Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ศุลฯไทยไขปัญหา "ผู้โดยสารมั่งดิ(1)"

    อย่างที่ทราบๆกันนะครับ ว่างานของเจ้าหน้าที่เรานั้นวันๆไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันเท่าไหร่ ที่ได้เจอหน้ามองเห็นพูดคุยกันบ่อยๆก็จะหนีไม่พ้นผู้โดยสารครับ

    เนื่องจากสนามบินเราใหญ่โตและเป็นสากล ทำให้มีผู้โดยสารมากมายหลายชาติหลายภาษามาใช้บริการกัน เจ้าหน้าที่เราก็จะต้องเจอกับพฤติกรรมหรือนิสัยแปลกๆของผู้โดยสารกันอยู่เนืองๆครับผม

    ความแปลกอีกประการหนึ่งของสนามบินเราก็คือ ในโถงบริเวณที่รับกระเป๋าหลังจากผ่าน ตม.มาแล้วนั้น ไม่มีจุดบริการข้อมูลใดๆให้กับผู้โดยสารเลย พบได้แต่ป้ายโฆษณาขนาดยักษ์และหน้าแห้งๆ(อดนอน)ของเจ้าหน้าที่เรา พวกเราก็เลยพ่วงเอาตำแหน่งประชาสัมพันธ์เข้าไปอีกหนึ่งตำแหน่ง

    คำถามยอดฮิตก็หนีไม่พ้นเรื่องการไปต่อเครื่องจะต้องไปที่ไหน? จะไปถนนข้าวสารยังไงดี? ทำไมราคาลีมูซีนถึงแพง? เรื่อยไปจนถึงการมาขอน้ำดื่ม

    เรื่องน้ำดื่มนี่ผมเจอมาแล้วกับตัวเอง คือมีอาซิ่มท่านนึงมาจากเมืองจีนเดินเข้ามาหาพร้อมกับส่งภาษามือได้ความว่าหิวน้ำ ผมก็เลยแบ่งน้ำที่เจ้าหน้าที่เราดื่มกันนี่แหละให้ไปหนึ่งขวด อธิบายก่อนว่าเจ้าหน้าที่เราจะซื้อน้ำเป็นแพคแล้วแบ่งๆกันดื่ม ก็เฉลี่ยคนละขวดแหละครับ แต่ก็จะมีสำรองนิดหน่อยครับ พออาซิ่มแกได้น้ำไปหนึ่งขวดก็เดินหายไปพักนึง หลังจากนั้นมากันเพียบครับเพราะว่าแกไปบอกคณะที่มาด้วยกันว่าให้มาขอน้ำได้ฟรีตรงเคาน์เตอร์ที่ผมนั่งอยู่

    ซวยสิครับ เพราะว่าน้ำเหลืออีกสองขวดแต่ว่าคณะแกมีเป็นสิบคน ก็เลยต้องส่งภาษามือให้เดินไปดื่มกันที่ตู้น้ำดื่มตรงหน้าห้องน้ำแทน

    ไฟลท์แรกที่เครื่องลงตอนเช้าสุดนี่น่าจะเป็นไฟลท์ที่มาจากเคียฟ ซึ่งบรรดาผู้โดยสารแต่ละรายจะกรึ่มๆวอดก้ากันมาแล้วทั้งสิ้น ตรวจไปก็จะเฮฮากันเป็นพิเศษ เดาได้ว่าวอดก้าทำให้อารมณ์ดี(?) ส่วนข้าวของก็ไม่มีอะไรทีเด็ดนอกจากวอดก้าอีกเช่นกัน ถ้าเกินพอดีก็ต้องให้ดรอปลงในกล่องพลาสติกใหญ่ๆหน้าเคาน์เตอร์นั่นเองครับ

    ถัดจากเคียฟอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง เราก็ต้องรับไฟลท์จากอินเดีย 4 ไฟลท์ติดๆกัน ลงห่างกันไม่เกิน 15 นาที คราวนี้เราก็จะได้พบกับชาวภารตะ ที่เป็นผู้โดยสารที่ถูกจัดอันดับว่าน่ารักที่สุดชาติหนึ่งเลยทีเดียวครับ เริ่มต้นด้วยการเดินโปรยยิ้มมาแต่ไกลพร้อมกับทักทายกับเจ้าหน้าที่ราวกับเป็นเพื่อน เป็นเพื่อนน่ะเป็นได้ครับแต่ว่าอย่าถึงกับสนิทมากเพราะกลิ่นเครื่องเทศนั้นแรงจริงครับ ข้าวของที่หอบหิ้วกันมาก็จะเป็นของกินเสียส่วนมาก มีแอบๆเอาส่าหรีสวยๆจากอินเดียเข้ามาส่งพาหุรัดบ้าง โดนจับไปเสียภาษีก็ขอต่อรองหน่อย ลดหน่อยนะนายจ๋า ไม่มีการโวยวาย ไม่มีการด่าเจ้าหน้าที่ ยิ้มอย่างเดียวครับ

    เล่าถึงที่สุดของความน่ารักแล้ว ก็ต้องเจอกับที่สุดของความไม่น่ารักกันบ้าง อยากให้ทายเหลือเกินว่าเป็นชาติไหน.....

    เฉลยครับ "เกาหลี" อารีรังนี่แหละครับ ว่ากันโดยเฉลี่ยนะครับว่าไม่น่ารักที่สุด ทั้งมารยาท พฤติกรรม ไปจนถึงอารมณ์ฉุนเฉียวแบบไม่มีเหตุผล เอาเป็นว่าเบาะๆนี่เราเรียกตรวจกระเป๋า พี่แกโยนลงบนเครื่องโครม! แถมไม่พอใช้เท้าถีบกระเป๋า(ของตัวเอง)เข้าไปอีก โครม! ถ้าผู้ชายเกาหลีมาพร้อมกับผู้หญิงแล้วกระเป๋าที่เราชี้เป็นใบของผู้หญิง ผมแทบไม่เคยเห็นผู้ชายยกกระเป๋าให้เลยครับ แมนได้อีก

    ส่วนมากคู่แต่งงานใหม่หรือคู่รักใหม่ๆของเกาหลีที่เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยจะใส่เสื้อเหมือนกันครับ โรแมนติกนะครับถ้าเราไม่ทราบสาเหตุ

    ที่เขาใส่เสื้อเหมือนกันเพราะว่าชาวเกาหลีส่วนมากจะหาคู่ผ่านอินเทอร์เนต เจอกันไม่กี่ทีก็แต่งงานหรือเป็นคู่รักกัน ที่ต้องใส่เสื้อเหมือนกันนี่เพราะว่าเกรงจะจำคู่ตัวเองไม่ได้ครับ

    อีกประการหนึ่งคือว่า ชาวเกาหลีที่มาเมืองไทยนี่เค้าแทบจะขนของกินมาทุกประเภท ราวกับว่าจะไม่กินอะไรในเมืองไทยเลยนะครับ กิมจิเป็นลังๆ เหล้าที่ใส่ซองพลาสติกอีกเยอะแยะ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของบ้านเค้าอีกเป็นลังๆ เรียกว่ายังไงก็จะกินอาหารบ้านฉันแหละ

    ส่วนชาวญี่ปุ่นลูกพระอาทิตย์นี่ก็จะแพ็คของมาเป็นระเบียบเนี๊ยบมาก เห็นในเครื่องสแกนยังกับเสื้อผ้าใหม่ไม่ได้ใช้เลยทีเดียวครับ แล้วหากไปเรียกหัวขบวนเค้าสแกนแล้วล่ะก็ รับรองได้ว่าทั้งหมดที่เดินตามมาจะเตรียมเอากระเป๋าเข้าเครื่องให้เราเองอย่างเป็นระเบียบครับ ส่วนมากมักจะชอบแอบเหน็บบุหรี่เข้ามาเกินกำหนดอยู่เรื่อยๆครับ

    ย้อนหน่อยตอนที่มีเหตุการณ์ปิดสนามบินน่ะครับ ผมเป็นเวรแรกที่เข้ามารับหน้าที่หลังจากที่เปิดใช้งานเป็นปกติ เรียกว่าแทบไม่มีผู้โดยสารเลยครับ เจ้าหน้าที่เรายังคุยกันเองเลยครับว่าถ้ามีผู้โดยสารเดินมาคนแรกเราน่าจะต้องยกมือไหว้ขอบคุณเค้ามากกว่าไปสแกน แต่เราก็เรียกผู้โดยสารคนแรกที่เดินผ่านสแกนจนได้เพราะว่ามีพิรุธให้เห็น แล้วก็เจอจังๆครับ เต็มกระเป๋าเสียด้วย

    มันคือ "เซ็กส์ทอย" ครับ ผิดกฎหมายบ้านเรานะครับ ถือเป็นของต้องห้ามนำเข้าโดยเด็ดขาดครับ คนที่นำเข้ามาเป็นชาวญี่ปุ่นนี่แหละครับ พอถามพี่แกว่าเป็นอะไร แกก็บอกหน้าตาเฉยว่าเป็น "เครื่องนวดหน้า"!! ครับ

    เกือบจะบอกให้ลองนวดให้ดูซะแล้วครับ โธ่ เครื่องนวดบ้านคุณพี่เค้าต้องมีรูปผู้หญิงแก้ผ้าติดข้างกล่องด้วยหรือครับ

    เดี๋ยวมาต่อตอน 2 ครับ

    แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 52 08:20:58

    จากคุณ : Eat that Liqu - [ 3 มิ.ย. 52 05:18:33 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com