิดเห็นที่ 37 กระเทียมก็มี จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:58:03 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ส่วนอันนี้เป็นชา จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 13:58:38 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อเห็นว่า ผักสด ผลไม้ดอง ไม่สามารถทำอะไรผมได้แล้ว ก็ไปกันต่อที่ข้าวของเครื่องใช้กันบ้าง เริ่มจาก แป้งทานาคา ที่สาว ๆ และเด็ก ๆ ทากันทั้งเมือง มีทั้งชนิดที่ซื้อไปฝนเอง จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 14:00:20 ]

ความคิดเห็นที่ 40 แบบนี้ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 14:00:53 ]

ความคิดเห็นที่ 41 แล้วผลลัพธ์ ก็เป็นแบบนี้ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 14:01:24 ]

ความคิดเห็นที่ 42 มีแบบสำเร็จรูปด้วยนะ พร้อมใช้ ทั้งแบบกลม จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 14:02:02 ]

ความคิดเห็นที่ 43 หรือแบบเหลี่ยม (สำหรับคนหน้าเหลี่ยม) ก็แบบกลมน่าจะสำหรับคนหน้ากลม จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 14:02:59 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ส่วนอันนี้เป็นมะกรูด ฝานกันไปเยอะแยะทำอะไรก็ไม่รู้ หรือจะเอาไปสระผม! จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 14:04:04 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เมื่อของสดก็แล้ว ของแห้งก็แล้ว ยังไม่สามารถทำให้ผมซื้ออะไรได้สักอย่าง ต่อไปก็ถึงพวกข้าวของเครื่องใช้ เค้าก็จะพาเราเดินจนขาเมื่อย ถ้ายังไม่ซื้อ ก็เดินมันอยู่ร่ำไป คงโดนเข้าสักชิ้น ซื้อเข้าสักอัน ไกด์ที่พาเราไป ก็จะได้ค่าหัวคิว จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 14:05:42 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เดินกันขาเมื่อยจริง ๆ เลยนะครับ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 14:06:46 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ตราบที่เรายังไม่ซื้อ เค้าก็ยังพาเราเดิน เดิน เดิน แล้วก็เดิน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 14:07:22 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เรียกว่าทำตัวเป็น "พระยาน้อย ชมตลาด" กันขาลาก จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 14:08:33 ]

ความคิดเห็นที่ 49 น้ำมันก็มีนะครับ น้ำมันถั่วลิสง น้ำมันถั่วเหลือง แล้วก็น้ำมันงา ที่เค้าใส่ลงในกับข้าว ชนิดที่ไม่ต้องเกรงใจใคร ใส่ลงไปกันอาหารบูดเสียเร็วกว่าปกติ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 14:09:37 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ก็ยังพาเราเดิน จนไปเจอป้า ป้าคนนี้คงเข้ามาขายทานาคา หรือไง จำไม่ได้ เราไม่ซื้อ เลยถ่ายรูปป้าแกไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 14:10:36 ]

ความคิดเห็นที่ 51 จนเวลาชักล่วงเลย เดี๋ยวจะไม่ได้วัดอะไรสักวัดอย่างเมื่อวาน เราก็เลยตัดบท บอกไปวัดกันเถอะ เอาเลยหรือยัง ก็ยังลีลา พาวนเข้าย่านเสื้อผ้า เป็นการทิ้งทวน สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร ช่วงที่รอไกด์ไปตาม taxi ที่จุดยืนรอ จะสังเกตุเห็นว่า เมืองนี้ยังใช้รถม้ากันอยู่เลย ผมเองนะอยากนั่งรถม้า แต่กลัวจะทำม้าพิการ ก็น้ำหนักตัวน่ะ ไม่ใช่น้อย ๆ เลยเรา จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 14:13:14 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ตามมาดูค่ะ จากคุณ : หน้ากลมผมม้า - [ 31 พ.ค. 52 14:28:06 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ก่อนที่เราจะเริ่มกันที่วัดแรก ขอเล่าให้ฟังก่อนว่า พุกาม หรือ บากาน หรือ ป่ะกั่น ถือได้ว่าเป็น "ดินแดนแห่งเจดีย์ 4 พันองค์" หรือ "เมืองแห่งทะเลเจดีย์" เราคงเคยได้ยินมาแบบนั้นบ้างแล้ว พุกาม ยังไม่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก (Unesco) ให้เป็นมรดกโลก ทั้ง ๆ ที่มีคุณสมบัติเต็มพร้อม ใครที่บอกว่า ได้รับการรับรองแล้ว มั่วนิ่ม! แต่ยังไม่ได้เป็นมรดกโลกก็ดี เพราะถ้าเป็นมรดกโลกแล้ว ก็คงจะเป็นเหมือนมรดกโลกอื่น ๆ ที่ดูสภาพสิครับ ผมไม่อยากพูดเลย ปัจจุบัน Unesco เอง ก็เข้ามาบูรณะภาพฝาผนังของเจดีย์บางเจดีย์แล้ว บางเจดีย์ Unesco เองก็เข้ามาสร้างหลังคา ทางเดิน อะไรบ้างแล้ว ตอนนี้เอง รัฐบาลทหารพม่าก็กำลังเร่งเสนอชื่อ และเตรียมความพร้อมให้พุกาม เป็นมรดกโลกทางศิลปวัฒนธรรมแห่งต่อไป เมื่อไหร่นั้นต้องดูกันต่อไป ถึงตอนนั้น ไม่อยากนึกเลย ผมถึงรีบไป ก่อนที่พุกาม จะกลายเป็นมรดกโลก แล้วมีเรื่องของเชิงการค้าเข้ามามากขึ้น พุกาม เคยเป็นราชธานีของอาณาจักรแห่งแรกของชาวพม่า ในศตวรรษที่ 11-14 มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลกโดยกษัตริย์อนุรุท มหาราช (เข้าใจว่า คือกษัตริย์นโนรทา น่าจะใช่ ออกเสียงคล้าย ๆ กัน) แห่งอาณาจักรพุกาม เราจะได้เห็นแหล่งโบราณสถาน และประวัติศาสตร์สำคัญของอาณาจักรพุกาม ในสมัยรุ่งเรือง พุกามเคยมีเจดีย์มากถึง 4,446 องค์ ปัจจุบันเหลือเพียง 2,217 องค์ หายไปกว่าครึ่ง ปี 1975 (ประมาณ พศ 2518) เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ตามสถานที่ต่าง ๆ ที่เราไป ต่างพูดถึงแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ครั้งนั้น กันตลอด ซึ่งทางกรมโบราณคดี หรือ Department of Archaeology ก็ได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ ก็เสร็จในอีก 6 ปีต่อมา ประมาณ ปี 1981 (ประมาณ พศ 2524) ก็ 10 เหรียญที่เราจ่ายไปนั่นแหละ เค้าก็เอาไปทำนุบำรุง ซ่อมแซมส่วนที่สีกหรอต่าง ๆ ว่ากันว่า มาถึงพุกามแล้ว ต้องมาโบราณสถานสำคัญ ๆ ที่เราจะเริ่มต้นไปชมกัน ต่อไปนี้ แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 16:25:02 แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 16:16:57 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 14:32:11 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ที่แรกที่เราไปเช้านี้ ก็เกือบ 11 โมงแล้ว เพราะมัวแต่เดินตลาด ตามที่ไกด์พาไปนั่นแหละ พระเจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon) ครับ ถือเป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิสูงสุด อีก 4 สิ่งศักดิ์สิทธิสูงสุดที่เหลือ มีดังนี้คือ หนึ่ง. เจดีย์ชเวดากอง ที่ย่างกุ้ง ที่เราพลาดจากวันแรก ไปอย่างน่าเสียดาย ได้ถ่ายแค่ด้านหลังลิบ ๆ ติดตามอ่านได้จากตอนที่ 1 นะครับ แต่ไม่เป็นไร เพราะตั้งใจ ไปภาค 2 เร็ว ๆ นี้ (ทำเป็นหนังไตรภาคกันเลย) สอง. เจดีย์ชเวมอดอว์ ที่เมืองหงสา หรือพะโค สาม. เจดีย์ชเวซานดอว์ ที่เมืองแปร และสี่. พระมหามัยมุนี ที่มัณฑะเลย์ (ซึ่งเราได้ไปดูพิธีล้างหน้า พระมหามัยมุนี ตอนตี 4 ด้วยในวันสุดท้าย) ติดตามกันต่อนะครับ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 14:46:41 ]

ความคิดเห็นที่ 55 พระเจดีย์ชเวสิกอง เป็นศิลปะของพม่า ที่โดดเด่น งดงาม โดยแท้ มีลักษณะเป็นเจดีย์สีทองอร่ามขนาดใหญ่ เชื่อกันว่า ภายในประดิษฐานพระทันตธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) และพระสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า โดยอัญเชิญมาจากลังกา บนหลังช้างเผือก เจดีย์นี้สร้างโดยพระเจ้าอโนรธามังช่อ ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรพุกาม ผู้ทรงเชื่อว่าตนเองเป็น "พระมหาจักรพรรดิราช" พระเจ้าอโนรธามังช่อ ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าช้างเผือกคุกเข่าลงที่ใด จะสร้างเจดีย์ไว้ที่นั่น ก็เลยเป็นที่มาของชื่อ ชเวสิกอง ที่แปลว่า เจดีย์ทองที่ตั้งอยู่ริมน้ำ (เท่าที่จำได้จากไกด์บอกอ่ะคับ) แต่พอเริ่มสร้างฐานไปได้แค่ 3 ชั้น พระเจ้าอโนรธาก็สิ้นพระชนม์ไปเสียก่อน ในปี 1077 พระเจ้าจันสิตา จึงสร้างต่อไปจนเสร็จสมบูรณ์ในปี 1089 อีก 12 ต่อมา อายุอานาม ก็ร่วม ๆ พันปีได้ แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 16:15:14 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 15:01:04 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เจดีย์ชเวสิกอง เหมือนกับจะแปลว่า เจดีย์สีทอง ที่ตั้้งอยู่บนพื้นทราย sand bank หรือไงนี่แหละ เท่าที่จำได้ลาง ๆ จากไกด์ เพราะวันนี้ข้อมูลวัด 14 วัด พรั่งพรูหลั่งไหลดุจสายน้ำ (ล้างสมองกันสะอาดไป) โดยธรรมเนียมการสร้างเจดีย์ เจดีย์องค์ใหญ่สุดเจดีย์องค์ใหญ่สุด จะเป็นเจดีย์ที่กษัตริย์ทรงสร้าง องค์ที่มีขนาดเล็กถัดมา เป็นการสร้างโดยเหล่าขุนนาง อำมาตย์ ลดหลั่นลงมาตามบรรดาศักดิ์ แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 16:28:54 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 15:20:01 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เจดีย์ชเวสิกอง เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ พื้นผิวภายนอก ปิดด้วยทองคำเปลว สูงประมาณ 53 เมตร หรือ 160 ฟุต มีลวดลายปูนปั้น 3 แถว และมีเจดีย์เล็ก ๆ เป็นบริวารอยู่รายรอบ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 15:22:23 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ความอัศจรรย์ 9 ประการของพระมหาธาตุชเวสิกอง หนึ่ง. ยอดพระเจดีย์ไม่มีการใช้เหล็กเสริม จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 15:26:06 ]

ความคิดเห็นที่ 59 สอง. กระดาษห่อแผ่นทองคำเปลวที่นำไปปิดส่วนยอดพระเจดีย์ จะไม่ปลิวพ้นฐานสี่เหลี่ยมของพระเจดีย์ ถ้าจะปลิวพ้นฐานจริง คงเหนื่อยน่าดู ก็ดูขนาดองค์ฐานของพระเจดีย์สิครับพี่น้อง แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 16:32:23 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 15:31:18 ]

ความคิดเห็นที่ 60 สาม. เงาของพระเจดีย์ จะไม่ล้ำออกนอกฐานสี่เหลี่ยมของพระเจดีย์ ว่ากันว่า ถ้าล้ำออกไป ถือว่าเป็นลางร้าย และที่ผ่านมานับพันปี ก็ยังไม่เคยล้ำออกไปแม้แต่ครั้งเดียว ลืมถามไปว่า คราวที่แผ่นดินไหวใหญ่ ปี 2518 นั้น เงาล้ำออกไปหรือป่าว ยอดเจดีย์ถึงได้หักโค่นลงมา และที่เห็นอยู่นั้น เป็นยอดเจดีย์ จากการบูรณะใหม่ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 15:34:19 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ไปเร็ว ๆ เลยดีกว่า สี่. ภายในเขตองค์พระเจดีย์ สามารถรองรับผู้แสวงบุญได้ไม่จำกัดจำนวน พูดง่าย ๆ คือ จุคนได้ไม่เคยเต็ม ถ้าหากท่านใดสนใจ ว่ากันว่า ช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน ต่อเดือนธันวาคม ของทุกปี จะมีงานบุญฉลองพระเจดีย์ขึ้นทุกปี ท่านใดที่สนใจ ลองไปดูกันว่า จุคนไม่เคยเต็มจริงหรือไม่ ห้า. มีการให้ทาน ด้วยข้าวสุกร้อน ๆ ทุกเช้า ไม่ว่าเราจะตื่นเช้าสักเพียงใด จะพบข้าวสุกร้อน ๆ อยู่ในบาตรก่อนหน้าเราเสมอ หก. เมื่อตีกลองจากด้านหนึ่งของพระเจดีย์ จะไม่สามารถได้ยินเสียงกลองจากด้านตรงข้าม ปัจจุบัน ไม่มีกลองแล้ว แหม ผมว่าจะไปลองยืนให้ไกด์ ตีจากอีกฝั่งหนึ่งให้ฟังดูสักหน่อย เจ็ด. แม้พระเจดีย์ จะตั้งอยู่บนพื้นราบ แต่เมื่อมองจากภายนอก จะเกิดภาพลวงตา คล้ายพระเจดีย์ ตั้งอยู่บนที่สูง แปด ไม่ว่าฝนจะตกหนักเพียงใด จะไม่มีน้ำขังอยู่ในอาณาเขตขององค์พระเจดีย์ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 15:42:58 ]

ความคิดเห็นที่ 62 และ เก้า. ครับ นี่คือ ต้นพิกุล หรือ Khaye คะเย หรือ Chayar ที่ออกดอกตลอดทั้งปี ซึ่งปกติ จะออกดอก ปีละครั้ง ช่วงที่ไป ก็เห็นดอกพิกุล ดอกเล็ก ๆ เต็มต้นเลย แต่เสียดาย ที่เลนส์ซูม มีปัญหาเล็กน้อย กว่าจะใช้ได้อีกที ก็ตอนเย็น ๆ แล้ว จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 15:45:23 ]

ความคิดเห็นที่ 63 นอกจากนี้ รอบ ๆ วัดก็ยังจะพบเหยือกใส่น้ำ ไว้ให้ผู้ที่สัญจรไปมา ได้ดื่มกินกันอีกด้วย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 15:47:34 ]

ความคิดเห็นที่ 64 แบบนี้ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 15:48:16 ]

ความคิดเห็นที่ 65 นี่คือ เทพธันเดอร์ ที่ทำจากไม้ อยู่ภายในวัดแห่งนี้ด้วย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 15:49:55 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เทพแห่งสายฟ้า องค์ดั่งเดิม อยู่ในวัดแห่งนี้ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 15:50:37 ]

ความคิดเห็นที่ 67 และอย่างที่ได้เคยบอกไปเรื่องของนัตส์ ที่วัดแห่งนี้ ก็มี นัตส์ ครบหมด ทั้ง 37 นัตส์ เลยครับ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 15:52:33 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เพิ่มเติมอีกนิดนึง ที่บริเวณพระเจดีย์ ไกด์พยายามให้เรามองดูยอดเจดีย์ อย่างที่บอกว่า เลนส์อีกตัวที่เอาไป พอจะซูมได้มากกว่านี้ ดันมีปัญหา ก็เลยทำได้ดีที่สุดเท่านี้ ถ้าท่านใดมีโอกาสไป ลองสังเกตุจุดที่ผมทำเครื่องหมาย 4 เหลี่ยมไว้ให้ดี ๆ มันอาจจะเล็กสักหน่อย แต่จุดดำ ๆ เล็ก ๆ ตรงกลางนั่น เป็นพระพุทธรูปครับ ช่างคงเอาขึ้นไปประดิษฐานไว้บนนั้น จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 15:56:54 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ต้องใช้ความพยายามกันหน่อย ถึงจะเห็น ต่อมา เป็นอันนี้ครับ คุณผู้ชม ทราบไหมครับ ว่านี่คืออะไร จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 15:58:30 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เข้าไปดูใกล้ ๆ อีกหน่อย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 15:59:19 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เห็นสีทอง ๆ เหลือง ๆ เงาสะท้อนไหมละครับ จุดตรงนี้ เป็นที่ทอดพระเนตรยอดของพระเจดีย์ ของกษัตริย์สมัยก่อนครับ กษัตริย์จะทอดพระเนตรยอดของพระเจดีย์ ผ่านเงาสะท้อนของน้ำตรงจุดนี้ ซึ่งจะมองเห็นยอดเจดีย์พอดี คงไม่เหมาะที่จะให้กษัตริย์ราชวงศ์ ไปเงยพระพักตร์ดูยอดพระเจดีย์ ไกด์บอกว่า พระมงกุฎของกษัตริย์ อาจร่วงหล่นได้ ก็ให้ทรงทอดพระเนตรจากตรงนี้แหละ ชัดเจนดี ไม่แสบตาด้วย ก็เป็นภูมิปัญญาอันชาญฉลาดของผู้คนในช่วงพันปีก่อนนั่นเอง จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 16:02:29 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ภายในวัดก็ยังมีอะไรที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า รวมถึงยาย น่ารัก ๆ คนนี้ สูบบุหรี่ ปุ๋ย ๆ เลย ต้อง โมเสก คาดบุหรี่ที่ยายสูบหรือป่าวก็ไม่รู้ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 16:04:48 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ปิดท้ายกันที่ แม่พระธรณี บีบมวยผม ที่อยู่ในพุทธประวัติ ก็สามารถพบเห็นได้ ภายในวัดนี้ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 16:39:32 ]

ความคิดเห็นที่ 74 คงจะอยู่ในช่วงที่บอกว่า มารไม่มี บารมีไม่เกิด อ่ะแหละครับ 2 ภาพนี้ ถ่ายผ่านลูกกรงเข้าไป ภาพเบลอนิดนึง จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 16:40:44 ]

ความคิดเห็นที่ 75 วัดที่ 2 แล้วครับพี่น้อง วัดกุบยางจี (Gu Byauk Gyi Temple) คือวัดกุบยางจี ที่นี่ มี 2 วัดด้วยกัน วัดที่เราจะไปนี่ เป็น กุบยางจี ที่หมู่บ้าน เว็ทจีอิน (Wet Gyi Inn Villege) ส่วนกุบยางจีอีกที่นึง เดี๋ยวจะไปช่วงบ่าย คำว่า กุบยางจี แปลว่า Great Painting หรือ วัดที่มีจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามมาก เพราะฉะนั้น วัดใดที่มี Great Painting ก็จะถูกขนานนามว่าเป็น วัดกุบยางจี ทันที คือต่างคนก็ต่าง claim ว่า วัดของตนเป็นวัดกุบยางจี ซึ่งคงมารู้ตอนหลังว่า ชื่อเหมือนกัน ปะกันแห๋ม! แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 16:47:05 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 16:46:34 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เสียดายที่เค้าไม่ให้ถ่ายภายจิตรกรรมฝาผนังที่แสนจะงดงามออกมาได้ แต่ภาพมันติดตา ตรึงใจเป็นอย่างมาก พูดถึงทุกครั้ง ยังจำได้ถึงความงดงาม ราวกับต้องมนต์ แต่เสียดายที่มีชาวเยอรมันชื่อ โธมัส ชื่อนี้ ชาวพม่า มีลูกสอนลูก มีหลานสอนหลาน บอกลูกบอกหลานว่า โธมัส ชาวเยอรมันคนนี้ มาเฉือนเอาจิตรกรรมฝาผนังในวัดแห่งนี้ออกเป็นชิ้น ๆ เตรียมงัดออกไปขายแล้ว บางส่วนที่ถูกงัดออกไปขาย ก็เสียหายกันไป ส่วนที่เหลืออยู่บางส่วน ก็เฉือนเป็นชิ้น ๆ สี่เหลี่ยมเรียบร้อยแล้ว เสียดายความงดงามทางประวัติศาสตร์มาก ๆ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 16:50:47 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ฟังชื่อนายโธมัสคนนี้แล้ว น้ำเสียงไกด์เจ็บแค้นน่าดู เราเองยังรู้สึกเสียดายเลย ที่เพดานของวัดแห่งนี้ มีรอยพระพุทธบาทด้วย แต่เพดานอยู่สูง เลยยังไม่โดนงัดออกไป แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 16:58:27 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 16:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ดูความงดงาม ของลายปูนปั้นสิครับ งดงามขนาดไหน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 16:53:13 ]

ความคิดเห็นที่ 79 สลักเสลา เป็นลวดลายของยักษ์ คนพม่า ก็มี รามเกียรติ์ ด้วยนะครับ เค้าเรียก ยามะ ลักขณะ มาร้องอ๋อ เอาตอนหลัง เค้าบอก 2 พี่น้อง ยามะ ลักขณะ ก็คือ 2 พี่น้อง พระราม พระลักษณ์ นึกตั้งนาน! แล้ว ทศกัณฑ์ เค้าก็เรีียก ทัดตะคีรี หรือ ทศคีรี ทำไมก็ไม่รู้ ทศ คือ 10 หรือ ทัดตะ ส่วน คีรี คือภูเขา เกี่ยวอะไรกับทศกัณฑ์ ไม่รู้เหมือนกัน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 16:56:46 ]

ความคิดเห็นที่ 80 สวยงามมาก ก็ถ่ายได้ เท่าที่เค้าอนุญาต ในเมื่อไม่ให้ถ่ายจากด้านในแล้วละก็ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 16:57:58 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ผมลืมเล่าเรื่องที่ สิงโต ต้องมีศีรษะเดียว แต่มี 2 ตัวไป เพราะเราเห็นแบบนี้ ที่ ชเวสิกอง ด้วย เค้าบอกไม่มีอะไร เนื่องจาก ตัวต้องอยู่ทั้ง 2 ฝั่งของเสา ส่วนหัวอยู่ตรงกลาง ก็เลยทำให้มี 2 ตัว 1 หัว ไปงั้นเองแหละ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เหมือนกับ ช้าง 3 เศียร อะไรแบบนี้ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 17:00:41 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ก่อนจากวัดนี้ ก็แอบถ่ายพระพุทธรูปในวัดลอดผ่านลูกกรง มาให้ดูกัน แล้วเดี๋ยวตอนบ่าย ลองเปรียบเทียบกับอีกวัดหนึ่งดูนะครับ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 17:02:09 ]

ความคิดเห็นที่ 83 วัดกุบยางจี วัดแรก ก็ผ่านไป ตกลง เกือบหมดช่วงเช้า เพิ่งได้ 2 วัดเอง จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 17:03:18 ]

ความคิดเห็นที่ 84 วัดที่ 3 ต่อมากันเลยดีกว่า วัดติโลมินโล ว่ากันว่า คำนี้น่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า "ติโลกมงคล" จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 17:08:13 ]

ความคิดเห็นที่ 85 วัดติโลมินโล Htilominlo Temple สร้างโดยพระเจ้าติโลมินโล เมื่อปี พศ 1761 หรือเกือบ 800 ปีมาแล้ว จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 17:25:58 ]

ความคิดเห็นที่ 86 จะสังเกตุเห็นว่า ช่วง Low Season ร้านค้าต่าง ๆ หน้าวัด ก็ไม่เปิดทำการ เป็นช่วง High หน่อยไม่ได้ แต่เที่ยวช่วง Low Season ก็ดีนะครัับ ให้ความรู้สึกเหมือน วัดเปิดเพื่อเราเป็นการเฉพาะเลย ไม่ต้องไม่แย่งอะไรกะใครทั้งสิ้น จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 17:28:56 ]

ความคิดเห็นที่ 87 บรรยากาศรอบ ๆ วัด โล่งมาก ๆ ปราศจากผู้คน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 17:30:57 ]

ความคิดเห็นที่ 88 นี่ครับ สภาพ taxi ที่ว่า วันละ 35 เหรียญ หรือ 1225 บาท ขาดตัว ความโดดเด่นของวัดนี้ ได้รับการยกย่องว่ามีความสวยงามมากทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะลายปูนปั้นบริเวณฐานด้านนอก จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 17:33:35 ]

ความคิดเห็นที่ 89 เข้าไปดูด้านในกัน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 17:34:35 ]

ความคิดเห็นที่ 90 งดงามไหมล่ะครับพี่น้อง จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 17:35:24 ]

ความคิดเห็นที่ 91 แม้จะผ่านกาลเวลาไปเกือบ 800 ปี เกือบศตวรรษแล้ว แต่ยังคงความงดงาม คงคุณค่าชนิดที่เหนือคำบรรยาย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 17:36:59 ]

ความคิดเห็นที่ 92 โปรดสังเกตุ ลวดลายบนผนังนะครับ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 17:37:54 ]

ความคิดเห็นที่ 93 วัดสมัยก่อน จะวางพระพุทธรูปไว้ทั้ง 4 ด้าน เรียกว่า จัตรมุข หันออกทั้ง 4 ทิศกันเลย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 17:47:09 ]

ความคิดเห็นที่ 94 จบจากวัดนี้ เราก็ได้เวลาอาหารกลางวัน เรียกว่า ช่วงเช้า ทำเวลาได้ไม่ค่อยดี เพิ่งจะผ่านพ้นไปแค่ 3 วัดเอง เดี๋ยวช่วงบ่าย หลังอาหารกลางวัน ลุยต่ออีก 11 วัดครับพี่น้อง จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 17:48:56 ]

ความคิดเห็นที่ 95 อาหารกลางวันของเราวันนี้ในพุกาม รับประทานอาหารกันที่ร้าน Golden Myanmar สาขา 2 อยู่ใกล้ ๆ วัดอนันดา (ซึ่งช่วงบ่าย เราก็จะเริ่มกันที่วัดอนันดากันเลย) เหมือนเช่นเคย ค่าอาหาร 3000 จั๊ต หรือ 105 บาท กับข้าวหลัก ๆ 3 อย่าง ข้าว 1 โถ เติมได้ไม่อั้น + น้ำซุป อีก 1 อย่าง เติมไม่อั้นเช่นกัน แต่เนื่องจาก วันนี้ เราเลี้ยงไกด์ของเราด้วย แทนที่ 2 คนจะคิด 6000 จั๊ต (210 บาท) ทางร้านใจดี คิดเราแค่ 2 คน 5000 จั๊ต เท่ากับ 175 บาท (คิดว่า ส่วนทีลดให้ 1000 จั๊ด หรือ 35 บาท คงเป็นค่าหัวคิวของไกด์น่ะแหละ) รวมค่าน้ำดื่มแล้ว ค่าเสียหายมื้อนี้ 5300 จั๊ต หรือประมาณ 186 บาท (อย่าบอกนะ ว่า 5300 จั๊ต นี่ ทางร้านหักค่าหัวคิวให้ไกด์ไปอีกนะ เพราะเมืองนี้ เป็นเมืองหัวคิวครับ) นี่ครับ เราเริ่มจากซุปก่อนเลยก็แล้ว ซุปวันนี้เป็นซุปถั่วเหลือง อร่อย แต่ผมว่า อาหารพม่า หนักเค็มไปนิดนึง จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 17:55:46 ]

ความคิดเห็นที่ 96 อาหารพม่า ไม่ได้รสกลมกล่อมเหมือนอาหารไทยบ้านเรา ถ้าเค็ม ก็หนักเค็มไปทางเดียวเลย อาหารหลัก ๆ 3 อย่าง ก็มีหมูครับ หมูพะโล้ อันนี้เป็นไฟล์ทบังคับ กินกันทุกมื้อ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 17:57:50 ]

ความคิดเห็นที่ 97 มีหมู 1 อย่างแล้ว ก็ต้องมีไก่ด้วย อีก 1 อย่าง แล้วอาหารพม่าของแท้ ต้องเติมน้ำมันลงไป ไม่อั้นด้วย น้ำมันที่ว่า ก็แล้วแต่ ว่าจะเป็นน้ำมันถั่วลิสง หรือน้ำมันถั่วเหลือง หรือจะเป็นน้ำมันงา จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 17:59:14 ]

ความคิดเห็นที่ 98 มีไก่แล้ว มื้อนี้พิเศษ มีเนื้อ mutton หรือเนื้อแกะ ด้วย เป็นครั้งแรกในชีวิต และคงเป็นครั้งเดียวกระมัง เนื้อแกะ กลิ่นสาบ ใช้ได้เลย ก็ต้องเอาเครื่องเทศกลบกันสุดริด แต่กลิ่นสาบก็ยังมิวาย ฉุนกึก ขึ้นสมอง ขนาดตัดชิมชิ้นเล็ก ๆ แล้วนะ (รู้สึกจะเป็นชามนี้ สีสัน หน้าตา น่ารับประทานไหมครับ แปร๊ะ... แปร๊ะ...) จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 18:02:02 ]

ความคิดเห็นที่ 99 เนื้อแกะนี่ ตุ๋นมาใช้ได้เลย นอกนั้นก็มีไก่ทอด กับปลาทอด จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 18:03:04 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ที่เหลือ ก็เป็น side dish อีก 6-7 อย่าง ก็พวกน้ำพริกทั้งหลายทั้งมวลนั่นแหละ จานแนะนำ คือ จานนี้ครับ น้ำพริกใบมะขาม อร่อยมาก ๆ จนต้องขอเบิ้ล เพราะมันอร่อยจริง ของเค้าดีจริงครับ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 18:04:25 ]

ความคิดเห็นที่ 101 นอกนั้นก็มีน้ำพริกอันนี้ คล้าย ๆ น้ำพริกอ่องบ้านเรา แต่ไม่ใส่หมู จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 18:05:18 ]

ความคิดเห็นที่ 102 แล้วก็มีอันนี้ครับ แอบมีกิมจิพม่ากับเค้าด้วย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 18:06:07 ]

ความคิดเห็นที่ 103 อ้อ แล้วก็มะม่วงดองที่เราเห็นในตลาดตอนเช้า ก็มีในเมนูอาหารกลางวันของเราด้วยครับ จานนี้ เปรี้ยวเค็ม สมใจจริง ๆ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 18:07:13 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ยังไม่หมดแค่นี้ ยังมี เต้าหู้ครับ เต้าหู้อันนี้ อร่อยดีครับ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 18:08:25 ]

ความคิดเห็นที่ 105 นอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีพริกแห้งโขลกถ้วยนี้ เพิ่มความแซ่บ คูณ 2 แซ่บ 2 เด้ง จ่ายรอบวง จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 18:09:55 ]

ความคิดเห็นที่ 106 แล้วก็ปิดท้าย side dish ที่เป็นน้ำพริก ด้วยน้ำพริกถ้วยนี้ คุ้นหน้าคุ้นตากันดี เค้าเรีกยน้ำพริกเผา หรือป่าว ไม่แน่ใจ แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 52 19:11:47 จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 18:11:06 ]

ความคิดเห็นที่ 107 บรรดาน้ำพริกทั้งหลายทั้งมวลนี่ ต้องผักสดถาดใหญ่ ถาดนี้ กินกันเพลิน ๆ ผมว่า ถ้ามีเวลามากกว่านี้สักหน่อย คงจะค่อย ๆ ละเลียด ละเมียดละไมกับรสชาดของอาหาร ได้ดีกว่านี้ (ตอนไปมัณฑะเลย์ พรุ่งนี้ มีอยู่ร้านนึง ประทับใจสุด ๆ เลยครับ ร้านนั้นมีน้ำพริกปลาร้า สุดอร่อยมาก ติดตามอ่านต่อนะครับ) จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 18:13:16 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ผมว่า ต้องหาโอกาส ทำทริปกินอย่างเดียว เที่ยวไม่เกี่ยวสักทริป แล้วชิมอาหารต่าง ๆ มาเขียน review คงไม่เลว! แป๊บเดียว ข้าวหมดโถ ไม่รู้ตัว อิ่มจนเกือบล้นมาถึงคอหอย ของหวานมื้อนี้เป็นกล้วยครับ แอบมีเม็ดด้วยนะ แต่ไม่เยอะ เม็ด 2 เม็ดนี่แหละ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 18:15:28 ]

ความคิดเห็นที่ 109 แล้วก็ต้องตบท้ายด้วยขนมหวาน ที่บอกว่าไม่หวานคงไม่ได้ เพราะขนมหวานของเราเป็นน้ำตาลปี๊บ ซึ่งมี 2 ชนิด ชนิดนึงทำจากตาลแท้ ๆ อีกชนิดหนึ่ง ผมไม่แน่ใจ ทำจากอะไร เห็นว่าผสมสมุนไพรอะไรบางอย่างลงไปด้วย จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 18:17:49 ]

ความคิดเห็นที่ 110 สังเกตุดูดี ๆ จะเห็นว่าน้ำตาลมี 2 สีไม่เหมือนกัน แล้วพอถาดนี้ ออกมาเสิร์ฟ ก็เป็นอันรู้กันว่า เวลาอาหารกลางวัน ใกล้หมดแล้ว จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 18:19:13 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ในถาดประกอบไปด้วยถั่วงาชนิดต่าง ๆ และชาเขียวผัดขิง รสเค็ม ๆ เผ็ด ๆ จากขิง หอม ๆ ประแหล่มประแหล่ม บอกไม่ถูกเหมือนกัน จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 18:20:32 ]

ความคิดเห็นที่ 112 กินหมดมื้อนี้ กลิ่นเหงื่อของเราก็แทบจะกลายเป็นกลิ่นเหงื่อแบบคนพม่า จั๊กแร้ ก็ได้กลิ่นเครื่องเทศ แร๊งสส์ สมใจกันไป เวลาร้อน ๆ เหงื่อออก ชู้จั๊กแร้ละก็ อื้อฮือ ไม่แตกต่างเลย คนไทย คนพม่า ถ้าได้เครื่องเทศประมาณนี้ เข้าไปตั้งแต่เมื่อวาน จนถึงวันนี้นะ รับรอง! จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 31 พ.ค. 52 18:22:46 ]

ความคิดเห็นที่ 113 น้ำพริกที่เหมือนน้ำพริกนรกอ่ะค่ะ เรียกว่าอะไรน๊า จำไม่ได้ แต่ตอนเรากินอ่ะ หึหึ มันถ่ายท้องนะคะ ไม่ใช่ว่าท้องเสีย แต่แบบว่าพอนั่งปุ๊บก็จะออกมาเลย เพื่อนเราก็เป็น อีกสองคนไม่กิน ก็เลยไม่เป็นไร แต่มันอร่อยจริงๆนะเออ จากคุณ : padme' amidala - [ 31 พ.ค. 52 19:15:34 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ตามมาเที่ยวต่อค่ะ จากคุณ : สาวหน้าใส - [ 31 พ.ค. 52 22:54:42 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ช่วงบ่ายอีกตั้ง 11 วัด +1 เอาไว้เสาร์-อาทิตย์หน้า ค่อยมาเขียน review ต่อก็แล้วกันนะครับ bookmark ไว้ก่อนก็แล้วกัน เรื่องยาวเลยครับ จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 1 มิ.ย. 52 07:47:37 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ตามต่อครับ จากคุณ : ห้าสิบป่าย - [ 1 มิ.ย. 52 13:57:05 ]

ความคิดเห็นที่ 117 คราวหน้า แตกทู้ใหม่เลยนะคะ ทู้นี้รูปเยอะแอบอืดล่ะ ชอบแป้งพม่าจังเลย ^^ จากคุณ : นังนู๋วา - [ 1 มิ.ย. 52 23:19:17 ]

ความคิดเห็นที่ 118 กระทู้ดีมีคุณภาพ  ยั่วให้อยากไปพม่าอีกแล้วววว ว่าแต่ทำไงดีอยากไป ไร้ความรู้ อิอิอิ จากคุณ : โอ๊ต-ครับ-ผม - [ 1 มิ.ย. 52 23:23:26 ]

ความคิดเห็นที่ 120 เริ่มเขียนตอนที่ 3 แล้วครับ ตามไปอ่านต่อกันได้ที่... http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E7972028/E7972028.html จากคุณ : เกษม พุฒเรืองศรี - [ 14 มิ.ย. 52 13:52:15 ]