Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ศุลฯไทยไขปัญหา "ขาออก(มันส์)อย่าบอกใคร"

    ใครเดินทางช่วงนี้คงได้เห็นว่ารถเข็นกระเป๋าภายในโถงผู้โดยสารขาเข้านี่เปลี่ยนไปหมดแล้วนะครับ รวมถึงพนักงานดูแลรถเข็นก็เปลี่ยนเป็นใส่เสื้อกั๊กคล้ายวินมอเตอร์ไซค์ปากซอยด้วย(มีเบอร์ด้วยแน่ะ) น้องๆเค้ายังไม่มีอุปกรณ์ทุ่นแรงแบบรายเก่าก็เลยต้องออกแรงกันฮุยเลฮุย เห็นแล้วก็เหนื่อยแทนครับ

    ในการทำงานของเจ้าหน้าที่เรานั้น จะต้องมีเวียนไปประจำที่สำนักงานขาออกด้วย ตรงที่เป็นสำนักงานตรวจของเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับนักท่องเที่ยวน่ะครับ อันนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่างกรมเรากับกรมสรรพากรครับ เราตรวจของให้ตรงกับเอกสาร ส่วนสรรพากรตรวจเอกสารแล้วคืน VAT ให้นักท่องเที่ยวไป

    หลายๆคนบอกว่าเวรขาออกของพวกเราเป็นเวรพักผ่อน แต่จริงๆแล้วผมว่าเป็น "เวรอดนอน" เสียมากกว่า เพราะเจ้าหน้าที่ต้องนั่งประจำสำนักงานตลอดเวร ยิ่งเป็นเวรกลางคืนแล้วล่ะก็อย่าบอกใครเชียว

    อันนี้ต้องชื่นชมระบบปรับอากาศของสนามบินอันเป็นที่รักของเราครับ เพราะว่ามันน่าจะเป็นสนามบินเดียวในโลกที่อุณหภูมิภายในขึ้นอยู่กับมนุษย์!!

    ฮ่าๆ เพราะหากว่าจำนวนคนในอาคารเยอะ อากาศก็จะอุ่นจนถึงร้อน แต่ถ้าคนในอาคารโหรงเหรงเมื่อนั้นอากาศก็จะหนาวเยือกราวกับหนังผี Drag me to Hell!!! ทีเดียว

    ผมมักจะรับหน้าที่การอยู่เวรยันสว่างอยู่เรื่อยๆ ได้นั่งมองดูคนจำนวนน้อยๆ ทำงานในสนามบินอาคารใหญ่ๆ มองแล้วมันก็รู้สึกแปลกๆนะครับ

    มาดูเรื่องงานมั่ง เราก็ไม่คลาดแคล้วที่จะได้เจอกับผู้โดยสารอีกเช่นเคยครับ ส่วนมากก็เป็นผู้ที่มาขอให้ตรวจสินค้าเพื่อขอรับ VAT คืน อันนี้ทำให้ได้ความรู้อีกแบบนะครับ

    เราได้รู้ว่าชาวภูฐาน(เขียนถูกป่าวนี่?) ที่มาเที่ยวเมืองไทยนั้นชอปปิ้งกันคนละเฉลี่ยหัวละ 100000 บาท เจ้าหน้าที่เซ็นต์เอกสารกันมือหงิกและไม่พอมักจะเป็นตอนที่อยู่คนเดียวอีกต่างหาก เพราะว่าเครื่องเค้าออกเช้าครับ

    ได้รู้อีกว่า ยามคนไทยไปเที่ยวฮ่องกงหรือญี่ปุ่นก็จะซื้อกระเป๋าแบรนด์แพงๆกลับมา ส่วนคนสองประเทศนั้นก็ซื้อจากเมืองไทยไปคนละหลายๆใบไม่น้อยหน้ากัน

    รู้ไหมครับว่า ชาวอินเดียที่มาเที่ยวเมืองไทยจะซื้ออะไรกลับไปเกือบทุกคน?

    เฉลย...LCD TV ครับ เพราะว่าถูกกว่าและคุณภาพดีกว่าที่บ้านเค้า ซื้อจนบางครั้งเจ้าหน้าที่ยังเสียวๆว่าจะเจอแกงค์เวียนของเข้าให้แล้วโน่น ต้องจดเลขเครื่องและเอาตราไปสแตมป์ที่กล่องกันวุ่นวายทีเดียวครับ

    มีชาวอินเดียท่านนึงเป็นนักธุรกิจ แต่งตัวเนี๊ยบใส่สูทดีไซเนอร์เลยทีเดียวครับ แวะเข้ามาตรวจสินค้าคืน VAT ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้นครับ เพียงแต่ว่าพี่แกเดินกินถั่วไปด้วยนะครับ ถั่วแบบที่อาบังเดินขายนี่แหละครับ บอกได้ว่ามันไม่เข้ากันเล้ยยยย

    บางรายที่เข้ามาที่สำนักงานก็จะมาแปลกๆ ผมเคยเจอะอเมริกันคนนึงเดินเข้ามาทุบโต๊ะผมโครม !! แล้วตะคอก(มีน้ำลายปนด้วย)

    " I lost my money!!"

    เฮ่ย แล้วพี่มาบอกผมทำไมเนี่ย แล้วพี่แกก็ตะคอกอีกคำนึง

    " I lost it all in bangkok!! "

    ผมก็มัวแต่ขยับให้พ้นระยะหมัดพี่แกอยู่ พอจบประโยคนี้พี่แกก็เข็นรถเปล่าจากไปตามทาง ทิ้งกลิ่นเหล้าอบอวลอยู่ในห้องสำนักงานและให้สงสัยว่ามันจะไปถึงประเทศปลายทางหรือเปล่าเนี่ย?

    บางท่านที่เข้ามาก็ไม่ได้คืน VAT เพราะปฏิบัติไม่ถูกเงื่อนไขของสรรพากรนะครับ พอรู้ว่าไม่ได้คืนก็มีกิริยาแตกต่างกันไป ส่วนมากจะเข้าอกเข้าใจและใจอ่อนให้กับรอยยิ้มของเจ้าหน้าที่(อิอิ) แต่บางส่วนก็

    " Liar!! "

    อ้าวเฮ้ย ผมไปโกหกพี่เมื่อไหร่?

    " Your country! LIAR "

    " I will never come here again. "

    จ๊ะ เราก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน เพราะพี่เค้าซื้อสินค้ามูลค่าไม่ถึงเรทที่จะคืน VAT ได้

    ส่วนบางรายก็มาเป็นคู่ สามืซื้อ 2400 บาท มีแบบฟอร์ม PP.10 กำกับมาเรียบร้อย ภรรยาซื้ออีก 2500 บาท มีเอกสารเหมือนสามี แต่ว่าเราประทับตราให้ขอคืนไม่ได้ครับ เพราะ 1 พาสปอร์ตต้องมีมูลค่าการซื้อรวมกัน 5000 บาท ต่างกรรมต่างวาระก็เอามารวมกันได้ แต่ต่างบุคคลรวมกันไม่ได้ครับ

    คู่นี่เป็นมาเลย์หรือสิงคโปร์จำไม่ถนัดแล้ว เค้าก็เถียงว่าเค้าเป็นบุคคลคนเดียวกันตามกฎหมายนะ เพราะนี่เมียของไอเอง ยูไม่เชื่อเหรอนี่แน่ะ

    ว่าแล้วก็จูบปากกันดัง จ๊วบบบบ!!! ให้เจ้าหน้าที่ดูว่านี่เมียฉันจริงๆนะ

    เอ่อ...เชื่อแล้วครับพี่ว่าเมียจริงๆ แต่มันรวมกันไม่ได้คร๊าบบบบบ

    แต่ส่วนมากแล้วผู้โดยสารที่ซื้อของไม่ถึง 5000 บาทนี่เค้าจะน่ารักครับ พอเราอธิบายแล้วก็เข้าอกเข้าใจเป็นอันดี ทำนองแบบว่า ว้า! แย่จัง ไม่ได้อ่านรายละเอียดของเอกสาร ประมาณนั้นครับ

    ถ้าเป็นแบบเศรษฐีน้ำมันตะวันออกกลางแล้วจะเป็นแนวอลังการงานสร้าง แบบนาฬิกาสองเรือน 3 ล้านบาท หรือเครื่องเพชรโน่นเลยครับ แบบว่าเวลาตรวจนี่เจ้าหน้าที่ก็เสียวว่าข้าวของเค้าจะหล่น แต่ความจริงแล้วพวกเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้แตะของอยู่แล้วไม่ว่าจะแพงจะถูกแค่ไหน เพียงแต่ว่าห้องสำนักงานคนมันเยอะ เกรงว่าจะชนกันหรือสะดุดกันแล้วตกหล่นเป็นรอยนี่คงวุ่นน่าดูครับ

    มีน้องเจ้าหน้าที่รายหนึ่งตรวจสินค้าของชาวอัฟกานิสถาน แล้วปรากฏว่าเซนต์ให้ไม่ได้  แกก็ทำหน้าผิดหวังกลับไปหลังจากอธิบายกันอยู่นานทีเดียว คราวนี้พอเวรขาออกรอบถัดมาน้องคนเดิมก็นั่งประจำสำนักงานและได้ยินเสียง

    " Can you remember me? "

    พอเงยหน้าขึ้นไปก็เจอพี่อัฟกันคนเดิมส่งยิ้มหวานมาให้ก่อนจะควักเอาใบ PP.10 มาให้ตรวจ น้องเค้าบอกว่าแววตาพี่แกน่ากลัวมากถึงจะยิ้มก็เถอะ

    "หนูกลัวมันระเบิดออฟฟิศเราอ่ะพี่!!!"

    จากคุณ : Eat that Liqu - [ 9 มิ.ย. 52 11:54:19 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com