Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ประสบการณ์สยองขวัญเหนือตรรกเกี่ยวกับที่พักของนักเดินทาง/นักท่องเที่ยว ตอนที่ 3 : ตอนผีผ้าห่ม 55555

    จากสองกระทู้ก่อน คือ

    1.เรื่องเล่าประสบการณ์เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งของจังหวัดในภาคอิสาน


    http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E7908426/E7908426.html


    คราแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงแรมในจังหวัดโปงลางสะออน ไดโนซอรัสดึกดำบรรพ์ ที่เหตุการณ์เป็นไปในลักษณะสยองขวัญจากเหตุหญิงสาวถูกลวงไปฆาตกรรมภายในโรงแรม และโรงแรมแห่งนั้นกลายเป็นโรงแรมที่น่าสะพึงกลัวไป

    2.ประสบการณ์สยองขวัญเหนือตรรกเกี่ยวกับที่พักของนักเดินทาง/นักท่องเที่ยว ตอนที่ 2(สยองแบบเห็นตัวเป็นรูปธรรม)

    http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E7924029/E7924029.html

    ครั้งสองเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงแรมที่พักของจังหวัดมุกดาหารที่ชื่อโรงแรมคือชื่ออัญมณีชนิดหนึ่ง ซึ่งเหตุการณ์เป็นไปในลักษณะสยองขวัญจากการที่โทรศัพท์กลางหน้าฟร้อนท์เสีย ประกอบกับการนำเสนอสินค้าและบริการพิเศษในช่วงจังหวะเวลาที่โทรศัพท์กลางเสียพอดี สร้างความโกลาหลไม่น้อย










    มากระทู้นี้

    ผมมีเรื่องเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับที่พัก/โรงแรมในรูปแบบเหตุการณ์อย่างชื่อกระทู้ คือ ผีผ้าห่ม

    อิอิ





    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณกว่า 20 ปีที่แล้ว ณ.โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

    โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ใกล้ย่านธุรกิจการค้า ห้างสรรพสินค้าที่ครั้งหนึ่งได้ชื่อว่าใหญ่โตที่สุดในกรุงเทพฯ ห้างฯนี้เป็นแหล่งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ชั้นนำของประเทศเลยทีเดียว คงพอทราบกันได้ว่าคือห้างฯใด

    จุดที่ตั้งของโรงแรมถัดจากห้างฯแห่งนี้ไปไม่ไกลนัก ใกล้สี่แยกแห่งหนึ่ง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นแหล่งรวมร้านตัดเสื้อผ้าชั้นแนวหน้าของวัยรุ่นยุค 20 กว่าปีก่อน ชื่อโรงแรมก็ชื่อเดียวกับย่านร้านตัดเสื้อผ้านั่นเอง

    หลายท่านคงทราบแล้วว่าคือที่พักแห่งใด



    เหตุการณ์เกิดเมื่อค่ำคืนหนึ่ง หลังจากสังสรรค์กับพรรคพวกเพื่อนฝูงตั้งแต่หัวค่ำจนดึกดื่นค่อนคืน เริ่มจากร้านอาหารบนชั้น 4 ของสยามสแควร์(จำชื่อไม่ค่อยได้ ไฮไลท์ใช่ไหม ?) หลังจากนั้นก็ไปต่อกัน ฟังเพลงที่ชั้นใต้ดินตึกโชคชัย (จำชื่อคลับไม่ได้ นานแล้ว)




    หลังคลับเลิกก็ไม่อยากกลับบ้านกัน เพราะไม่อยากไปเคาะประตูเรียกให้คนที่บ้านต้องตื่นมาเปิดประตูให้ตอนตีสาม จึงไปหาที่หลับที่นอนกัน หนึ่งในกลุ่มเสนอขึ้นมา ไปนี่ล่ะกัน ใกล้ๆ ไม่แพง แล้วนอนกันไม่กี่ชั่วดมงเอง เดี๋ยวก็เช้า ไปที่อื่นมันแพง เสียดาย แป๊บเดียวเอง


    ตอนนั้นก็มีบ้างที่ดื่มกัน แล้วก็ดื่มกันไปพอสมควร เลยไม่มีใครเรื่องมาก ไปไหนไปกัน ว่าไงว่ากัน ก้ตกลงไปที่นั่นกัน


    เมื่อเข้าไปที่โรงแรม ไปขอเปิดห้องสองห้อง คือจะยัดๆเข้าไปนอนรวมๆกัน 8 คนสองห้อง


    แต่พอบอกจะเปิดห้องและเข้าพัก บางคนในกลุ่มเกิดเปลี่ยนใจบอกว่า กลับบ้านล่ะ ไม่อยากให้พ่อแม่เป็นห่วง แล้วก็พรวดกลับไปไม่รอเจรจาเออออกันเลย

    เหลือ 5 คน เลยบอกพนักงานโรงแรม  งั้นห้องเดียวล่ะกัน ได้ป่าว พักหมดนี่ จ่ายเต็มราคา นอนไม่กี่ชั่วโมง


    พนักงานท่าทางก็งัวเงียบอก เออๆๆๆๆๆ แล้วหยิบกุญแจห้องให้ จำไม่ได้ว่าห้องเบอร์ไหน แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะชั้นสาม


    ทั้ง 5 คนก็ขึ้นไปบนห้องพัก เตียงก็เล็ก ห้องก็ไม่ค่อยสะอาด เอาเหอะพักๆไป เดี๋ยวก็กลับบ้านแล้ว


    บางคนก็ขึ้นไปนอนบนเตียง บางคนดึงผ้าห่มลงมาปูนอนกับพื้น แล้วก็ปิดไฟนอนทันที ด้วยความง่วง เหนื่อย ก็เมาบ้างแหละ











    เวลาผ่านไปไม่นาน ยังไม่ทันที่ทุกคนจะหลับ เสียงประหลาดบางอย่างดังขึ้น ทุกคนตื่นขึ้นมา เปิดไฟ มองไปรอบๆห้อง ก็ไม่มีอะไร(ตอนนั้นยังไม่ได้สังเกตหรือสนใจว่าเป็นเสียงอะไร


    จึงปิดไฟหลับต่อ


















    สักพักเอาอีกแล้ว เสียงประหลาด ทุกคนลุกขึ้น เปิดไฟ



    อ้าว..

    เมื่อกี๊ใครเข้าห้องน้ำเปิดฝักบัวแล้วไม่ยอมปิด ก็มีการต่อว่ากันระหว่างเพื่อน แต่ทุกคนก็ยืนยันว่าไม่ได้เปิดฝักบัว


    ก็ยังไม่มีใครใส่ใจ เพราะนึกว่าพรรคพวกเพื่อนๆกันนี่แหละแกล้งกันเอง


    จึงปิดไฟหลับต่อ













    สักพัก เอาอีกแล้ว เสียงประหลาด ใครเปิดฝักบัวอีก

    คราวนี้เริ่มบ่นกันเองแรงขึ้น

    เฮ้ย..เล่นอะไรรู้จักพอบ้างดิ นี่มันตีสี่เข้าไปแล้วมั้ง(เกือบๆตีสี่) แล้วเล่นเปิดฝักบัวน้ำไหลมันหนวกหู คนจะหลับจะนอน

    แต่ก็ไม่มีใครยอมรับว่าเป็นคนแกล้งเพื่อน








    ถัดมาไม่นาน หลังจากปิดไฟรอบนี้ เพื่อนบางคนลุกขึ้นบอก



    เฮ้ย..

    กลับก่อนนะ ไม่อยากให้พ่อแม่เป็นห่วงมาก แล้วเปิดประตูเดินออกจากห้องกลับบ้านไปเลย โดยที่ไม่รอฟังเพื่อนๆว่าจะว่าไง





    อีกแป๊บนึง เพื่อนอีกสองคนบอก


    กลับก่อนนะ แล้วพรวดพราดเปิดประตูห้องกลับบ้านไปอีก โดยไม่พูดอะไรเลย บอกเพียงว่ากลับบ้านแล้วเท่านั้น






    เหลือสองคน

    ก็งงๆ พวกมันเป็นอะไรของมัน ไม่เคยแบบนี้นี่หว่า

    ผมก็เลยบอกว่า ช่างมันเหอะ นอนดีกว่า ใครอยากกลับก็กลับไป







    จึงล็อคกลอนและปิดไฟหลับกัน








    ไม่นาน


    คราวนี้ไม่ใช่เสียงน้ำไหลจากฝักบัวแล้ว


    ครืดด..ครืดด..

    เสียงอะไรวะ ทักกันสองคน ผมลุกขึ้นเปิดไฟ เพื่อนอีกคนลุกขึ้นมานั่งบนที่นอน มองไปทางโต๊ะเครื่องแป้งที่มีเก้าอี้อยู่ตัวหนึ่ง


    ทั้งสองคนเบิ่งตาโตค้างเลย

    เก้าอี้มันเลื่อนเอง(พื้นห้องเป็นหินขัดแบบโรงแรมยุคเก่า)ไปมา ดัง ครืดด..ครืดด..(ระหว่างพิมพ์อยู่ ขนลุกซู่ๆไม่หยุดเลย)




    ทั้งสองคนนั่งบนที่นอนตัวแข็งทื่อ


    ทำอะไรไม่ถูก


    เพื่อนได้สติก่อน
    ร้องพูดขึ้นมา


    เฮ้ย..
    อะไรกันวะ ใครมาแกล้งวะ


    เก้าอี้หยุดเลื่อนทันที  

    ผมกับเพื่อนเลยมองหน้ากันและบอกว่าสงสัยคืนนี้กินหนักไปหน่อย เมาเละทั้งคู่ หลับดีกว่า





    แล้วก็ปิดไฟหลับต่อ












    ไม่ทันห่มผ้าเรียบร้อยดี



    เอาอีกแล้ว

    เสียง..ครืดด..ครืดด..ๆๆๆๆๆๆ
    เก้าอี้เลื่อนไปมาเองอีกแล้ว



    คราวนี้เพื่อนลุกขึ้นเปิดไฟ

    เก้าอี้ยังเลื่อนไปมาช้าๆพร้อมเสียงที่ขาเก้าอี้ครูดกับพื้นห้องดัง
    ครืดด..ครืดด..



    ผมหันไปมองเพื่อน ทำมือห้ามให้อยู่เฉยๆ แล้วขยับจากที่นอนไปนั่งปลายเตียง

    ผมยกขาขึ้นพาดบนเก้าอี้ เก้าอี้ก็ยังเลื่อนไปมา

    ครืดด..ครืดด..



    แป๊บเดียวก็หยุด






    เพื่อนหันมาบอกผม อะไรกันวะ สงสัยคืนนี้กินกันหนักเกินไปจริงๆ ต่อไปกินพอสมควร หนักขนาดนี้ไม่ดีแน่







    ทั้งสองคนก็ยังคิดว่า กินหนักไปหน่อยคงประสาทกลับ
    ตกลงกัน ไม่ว่าจะมีเสียงอะไรก็ช่างหัวมัน ไม่ต้องสนใจ หลับลุกเดียว
    แล้วก็ปิดไฟหลับกันต่อ












    ก็ตามนั้นจริงๆ

    คราวนี้ทั้งฝักบัว น้ำไหล ซู่ๆๆๆๆๆๆ
    ทั้งเก้าอี้เลื่อน ครืดด..ครืดด..ๆๆๆๆ

    นานมาก



    แต่ทั้งสองก็ไม่สนใจ จนหลับไป โดยที่ไม่รู้และไม่สนใจว่าจะมีอะไร



    8 โมงเช้า ตื่นมา เพื่อนลุกเข้าห้องน้ำไปก่อน เพื่อนก็บอกว่า ไม่เห็นมีอะไร
    ฝักบัวก็ปิดสนิท น้ำไม่ได้ไหล เก้าอี้ก้อยู่ตรงนั้นแหละไม่เห็นมีอะไร


    ผมก็เริ่มตื่นลุกจากที่นอน เปิดผ้าห่มออก แล้วจะลงจากที่นอน

    พอมือยันที่นอนเพื่อขยับตัวเท่านั้น



    รู้สึกทันที




    มีอะไรบางอย่างบนที่นอน ฝ่ามือสัมผัสรู้ได้









    พอหันไปมองเท่านั้นแหละ ! ! !










    เฮ้ยย.. ! ! !

























    นี่มันอะไรกัน  ?????























    ทั้งสองคนเบิ่งตาโตค้างอีกแล้ว














    ฝ่ามือที่ผมสัมผัสรู้ได้นั้นก็บ่งบอกความรู้สึกอยู่ว่ามีอะไรบนที่นอน เพียงรอให้หันไปดูด้วยตาเท่านั้นว่าใช่จริง
















    นั่นคือ..


















    เส้นผม ! ! !





























    เส้นผมเต็มที่นอนไปหมด เป็นกลุ่มๆบ้าง กระจัดกระจายบ้าง ทั่วที่นอนเลย


    เส้นผมเหล่านั้นเยอะมาก ยาวด้วย ประมาณความยาวฟุตกว่า เต็มที่นอนไปหมด








    เท่านั้นแหละ
    ไม่ต้องเข้าห้องน้ำแล้ว ทั้งสองคนเปิดประตูเผ่นออกจากโรงแรมทันที

























    หลังจากนั้น ถึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

    สามคนแรกที่กลับไปรู้เรื่องราวของโรงแรมนี้เป็นอย่างดี แล้วไม่บอก กลับเฉยเลย ภายหลังถึงบอกว่า ตอนแรกไม่รู้ว่าเพื่อนในกลุ่มจะพามาโรงแรมนี้ พอมาถึงโรงแรมถึงจะรู้ แต่ไม่กล้าพูดแล้ว จึงกลับไปแบบเงียบๆ หวังใจให้ฉุกคิดรู้กันเอง


    ส่วนที่เผ่นหนีกลับหนึ่งคน และตามด้วยสองคน พวกนี้ไม่รู้มาก่อน แต่อยู่ไม่ได้ โดนกระตุก ดึงขาลากไปตามพื้นห้อง (สามคนนี้นอนกับพื้นห้อง)  โดนกันทั้งสามคน แล้วไม่กล้าพูด






    ส่วนสองคนที่เหลือ ไม่รู้อยู่ได้ยังไงจนเช้า ทั้งๆที่น่าจะผิดสังเกตตั้งแต่กลับไปสามคนแรก หรือเกิดเหตุในห้องหลายต่อหลายครั้ง ดันนึกว่ากินหนักไปหน่อย ประสาทกลับซะงั้น






    แล้วสามคนแรกก็เล่าให้ฟังว่า..



    ที่โรงแรมนี้เคยเกิดเหตุ หญิงสาวสวยมากๆถูกผู้มีอิทธิพลพาตัวมาทำไม่ดี แล้วกล้อนผมจนหัวล้าน ก่อนจะลงมือฆาตกรรม





    กาลเวลาผ่านไปนานนับสิบปี จนทุกวันนี้ แม้แต่เฉียดยังไม่กล้าเฉียดไปที่โรงแรมแห่งนี้อีกเลย










    เส้นผมบนที่นอนใต้ผ้าห่มนี่แหละคือที่มาของชื่อตอน "ผีผ้าห่ม"


    คริๆๆๆๆ

    จากคุณ : สินธร - [ 10 มิ.ย. 52 02:30:46 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com