Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ตลาดสถานีรถไฟ ชุมชนที่กำลังจะสิ้นลมหายใจ

    บ้านผมอยู่ในชุมชนตลาดหลังสถานีรถไฟ
    จากประวัติ ชุมชนตลาดสถานีรถไฟแห่งนี้ ในอดีต เคยเป็นชุมชนใหญ่
    เพราะเป็นสถานีที่ผู้เดินทางจะต้องลงเพื่อเปลี่ยนพาหนะจากรถไฟเป็นรถยนต์ เพื่อเดินทางต่อไปสถานที่สำคัญ

    เมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา รฟท. ได้ปรับลดระดับความสำคัญของสถานีรถไฟแห่งนี้ ด้วยเหตุผลว่า ปริมาณการใช้บริการไม่มากพอ
    และได้ปรับขบวนรถธรรมดาที่พวกเราเคยใช้เดินทางและขนส่งสินค้า รวมถึงวัตถุดิบในการผลิต ให้เป็นขบวนรถเร็ว
    รถขบวนนี้เป็นขบวนหลักที่ชาวพวกเราเคยใช้เดินทางไปกลับที่ทำงาน ค้าขายรวมถึงการไปเรียน ทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ

    วัตถุประสงค์หลักในการปรับประเภทของขบวนรถ นอกจากเพื่อคิดค่าธรรมเนียมรถเร็วแล้ว
    น่าจะเพื่อให้สามารถวิ่งทำเวลาให้ถึงสถานีปลายทางตรงเวลาได้ง่ายขึ้น ด้วยหัวรถจักรที่สภาพแย่ลงเรื่อยๆ
    เพราะไม่ต้องเสียเวลากับการจอดบ่อยๆ ตามสถานีเล็กๆ ที่มีผู้โดยสารน้อย


    นอกจากคนชรา ประชากรที่ยังอาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้ก็คือ "เด็ก"
    เด็ก ที่เมื่อขึ้นชั้นมัธยม ก็คงจะจำเป็นต้องมีพาหนะส่วนตัว ไว้ใช้เดินทางไปเรียนแทน "รถไฟ"
    และเมื่อเป็นวัยรุ่นก็คงจะใช้มอเตอร์ไซค์ หรือขับรถยนต์ส่วนตัว (ตามกำลังฐานะและรสนิยมของครอบครัว)
    ไปรวมกลุ่มกับเพื่อนฝูง เพื่อทำกิจกรรมร่วมกันตามประสาวัยรุ่น
    ถ้าสามารถรอดชีวิตจากอุบัติเหตุในการเดินทางผ่านถนน ที่ถูกขยายจนกว้างใหญ่ไพศาล จากความเอื้อเฟื้อของรัฐบาลยุคหนึ่ง
    เพื่อความสะดวกในการขับรถยนต์และรถบรรทุกสินค้าผ่านทางระหว่างท่าเรือและเมืองใหญ่

    เมื่อพวกเขาเรียนจบแล้ว ก็คงจะต้องอพยพทิ้งบ้าน ออกไปหางาน หาอาชีพเลี้ยงตัวเอง แล้วสร้างครอบครัว ที่อื่น
    จำต้องทิ้ง ปู่ย่าตายาย และพ่อแม่ ไว้ที่บ้านเกิด

    เพราะอาชีพสำหรับประชากรวัยแรงงานในชุมชน (อย่างเช่นผม) จะมีอาชีพให้เลือกได้คือ

    รับจ้างทั่วไป

    เกษตรกร (ทำนา ทำไร่ ทำสวน ปศุสัตว์)

    พ่อค้าแม่ค้าหาบเร่ แผงลอย

    หรือ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ


    เนื่องจากมีสาขาธนาคารพาณิชย์อยู่ 1 แห่ง จึงมีการจ้างงานภาคเอกชนในพื้นที่สำหรับแรงงานความรู้ระดับอุดมศึกษาถึงประมาณไม่เกิน 10 ตำแหน่ง

    และไม่มีการเพิ่มตำแหน่งงานมาตั้งแต่ก่อตั้งสาขาธนาคาร

    วันนี้ ชุมชนตลาดหลังสถานีรถไฟของเรา จึงกำลังกลายเป็นเหมือนคนแก่ชรา ที่ลมหายใจแผ่วลงทุกขณะ
    ประชากรในชุมชนมีแต่จะลดจำนวนลง จากการเจ็บป่วย ตาย และย้ายถิ่นฐาน
    ทิ้งไว้แต่บ้านเรือนที่ปิดร้าง ทรุดโทรมเพราะขาดผู้อยู่อาศัยคอยดูแลรักษา
    เรือนแถวอาคารพาณิชย์ในตลาดหลายห้อง ปัจจุบันอาจยากที่จะติดต่อตามหาตัวเจ้าของ
    เพราะไม่รู้ว่าเจ้าของกรรมสิทธิ์เป็นใคร จะติดต่อตามหาตัวได้ที่ใด


    เพราะอาคารพาณิชย์ในตลาด
    รวมทั้งส่วนหนึ่งของบ้านที่ครอบครัวของผมอาศัย ประกอบอาชีพทำมาหากินอยู่ในปัจจุบัน
    ปลูกสร้างอยู่บนที่ดินของการรถไฟ ด้วยการทำสัญญาเช่าที่ดินรวมทั้งสิ่งปลูกสร้างจาก รฟท.

    ครับ "บ้าน" กองอิฐฉาบปูน ที่พวกเราเป็นผู้ "ลงแรง" และ "ลงทุน" สร้าง

    ด้วย "สมอง สองมือ หัวใจ" และ "เงินทุน" ของพวกเราเอง

    บนที่ดินอันเป็นกรรมสิทธิ์ซึ่ง รฟท. ได้รับพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ ๕



    ด้วยผลของระเบียบข้อบังคับของ รฟท. ในช่วงเวลาที่ขอเช่าที่ดิน

    ในทันทีที่สร้างเสร็จ เราก็จำต้องลงชื่อในสัญญายกกรรมสิทธิ์ในอาคาร ให้เป็นทรัพย์สินของ "รฟท."
    สัญญานั้น ยังได้ระบุเงื่อนไขให้พวกเราต้องทำประกันภัยตัวอาคาร
    และรับภาระจ่ายเบี้ยประกันภัยอาคารอันเป็น "บ้าน" ของพวกเราเอง
    โดยมีรฟท. เป็นผู้รับผลประโยชน์จากกรมธรรม์ประกันภัย

    หลังจากผ่านมา 20 ปี วันนี้ รฟท. สามารถบังคับเจรจาทำสัญญาใหม่ และกำหนดให้ปรับอัตราค่าเช่าขึ้นทุกๆ 5 ปี

    แนวทางแก้ปัญหาหนี้สิน รฟท. ไม่ว่าเสนอมาจากฝ่ายไหน ล้วนแล้วแต่เน้นที่การ "หารายได้เพิ่ม" จาก "ทรัพย์สิน ของ รฟท."

    จะไปหารายได้จากไหน ถ้าไม่ใช่การหักคอบังคับขึ้นค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์


    ผมยอมรับว่าเคยอิจฉาโอกาสดีของคนร่ำรวยอย่างครอบครัว จิราธิวัฒน์ อยู่บ้าง

    แต่ผมไม่เคยริษยา คิดอยากทำลายทรัพย์สิน หรืออยากจะได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์จากทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ของพวกเราเลยแม้แต่น้อย

    เพราะความร่ำรวยของพวกเขา มีองค์ประกอบสำคัญมาจากความรู้ความสามารถในศิลปะการประกอบการค้าและการให้บริการ


    ไม่ใช่การใช้กำลังปล้นเอาทรัพย์แผ่นดิน สินสาธารณะ ไปหาผลประโยชน์

    โดยการผลิตเป็นสินค้าและบริการราคาถูกๆ ด้อยมูลค่า

    เพราะด้อยสติปัญญา ไร้ความมุ่งมั่น ขาดทักษะฝีมือเชิงช่างในการผลิต

    และอ่อนด้อยในศิลปะการให้บริการ



    เพียงเพื่อการเอากรรมสิทธิ์เหนือผืนแผ่นดินไทยไปเร่ขายหรือให้เช่า

    ให้แก่ลูกค้าห่วยๆ ที่หวังเพียงจะใช้เงินทุ่มซื้อความสะดวกสบาย และความเป็นเจ้าเป็นนายเหนือหัวกบาลคนไทย

    แต่ไร้สำนึกพลเมืองที่จะเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนไทย





    ใครบ้าง ที่กำลังคิดจะแย่งชิงเอากรรมสิทธิ์ในแผ่นผืนแผ่นดินที่ทรงพระราชทานให้พวกเราอยู่อาศัย ประกอบอาชีพทำมาหากิน


    และใครบ้าง ที่กำลังคิดจะเอาบ้าน เอาอาชีพ เอาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน วิถีชีวิตปรกติสุข ของผมและญาติมิตรผม มาต่อรองหลอกล่อเพื่อนำไปสู่การบังคับให้ผมขายชีวิตตนเองเป็นทาส





    ผมจะจำไปจนวันตาย







    หวังแค่ก่อนจะตาย มีโอกาสให้ได้ใช้ความรู้ความสามารถ ได้ใช้สติปัญญาทำประโยชน์ตอบแทนคุณพ่อแม่และแผ่นดินแม้อีกสักนิดก็ยังดี

    แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 52 23:06:43

    แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 52 16:58:29

    แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 52 16:31:47

    แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 52 15:38:51

    แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 52 01:41:32

    จากคุณ : BOMPS - [ 25 มิ.ย. 52 01:35:32 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com