ความคิดเห็นที่ 1 เห็นใจครับ ... และสนับสนุนในสิ่งที่ จขกท จะทำครับ ... ส่วนมากเจ้าหน้าที่ของพระราชวัง จะแต่งชุดราชการน่ะครับ(ชุดสีกากี) -----  แก้คำเกินครับ ----- แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 52 23:54:19 จากคุณ : ทุเรียนกวน - [ 6 มิ.ย. 52 02:29:03 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นด้วยกับคุณเจ้าของกระทู้ที่จะทำเรื่องแจ้งไปเลย จะได้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง คิดว่าอีก 2 สัปดาห์คุณเธอก็คงอยู่แถวๆ นั่นแหละ คุณคงสามารถหาหลักฐานได้ ส่วนทหารรักษาการที่ยืนอยู่ คุณคงหวังจะให้เราทำอะไรมากกว่านั้น คงไม่ได้ เพราะเขามีหน้าที่เฝ้าประตูอย่างเดียว(ถ้าเข้าใจตรงกันกับคุณเจ้าของกระทู้ว่า หมายถึงคนที่ยืนอยู่ตรงไหน) แล้วคณะคุณก็ยังไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ถูกทำร้ายร่างกายจนเข้าต้องขยับออกมาจากตำแหน่งประจำการเพื่อดูแลสถานการณ์ คุณก็ทำเรื่องร้องเรียนไปทั้งสำนักพระราชวังและททท. เอาให้ครบ เพราะอย่างน้อยไกด์ก็ควรมีศิลปะในการพูดจามากกว่านี้ แต่เรื่องนี้นะ เราว่า ต้นตอมาจากการระบบศึกษาของไทย เห็นได้ชัดๆ ว่า สอนความรู้รอบจักรวาล เรียนกันมาสูงๆ แต่ก็ไม่รู้ว่า วัดพระแก้วเป็นเขตพระราชฐานและควรแต่งกายอย่างไรในการเข้าไปข้างใน ซึ่งไม่ใช่แค่ในคณะคุณหรอก เจอมาเยอะขนาดคนเป็นครูบาอาจารย์ยังไม่รู้ ฉะนั้นก็ไม่แปลกที่เด็กมันจะไม่รู้ ขณะที่อีกด้านหนึ่งคนเป็นไกด์ ก็ต้องเรียนมามากมายกว่าจะสอบใบอนุญาตได้ แต่ก็ดันไม่ได้สอนเรื่องศิลปะในการใช้ภาษา ไม่ได้สอนเรื่องการควบคุมอารมณ์และสถานการณ์ให้เหมาะสมกับกาละเทศะและสถานที่ อย่างกรณีนี้เวลาเราเจอคนไทยแต่งกายแบบนี้เข้าเขตพระราชฐาน(บ้านใกล้ก็งี่ เจอบ่อยทั้งไทยทั้งเทศ) เราก็คงปริ๊ดเหมือนกัน และนึกในใจว่า "คนไทยหรือเปล่าฟะ" แล้วก็อนาถใจกับระบบการศึกษาไปตามประสาเรา แต่เราก็ไม่เคยจะไปแหกปากตะโกนใส่หน้าใคร "ในเขตพระราชฐาน" เช่นกัน จากคุณ : เสียงลมหนาว - [ 6 มิ.ย. 52 02:55:42 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คุณเสียงลมหนาวขา......*0* คนที่เรียนไกด์ เค้าก็ "สอนเรื่องศิลปะในการใช้ภาษา สอนเรื่องการควบคุมอารมณ์และสถานการณ์ให้เหมาะสมกับกาละเทศะและสถานที่ " แต่คุณไกด์เค้าไม่จำ ไม่รู้จักเอามาใช้ เพราะอีโกมันบังตา พราวในตัวเองมากเกิน นี้เป็นอีกนึงข้อเสียที่เจ้าตัวมักจะไม่รู้ตัวเอง ไกด์วัดวัง มันยากจริงๆ ใครทำได้ถือว่าเก่งมากก...อาจจะเพราะแบบนี้ด้วยแหละค่ะ ทำให้หางเค้าถูกยกสูงขึ้น... อย่างไรก็แล้วแต่..ไว้อาลัยให้คุณไกด์ด้วยค่ะ ทำวงการเสื่อมเสีย... ศิลปะในการพูดนี้หัวใจสำคัญเลยนะเนี่ย ... แค่นี้คิดไม่เป็น.. ปั๊ดจับตีก้นซะให้เข็ด แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 52 03:15:32 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 52 03:15:15 จากคุณ : TahAo - [ 6 มิ.ย. 52 03:14:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 พูดจาอย่างนี้เป็นไกด์ในพระบรมมหาราชวังได้ด้วยหรอ น่าจะเป็นได้แค่คนดูต้นทางบ่อนมากกว่า จากคุณ : David_kop - [ 6 มิ.ย. 52 03:36:00 ]

ความคิดเห็นที่ 5 บ่ มี ไกด์ชัดๆเลยครับ พูดจาแบบนี้ จากคุณ : นมขาวเย็น - [ 6 มิ.ย. 52 03:45:42 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามารับทราบครับผม.. จากคุณ : ChubbyPoppin - [ 6 มิ.ย. 52 03:57:45 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เข้ามาอ่านค่ะ จากคุณ : winnie20f - [ 6 มิ.ย. 52 06:51:54 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ครับผม จากคุณ : kart - [ 6 มิ.ย. 52 07:30:58 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าใส่กางเกงขายาวออกจากบ้านเสียแต่ทีแรกก็จบเรื่อง ก็รู้อยู่ว่าต้องมีปัญหาเรื่องกางเกง ผู้หญิงคนนั้นก็อาจทำตามหน้าที่ เพียงแต่รุนแรงไปหน่อย แต่ถ้าไม่มีผู้หญิงคนนี้ก็คงใส่ขาสั้นเข้าไป ไม่รอตอนที่เจ้าหน้าทีมาทำงาน และรับผ้ามาเปลี่ยน ใช่มั๊ย รึเปล่า จากคุณ : SEAPATCHA - [ 6 มิ.ย. 52 08:46:28 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เข้ามาเก็บความรู้ แต่แก้ข่าวให้ทหาร ทหารรักษาการณ์  ก็คือทหารรักษาการณ์ ทำอะไรนอกเหนือจากหน้าที่ไม่ได้ครับ ดูแลความปลอดภัยและแฏบัติหน้าที่ตามที่ได้รับ มอบหมายจากผู้บังคับบัญชาครับ จากคุณ : NOyZa (Banq T31) - [ 6 มิ.ย. 52 09:56:54 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เราก็เพิ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ยว่าผู้ชายก็ใส่กางเกงขาสั้นเข้าไม่ได้ แต่คิดว่ากางเกงของน้องชาย จขกท คงเป็นกางเกงแบบครึ่งแข้งมากกว่า กางเกงขาสั้นที่ผู้หญิงวัยรุ่นชอบใส่กัน อย่างไรก็ตาม คนที่เป็นไกด์จริงต้องได้รับการอบรมเรื่องการใช้ภาษา ไม่ว่าจะพูดกับนักท่องเที่ยวทั้งที่เป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติ (เราก็เคยผ่านการอบรมการเป็นมัคคุเทศก์กับ ททท.มาเหมือนกัน) กรณีนี้ เชื่อได้เลยว่าผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นไกด์แบบงูๆปลาๆ แต่หากินมานาน เพราะฉะนั้นถึงไม่รู้จักมารยาทและจรรยาบรรณของไกด์ (มัคคุเทศก์) เจอคนหากินแบบนี้ น่าจะมีการจัดการบ้าง ..... แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 52 09:59:13 จากคุณ : สนับสนุนอีก 1 เสียง (emmy06) - [ 6 มิ.ย. 52 09:57:46 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อืม .. ยัยเจ๊ปากจัดคนนี้ เราเจอบ่อยคะ พูดฉอด ๆ ๆ ๆๆ อย่างกะแม่ค้าปากตลาด น่าจะให้ไปขายปลาเค็มอยู่ที่ท่าเตียน แทนที่จะมาเป็นไกด์แบบนี้นะ จากคุณ : คุณนายแสงจันทร์ - [ 6 มิ.ย. 52 10:33:56 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สงสัยยัยป้าคนนี้ หากินกะทัวร์จีนจนเคยตัว จากคุณ : letsgokrabi - [ 6 มิ.ย. 52 10:53:14 ]

ความคิดเห็นที่ 14 จัดการให้เด็ดขาด คนไม่มีมารยาทแบบนี้ ไม่สมควรอยู่ ณ ที่นั้น จากคุณ : SurfersParadise - [ 6 มิ.ย. 52 10:55:09 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เราคิดว่าคนไทยที่ไม่รู้ยังมีอีกเยอะนะคะ แต่คนไทยที่รู้ควรพูดแนะนำดีๆไม่น่าทำกริยาแบบนั้นเลย เราต่างหากที่ต้องย้อนถามเค้าว่าเป็นคนไทยรึเปล่า เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้นะคะ แจ้งไปเลยค่ะ จากคุณ : MissQuiet - [ 6 มิ.ย. 52 12:00:02 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เข้ามารับดูด้วยคน แต่ไม่ออกความเห็น ไม่อยากฟังความข้างเดียว จากคุณ : ทนายเด็ก ๆ แต่น่ารัก - [ 6 มิ.ย. 52 12:19:52 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่มีความเห็นสำหรัย จขกท. เพราะไม่อยากฟังความข้างเดียว แต่มาสนับสนุนคุณ TahAo ค่ะว่า หลักสูตรเค้าสอนนะคะ แต่คนเรียนมาแล้ว ไม่ได้เอามาใช้อย่างที่ควรจะเป็นค่ะ มารยาท จรรยาบรรณ วิธีปฏิบัติ จิตวิทยาการให้บริการ เหล่านี้เค้าก็มีสอนค่ะ เอา link อบรมมัคคุเทศก์ มาประกอบ 555 เดี๋ยวอบรมผ่านแล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะคะ ว่าสนุกแค่ไหน http://www.arts.chula.ac.th/~asc/schedule.htm จากคุณ : สามมิติ - [ 6 มิ.ย. 52 12:28:14 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แต่ก่อนเคยคิดว่าไกด์เนี่ยะน่าจะพูดจาไพเราะ ต่อมามีเพื่อนคนนึงไปเป็นไกด์อาชีพเลยนะ เคยตามเธอไปห่าง ๆ ที่วัดพระแก้วนี่ล่ะ ขณะเธอทำทัวร์ รู้สึกว่าเธอเป็นครูมากกว่าไกด์ในความคิดของเรา และต้องคุมลูกทัวร์ให้อยู่ในกติกาตลอดทริป ซึ่งยากอยู่นะ อะฮั้นก็เคยโดนไกด์ดุเอา ที่วิหารพาเธนอน เอเธนส์ กรีซ ขณะเดินปะปนไปกับกลุ่มนักท่องเที่ยวหลากหลายชาติ มีกลุ่มนึงกำลังฟังไกด์บรรยายใกล้ ๆบริเวณที่เราเดินชม เราเริ่มเหนื่อยเลยหยุดเดิน ยืนดูคนกลุ่มนั้นขณะไกด์หญิงบรรยาย เธอหันมาเห็น เสียงดุเลย "Madam, This is for my group not for you" แหม ! ไม่ยอมให้ฟัง เพราะไม่ได้จ่ายค่าเหนื่อยให้เธอ จากนั้นมา เลยเปลี่ยนความรู้สึกต่อไกด์ไปเลย ว่าน่าจะดุมากกว่า แต่ยังไงเรื่องที่คุณเล่าก็ไม่เป็นเหตุจะต้องมาดุมาว่ากันเลย จากคุณ : สะหวอย7 - [ 6 มิ.ย. 52 13:59:36 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอตอบคุณ SEAPATCHA ผมก็เข้าใจครับไอ้ที่ว่าถ้าใส่มาจากบ้านก็จบ  แต่น้องผมคนนี้น้องเค้าเด็กบ้านนอก  ไม่รู้เรื่องรู้ราว  ที่บ้านเค้าก็ไม่มีใครรู้กฎระเบียบด้วยหรอก  เพราะแต่ละคนก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาเที่ยวสถานที่แบบนี้บ่อยๆ   ก็จะมีแต่ทางครอบครัวผมนี่แหละที่พอจะรู้  แต่มารู้ก็เมื่อสายแล้วคือพอตอนเช้าแกบอกแกไม่ได้เอากางเกงขายาวมาแม้แต่ตัวเดียว  ถ้าจะถามว่าเด็กมันบ้านนอกขนาดไหนบ้านห่างจากแม่น้ำโขงไม่กี่ร้อยเมตรเอง   แล้วผมก็คิดว่าเรื่องนี้คนกรุงเทพจำนวนไม่น้อยเองก็ยังไม่ทราบกฎระเบียบนี้เลยด้วยซ้ำเพราะเค้าไม่ได้เข้าพระบรมมหาราชวังบ่อยๆ   และผมถ้าไม่มีผู้หญิงคนนี้ยังไงทหารที่ยืนอยู่เค้าก็ต้องบอกอยู่แล้ว  และถึงไม่บอกผมก็จะถามเสียก่อน  ผมไม่ทำแน่ๆอะไรที่มันผิดกฎ  เรียนกฎหมายมาจากที่ๆไม่ไกลจากวัดพระแก้วแต่ดันมาทำผิดกฎที่วัดพระแก้ว  ผมก็ละอายใจเป็นเหมือนกันครับ   ส่วนที่ใครยังไม่เชื่อเรื่องนี้เพราะเหมือนฟังความข้างเดียว  ยังไงก็นานาจิตตังครับ  แต่จุดประสงค์ที่มาตั้งเพียงอยากให้ช่วยกันดูอย่าให้มีคนแบบนี้  เพราะประเทศจะเสียหาย  เสียถึงสำนักพระราชวัง(เพราะมามาทำท่าเหมือนเจ้าหน้าที่)  ยังไงหนังสือที่ผมจะส่งถึงสำนักฯผมลงชื่อ และที่ๆสามารถติดต่อกลับได้  ถ้าสำนักฯจะเชิญผมเข้าไปหาผมก็ไปแน่นอน  ผมไม่ได้อาฆาตแค้นเธอ  แต่ผมไม่อยากให้สำนักฯและประเทศเสียหาย  ผมจะไม่รักประเทศและในหลวงแต่ปากอย่างแน่นอน จากคุณ : Newjurist (Newjurist) - [ 6 มิ.ย. 52 15:11:47 ]

ความคิดเห็นที่ 20 จริงๆ แล้วเรื่องการแต่งกายไปตามสถานที่ราชการ หรือสถานที่สำคัญๆ ทั้งหลายส่วนใหญ่แล้วก็ควรแต่งกายให้สุภาพอยู่แล้วค่ะ เพื่อเป็นการให้เกียรติสถานที่... อย่าว่าแต่ในเมืองไทยเลยค่ะ ในต่างประเทศสถานที่สำคัญที่เป็นที่เคารพนับถือกัน เค้าก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้.. ที่ว่าไม่รู้มาก่อนว่าต้องแต่งตัวแบบไหน..จะว่าไปมันก็ไม่ถูกต้องซะทีเดียว ถึงไม่เคยไปสถานที่นั้นๆ มาก่อน แต่ก็ต้องรู้มาก่อนบ้างแหล่ะ ว่าสถานที่ที่เราไปเป็นแบบไหน ควรหรือไม่ควรแต่งกายแบบใด.. ไอ้กฎระเบียบต่างๆ ที่เค้าตั้งมา เราว่ามันก็มาจากเรื่องที่เรารู้ๆ กันอยู่นะ ว่าควรปฏิบัติอย่างไรเวลาไปสถานที่นั้นๆ.. เรายังคิดซะอีกว่าตั้งมาเพื่อปรามชาวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่มากกว่า (เพราะเค้ามักแต่งตัวไม่สุภาพ ถ้าเทียบกับคนไทย) ส่วนเรื่องไกด์คนนั้น ถ้าเป็นการพูดไม่ดีอย่างที่คุณบอกจริงๆ ก็ควรแจ้งเรื่องไปเลยค่ะ... แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 52 15:35:44 จากคุณ : lovetree - [ 6 มิ.ย. 52 15:30:21 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เห็นด้วยกับ ความคิดเห็นที่ 16-17   (เรื่องคือพอดีมีน้องชายเป็นลูกพี่ลูกน้องกันอายุประมาณ12กำลังเป็นวัยรุ่นไม่ได้เตรียมกางเกงขายาวมาจากบ้าน  ทางเราก็รู้อยู่แล้วว่ามันต้องมีปัญหา  แต่รู้ว่าเข้ามีให้เปลี่ยน )ถ้าใส่กางเกงขายาวมาจากบ้านปัญหาจะไม่เกิด จากคุณ : อยากจะออกความเห็น (toto02499) - [ 6 มิ.ย. 52 16:40:59 ]

ความคิดเห็นที่ 22 การพูดเสียงดังไม่ได้หมายความว่าหยาบคายนะคะ คำพูดที่ได้อ่านก็ไม่มีคำพูดที่ไม่เหมาะสม การที่เราจะไปเที่ยวที่ไหนควรศึกษาข้อมูลก่อนไปเที่ยว สิ่งสำคัญการไปเที่ยวพระบรมมหาราชวังของประเทศจะไม่ให้เกียรติประเทศของเราไม่เตรียมตัวให้พร้อม ไม่นำกางเกงขายาวมาก็สามารถหาซื้อได้ถ้าใส่ใจ ระเบียบการเข้าชมไม่ได้เป็นความลับสามารถถามได้ ไกด์คนนั้นอาจจะรู้สึกว่าคุณเป็นคนที่ไม่เคารพสถานที่ ที่เค้าทำงานอยู่ จากคุณ : ความเห็นหนึ่ง (chan_don) - [ 6 มิ.ย. 52 16:54:48 ]

ความคิดเห็นที่ 23 กำ เอ่อ เข้ามาเห็นใจเจ้าของกระทู้ค่ะ - -* จากที่อ่านคือ น้องเขามาจากต่างจังหวัด ไม่ได้เตรียมกางเกงขาสั้นมาด้วย ซึ่งทางคุณเจ้าของกระทู้ได้บอกตอนเช้าแล้วว่าให้น้องใส่กางเกงขายาว แต่น้องเขาไม่ได้เตรียมมาด้วยจากต่างจังหวัด ทำให้แก้ปัญหาอะไรไม่ทัน จะไปหาซื้อที่ไหนตอนเช้าตรู่ขนาดนั้นก็คงจะยาก เลยจำเป็นต้องไปขอยืมกางเกงเปลี่ยนที่วัดพระแก้ว ซึ่งโดยปกติจะมีส่วนที่จัดเตรียมชุดให้เปลี่ยนสำหรับผู้ที่แต่งกายไม่เหมาะสมอยู่แล้ว จขกท. เค้าเขียนเล่ามาแล้วว่า เค้ารู้ว่าจะต้องมีปัญหา แต่เค้าก็รู้อีกว่าที่วัดพระแก้วมีให้เปลี่ยน ทำไมบางความเห็นจะต้องไปว่าจขกท.ด้วยคะ? ในเมื่อตัวเค้าเองก็ไม่ได้มีเจตนาอะไรที่จะไม่เคารพสถานที่ ส่วนน้องที่ใส่กางเกงขาสั้นไป ถ้าจะดุจะว่าแก ก็ควรถามก่อนว่า แกรับรู้หรือเปล่าว่าจะไปวัดพระแก้วกัน และจำเป็นต้องใส่กางเกงขายาว น้องอายุเพิ่ง 12 ยิ่งไม่ควรไปพูดทำนองว่าแกไม่เคารพสถานที่นะคะ น้องเขาไม่ได้เจตนาไม่ดีหรอก เราเองยังเคยเลย อยู่ๆ เพื่อนโทรบอกตอนออกจากบ้านแล้วว่าจะต้องไปหาข้อมูลทำรายงานที่วัดพระแก้ววันนี้ ซึ่งตอนแรกนัดกันวันอื่น แต่เปลี่ยนมาเป็นวันนี้แทน... แล้ววันนั้นเราใส่เสื้อแขนกุดออกจากบ้าน ซึ่งก็แก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว พอไปถึง เราก็ไปติดต่อขอเสื้อเปลี่ยน ก็แค่นั้น... ส่วนการพูดเสียงดังอาจจะไม่ได้หมายความว่าหยาบคาย นั้นก็ถูกค่ะ แต่มันก็เป็นการไม่เหมาะสมใช่ไหมคะ? ที่จะไปพูดเสียงดังใส่ผู้อื่น การตักเตือนนั้นควรกระทำด้วยคำพูดที่สุภาพ และน้ำเสียงที่สุภาพน่าจะดีกว่า ถึงจะใช้คำพูดที่ไม่ได้หยาบคายอะไร แต่น้ำเสียงมันไม่น่าฟัง แล้วใครจะรู้สึกดีคะ? ถึงตัวเราจะทำผิดจริงๆ ก็เถอะนะ แล้ววัดพระแก้วก็จัดว่าเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากันเยอะ แล้วสายตาจากนักท่องเที่ยวมองเค้าจะคิดยังไงคะ? ไกด์คนไทย พูดจาใส่นักท่องเที่ยวด้วยเสียงดังเนี่ย....... จากคุณ : LuNa (psyence the PYROMANIA) - [ 6 มิ.ย. 52 20:03:36 ]

ความคิดเห็นที่ 24 พวกไกด์มีบัตรเข้าวังมักจะตีซี้กับคนในนั้น และวางก้ามใส่ใครต่อใครแบบนี้หล่ะ เราพาเพื่อนต่างชาติไปบ่อยยังไม่เคยเจอยายคนนี้นะ ไว้จะลองสังเกตดู จากคุณ : เบื่อพวกกร่าง - [ 6 มิ.ย. 52 20:31:15 A:61.90.15.37 X: TicketID:159141 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เคยได้ยินที่เขาเปรียบเทียบคนแบบไกด์หญิงคนนี้ ประมาณว่า รวงข้าวที่มีแต่เปลือกจะเบาจนชูชัน         แต่รวงข้าวที่มีข้าวข้างในจะหนักและโน้มตัวลง พวกเบ่งส่วนมากมีปมด้อย ต้องแสดงอะไรก็ตามให้ตัวเองมีภาพว่าเหนือคนอื่น คล้ายเป็นโรคทางจิตชนิดหนึ่ง ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นกับ จขกท. ผมเห็นใจครับ เพราะไม่ได้มีเจตนาทำอะไรผิด และที่วัดก็มีมาตรการรองรับกรณีแบบนี้ด้วยการ มีชุดเตรียมไว้สำหรับผู้เยี่ยมชมที่แต่งกายไม่ถูกต้องด้วย สื่อสารกันด้วยวาจาสุภาพ ได้ ทางเลือกในการสื่อสารกับเพื่อนมนุษย์แม้จะมีหลายวิธี แต่แบบสุภาพดีที่สุด จากคุณ : DekDoiTung - [ 6 มิ.ย. 52 21:24:26 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ไกด์หน้าโง่คนนั้นก็น่าจะรู้ว่าต้องแนะนำอย่างไร เพราะมีที่สำหรับให้เช่าผ้านี่ครับ สำหรับคนนุ่งสั้น จากคุณ : SPORTERO - [ 6 มิ.ย. 52 22:00:04 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เด็กผู้ชายใส่ขาสั้นเข้าได้ครับ ไม่งั้นเด็กนักเรียนก็เข้าไม่ได้กันหมดแหละ คุณไกด์หญิงนั่นกำลังเจ๊าะแจ๊ะทหารอยู่ก็คงอยากโชว์พาวอวดหนุ่มๆน่ะแหละ จากคุณ : -J- - [ 6 มิ.ย. 52 22:52:52 A:125.25.114.200 X: TicketID:088486 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ^ ^ ^ ยืนยันว่าใส่กางเกงขาสั้นปกติเขตพระบรมมหาราชวังไม่ได้ครับ !!! ชุดนักเรียนเต็มชุดไม่นับว่าเป็นขาสั้นปกติครับ เพราะถือว่าเป็น "เครื่องแบบอย่างเป็นทางการ" ถ้าแต่งชุดนักเรียนครบชุดทั้งเสื้อเชิ้ต กางเกงขาสั้นตามเครื่องแบบ ถุงเท้ารองเท้านักเรียน ถือว่าสุภาพเรียบร้อยดีแล้วครับ ในขณะเดียวกัน ถ้านุ่งกางเกงนักเรียนขาสั้นแต่ใส่เสื้อยืด อันนี้ถือว่าไม่ใช่เครื่องแบบแล้วนะครับ เข้าชมพระบรมมหาราชวังไม่ได้ครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 7 มิ.ย. 52 13:33:48 ]

ความคิดเห็นที่ 29 แม้แต่นักศึกาษาหญิงใส่สั้นมากก็ไม่ได้ค่ะ ต้องเปลี่ยนไปใส่ผ้าถุง เราโดนมาแล้ว คือเราอาจจะสูงกว่าเพื่อนมั้งคะ ใส่แล้วเลยดูสั้น(มั้ง) คือเราไม่ใช่พวกใส่รัดๆ นุ่งสั้นๆอ่ะค่ะ - -" ก็โดนตะโกนไล่เหมือนกัน ขอใช้คำว่า ไล่ ค่ะ น้ำเสียงและท่าทางไม่ค่อยดีเลย แต่เราก็ขี้เกียจเถียง เพราะวิทยากรพิเศษกำลังรอพวกเราเข้าไปในเขตพระราชฐานชั้นใน เลยรีบไปสวมผ้าถุงทับแล้วเข้าไปค่ะ จากคุณ : honeyxcream - [ 7 มิ.ย. 52 18:05:55 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุณหนุ่มเมืองกรุง ในความคิดเห็นที่ 28 ตอบได้กระจ่างไปแล้ว แต่สงสัยนิดเดียว... ความคิดเห็นที่ 29... ขอโทษนะครับที่ต้องถาม... คุณเรียนที่ไหนหรือครับ เครื่องแบบนักเรียนหญิงจึงเป็นกางเกงขาสั้น ผมไม่เคยเห็นจริงๆ ครับ ว่ามี... ไม่น่าเชื่อว่ากระทรวงศึกษาจะยอมน๊ะครับ... = = = = = เป็นกระทู้ที่อ่านวันแรกแล้วต้องยับยั้งมือตัวเองว่า... อย่ารีบพิมพ์... เพราะอ่านแล้ว ผมมองอีกแบบจากเจ้าของกระทู้จริงๆ... คงไม่ว่ากันนะครับ ท่านเจ้าของกระทู้... ผมเป็นคนอ่านเร็ว อ่านรอบแรก พอจับใจความได้ ก็ย้อนกลับไปอ่านแบบละเอียดอีกครั้งทีละประโยค วรรค ตอน 1.ย่อหน้าแรก คณะคุณทราบอยู่ก่อนแล้วว่า ใส่กางเกงขาสั้นเข้าไปในสถานที่แบบนั้น “มีปัญหาแน่”... และก็รู้ด้วยว่า “เขามีให้เปลี่ยน” 2.หญิงคนที่แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ เข้ามาบอกกับน้องคุณ (ไม่ได้ใช้คำว่าตะคอก ดุ ด่า) ว่า “ขาสั้นเข้าไม่ได้ ต้องรอ 8.30น.” ผมว่า เมื่อใครพบเห็นก็ต้องรีบห้าม หรือตักเตือน...   ถ้าไม่เตือนกัน แล้วมีสมาชิก BP คนอื่นมาเห็นเหตุการณ์ ก็จะมีกระทู้เกิดขึ้นมาว่า “เจ้าหน้าที่เพิกเฉย ปล่อยให้ขาสั้นเดินเข้าไป” 3.คุณได้หันไปถาม (นิ่มนวลขนาดไหนผมไม่ทราบ) “ผู้ชายก็ขาสั้นไม่ได้เหรอครับ”... คุณถามทั้งที่ทราบดีอยู่แล้ว... = = = = = ถ้าคุณสนทนากับหญิงคนนั้นว่า “ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าเด็กขนาดนี้ใส่ขาสั้นไม่ได้ ไม่ทราบว่าผมต้องทำอย่างไรถึงจะได้พาน้องชายผมเข้าชมครับ” ถ้าคุณใช้ประโยคเหล่านี้ ก็จะไม่มีเหตุการณ์อื่นๆ ตามมาหรอกครับ = = = = = สุดท้าย เอาหละ เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้แล้ว คุณต้องการจบด้วยการร้องเรียน... ผมก็ไม่มีข้อคัดค้านอะไร ความผิดจากการใช้กิริยามารยาทที่ไม่เหมาะสม ถ้าเกิดจริง เธอผิดหรือไม่ผิด ก็ต้องได้รับโทษอยู่บ้างไม่ว่าตักเตือนหรือลงโทษ เห็นดีด้วยครับ จะได้เครียกันไป... ผู้หญิงท่านนั้น ก็จะได้พ้นข้อกล่าวหาจากในเน็ท ถึงแม้จะไม่มีการมาล้างมลทินในเน็ทนี้ก็ตาม = = = = = ท่านเจ้าของกระทู้ คงไม่น้อยใจในความคิดเห็นของผมนะครับ เพราะถ้ามีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง... แล้วถ้าผมเป็น 1 ในกรรมการฯ คณะนั้น...  และหลักฐานมีตามนี้ ผมมีคำตอบแล้วครับ จากคุณ : หมอนทองแท้ - [ 7 มิ.ย. 52 20:24:42 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ^^ ^^ น้องหนูความเห็นที่ 29 เขาหมายถึงว่า ต่อให้เป็นกระโปรง ต่อให้ใส่สั้นมาก หรือจริงๆ ก็ไม่ได้สั้นนัก แต่ถ้าใส่แล้วโชว์ขาเยอะ จนดู ไม่สุภาพ ก็ต้องเปลี่ยน ส่วนเรื่องที่ให้ความเห็นไว้ใน #2 ก็ยังยืนยันตามเดิม เพราะตัวเองก็เคยผ่านการอบรม เรียนหลักสูตรไกด์มาเหมือนกัน(เสนอหน้าไปขอเรียนเพิ่มตอนปริญญาตรี) เราทราบว่ามีการกล่าวถึง แต่ตอนที่เราเรียนมันมีก็เหมือนไม่มี ก็คงคล้ายกับที่มีการเรียนวิชาจริยธรรมในชั้นมัธยมหลายแห่ง แต่ก็เป็นการเรียนเพื่อสอบไม่ได้เรียนเพื่อกล่อมเกลาชีวิต จากคุณ : เสียงลมหนาว - [ 7 มิ.ย. 52 21:04:27 ]

ความคิดเห็นที่ 32 อ้อ... จริงๆ ด้วย ผมอ่านเป็น "ใส่ขาสั้น"... จริงๆ แล้ว "ใส่สั้น" (ถ้าอ่านรวมทั้งหมด ก็จะหมายถึงกระโปรง) ขออภัยความคิดเห็นที่ 29 ด้วยครับ... จากคุณ : หมอนทองแท้ - [ 7 มิ.ย. 52 21:26:59 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ตอบคุณหมอนทองแท้  และจะตอบกระทู้นี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว  เพราะไม่ได้เกิดประโยชน์ใดๆต่อตัวผมอีก  และยิ่งตอบผมดูจะยิ่งก้าวร้าวขึ้น  เนื่องจากสิ่งที่ผมต้องตอบมันพาให้ผมต้องไปในลักษณะนั้น ก็แล้วแต่คุณจะมองนะ  แต่ถ้าคุณเจอสถานการณ์เดียวกับผม  ผมคิดว่าคุณคงไม่ตอบแบบที่คุณตอบแน่ๆ  ประการแรกเรื่องที่ไกด์ผู้หญิงนั้นใช้คำพูด  ผมยืนยันว่าหยาบคายไร้การศึกษามากที่สุด  ในชีวิตนี่ผมเจอเรื่องดิบๆห่ามๆมาเยอะ  ยังไม่เคยเจอใครมีพฤติกรรมหยาบคายแบบนี้ในสถานที่แบบนี้มาก่อน   ส่วนเรื่องที่ผมกลับไปถามผมถามเพื่อความแน่ใจ  เพราะในความเข้าใจของผมผู้ชายใส่ขาสั้นมันไม่ได้ดูโป๊ไม่สุภาพ  ยกเว้นในงานที่เป็นพิธีการซึ่งต้องดูเป็นกรณีๆไป   ส่วนเรื่องจบที่การร้องเรียน่ะจบแน่ๆ  ผมไม่ได้ติดใจอะไรไปมากกว่านี้  ผมแค่ไม่อยากให้เสื่อมเสียถึงสำนักพระราชวัง  ไอ้ความจริงในฐานะที่ผมเป็นนักกฎหมายคนหนึ่ง  ถ้าผมจะทำให้เรื่องเข้าสู้กระบวนการยุติธรรมก็ยังได้  เพราะการกระทำของเธอเข้าองค์ปะกอบความผิดตามกฎหมายชัดเจนทั้งทางแพ่งและอาญา   แต่ผมได้บอกไว้แล้วว่างานนี้ผมทำเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อันจะเสื่อมเสียต่อสำนักพระราชวังตามมา  ส่วนการที่กระทำผิดต่อตัวผมและครอบครัวผมก็ไม่เอาผิดหรอก  อีกทั้งถ้าจะเอาผิดตามกฎหมายมันก็เป็นอะไรที่เล็กน้อยเกินไป   ส่วนถ้าคุณหมอนทองเกิดสมมุติเป็นเจ้าหน้าที่สำนักฯและเกิดสมมุติเป็นคณะกรรมการจริงๆ   ผมก็มั่นใจว่ายังไงผมก็ตอบคำถามได้แน่นอน  แบบนี้ผมตอบมาหน้าหงายแล้วมานักต่อนัก  เว้นแต่พวกหลักฐานคาตา  แต่ยังปฏิเสธเสียงแข็ง  ขนาดให้คนนับครึ่งร้อยช่วยยืนยัน  ยังไม่รับว่าตัวเองเข้าใจผิด คิดผิด จากคุณ : Newjurist (Newjurist) - [ 7 มิ.ย. 52 23:04:34 ]

ความคิดเห็นที่ 34 จากความเห็น 30 3.คุณได้หันไปถาม (นิ่มนวลขนาดไหนผมไม่ทราบ) “ผู้ชายก็ขาสั้นไม่ได้เหรอครับ”... คุณถามทั้งที่ทราบดีอยู่แล้ว... = = = = = ถ้าคุณสนทนากับหญิงคนนั้นว่า “ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าเด็กขนาดนี้ใส่ขาสั้นไม่ได้ ไม่ทราบว่าผมต้องทำอย่างไรถึงจะได้พาน้องชายผมเข้าชมครับ” ถ้าคุณใช้ประโยคเหล่านี้ ก็จะไม่มีเหตุการณ์อื่นๆ ตามมาหรอกครับ ----------------------------------- ผมว่าทั้งสองประโยคมันก็ไม่เห็นจะแตกต่างกันตรงไหนเลยครับ ความแตกต่างมันน่าจะขึ้นอยู่กับคนตอบมากกว่า 1 “ผู้ชายก็ขาสั้นไม่ได้เหรอครับ” ... -ไม่ได้ค่ะ ต้องรอเปลี่ยนเป็นขายาวกับเจ้าหน้าที่ตอน 8:30 2 “ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าเด็กขนาดนี้ใส่ขาสั้นไม่ได้ ไม่ทราบว่าผมต้องทำอย่างไรถึงจะได้พาน้องชายผมเข้าชมครับ” -ไม่ได้ค่ะ ต้องรอเปลี่ยนเป็นขายาวกับเจ้าหน้าที่ตอน 8:30 แบบนี้ก็จะไม่มีเหตุการณ์อื่นๆตามมา จะตะโกนทำไม "คนไทยรึเปล่าๆ" แต่ก็ไม่เข้าใจเจ้าของกระทู้เหมือนกัน ในเมื่อตอนแรกก็บอกว่า "ทางเราก็รู้อยู่แล้วว่ามันต้องมีปัญหา แต่รู้ว่าเข้ามีให้เปลี่ยน" แล้วจะไปถามทำไมอีก จากคุณ : -J- - [ 7 มิ.ย. 52 23:30:09 A:125.25.94.249 X: TicketID:088486 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เราว่า จขกท.ก็จำไว้เป็นบทเรียนละกันค่ะ ว่าคราวต่อไปเมื่อมีญาติเข้ากรุงเทพฯ ก็บอกเค้าล่วงหน้าดีกว่าว่าเมื่อไปสถานที่ราชการก็ควรแต่งตัวให้มิดชิดและเรียบร้อย จำได้ว่าตอนเราเรียนแถวนั้นเค้าไม่ได้เข้มงวดมากขนาดนี้ เพราะเราเคยไปถ่ายรูปกับวาดรูปในวัดพระแก้ว และช่วงแรกๆ ก็ต้องใส่กระโปรงตอน ปี 1และรู้สึกจะเคยใส่กระโปรงประมาณเข้าหรือเหนือเข่าเข้าไปด้วย แต่ก็ดีแล้วล่ะค่ะที่เค้าเข้มงวดจะได้ดูมีระเบียบหน่อย แต่เราไม่เห็นด้วยกับไกด์คนนั้นที่เข้าไปหากินในนั้นและทำท่ากร่าง ทั้งๆ ที่เค้าไม่ได้ทำงานในนั้นค่ะ อีกอย่างเค้าควรพูดจามีหางเสียงตลอดเวลาเพราะไกด์ก็เป็นงานบริการอย่างหนึ่ง แนะนำว่าให้ร้องเรียนไปเลยไม่ต้องเกรงใจ อย่างน้อยก็อาจทำให้เค้ารู้สำนึกบ้าง แต่นานมากแล้ว เราเคยใส่กางเกงสี่ส่วนเข้าไปแท้ๆ เค้าก็ให้เปลี่ยนเป็นผ้าถุง แต่เจ้าหน้าที่เค้าก็พูดดีนะคะ หรือว่าดวงดีก็ไม่รู้สิ แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 52 00:38:11 แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 52 00:35:53 จากคุณ : เด็กศิลป์ (Artiste) - [ 8 มิ.ย. 52 00:31:03 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ก่อนปิดเครื่อง... แค่เข้ามาบอกว่า... ผมอ่านอยู่ครับ... แต่คงไม่มีความเห็นอะไรนะครับ เพราะต่างก็แสดงทัศนะของตนเองจบไปแล้ว... และของผมก็มีคำตอบอยู่ในนั้นแล้ว... แต่เผอิญมีข้อสงสัยของความคิดเห็นที่ 34... เลยขออธิบายสักนิดหนึ่ง... เพราะคำตอบผมในความคิดเห็นที่ 30 ไม่ได้อธิบายเอาไว้ คำกล่าวที่ 1 เมื่อฟังแล้ว ก็ต้องงงกันหละครับ ถ้าคนถามบรรลุนิติภาวะแล้ว... สถานที่อันเป็นที่สูงส่ง สถิตไว้ซึ่งสิ่งคู่บ้านคู่เมือง เราคนไทยต้องเคารพและให้เกียรติสถานที่... ทุกคนต้องรู้ ทุกคนต้องทราบ.. รู้ว่าเป็นสถานที่ที่เหล่าคนไทยทั้งผอง ให้ความเคารพสักการบูชา รู้ว่าเข้าชมได้ แต่มาอ้างว่าไม่รู้ว่าต้องแต่งกายให้เรียบร้อย ความจริงต้องเล่ายาวกว่านี้ ผมขอขยายความเท่านี้นะครับ... เพราะเกรงใจท่านเจ้าของกระทู้ ซึ่งโดนมามากทีเดียว คำกล่าวที่ 2 เมื่อฟังแล้ว ความรู้สึกเดียวกัน ไม่ต่างกันหรอกครับ แต่ท้ายประโยค ยังมีคำถามเชิงขอความช่วยเหลือ... ฟังแล้วยังน่าให้ความช่วยเหลือบ้างครับ... แทนที่จะตอบกลับแบบเครียดๆ ยังรู้สึกเบาลงเวลาอยากให้ความช่วยเหลือแนะนำ... คุณความคิดเห็นที่ 34 คงเข้าใจแล้วนะครับ ว่า... 2 ประโยคนี้ ต่างกันตรงไหน... แต่ขยายความมากกว่านี้ เพื่อให้เข้าใจว่า ทำไม่ชอบพูดกันนัก “คนไทยหรือเปล่า” ตรงนี้ผมขอนะครับ... ไม่อยากต่อความให้ยาวออกไปอีก คุยกันเท่าที่จำเป็น = = = = = ส่วนท่านเจ้าของกระทู้ ไม่ต้องเครียดกับคำตอบเหล่านี้นะครับ... ผมไม่บังอาจว่าซ้ำเติมเจ้าของกระทู้แบบนี้หรอก แต่ผมจำเป็นต้องขยายความให้ความคิดเห็นที่ 34 เข้าใจ... ความจริงแล้ว ถ้าไม่มีการสงสัย ผมก็คงไม่ขยายความตรงนี้... ผมพยายามตัดข้อความไปเยอะทีเดียว ถ้ากระทบกับความรู้สึกของท่านเจ้าของกระทู้ ก็ต้องขออภัยไว้ตรงนี้... ส่วนเรื่องทำเรื่องร้องเรียน... ก็เห็นด้วยครับ ความจริงจะได้กระจ่าง... สตรีท่านนั้น อย่างน้อยที่สุด ก็จะได้ถูกตักเตือน หรือสั่งภาคทัณฑ์ ในกรณีที่พบว่า กระทำผิดจริง ส่วนความผิดแพ่งหรืออาญา ผมไม่ทราบครับ เพราะเนื้อความที่เล่ามา ยังไม่พบ... แต่เชื่อว่า เจ้าของกระทู้คงทราบดีว่า ดำเนินคดีทางแพ่งและอาญา ต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป... จากคุณ : หมอนทองแท้ - [ 8 มิ.ย. 52 00:50:10 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ว่าจะไม่กลับมาแต่ก็คันปากอยากแจมนิดหน่อย จะว่าดื้อก็ยอม คือความคิดของคุณหมอนทองแท้ เรื่องที่ว่า "... เราคนไทยต้องเคารพและให้เกียรติสถานที่... ทุกคนต้องรู้ ทุกคนต้องทราบ ... รู้ว่าเข้าชมได้ แต่มาอ้างว่าไม่รู้ว่าต้องแต่งกายให้เรียบร้อย..." มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามทฤษฎี แต่ความจริงแล้ว -___-' ก็ด้วยระบบการศึกษาของไทยที่ดีเลิศนี่แหละ มันไม่ได้ทำให้คนไทยทุกๆ คนรู้ในสิ่งที่ควรรู้นี่หรอก อย่าว่าเด็กอย่าโทษเด็กๆ เลย บรรดาครูๆ ไม่ต้องไปไกลที่ไหนหรอก ลองถามคุณครูที่อยู่คนละฝั่งแม่น้ำกับเกาะพระนครก็ได้ มั่นใจว่าไม่ได้มีแค่คนเดียวที่ไม่รู้ว่า เสื้อแบบโชว์ขาโชว์ไหล่โชว์นม เข้าวัดพระแก้วไม่ได้ น่าอนาถยิ่งนัก เคยเจอหลายคน รู้กระทั่งวันที่ควีนอลิซาเบธ II ขึ้นครองราชย์ใส่เครื่องเพชรชุดไหน แต่ไล่ลำดับรัชกาลที่ 1 - 9 ของไทยไม่ถูก ทั้งๆ ที่เจ้าหล่อนจบเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง ม.แถวสามย่าน -___-' หรือเกียรตินิยมเหมือนกันแต่เขียน "วันพุทธ" แทน "วันพุธ" ทุกครั้งเลิศจริงๆ การศึกษาประเทศตู คือปริ๊ดแรกที่เราเจอก็คงโมโหคิดในใจว่า "คนไทยหรือเปล่าเฟ้ย" แต่วูบเดียวก็กลับมานึกถึงข้อเท็จจริงนี้ให้อนาถใจกันต่อไป จากคุณ : เสียงลมหนาว - [ 8 มิ.ย. 52 14:00:23 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ผมว่า ผมต้องขอโทษเจ้าของกระทู้ไว้ล่วงหน้าดีกว่า... เพราะถ้าผมไม่พูดให้กระจ่าง “คุณ เสียงลมหนาว” คงจะต้องคันปากตามที่เธอว่าไปนานทีเดียว... หลายคนก็คงเครียดกับคำตอบผมมากๆ... รู้... แต่ดันไม่พิมพ์เล่าแจ้งแถลงไข แต่ยืนยันครับ สิ่งที่ผมจะพิมพ์ต่อไปนี้ ท่านเจ้าของกระทู้ไม่ได้ผิดอะไร เพราะไม่รู้... นะครับ... ผมจะใช้ภาษาที่นุ่มนวลที่สุดครับ... = = = = = คืออย่างนี้ครับ คุณเสียงลมหนาว และอีกหลายๆ ท่านที่นึกอึดอัด... มันคล้าย (แค่คล้ายนะครับ ไม่ใช่เหมือน)... มันคล้ายกับที่ประชาชนทุกคนต้องรู้กฎหมาย จะอ้างว่าไม่รู้นั้น แท้จริงแล้วฟังไม่ขึ้น แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นกับดุลพินิจของผู้ควบคุมการบังคับใช้กฎหมาย ว่ามีเจตนาหรือไม่ เมื่อสิ่งที่เราไม่รู้ เราได้กระทำพลาดไปแล้ว สิ่งที่ควรกระทำ คือ สารภาพผิด ขอความเห็นใจ หรือ  ขอความเมตตาในกรณีที่ขึ้นถึงชั้นศาล คนไทยเราน่ารักนะครับ... ไม่บาดหมางขุ่นเคืองหรอกครับ มีแต่ความปราณี ให้อภัยกัน... อ่านมาถึงตรงนี้  บางคนอึดอัด เจ้าหมอนทองแท้พูดอะไร... เอาเรื่องของกฎหมาย ไปเทียบกับระเบียบของพระราชวัง เดี๋ยวครับ... ใจเย็นๆ ตามอ่านต่อไป = = = = = คราวนี้ทุดสังคม ทุกสถานที่ มีกฎระเบียบในตัวของแต่ละที่... โรงพยาบาลมีข้อห้ามใดๆ ไหม... โรงเรียนมีข้อห้ามใดๆ ไหม... สวนสาธารณะมีข้อห้ามใดๆ ไหม... ยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ นะครับ คุณเสียงลมหนาว... จะได้สบายใจ นอนหลับได้เต็มตา การที่เราจะไปสถานที่แห่งหนึ่ง เช่น คุณจะไปหอสมุดแห่งชาติ... คุณต้องรู้แล้วว่า ที่ๆ คุณจะไปนั่น มีอะไรอยู่บ้าง... เช่นมีหนังสือ คุณต้องการอ่านหนังสือ คุณถึงตั้งใจจะไปหอสมุด... คุณไปโดยไม่มีข้อมูลอะไรเลย เห็นคนเดินเข้าเยอะๆ ก็เลยเดินเข้าไปบ้างนั้น เป็นไปไม่ได้ และสิ่งที่คุณต้องศึกษาต่อไปก็คือ... ห้องสมุด มีข้อห้ามอะไร ห้องสมุด ห้ามคุย ส่งเสียงดัง กิน ดื่ม หลับ นอน ห้ามถ่ายภาพ... ตรงนี้ทุกคนทราบกติกา เมื่อคุณไปห้องสมุด คุณทราบกติกาข้อห้ามได้... แล้วทำไมคุณตั้งใจไปพระบรมมหาราชวัง คุณจะไม่ทราบข้อมูลอะไรเชียวหรือ... เช่นกัน คุณอยากเข้าไปชมสถานที่แสดงภาพวาด หรือเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์... คุณต้องทราบแล้วว่า พิพิธภัณฑ์เป็นสถานที่จัดเก็บ หรือแสดงอะไร จากนั้น คุณต้องทราบแล้วว่า ในพิพิธภัณฑ์ มีข้อห้ามอะไรบ้าง พิพิธภัณฑ์ ห้ามส่งเสียงดัง ห้ามกิน ดื่ม หลับ นอน ห้ามถ่ายภาพ... ตรงนี้ทุกคนทราบกติกา เมื่อคุณไปพิพิธภัณฑ์ คุณทราบกติกาข้อห้ามได้... แล้วทำไมคุณตั้งใจไปพระบรมมหาราชวัง คุณจะไม่ทราบข้อมูลอะไรเชียวหรือ... และสรุปง่ายๆ เมื่อคุณไปห้องสมุด เมื่อคุณไปพิพิธภัณฑ์ คุณทราบว่าในนั้นมีอะไร และกติกาข้อห้ามมีอะไร... แล้วทำไมคุณตั้งใจไปพระบรมมหาราชวัง คุณจะไม่ทราบข้อมูลอะไรเชียวหรือ... ทำไมเราต้องเหลือพระบรมมหาราชวังไว้อย่างเดียวล่ะครับ ที่เราต้องไม่รู้... ทั้งที่ทุกคนก็รู้ว่า ภายในเขตรั้วของพระบรมมหาราชวัง มีอะไรบ้าง... พระแก้วมรกต พระสยามเทวาธิราช คงพอเข้าใจแล้วนะครับ คุณเสียงลมหนาว... ผมไม่อยากอธิบายบ่อยๆ ด้วยความเกรงใจท่านเจ้าของกระทู้จริงๆ... เพราะเขาผ่านอะไรที่หนักๆ มาเยอะแล้ว... เดี๋ยวข้อความผม จะกลายเป็นการซ้ำเติมครั้งแล้วครั้งเล่า และทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่ผมพิมพ์ไว้เมื่อคืน แต่ได้ลบทิ้งออกไปตามที่ได้กล่าวไว้แล้ว... = = = = = คราวนี้มาวิเคราะห์กันว่า... ทำไมชอบพูดถากถางกันนักว่า “คนไทยหรือเปล่า” ผมโดนใครว่าประโยคนี้ ผมโกรธน๊ะ... ผมไม่หลอกตัวเองว่าไม่โกรธหรอกครับ... เรามาวิเคราะห์กันเล่นๆ ครับ คุณเสียงลมหนาว ผมไม่อาจเอาใจสตรีท่านนั้นได้ถูกหรอกครับ ว่า ทำไมวันนั้น เธอจึงพูดประโยคนี้ออกมา... แต่เรามาวิเคราะห์เล่นๆ ดีกว่า ความจริง คุณเสียงลมหนาว เคยอบรมมัคคุเทศก์มาก่อน น่าจะทราบดี... เพราะมีการพูดถึงกันบ่อยๆ คืออย่างนี้ครับ... เรื่องการแต่งกายของชาวต่างชาติและของคนไทยเองเวลาเข้าชม ต่างกันอยู่บ้างในหลายๆ คน นักท่องเที่ยวที่มากับกรุ๊ปทัวร์นั้น มัคคุเทศก์ อธิบายข้อพึงปฏิบัติก่อนวันเข้าชมแน่นอน ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มากันเองแบบแบ็กแพ็ค... แน่นอนว่า เธอมากับคู่มือท่องเที่ยวพร้อมคำอธิบายข้อห้าม ข้อปฏิบัติ แต่มีกรณีหนึ่งครับ ที่ คุณเสียงลมหนาว ต้องเคยฟังเขาเล่า เพราะคุ้นเคยกับวงการมัคคุเทศก์ นักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ครับ... แน่นอนครับ เขาตั้งใจมาเที่ยวทะเล กับพระบรมมหาราชวัง... แต่จุดใหญ่สำคัญของเขา คือ พระบรมมหาราชวัง คุณเสียงลมหนาว เคยเห็นชุด “แม่หญิงลาว” ไหมครับ... เสื้อ ผ้านุ่ง สวยงาม พร้อมแพรคล้องไหล่ นั่นหละครับ เธอให้เกียรติขนาดนั้น... ข้าราชการต่างๆ เมื่อมีความจำเป็นต้องเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง... เชื่อไหมครับ เสื้อผ้า หน้า ผม แป๊ะ... เขาจะเลือกเสื้อกางเกงที่เพิ่งซักรีดมาใหม่ รองเท้าเข็มขัด เงาวับ ไร้ฝุ่น... ก่อนลงรถ ต้องมองรองเท้า มองแล้วมองอีก... แต่เวลาหันไปเจอนักท่องเที่ยวบ้านเรากันเอง วัย 30 กว่าๆ ใส่กางเกงยีนส์เข่าขาดตามแฟชั่น... เห็นแล้วน้ำลายมันเหนียวคอน๊ะครับ พูดไม่ออก... สตรีท่านนั้น ก็เห็นว่าแต่งกายเรียบร้อย เป็นลักษณะคล้ายเครื่องแบบ... ผมเลยเดาใจเธอได้ไงครับ ว่า เธอกำลังน้อยใจอะไรอยู่... แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น... ผมไม่ได้มาเพื่อแก้ต่างให้เธอ... ผิดก็คือผิด... = = = = = คราวนี้ คุณเสียงลมหนาว คงเข้าใจนะครับ ว่า บ้านเมืองมีกฎ กติกา... สถานที่ทุกแห่งมีกฎ กติกา เราต้องทราบกฎ กติกาในที่ที่เราไปอยู่ คนเราทุกคน ต้องรู้กฎ กติกา ทำผิดพลาดโดยไม่รู้จริงๆ นั้นได้... แต่เมื่อรู้ว่าผิดแล้ว ขอความเห็นใจ หรือขอความช่วยเหลือ หาทางออก หาวิธีแก้ไข... คนไทยด้วยกัน ไม่ใจไม้ไส้ระกำหรอกครับ = = = = = คนเราไม่รู้ก็เยอะครับ ผมก็เคยเป็น แต่ไม่รู้แล้ว เราต้องเลือกวิธี... ก่อนจบ ผมขอเล่าสิ่งที่ผมเคยทำผิดพลาด ผิดกติกาของสถานที่แห่งหนึ่งโดยไม่ตั้งใจให้ฟัง... ผมกับพรรคพวก ได้ไปปฏิบัติภารกิจหนึ่ง... หลังจากนั้น นั่งรถกลับกันมาถึงบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ... รถติดมาก วันนั้นทั้งวัน ทุกคนไม่มีโอกาสได้หาอะไรใส่ลงท้องเลย... หิวก็หิว... ขณะนั้น ผมอยู่ใต้สถานีรถไฟฟ้าพอดี ผมตัดสินใจขอแยกลง เพราะมืดแล้ว หิวก็หิว อยากจะรีบกลับบ้าน... รถไฟฟ้านี่หละ คือทางเลือก เพราะนั่งแท็กซี่ก็ติดอยู่ดี พอลงรถ ก็มุ่งหน้าจะขึ้นสถานี ก็เจอเข้าให้กับแม่ค้ากำลังทอดขนมไข่นกกระทาทอด... ของโปรดผมเชียวหละ ว่าแล้วก็ซื้อหวังจะกินรองท้องแก้หิวไปก่อน... ซื้อเสร็จ มุ่งขึ้นสถานี หยอดเหรียญ เพื่อจะลงสถานีปลายทางตากสิน.... ขึ้นไปถึงชานชาลาบน... มองซ้าย มองขวา แหงนหน้า ไม่มีคนเลย... มีแต่กล้องวงจรปิด กับยามเท่านั้น ที่มองเห็นเรา... ผมเคยสอนลูกสอนหลาน อย่าเดินกิน หรือยืนกินอาหารตามทาง... ถ้าจะกิน ให้หาที่นั่งกินให้เรียบร้อย... แต่เวลานี้ไม่มีคน หิวก็หิว ขอแอบกินหน่อยเถอะ... คิดได้ดังนั้น ผมก็คว้าขนมไข่นกกระทาทอดมากินเลยครับ... กินมันบนชานชาลานั่นหละ... เม็ดแรกเข้าปาก ตามด้วยเม็ดสอง ต่อด้วยเม็ดสาม แล้วจึงเคี้ยวพร้อมกัน... พอหมดปาก ก็ส่งชุดใหม่เรียงเข้าไปทันที เม็ดหนึ่ง เม็ดสอง เม็ดสาม... แล้วเคี้ยว... ตุ้ย..ตุ้ย.. ปรี๊ด..ด..ด... เสียงนกหวีดคำรามกึกก้องใกล้ๆ ตัว ด้านหลังผมนี่เอง... ไข่นกกระทาทอด ค้างอยู่กลางลูกกระเดือก... “คุณ... สถานีรถไฟฟ้า เขาห้ามรับทานอาหารบนนี้ครับ”... เสียงดังฉาดฉานทีเดียว ผมหันไป พร้อมทั้งรีบอมน้ำลายให้มากที่สุด เพื่อใช้ผลักเจ้าแป้งมันเทศและมันสำปะหลัง ให้ผ่านลงคอไปให้ได้... อ้อ... ยาม รปภ.รถไฟฟ้า... เขาเตือนเรานี่หว่า... เราผิดหรือนี่.... นึกว่าจะมีแต่ข้อหายื่นหน้าข้ามเส้นศักดิ์สิทธิ์สีเหลืองเสียอีก “อึ่ม... ขอโทษครับ ผมไม่รู้จริงๆ ว่ากินไม่ได้ แล้วในถุงนี้ทำยังไง มีที่ทิ้งขยะบนนี้ไหมครับ” พูดในขณะที่ยาม รปภ.ยืนอึ้ง หลังจากผมหันไปหาเขา “เอ่อ... ไม่เป็นไรครับผม... ไม่ต้องทิ้งก็ได้ครับ แค่หยุดกินก็พอครับ” โอ้โฮ... ขนมไข่นกกระทาทอด 6 เม็ด ตบด้วยเสียงนกหวีดพร้อมคำเตือนดังลั่น... เล่นเอาหายหิวเป็นปลิดทิ้งไปเลย... พร้อมทั้งนั่งคิดไปบนรถไฟฟ้า... “เออ... ตกลง รปภ. กับเรา  ใครตกใจหน้าใครกันแน่หว่าเนี่ยะ”... จากคุณ : หมอนทองแท้ - [ 8 มิ.ย. 52 16:57:49 ]

ความคิดเห็นที่ 39 -__-' ต้องขออภัยเจ้าของกระทู้ที่เหมือนจะใช้พื้นที่ไม่ตรงวัตถุประสงค์ แต่ก็อย่างที่บอกว่าเป็นพวกชอบคันปาก หุๆๆ จริงๆ สิ่งที่คุณหมอนทองแท้ได้กล่าวถึงนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องแน่แท้ทีเดียว เป็นวัตถุประสงค์หนึ่งของการศึกษาที่จะต้องขัดเกลาให้นักศึกษาทั้งหลายผู้เรียนทั้งหลายได้ก้าวไปถึงจุดนั้น ให้ผู้เรียนทั้งหลายได้เห็นความสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิต สนใจใคร่รู้ ขวนขวายหาความรู้ด้วยตนเองก่อนที่จะพึ่งพาคนอื่น และนำความรู้มาใช้พัฒนาตัวเอง ไม่ใช่เรียนเพื่อสอบ สิ่งนี้สำหรับประเทศไทยแล้ว มันก็เป็นแค่ "ยูโธเปีย" ซึ่งสำหรับเรา(ที่อาจจะมีอคติมากไป) เราไม่ได้มองว่า นักศึกษา(ไม่ว่าจะในฐานะไกด์หรือนักท่องเที่ยว) เป็นผู้ผิด ก็มันจะผิดได้ไงแหละ ในเมื่อระบบการศึกษาไม่เคยมีกล่อมเกลาให้มีค่านิยม มีความคิดเช่นนี้ เช่นเดียวกันกับการเลือกวิธีแก้ปัญหาเมื่อเกิดความผิดพลาดหรือเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นไปอย่างที่คิด ในความคิดแบบแคบๆ ของเรา เราว่ามันเป็นสิ่งที่ยากขึ้นไปอีก เพราะมันคือการนำกระบวนการคิดกระบวนการควบคุมอารมณ์มาใช้เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างฉับพลัน ซึ่งทักษะนี้จะเกิดขึ้นได้มีหลายปัจจัย สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากคือการได้รับการศึกษาที่ดีที่สอนให้รู้ลึกไปถึงขั้นว่า เราเรียนวิชานี้เพื่ออะไร คนส่วนใหญ่มักคิดว่าเรียนวิชานี้เพื่อรู้ความรู้ในวิชานั้น แต่แท้จริงแล้วยังมีอีกสิ่งที่แฝงไว้ด้วย นั่นคือ ได้เรียนรู้และฝึกฝนกระบวนการคิด แต่หลายคนไม่เข้าใจถึงจุดนี้จึงได้แต่คิดว่า ถ้าฉันไม่อยากทำงานเกี่ยวกับตัวเลข ฉันไม่จำเป็นต้องเรียนคณิตศาสตร์หรอก เพราะชีวิตประจำวันแค่บวกลบคูณหารก็พอ แต่จริงๆ แล้ววิชาคณิตศาสตร์เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดสุด ในการฝึกกระบวนการคิด ให้รู้ว่าอะไรควรทำก่อนทำหลัง เมื่อได้ฝึกฝนกับโจทย์ของแต่ละวิชา ก็เท่ากับฝึกให้เรารู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ นอกเหนือไปจากการรู้จักควบคุม EQ ของตัวเองให้พร้อมกับกับสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของตนเอง นั่นคือ พฤติกรรมและอารมณ์ของผู้อื่น ถามว่า "ระบบการศึกษาไทย" ในปัจจุบัน สามารถทำให้ผู้เรียนบรรลุถึงสิ่งที่กล่าวถึงข้างต้นได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าสิ่งที่กล่าวมาแล้วเกิดขึ้นจากโครงสร้างทางพันธุ์กรรมที่ติดตัวมากับมนุษย์แต่เกิดแล้ว ไม่จำเป็นต้องได้รับการกล่อมเกลาจึงจะคิดได้ ก็คงไม่จำเป็นต้องมีโรงเรียน ขณะเดียวกันหากโรงเรียนไม่สามารถชี้ให้เด็กเห็น และฝึกฝนให้เข้าใจถึงแก่นแท้เหล่านี้ได้ ก็อย่าโทษเด็กที่เขาจะทำไม่ได้ ต้องขออภัยเจ้าของกระทู้อีกครั้งที่เข้ามาใช้พื้นที่มากเหลือเกิน จากคุณ : เสียงลมหนาว - [ 8 มิ.ย. 52 23:21:49 ]