ช่วงนี้บรรยากาศการท่องเที่ยวบ้านเรานับเฉพาะชาวต่างชาตินะครับ ถือว่ายังกลับมาไม่เต็มร้อยเปอร์เซนต์ดีครับ สังเกตุได้จากผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออกประกอบกัน บางวันมองไปทางบริเวณหน้าเคาน์เตอร์ ตม.แล้วก็ใจหาย เพราะว่างวายผู้คนถึงขนาดเตะบอลกันได้เลยทีเดียวครับ
ผู้โดยสารที่เดินผ่านเข้าประเทศนั้นมีหลากหลายบุคลิกและนิสัย ที่ดีๆนั้นมีเยอะกว่าแต่เรามักจะจำคนที่ลักษณะแปลกๆได้แม่นยำ เพราะว่าบางครั้งเราก็ต้องรบกับผู้โดยสารพวกนี้ด้วยครับ
คืนวันหนึ่งผมประจำอยู่ที่ขาเข้าตอนกลางคืนครับ เรารับไฟลท์จากอเมริกามาลง ผู้โดยสารก็รับกระเป๋ากันตามปกติ เพียงแต่ว่าคราวนี้สายพานลำเลียงกระเป๋าขัดข้องเล็กน้อย กระเป๋าเลยขึ้นมาช้า ผมนั่งทำงานเอกสารอยู่ตรงเคาน์เตอร์อยู่ดีๆก็ได้ยินเสียงทุบเคาน์เตอร์ดัง ปัง!!
ผมเลยเงยหน้าขึ้นไปดูก็ได้เจอ อเมริกันร่างยักษ์นาย...หรือว่านางนี่แหละ อยู่ในชุดเดรส รองเท้าบู้ท และแต่งหน้าทาปาก ยืนจ้องหน้าผมอยู่
ซวยละตู...
แล้วหล่อนก็คำรามว่า "I want to go outside."
ได้สิจ๊ะ แต่ถ้าเดินออกไปแล้วย้อนกลับมาไม่ได้นะ ผมเลยถามว่ารับกระเป๋าหรือยัง?
เท่านั้นแหละก็ได้เรื่องครับ เพราะเจ้าหล่อนออกไม้ออกมือพลางสะอื้นตัดพ้อเสียงดังลั่นไปหมด ว่าทำไมเราไปกลั่นแกล้งเค้าไม่ให้ออกไปบอกคนที่มารอรับว่ากระเป่ามาช้า?!?
ไม่ได้แกล้งนะครับ แต่ว่าผู้โดยสารต้องรับกระเป๋าให้เรียบร้อยก่อน ถ้าออกไปแล้วเนี่ย รปภ.จะกั้นไว้ไม่ให้ย้อนเข้ามา
ผมก็อธิบายว่า รอหน่อยเดี่ยวได้กระเป๋าแล้วค่อยออกไปนะ แต่ว่าเธอไม่ฟังแล้วครับ ร้องไห้เสียงแหบห้าวสะอึกสะอื้น ตัดพ้อต่อว่าเป็นการใหญ่ เรื่องที่น่ากลัวที่สุดคือว่ารูปร่างแม่คุณนี่ทุบผมตูมเดียวน่าจะคอหักกลับบ้านเก่าแน่นอน
หลังจากอาละวาดอยู่สักพักสายพานกระเป๋าก็ขี่ม้าขาวมาช่วยศุลฯไทยไม่ให้โดนตบ คือมันกลับมาใช้การได้แล้วครับ ผมเลยชี้ให้อเมริกันนางนั้นดูว่ากระเป๋าน่าจะมาแล้วนะ พอเห็นดังนั้นหล่อนก็สะบัดก้นพรืดไปรอรับกระเป๋า...
จากนั้นก็หายไปในค่ำคืนอันวุ่นวาย รอดไปผม
อย่างเวลาเช้าๆจะมีไฟลท์จากยุโรปมาลงเนี่ย เจ้าหน้าที่เราจะเหลือกันอยู่อย่างมากก็สองสามคนครับ และสองในสามอาจจะสะลึมละลือเพราะอยู่มาทั้งคืนและเมากาแฟ(สามแก้วอย่างต่ำ) ประเทศที่เคยอยู่ใต้ธงโซเวียตนี่กำลังสร้างตัวครับ มีคนไทยไปขายแรงงานกันก็ไม่น้อยอยู่นะครับ
ประมาณตีห้ากว่าๆของเช้าวันหนึ่ง ผม(อีกแล้ว) ก็นั่งเฝ้าช่องตามปกติ รอดูผู้โดยสารที่มาจากเคียฟครับ ปรากฏว่ามีผู้โดยสารไทยกลุ่มหนึ่งลักษณะท่าทางเป็นแรงงานไทยที่ไปทำงานและกลับมาบ้าน ส่วนมากจะมาถามไถ่ว่าจะต่อเครื่องไปทางอีสานนี่ต้องไปยังไงอะไรทำนองนี้
มีหนุ่มใหญ่คนหนึ่งเดินเซแยกออกมาจากกลุ่ม แล้วเอียงมาทางเคาน์เตอร์ที่ผมนั่งอยู่ พี่แกเดินปัดๆมาหาผมแล้วชี้หน้าผม!
"เมิงแย่งเมียกรู!!!"
อ้าว! ยังไงล่ะนี่? ผมก็ยิ้มแล้วบอกว่าพี่ใจเย็นๆ นี่เพิ่งถึงสนามบินยังไม่ถึงบ้านพี่และชายชู้นะครับ พี่แกก็ตะคอก
"อุตส่าห์ไปทำงานส่งเงินมาให้ เมิงมาเกาะเมียกรูหลอกเอาเงินกรู!"
เอาเข้าไป พี่แกพูดเสียงดังไปหมดทั้งที่ตาจะไม่ลืมอยู่แล้ว ผมเลยต้องลุกออกไปจากเคาน์เตอร์เพราะเสียวว่าแกจะทิ่มหน้าหักๆของผมให้มันหักเข้าไปอีก พอดีว่าเพื่อนในกลุ่มเขาวิ่งมาตามดึงตัวไว้ พร้อมกับยกมือไหว้ผมมาแต่ไกล
"ขอโทษครับเจ้านาย เพื่อนผมมันเมามาตั้งแต่บนเครื่อง สงสารมันครับ ไปทำงานสองปีเมียไปมีผัวใหม่"
โอเคแหละครับ ก็หอบหิ้วกันไป ในใจก็คิดเป็นห่วงว่าแกจะไปยัดเยียดตำแหน่งชายชู้ให้ใครอีกหรือเปล่าหนอ? อีกอย่างคือสงสารว่ากลับไปถึงบ้านแล้วจะเป็นยังไงอีกต่างหาก?
เมื่อสักเดือนหนึ่งก่อนหน้านี้แหละครับ มีชาวตะวันออกกลางนายหนึ่ง เมามาเช่นกันเข้ามาถามเจ้าหน้าที่รุ่นอาวุโสของเราที่ประจำเคาน์เตอร์ ซักพักเดียวก็เถียงกันวุ่นวายออกไม้ออกมือ(ผู้โดยสารนะครับ) แล้วนายนั้นก็ด่าฝากไว้ก่อนจะเดินหน้าสามก้าวหลังสองก้าวจากไปแบบเมาๆ
ผมก็เร่ไปถามพี่เค้าว่าเถียงอะไรกันสนั่นเมือง
"มันบอกว่าจะไปกรุงเทพ" พี่เค้าว่าให้
!!??
"แต่ว่ามันมีตั๋วเครื่องบินบินไปกรุงเทพฯนะโว๊ย พอพี่บอกให้มันไปขึ้นแท็กซี่ข้างนอก เพราะว่ายูมาถึงกรุงเทพฯแล้ว มันกลับด่าพี่ว่าโง่ มันมีตั๋วเครื่องบินเห็นๆก็ต้องนั่งเครื่องไปสิวะ!?!"
แล้วพี่ทำไงล่ะ?
"พี่ก็ไล่มันไปออกทางอื่นละกัน แล้วบอกมันว่าถ้าจะต่อเครื่องไปกรุงเทพฯ ก็ให้มันไปเช็คอินที่ขาออกชั้น 4 !!!"
"มันเลยบอกว่าขอบคุณมากที่เข้าใจมัน"
เมาๆเพี้ยนๆผ่านไปแล้ว มาถึงตอนอารมณ์เสียบ้างนะครับ ทุกคนมีโอกาสอารมณ์เสียทั้งนั้นแหละครับโดยเฉพาะคนที่โดนค้นกระเป๋า แล้วตัวศุลกากรล่ะครับมีอารมณ์เสียบ้างหรือเปล่า?
มีแน่นอนครับเพราะว่าเรายังเป็นมนุษย์อยู่ครับ เรื่องน่าอารมณ์เสียมักจะไปเกิดตอนที่ไม่ได้เจอผู้โดยสารมากกว่านะครับ
เจ้าหน้าที่เราต้องจอดรถไว้ที่อาคารจอดรถตรงกันข้ามกับอาคารผู้โดยสารนั่นแหละครับ โดยเราจะได้สติ๊กเกอร์ของการท่าฯ แสดงว่าจอดฟรีครับ เวลาเข้าเจ้าหน้าที่เขาจะคีย์เลขทะเบียนไว้เทียบกับตอนออก และระบบมันจะแจ้งว่าไม่ต้องเสียตังค์ครับ
แต่ผมโดนประจำแหละครับ ว่าให้จ่ายตังค์ด้วย เพราะว่าตอนที่เข้าไปจอดนั้นคนคีย์มักจะคีย์เลขทะเบียนหรือไม่ก็จังหวัดผิดอยู่เรื่อยๆ บางครั้งผมเห็นก่อนก็บอกให้แก้แต่บางทีเขาคีย์เรียบร้อยแล้วก็รับบัตรมาเลย แล้วก็โดนครับ
" 250 บาท ค่า"
"เอ่อ.. รถผมเป็นรถเจ้าหน้าที่ศุลฯครับ ได้สติ๊กเกอร์จอดฟรี" วันนั้นออกเวรตอนเช้าและไม่ได้นอนอีกต่างหาก
"ระบบมันบอกว่าต้องจ่าย 250 บาท ค่ะ" เสียงเขียวแฮะ
"อ้าว แล้วผมมาทำงานนี่ต้องเสียค่าจอดรถวันละ 250 ด้วยเรอะ!" ผมก็ชักเสียงเขียวบ้าง เพราะทั้งเหนื่อยทั้งง่วง
"พี่คะ มีคนมารอต่อค่ะ จ่ายก่อนแล้วค่อยทำเรื่องไปขอคืนก็ได้"
เอ๊า ก็ผมได้สิทธิจอดฟรีเพราะทำงานอยู่ในนี้แล้วมันก็ไม่ใช่ความผิดของผม จะให้จ่ายอีกแน่ะ
"น้องดูซิว่าเลขทะเบียนรถพี่เป็นเลขอะไร แล้วในเครื่องคีย์ว่าเป็นอะไร ส่วนข้างหลังเดี๋ยวพี่คุยเอง"
"รถพี่ทะเบียน ABCD ส่วนในนี้ ABDC !!! อ๋อ เค้าคีย์ผิดตอนเข้าน่ะค่ะ"
"นั่นดิ แล้วจะให้พี่จ่ายได้ไงอ่ะ?"
"แล้วหนูจะทำไงดีล่ะพี่?!!"
อ้าวเฮ้ย ข้าพเจ้าจะรู้ไหมเนี่ย? พอดีรถแถวผมติดยาวเข้าไปในอาคารแล้ว หัวหน้างานของเค้าเลยเดินมาถามผมว่าเกิดไรขึ้น ก็อธิบายกันไปพร้อมกับโบกไม้โบกมือให้พี่ ตม.ที่บังเอิญมาจอดรอต่อ
คุณหัวหน้าเค้าเลยกดไม้กั้นให้ผ่านไปได้ ซัดไปเกือบครึ่งชั่วโมงครับ
จะไม่ให้อารมณ์เสียได้ไง ผมออกเวรตอนเช้า นอนก็ไม่ได้นอน แถมก่อนหน้านี้ต้องมาเดินวนไปวนมาอยู่ที่อาคารจอดรถร่วมครึ่งชั่วโมง
ลืมที่จอดรถน่ะครับ แฮ่ะๆๆๆ
แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 52 17:12:18