==ฝากสำหรับผู้ชมงานและผู้จัดงานนิทรรศการการบินพลเรือที่ดอนเมือง วันที่ 25 - 26 ก.ค.นี้==

ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่จะไปร่วมงานดังนี้ครับ

- การเดินทางไปที่งาน ท่านต้องไปที่ Terminal 2 ของท่าอากาศยานดอนเมืองก่อนเท่านั้นครับ เพราะท่านต้องไปขึ้นรถที่ Terminal 2 ก่อนที่จะเข้า Flight Line หรือพื้นที่แสดงอากาศยานที่แถวอาคารคาร์โก้เก่า พื้นที่เดียวกับที่จัดวันเด็ก ท่านเดินเข้าทางประตู 4 ตรงเจ้เล้งเลยไม่ได้ครับ

- Flying Display หรือการแสดงการบินจะมีเฉพาะช่วงเช้าเท่านั้น ดังนั้นขอให้ตื่นเช้า ๆ ไปจะดีที่สุดครับ

- แนะนำว่าอยากให้ลองเดินดูงานนิทรรศการที่ Terminal 2 อย่างละเอียดนิดนึง ผมลองเดินดูแล้ว คิดว่าคนที่สนใจการบินน่าจะได้อะไรกลับไปเยอะพอสมควรครับ

- วันเสาร์-อาทิตย์ การบินจะเริ่มบินราว 9.30 - 10.00 ครับ ดังนั้นไปเช้า ๆ ดีที่สุด

- นางสาวสยามจะบินในวันเสาร์-อาทิตย์นี้ครับ ถ้าเครื่องยนต์ไม่มีปัญหาอะไรได้เห็นแน่นอนครับ รอดูนะครับ ประวัติศาสตร์ของชาติของเรา

- ฝูงผาดแผลง Green Hawk ของกองบินเกษตรเกิดปัญหาด้านระบบปล่อยควันสี ทำให้วันนี้ (วันศุกร์) ไม่มีควันสีออกมา ทางฝูงกำลังดูว่าจะแก้ไขได้ไหม ถ้าแก้ไม่ได้ก็อาจจะต้องบินแบบไม่มีควันไปล่ะครับ ซึ่งการบินในงานนี้บิน 4 ท่าเท่านั้นเพราะถูกจัดเวลาให้ค่อนข้างน้อยคือราว ๆ 10 กว่านาทีทั้ง ๆ ที่จริงฝูงจะแสดงราวครึ่งชั่วโมง ยังไงก็ลองดูได้ครับผม

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ตรงนี้อยากจะฝากถึงผู้จัดงานและผู้ที่จะไปร่วมงานครับ

ก่อนอื่นผมอยากจะเรียนให้ทราบว่า ในตอนแรกผมไม่ตั้งความหวังใด ๆ เลยกับงานนี้เพราะการเตรียมงานไม่ดีเลยตั้งแต่ไอเดียของการจัดงาน แต่กลับจากงานในวันนี้ก็มีความรู้สึกปน ๆ กันไปครับ

คืออยากจะบอกไว้ตรงนี้ก่อนว่า ตอนแรกผมก็ด่าคนคิดจะจัดมาก แต่ตอนนี้ผมกลับคิดใหม่ว่า อย่างน้อยท่านก็ยังทำให้มันเกิดขึ้นแล้ว อย่างน้อยก็ได้เริ่ม ซึ่งหวังว่าต่อไปจะมีการสานต่อครับ

จากประสบการณ์ที่ผมไป Air Show ต่างประเทศมาหลายครั้ง ยืนยันได้ว่า ความรู้สึกของงานนี้มันเกือบจะเป็น Air Show ในประดับนานาชาติแล้วครับถ้า ....

- ความรับผิดชอบของการจัดงานอยู่ในมือของมืออาชีพด้านการจัด Air Show หรือผู้ที่มีความเข้าใจและมีใจรักด้านการบินอย่างแท้จริง

- ผู้จัดงานไม่ได้กีดกันหน่วยงานอื่น ๆ ไม่ให้เข้าร่วม

คืออย่างที่ผมบอกไปตอนแรกครับ พวกผมก็ฝันกันมาตลอดว่าสักวันเราจะมี Air Show ในเมืองไทย แต่พอเห็นอะไร ๆ ที่ผ่านมา พูดได้ตรงนี้ว่า ผู้จัดงาน ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในการจัดงาน Air Show เลย ดังเหตุผลที่จะยกขึ้นต่อไปนี้คือ

1. ไม่มี Air Show ที่ไหนที่นำส่วนนิทรรศการตั้งแสดงออกไปห่างจากบริเวณที่จอดอากาศยานและพื้นที่แสดงการบินภาคอากาศ (Flying Display) ครับ ทุกแห่ง แม้แต่งานวันเด็ก งาน SAREX จัดนิทรรศการอยู่ชิดกับพื้นที่ Flying Display ทั้งสิ้น เดิน ๆ อยู่ในนิทรรศการจะได้ยินเสียงเครื่องบินกระหึ่มให้ตื่นเต้นอยู่เสมอ ตรงนี้ต้องแก้อย่างที่สุดครับ การจัดพื้นที่ตั้งแสดงอากาศยาน ถ้าไม่เอางานนิทรรศการใน Terminal 2 ไปตั้งที่อาคารคาร์โก้ ก็ควรจะเอาเครื่องบินมาบิน-จอดหน้า Terminal 2 ครับ ถ้าทำไม่ได้งานก็จะออกมาดีไม่ได้ครับ ไม่มีใครที่ต้องให้นั่งรถเข้าไปดูเครื่องบินหรอกครับ ทุกคนเต็มใจจะเดินเข้าไป ขอแค่อำนวยความสะดวกในการจัดทางเดินที่ไม่ไกลในการเดินเท่านั้นตามที่กล่าวไป

2. การจัดตารางการบิน เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ที่ผู้จัดงานอาจจะจัดการบินแค่ครึ่งวันเนื่องจากไม่มีงบ แต่การจัดจำเป็นต้องคำนึงถึงเนื้อหาของการแสดง และระยะเวลา  คือ อย่างการโชว์บินผาดแผลงของครูเหยี่ยวในเครื่อง Extra 300 และ DA42 นั้น ให้เวลาครูแค่ 10 นาที เป็นไปไม่ได้ครับ มันต้องนานกว่านั้น เพราะการบินของครูเหยี่ยวแห่งวิทยาลัยการบินนานาชาตินครพนมนี่แหละคือไฮไลต์สำคัญของงาน ฝรั่งอ้าปากค้างกันเมื่อเห็นครูบินมาเยอะแล้ว หรืออย่าง Green Hawk ของกองบินเกษตร ที่ปกติจะแสดงกันราวครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ แบบที่งาน SAREX 2008 ที่หัวหินก็แสดงราวครึ่งชั่วโมง คนดูชอบกันมากเพราะดูได้ครบชุดการแสดง ฝูง Green Hawk ของเราเป็นฝูงบินผาดแผลงเดียวในโลกที่ใช้เครื่อง C208 Caravan ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสาร-ลำเลียงเบาในการบิน ฝูงบินผาดแผลงชั้นนำต่างชาติยังรู้จักเรา เราเอาจุดนี้เป็นจุดขายของงานได้ครับ หรีออย่างนางสาวสยามนั้น เครื่องนางสาวสยามเป็นเครื่องบินเก่ายิ่งกว่าสงครามโลก กว่าจะบินอ้อมมาก็หมดไปแล้ว 10 นาที คุณแตงไม่ต้องทำอะไรกันพอดี ครูป้ำที่บิน SR.20 ยังทำอะไรได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องเลิกแล้ว .... ไม่ได้นะครับ การบินต้องนานกว่านี้

3.  การจัดตารางเวลา ต้องมีผู้ควบคุมตารางการแสดงโดยเฉพาะ และต้องคำนึงถึงสภาพแสงสำหรับการถ่ายภาพด้วย ทุกที่เขาซีเรียสกันเรื่องนี้มากครับ ส่วนมากแล้วจะพยายามไม่ให้ย้อนแสงเพื่อที่คนมาดูจะได้ถ่ายรูปได้สวย ๆ แต่งานกลับจัดในช่วงเช้าซึ่งเป็นช่วงที่ย้อนแสงเต็ม ๆ ควรจะเป็นช่วงบ่ายที่ตามแสงหรือไม่ก็ต้องทั้งสองช่วงเลยครับ

4. เนื้อหาของการแสดงการบินซึ่งคือไฮไลต์หลักของการบินนั้นต้องเข้มข้นกว่านี้ ความจริงที่แอร์โชว์ส่วนมากในโลกนี้เอาเครื่องบินทหารมาร่วมด้วยเพราะมันมีความน่าตื่นเต้น เสียงเครื่องยนต์เจ็ตดัง ๆ นี่แหละเรียกคนดูได้เป็นหมื่น ๆ คน เราจัดเนื้อหาของการบินให้น่าสนใจได้ เช่นอาจจะบินรวมหมู่ DA42 ของทุกโรงเรียนการบินในไทย หรือเอาเครื่องการบินไทยมาเกาะหมู่คู่กับ F-16 ของไทย หรือบิน Herritage Flight ที่ฝรั่งเขาชอบบินกัน เช่นเอานางสาวสยามมาบินคู่กับ DA42 หรือเอา Bearcat มาบินคู่กับ F-5 และ F-16 เพราะการบินแบบนี้ในต่างประเทศเขาถือว่าจะทำได้เฉพาะประเทศที่มีประวัติศาสตร์ด้านการบินอันยาวนานเท่านั้น แล้วในนั้นก็คือประเทศไทยด้วยไม่ใช่หรือครับ?

5. ระบบรักษาความปลอดภัยสอบตกโดยสิ้นเชิง ซึ่งนั่นรวมถึงการที่ยามที่ประตูอื่นยังไม่รู้เลยว่าเขามีงานกันวันนี้ และการที่ก่อนจะขึ้นรถเพื่อไปดูเครื่องบินที่ Terminal 2 ซึ่งต้องมีการสแกนกระเป๋าก่อนก็ไม่รู้จะทำไปทำไม เพราะตอนที่ให้ลงรถตรงอาคารคาร์โก้ เจ้าหน้าที่ก็ปล่อยให้ใครก็ได้ที่เดินมาจากตรงไหนก็ได้เข้าไปอยู่ดี การสแกนต้องทำครั้งเดียวก่อนเข้างานครับ และการเข้าไปในพื้นที่จอดอากาศยานต้องห้ามนำน้ำ อาหาร หรือเศษกระดาษเข้าไป เพราะสิ่งเหล่านั้นมันคือ FOD (Foreign object damage) ที่ทำให้เครื่องบินเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ ประสบการณ์ในการรักษาความปลอดภัยในงานวันเด็กไม่ใช่ประสบการณ์ที่ควรทำตาม แต่ควรจะเป็นประสบการณ์ที่หลายอย่างไม่ควรเอาอย่าง (ซึ่งเอาเข้าจริงวันเด็กยังมีการรักษาความปลอดภัยที่ดูดีกว่านี้มากครับ)

6. การประชาสัมพันธ์แย่มากที่สุด ไม่ใช่เฉพาะคนที่มาดูงานเท่านั้นที่ไม่ได้รับความสะดวกเพราะไม่มีรายละเอียดอะไรเลยก่อนเริ่มงาน ผู้ร่วมจัดงานยังงง ๆ กันเป็นส่วนใหญ่เลยว่าจะต้องทำอะไรต่อ เพราะไม่ได้รับการแจ้งหรือประสานเลย หลายคนที่ผมคุยด้วยบอกว่า ผมไม่รู้เลยครับ ไม่รู้อะไรเลย เขาให้มาก็มา ... ในต่างประเทศเวลาเขาจัด Air Show เขากำหนดล่วงหน้ามาเป็นปี ๆ ยิงโฆษณากันทั้งเมือง ทุกคนมีส่วนร่วมเพราะมันเป็นความภาคภูมิใจของชาติของพวกเขา แล้วเราล่ะครับ? แทบไม่มีใครรู้อะไรเลย มารู้อีกทีก็ไม่กี่วันก่อนงานเริ่ม?

7. การพัฒนาการบินของชาติจะต้องเป็นการพัฒนาร่วมกันครับ ภาคพลเรือนไม่สามารถขับเคลื่อนการบินและอุตสาหกรรมการบินของชาติได้ถ้าขาดทางฝ่ายทหารหรือการบินของรัฐบาล และเช่นกันทางฝั่งทหารและหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐที่ใช้เครื่องบินก็ขาดภาคพลเรือนไม่ได้เช่นกัน ทำไมต้องกีดกัน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ว่าใครจะเด่นกว่าใคร แต่เป็นเรื่องที่ต้องมาช่วยกันเด่นเพื่อให้ประเทศชาติเด่นให้ได้มากที่สุด ทุกคนที่ไปร่วมจัดงานในวันนี้ ทุกคนทำกันเต็มที่ ทั้งคนออกบูทและคนบิน ขอแค่ให้ผู้จัดงานมีความเป็นมืออาชีพ เข้าใจและมี Air Mind อย่างแท้จริงเท่านั้นเองครับ

ฝากไว้เต็ม ๆ เลยนะครับสำหรับผู้จัดงานซึ่งคือการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยและกรมการขนส่งทางอากาศ

นอกนั้นก็ไม่ใช่จะมีแต่อะไรแย่ ๆ ไปทั้งหมดครับ ข้อดีก็พอมีบ้างครับเช่น

1. งานนี้รวมภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบินแทบทั้งประเทศมารวมกัน ตั้งแต่สายการบิน โรงเรียนการบิน ผู้สร้างเครื่องบิน ผู้ให้บริการ สื่อ รวมถึงทุกอย่างที่เกี่ยวกับอะไรที่บินได้ (แต่ข้อเสียคือหน่วยงานภาครัฐแทบไม่มีโอกาสได้มาร่วมเลย ซึ่งไม่ถูกต้อง) ดังนั้นข้อดีของการไปงานนี้ก็คือ คนที่ไปก็จะได้เห็นภาพรวมของการบินในประเทศไทยว่า ชีวิตนี้มันไม่ได้มีแค่การบินไทยหรือแอร์เอเชียเท่านั้น แต่การบินของไทยมันใหญ่มากและมีโอกาสอีกมากสำหรับคนรุ่นใหม่ ๆ ที่จะมาเป็นนักบินหรือทำงานในแวดวงการบิน ถ้ามองจุดนี้ก็คุ้มค่าครับ

2. ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการบินเพิ่งจะได้มาเจอหน้ากัน มาทำความรู้จักกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตากันเป็นครั้งแรกตั้งแต่จำความกันได้ ตรงนี้มันทำให้เกิดการเชื่อมต่อและประสานงานทางธุรกิจกัน กลับไปแต่ละคนได้ connection เยอะมากทีเดียว ตรงนี้คือจุดประสงค์ข้อสำคัญของ Air Show ที่ทุกคนลืมกันไป ในต่างประเทศเขาจะจัดส่วนให้มานั่งเจรจาธุรกิจกันโดยเฉพาะเลยนะครับ เพราะการจัด Air Show ไม่ได้จัดมาเพื่อซื้อเครื่องบินรบหรือบินกันสนุก ๆ เท่านั้น ตรงนี้ก็สำคัญและมันจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมกันได้เยอะแยะ อีกอย่างการเมืองแย่แบบนี้มาหลายปี ทุกคนหวังพึ่งภาครัฐไม่ค่อยได้ ตอนนี้ทุกคนพยายามช่วยเหลือตัวเองกันมาตลอด ตรงนี้ก็เป็นโอกาสดีของทุกคนในแวดวงเช่นกัน

--------------------------------------------------

แม้ว่างานจะเป็นแบบนี้ แต่ก็มีฝรั่งมาดูกันตั้งเยอะ รู้ไหมครับว่าทำไม? เพราะคำว่า Air Show นี่แหละครับ เพื่อนผมที่ญี่ปุ่นถึงกับเมลล์มาถามว่าจะจัด Air Show เหรอ? เป็นยังไง? สู้ Singapore Air Show ได้ไหม? พอผมบอกรายละเอียดไปเขาก็เข้าใจ และมางานวันเด็กเหมือนเดิมดีกว่า

รู้ไหมครับ วันเด็กกองทัพอากาศและที่เหล่าทัพอื่น ๆ ของบ้านเรา คนรู้จักไปทั่วโลก ปีนึง ๆ พวกผมพาคนต่างชาติเข้ามาเที่ยวงานวันเด็กกันหลายคน นับไปในงานเฉพาะที่ดอนเมืองจะมีต่างชาติไม่ต่ำกว่า 40 คน มาจากไหนก็ไม่รู้ งานที่อื่นอีกขนาดไหน นี่ขนาดไม่เคยมีใครโปรโมตไปต่างประเทศเลย ททท.ไม่รู้รายละเอียดเลย พวกผมโปรโมตกันเอง ทำกันเองในวงการทั้งนั้น คนเหล่านี้คือคนที่รักเครื่องบินจริง ๆ และไปทั่วโลกเพื่อที่จะได้ดูเครื่องบินของชาตินั้น ๆ โดยไม่สนใจว่ามันจะเจ๋งที่สุดในโลกหรือเปล่า ...... ทำยังไงถึงจะมีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นกับงานนิทรรศการการบินพลเรือนล่ะครับ? ....... ผมพูดคุยกับหลาย ๆ คนแล้ว กล้าพูดได้เลยว่า งานนี้ มันใกล้จะใหญ่กว่า Singapore Air Show แล้ว ผมไม่อยากว่าคนให้นโยบายแล้ว เพราะแม้ว่ามันจะแย่ยังไง แต่อย่างน้อยเขาก็ทำให้มันเกิดขึ้นมาได้สำเร็จ แต่คนรับนโยบายมาปฏิบัตินี่แหละครับที่เป็นปัญหา งานนี้มันขาดแค่การจัดการและวิสัยทัศน์ที่ถูกต้องจากผู้รับนโยบายมาปฏิบัติเท่านั้น เพราะถ้าบริหารดี ๆ งานมันน่าดูกว่า LIMA ที่ลังกาวีด้วยซ้ำ

นี่แค่นี้ ยังมีคนให้ความสนใจกันเกินกว่าที่ทุกคนคาดกัน มันแปลว่ามีคนสนใจจำนวนมาก แค่ให้โอกาสพวกเขาเท่านั้น คนบินแต่ละคนมาบินกันเต็มที่ เข้าเนื้อไม่ว่าขอแค่ให้การบินของพวกเขาสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ที่จะมาแทนพวกเขาให้ได้เท่านั้น คนมาจัดงานทุกคนเต็มที่เพราะนี่คือโอกาสแสดงศักยภาพของตน ปีนี้ปีแรก ไม่ดี เราจะไม่ว่า ถือว่าครั้งแรก แต่ปีหน้า หวังว่ารัฐบาลจะสานต่อ และให้มืออาชีพที่มีใจรักการบินและเข้าใจการบินมาจัดงาน ไม่ใช่ผมหรอกครับ ในประเทศนี้มีเยอะ ขึ้นอยู่กับว่าท่านจะให้โอกาสพวกเขาหรือเปล่า อย่าเพิ่งเลิกไป นี่คือโอกาสดีแล้ว ปรับปรุงใหม่ ปีหน้าให้ดีขึ้น แล้วเราก็จะพูดได้ว่าเราคือศูนย์กลางการบินของภูมิภาคอย่างแท้จริง

ขอบคุณครับ

แก้ไข: แก้คำผิด

แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 52 06:27:53

จากคุณ	: Analayo
เขียนเมื่อ	: 24 ก.ค. 52 23:56:09