ความคิดเห็นที่ 1 ท่าทางจะยากนะครับ ผมว่าพฤติกรรมคนไทยไม่ค่อยนิยมไปเที่ยวสวนสนุกมากนัก ชอบแต่เดินห้าง ดูหนัง ชอปปิ้งเป็นส่วนใหญ่ อาจจะเป็นเพราะเมืองไทยเมืองร้อน กิจกรรมกลางแจ้งเลยไม่ได้รับความนิยมสู้ในห้างติดแอร์ก็ได้ ดูอย่างดรีมเวิร์ลหรือสวนสยาม ก็ไม่ค่อยมีคนไปแน่นขนัดเหมือนสวนสนุกของต่างประเทศ จากคุณ : ilovesassygirl เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 23:38:53

ความคิดเห็นที่ 2 ภูมิอากาศครับ อากาศต้องหนาว เป็นเมืองหนาว จากคุณ : ป่านปั๊น เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 23:39:46

ความคิดเห็นที่ 3   Posibility is ZERO. เห็นอาจารย์เคยบอกว่ามีโครงการเหมือนกันแต่ก้อต้องถอยเพราะเหตุการณ์ทางการเมือง จากคุณ : Talabez เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 23:45:41

ความคิดเห็นที่ 4 นานมาแล้วเคยได้ข่าวว่า  เขามีโปรเจค และมาสำรวจกันแล้วที่จันทบุรีนะคะ  เพราะต้องมีส่วนมารีน่าด้วย แต่ก็นะ  การเมืองไม่เสถียรพอ  เขาก็เลยไปฮ่องกงแทนน่ะค่ะ จากคุณ : DangCola เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 00:24:20

ความคิดเห็นที่ 5 -*- เง้อ การเมือง -*- เก็บตังค์ไปเสียดุลให้ต่างประเทศกันดีก่า อยากเล่นซักครั้งในชีวิต จากคุณ : marie_husky เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 00:32:13

ความคิดเห็นที่ 6 ผมว่าการเมืองส่วนน้อยนะ ถ้ามาก็ต้องเก็บตังค์ราคาแบบดิสนีย์ คนไทยคงสู้ไม่ไหว และคนไทยก็เที่ยวไม่ได้ทุกวัน อาจรายได้ดี เฉพาะเสาร์ อาทิตย์ อากาศ ก็เป็นเรืองสำคัญ แค่คิดก็ไม่อยากไปแล้ว สุดท้ายคิดว่าคน ที่ญี่ปุ่นพนักงานในดิสนีย์ทำงานอย่างทุ่มเทมาก แม้คนทำความสะอาด ยังเป็นคนหนุ่มสาว ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ จากคุณ : parad เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 00:53:25

ความคิดเห็นที่ 7 คิดภาพแบบว่าเดินชมพาเหรดตอนบ่ายๆ แดดแบบเมืองไทย คงแย่น่าดู -_-" แค่เซนโตซ่าที่สิงคโปร์ แค่เล็กๆแค่นั้น ตับแตกเลยนะนั่นหน่ะ จากคุณ : โอ๊ต-ครับ-ผม เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 01:37:23

ความคิดเห็นที่ 8 0% ไม่มีนักลงทุนคนไหน อยากเปิดดิสนีย์แลนด์ในไทยหรอก.  แต่มีตัวอย่างอยู่ 1 ที่ๆ เค้าประสบความสำเร็จ คือ Genting Highland ของมาเลย์ คนแห่กันไปแน่นขนัดทุกวันหยุดเสาอาทิตย์นี่คนยังกะฝูงมด แต่ข้างบนนั้นก็อากาศหนาว  แต่ฝนก็ตกทุกวันเหมือนกัน.  (Sentosa ก็ไม่เห็นมีอะไร เหมือนเดินอยู่สวนเบญฯ) จากคุณ : Arccyber2004 เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 01:57:39

ความคิดเห็นที่ 9 ก่อนที่จะไปเปิดที่ฮ่องกง  ไทยเป็นตัวเลือกต้นๆที่ดิสนีย์สนใจ  มีการส่งตัวแทนมาเข้าพบรัฐบาล  มาดูพื้นที่ที่สนใจ  ผมจำได้คราวๆว่ารัฐบาลในสมัยนั้นให้พื้นที่แถวๆภาดอีสาน  แล้วเรื่องก็เงียบๆไปนานจนลืมไปแล้ว ผ่านไปหลายปี  หวยก็ไปออกที่ฮ่องกง  เป็นดิสนีย์แลนด์ในเอเชียแห่งที่สอง จากคุณ : Ntyu เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 01:59:08

ความคิดเห็นที่ 10 จะว่าไป ถ้าจะพูดเรื่องอากาศร้อน คงไม่น่าเกี่ยวนะ เพราะ ที่ฟลอริด้า ร้อนตับแลบแค่ไหน ยังมีคนมาเดินเล่นกัน ไม่สนใจอะไรเลย น่าจะเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนแล้วคุ้มมั้ย ? ถ้าจะตั้งอยู่ ชานเมือง หรือ ต่างจังหวัด ระบบคมนาคมขนส่งมีเพียงพอหรือป่าว ยิ่งบ้านเรา ไม่ต้องพูดถึงเลย แก้ปัญหาเรื่องรถไฟฟ้าไปสนามบินยังไม่ลงตัวเลย แล้ว จะเอาอะไรกับสวนสนุก จากคุณ : เจ้าชายน้อยหน่า เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 02:44:15

ความคิดเห็นที่ 11   เคยมาแล้วครับ ม้วนเสื่อกลับบ้านไป ตั้วที่ อ.จอมบึงหรือสวนผึ้งนี่หละ ตอนนี้เลยมีนักลงทุนเกาหลีมาตั้งแทน ชื่อราชาอะไรซักอย่าง สาเหตุ เพราะการเมือง....น่าเสียดาย บ้านเรา พทเยอะๆ จากคุณ : ขวัญใจสิบล้อ เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 06:52:25

ความคิดเห็นที่ 12 ของเกาหลี ชื่อ ราชาแกรนด์ปาร์ค ครับ มีสวนสนุก โรงแรม รีสอร์ท เป็นโครงการพัฒนาระยะยาว 10 ปี ครับ ของที่เชียงใหม่ ก็มีนะครับ ชื่อ โครงการเชียงใหม่แลนด์ หรือไงนี่ เป็น สวนสนุก + โรงถ่ายทำภาพยนตร์ จากคุณ : taoru เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 08:50:27

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่รู้ดิ ผมไปที่ฮ่องกง คนเล่นน้อยมากเลย ของเล่นแต่ละอย่างแทบไม่ต้องรอ เล่นครึ่งวันได้เกือบครบ เห็นว่าตอนนี้สภาพคล่องเค้าก็ไม่ดีเอามากๆเลยนะทั่วโลก จากคุณ : apotheker เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 09:28:08

ความคิดเห็นที่ 14 จีนเค้าฉลาดครับ เครื่องเล่นส่วนใหญ่เค้าก็พยายามไม่ให้เหมือนกับอีกเจ้านึงที่มีอยู่แล้ว ประมาณว่าเค้าก็ช่วยคนของเค้าด้วย ไม่ให้ต้องปิดกิจการ ผมไปที่ฮ่องกงมา เป็นครั้งแรกในชีวิต ฝันไว้ตั้งแต่เด็กๆ ส่วนตัวผมผิดหวังครับ ปล.ความเห็นส่วนตัวนะครับ จากคุณ : Tor Surrey เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 09:46:01

ความคิดเห็นที่ 15 เราว่าเค้าคงดูจากความเป็นไปได้ของการทำการตลาดอ่ะค่ะ คนไทยไม่ชอบแดด ไม่ชอบอากาศร้อน กลัวดำ พอคิดจะไปสวนสนุกกันที ก็ต้องรอให้ถึงฤดูที่แดดไม่แรง แต่พอไม่มีแดด ฝนก็ตกอีก... ต่อให้มาเปิด อีกไม่นาน รายได้เค้าก็หดหาย...เหมือนกับสวนสนุกที่บ้านเรามีอยู่ ไม่เหมือน Disney World อ่ะ ต่อให้ร้อนตับแตกแค่ไหน คนที่นั่นก็อุ้มลูกกระเตงหลานไปเที่ยวกันเนืองแน่นอยู่ดี จากคุณ : Little Anchovy เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 10:14:24

ความคิดเห็นที่ 16 แทบจะเป็นศูนย์ เพราะ เค้าเคยมาเลือกไว้แล้ว เล็งที่  ไทย  สิงคโปร์  ฮ่องกง  แต่ไทย ตัดออกอันดับแรกเพราะ +คนเข้าออกประเทศน้อยเกินไป +ตั้งที่ฮ่องกงโอกาสได้ลูกค้าจีน เยอะกว่า +อากาศบ้านเราร้อนเกิน +ค่าตั๋วต่อรายได้ประชากรจะสูงไป จากคุณ : cantare เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 10:49:39

ความคิดเห็นที่ 17 ส่วนตัวไม่อยากให้มาครับ !!! อยากให้ Dream World แบบไทยๆ อยู่ไปนานๆ พูดแล้วก็คิดถึง"แดนเนรมิต" ยังจำได้ว่าก่อนปิดตัวลง มีนิทรรศการที่ชื่อซึ้งๆ จัดขึ้นที่นั่น "แดนเนรมิต...ฉันจะคิดถึงเธอ" ป.ล. ขอโทษเจ้าของกระทู้ครับ ที่พาออกนอกเรื่อง จากคุณ : หน้าผู้ร้าย ใจพระเอก เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 11:01:32

ความคิดเห็นที่ 18 แก้ให้คุณ taoru ครับ ที่เชียงใหม่ชื่อว่า เชียงใหม่วูดครับ ทำเลียนแบบฮอลลีวูดของอเมิกากับบอลลิวูดของอินเดียครับ โครงการขนาดใหญ่มากมาย มีหมู่บ้านคนรวยในนั้นด้วย เห็นว่าเจาะกลุ่มลูกค้าดาราฮอลลีู้วู้ดอ่ะครับ จากคุณ : i will ok เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 11:27:03

ความคิดเห็นที่ 19 เพิ่งจะเที่ยวดิสนีย์ซีกลับมา ยังละเมออยู่เหมือนกันค่ะ เอ๊ เมืองไทยเคยมีโครงการนี้นี่นา แต่ถ้าอยู่โคราช คงไม่ไหวมั้ง จากคุณ : บลอนดี้ เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 14:57:15

ความคิดเห็นที่ 20   เดอะวอลต์ดิสนีย์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2466 (ค.ศ. 1923) ในชื่อ "ดิสนีย์บราเธอส์คาร์ูตูนสตูดิโอ" (Disney Brothers Cartoon Studio) โดยสองพี่น้องดิสนีย์ วอลต์ ดิสนีย์ และ รอย ดิสนีย์ หลังจากที่ทั้งคู่ได้ทำสัญญากับ เอ็ม. เจ. วิงเกลอร์ ผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ในฮอลลีวูด โดยซ็นสัญญาการ์ตูนชุด อลิซคอเมดีส์ (Alice Comedies) ที่วอลต์ได้เริ่มทำเมื่อสมัยที่ทำภาพยนตร์ที่แคนซัสซิตี หลังจากบริษัทก่อตั้งได้ระยะหนึ่ง บริษัทได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "วอลต์ดิสนีย์สตูดิโอ" (Walt Disney Studio) หลังจากสี่ปีที่ได้เปิดบริษัทมา วอลต์มีไอเดียสร้างตัวละครขึ้นมาใหม่ ซึ่งได้แก่ ออสวอลด์ เดอะ ลักกีแรบบิต (Oswald the Lucky Rabbit) แต่ทว่าเมื่อผ่านไปหนึ่งปี ทางผู้จัดจำหน่ายได้หยุดการให้ทุนวอลต์ดิสนีย์ แต่ได้นำตัวละครออสวอลด์ไปสร้างต่อกับบริษัทอื่นแทน ทำให้วอลต์จำเป็นต้องหาทุนถ่ายทำใหม่รวมถึงสร้างตัวละครการ์ตูนขึ้นมาใหม่ วอลต์ได้นำหนูมาเป็นตัวละครและตั้งชื่อให้ว่า มอร์ติเมอร์ (Mortimor) แต่ภรรยาของเขาแนะนำให้ใช้ชื่อ มิกกี (Mickey) แทน ซึ่งในตอนที่สามของการ์ตูนชุดในชื่อ สตีมโบตวิลลี (Steamboat Willie) นี้ วอลต์ได้นำเสียงประกอบมาใช้ในการ์ตูน และ ได้ออกฉายเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 ที่โรงละครโคโลนีในนิวยอร์ก ซึ่งได้รับการต้อนรับมากมายจากผู้ชมและนักวิจารณ์ ซึ่งเป็นก้าวแรกของความสำเร็จของวอลต์ดิสนีย์ ต่อมาวอลต์ได้สร้างการ์ตูนชุดใหม่ในชื่อ ซิลลีซิมโฟนีส์ (Silly Symphonies) โดยฟลาเวอรส์แอนด์ทรีส์ในชุดนี้เป็นการ์ตูนรื่องแรกของดิสนีย์ที่ได้รับรางวัลออสการ์ ในปี พ.ศ. 2498 วอลต์ได้เปิดสวนสนุกในชื่อดิสนีย์แลนด์ จากคุณ : เล็กกว่าโลง เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 15:43:05