ขอแสดงความเห็น ในฐานะ คนเคยอยู่เคยสัมผัสมาเช่นกันครับ
จำได้ว่า เดินทางไป ครั้งแรก ด้วยเรือ ขนมะพร้าว ทุลักทุเล น่าดู 6 ชม.
ได้ครับ เพราะเดินทาง ช่วงหน้ามรสุม เรือไม่ใหญ่เท่าไหร่
แต่ก้อมีผู้โดยสาร และสัมภาระพอดู ช่วงนั้นมีเรือประมงวิ่งจาก
เกาะกูด มาตราด อาทิตย์ละ 2-3 วัน ได้
เป็นเกาะที่ยังเจริญเท่าไหร่ มีรถยนต์ทั้งเกาะ ประมาณ 30 คันได้
รีสอร์ทใหญ่ ๆ มีอยู่ 3-4 แห่งได้ นอกนั้นก็เป็นลักษณะ เกสต์เฮ้าส์ ชาวบ้าน ทำกัน
ธรรมชาติล้วน ๆ ครับ ไฟมีใช้ไม่เกิน 2 ทุ่ม นอกนั้นก็นอน นับยุง คู่กับ นับดาว กันไป
แต่ก็สนุกดี เพราะมันยังใส มาก ๆ ในทุก ๆ ด้าน ทุก ๆ อย่าง
การเดินทางด้วยเรือเร็ว ก็ต้อง ซื้อเป็นแพกเกจ กับทางรีสอร์ท หรือ
จ่ายค่าตั๋วเรือ เอา ในวันที่มีเรือออก ซึ่งส่วนใหญ่ ก็จะเป็น วันศุกร์
หรือวันเสาร์ เท่านั้น
จำได้ว่าครั้งหนึ่ง นั่งเรือ ประมงกลับ กับ ผู้รับเหมาก่อสร้าง มาตราด
ติดพายุ ต้องอ้อมเกาะหมาก เลาะเกาะเหลายา ล่องมาตาม
ร่องน้ำเรื่อย ๆ เกือบ 8 ชม. ฝนก็ตกตลอด จำได้ไม่รู้ลืมเลยครับ
จำได้ว่า เมื่อ 5 ปี ก่อน ราคาแพ็กเกจ จะ ขายกันอยู่ที่
ระดับ 3000-4500 ไม่เกินจากนี้ ด้วยเพราะราคาน้ำมัน ยังไม่ไปแตะ
ที่ 20 บาท และ อาหารทะเลก็ยังมีเยอะ และหาได้ง่าย
แต่ก็แน่นอนครับ นักท่องเที่ยว ก็ยังน้อยอยู่ และเป็น ของหายาก
สำหรับทุกรีสอร์ท มักมีแต่ คนไทยไปกันเป็น กรุ๊ป เป็นส่วนใหญ่
ชาวต่างชาติ แทบไม่มีใครรู้จักเกาะนี้เลยด้วยซ้ำไป
ไม่แปลกเลยครับ ที่รีสอร์ท จะขายตัดราคากันเอง ในวันที่
ใครก็อยากให้ธุรกิจของตัวเองอยู่รอด
จนเริ่มมี รีสอร์ทเยอะมากขึ้น และทางเกาะช้าง นักท่องเที่ยวล้น
มีนักท่องเที่ยวรู้จักเกาะนี้มากขึ้น แต่ละรีสอร์ท เริ่มมองเห็นแล้วว่า
ต้องการนักท่องเที่ยวกลุ่มไหน และก็นักท่องเที่ยวเอง ที่เริ่มไหล
มาเกาะหมาก และเกาะกูด
การเดินทาง เริ่ม สะดวกสบาย ขึ้น เริ่มจาก มีเรือประมง วิ่งโดยสารทุกวัน
ในฤดูท่องเที่ยว และ เริ่มมี เรือเร็ววิ่งใหบริการทุกวัน ในฤดูท่องเที่ยว
มาถึงปัจจุบัน ที่ทราบก็คือ มีทั้งเรือเร็ว เรือโดยสาร และ
เรือประมงวิ่งทุกวัน แม้แต่ในฤดู มรสุม เพราะนักท่องเที่ยวเยอะขึ้น
และ รีสอร์ท ก็เยอะขึ้นเป็นเงาตามตัว
ผมดีใจกับ ทุกรีสอร์ทครับ ที่บริหารงานจนเจริญรุ่งเรือง และสามารถ
ขยายกิจการได้ใหญ่โต สำหรับ แง่มุม ของผม คิดว่า
เงินทุนผม คงน้อยเกินไป สายป่านสั้นเกินไป เลยไม่สามารถ
อยู่ยงคงกระพัน ที่เกาะแห่งนั้นได้
แต่ถ้าถามว่าชอบไหม ก็คงต้องบอกว่า ชอบมากครับ ถ้ามีโอกาส
ก็ยังอยากกลับไปท่องเที่ยว ที่เกาะแห่งนั้นอยู่เสมอ ถึงแม้ว่า
ราคาข้าวของอาจจะแพงไปหน่อย
แต่ก็เข้าใจว่า มันยากลำบาก ขนาดไหน กว่าจะไปถึง เหนื่อยขนาดได้
กว่าจะสร้างเสร็จ แต่ละอย่าง ผจญทั้ง ลม ฟ้า อากาศ และความ
ไม่แน่นอนของคลื่นลม ซึ่งถ้าพูดจริง ๆ ก็คือ คนที่ไม่เคยมาสัมผัส
ตั้งแต่ ทุกอย่างยังเป็น ป่ามะพร้าวอยู่ อาจจะ จินตนาการตามยากสักหน่อย
แต่จะไปคิดอะไรมากครับ แค่มีความสุขอยู่กับ ธรรมชาติบนเกาะ
ก็น่าจะพอแล้ว จำเป็นจะต้องไป รู้เบื้องลึก เบื้องหลัง หรือครับ
ว่าเค้าดำเนินการ กันอย่างไร จัดการกันยังไง
เที่ยวให้มีความสุขก็พอครับ ถ้าใครเล่าประสบการณ์อะไรให้ฟัง
เราก็เป็นผู้รับฟังที่ดีก็น่าจะพอ ฟังแล้วก็ปล่อยวาง
เพราะเราไม่ได้ไปมี ส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับธุรกิจของเค้าอยู่แล้วว
เที่ยวให้มีความสุขนะครับ เพราะเกาะกูด ยังคงมนต์เสน่ห์
สำหรับผู้ไปเยือน ผู้เคยพักอาศัยอยู่ และผู้จากมาเสมอครับ
**เข้ามาแก้ไขข้อความครับ**
แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 52 14:09:45
แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 52 14:08:48
แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 52 14:08:10
แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 52 14:07:18
แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 52 14:06:23