 |
ขอความเห็นหน่อยครับ
เพื่อน ๆ ครับ ช่วยแสดงความคิดเห็นหน่อยนะครับ
ผมทำงานเกี่ยวกับการโรงแรมมาทั้งหมด 9 ปี ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาแล้วครับ แต่เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดวันนี้ทำให้ผมต้องระบายความรู้สึกหน่อยนะครับ
ได้โปรดใช้วิจารณญาณด้วยนะครับ ไม่ต้องเชื่อก็ได้นะครับ แค่ระบายและถามความคิดเห็น
ผมเริ่มต้นจากการไต่เต้า ( ไม่ใช่เต้าไต่นะครับ ) จากพนักงานต้อนรับ ( Receptionist )ที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่จังหวัดทางภาคใต้ เป็นเวลา 2 ปี อัตราเงินเดือน 4,800 บาท ( ปริญญาตรี ) แล้วเจ้านาย ( front office manager ) เห็นความสามารถเลยเลื่อนตำแหน่งเป็นพนักงานจองห้องพัก ( Reservation officer ) เงินเดือนขึ้นเป็น 6,000 บาท จนทำงานครบ 1 ปี เจ้านายของผมเขาเสียชีวิต ด้วยโรคมะเร็ง ตำแหน่งของเจ้านายเลยว่าง ทางแผนกบุคคล ( personal manager ) ซึ่งเพิ่งเข้าทำงานที่นี่ เพิ่งเรียนจบ และเป็นลูกสาวของเจ้าของโรงแรม ได้เลื่อนตำแหน่งผมเป็นหัวหน้าแผนก ( front office supervisor ) พร้อมทั้งปรับเงินเดือนให้เป็น 11,000 บาท
ผมก็ตั้งใจทำงานจนสุดความสามารถให้เหมาะสมกับที่เขาไว้ใจ จนครบ 1 ปีในตำแหน่งซุปเปอร์ ทางผู้จัดการฝ่ายการตลาดขอลาออกเพื่อไปทำงานกับฝรั่ง( พูดง่าย ๆ เงินเดือนเยอะกว่า ) ทางฝ่ายบุคคลจึงให้ผมควบตำแหน่งนี้อีก พร้อมทั้งเลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการฝ่ายต้อนรับส่วนหน้าควบผู้จัดการฝ่ายการตลาด ปรับเงินเดือนเป็น 20,000 บาท โดยผมทำการตลาดแค่ 1 คนคือตัวผมเอง และมีผู้ช่วยในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายต้อนรับ 1 คน เพื่อคอยดูแลตอนผมไปพบลูกค้า
ผมก็ทำงานจนสุดความสามารถ จนแขกมาพักทะลุเป้าหมายทุกปี แม้ปีที่เกิดสึนามิก็ตาม ผมก็ได้ปรับเงินเดือนพร้อมโบนัสมาตลอด
จนถึงเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมาทางลูกสาวของเจ้าของอีก 1 คน ( เจ้าของโรงแรมมี 3 หุ้นส่วน ) เพิ่งจบการศึกษาแล้วเข้ามาเป็น MD ( อายุ 22 ปี ) แต่นาน ๆ ครั้งเธอจะเข้ามาโรงแรมครั้งหนึ่ง
แล้วปัญหาก็มาตอนนี้
เจ้าของโรงแรม(พ่อเธอ )กว้านซื้อที่บริเวณท่าเรือเพื่อที่ทำที่จอดรถและร้านอาหาร โดยให้เธอคนนี้ดูแล ( ลืมบอกไป โรงแรมผมต้องนั่งเรือข้ามประมาณ 15 นาที ).
พนง. ของโรงแรมทุกโรงแรมและทุกคน ต้องนำรถไปจอดที่นั้น ( เพราะไม่มีที่สาธารณะแล้ว ) รวมทั้งผมด้วย ในอัตราคันละ 150 บาทต่อเดือนต่อรถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน
ผมก็เอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุมผู้บริหารของโรงแรมว่าทำไมต้องเก็บเงินจากพนักงานด้วย ทางโรงแรมต้องบริการพนง. สิ ผมโดนเธอสวนมาว่าเงินแค่ 150 บาทไม่เห็นมากสำหรับผม ผมก็แย้ง แล้วพนง. คนอื่น ๆ หล่ะ เงิน 150 บาท สำหรับเขามันมาก เก็บกับพนง. โรงแรมอื่นก็น่าจะพอแล้ว ( มีโรงแรมทั้งหมด 12 โรงแรม พนง. ทั้งหมด ประมาณ 900 คน)
จนเกิดการโต้เถียงกัน สุดท้ายสรุปโดยผู้จัดการทั่วไปว่าทางโรงแรมต้องบริการพนง. โดยทางโรงแรมออกค่าใช้จ่ายให้ ยังผลให้เธอไม่พอใจและเคืองผมทุกครั้งที่เจอกัน
จนเมื่อ 15 วันที่ผ่านมา ผมได้ออกรถยนต์ และขับมาจอดที่บริเวณที่จอดรถของเธอ พนักงานเฝ้าสถานที่ขอเก็บค่าบริการกับผมอัตรา 100 บาทต่อวัน แต่ถ้าจอดเป็นรายเดือน ราคา 1,500 บาท ลดให้ราคาพิเศษในกรณีที่เป็นพนง. โรงแรมเหลือ 1,100 บาทต่อเดือน ไม่อย่างนั้นจะไม่ให้จอด
ผมก็เลยเดินไปถามกับเจ้าตัว ขณะเธอกำลังดูแลร้านอาหารซึ่งอยู่บริเวณนั้น ว่าทำไมต้องเก็บเงินด้วย ผมเป็นพนง.ของคุณนะ ทำงานให้คุณมาตั้ง 9 ปี กับแค่ที่จอดรถทำไมไม่บริการผม เธอพูดกับผมด้วยท่าทางเรียบเฉยว่า เงินเดือนผมเยอะ และที่สำคัญมีเงินซี้อรถก็ต้องมีเงินจ่ายค่าที่จอดรถ พอดีแม่เธอได้ยิน ( ภรรยาของเจ้าของโรงแรม ) เลยเดินมาพูดว่าไม่ต้องเก็บหรอกสำหรับรถผมหน่ะ แต่เธอกลับพูดว่า ไม่ได้ยังไงก็ต้องเก็บ แม่เธอได้แต่ส่ายหน้า แล้วเดินจากไป
ผมเอาเรื่องงนี้ไปปรึกษากับผู้จัดการทั่วไป ผู้จัดการทั่วไปก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะท่านเองก็กำลังโดนบีบจากหล่อนเรื่องงานอยู่
เพื่อน ๆ ว่าผมต้องทำอะไรดีครับ ผ่อนรถแล้วยังมาจ่ายค่าที่จอดรถ 1100 บาทต่อเดือน คิดว่าผมไปคุยกับพ่อหล่อน ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมเลยดีไหมครับ หรือลาออกไปเลย ( แต่งานยิ่งหายากอยู่ ) ช่วยแนะนำหน่อย
จากคุณ :
ataporn
- [
6 มิ.ย. 52 10:46:13
]
|
|
|
|
|