ความคิดเห็นที่ 1 ที่จริงแล้ว สถานที่แห่งนี้ ก็คงมีคนรู้จักกันเป็นทั่วไป  หลายคนคงเคยไปมาแล้ว และยังมีป้ายบอกทางไป สะดวกมาก ครับ แต่อย่างไรก็ดีผมก็ขอนำแผนที่ ที่ผมเคยลากให้เพื่อนๆ ดู เมื่อคราวไป วัดม่วง เพื่อจะได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ของ จ.สุพรรณบุรี ไปด้วยครับ (เป็นส่วนด้านเหนือของตัวจังหวัด) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 16:14:39 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เวลาไปถึงแล้ว จะรู้สึกงงๆ ว่า ส่วนไหนเป็นพื้นที่ พระบรมราชานุสรณ์ เพราะมีรั้ว มีแนวเขตกั้นกันหลายชั้น จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 18:02:49 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เส้นทางที่คนนิยมไปก็คือ ผ่านอ.ศรีประจันต์ ซึ่งก็จะมองเห็นองค์พระเจดีย์ยุทธหัตถี สีขาวๆ ตั้งแต่ไกล ครับ ตรงนั้นเป็นด้านหลังนะครับ  พอไปถึงตรงสามแยกนั้น นั้นต้องเลี้ยวซ้ายหรือขวาก็ได้ เพื่อไปวนกลับมาด้านหน้าอีกที ครับ  บอกตรงๆ ว่า งง..ไม่น้อยนะครับ ถ้าไม่มีแผนที่ แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 52 03:09:37 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 18:11:04 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมวนรถมาถึงประตูด้านหน้าแล้วครับ เป็นถนนที่มีความกว้างมาก แต่เวลาข้ามต้องระมัดระวังหน่อย เพราะรถวิ่งเร็วนะครับ  จากรูป เห็นว่าไม่ไกล แต่ที่จริงไกลนะครับ ระยะทางจากประตูหน้าไปยัง พระบรมราชานุสรณ์ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 18:17:06 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมรู้สึกชอบประติมากรรม เสาที่เป็นเสมือนประตูด้านหน้าแห่งนี้ไม่น้อยครับ เข้าไปดูใกล้ๆ ก็เลยทราบว่า สาเหตุที่เขาทำเป็นกิ่งก้าน ก็คือ ที่ใส่หลอดไฟส่องสว่าง ฟลูออเรสเซนต์ นะครับ นับว่ากลมกลืนกับ ศิลปะมาก จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 18:24:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มีทั้งหมด 4 ชุด ครับ  ต้องขออภัยที่ภาพออกมืดไปหน่อย เพราะตอนที่ผมไปนั้น ห้าโมงเย็นกว่าๆ เพราะไปเที่ยววัดม่วงมา ออกจากโน้นก็สี่โมงเย็นไปแล้วครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 18:28:06 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จากหน้าประตูนี้ มองเข้าไปข้างใน ก็ไกลไม่น้อย แต่ช่องจอดรถนั้นยาวมาถึงที่นี่ แสดงว่า เวลามีงานสมโภชน์ มีคนมาเยอะจริงๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 18:30:59 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเคลื่อนรถมาถึงด้านหน้า พระบรมราชานุสรณ์แล้วครับ ตรงนี้จอดรถได้หลายคัน ไม่มีเส้นบนถนนต้องกะกันเองครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 18:37:45 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอถ่ายภาพหน้าตรง ก่อนก้าวเข้าไปในรั้วพระบรมราชานุสรณ์หน่อยครับ   ภายในรั้วโดยรอบพื้นที่ลักษณะกลม จะเป็น สวนรุขชาติดอนเจดีย์ครับ เวลากลางวันร้อนๆ เข้าไปนั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจได้สบายครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 18:41:51 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เนื่องจาก รูปปั้นของพระองค์นั้นมีสีดำ ตัดกับ องค์พระเจดีย์สีขาว จึงยากแก่การถ่ายภาพออกมาให้เห็นชัดเจนครับ    ซูมเข้าไปให้เห็นมากขึ้น เพราะถ้าหากเข้าไปใกล้แล้วจะไม่สามารถถ่ายภาพทั้งสองสิ่งได้พร้อมกันครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 18:46:33 ]

ความคิดเห็นที่ 11 จากรูปข้างบน เราจะเห็นคนที่นั่งกางแขนถือพู่ชัดเจน จนอาจเข้าใจผิดว่าเป็น องค์พระนเรศวร  ไม่ใช่นะครับ นั่นคือ ทหารผู้มีหน้าที่ ส่งสัญญาณควบคุมทัพที่เดินตามมา  ส่วนองค์พระนเรศวรเจ้า ท่านจะถือพระแสงของ้าว ตรงคอช้างนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 18:53:23 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มุมนี้จะเห็นพระพักต์ของพระองค์ชัดเจนกว่ามากครับ (แต่ไม่ค่อยมีคนถ่ายภาพมุมนี้มาให้ชมกัน จะนิยมถ่ายภาพในมุม คห.10 และ 11) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 19:00:45 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ซูมกล้องเข้าไปให้ชัด (แต่ไม่ชัด เพราะแสงน้อย และไม่ได้ใช้ขาตั้งกล้อง ก็พอมอเห็นพระพักต์ของพระองค์มากขึ้นเล็กน้อยครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 19:04:15 ]

ความคิดเห็นที่ 14 นี่แหละครับ ที่เรียกว่า นั่งบนคอช้างจริงๆ เนื่องจากคอช้างจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก พอจะนั่งได้ ถ้าหากเป็นหลังช้างจะต้องมีที่นั่ง ไม่งั้นก็ตกหลังช้างได้ง่ายๆ  นับเป็นความกล้าหาญอย่างมาก ที่ต้องประจันหน้ากับข้าศึกศตรู ที่มีอาวุธยาวๆ อย่างเช่น พระแสงของ้าว ทั้งหนักทั้งคม ครับ พระเจ้าแผ่นดินที่ทรงพระความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวอย่างนี้ ประชาชนจึงสู้ตายถวายหัวเลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 19:09:16 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มุมนี้จะเห็นว่ามี ทหารอีกคนหนึ่งอยู่ด้านท้ายของช้าง  เป็นควาญช้างครับ เขามีหน้าที่คอยควบคุมช้างอีกที  จะเห็นว่าเขาถือตะขอยาวๆ ไว้สั่งช้าง ถ้าหาก พระนเรศวรท่านกำลังรบติดพันอยู่ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 19:18:41 ]

ความคิดเห็นที่ 16 นี่เป็นมุมมองด้านหลัง จะควาญช้างชัดเจนขึ้นครับ และรูปนี้จะเห็นคนส่งสัญญาณคุมกระบวนทัพนั้นยืนอยู่ครับ  เราถึงเห็นเขาชัดเจนมากกว่าใครๆ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 19:22:25 ]

ความคิดเห็นที่ 17 รูปนี้ ออกแนวศิลป์ หน่อยนะครับ คือเน้นแสงของท้องฟ้า และแนวสายตาที่ลู่ลงมาทางด้านขวาครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 19:25:34 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตรงนี้เป็นด้านหน้า หลังจากกราบท่านแล้ว ก็เงยหน้าขึ้นมองเห็นดังในรูปนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 19:28:56 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ซูมเข้าไปอ่าน แผ่นป้าย ข้างหน้าให้ชัดๆ หน่อย  เขาใช้ชื่อว่า "พระปรมานุสาวรีย์" ช่างแปลกไปจากที่เราทราบกันนะครับ  กล่าวถึงประวัติโดยย่อของพระองค์ ตั้งแต่ พระราชสมภพ ประกาศอิสรภาพ ครองราชย์ และเสด็จสวรรคต รวมพระชนมายุ 50 ปี  ผ่านมาแล้ว 400 ปี ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 19:37:02 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ด้านข้างของฐานพระบรมราชานุสรณ์ ก็มีภาพนูนต่ำ แสดงถึงราชกิจอันสำคัญของพระองค์ คือ พระราชยุทธหัตถี ของพระองค์ กับ ประกาศอิสรภาพโดยหลังทักษิโณทกที่เมืองแครง ครับ จากรูปข้างล่างนี้ จะสังเกตุได้ชัดว่า ฝั่งไหนเป็นของพระนเรศวรฯ นะครับ ซึ่งคนที่ถูกพระนเรศวรฟันก็คือ พระมหาอุปราชา ซึ่งก็คือ ลูกของ พระเจ้านันทบุเรง อันเป็นหลานของ พระเจ้าบุเรงนองนั่นเอง มีนามว่า "มังกยอชวา" ถ้าใครเคยชมภาพยนต์เรื่อง นเรศวรภาคแรก จะเห็นว่า พระนเรศวรฯ ก็เคยท้าชนไก่กันมาแล้วด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 20:01:43 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อีกด้านหนึ่งก็คือ รูปปั้นนูนต่ำของเหตุการณ์ประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ซึ่งถ้าหาก ใครได้ชม ภาพยนต์เรื่อง นเรศวรภาคสอง จะทราบสาเหตุของการประกาศอิสรภาพว่า ทางพระเจ้านันทบุเรงเล่นไม่ซื่อ หวังจะฆ่าพระองค์ก่อน ท่านเลยประกาศตัดสัมพันธไมตรี ที่เคยมีมาสมัยพระบิดา (พระเจ้าบุเรงนอง)   ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พระองค์ไม่ได้คิดหักหลัง หรืออกตัญญูกับทางพม่า ที่เคยชุบเลี้ยงพระองค์อย่างดี ประดุจพระบุตรของ พระเจ้าบุเรงนองเลย (จนเป็นที่อิจฉาของ พระเจ้านันทบุเรง มาตลอด) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 20:07:23 ]

ความคิดเห็นที่ 22 บริเวณรอบๆ ฐาน จะสังเกตุเห็นรูปปั้นไก่ ขนาดยักษ์ ให้เห็น เพราะพระองค์ท่านชอบ กีฬาไก่ชน มาตั้งแต่เด็กครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 20:15:59 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ฐานของพระบรมราชานุสรณ์นี้ มีบันได เดินขึ้นไปเพื่อเวียนรอบได้นะครับ แต่อย่าลืมถอดรองเท้าก่อนขึ้น และถ้าเป็นช่วงมีแดดจัดๆ ก็ร้อนเท้าน่าดูเหมือนกันครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 20:19:00 ]

ความคิดเห็นที่ 24 บนฐานพระบรมราชานุสรณ์ข้างบนนี้ มองไปทางประตูเข้าด้านหน้า ก็จะเห็นทางเข้าออก ดังในรูปข้างล่างครับ  มีตึกรามบ้านช่อง อยู่ข้างหน้าเยอะเต็มไปหมด จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 20:24:21 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตอนนี้ผมลงมาจาก พระบรมราชานุสรณ์แล้วครับ กำลังจะไปชม พระเจดีย์ยุทธหัตถีกันหน่อย ใกล้จะมืดแล้ว ต้องรีบกันหน่อยครับ   ในรูปหันไปดู พระบรมราชานุสรณ์ ด้านหลัง ซึ่งจะเห็นว่าไม่มีแผ่นป้ายใดๆ ติดอยู่ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 20:30:58 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ข้างหน้าผมก็คือ ต้นโพธิ์ใหญ่ อยู่ก่อนถึง องค์พระเจดีย์ยุทธหัตถีครับ เลยทำให้ไม่สามารถถ่ายภาพ พระเจดีย์ได้ชัดๆ ครับ จากรูปแสงน้อย เลยทำให้ดูภาพคล้ายกับภาพเก่า ที่นิยมเรียกว่า ซีเปียร์ (Sepia) ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 20:42:07 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เดินอ้อมต้นโพธิ์มาเล็กน้อย ก็อยากจะเก็บภาพเต็มๆ ของต้นโพธิ์ไว้ให้มากที่สุด ก็พอทำได้ดังในภาพข้างล่างนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 20:43:43 ]

ความคิดเห็นที่ 28 พ้นจากต้นโพธิไปแล้ว ก็จะเห็นประตูทางเข้าภายในองค์พระเจดีย์ ซึ่งจัดเป็น นิทรรศการถาวร พระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (Exhibition Hall The Life of King Naresuan the Great) ครับ  ตอนที่ผมเข้าไป ใกล้จะเปิดแล้วครับ เลยต้องรีบเดินเข้าไป ซึ่งในภาพข้างล่างที่เห็นนี้ ผมเดินกลับออกมาแล้ว ทางเจ้าหน้าที่เขาก็ปิดประตูพอดีครับ (ประมาณ 5 โมงเย็นครึ่ง) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 20:57:12 ]

ความคิดเห็นที่ 29 แหงนขึ้นไปถ่ายภาพพระเจดีย์เต็มๆ องค์ ซึ่งนับว่ายาก เพราะผมอยู่เกือบติดฐานพระเจดีย์เลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 21:02:18 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ข้างในจัดเป็นนิทรรศการ ผมรู้สึกไม่แน่ใจว่า ห้ามถ่ายภาพหรือเปล่า ก็เลยไม่ได้ถ่ายภาพออกมา แต่ก็อดแอบถ่ายซากเจดีย์เก่ามาไม่ได้ครับ คือตามประวัติ กองอิฐที่เห็นนี้คือ เจดีย์เดิมที่มีการสร้างไว้นานแล้ว (คงจะต้องเป็นสมัยกรุงศรีอยุธยาแน่นอน) ซึ่งมีการค้นพบโดย เจ้าเมืองสุพรรณบุรี พระทวีประชา ชน (อี้ กรรณสูตร) ตามคำสั่งของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ  ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ รัชกาลที่ 6 ได้เสด็จไปประกอบพิธีบวงสรวงสมโภช เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ.2456 ครับ จากรูปที่เห็น เขาบอกว่า ซากเจดีย์นี้ คงเหลือสภาพเพียง ฐานสี่เหลี่ยม กว้างด้านละ 19.5 เมตร สูงจากพื้นดินถึงส่วนชำรุด 6.5 เมตร เท่านั้น พระองค์ท่านจึงได้ให้กรมศิลปากรบูรณะ แต่ไม่สำเร็จ เพราะประเทศมีปัญหาด้านการเงิน จนล่วงมาถึงสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ตั้งคณะกรรมการบูรณะ โดยขอบริจาคเงินจากหน่วยราชการและพ่อค้าประชาชนรวมแล้วประมาณ 5.5 ล้านบาท เริ่มบูรณะตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 มาเสร็จในปี พ.ศ. 2502 ครับ ขนาดเจดีย์ใหม่ที่สร้างครอบอยู่นี้  ฐานกว้าง 36 เมตร สูงจากพื้นดินถึงยอด 66 เมตร ครับ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 52 21:18:23 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 21:16:44 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เหลือบเห็นช่องรู ข้างบน ที่ไว้ใช้สำหรับขึ้นไปบนยอดพระเจดีย์ คงเพื่อการบำรุงรักษา นะครับ ดูบันไดขึ้นแล้วเสียวน่าดูเลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 21:22:59 ]

ความคิดเห็นที่ 32 หมดเวลาเข้าชมแล้ว ก็รีบออกมาข้างนอกห้อง  มองเห็นบันไดขึ้นไปเดินรอบองค์พระเจดีย์ ลองขึ้นไปชมบรรยากาศข้างบนบ้างก็ดีครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 21:35:28 ]

ความคิดเห็นที่ 33 นี่เป็นลานทางเดินบนองค์พระเจดีย์นะครับ  สามารถเดินเวียนได้คราวละหลายสิบคนเลย  วิวโดยรอบเป็นต้นไม้หนาทึบครับ แทบมองไม่เห็นถนนด้านนอกรั้วเลย ดูเป็นส่วนตัวดี ทั้งๆ ที่รอบๆ เป็นถนนรถวิ่งไปมาครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 21:44:30 ]

ความคิดเห็นที่ 34 มองไปทางด้านหน้า จะเห็นพระบรมราชานุสรณ์ ด้วยครับ แหม..แต่ดูแล้วเงียบเป็นส่วนตัวดีครับ อาจจะเป็นเพราะเย็นมากแล้วก็ได้เลยไม่มีใครขึ้นมาบนนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 21:49:47 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอซูมดูชัดๆ หน่อยครับ พระบรมราชานุสรณ์ด้านหลัง ในมุมนี้ครับ ไม่เคยเห็นกันมาก่อนครับ จากรูปนี้เลยทำให้ทราบว่า คนที่ให้สัญญาณทัพบนหลังช้าง ไม่ได้ยืน แต่ทำท่านั่งอยู่บน ที่นั่งหลังช้างอีกที จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 21:56:40 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เดินไปที่ริมระเบียงแล้วก้มลงมาดูข้างล่าง จะเห็น ทุกอย่างที่อยู่ด้านหน้าเจดีย์ เลยครับ  ตั้งแต่ ต้นโพธิ์ พระบรมราชานุสรณ์ ประตูด้านหน้า ไปจนถึงตลาดที่ฝั่งตรงข้ามโน้นเลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 22:01:03 ]

ความคิดเห็นที่ 37 อยู่บนนี้ จะเห็นองค์พระเจดีย์ มีลักษณะแบบนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 52 22:04:45 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 22:03:45 ]

ความคิดเห็นที่ 38 แหงนขึ้นไปมองที่ยอดองค์พระเจดีย์ ด้านหลังจะมีบันไดขึ้นไปบนยอดสุดเลย เพื่องานบำรุงรักษานั่นเอง คนที่ขึ้นไปคงจะเสียวสุดๆ นะครับ ยิ่งเป็นบันไดลิงเสียด้วย  ผมเคยมาปีนแถวๆ ที่ทำงานแล้ว (บันไดหนีไฟ) ยังกลัวหงายหลังลงมาเลยครับ  ไหนจะลมพัดแรงอีกด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 22:10:58 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ลองเดินมาที่ริมระเบียง ฝั่งด้านหลังองค์เจดีย์บ้าง มองลงมาจะเห็น สวนรุกขชาติข้างล่าง มีทางเดินโดยรอบครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 22:17:09 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ด้านนี้ เป็นด้านข้างครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 22:21:11 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ผมลงมาข้างล่างแล้วละ  หันไปดูฐานพระเจดีย์ สร้างได้สวยมาก เป็นลักษณะกลีบอ่อนช้อยผสมผสานกับคอนกรีต ได้กลมกลืนมากครับ เป็นเจดีย์ทรงลังกา เหมือนกับ เจดียใหญ่ ที่วัดชัยมงคล จ.อยุธยา ด้วยข้อสันนิษฐานว่า เจดีย์วัดใหญ่ชัยมงคลนี้ สมเด็จพระนเรศวร ฯ ได้โปรดเกล้าให้สร้างขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะครั้งนั้น ตามคำกราบทูลแนะนำของสมเด็จพระวันรัต วัดป่าแก้ว เช่นเดียวกับเจดีย์ยุทธหัตถีของจริง จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 22:27:38 ]

ความคิดเห็นที่ 42 และนี่ก็เป็นสภาพทั่วไป ของ สวนรุขชาติดอนเจดีย์ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 22:29:08 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เอาล่ะ ก่อนจะกลับ ผมขอขับรถวนรอบๆ รั้วพระบรมราชานุสรณ์กันหน่อยครับ  ที่จริงถนนตรงนี้ ถือเป็นส่วนนอกรั้ว แต่เนื่องจากประตูด้านหน้า อยู่เลยออกมาเลยทำให้งง คิดว่า เป็นถนนด้านใน ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 22:32:51 ]

ความคิดเห็นที่ 44 มาถึงภาพสุดท้ายแล้วครับ  กับ ถนนโค้งๆ วนๆ รอบรั้วพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์แห่งนี้ ที่เรามักคุ้นตา เวลามาที่นี่ครับ  สวัสดีครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 6 มิ.ย. 52 22:36:43 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ไม่เคยไปเลยอยากไปมากๆ ค่ะ ขอบคุณ จขก. นะคะ จากคุณ : CherryBlossom669 - [ 6 มิ.ย. 52 23:13:06 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ....ตามมาเที่ยวด้วยคนนะคะ เคยแต่ผ่านยังไม่เคยเข้าไปเลยค่ะ^-^ จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน - [ 7 มิ.ย. 52 23:12:04 ]

ความคิดเห็นที่ 47 สวัสดีคุณ CherryBlossom669 และคุณปลายฟ้าที่ภูตะวันนะครับ   ถ้ามีเวลาผ่านมาแถว จ.สุพรรณบุรี ก็ลองไปแวะได้นะครับ ยิ่งช่วงวันที่ 25 มกราคมทุกปี มีการถวายราชสักการะพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ ซึ่งทางจังหวัดได้จัดให้มีงานเฉลิมฉลองพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์แห่งนี้ด้วยครับ  มาแถวนี้ ยังมีสถานที่เที่ยวใกล้เคียง ตามแผนที่ในคห.1 ด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 52 23:29:39 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 7 มิ.ย. 52 23:21:53 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อ่า ... ถ้าอย่างนั้น ... ช้างที่พระนเรศวรทรง ก็คือ "ก้านกล้วย" น่ะสิครับ .. ไม่ทราบผมเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า? อันนี้ดูมาจากแผ่น VCD ก้านกล้วยของลูกชายน่ะครับ ... จากคุณ : tombass - [ 9 มิ.ย. 52 08:35:27 ]

ความคิดเห็นที่ 49 จากภาพยนต์เรื่อง ก้านกล้วย ก็ได้สื่อให้ทราบเช่นนั้นจริงๆ ครับ คือหลังจากเอาชนะ พระมหาอุปราชแล้ว ก็ได้รับการสถาปนาเป็น ‘เจ้าพระยาปราบหงสาวดี’ ช้างทรงคู่บารมีของสมเด็จพระนเรศวร  เดิมมีชื่อว่า พลายภูเขาทอง (บางบันทึกบอกว่าชื่อ พลายมิ่งเมือง) ก่อนทำยุทธหัตถี กับพระมหาอุปราช นั้นมีชื่อว่า พลายไชยานุภาพ ที่จริง พระองค์ท่านน่าจะมีช้างศึกมาก่อน พบกับ ก้านกล้วย แล้ว หากแต่ ก้านกล้วยนั้นได้ออกศึกใหญ่กับ พระมหาอุปราช เลยมีชื่อเสียง และก็ได้เป็นช้างคู่บารมี ของพระองค์ ตั้งแต่นั้นมา จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 20 มิ.ย. 52 03:25:50 ]