ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนอื่นก็ขอกางแผนที่เดินทางก่อนตามระเบียบ(ของกระผมเอง) ว่าวัดสังฆทานนี้ ตั้งอยู่ที่ใดครับ สมัยก่อนต้องใช้ถนน บางกรวย-ไทรน้อย  โดยเข้ามาทาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี มุ่งไปทาง อ.บางใหญ่ ซึ่งจะมีป้ายบอกทางแยกเข้าไปยัง วัดสังฆทาน ซึ่ง ต้องเลี้ยวคดเคี้ยวกันอีกไกล (ดังแสดงตัวอย่างด้วยเส้นสีเขียวในแผนที่ข้างล่าง) ถนนก็เล็ก มีทางแยกก็มาก แต่อาศัยป้ายบอกทางเป็นช่วงๆ ซึ่งก็มีการหลุด เลี้ยวผิดบ่อยๆ เหมือนกัน แต่ในปัจจุบัน ได้มีการตัดถนนใหม่ สายนครอินทร์ จากแยกแคลาย (เดิมเป็น 3 แยก แต่ในปัจจุบันได้เป็น 4 แยกแล้ว) วิ่งมาข้ามสะพานพระราม 5 ใกล้วัดนครอินทร์ พอลงสะพานก็ให้เรียบเบี่ยงออกทางคู่ขนาน แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 300 เมตรเองก็ถึง แบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อนด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 16:24:45

ความคิดเห็นที่ 2 ต้องขอโทษที่ลืมใส่รูปครับ (แหม..เริ่มแรกก็พลาดเลย ไม่ได้ตั้งกระทู้มานานเหมือนกัน เลยหลงลืมไปครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 16:26:05

ความคิดเห็นที่ 3 สาเหตุที่แผนที่ของผมมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ และกว้างไปหน่อย ก็อยากให้เพื่อนๆ ได้เห็นสถานที่อื่นๆใกล้เคียง และความสัมพันธ์ของถนนแถวนั้นด้วยครับ เพราะมีการสร้างใหม่ กันจนงงไปเหมือนกันครับ เมื่อเข้าไปถึงวัด ก็ต้องมีอันงงๆ เพราะไม่ได้ไปนานแล้ว และเนื่องจากทางเข้ายุ่งยาก สับสน (เพราะผมดันไปเข้าเส้นทางเดิม  ผ่านวัดตึก เพราะวันนั้นเลี้ยวผิด ไม่อยากกลับรถ เลยลองๆ เข้าเส้นทางเดิม ตามเส้นสีเขียว เพื่อทบทวนความจำบ้าง แม้จะนั่งรถอ้อมเสียเวลาไปเยอะเหมือนกัน) ก็เลยเข้ามาตรงประตูด้านหลังของวัด ที่มีกำแพงสีแดงยาวๆ  (เกือบเลยไปเหมือนกันครับ) ตรงนี้จะมีลานจอดรถยาวไปจนถึง ถนนที่เข้าด้านหน้าวัดเลยครับ (แสดงด้วยเส้นสีฟ้า) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 16:32:49

ความคิดเห็นที่ 4 งานนี้ผมก็เลยเริ่มเดินเข้าวัดทางด้านข้างแทน คือผ่านมาแถวแนวร้านค้า นั่นแหละครับ แต่เนื่องจากเวลาช่วงนั้นก็เกือบ ห้าโมงเย็นแล้ว เลยไม่มีคนเดินซื้อของ เงียบๆ ดีครับ (ทั้งๆ ที่เป็นวันอาทิตย์) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 16:41:05

ความคิดเห็นที่ 5 ตรงจุดนี้ หันไปหันมา ก็เห็น รูปปั้นช้าง ในกริยาทักทาย ผู้มาเยือน ตั้งอยู่ภายในเต้นท์รูปโค้ง ครับ  ปั้นได้เหมือนจริง เพียงแต่สีดูนุ่มนวลไปเล็กน้อย  ถ้าหากใช้สีคอนทราส เข้มกว่านี้ จะดูเหมือนจริงมาก ถ้าไปเห็นกลางคืน ในป่า ก็คิดว่าช้างจริงๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 16:45:24

ความคิดเห็นที่ 6 ตามไปวัดด้วยค่ะ จากคุณ : my_tabo เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 16:48:03

ความคิดเห็นที่ 7 ติดตามชมครับ เคยไปมาเหมือนกัน วัดสวยมาก จำได้ว่ามีหงส์คู่อยู่ในบึงด้วย ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้มีอีกรึเปล่า จากคุณ : Ppong SK-126 เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 16:56:08

ความคิดเห็นที่ 8 ตรงรูปปั้นช้างนี้จะเป็นทางสามแยก คือไป โบสถ์แก้ว(ขวามือ) ไปลานเดินจงกรม(ข้างหน้า) และไปร้านค้า (ซ้ายมือ)  โปรดดูแผนที่ในรูป คห.3 ประกอบด้วยครับ ตอนนี้ไปไหว้พระกันก่อนนะครับ โดยทางวัดมีบริการดอกไม้ธูปเทียนให้ด้วย ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 16:56:32

ความคิดเห็นที่ 9 ตรงนี้เป็นที่บูชาพระครับ อยู่ใกล้หัวมุมถนน ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นครับ เหมาะกับมานั่งสงบจิตใจดีครับ ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 17:02:09

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีเพื่อนๆ ที่แวะมาทักทายกันครับ คุณ my_tabo และคุณ Ppong SK-126 ครับ ไปพบความสงบกันนะครับ   อ้อ..ไม่สังเกตุเห็นหงส์ในบึงนะครับ (คงหมายถึงบึงน้ำตรงบริเวณที่พักแม่ชีนะครับ เพราะผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า มีบึงน้ำที่เดียวหรือเปล่าครับ เนื่องจากมีเวลาเดินไม่มากนัก จะมืดแล้ว) ได้ยินเสียงเบาๆ มาจากลานเดินจงกรม อ้อ..เขามีชื่อเรียกว่า "ลานปฏิบัติธรรม" จับใจความว่า ย่างหนอ...ก้าวหนอ.. ช้าๆ เนิบๆ  เลยสังเกตุว่ามีคนนุ่งขาวห่มขาวกลุ่มใหญ่กำลังเดินช้าๆ เหมือนภาพสโลว์โมชั่น ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 17:16:28

ความคิดเห็นที่ 11 ใกล้ๆ กับ ลานเดินจงกรมนี้ ก็มีศาลากลางน้ำ ที่เป็นสระเล็กๆ ที่มีทางเดินข้ามไปอีกด้านหนึ่งได้ ผมรอจนเขาเดินจงกรมเสร็จ ก็ไปถ่ายภาพมาครับ (กลัวเขาห้ามถ่ายภาพ ขณะเดินจงกรม เพราะอาจทำให้เสียสมาธิไป เลยถ่ายได้แต่ภาพไกลๆ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 17:21:39

ความคิดเห็นที่ 12   เมย์ก้อเคยไปนะค่ะ ตามไปอีกรอบแล้วกันนะค่ะ ^^ จากคุณ : ยัยเมย์ เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 17:24:48

ความคิดเห็นที่ 13 ผมเดินกลับมาตรงทางแยกเดิมใกล้ๆกับ ที่บูชาพระ ในคห.8, 9 แล้วเดินไปตามถนนภายในวัด ที่ห้ามรถยนต์ผ่านครับ แล้วก็ไปสะดุดหยุดที่ถ้ำครับ ตอนแรก ก็กลัวๆ กล้าๆว่า เป็นอาศรมพระ ห้ามเข้าหรือเปล่านะ แต่เห็นไม่มีป้ายห้ามแล้วลองๆ โผล่เข้าไปดูซิว่าเป็นอะไรกัน จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 17:30:18

ความคิดเห็นที่ 14 ยินดีครับคุณ ยัยเมย์ เชิญตามมาอีกครั้ง จะเป็นไรไปครับ อุ๊บ.... ก้าวเข้าไปในถ้ำกระจก แล้วก็ต้องประหลาดใจว่า โอ้..มหัศจรรย์จริงๆ  มีทางเดินลงไปข้างล่างอีก โดยรอบตัวก็เป็นกระจก  ชักสนุกแล้วละครับ  มาวัดนี้ ได้เจอของแปลก (แต่ในใจก็ยังกังวลว่า เขาห้ามลงมาหรือเปล่า เพราะดูเงียบๆ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 17:34:34

ความคิดเห็นที่ 15 แหงนขึ้นไปมองข้างบนก็ยิ่งอัศจรรย์เพิ่มเข้าไปอีก เพราะบุด้วยกระจก เล่นมุม ชนิดดูแล้วงงไปหมด  อ้อ..นับได้ก็ 8 เหลี่ยม นั่นเอง  ถ้ามาดูด้วยตาตัวเองก็จะรู้สึก วูบวาบไปกับภาพสะท้อนจำนวนมาก ไม่รู้ว่าภาพใครของใคร อยู่ในแผ่นกระจกเพดานข้างบนนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 17:39:01

ความคิดเห็นที่ 16 ก้าวลงมาที่พื้นใต้ดินข้างล่างแล้วหันกลับไปมองข้างบน จะยิ่งพบกับความอลังการณ์ของมุมสะท้อนของกระจกครับ  นี่ถ้ายืนคนเดียวแล้วเห็นมีภาพสะท้อนใครแปลกปลอมขึ้นมา แถมยืนอยู่ข้างหลังเรานี่ อีก...บรื๊อย์..... สวยมากครับ ใครจะจำเอาไปประดับบ้านตัวเองบ้างก็ได้นะครับ ว่าแต่จะรู้สึกกลัวบ้างหรือเปล่า   ดูๆไป ก็พบว่า กระจกเงาก็เริ่มหมองๆ ดำๆ ไปบ้าง เพราะปรอทที่ฉาบด้านหลังได้มีการหลุดร่อนไป อาจเป็นเพราะโบส์ถได้สร้างมาหลายปี คือประมาณปี พ.ศ.2539 โน้นครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 17:59:39

ความคิดเห็นที่ 17 ติดตามชมค่ะ จากคุณ : ด.ญ คณิตกร เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 18:05:32

ความคิดเห็นที่ 18 หันกลับไปมองห้องโถงข้างล่าง จะมีแนวสันเหมือนธรณีประตูกั้นอยู่ ข้างในมีห้องกระจก และการจัดแสดงบางอย่างด้วยครับ  (ต้องขออภัยที่ภาพไม่ชัด เพราะแสงน้อย ไม่ได้ใช้ขาตั้งกล้องถ่ายครับ ในใจก็ไม่กังวลเหมือนกันว่า เขาห้ามถ่ายภาพหรือเปล่า เพราะดูลับๆ อย่างไรเหมือนกัน) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 18:07:21

ความคิดเห็นที่ 19 สวัสดีคุณ ด.ญ คณิตกร เชิญติดตามได้นะครับ แต่ช้าหน่อย เพราะค่อยคิด ค่อยโพส ค่อยทำ...คร๊าบ ในห้องกระจกนี้มี สื่อธรรมะจำหน่ายด้วยครับ เช่น แผ่นซีดี หนังสือ ครับ  แต่ไม่มีเงินทอนนะครับ (แฟนผมได้ลองสอบถามดูแล้ว เพราะมีแต่แบ๊งค์พัน) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 18:13:03

ความคิดเห็นที่ 20 ตรงกลางพื้นที่ด้านล่างจะเป็นลูกนิมิตรครับ ซึ่งตามปกติก็จะเป็นลูกเอก ของโบสถ์แห่งนี้ด้วยครับ  โดยทั่วไปเราจะไม่มีโอกาสได้เห็นลูกนิมิตรอีก เพราะได้ถูกฝังลงไปใต้พื้นโบสถ์ และมีแผ่นพื้นปูทับไปหมดแล้ว   แต่ที่นี่ยังมีโอกาสได้เห็น และได้เห็นลูกนิมิตรอื่นๆ ที่วางอยู่โดยรอบโบสถ์ครับ (เดี๋ยวจะพาไปชมครับ....ของแปลก) ที่ใกล้ๆ กันก็มีพระพุทธรูป ให้กราบไหว้ด้วยครับ  อ้อ..ด้านหลังก็คือบอร์ด แผ่นข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของโบสถ์แก้ว แห่งนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 18:20:34

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน และอยากจะให้เพื่อนได้อ่านบ้าง แต่เนื่องจากภาพใหญ่มาก แสงก็น้อย เลยถ่ายมาได้แค่นี้ครับ (เอาไว้ให้เพื่อนๆ มาชมกันเองนะครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 18:24:57

ความคิดเห็นที่ 22 ตอนนี้ สมาชิกก็เดินไปชม สิ่งต่างๆ โดยรอบ ครับ  น่าสนใจ อีกด้านหนึ่ง มีโครงกระดูกมนุษย์ให้ดูปลงสังขารด้วย แต่เพื่อ มรรยาท จึงไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ชมกัน (ผมยึดตามหลัก ที่พิพิธภัณฑ์ ของโรงพยาบาลศิริราช) แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 52 18:31:03 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 18:30:26

ความคิดเห็นที่ 23 ตรงนี้เป็นช่องทางขึ้นไปข้างบนอีกด้านหนึ่งครับ (บังเอิญไม่ได้นับว่ามีกี่ช่องทางขึ้นลง) เสียดายภาพมัว เพราะแสงสว่างน้อย ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 18:37:12

ความคิดเห็นที่ 24 เนื่องจากตอนที่เข้าไปครั้งแรก ยังไม่ทราบว่า ข้างบนเป็นโบสถ์ คิดว่าเป็นห้องใต้ดินปกติ  แต่พอได้เห็นบอร์ดข้อมูลในรูป คห.21 แล้ว ก็เลยคิดว่าข้างบนต้องเป็นโบสถ์แน่นอน เดินไปเรื่อยๆ ก็พบบันไดขึ้นไปข้างบนโบสถ์ครับ (ทางขึ้นอื่นโดยรอบจะไปโผล่นอกโบสถ์ครับ)  มีประตูล๊อค รักษาความปลอดภัยพร้อมครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 18:43:44

ความคิดเห็นที่ 25 พอดีประตูไม่ได้ล๊อค ผมก็เลยขอซน พิสูจน์หน่อยว่า ข้างบนเป็นโบสถ์หรือไม่ครับ   โผล่ขึ้นไปก็เป็นด้านหลังองค์พระประธานพอดีเลยครับ  แต่เนื่องจากรองเท้าผมยังอยู่ที่หน้าถ้ำกระจก ทางลงด้านนอก ผมเลยต้องกลับลงมาดังเดิมครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 18:48:20

ความคิดเห็นที่ 26 ตอนนี้ เดินกลับขึ้นไป แล้วไปหาทางเข้าโบสถ์ครับ ทางเข้าตามรูปข้างล่างนี้ น่าจะเป็นทางเข้าด้านหน้าโบสถ์ เพราะองค์พระหันหน้ามาทางนี้ครับ (ข้อสังเกตุ มีต้นกล้วยพัด อยู่สองข้างทางด้วย) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 19:17:34

ความคิดเห็นที่ 27 ข้างหน้าจะมี องค์พระสังกัจจายน์ ด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 19:23:19

ความคิดเห็นที่ 28 ที่บานประตู ทำด้วยกระจกสลักลายเทพบนสวรรค์ ซึ่งไม่ทันได้สังเกตุว่า เป็นเทพองค์ใดบ้าง เพราะไม่มีชื่อบอกครับ ถ้ามีเวลา ก็ลองมาเดินศึกษาดูได้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 19:26:40

ความคิดเห็นที่ 29 ข้างหน้าผมก็คือ ภายในโบสถ์ครับ เป็นห้องโถง ทรงแปดเหลี่ยม กว้างขวางมาก มีองค์พระประธาน หลวงพ่อโต ตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้าครับ  ไม่มีประวัติจารึกใดๆ เกี่ยวกับองค์หลวงพ่อโต แต่ได้ใช้วิธีวิเคราะห์หลักฐานสิ่งก่อสร้างรอบๆองค์พระ พบว่า น่าจะสร้างในพุทธศตวรรษที่ 21 (มาจากเว็บ dhammajak.net) แต่มีคนนั่งกรรมฐานเงียบๆ กระจายโดยรอบ เลยทำให้ผมไม่กล้านำกล้องถ่ายภาพเข้าไปข้างใน กลัวจะมีเสียงกล้องรบกวนสมาธิพวกเขาครับ เลยถ่ายจากข้างนอกเท่านั้นครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 19:39:47

ความคิดเห็นที่ 30 ไปเดินเวียนรอบโบสถ์ดีกว่า มองไปทางด้านซ้าย จะเห็นทางเดินแนวโค้ง มีประติมากรรม เกสรบัวสีเหลืองนวล เรียงรายกันไปเรื่อยๆ (โดยที่ ด้านนอกเป็นกลีบบัวสีชมพู) แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 52 20:00:57 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 19:51:25

ความคิดเห็นที่ 31 เขียนแผนที่ได้ละเอียดดีจังเลย เคยไปนั่งสมาธิที่วัดนี้ค่ะ.. สงบมากๆ จากคุณ : VELEZ เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 19:52:53

ความคิดเห็นที่ 32 แนวประติมากรรม รูปเกสรบัวขนาดยักษ์นี่ นะดูสวยเป็นระเบียบดี แถมยังใช้นั่งพักได้ด้วย เดินเวียนขวานับจำนวนเกสรอันสั้นไปเรื่อยๆ ก็เกิดสมาธิได้เหมือนกันครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 19:55:36

ความคิดเห็นที่ 33 สวัสดีคุณ VELEZ  ครับ  บ้านผมก็อยู่แถวๆ จ.นนทบุรี ก็เลยอยากให้คนมาเที่ยวแถวนี้บ้างนะครับ ผมเองก็เคยไปนั่งสมาธิ ตอนไปครั้งแรก ปี 2537 ครับ ครั้งนี้เลยไปเดินหา พื้นหินใต้ต้นไม้ บริเวณที่เคยนั่งสมาธิ ปรากฏว่า หาไม่เจอครับ เปลี่ยนแปลงไปมากเลยครับ เดินไปหน่อย แล้วหันกลับมาดูข้างหลัง  สวยงามดีครับ แผ่นกระจกที่สะท้อนภาพเป็นแนวตั้งสูงขึ้นไปข้างบน กับภาพเกสรบัวขนาดยักษ์ ที่เรียงรายอยู่ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 20:06:04

ความคิดเห็นที่ 34 เห็นกระจกแล้วอดไม่ได้ที่จะขอถ่ายภาพตัวเอง สักหน่อย งานนี้ต้องประลองความหล่อกันหน่อย ผมคงสู้ไม่ได้นะครับ แก่กว่าน้องเขาเกือบรอบครึ่งโน่น...ฮึฮึ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 20:12:31

ความคิดเห็นที่ 35 เดินไปอีกเล็กน้อยก็ถึงประตูด้านข้างโบสถ์ครับ ซึ่งมองเข้าไปข้างในก็จะเห็นประตูอีกฝั่ง ซึ่งเป็นทางเดินหลักของวัด  เนื่องจากการสร้างประตูในแต่ละด้านจะทำเป็น 2 ช่อง เหมือนกับ โบสถ์ทรงไทยทั่วไป  ผมจึงถ่ายภาพจากแต่ละช่องประตูมาให้ดูกัน เพื่อจะได้เห็นตำแหน่ง ทางลงไปยังชั้นใต้ดินอยู่ด้านหลังองค์พระประธาน ดังในรูปซ้าย (ขออภัย ที่ภาพไม่ชัดอีก เพราะแสงน้อย ไม่ได้ใช้ขาตั้งกล้องครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 20:23:21

ความคิดเห็นที่ 36 ประตูด้านนี้ มีทางเดินลงไปข้างล่าง มองเห็นสวนหินอยู่ตรงหน้า และศาลากลางน้ำ (หลังเดียวกับที่ผมเห็นในคห.11) ด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 20:37:02

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบพระคุณมากๆครับผม จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 20:41:14

ความคิดเห็นที่ 38 ลองเดิน(เท้าเปล่า) ลงไปข้างล่างเพื่อดูศาลากลางน้ำชัดๆ หน่อย ว่าเป็นหลังเดียวกันหรือไม่ เหลือบเห็นใบเสมารอบโบสถ์ที่ทำด้วย สเตนเลสวาววับ แถมข้างล่างยังมี ลูกนิมิตให้เห็นผ่านกระจกใสด้วยครับ นับว่าแปลกไปจากโบสถ์วัดอื่นจริงๆ เลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 20:43:00

ความคิดเห็นที่ 39 สวัสดีคุณ อุ้ย (digimontamer) แฟนประจำครับ ยินดีพาเที่ยวครับ  เที่ยววัดบ้างคงจะไม่เบื่อนะครับ แบบว่าใกล้ๆ บ้าน ค่าใช้จ่ายน้อย แถมได้บุญดีอีกด้วยครับ ตอนนี้ผมออกจากโบสถ์แก้วแล้วครับ  เดินตามทางเดินหลักของวัด (เชื่อมระหว่าง แผงร้านค้า กับ หน้าวัด) มาเล็กน้อย ก็เห็นประตูโบสถ์ด้านนี้   รู้สึกว่า จะมีคนนิยมเข้าทางนี้มาก สังเกตุจากมีชั้นวางรองเท้า ด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 20:50:03

ความคิดเห็นที่ 40 เดินไปทางหน้าวัดอีกนิด ก็ได้เห็นใบเสมาเต็มๆ ที่มีแผ่นกระจกสีชาสลักลาย แสดงว่า ใบเสมาอีกด้านที่ผมเห็นในรูป คห.38 นั้น แผ่นกระจกคงแตก หรือสูญหายแล้ว น่าเสียดายเหมือนกันครับ  มูลค่า ความลำบากในการสร้างครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 20:54:22

ความคิดเห็นที่ 41 ขอไปเที่ยววัดด้วยคนคร้าบบบ จากคุณ : Paper Mask เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 20:54:45

ความคิดเห็นที่ 42 นี่เป็นรูปถ่ายเต็มๆ ของโบสถ์แก้ว ที่ยากที่จะหามุมถ่ายได้ เพราะในปัจจุบันมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมโดยรอบ ไม่สามารถถ่ายไกลๆ ได้ครับ เลยเห็นภาพในลักษณะมุมสูง ที่ฐานใหญ่ ยอดเล็กนิดเดียว ซึ่งลักษณะสัณฐานที่จริง ต้องดูจากในรูปคห.21 มากกว่าครับ (ต้องหาภาพที่ถ่ายจากบนเครื่องบิน จะดูสมจริงกว่าครับ) แหม..ดูทีแรก ก็คล้ายๆ กับ อาคารสำนักงานใหญ่ของธนาคารไทยพาณิชย์เลยครับ ดูทันสมัยดี ซึ่งเหตุผลที่ ทางวัดสร้างแบบนี้ เพราะใช้เงินน้อยกว่าถ้าเทียบกับ โบสถ์ทรงไทยทั่วไป เพราะทั้งนี้จะต้องครอบองค์พระประธานขนาดใหญ่แบบนี้ให้ได้  และยังต้องจุคนให้มาก เพื่อเข้าพิธี อุปสมบทหมู่ หลายร้อนรูปด้วย ผลจึงออกมาว่า โบสถ์ลักษณแบบนี้ สามารถจุคนได้มากถึง 600 คนครับ ในวันนี้ ก็มาถึงแค่ โบสถ์แก้ว ในวันพรุ่งนี้ผมจะมาต่อเรือนไทยไม้สลัก นะครับ คอยติดตามชมที่กระทู้นี้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 21:07:11

ความคิดเห็นที่ 43 เคยไปมานานแล้ว เปลี่ยนไปจนจำไม่ได้ค่ะ จากคุณ : yaya' เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 22:38:58

ความคิดเห็นที่ 44 ...ตามมาเที่ยววัดด้วยคนนะคะ วัดสวยดูสงบร่มรื่นดีนะคะ ^-^ จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 23:32:20

ความคิดเห็นที่ 45 น่าไปจังค่ะ ขอบคุณค่ะที่นำมาฝาก จากคุณ : poonpak เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 12:22:05

ความคิดเห็นที่ 46 สวัสดีคุณ yaya' คงมีความรู้สึกเดียวกันนะครับ ถ้าได้ไปอีก สวัสดีคุณ ปลายฟ้าที่ภูตะวัน และคุณ poonpak เชิญชมได้ตามสะดวกนะครับ วันนี้มาต่อกันครับ เมื่อคืนรู้สึกไม่ค่อยสบาย เลยลาครึ่งวัน กลัวเพื่อนๆ รอ เลยมาทำงาน ยังมึนๆ คัดจมูกบ้างเล็กน้อยครับ เพื่อความสะดวกในการอ้างอิง ขอขยายแผนผังคร่าวๆภายในวัดให้อีกหน่อย ดังข้างล่างนี้ ซึ่งจะมี ตู้ ATM อยู่ด้านหน้าวัด และขอแก้ไขแผนที่ ในคห.3 เล็กน้อยว่า ตรงหน้าวัด ไม่มีที่จอดรถ 1 นะครับ เพราะใช้เป็นแค่วงเวียนวนรถเข้าไปส่งคน แล้วกลับออกมาจอดตามแนวที่จอดรถข้างวัด (แสดงด้วยเส้นสีฟ้า ครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 16:07:17

ความคิดเห็นที่ 47 จากโบสถ์แก้ว ผมได้เดินไปคนเดียว เพื่อทบทวนความทรงจำครั้งในอดีต เกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ ของวัดสังฆทานแห่งนี้ ต้องยอมรับว่า จำไม่ได้เลย ว่าตรงไหนเป็นลานหินที่เคยไปนั่งสมาธิ ตรงไหนเป็นบ่อน้ำ ที่มีทางเดินจากขอบบ่อ เข้าไปรวมกันทั้ง 4 ด้าน ก็เลยเจอ เรือไม้สลัก ตามรูปข้างล่างครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 16:21:33

ความคิดเห็นที่ 48 ก้มลงไปดูข้างล่างของเรือ จะเห็นพญานาคพันรอบๆ เรือครับ  ดูแล้วน่าจะเป็นกุฏิพระ นะครับ ถ้าหากนำเรือลำนี้ไปลอยในคลอง คงจะโคลงเครงน่าดูครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 16:32:12

ความคิดเห็นที่ 49 ตรงบริเวณหัวเรือจะเห็น เศียรพยานาค ทั้งสองตน กระหนาบกับ พญาครุฑ ตรงกลางครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 16:41:24

ความคิดเห็นที่ 50 ผมเดินผ่านไปทางท้ายเรือ ก็เจอถนน เผลอเลี้ยวซ้ายไป กลายเป็นที่อาบน้ำของผู้มาถือศีล เลยเดินกลับไปอีกด้าน ได้เจอ สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ เรือนไทยขนาดใหญ่ สวยงามมากครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 16:50:49

ความคิดเห็นที่ 51 ข้างหน้าเป็นใต้ถุนเรือนไทย มองไปทางซ้ายมือเป็นทางเดินลอยฟ้า อ้อมขึ้นไปข้างหลังเรือนไทย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 17:02:43

ความคิดเห็นที่ 52 ทางเดินนี้ ดูเผินๆ คล้ายกับทำด้วยขอนไม้ แต่ที่จริง เป็นคอนกรีตหล่อขึ้นรูป แล้วทำลวดลายให้ดูเหมือนขอนไม้ ภาพมัวไปนิด เพราะเกือบจะหกโมงเย็นแล้วครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 17:11:14

ความคิดเห็นที่ 53 เดินขึ้นไปครึ่งทางก็มองเห็นว่า ไปสิ้นสุดที่ประตูด้านหลังของเรือนไทย เลยลงมาข้างล่าง มาถ่ายภาพเสาทางเดินลอยฟ้านี้ดู   อู้ฮู...ดูยิ่งใหญ่ คล้ายกับต้นไม้จริงๆ เลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 17:15:07

ความคิดเห็นที่ 54 นี่เป็นใต้ถุนของเรือนไทย ซึ่งจะมองเห็นเสาเยอะแยะไปหมด จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 17:19:01

ความคิดเห็นที่ 55 สังเกตุให้ดี เสาเหล่านี้จะถูกแกะสลักเป็นรูปสถานที่สำคัญของโลกด้วย อย่างในรูปข้างล่างนี้ก็คือ หอไอเฟล ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 17:22:00

ความคิดเห็นที่ 56 เสาต้นนี้จะเป็นรูป หอเอนปิซ่า ซ้อนกับ ที่นั่งชมการต่อสู้โคลีเซียม ครับ  รู้สึกว่า แต่ละเสาจะเป็นรูปแกะสลักรวมๆ กันนะครับ  งานนี้ดูได้แต่ตา มืออย่าต้อง ครับ ไม่งั้น ด้วยแรงมือคนละนิด ลูบๆ จับๆ เผลอๆ อาจจะงัดเอา ลายแกะสลักเขาหลุดไปได้ด้วยซ้ำ จึงต้องมีป้ายห้ามจับครับ (โชคดีที่ไม่ห้ามถ่ายภาพ ไม่งั้นเพื่อนๆ คงอดชมกันนะครับ) ที่จริงมีมาก แต่เนื่องจาก บรรยากาศมืดลงทุกขณะ ต้องรีบไปดูส่วนอื่นอีก เอาไว้ให้เพื่อนๆ หาเวลามาเดินชมกันนะครับ ฟรีไม่เสียเงินใด แต่หากจะทำบุญกันตามสะดวก ก็แล้วแต่ศรัทธาครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 17:29:36

ความคิดเห็นที่ 57 เดินไปด้านหน้าเรือนไทย จะมีบันไดไม้แกะสลัก ให้ชมอีกครับ  ช่างวิจิตรอลังการณ์จริงๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 17:33:35

ความคิดเห็นที่ 58 นี่เป็นหลังคาจุดพักบันไดช่วงแรกนะครับ โอ้โฮ..สวยจริงๆครับ เรียกว่ารู้สึกเหมือนได้เดินเข้าไปในงานประติมากรรมไม้แกะสลักเลย  จากที่เคยเห็นเป็นชิ้นงาน เฟอร์นิเจอร์ เท่านั้นครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 17:37:56

ความคิดเห็นที่ 59 ที่ด้านหน้านี้ จะมีจุดพักบันไดฝั่งขวา ด้วยครับ  แหม..ขนาดรั้วข้างหน้า ยังแกะสลักด้วยเลยครับ ละเอียดจริงๆ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 17:42:54

ความคิดเห็นที่ 60 ตรงกลางมี ศาลาเล็กๆ มีรูปปั้นหลวงพ่อสังวาล์ เขมโก อยู่ตรงกลางครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 18:15:00

ความคิดเห็นที่ 61 มีทางขึ้นไปศาลาใหญ่ข้างบนด้วยครับ แหม..บันไดเยอะจัง หลายช่วงดูซับซ้อนไม่น้อยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 18:18:41

ความคิดเห็นที่ 62 ขึ้นไปแล้วหันกลับมามองศาลาจุดพักบันไดดู เป็นภาพมุมบนครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 18:22:47

ความคิดเห็นที่ 63 ผมลองเดินขึ้นไปศาลาชั้นบน ไปเจอพระ ท่านก็มองด้วยความรู้สึกงง ว่ามาได้อย่างไรกันนี่ อาจเป็นเพราะเป็นเวลาใกล้ค่ำ เกือบหกโมงเย็น คงถ่ายภาพไม่ได้แน่นอน ผมเลยเดินลงมา เพราะไม่แน่ใจว่าเขาห้ามถ่ายภาพหรือเปล่า (ต้องยอมรับว่าผมเป็นคนที่รู้สึกกลัวพระครับ แบบว่ากลัวท่านดุเอา เป็นความรู้สึกติดมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วครับ เลยเวลาไปเที่ยว ถ้าเข้าไปในโบสถ์หรือวิหารแล้วมีพระ ก็จะหลีกเลี่ยงครับ เพราะอย่างน้อยก็ไม่อยากถ่ายรูปพระมาด้วย เกรงว่าจะไม่เหมาะสมครับ) ผมจึงลงมาถ่ายภาพที่หน้าจั่วของศาลาตรงกลาง (ที่มีรูปปั้นพระอยู่)  มีรูปพระเกี้ยว พระปรมาภิไธ ย่อ "ภ.ป.ร." เลยทราบว่า เรือนไทยนี้ สร้างเพื่อร่วม ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี พุทธศักราช 2549 ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 19:22:42

ความคิดเห็นที่ 64 ก่อนจะกลับ ผมเหลือบเห็นระเบียงริมน้ำ ต้องเดินเข้าไปจากใต้ถุนเรือนไทย ครับ ลองพาเพื่อนๆ ไปชมอ่างเก็บน้ำยามเย็นหน่อยนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 19:26:15

ความคิดเห็นที่ 65 โอ้โฮ...เจอเสาไม้แกะสลักอีกแล้วครับ ตอนนี้เป็นรูปป่าไม้สลับซับซ้อนด้วย ก็ตามกติกาเดิมครับ คือห้ามจับ ดูได้เท่านั้นครับ คงจะใช้เวลานานมาก กว่าจะแกะสลักเสร็จทั้งหมดนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 19:29:40

ความคิดเห็นที่ 66 ไปยืนที่ระเบียง มองไปที่อ่างเก็บน้ำข้างหน้า พบอาคารสีขาวๆ ซึ่งใช้เป็นที่พักของผู้มาถือศีล ทราบมาว่าทำด้วยกระดาษพลาสติคแข็งคล้ายแผ่นโปรโต้บอร์ด  แต่ออกแบบให้รับแรงได้เสมือน บ้านทั่วไป โดยมีน้ำหนักเบา  นับว่าแปลกจริงๆ  แต่เนื่องจากพื้นที่บริเวณนั้น ห้ามผู้ชายเข้าไปครับ  คงเป็นที่สำหรับ ผู้มาบวชชีพราหมณ์ ครับ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 52 19:47:22 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 19:36:56

ความคิดเห็นที่ 67 ใกล้ๆกัน ก็เป็นอีกหนึ่ง ที่พักในอ่างเก็บน้ำ (ทีแรกยังคิดว่าเป็นโรงไฟฟ้า หรือ เครื่องปั่นน้ำให้บริสุทธิ์) ออกแบบสร้างได้สวยดีครับ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 52 19:45:49 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 19:43:57

ความคิดเห็นที่ 68 ลองซูมกล้องเข้าไปใกล้ๆ ว่าสร้างจากแผ่นกระดาษพลาสติคหรือไม่ โอ้โฮ...น่าจะใช่จริงๆนะครับ แต่คงเป็นรุ่นแผ่นใหญ่ หนา นะครับ  เนื่องจากผมไม่สามารถเข้าไปสัมผัสใกล้ชิดได้ คงต้องให้เพื่อนๆ ที่เป็นสุภาษสตรี เข้าไปพิสูจน์แล้วมาเล่าให้ฟังกันนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 19:49:32

ความคิดเห็นที่ 69 มองมาด้านทางเข้าไป มีป้ายแจ้งบอก ว่า ห้ามสุภาษบุรุษเข้า เพราะเป็นเขตเนกขัมมาหญิง (คือการบวชชีพราหมณ์นุ่งขาวห่มขาวที่ไม่ต้องปลงผม)  ซึ่งก็แยกไปจากบริเวณอื่นๆ ของวัดครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 19:58:57

ความคิดเห็นที่ 70 ตอนนี้เดินกำลังเดินออกมาจากเรือนไทยไม้สลักแล้วละครับ ข้างหน้าคือ ถนนหน้าวัด ครับ  ทางเดินตรงนี้ปูด้วยหิน ดูเหมือนอยู่ในยุคพุทธกาลเลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 20:04:18

ความคิดเห็นที่ 71 ผมเดินมาเกือบสุดถนน ก็หันกลับไปถ่ายภาพเรือนไทย อีกสักครั้ง ก่อนที่จะลับตาไปด้วยร่มต้นไม้ครับ   แหม..ติดรูปผู้มาถือศีลอีกแล้วครับ  ถนนสายนี้ดูไม่ว่างเว้นจาก ผู้แสวงบุญ จริงๆ เลยนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 20:08:14

ความคิดเห็นที่ 72 ตอนนี้ผมเดินมาจนถึงถนนหน้าวัดแล้วครับ หันกลับไปถ่ายภาพถนนที่ทอดยาวไปยังเรือนไทยไม้สลัก พบว่าตรงจุดนี้ ยังสามารถมองเห็นเรือนไทยได้อย่างไม่น่าเชื่อ (ระยะทางเกือบ 200 เมตร ท่ามกลางต้นไม้ปกคลุมด้วย) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 20:15:30

ความคิดเห็นที่ 73 ถอยออกมาถ่ายภาพด้านหน้าวัดชัดๆ ว่าถ้าหากเข้ามาทางนี้แล้วจะไปโบสถ์แก้ว หรือ เรือนไทย ทางไหนครับ สังเกตุเห็นแท่งปูนยาวที่วางต่อๆ กันเป็นรูปโค้ง ก็เพื่อจัดการจราจรให้เวียนรถกลับมาทางขวา ซึ่งจะสังเกตุแนวเส้นสีเหลืองเรียงกัน ที่แต่ก่อนคงให้จอดรถตรงนี้ได้ แต่ปัจจุบันได้มีที่จอดรถด้านข้างวัดแล้ว จึงไม่อนุญาตให้จอดครับ  ก็นับเป็นข้อดี ที่จะได้เห็นป้ายชื่อวัดชัดๆ ไม่ต้องมีรถมาจอดบังแล้วละครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 20:31:09

ความคิดเห็นที่ 74 ด้านซ้ายมือจากภาพข้างบนจะมีตู้เอทีเอ็มให้กดเงินได้ และมีร้านจำหน่ายสินค้าอยู่ด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 20:35:48

ความคิดเห็นที่ 75 ก่อนจบกระทู้ ผมขอนำภาพ เรือนไทยไม้สลักมาให้ชมกันเต็มๆ อีกทีครับ  สวัสดีครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 20:39:29

ความคิดเห็นที่ 76 ตามมาชมวัดที่ไม่ไกลบ้านผมนักครับ ดีจังครับที่เห็นพาครอบครับอบอุ่นเข้าวัด ทำบุญครับ จากคุณ : รักษ์ธรรม เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 13:08:32

ความคิดเห็นที่ 77 สวัสดีครับ คุณรักษ์ธรรม แหม ชื่อคุณช่างสอดคล้องกับกระทู้ผมดีจังเลยครับ คุณคงชอบทำบุญ หรือฟังธรรม ถือศีล นะครับ เห็นแล้วสบายใจดีครับ จากรูปข้างล่างนี้ เป็นบรรยากาศในโบสถ์แก้ว ขณะบวชนาคหมู่ ครับ(ภาพจากเว็บ http://sanghathandhamma.com/) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 14:51:52

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณมากนะคะ   อยากไปทำบุญที่นี่จังค่ะ จากคุณ : costarica เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 09:42:43

ความคิดเห็นที่ 79 คุณ costarica ครับ ด้วยความยินดีครับ  ที่วัดนี้ ในวันพระใหญ่ (วิสาขฯ มาฆฯ เข้าพรรษา) จะมีคนมาเยอะ อาจไม่ได้รับความสะดวก  แนะนำให้ไปวันหยุดสุดสัปดาห์ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 10:44:16

ความคิดเห็นที่ 80   เพิ่มเติมนะครับ พอดีผมเคยบวชที่นี้ตั้งแต่เด็กเป็นสามเณรเมื่อปี 2532 และ เข้าว้ดนี้มาโดยตลอด และบวชพระเมื่อปี 2547 ครับ เรียกว่าเห็นความ เปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด - โบสถ์ที่เป็นแปดเหลี่ยมมีความหมายมาจาก มรรคมีองค์ 8 ครับ มีจุดทรุด โทรมหลายที่เพราะน้ำท่วม(ในห้องใต้ดินโดนเยอะครับ) - กุฏิทรงไทยแต่เดิมไม่ได้มีจุดประสงค์สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษาครับ หลวงพ่อสนอง กตปุญโญสร้างขึ้นถวายให้กับหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ใหญ่เพื่อเป็นสถานที่ดูแล รักษาหลวงปู่สังวาลย์ เพราะท่านอาพาธหนัก หลวงพ่อสนองจึงทำการถวายการดูแลพร้อมกับพระ ลูกศิษย์ที่มาเฝ้าดูแลกันตลอดเวลา รวมถึงอากาศที่เป็นธรรมชาติครับ -ศาลาที่พักของนักบวชหญิงนั้นพื้นทำจากโฟมครับ แล้วกรุผิวด้วยวัสดุ พลาสติกประเภทนึงผมจำชื่อไม่ได้ครับ -หงส์คู่ก็อยู่ในบ่อนี้แระครับ แต่มันบินหนีไปตัวนึง ตัวที่อยู่เลยมีอาการเหงา หงอยอย่างเห็นได้ชัดครับ สงสัยตรงไหนถามได้นะครับ ขออนุโมทนากับท่านที่นำมาเผยแพร่ครับ จากคุณ : ปาท่องโก๋ เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 53 11:29:27 A:118.172.92.105 X: TicketID:254052